ฟรีสื่อการเรียนการสอน ใบงานพยัญชนะไทย “อักษรสามหมู่” พยัญชนะไทยแบ่งออกเป็น 3 หมู่มีระดับเสียง สูง กลาง ต่ำ เรียกว่า ไตรยางค์ ได้แก่ อักษรสูงมี11 ตัว ได้แก่ ผ ฝ ถ ฐ ข ฃ ส ศ ษ ห ฉ หลักการท่องจำ คือ ผีฝากถุงข้าวสารให้ฉัน อักษรกลางมี 9 ตัว ได้แก่ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ หลักการท่องจำ คือ ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง อักษรต่ำมี 24 ตัว แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ อักษรคู่ อักษรเดี่ยว ดาวน์โหลดไฟล์คลิกที่นี่ ขอบคุณที่มาจาก ใบงานภาษาไทยพาสนุก เว็บไซต์ ครูยุคใหม่ เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับครู นำเสนอข่าวสารทางการศึกษา สอบครูผู้ช่วย บทความทางการศึกษา งานราชการ เรียกบรรจุครู แจกข้อสอบ สื่อการสอน แผนการสอน ฟรีสื่อการเรียนการสอน ใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด สื่อการสอน ข้อสอบ ฟรีสื่อการเรียนการสอน รวมสื่อการสอน 3.3 คณุ ลักษณะอังพงึ ประสงค์ : Attitude (A) ซือ่ สัตย์สจุ ริต มวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง 6. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ : การประเมิน วิธกี าร เครอื่ งมอื - ทกั ษะการอา่ นออกเสียง - ทักษะการเขียน ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม คา่ นิยม (A) กิจกรรม การทางานกลุ่ม 7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 2. ไม้เรียกชื่อ 3. หนงั สอื เรียนภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 8. กจิ
กรรมเสนอแนะ ลงชอื่ ............................................ครผู ู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชือ่ ................................................... ผบู้ ริหาร สปั ดาหท์ ่ี 4 โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา ภาคเรยี นท่ี 1/……………….. ชื่อผู้สอน
….………………………………………………..……... เรอ่ื ง แตเ่ ด็กซื่อไว้ 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชีว้ ัด ดาเนินชีวิตและมนี สิ ยั รกั การอา่ น รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 3/1 เขยี
นสะกดคาและบอกความหมายของคา 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด หรือเร่ืองท่ีอ่าน การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถอื เป็นทักษะสาคญั
ทีใ่ ชใ้ นการอา่ นเพื่อการสอ่ื สารมากทีส่ ดุ เพราะ 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ การอา่ นจบั ใจความกระตา่ ยไมต่ ื่นตูม การคัด 5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน คาบท่ี 1-2 ขั้นท่ี 1 ขัน้ รวบรวมขอ้ มลู 1.นักเรียนดแู ผนภมู เิ พลง “อ่านในใจ” แลว้ อ่านออกเสียงพรอ้ มกัน ร้องเปน็ เพลง การอา่ นจบั ตามครู 1 เท่ียว แลว้ ให้นักเรยี นรอ้ งเอง 2 เท่ยี ว ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเก่ียวกบั ใจความ กระตา่ ย เน้ือหาของเพลง โดยครูถามนาเพือ่ โยงเข้าสู่สาระการเรยี นรูแ้ ละกระตุ้นความสนใจของ ไม่ต่นื ตมู ผเู้ รียนโดยครูถามคาถามดังน้ี -การอ่านสรุปใจความคอื อะไร -นักเรยี นใช้ทักษะอะไรบ้างในการอา่ นสรปุ ใจความ -นักเรยี นจะนาหลกั การอ่านสรุปความไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างไร *ในการตอบคาถามใหค้ รใู ช้ไมเ้ รยี กเลขที่ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถาม กอ่ นจะเรยี กเลขที่เพื่อให้ทุกคนไดค้ ดิ ในแต่ละคาถามควรให้นกั เรยี นนาเสนอ 4-5 คน 2. นกั เรยี นศกึ ษาวธิ ีการอ่านจับใจความสาคัญจากใบความรู้ และสนทนาเกย่ี วกับการ อ่านจบั ใจความสาคญั โดยครูใช้คาถามดังนี้ -การอ่านจบั ใจความสาคญั คืออะไร
-นักเรยี นสามารถนาสิ่งที่เรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร 5.นกั เรียนทากจิ กรรมการถามตอบจากเรื่องทศ่ี ึกษา หลกั การจับใจความสาคัญ 2. อ่านเรอ่ื งราวอย่างครา่ วๆ พอเข้าใจ และเกบ็ ใจความสาคัญของแตล่ ะยอ่ หนา้ 3. เม่อื อา่ นจบให้ต้ังคาถามตนเองว่า เรื่องท่อี า่ น มีใคร ทาอะไร ท่ีไหน เม่ือไหร่ อย่างไร 4. นาส่งิ ที่สรปุ ไดม้ าเรียบเรียงใจความสาคัญใหมด่ ้วยสานวนของตนเอง เพ่ือให้เกดิ ความสละสลวย ข้นั ที่ 4 ขัน้ สื่อสารและนาเสนอ ใชว้ ธิ จี ับสลาก นาเสนอ เพ่ือเกบ็ ไปเปน็ ข้อมลู ในการพฒั นาปรับปรงุ ตอ่ ไป คาบท่ี 3-4 8. เปิดโอกาสให้นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ วิพากษ์วิจารณ์ผลงานของเพอื่ น ลกั ษณะ 9. นักเรียนชว่
ยกนั สรปุ บทเรียน ครสู รุปเพมิ่ เติมด้วยการสุ่มถามนกั เรียนบางคน เพือ่ 10.นักเรียนนาความรู้เรื่อง การอา่ นจับใจความ ทีไ่ ดเ้ รียนรไู้ ปใช้เพ่อื การฝกึ ทกั ษะ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกย่ี วกับข้อควรปฏิบัติในการคัดลายมือให้ เขา้ ใจและครนู าแบบตวั อักษรและบตั รคาท่ีถกู ต้องตดิ บนกระดานดา นักเรียนอา่ นออกเสียงแบบอักษรและคาบนกระดานพร้อมๆ กัน 2. นักเรียนรว่ มกันสนทนา โดยครูใช้คาถามดังนี้ - การเขียนตวั พยัญชนะท่ีมหี ัว เร่ิมตน้ เขียนอย่างไร - ถ้าตวั พยัญชนะทไ่ี ม่มหี ัว เชน่ ก ธ เร่ิมต้นเขียนอยา่ งไร ขัน้ ที่ 2 ขั้นคดิ วิเคราะห์และสรุปความ คาถามดงั นี้
เขา้ ใจสิ่งทสี่ ื่อสารได้เรว็ เวลาที่กาหนด จากน้ันครูและนกั เรียนช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่ 3 ข้ันปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรู้หลงั การปฏบิ ตั ิ คาบท่ี 5-6 วัฒนธรรมไทยใหค้ งไวด้ ้วย 9.นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดังนี้ ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู ไตรเอ๋ยไตรยางศ์ อกั ษรกลางมีเกา้ ตวั หลงั จากนัน้ ครูถามนาเพ่ือโยงเขา้ สสู่ าระการเรียนรแู้
