แค่ได้นึกถึงบรรยากาศตะวันกำลังตกดิน คุณและคู่ยืนอยู่บนแท่นทำพิธีเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้แก่กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว มองออกไปเห็นมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับขอบฟ้ากว้าง ก็สามารถเติมเต็มวันแห่งความฝันของคุณให้สมบูรณ์แบบได้แบบไม่เหมือนใคร จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงมีคู่รักหลายๆคู่ฝันจะ “จัดงานแต่งริมทะเล” ให้ได้สักครั้ง Show
แต่การจัดงานแต่งริมทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปัจจัยด้านสถานที่ที่เป็นที่เปิดโล่ง ต้องพึ่งโชคในเรื่องของลมฟ้าอากาศเป็นหลัก อีกทั้งยังมีลมแรง ประกอบกับแสงแดดอันร้อนแรงพาให้เหนียวตัว หากคุณและคู่ เตรียมจัดงานได้ไม่ดีพอ ก็อาจเกิดปัญหาได้หลากหลายที่สามารถเข้ามาดับฝันการจัดงานแต่งงานริมทะเลของคุณไปได้เสียหมด แต่ถ้าหากคุณและคู่ยังไม่ละทิ้งความฝันที่จะ “จัดงานแต่งริมทะเล” ไปละก็ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรขวางกั้น คุณก็สามารถจัดงานแต่งในฝันริมทะเลได้อย่างแน่นอน โดยในวันนี้ บรู๊คอยากจะนำเอาเคล็ดลับ 24 ข้อที่จะช่วยให้คุณและคู่สามารถเตรียมตัวจัดงานแต่งริมทะเลในฝันให้เป็นจริงได้แบบมือโปร โดยจะแบ่งออกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้ค่ะ การเลือกสถานที่ “จัดงานแต่งริมทะเล”แม้ว่าในประเทศไทยจะมีชายหาดและทะเลอยู่นับร้อยแห่ง และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีทะเลสวยที่สุดของโลก แต่การ “จัดงานแต่งริมทะเล” ใช่ว่าจะจัดที่ชายหาดใดก็ได้ เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆหลากหลายปัจจัยที่คุณและคู่จะต้องคำนึง โดยมีเคล็ดลับในการเลือกสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานริมทะเล ดังนี้ค่ะ 1. เลือกสถานที่ “จัดงานแต่งริมทะเล” ที่ไม่มีคนพลุกพล่านแม้ว่าประเทศไทยจะมีชายหาดสวยๆอยู่หลากหลายที่ แต่ใช่ว่าทุกที่จะมีความสงบและเป็นส่วนตัวให้คุณสามารถจัดงานแต่งริมทะเลได้แบบสบายใจ ชายหาดส่วนใหญ่ของประเทศไทยมักเป็นชายหาดสาธารณะ ที่ใครจะลงมาเดินเล่น ขายของ เล่นน้ำ หรือแม้แต่อาบแดดก็ได้ หากระหว่างที่คุณกำลังจัดงานแต่งงานริมทะเล เมื่อถ่ายภาพออกมาดันติดรายละเอียดฝูงชนที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ ก็อาจทำให้งานแต่งงานริมทะเลของคุณแอบกร่อยได้ใช่ไหมล่ะคะ จึงดีกว่าถ้าหากคุณจะลองเสิร์ชหาชายหาดที่เงียบสงบหรือชายหาดส่วนตัวไปเลย ที่คุณสามารถจัดงานแต่งริมทะเลได้แบบสบายใจ ไม่มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามารบกวน ซึ่งโดยส่วนมากการมองหาชายหาดส่วนตัวเพื่อจัดงานแต่งริมทะเลก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะโดยทั่วไปโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ริมทะเลอยู่แล้วก็มักจะมีพื้นที่ชายหาดหน้าโรงแรมเป็นส่วนตัว รวมถึงยังรับจัดงานแต่งงานริมทะเลให้คุณแบบครบวงจรได้อีกด้วย 2. ขออนุญาต “จัดงานแต่งริมทะเล” หากจำเป็นแต่ถ้าหากคุณอยากจะประหยัดงบและอยากจะเลือกใช้ชายหาดสาธารณะ ก็ให้ลองศึกษาข้อกำหนดการใช้พื้นที่สาธารณะจากทางการในท้องถิ่นเหล่านั้นดูให้ละเอียด ว่าคุณสามารถจัดงานแต่งริมทะเลที่ชายหาดนั้นๆได้หรือไม่ คุณอาจต้องทำการขออนุญาตใช้ชายหาด หรือขออนุญาตในการนำเอาเครื่องเสียงมาติดตั้ง และใช้เสียงในระดับที่เหมาะสมไม่รบกวนคนอื่นจนเกินไปค่ะ 3. สถานที่ “จัดงานแต่งริมทะเล” ที่เราแนะนำขอขอบคุณรูปภาพจาก Marrakesh Hua Hin Resort & Spaโดยมีหลักการตั้งงบประมาณว่า ยิ่งสถานที่จัดงานแต่งริมทะเลอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวกมากเท่าใด ราคาค่าสถานที่ก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นแล้ว เราอยากจะแนะนำสถานที่จัดงานแต่งริมทะเล ใน 3 โลเคชั่นหลักมาให้คุณได้ลองเลือกดู ดังนี้ค่ะ
เลือกชุดแต่งงานริมทะเลชุดแต่งงานทั้งชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาวเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้การ “จัดงานแต่งริมทะเล” ของคุณสมบูรณ์ โดยการเลือกชุดแต่งงานสำหรับงานแต่งงานริมทะเลก็จะแตกต่างไปจากการเลือกชุดแต่งงานทั่วไป ด้วยปัจจัยของสภาพอากาศที่ร้อนกว่า แดดที่แรงกว่า พื้นทรายที่ไม่มั่นคง ลมทะเลที่จะพัดให้ชุดของคุณปลิวไสว รวมไปถึงบรรยากาศริมทะเลที่ไม่ได้ดูเป็นทางการแบบการจัดงานแต่งในบอลรูมของโรงแรม หรือสถานที่อื่นๆ บรู๊คจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกชุดงานแต่งงานริมทะเลมาให้คุณได้ลองนำไปใช้กัน ดังนี้ค่ะ 1. เลือกชุดแต่งงานน้ำหนักเบา พลิ้วไหว ระบายความร้อนได้ดีเนื่องจากในการจัดงานแต่งริมทะเล ด้วยแดดที่ร้อนระอุ และพื้นทรายที่เต็มไปด้วยหินกรวดก้อนเล็กๆ การที่คุณจะใส่ชุดแต่งงานแบบอลังการ มีชายกระโปรงที่ยาว จะทำให้เคลื่อนไหวได้ยากมากๆ เพราะลมทะเลอาจทำให้ชายกระโปรงปลิวไปเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆจนชุดเสียหาย และถ้าหากคุณตั้งใจจะใส่ชุดแต่งงานแบบที่เป็นผ้าลูกไม้หรือปักเลื่อม แม้อาจจะดูสวยสง่างาม แต่พอคุณได้เดินบนพื้นทรายเพียงไม่กี่นาที