ความหมายของวัยรุ่น ภาวะทุพโภชนาการในวัยรุ่น (malnutrition) ปัญหาหลักที่พบจากข้อมูลของ WHO6 มีดังนี้ 1. Micronutrient deficiency เช่น การขาดธาตุเหล็กจนทำให้เกิดโรคโลหิตจาง คือ ภาวะที่ร่างกาย มีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ เนื่องจากมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ที่จะนำไปสร้างเม็ดเลือด และโรคขาดธาตุไอโอดีน โรคขาดวิตามินเอ. 2. Macronutrient deficiency เช่น ภาวะของการขาดโปรตีนและพลังงาน เมื่อร่างกายได้รับพลังงานและโปรตีนไม่เพียงพอ ก็จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของวัยรุ่น เช่นตัวเตี้ย ผอม น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสติปัญญาการเรียนรู้ซึ่งมักพบในชนบท โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร สาเหตุสำคัญคือ ขาดความรู้ และมีความยากจน.2 3. Malnutrition and stunting ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารน้อยไปจากปกติส่งผลให้การเจริญเติบโตทางด้านสรีระเจริญไม่เต็มที่จนก่อให้เกิดการแคระเกร็นของร่างกายขึ้น หรือตัวเตี้ยได้. 5. Nutrition in relation to early pregnancy การที่ตั้งครรภ์เมื่ออยู่ในวัยรุ่นของหญิง พบภาวะขาดอาหารเนื่องจากขาดความรู้ทำให้รับประทานอาหารไม่เหมาะสมซึ่งจะส่งผลให้ผลิตน้ำนมได้น้อยและได้ทารกที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ เป็นต้น. ปริมาณสารอาหารต่างๆที่วัยรุ่นควรได้รับประจำวัน3 คาร์โบไฮเดรท
ควรเป็นแบบเชิงซ้อน เช่น กลุ่มแป้ง ข้าว ขนมปัง 8-12 ทัพพี. ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน การได้รับปริมาณอาหารที่มากเกินพอ การเคลื่อนไหวในการทำกิจกรรมต่างๆ ลดลง นำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อและสุขภาพไม่ดี จากการศึกษาพบว่าถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินในวัยรุ่นก็จะพบต่อเนื่องในวัยผู้ใหญ่ได้และเป็นปัจจัยบ่งชี้ของการเกิดโรคต่างๆ. ในประเทศสหรัฐอเมริกาภาวะน้ำหนักเกินเพิ่ม ขึ้นเป็นสองเท่าในเด็กอายุ 6-11 ปี และเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าในวัยรุ่น 12-19 ปี เมื่อเทียบกับ 20 ปีที่ผ่านมา8 ได้มีการทำวิจัยและแนะนำว่าการรับประทานอาหารเช้าจะมีผลต่อการเรียน และพบการรับประทานอาหารเช้าลดลงตามช่วงอายุที่มากขึ้น โดยอายุระหว่าง 6-11 ปี จะรับประทานอาหารเช้า ร้อยละ 92 ในวัยรุ่น 12-19 ปี รับประทานอาหารเช้าร้อยละ 75-78 นอกจากนี้ มีรายงานที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารว่างพบว่าเด็กมัธยมปลายรับประทานปริมาณไขมันอิ่มตัวตามที่กำหนดไว้น้อยกว่าร้อยละ 40 รับประทานผักผลไม้น้อยกว่า 5 ครั้งต่อวัน ร้อยละ 80 รับประทานใยอาหารตามที่กำหนดไว้ ร้อยละ 39 วัยรุ่นผู้หญิงไม่ได้รับแคลเซียมเพียงพอร้อยละ 85 การดื่มน้ำอัดลม น้ำหวานพบเพิ่มขึ้นในผู้หญิง จาก 6 ออนซ์ เป็น 11 ออนซ์ และในผู้ชายเพิ่มจาก 7 ออนซ์ เป็น 19 ออนซ์. นักเรียนมัธยมปลายจำนวนมากใช้วิธีการลดหรือควบคุมน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง โดยใช้วิธีอดอาหาร มากกว่าร้อยละ 12.3 ใช้วิธีอาเจียนอาหารหรือใช้ยาระบาย ร้อยละ 4.5 ใช้ยาลดน้ำหนักแบบเม็ด แบบผงหรือแบบน้ำร้อยละ 6.3
โดยที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์.8 พบพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ คือ การบริโภค น้ำอัดลมทุกวัน ดื่มน้ำอัดลมเป็นอาหารว่างร้อยละ 23.2 และการบริโภคอาหารวันละ 2 มื้อ คือ กลางวัน และเย็นร้อยละ 16.5 (จันทร์-ศุกร์). การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น วัยรุ่นที่เล่นกีฬา วัยรุ่นที่รับประทานมังสวิรัติ แนวทางปฏิบัติและแก้ไขด้านโภชนาการสำหรับการมีสุขภาพที่ดี การงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งอาจทำให้ขาดพลังงานและสารอาหารได้ ควรรับประทานอาหารว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น นม ผักและผลไม้ เพื่อเพิ่มเส้นใย ให้วิตามิน แร่ธาตุ อีกทั้งสารอาหารอื่นๆ ตามที่ร่างกายต้องการ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันและมีโคเลสเตอรอลต่ำ อาหารที่วัยรุ่นควรหลีกเลี่ยง คือ พวกที่มีปริมาณน้ำตาลสูงและเกลือโซเดียมสูงถ้ารับประทานเป็นประจำจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาและน้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ซึ่งให้แต่พลังงานแต่ขาดสารอาหารได้. วัยรุ่นปัจจุบันนิยมอาหารประเภทฟาสต์ฟูด ซึ่งเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงควรส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนและวัยรุ่นมีการเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่เป็นแหล่งแคลเซียมและธาตุเหล็กที่ดี นอกจากจะส่งเสริมการเจริญเติบโตและสุขภาพที่ดีให้แก่วัยรุ่นในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้วัยรุ่นมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวและช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ในวัยผู้ใหญ่ต่อไป เช่น ภาวะไขมันสูงในเลือด โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกพรุน เป็นต้น. เอกสารอ้างอิง ชญาดา แสนศิริวงษ์ |