ละกระตนุ้ ความสนใจผู้เรยี น โดย - นักเรยี นเคยได้ยนิ คาวา่ ไตรยางคห์ รืออกั ษรสามหมู่หรอื ไม่ แล้วสงิ่ น้นั คือ - นักเรียนใชห้ ลักเกณฑ์อะไรในการแบ่งหมวดหมขู่ องไตรยางศ์ หรอื อักษร 2. นกั เรียนเข้ากลมุ่ อ่านสานวนต่อไปน้ี ไก่งามเพราะขนคนงานเพราะแตง่ แล้วให้ นกั เรียนแยกคาแลว้ ร่วมกนั สนทนาโดยครใู ชค้ าถามดังนี้ 3. นกั เรียนคิดประเมินเพอ่ื เพ่ิมคณุ ค่าโดยครูใช้คาถามดังน้ี - ทาไมเราต้องเรียนเร่ืองพยญั ชนะและอกั ษรสามหมู่ แบบฝึกหดั ) แลว้ ใชไ้ ม้เรียกเลขท่ีเรียก นักเรียนตอบคาถาม ไตรยางค์ หรือ อกั ษรสามหมู่ คือ การแบ่งพยญั ชนะไทยท้ัง
44 ตัว ออกเปน็ อกั ษรสงู มี 11 ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ส ษ ห อักษรสงู และอักษรตา่ ในการ นาเสนอให้ใช้ไม้เรียกเลขที่ 7. นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามดงั น้ี 3.3 คุณลักษณะองั พึงประสงค์ : Attitude (A) ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อยา่ ง 6. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ : การประเมนิ วธิ ีการ เครอื่ งมือ - ทักษะการเขียน ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม คา่ นยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกลมุ่ 7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 7.1 สื่อการเรียนรู้ 1. แบบฝกึ หดั 2. ไม้เรยี กชอ่ื 3. หนังสอื เรยี นภาษาไทยชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3 7.ตวั อยา่ งการคัดไทย 8.เกม 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ลงชือ่ ............................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร สัปดาห์ท่ี 5 โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา ภาคเรยี นท่ี 1/……………….. ชอ่ื ผสู้ อน
….………………………………………………..……... 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด ดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอ่าน รปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมีประสทิ ธภิ
าพ มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของ ตัวช้ีวัดที่ ป 3/1 เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด หรอื เร่อื งที่อา่ น การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเป็นทกั
ษะสาคญั ท่ีใช้ในการอา่ นเพอื่ การสื่อสารมากทส่ี ุด เพราะ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย และหลักการอา่ นจับใจความสาคัญ (K) 2. อธิบายหลักการเขยี นบันทึกประจาวัน (K) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่ การอา่ นจบั ใจความปา่ นม้ี ีคณุ การเขยี นบนั ทึก 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี กจิ กรรมการเรียนการสอน คาบที่ 1-2 ขั้นท่ี 1 ขัน้ รวบรวมข้อมลู ขนั้ ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู การอา่ นจบั 1.นกั เรียนทบทวนเก่ยี วกับการอา่ นสรปุ ใจความ โดยใชค้ าถามดังต่อไปนี้ ใจความป่านีม้ ี - การอ่านสรุปใจความคอื อะไร คุณ - นกั เรียนใช้ทกั ษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ *ในการตอบคาถามให้ครใู ช้ไมเ้ รียกเลขท่ี เพ่ือให้นักเรยี นตอบทีละคน โดย ถามคาถามกอ่ นจะเรยี กเลขที่ เพอื่ ใหท้ กุ คนได้คิด ในแตล่ ะคาถามควรให้นักเรยี นนาเสนอ 4-5 คน 2.นักเรียนอา่ นในใจเรอื่ งป่าน้ีมีคณุ ก่อน 1 รอบ โดยให้เวลานักเรยี นในการอ่าน 10 -15 นาที (เวลาอาจเปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสมเพราะนกั เรียนบางคนอ่านเร็วบางคนอ่าน ช้า) คาบท่ี 3-4 ขั้นท่ี 2 ขั้นคิดวเิ คราะหแ์ ละสรุปความ - นกั เรียนรสู้ กึ อย่างไรกับเรอื่ งทอ่ี ่าน - นกั เรียนสามารถนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้อย่างไร ขน้ั ท่ี 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความร้หู ลังการปฏิบตั ิ ขั้นท่ี 4 ขัน้ ส่ือสารและนาเสนอ การทบทวนสิง่ ที่เรยี น 8.นกั เรียนรว่
มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามดงั น้ี ขั้นที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู ข้ันท่ี 2 ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ คาบท่ี 5 - นกั เรียนสามารถนาความรู้ท่ีได้รบั
ไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้อยา่ งไร *การเขียนบันทึกประจาวันเป็นการเขียนเร่ืองราวหรอื เหตุการณ์ตา่ งๆ - นักเรียนสามารถนาความรเู้ กยี่ วกบั เร่ืองทีเ่ รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้ บุญคุณ ริหรี่ สูญสิ้น บนั ดาล สญั ญาณ มหึมา อนุรักษ์ โขยกเขยก ศึกษา ปัญญา ฉุกเฉิน ถิ่นฐาน 2. ครูถามนาเพ่อื โยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจผู้เรียน โดยครถู าม ขน้ั ท่ี 2 ข้นั คิดวิเคราะหแ์
ละสรุปความ ขน้ั ที่ 3 ข้ันปฏบิ ัติและสรปุ ความรู้หลังปฏิบัติ เขยี นหรือพิมพข์ ้ึนเพอื่ แสดงความคิด โดยปรกติถือว่าเปน็ หนว่ ยท่ีเลก็ ที่สดุ ซึ่งมี ความหมายในตัว ดงั นั้นการรู้ความหมายของคาจะช่วยให้สามารถเขา้ ใจสง่ิ ท่จี ะ สื่อสารหรือการรับสารซ่งึ ถือเปน็ ส่ิงสาคญั ในการเรยี นรใู้ นทุกภาษา 7. นักเรียนทาแบบฝกึ หดั เร่อื งความหมายของคา 8.นักเรียนนาเสนอประโยชน์ของการรคู้ วามหมายของคาหนา้ ช้ันเรียน โดยครใู ชไ้ ม้ 9.นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี อยา่ งไร 6. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ : การประเมนิ วิธีการ เครอื่ งมือ - ทกั ษะการเขยี น ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม ค่านยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกลมุ่ 7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 2. ไม้เรยี กชื่อ 3. หนงั สือเรยี นภาษาไทยช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 8.