ชุดของคุณก็จะกวาดเอาเศษทรายและหินกรวดติดมากับชุดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเศษทรายเหล่านี้อาจทำให้ชุดเสียหายได้เช่นกันค่ะ และด้วยอากาศที่ร้อน แดดที่แรง การที่คุณและคู่กำลังทำพิธีแต่งงานหรืออยู่ต้อนรับแขกนานนับชั่วโมงด้วยชุดแต่งงานที่มีผ้าเนื้อหนาหรือรัดรูป อาจทำให้เจ้าสาวเกิดอาการอึดอัดไม่สบายตัว และอาจหนักถึงขั้นเป็นลมล้มพับไปได้ จึงดีกว่าถ้าคุณเลือกชุดแต่งงานของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นชุดที่มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ไม่อึดอัดจนเกินไป และใช้เนื้อผ้าบางเบาเรียบง่าย ไม่ยาวจนเกินไป อย่างเช่นการใช้ผ้าชีฟองหรือผ้าชามัวร์ ที่ช่วยให้ชุดของคุณมีมิติพริ้วไหวเมื่อต้องกับสายลมริมทะเล ดูเข้ากันกับบรรยากาศงานแต่งงานริมทะเลเป็นที่สุดค่ะ อ่านต่อ: เปิดกรุแบบ “ชุดแต่งงานสวยๆ” เรียบหรูสไตล์คุณ (ตอนที่ 2) 2. ลืมส้นสูงไปได้เลยถ้าหากคุณต้องการจัดงานแต่งริมทะเล ก็ให้หลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการใส่ส้นสูงเดินเหยียบบนทราย เพราะอาจทำให้คุณหกล้มหรือเดินไม่สะดวก และถ้าหากชุดเจ้าสาวของคุณเป็นกระโปรงยาวแบบไม่เห็นเท้าอยู่แล้ว จะใส่รองเท้าแตะก็ยังได้ แต่ถ้าหากคุณกังวลเรื่องความสูง อาจจะลองใส่เป็นรองเท้าส้นตึก แบบที่ใส่สบายเท้าแทนก็ได้เช่นกันค่ะ และไม่ว่าคุณจะใส่รองเท้าอะไร เคล็ดลับก็คืออย่าลืมปูทางเดินไปถึงแท่นพิธีด้วยวัสดุที่กันความร้อนได้ เช่น วัสดุผ้าแบบหนา ที่จะช่วยดูดซับความร้อนและทำให้คุณสามารถยืนและเดินบนพื้นทรายได้แบบไม่ต้องกังวลเลยค่ะ 3. ไม่ต้องใส่ผ้าคลุมหน้าการได้สวมใส่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอาจเป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆคน แต่ถ้าหากคุณต้องการจัดงานแต่งริมทะเลแล้วล่ะ ก็อาจจะดีกว่าถ้าคุณงดใส่ผ้าคลุมหน้า เนื่องจากบริเวณชายหาดมักมีลมแรง หากคุณใส่ผ้าคลุมหน้าแล้วมีลมมาปะทะหน้า ก็อาจทำให้เมคอัพหลุดเลอะ หรือถ้าใส่ผ้าคลุมไว้เพียงแค่ข้างหลังผ้าก็อาจจะปลิวไปโดนแขกที่ตั้งอยู่ด้านหลังได้ คุณอาจจะลองหามงกุฎดอกไม้หรือของประดับผมอย่างอื่นมาใส่แทนจะลดปัญหาตรงนี้ได้ แถมยังดูเข้ากันกับบรรยากาศริมทะเลมากกว่าอีกด้วยค่ะ 4. ชุดเจ้าบ่าว ไม่ต้องทางการมากการจัดงานแต่งริมทะเลถือเป็นโอกาสดีสำหรับเจ้าบ่าวที่ขี้อาย ไม่ชอบการใส่สูทจนดูเป็นทางการมากเกินไป ได้สวมใส่ชุดสบายๆแบบเป็นตัวเอง ด้วยบรรยากาศริมทะเลแบบชิลๆสบายๆ ความเป็นทางการจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สำคัญที่คุณจะใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบไหนที่ทำให้รู้สึกสบายตัว ไม่อึดอัดหรือหนาจนเกินไป โดยสำหรับงานแต่งงานริมทะเลแล้ว คุณสามารถเลือกชุดเจ้าบ่าวแบบที่ดูชิลๆไม่เป็นทางการมากขึ้นได้ อย่างเช่น กางเกงหรือเสื้อสูทที่ทำมาจากผ้าฝ้าย หรือถ้าอยากจะให้ดูชิคๆหน่อย จะใส่เป็นกางเกงขาสั้นที่มีคัตติ้งเนี้ยบๆก็ยังได้เลยค่ะ 5. ไอเดียชุดเจ้าสาวแนะนำ
อ่านต่อ: เปิดกรุแบบ “ชุดเจ้าสาว” เลือกชุดที่ใช่ สไตล์คุณ (ตอนที่ 1) วางแผนพิธีการช่วงพิธีการทั้งงานหมั้น การรดน้ำสังข์ หรือพิธีแลกเปลี่ยนคำสัญญา ล้วนเป็นช่วงเวลาสำคัญของงานแต่งงานริมทะเลที่คุณจะต้องวางแผนเป็นอย่างดีว่าควรจะดำเนินพิธีในช่วงเวลาไหน จะจัดที่นั่งเป็นรูปแบบใด หรือจะเก็บภาพวินาทีสำคัญอย่างไรให้ออกมาน่าจดจำมากที่สุด 1. เลือกเวลางานพิธี ช่วงเช้า หรือเย็นการเลือกเวลางานพิธีถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรเลือกช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิไม่ร้อนจนเกินไป เป็นเวลาที่พระอาทิตย์เปล่งแสงออกมาได้นุ่มนวลและโรแมนติกมากที่สุด เราแนะนำให้คุณจัดงานแต่งริมทะเลในช่วงเช้า 8.00 – 10.30 น. หรือช่วงเย็นที่ตะวันกำลังตกดิน ในเวลา 15.30 – 17.30 น. จะทำให้ได้บรรยากาศโรแมนติกที่สุด ด้วยแสงแดดอุ่นๆและคลื่นทะเลลมสงบ อีกทั้งยังไม่ร้อนเกินไปสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกอีกด้วยค่ะ และเมื่อพิธีจบลง ตะวันก็ตกดินพอดี เป็นสัญญาณในการเริ่มปาร์ตี้งานแต่งช่วงกลางคืนอันรื่นเริงที่ทุกคนต่างรอคอย อ่านต่อ: Checklist งานแต่งงาน จัดงานแต่ง ที่ทุกคู่รักต้องมีติดมือ 2. เช็คเครื่องเสียง ไม่ให้เสียงทะเลกลบเสียงลำดับพิธีนี่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เราแนะนำ โดยไม่ว่าคลื่นทะเลเลียบหาดทรายจะมีเสียงไพเราะเท่าไร แต่ถ้าหากคุณจัดงานแต่งริมทะเลแล้วล่ะก็ คุณคงไม่อยากให้เสียงคลื่นทะเลเหล่านั้นดังกลบเสียงของงานพิธีหรือคำมั่นสัญญาที่คุณและคู่กำลังแลกเปลี่ยนต่อกันเป็นแน่ แม้ว่าทางโรงแรมจะเป็นผู้จัดงานอย่างเป็นมืออาชีพ ก็ควรมีการทดสอบระบบเครื่องเสียงให้แน่ใจก่อนที่จะถึงเวลาพิธีจริง ว่าทุกคนจะได้ยินเสียงพิธีชัดเจน หรือถ้าหากเป็นไปได้ คุณก็อาจจะซื้อไมโครโฟนแบบที่มีแผ่นกันลมติดตั้งอยู่มาใช้ ก็จะช่วยลดเสียงซ่าของคลื่นลมที่จะผ่านเข้าไปในลำโพงได้เป็นอย่างดี นั่นเองค่ะ 3. การจัดที่นั่งที่มั่นคงแม้ว่าการจัดซุ้มงานพิธีและการจัดที่นั่งสำหรับงานแต่งงานริมทะเลจะเป็นการติดตั้งแบบชั่วคราวเท่านั้น แต่คุณก็ต้องจะต้องทำให้แน่ใจว่า ที่นั่งเหล่านี้จะถูกยึดไว้อย่างมั่นคงแม้บนพื้นทราย