กิจกรรมเสนอแนะ ลงชอ่ื ............................................ครูผ้สู อน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชอ่ื ................................................... ผูบ้ ริหาร สปั ดาห์ท่ี 6 โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา ภาคเรียนท่ี 1/……………….. ชือ่ ผู้สอน
….………………………………………………..……... 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวัด ดาเนินชีวิตและมนี สิ ยั รกั การอ่าน รูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ ตัวชว้ี ัดท่ี ป 3/1 เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ตัวชีว้ ดั ที่ ป 3/1 ระบุขอ้ คิดทีไ่ ดจ้ ากการอ่านวรรณกรรมเพื่อนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด หรอื เรือ่ งทอี่
า่ น การอ่านจบั ใจความสาคญั ถือเปน็ ทกั ษะสาคญั ท่ีใชใ้ นการอา่ นเพอื่ การส่ือสารมากที่สดุ เพราะ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั (K) 2. รแู้ ละเข้าใจหลักการเขียนเรียงความ (K) 3. บอกความหมายของวรรณยุกต์ (K) 4. อ่านเร่ืองได้คลอ่ งแคล่ว รวดเร็วและถกู ตอ้ งตามอักขรวิธี (P) 5. แยกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็นจากเรอ่ื งท่ีอ่าน (P) 6. เขียนเรียงความได้ถกู ต้อง(P) 7. จาแนกรูปวรรณยุกต์ และเสียงวรรณยกุ ตไ์ ด้ (P) 8. เห็นความสาคญั ของการอ่านมารยาทในการอ่านและ เห็นคณุ ค่าของวรรณคดีไทย (A) 9. กระตือรือร้นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมการเขียนเรียงความ (A) 10. กระตอื รอื ร้นในการร่วมกิจกรรม (A) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ การอา่ นจับใจความแม่ไกอ่ ยใู่ นตะกรา้ การเขยี น พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา เรียงความ วรรณยกุ ต์ 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน คาบท่ี 1-2 ขัน้ ท่ี 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู 1.นกั เรียนทบทวนเก่ียวกบั การอา่ นสรปุ ใจความ โดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้ การอ่านจบั - การอา่ นสรุปใจความคืออะไร ใจความแม่ไก่อยู่ - นักเรียนใชท้ ักษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ ในตะกรา้ 2.นักเรียนเขา้ กลมุ่ และอ่านในใจเรื่อง แม่ไกอ่ ยู่ในตะกรา้ จากหนงั สือวรรณคดีลานาช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โดยนาหลักการอ่านในใจมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของนักเรียนแตล่ ะคน ว่าปฏิบัตไิ ด้ถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่านหรือไม่ ขั้นท่ี 2 ขนั้ คิดวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปใจความสาคญั ของเร่ืองแม่ไกอ่ ยู่ในตะกรา้ 4.นกั เรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพม่ิ คุณค่าโดยครูใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี -นักเรยี นสามารถนาสงิ่ ท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร ขั้นที่ 3 ปฏบิ ตั ิและสรุปความรหู้ ลังการปฏบิ ัติ คาบท่ี 3-4 6.นักเรียนรว่ มกนั สรุปข้อคดิ
ทีไ่ ด้จากการอ่านเรอื่ งแม่ไกอ่ ย่ใู นตะกรา้ 8.นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามดังน้ี ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู การเขียนเรยี งความ ความหมายของเรยี งความ เรียงความ เป็นงานเขียน ร้อยแก้ว ชนิดหนึ่งท่ีผู้เขียนมุ่งถ่ายทอดเร่ืองราว ความรู้ ความคิด องค์ประกอบของเรียงความ มี 3 ส่วนใหญ่ ๆ คอื คานา เป็นสว่ นแรกของเรียงความ ทาหน้าที่เปิดประเด็น ดึงดูดความสนใจ พิถีพิถัน คานึงถึงเร่ืองที่ เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสาคัญและยาวที่สุดของเรียงความ ประกอบด้วย ความรู้ ความคิด และข้อมูลที่ สรุป เปน็ ส่วนสุดท้าย หรอื ย่อหนา้ สดุ ท้ายในเรียงความแต่ละเรอื่ ง ผ้เู ขียนจะทิ้งท้ายใหผ้ ู้อ่านเกิดความ 1. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณค่าโดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปนี้ ขน้ั ท่ี 2 ข้นั คดิ วิเคราะหแ์ ละสรุปความ ใช้คาถามดงั น้ี
เหตใุ ด -นักเรยี นสามารถนาสิง่ ท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร ข้ันที่ 3 ข้นั ปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรูห้ ลังปฏิบตั ิ นา เนื้อเร่ือง และสรุป แล้วยังต้องมี ข้ันที่ 4 ขัน้ สื่อสารและนาเสนอ นาเสนอหน้าชัน้ เรียนประมาณ 4-5 คน คาบที่ 5-6 ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมินเพอื่ เพ่มิ
พูนคุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ ขนั้ ที่ 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู 1) ตัวฉนั นนั้ หรือ ลือชอ่ื ดุร้าย หน้าตาดูคลา้ ย แมวลายแสนเชอื่ ง (เสอื ) 2) ใชป้ นู ่ังนอน พักผ่อนทุกที่ มว้ นได้งา่ ยดี เดมิ ทีเป็นหญ้า (เสอื่ ) 3) ตัดเย็บจากผา้ นามาสวมใส่ หญิงชายใช้ได้ บอกใบม้ ีแขน (เสื้อ) เมื่อนกั เรยี นทายถูก ครูเขียนคาบนกระดานใหน้ ักเรียนอ่านออกเสียงพร้อมกัน ต่างกนั โดยครูใชค้ าถาม ดังน้ี 3. นักเรยี นศึกษาเรือ่ งวรรณยุกต์ ข้นั ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะห์และสรุปความ 4. นักเรยี นเขา้ กล่มุ เลน่ เกมคาใหม่ โดยมีวิธีเล่น ดงั นี้ - แบง่ กระดานออกเปน็ 4 ส่วนเท่า ๆ กัน เพอื่ ให้นกั เรยี นเขียนคาจากรปู และ เสยี งวรรณยกุ ตท์ ีก่ าหนดให้ - กาหนดรูปและเสียงวรรณยุกตใ์ หน้ ักเรียนจับฉลากเพ่ือนาไปคิดคารอบละ 1 คู่ มี 2 รอบ ดังนี้ ๐ รูปเอก เสียงเอก (รอบท่ี 1) ๐ รปู โท เสียงโท (รอบที่ 2) ๐ รปู เอก เสยี งโท (รอบที่ 3) ๐ รปู โท เสียงตรี (รอบท่ี 4) - ให้เวลา 2 นาทใี นการคิดคาจากรปู และเสียงวรรณยุกตท์ ่กี าหนดให้ จากนน้ั ใน แต่ละรอบ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมาเขียนคาท่ีรว่ มกนั คดิ ขนึ้ บนกระดาน 1 นาที - ในแตล่ ะรอบตอ้ งมกี ารพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องร่วมกัน เมอ่ื เล่นเกมคา -นักเรยี นสามารถนาส่งิ ท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวันได้อยา่ งไร 6. นักเรียนจับคกู่ ับเพื่อน คิดคาท่มี ีรูปวรรณยุกต์มา 1 คา จากนัน้ ใหม้ าเขียนคาน้ัน 7. นักเรยี นฝึกอ่านคาท่มี ีเสียงวรรณยกุ ต์แตกตา่ งกัน โดยให้นักเรียนอา่ นในใจ 1 พู่กนั 8. อ้อยควน่ั ผา้ ซิน่ จจู้ ี้ กล้วยปิ้ง นา้ อบ กลางแจง้ ถา่ ยเท ว่ิงเปีย้ ว พเี่ ลย้ี ง ลิ้นไก่ คกุ กี้ ขผ้ี ้งึ คุยฟงุ้ เฉากว๊ ย ลูกข่า เกก๊ ฮวย อีโต้ 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสนทนาถงึ
ความรู้เดิมเก่ียวกับวรรณยุกต์ โดยใชค้ าถาม และความหมายแตกต่างกนั ) - วรรณยกุ ต์มกี ร่ี ูปอะไรบ้าง (มี 4 รปู คอื - - - - - วรรณยุกต์มกี ี่เสียงอะไรบ้าง (มี 5 เสียง คอื เสยี งสามัญ เสยี งเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา) 9. นกั เรยี นช่วยกนั สรุปวา่ วรรณยุกต์เปน็ เคร่ืองหมายกาหนดเสยี งของคา 10. นกั เรียนนาเสนอเร่ืองวรรณยกุ ต์ โดยครใู
ช้ไม้เรยี กเลขทเ่ี รียกนักเรยี นออกมาเติม ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพ่มิ พนู คณุ ค่าบรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ - นกั เรียนสามารถนาความร้เู กย่ี วกบั เรื่องทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมได้ 6. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ : การประเมิน วธิ กี าร เครอื่ งมือ - ทักษะการเขยี น ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการร่วม ค่านิยม (A) กิจกรรม การทางานกลุม่ 7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 2. ไมเ้ รยี กช่ือ 3. หนังสอื เรยี นภาษาไทยช้ันประถมศกึ ษาปที ี่
3 8. กิจกรรมเสนอแนะ ลงชื่อ............................................ครผู ้สู อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชือ่ ................................................... ผู้บริหาร สปั ดาห์ท่ี 7 โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา ภาคเรียนที่ 1/……………….. ชื่อผู้สอน ….………………………………………………..……... 1.
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั ดาเนินชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอา่ น รปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของ ตวั ชวี้ ดั ที่ ป 3/1 เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หรอื เรอื่ งทอี่ า่ น การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถอื เป็นทกั ษะสาคัญทใ่ี ชใ้ นการอา่ นเพอื่ การสื่อสารมากท่ีสดุ เพราะ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมาย และหลกั การอา่ นจับใจความสาคัญ (K) 2. อธิบายเรื่องที่พบเห็นให้ผู้อน่ื เข้าใจไดอ้ ยา่ งชัดเจน (K) 3. อธบิ ายการผนั อกั ษร 3 หม่ไู ด้ (K) 4. อา่ นเรอื่ งไดค้ ล่องแคล่ว รวดเร็วและถกู ตอ้ งตามอักขรวธิ ี (P) 5. แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งที่อ่าน (P) 6. เขียนบรรยายส่ิงท่ีพบเห็น (P) 7. ผันอักษร 3 หมูแ่ ละวิเคราะหเ์ สียงวรรณยุกต์ของคาได้ (P) 8. เห็นความสาคัญของการอ่านและมารยาทในการอา่ น (A) 9. มีความสนใจในการเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ (A) 10. เหน็ ความสาคัญของการผันอกั ษร 3 หมู่ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น การอา่ นจับใจความ การเขยี นบรรยายส่งิ ท่พี บเห็น พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา การผันอกั ษรสามหมู่ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน คาบที่ 1-2 ขนั้ ที่ 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู 1.นักเรียนทบทวนเกยี่ วกบั การอ่านสรปุ ใจความ โดยใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้ การอา่ นจบั - การอ่านสรปุ ใจความคอื อะไร ใจความอาหารดี - นกั เรียนใช้ทกั ษะอะไรบา้ งในการอ่านสรุปใจความ ชวี ีมีสขุ 2.นักเรยี นแต่ละกลุม่ อา่ นในใจเรื่อง อาหารดชี ีวีมสี ุข จากหนังสอื เรยี นภาษาพาทีชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 โดยนาหลกั การอ่านในใจมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของนกั เรียนแตล่ ะคน ว่าปฏบิ ัติได้ถูกต้องตามหลกั การอา่ นหรอื ไม่ ขั้นที่ 2 ขั้นคิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มวิเคราะหเ์ กย่ี วกับเร่ืองทอี่ ่าน โดยครใู ชค้ าถามดังน้ี -อาหารทีด่ ีมีลักษณะอย่างไร -อาหารที่ไม่ดีมีลักษณะอย่างไร -หากเรารับประทานอาหารไมด่ ีเข้าไปจะเกดิ ผลอย่างไร -นักเรียนคิดว่าการรับประทานอาหารท่มี ปี ระโยชน์นั้นมีความสาคญั อย่างไร 4.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ คดิ ประเมนิ เพ่อื เพมิ่ คุณคา่ โดยครใู ช้คาถามดงั ต่อไปน้ี คาบท่ี 3-4 -นกั เรียนสามารถนาสิ่งที่เรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร *ขณะทน่ี ักเรยี นนาเสนอ ครพู ยายามสงั เกตพฤตกิ รรมทัง้ ของผู้ฟังและผู้ พฤติกรรมทน่ี