หรือเลือกใช้เก้าอี้ที่มีน้ำหนักมาก เช่นเก้าอี้ที่ทำจากอลูมิเนียมหรือเก้าอี้ไม้ และหลีกเลี่ยงการใช้เก้าอี้พลาสติกน้ำหนักเบาที่ปลิวลมได้ง่ายกว่าค่ะ 4. จ้างช่างกล้องที่ถนัดการถ่ายเวดดิ้งริมทะเลถ้าหากคุณอยากจะจ้างช่างกล้องมาถ่ายงานแต่งงานริมทะเลให้คุณ ก็ควรเลือกช่างกล้องที่ถนัดถ่ายงานแต่งริมทะเลโดยเฉพาะ หากคุณเลือกช่างกล้องที่ไม่ได้มีประสบการณ์ในทางนี้ ก็อาจจะไม่คุ้นเคยกับการจัดแสงที่เหมาะสม โดยเฉพาะกับแสงพระอาทิตย์ที่ย้อนกับฉากหลังงานพิธี ที่จะทำให้รูปออกมาดูมืด และไม่ได้บรรยากาศงานแต่งงานริมทะเลที่แท้จริง อ่านต่อ: 7 ขั้นตอนเลือก “สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง” ให้เพอร์เฟกต์แบบที่คุณใฝ่ฝัน ออกแบบธีม “จัดงานแต่งริมทะเล” และของประดับ1. ของประดับต้องกันลม ไม่ปลิวเช่นเดียวกันกับการจัดที่นั่งที่มั่นคงในช่วงงานพิธีงานแต่ง ของประดับในงานแต่งงานริมทะเลของคุณก็ควรจะถูกออกแบบมาให้ไม่ปลิวไปกับลมทะเลได้ง่ายๆเช่นกัน ทั้งซุ้มงานแต่ง ที่เสาซุ้มควรต้องปักลงไปให้แน่นในพื้นทราย รวมไปถึงของประดับอย่างเช่นหลังคาผ้าใบหรือตัวผ้าที่พาดผ่านไปมาที่ซุ้ม ก็ควรจะถูกมัดอย่างแน่นหนาและแข็งแรงค่ะ และถ้าหากคุณต้องการเลือกดอกไม้มาประดับงานแต่งงานริมทะเลแล้วล่ะก็ ให้ลองเลือกดอกไม้ที่กลีบดอกแข็งแรงไม่ปลิวไปตามลมได้ง่าย อย่างเช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกหน้าวัว หรือดอกเบญจมาศค่ะ 2. เลือกของตกแต่งที่เสริมวิวทะเลเพราะอันที่จริงแล้ว การจัดงานแต่งริมทะเลถือว่าได้เปรียบที่คุณไม่จำเป็นจะต้องหาของประดับตกแต่งมากนัก เพราะวิวทะเลที่ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกเห็นแบบไกลสุดลูกหูลูกตา ก็ถือเป็นการสร้างบรรยากาศของงานแต่งให้โรแมนติกได้ดีที่สุดแล้ว ทำให้หลักสำคัญในการเลือกของตกแต่งที่เสริมวิวทะเลก็คือ เพื่อเน้นย้ำถึงบรรยากาศธรรมชาติริมทะเล ณ จุดนั้นให้โดดเด่นออกมาได้มากที่สุด โดยที่ไม่บดบังความงามที่มีอยู่แล้วของทะเลจนหมดไป โดยคุณอาจใช้ของประดับตกแต่งที่เกี่ยวข้องกับทะเลอย่างเช่น เปลือกหอย เทียน ตะเกียง ขวดแก้ว หรือโคมในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถสร้างความโรแมนติกให้กับงานแต่งงานริมทะเลของคุณได้มากยิ่งขึ้นค่ะ 3. มีส่วนที่มุงหลังคาบังแดดบังฝนได้ในการจัดงานแต่งริมทะเล คุณอาจต้องคำนึงถึงการจัดพื้นที่บางส่วนให้มีหลังคาไว้บังแดดหรือบังฝนได้ แม้ว่าคุณจะเลือกช่วงเวลางานพิธีเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดไม่แรงมากนักก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสามารถรู้ถึงสภาพอากาศล่วงหน้าได้อย่างแน่ชัด