าไปเป็นเงือ่ นไขพัฒนา เช่น ขั้นที่ 5 ขั้นประเมนิ เพื่อเพมิ่ คณุ ค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ขั้นท่ี 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู ๏ ถ้านักเรียนไปเดินซ้ือของที่ตลาด นักเรียนจะเล่าหรือเขียนบรรยายสิ่ง ครูใช้คาถามดังนี้ -การเขยี นบรรยายสง่ิ ที่พบเห็นมคี วามสาคญั อย่างไร 3. นักเรียนดภู าพ ประเพณีการเลน่ น้าสงกรานต์ แลว้ รว่ มกันคิดวิเคราะหโ์ ดยครูใช้ คาถามดงั นี้ - จากรปู ทนี่ ักเรยี นเห็นคดิ ว่าเป็นรูปเกย่ี
วกับอะไร พูดบรรยาย) 4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มคดิ ประเมนิ เพอ่ื เพ่มิ คุณค่าโดยครใู ช้คาถามดังตอ่ ไปน้ี -นักเรียนสามารถนาสิ่งท่ีเรียนไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้อย่างไร ขั้นที่ 3 ขัน้ ปฏิบัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏบิ ัติ 5. แบ่งนักเรยี นเป็น 4 กลุ่มตามความเหมาะสม ให้จับฉลากเพื่อไปหาข้อมูล มาเขียนบรรยาย และวาดภาพระบายสีประกอบ ดงั นี้ กลุ่มที่ 1 รา้ นขายข้าวราดแกง กลุ่มท่ี 2 ร้านขายของทอด กลุ่มที่ 3 รา้ นขายผลไม้ กลุ่มที่ 4 ร้านขายกว๋ ยเตย๋ี ว 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั เขียนบรรยายจากสิ่งทไี่ ด้พบเห็น พร้อมวาด ภาพประกอบให้สวยงาม และ 7. นักเรียนร่วมกนั สรุปหลกั การบรรยายสง่ิ ทพ่ี บเหน็ และครูอธบิ ายเพม่ิ เติมดังน้ี *การบรรยายสงิ่ ทพ่ี บเหน็ คือ การเล่าเร่อื ง การกล่าวถงึ เหตกุ ารณ์ทต่ี ่อเนอื่ งกัน โดยช้ใี ห้เห็นฉาก สถานท่ี เวลา เหตุการณ์สาเหตุที่ก่อให้เกิด สภาพแวดล้อม บุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ งตลอดจนผลท่ีเกิดจาก เหตกุ ารณน์ ั้นๆ เนื้อหาในการบรรยายอาจเป็นเร่ืองจรงิ เช่น ประวัตบิ ุคคล เร่ืองเล่าจาก ประสบการณ์หรอื เปน็ เรือ่ งสมมตุ ทิ ีเ่ คยไดย้ ินไดฟ้ ังมา เช่น นิทาน นิยาย เรอ่ื งสั้นทมี่ ีการเล่า เรอ่ื ง ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาเสนอ 8. นักเรียนจดั แสดงผลงานของแต่ละกลมุ่ ทปี่ ้ายนิเทศ ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ เพอ่ื เพิ่มพูนคณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ 9.นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามดังนี้ - นกั เรยี นสามารถนาความรเู้ กีย่ วกบั เรอ่ื งท่เี รียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้ อย่างไร คาบท่ี 5-6 ขนั้ ท่ี 1 ข้นั รวบรวมข้อมลู การผันอักษร 1. นกั เรียนอ่านแผนภูมิต่อไปนี้ ดังน้ี แลว้ รว่ มสนทนาโดยครูใช้คาถามดังนี้ - อักษร 3 หมู่ ถา้ ต้องการผันไหค้ รบทั้ง 5 เสียงจะเกดิ ขน้ึ ได้หรอื ไม่ เพราะอะไร ปู - คานี้สามารถผันวรรณยุกตไ์ ด้อยา่ งไร (ปู ปู่ ปู้ ปู๊ ป)ู๋ ไก่ - คานีส้ ามารถผันวรรณยุกตไ์ ดอ้ ยา่ งไร (ไก ไก่ ไก้ ไก๊ ไก)๋ ฝา - คานี้สามารถผันวรรณยกุ ต์ได้อยา่
งไร (ฝา ฝ่า ฝ้า) นา -
คานสี้ ามารถผันวรรณยุกต์ไดอ้ ย่างไร (นา นา่ น้า) เสียงสามัญ เสียงโท เสียงตรี เพราะเป็นอกั ษรต่า) - นักเรียนร้คู วามหมายของคาใดบ้าง (นา นา่ น้า) *นักเรยี นและครูช่วยกนั สรุปการผนั อักษรต่า ผันได้ 3 เสยี ง รปู และเสียง เสียงตรี คาท่ีไม่มีรูปวรรณยกุ ตถ์ ้าประสมสระเสียงสัน้ เป็นเสียงตรี ถ้าประสมสระ เสียงยาวเปน็ เสยี งสามญั 4. นักเรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมินเพ่ือเพ่มิ คุณคา่ โดยครูใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้ -นกั เรยี นสามารถนาสง่ิ ท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร 5. นกั เรียนเข้ากล่มุ ทากจิ กรรมจาแนกคาท่ีมีรูปวรรณยกุ ต์ และไมม่ รี ปู วรรณยุกตล์ ง ในตาราง ดงั น้ี คา รูปวรรณยุกต์ เสียง อักษร ๓ หมู่ เจ็ด ไมม่ ี เอก อกั ษรกลาง กลอง รอง ส้ม นักเรยี นร่วมกนั สนทนาถึงความรเู้ กี่ยวกับวรรณยกุ ต์ โดยใช้คาถาม ดงั นี้ - วรรณยุกต์ คอื อะไร (เคร่ืองหมายกาหนดเสียงของคา ทาให้ระดับเสียง - วรรณยุกตม์ กี ีร่ ปู อะไรบ้าง (มี 4 รูป คือ - - - - 6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ เขยี นแผนภมู ิการผนั อักษร 3 หมู่ (อักษรสูง 1 คา อกั ษรกลาง อกั ษร 3 หมู่ เสียงสามญั เสียงเอก เสียงโท เสยี งตรี เสยี งจตั วา 7. นกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับการผันวรรณยุกต์ และทาแบบฝกึ หดั 8. นักเรียนจัดแสดงผลงานจากการทากจิ กรรมข้อท่ี 5 ที่ปา้ ยนิเทศหน้าห้อง 9. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี อยา่ งไร 6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ : การประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือ - ทกั ษะการเขยี น ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม ค่านยิ ม (A) กจิ กรรม การทางานกล่มุ 7. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 2. ไม้เรียกชื่อ 3. หนังสือเรยี นภาษาไทยชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 8. กจิ
กรรมเสนอแนะ ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชือ่ ................................................... ผู้บริหาร สปั ดาหท์ ่ี 8 โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา ภาคเรียนท่ี 1/……………….. ชอื่ ผู้สอน ….………………………………………………..……... เร่อื ง อาหารดชี ีวมี ีสุข 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั ดาเนินชวี ิตและมนี สิ ยั รกั การอ่าน รูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ ภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ คณุ ค่าและนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด หรอื เร่อื งทอ่ี ่าน การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถอื
เปน็ ทกั ษะสาคญั ทใ่ี ช้ในการอ่านเพอ่ื การส่ือสารมากท่ีสดุ เพราะ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสาคญั (K) 2. อธิบายหลักการเขยี นเรื่องตามจินตนาการจากภาพได้ (K) 3. อธิบายความหมายของพยางค์และคาได้ (K) 4. อ่านเร่อื งได้คลอ่ งแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) 5. แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ จากเรอื่ งที่อ่าน (P) 6. เขียนเรื่องตามจนิ ตนาการจากภาพได้อย่างเหมาะสม (P) 7. อา่ นและเขียนบอกจานวนพยางค์ของคาได้ถูกต้อง (P) 8. เห็นความสาคัญของการอ่านมารยาทในการอ่านและ เหน็ คุณค่าของวรรณคดไี ทย (A) 9. กระตือรือร้นในการทากิจกรรม (A) 10. กระตือรือรน้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรม (A) 4. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน การอ่านจับใจความเด็กเอ๋ยเด็กนอ้ ย การเขยี นเร่ือง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา ตามจนิ ตนาการจากภาพ พยางค์และคา 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน คาบท่ี 1-2 ขัน้ ที่ 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู 1.นกั เรียนทบทวนเกี่ยวกบั การอ่านสรุปใจความ โดยใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้ การอา่ นจับ - การอา่ นสรปุ ใจความคืออะไร ใจความเด็กเอ๋ย - นกั เรยี นใชท้ ักษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ เดก็ นอ้ ย 2.นักเรียนแตล่ ะกลุม่ อา่ นในใจเรอื่ ง เดก็ เอ๋ยเดก็ นอ้ ย โดยนาหลกั การอ่านในใจมาใช้ ครสู งั เกตการอ่านของนกั เรยี นแตล่ ะคนวา่ ปฏิบัติได้ถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่านหรือไม่ ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะห์และสรุปความ 3.นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มวิเคราะห์เกีย่ วกับเรอื่ งท่ีอ่าน โดยครใู ชค้ าถามดังนี้ -เดก็ ท่ดี ีควรมีลักษณะอย่างไร 4.นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมินเพื่อเพม่ิ คุณคา่ โดยครใู ชค้ าถามดังตอ่ ไปนี้ -นกั เรียนสามารถนาส่ิงที่เรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร ข้ันที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ัติและสรปุ ความร้หู ลังการปฏบิ ตั ิ คาบท่ี 3-4 5.นกั เรียนเข้ากลุม่ ทากจิ กรรมถามตอบจากเรือ่ งท่ศี ึกษา กลมุ่ ละ 5 ข้อ - นกั เรยี นสามารถนาความรเู้ กยี่ วกบั เรอ่ื งท่เี รียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมได้ - นกั เรียนเคยเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการหรือไม่ และทเ่ี คยเขียนนน้ั คือ เร่ืองอะไร (ใหน้ ักเรียนเลา่ สน้ั ๆให้เพอ่ื นฟัง) - นักเรียนมีวิธีการเขยี นเรื่องตามจินตนาการอย่างไร ลองบอกวิธกี ารตาม แบบฉบับของตนเองให้เพ่ือนฟัง 2. นักเรียนศึกษาเรอื่ งการเขียนตามจินตนาการ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้ ขั้นที่ 2 ขั้นคดิ วิเคราะห์และสรุปความ -เรือ่ งที่นักเรียนอา่ นมีลักษณะอยา่ งไร 4. นักเรียนคิดประเมนิ เพอ่ื เพิ่มคุณค่าโดยครถู ามคาถามดงั นี้ ขั้นท่ี 3 ขน้ั ปฏิบตั แิ ละสรปุ ความร้หู ลงั ปฏิบตั ิ 5. นักเรียนดูภาพเดก็ กาลงั เล่นว่าว และกาหนดคาให้นกั เรียน ดงั น้ี วา่ ว หมบู่ ้าน กลาง แขง่ ขนั สายลม จากนัน้ ให้นกั เรียนเขยี นเร่ืองตามจินตนาการจากภาพ โดยใชค้ าทกี่ าหนดให้ การเขียนเรื่องตามจินตนาการจากภาพเปน็ การเขียนบรรยาย ความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ โดยนาสิง่ ท่ีเหน็ ในภาพมาเช่ือมโยงกบั จินตนาการของเรา ขน้ั ที่ 4 ขน้ั ส่ือสารและนาเสนอ นกั เรียนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียนประมาณ 4-5 คน คาบท่ี 5-6 ข้นั ที่ 5 ขั้นประเมินเพ่อื เพ่ิมพูนคุณค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ ขน้ั
ที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู สังเกตการอ่านออกเสยี ง โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี 2. นักเรยี นศึกษาเรอ่ื ง พยางค์ และคา 3. นกั เรียนร่วมกนั คดิ วิเคราะหโ์ ดยครูใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้ 4. ตวั แทนนักเรยี นแตล่ ะกล่มุ จับสลากเลือกนิทานทีค่
รเู ตรยี มมากลุ่มละ 1 เรอ่ื ง ให้ - เลอื กคาจากในเนอ้ื เรือ่ งมาเขยี น และจัดประเภทคาพยางค์เดียว คาสอง 5.นกั เรียนแต่ละกล่มุ คดิ ประเมนิ เพ่อื เพมิ่ คุณค่าโดยครใู ช้คาถามดังตอ่ ไปนี้ ขน้ั ที่ 3 ข้นั ปฏิบัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลังการปฏิบัติ ประเภท ดงั นี้ โดยใหน้ ักเรียนเขียนบนกระดานดา ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว อ่าน 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เรอ่ื งพยางคแ์ ละคาดังน้ี “จานวนคร้ังทอ่ี อกเสยี ง
8. นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เรือ่ ง จาแนกพยางค์และคา 9. นักเรียนนาเสนอพยางค์และคาหน้าชั้นเรียน โดยครูใชไ้ ม้เรียกเลขที่เรยี ก 10. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถามดงั น้ี อยา่ งไร 6. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ : การประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมือ 7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 2.
ไม้เรยี กช่อื 3. หนงั สือเรยี นภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ลงชอื่ ............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชอ่ื ................................................... ผ้บู ริหาร สัปดาห์ที่ 11 โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา ภาคเรียนท่ี 1/……………….. ชอื่ ผู้สอน
….………………………………………………..……... เรอ่ื ง ทำดีอยำ่ หว่นั ไหว 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั ดาเนินชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน รูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้
ควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หรอื
เรอ่ื งท่ีอ่าน การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเปน็ ทกั ษะสาคญั ทใี่ ช้ในการอา่ นเพอื่ การสื่อสารมากท่ีสดุ เพราะ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถิน่ การอา่ นจับใจความ การเขยี นบรรยายเกี่ยวกับ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน คำบท่ี 1-2 ขน้ั ท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู 1. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เพือ่ เช่อื โยงเข้าสู่การอา่ นจับใจความเรอื่ งทาดี การอ่านจบั อยา่ หวน่ั ไหว โดยครใู ชค้ าถามดังนี้ ใจความทาดี ๏ คนดตี ้องมีลกั ษณะอยา่ งไร (ตอบปากเปล่า) อยา่ หวัน่ ไหว เมอื่ นกั เรียนนาเสนอให้ครูเขยี นเปน็ แผนภาพความคิดบนกระดานดังตวั อยา่ ง พดู จาไพเราะ มีความเสียสละ คนดี ไมล่ กั ขโมย มีความซื่อสตั ย์ ไมพ่ ดู ปด คำบท่ี 3-4 2. ใหน้ ักเรียนอ่านจับใจความเรือ่ ง ทาดีอย่าหวัน่ ไหว (อ่านในใจ ใชเ้ วลา 15 นาที) การเขียน กอ่ นจะนาเข้าสกู่ จิ กรรมกลุม่ - ใคร ทาอะไร ทไ่ี หน อยา่ งไร เมอ่ื ไร เพราะเหตใุ ด 3. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั วิเคราะหเ์ กีย่ วกับเร่ืองท่ีอ่าน โดยครูใช้คาถามดงั
น้ี 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมนิ เพ่อื เพิ่มคุณค่าโดยครูใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้ ข้นั ท่ี 3 ขน้ั ปฏิบัตแิ ละสรุปความรู้หลังปฏบิ ัติ ขอ้ คาถาม เพื่อป้องกนั ไมใ่ ห้การต้ังคาถามของแต่ละกลุ่มไมใ่ ห้ซ้ากนั ขน้ั ที่ 4 ข้ันสอ่ื สารและนาเสนอ ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมินเพ่อื เพ่ิมคุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ ข้นั ที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู คาถามดังนี้ ๏ นักเรียนคิดวา่ ส่ิงใดบ้างท่ีทาให้โรงเรียนนา่ อยู่ คำบที่ 5-7 ๏ การเขียนบรรยายมีข้นั ตอนอย่างไร การสังเกต และเปน็ การเปล่ียนบรรยากาศแหลง่ เรยี นรูเ้ พ่ือท่จี ะนาเขา้ สู่กจิ กรรม การเรียนการสอนข้นั ตอ่ ไป ขน้ั ที่ 2 ขนั้ คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ ขั้นท่ี 3 ขัน้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความร้หู ลังการปฏบิ ตั ิ ชน้ั เรียน ในทางสรา้
งสรรค์ ข้ันที่ 4 ขั้นส่ือสารและนาเสนอ นาเสนอประมาณ 4-5 คน 10.นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามดังน้ี ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู เหมือนกันอยา่ งไร 2. นกั เรียนสังเกตคาทอี่ ่านในขอ้ ที่ 1 แล้วร่วมสนทนาโดยครูใชค้ าถามดงั น้ี - คาท่ีนกั เรียนอ่านมีลักษณะใดบา้ งท่ีเหมอื นกนั - คาท่อี า่ นเรียกว่าคาอะไร 3. นกั เรียนศึกษาเรือ่ งคาคล้องจองจากหนงั สอื เรียน ข้นั ท่ี 2 ขั้นคิดวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ 4. นกั เรยี นทากิจกรรมวเิ คราะหค์ าคล้องจองจากข้อที่ 1 แลว้ ร่วมสนทนาโดยครใู ช้ คาถามดงั น้ี - คาคลอ้ งจอง กา ตา มา นา มอี ะไรทเ่ี หมือนกนั (ตอบ ประสมดว้ ยสระอาเหมอื นกัน) - คาคลอ้ งจอง สีแดง แกงเผด็ เหมอื นกันอย่างไร (ตอบ คาว่า แดง กบั แกง มีสระ และตวั สะกดเหมือนกนั ) - คาคลอ้ งจอง หวานเป็นลม ขมเป็นยา คาใดทอี่ า่ นออกเสียงสระและ ตัวสะกดเหมือนกัน (ตอบ ขม กับ ลม) - คาคล้องจอง ทองจะไปไหน เรอื ลม่ ในหนอง คาใดที่อ่านออกเสียงสระ และตวั สะกดเหมอื นกัน (ตอบ หนอง กบั ทอง ประสมดว้ ยสระ ออ เหมือนกนั ) 5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมินเพื่อเพิ่มคณุ คา่ โดยครูใช้คาถามดังตอ่ ไปนี้ - คาคล้องจอง มีความสาคัญอยา่ งไร - นกั เรยี นสามารถนาส่ิงที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร ข้ันท่ี 3 ขั้นปฏิบัติและสรปุ ความรหู้ ลังปฏิบตั ิ 6. นกั เรยี นเขา้ กล่มุ เล่นเกมคล้องจองมองสัมผสั โดยครูเขยี นคาบนกระดานดาแล้ว ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มคดิ คา คล้องจองเพมิ่ เติม ขอ้ ละ 3 คา ตัวแทนกลมุ่ อ่านให้เพื่อนฟัง 1.