โดยคุณอาจจัดส่วนรับรองแขกเป็นส่วนที่มีเต็นท์มุงหลังคา หรือถ้าหากคุณต้องการโคกับทางโรงแรมที่จัดงานอยู่แล้ว ก็อาจลองสำรวจดูว่าทางโรงแรมมีพื้นที่สำหรับจัดงานในร่มเผื่อไว้เป็นแผนสำรองให้คุณด้วยหรือไม่ 4. ไอเดียธีมงานแนะนำSantorini ThemeUnderwater ThemeTropical Themeการจัดอาหาร1. เน้นอาหารที่เหมาะกับธีมทะเลซึ่งอาหารในธีมทะเลในที่นี้ก็มีหลากหลายรูปแบบ อาจจะขึ้นอยู่กับสถานที่จัดงานแต่งริมทะเลของคุณ เช่น ถ้าหากคุณจัดงานแต่งริมทะเลที่ภาคใต้ อาหารที่จัดก็อาจจะเป็นอาหารใต้ที่มีรสเผ็ดอร่อยเป็นตัวชูโรง และแน่นอนว่า ถ้าหากคุณจัดงานแต่งริมทะเล ยังไงก็ต้องไม่พลาดการเสิร์ฟอาหารซีฟู้ดที่ทุกคนต่างชื่นชอบ อย่างเช่น เมนู appetizer อาจจะเป็นหอยนางรมสดหรือทอดมันกุ้ง และอย่าลืมเตรียมอาหารพิเศษสำหรับแขกที่ทานมังสวิรัติหรือนับถืออิสลามด้วยนะคะ 2. ทำสดใหม่ กันเสียง่ายเนื่องจากการจัดงานแต่งริมทะเลมักจัดที่กลางแจ้งเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก ทำให้เวลาเลี้ยงอาหารก็มักจะเสิร์ฟกันในกลางแจ้งเช่นกัน และในอากาศร้อนริมทะเลเช่นนี้ ถ้าหากอาหารไม่ได้ทำสดใหม่ โดยเฉพาะอาหารซีฟู้ด ก็อาจบูดหรือเสียได้ง่าย คุณจึงต้องดูให้ดีๆว่าทางผู้จัดอาหารจะสามารถทำอาหารสดใหม่ พร้อมเสิร์ฟได้ทันที แบบไม่ได้ทิ้งไว้กลางแจ้งนานจนเกินไปได้หรือไม่ 3. เค้ก ของหวาน ควรเป็นของที่ไม่ละลายง่ายสำหรับเค้กและของหวานในงานแต่งงานริมทะเลก็เช่นเดียวกันกับการจัดอาหาร ที่ถ้าหากจะเสิร์ฟกลางอากาศร้อนแล้วก็ควรเป็นของที่ไม่ละลายง่าย (แต่ถ้าหากจะเสิร์ฟไอศกรีมแล้วมีตู้แช่เย็นเตรียมไว้ให้ ก็ถือเป็นข้อยกเว้นนะคะ) นอกจากนี้ ไอเดียเค้กหรือของหวานที่เข้ากับริมทะเลก็ควรเป็นเมนูที่สดชื่นหรือเกี่ยวข้องกับทะเล อย่างเช่นของหวานที่ทำมาจากมะพร้าว สับปะรด หรือมะนาว เพื่อเพิ่มความสดชื่น เช่น เค้กมะพร้าว, Lemon Tart และ Pineapple Cheesecake หรือถ้าหากเป็นขนมไทยหรือขนมสไตล์เอเชีย ก็สามารถจัดเป็นบิงซูน้ำแข็งใส หรือขนมกะทิน้ำแข็งใสก็ได้เช่นกันค่ะ 4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถ้าหากอยากให้งานแต่งงานริมทะเลของคุณมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้ากับธีม ก็อาจจัดเป็นเครื่องดื่ม Cocktail ในสไตล์ริมทะเล เช่น Margarita, Pina Colada หรือเครื่องดื่มผสมมะนาวสดชื่นก็ได้ค่ะ การต้อนรับแขก1. ชุดไปงานแต่งริมทะเลถ้าหากคุณและคู่ต้องการจัดงานแต่งริมทะเลแล้วล่ะก็ ก็ควรจะสื่อสารกับแขกล่วงหน้าว่าควรใส่ชุดแบบที่ไม่หนาหรืออึดอัด ดูเข้ากันดีกับทะเล ส่วนเรื่องความทางการของชุดไปงานแต่งริมทะเลก็จะขึ้นกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าอยากจะให้ออกมาในรูปแบบไหน แต่บรู๊คแนะนำว่ายิ่งชุดไม่เป็นทางการ ก็ยิงเข้ากับธีมทะเลได้มากยิ่งขึ้นค่ะ โดยสำหรับผู้ชายอาจจะใส่เป็นเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายด้านบน เข้ากับกางเกงผ้าฝ้ายหรือกางเกงขาสั้นด้านล่าง ส่วนผู้หญิงอาจใส่เป็นชุดแนวผ้าพิมพ์ลายแบบโปร่งสบาย ให้เหมาะแก่การมางานเลี้ยงริมทะเลก็ได้เช่นกันค่ะ 2. เตรียมรองเท้าแตะสำรองและของจำเป็นสำหรับชายหาดโดยสิ่งนี้จะเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มางานว่าคุณใส่ใจความเป็นอยู่ของแขกในงานแต่งงานริมทะเลขนาดไหน โดยคุณอาจจะตั้งโต๊ะเพื่อเอาไว้ให้แขกสามารถแลกรองเท้าแตะสำรองสำหรับใส่เดินบนพื้นทรายได้ระหว่างอยู่ในงาน รวมทั้งมีแปรงปัดทรายเตรียมไว้ให้แขกสามารถยืมใช้ได้ ถ้าหากเป็นงานแต่งงานริมทะเลในช่วงกลางคืน ก็อาจจะเตรียมยากันยุงเอาไว้ให้แขกทาก่อนเข้างาน พร้อมมีเครื่องดื่ม Welcome Drink สร้างความสดชื่นคอยบริการ 3. ของชำร่วยในการ “จัดงานแต่งริมทะเล”ถ้าหากคุณจัดงานแต่งริมทะเลทั้งที การแจกของชำร่วยให้แก่แขกก็ควรเป็นของที่เกี่ยวกับทะเลเช่นกัน เพื่อให้แขกสามารถจดจำงานแต่งของเราได้ไปอีกนาน ทั้งผ้าคลุมไหล่ ผ้าขนหนู แว่นกันแดด หรือแม้แต่ครีมกันแดดค่ะ 4. จองห้องพักให้แขกในการจัดงานแต่งริมทะเล ต้องอย่าลืมว่าแขกที่มาร่วมงานแต่งของเรานั้นต่างดั้นด้นเดินทางมาจากหลายสถานที่ ทำให้ถ้าหากแขกเหล่านั้นจะมาร่วมงานแต่งของเรา ก็จำเป็นจะต้องจองที่พักเพื่อค้างคืน จึงดีกว่าถ้าหากเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้การรับรองแขกเหล่านี้อย่างดีด้วยการจองห้องพักให้แขกแบบสุดพิเศษ ซึ่งโดยส่วนมากถ้าหากคุณจัดงานแต่งริมทะเลโดยมีโรงแรมเป็นผู้จัดงาน ก็มักจะสามารถขอส่วนลดห้องพักจากทางโรงแรมสำหรับแขกได้อีกเช่นกันค่ะ ด้วยเคล็ดลับทั้งหมดเหล่านี้ คุณและคู่ก็สามารถนำไปปรับใช้กับการวางแผนจัดงานแต่งริมทะเลของคุณ ให้ออกมาเพอร์เฟกต์ ไร้ที่ติ และทำให้ฝันของคุณเป็นจริงได้แน่นอนค่ะ และอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญของการจัดงานแต่งงานก็คือ “การเลือกแหวนเพชรแต่งงานในฝัน” ที่จะทำให้คุณหวนรำลึกถึงงานแต่งริมทะเลนี้ได้ทุกเมื่อ และแหวนอันเป็นตัวแทนคำมั่นสัญญาจะอยู่คู่กับคุณและคู่ไปอีกตราบนานเท่านาน หากคุณสนใจสั่งทำแหวนเพชรแต่งงานในแบบของคุณเอง ก็สามารถติดต่อเราได้เลยค่ะ |