เบา 3. ยุให้ 4. ฉันเป็นคนไทย 7. นกั เรียนร่วมกันสรปุ คาคล้องจองดังนี้ คาคล้องจอง คือ คาท่ใี ช้สระหรือพยญั ชนะเสยี งเดียวกนั และถา้ มีตวั สะกด จะต้องมตี วั สะกดในมาตราเดยี วกัน คาคล้องจองเรยี กอีกอย่างหนึง่ วา่ คาสมั ผัส 8. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัดเรือ่ งคาคลอ้ งจอง ขัน้ ท่ี 4 ขนั้ สอื่ สารและนาเสนอ ออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียนประมาณ 4-5 คน 10.นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามดงั น้ี 3.3 คณุ ลกั ษณะอังพึงประสงค์ : Attitude (A) ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ ง 6. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ : การประเมิน วิธีการ เคร่อื งมอื - ทักษะการเขยี น ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วม คา่ นยิ ม (A) กิจกรรม การทางานกล่มุ 7. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 2. ไม้เรียกชอื่ 3. หนังสอื เรียนภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 8.
กิจกรรมเสนอแนะ ลงช่อื ............................................ครผู ้สู อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชอื่ ................................................... ผู้บริหาร สัปดาหท์ ี่ 12 โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา ภาคเรยี นที่ 1/……………….. ชอ่ื ผู้สอน ….………………………………………………..……... เร่อื ง ทำดีอย่ำหวน่ั ไหว 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด ดาเนินชวี ติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน รปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หรอื เร่ืองที่อ่าน การอ่านจบั ใจความสาคญั ถอื เปน็ ทกั ษะสาคญั ทใ่ี ชใ้ นการอ่านเพอ่ื การสอ่ื สารมากท่ีสุด
เพราะ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2. อธิบายวิธีการเขียนบรรยายภาพ (K) 4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน การอา่ นจับใจความนิทาน การเขยี นบรรยายภาพ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน คำบที่ 1-2 ข้นั ท่ี 1 ขัน้ รวบรวมขอ้ มลู 1. นกั เรยี นทบทวนเก่ยี วกบั การอ่านสรปุ ใจความ โดยใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้ การอ่านจับ - การอ่านสรุปใจความคืออะไร 2. ครูและนักเรียนสนทนาเก่ียวกับนิทาน โดยใช้คาถามดังน้ี - นกั เรียนเคยอ่านนิทานหรือไม่ แลว้ เร่อื งน้นั ชื่อว่าอย่างไร - นกั เรยี นมีหลักการอ่านนิทานอย่างไร * ในการถามควรใชไ้ ม้เรียกเลขทส่ี มุ่ ตอบทลี ะคนโดยถามคาถามก่อนจะเรยี กเลขท่ี เพอ่ื ใหท้ กุ คนไดค้ ิดและเพอ่ื เป็นการสร้างบรรยากาศความตื่นเต้นในการอยากตอบคาถามทั้ง ยังเปน็ วิธีการทดี่ อี ย่างหนง่ึ ในการควบคุมชัน้ เรียน 3. นกั เรยี นศึกษาการอา่ นจบั ใจความสาคัญนทิ านและสนทนาเกีย่ วกับการอ่านจบั ใจวามสาคญั นทิ านโดยครูใชค้ าถามดังนี้ - การอ่านจับใจความสาคญั นทิ านคืออะไร - การอา่ นจับใจความสาคญั นทิ านมคี วามเหมอื นหรือแตกตา่ งจากการอา่ น คำบท่ี 3-4 จับใจความสาคญั โดยท่ัวไปอยา่ งไร เหมาะสม)นกั
เรยี นแต่ละกล่มุ ช่วยกันเขียนแผนผังมโนทัศนเ์ รอื่ ง การอ่านจบั ใจความสาคญั 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมนิ คณุ คา่ โดยครูใช้คาถามดงั น้ี วารสาร นิทาน ฯลฯ มีวธิ ีท่เี หมือนหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร - จากการศึกษาเร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคัญนทิ าน นักเรยี นสามารถ นาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร ขั้นที่ 3 ข้ันปฏบิ ัติและสรปุ ความรูห้ ลงั ปฏิบตั ิ เร่อื ง ข้ันท่ี 4 ข้นั ส่ือสารและนาเสนอ โดยใชว้ ิธจี บั สลาก ข้อมูลในการพัฒนาต่อไป - ความสนใจ ใหเ้ กียรติ - การซักถาม เสนอแนวคิดหรือคล้อยตามอย่างมีเหตุผล - การใชท้ ักษะภาษาเพือ่ การส่ือสาร ขั้นท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ ขั้นท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู คดิ เห็นเพอื่ เช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียน โดยครูใช้คาถามดงั นี้ บรรยายภาพ ๏ เดก็ นกั เรียนในภาพกาลงั ทาอะไร ตวั อย่างกลอนสี่ -สิง่ ทนี่ กั เรียนอ่านมลี กั ษณะอย่างไร กลอนสี่ - กลอนสคี่ อื อะไร 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมินเพือ่ เพ่ิมคุณคา่ โดยครูใชค้ าถามดังตอ่
ไปน้ี ข้ันที่ 3 ข้ันปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลังปฏบิ ตั ิ - บทหนึ่งมี 2 บาท บาทที่ 1 เรยี กว่าบาทเอกมี 2 วรรค คือวรรคสลับและ - มีสัมผสั มดี ังน้ี ถ้าจะแต่งบทตอ่ ไปตอ้ งใหค้ าสดุ ทา้ ยของวรรคสง่ ของบทตน้ สัมผัสกับคา 6. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ : การประเมนิ วิธีการ เคร่ืองมือ - ทกั ษะการเขยี น - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการร่วม 7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 2. ไมเ้ รยี กชื่อ 3. หนงั สอื เรยี นภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 8. กิจกรรมเสนอแนะ ลงชื่อ............................................ครูผสู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร สปั ดาหท์ ี่ 13 โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา ภาคเรียนที่ 1/……………….. ชอื่ ผ้สู อน ….………………………………………………..……... เร่อื ง พลังงานคือชวี ิต 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั ดาเนินชวี ติ และมีนสิ ัยรักการอา่ น รปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หรือเร่อื งทีอ่ ่าน การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเป็นทักษะสาคญั ทใ่ี ชใ้
นการอา่ นเพือ่ การสื่อสารมากท่สี ดุ เพราะ |