ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนวิธีพิจารณาในศาล ซึ่งเป็นประโยชน์และสร้างความเป็นธรรม รวมทั้งมีแต้มต่อให้กับ ผู้บริโภคอีกหลายประเด็น แต่อย่างไรก็ตามเจตนารมณ์ เบื้องต้นของศาลผู้บริโภค จะดำเนินการไกล่เกลี่ยให้คู่ความได้ตกลงกัน หรือ ประนีประนอม ยอมความเป็นสำคัญ แต่ขอย้ำต่อจากนี้ไปผู้ประกอบการธุรกิจจะถูกผู้บริโภคฟ้องง่ายขึ้น และมากขึ้น ทั้งเป็นเรื่องใหม่ต่อ ศาลที่จะต้องรับภาระคดีพิพาทระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจ และผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการธุรกิจมีความรับ ผิดชอบต่อ สินค้า หรือการให้บริการ มีความสุจริตจริงใจไม่ค้ากำไรเกินควร ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องขึ้น “ศาลผู้บริโภค” แต่อย่างไร Show สิทธิผู้บริโภค 5 ประการที่ถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีสิทธิผู้บริโภคสากลขั้นพื้นฐาน 8 ประการที่ถูกบัญญัติโดยสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคสากลด้วย ส่วนจะพูดถึงสิทธิเรื่องอะไร และแตกต่างจากสิทธิผู้บริโภคไทยอย่างไรบ้างไปดูกันเลย 1. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าและบริการ (The right to safety) ไม่ว่าเป็นจากส่วนประกอบ กรรมวิธีผลิต การบรรจุหีบห่อ รวมไปถึงการให้บริการต้องปลอดภัยและได้มาตรฐาน 2. สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็นและถูกต้อง เพื่อประกอบการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ (The right to be informed) นอกจากนี้ ยังมีสิทธิที่จะได้รับคุ้มครองจากโฆษณาหลอกลวง หรือประกาศที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดด้วย 3. สิทธิที่จะเลือกซื้อหาสินค้าและบริการ (The right to choose) ในราคายุติธรรม หรือในราคาที่เกิดการแข่งขันกันอย่างเสรี และในกรณีที่มีการผูกขาดสินค้าก็จะวางใจได้ว่า จะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพเป็นที่พอใจ และในราคายุติธรรม 4. สิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นในฐานะตัวแทนผู้บริโภค (The right to be heard) เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่พึงได้ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ร่วมกับรัฐบาลในการบริหารจัดการ 5. สิทธิที่จะได้รับสินค้าและบริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (The right to satisfaction of basic needs) ได้แก่ อาหารปลอดภัย ที่อยู่อาศัย การเข้าถึงบริการการศึกษาและสาธารณสุข 6. สิทธิที่จะได้รับการชดเชยเยียวยาเมื่อถูกละเมิดสิทธิ์ (The right to redress) ได้รับความเป็นธรรมในการตัดสินเรื่องราวที่ร้องเรียนอย่างถูกต้อง ซึ่งรวมถึงสิทธิที่จะได้รับการชดใช้เมื่อได้รับสินค้าและบริการที่บกพร่อง เสียหาย การช่วยเหลือ หรือการชดใช้อื่น ๆ 7. สิทธิที่จะได้รับความรู้และไหวพริบที่จำเป็นต่อการบริโภคอย่างเท่าทัน (The right to consumer education) เป็นสิทธิที่จะได้รับความรู้ที่ควรรู้ ควรมี ในการใช้ต่อสู้สิ่งต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค 8. สิทธิที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและยังชีพได้อย่างปลอดภัย (The right to a healthy environment) เป็นสิทธิที่จะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งหมายรวมถึงสิทธิที่จะได้รับการป้องกันจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ผู้บริโภคแต่ละคนไม่สามารถควบคุมได้เอง สิทธินี้ต้องยอมรับถึงความต้องการที่จะได้รับการคุ้มครองและปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ตลอดชั่วอายุเราไปจนชั่วอายุลูกหลานอีกด้วย ข้อที่แตกต่างจากสิทธิผู้บริโภคของไทยคือข้อที่ 4, 5 ,7 และ 8 คือ สิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นในฐานะตัวแทนผู้บริโภค สิทธิที่จะได้รับสินค้าและบริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สิทธิที่จะได้รับความรู้ที่จำเป็นต่อการบริโภคอย่างเท่าทัน และสิทธิที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและยังชีพได้อย่างปลอดภัย ตามลำดับ ส่วนข้อที่สิทธิผู้บริโภคไทยขยายเพิ่มเติมจากสิทธิผู้บริโภคสากล คือ สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา สิทธิ 5 ประการของผู้บริโภค พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พ.ศ. 2541 ได้บัญยัติให้ความคุ้มครองผู้บริโภคไว้ 5 ประการ ดังนี้ 1.) สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับการโฆษณาหรือการแสดงฉลากตามความเป็นจริงปราศจากพิษภัยและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอย่างถูกต้องและเพียงพอ 2.) สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือรับบริการตามความสมัครใจ ปราศจากการชักจูงไม่เป็นธรรม 3.) สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากาารใช้สินค้าหรือบริการ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย มีสภาพและคุณภาพมาตราฐาน ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินหากใช้ตามคำแนะนำหรือระมัดระวังตามสภาพของสินค้าและบริการนั้น 4.) สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญา ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับข้อสัญญา โดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ 5.)สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหายเมื่อถูกละเมิดจากข้อ 1,2,3 และ 4 http://www.thaigov.go.th วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2565) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้ 1. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ... 2. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา รวม 4 ฉบับ 3. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องทอดโดนัทและเครื่องทอดน้ำมันท่วมปริมาณน้ำมันสูงสุดเกิน 5 ลิตร แต่ไม่เกิน 12 ลิตร หรือเครื่องทอดโดนัทและเครื่องทอดน้ำมันท่วมที่มีความดันไม่เกิน 50 กิโลปาสกาล และผลคูณของความดันกับปริมาตรเป็นลิตรไม่เกิน 200 ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ... 4. เรื่อง รายงานการดำเนินการตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 5. เรื่อง รายงานความคืบหน้าการดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG และการขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG 6. เรื่อง รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2564 7. เรื่อง ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด 8. เรื่อง การแก้ไขสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอิน จำกัด 9. เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรม 10. เรื่อง การปรับลดปริมาณงานภายใต้โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 9 ส่วนที่ 3 (คพส.9.3) และโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 (คพจ.1) 11. เรื่อง (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 - 2580) 12. เรื่อง รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 13. เรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 14. เรื่อง รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนกันยายน และ 9 เดือนแรกของ ปี 2565 15. เรื่อง ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565 - 2566 16. เรื่อง ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด และการเลือกสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 17. เรื่อง กรอบท่าทีไทยและเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา สมัยที่ 7 (The Seventh Session of the Committee on Environment and Development: CED 7) ระดับรัฐมนตรี 18. เรื่อง การขอความเห็นชอบให้ไทยร่วมรับรองข้อมติเรื่อง “Investing in the Core Structure of IOM” ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานและการยืนยันข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรีเรื่องการจ่ายค่าบำรุงสมาชิกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน 19. เรื่อง เอกสารผนวกท้ายตราสารเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (EANET) (Text for the Supplementary Document (Annex) to the Instrument for Strengthening the EANET) 20. เรื่อง ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 29 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 27 21. เรื่อง ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 22 22. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) 23. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) 24. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 1. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ... 2. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา รวม 4 ฉบับ 3. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องทอดโดนัทและเครื่องทอดน้ำมันท่วมปริมาณน้ำมันสูงสุดเกิน 5 ลิตร แต่ไม่เกิน 12 ลิตร หรือเครื่องทอดโดนัทและเครื่องทอดน้ำมันท่วมที่มีความดันไม่เกิน 50 กิโลปาสกาล และผลคูณของความดันกับปริมาตรเป็นลิตรไม่เกิน 200 ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ... (Efficiency & Effectiveness) ของการดำเนินงานตามภารกิจของ วช. สามารถบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมได้ตามแผนที่กำหนดไว้ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคในส่วนงานที่ได้รับโอนมาจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยเดิม บุคลากรของ วช. มีงานที่รับผิดชอบจำนวนมาก (หลายกรณีรับผิดชอบโครงการมากกว่า 100 โครงการต่อคน) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการดูแลคุณภาพการดำเนินงาน ด้านประสิทธิผลยังไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากเป็น การดำเนินงานภายใต้บทบาทใหม่ภายหลังจากการปฏิรูปเพียง 2-3 ปี สัดส่วนต้นทุนการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมเท่ากับร้อยละ 4.88-6.67 ของงบประมาณสนับสนุน2. การปรับเปลี่ยนองค์กร (Organization Transformation) มีการปรับตัวอย่างมากทั้งด้านโครงสร้างและระเบียบขั้นตอน การดำเนินงานเพื่อให้เกิดความคล่องตัวต่อกระบวนการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม ยังขาดความชัดเจนในเรื่องการปรับระบบบริหารและพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาศักยภาพด้าน Academic Leadership ในขณะที่ วช. มีบุคลากรหลายสถานะ (เช่น ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างโครงการ) หลายช่วงวัย หลากหลายทัศนคติ แนวคิดและวัฒนธรรมการทำงาน ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายในการบริหารจัดการและการพัฒนาบทบาทขององค์กรและการพัฒนาบุคลากรในอนาคตที่รองรับกับภารกิจของ วช.3. การเรียนรู้ขององค์กร (Organization Learning) วัฒนธรรมการทำงานในภาพรวมเป็นการสั่งการจากผู้บริหารค่อนข้างมากและขาดกระบวนการที่ชัดเจนในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นระบบ ผู้บริหารมีความเข้าใจนโยบายและตอบสนองต่อพลวัตของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้เป็นอย่างดีแต่ในระดับบุคลากรยังมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจนโยบายและทิศทางการเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ของระบบ รวมถึงช่องทางและโอกาสที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรของหน่วยงานระดับนโยบายและหน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาความเข้าใจในงานร่วมกัน4. การประสานและร่วมมือกับ หน่วยงานระดับต่าง ๆ (Coordination & Collaboration) ผู้บริหารมีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานนโยบายและหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง บุคลากรมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ ทั้งภาครัฐและภาคสังคม/ชุมชนได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีความจำเป็นต้องพัฒนากลไก/วิธีการประสานความร่วมมือกับผู้ใช้ประโยชน์ภาคเอกชนและผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น5. การสื่อสารไปสู่สังคม และสาธารณะ (Social & Public Communication)วช. มีความเข้มแข็งในส่วนนี้ จากการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติบุคลากร องค์กร และการประกวดสิ่งประดิษฐ์และผลงานวิจัยที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตมีความจำเป็นต้องต่อยอดการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อความสำคัญและคุณค่าของการวิจัยที่มีต่ออนาคตการพัฒนาประเทศ6. การพัฒนาระบบข้อมูล และการเชื่อมโยงข้อมูล (Data Platform and Connecting) มีการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบข้อมูลโดยการวางผังสถาปัตยกรรมระบบข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาระบบข้อมูลดังกล่าวซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูล ยังพบปัญหาความเสถียรของระบบข้อมูลสำหรับผู้วิจัยและหน่วยงานวิจัย (National Research and Innovation Information System: NRIS) โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีผู้ใช้ระบบเป็นจำนวนมาก ระบบข้อมูลสำหรับการบริหารและจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมส่วนกลางยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหน่วยงานผู้บริหารจัดการงานวิจัยและ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์เพื่อบริหารจัดการเชิงนโยบายอีกทั้งการนำข้อมูลไปใช้ยังไม่สามารถทำได้โดยอัตโนมัติตลอดทั้งกระบวนการ 2.2 ข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างและกลไกการบริหารเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจและขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ จากการประเมินและวิเคราะห์ใน 3 ส่วน คือ (1) การประเมินประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานของ วช. ในสถานะส่วนราชการ (2) การประเมินจุดแข็ง จุดอ่อนและประเด็นแวดล้อมของ วช. ในการดำเนินภารกิจในสถานะปัจจุบัน (ผลการประเมินปรากฏตามข้อ 2.1) และ (3) การวิเคราะห์เพื่อกำหนดและออกแบบทางเลือกการปรับปรุงโครงสร้างและกลไกการบริหารเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจและขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการตั้งโจทย์ 3 โจทย์ ได้แก่ (1) สถานะองค์กรแบบใดที่ส่งเสริมการพัฒนา วช. ให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง (2) การบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของ วช. ควรมีบทบาทการให้ทุนประเภทและรูปแบบใดบ้าง และ (3) ขอบเขตภารกิจของ วช. ควรครอบคลุมมากกว่าการเป็นหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมหรือไม่ ได้นำไปสู่ข้อเสนอการเปลี่ยนสภาพ วช. ไปสู่การเป็นองค์การมหาชนตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 25423 เพื่อตอบโจทย์การขับเคลื่อนการปฏิรูปและการพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรสมรรถนะสูง โดยให้จัดทำแผนและระยะเวลาการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรของ วช. รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์การมหาชน และ อว. หารือร่วมกันเพื่อดำเนินการในระยะต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการกำหนดรูปแบบการบริหารและจัดการทุนควรมุ่งเน้นที่การวิจัยพื้นฐานเพื่อการสร้างองค์ความรู้ที่จะเป็นฐานในการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างความเข้มแข็งของหน่วยวิจัยและนักวิจัย รวมทั้งควรมีส่วนงานหรือบุคคลที่ทำหน้าที่วางระบบการวิเคราะห์โจทย์และจัดทำ/พัฒนาแผนการวิจัยและนวัตกรรมซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีของหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม 3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้พิจารณารายงานผลการประเมินประสิทธิภาพและผลการปฏิบัติราชการของ วช. ร่วมกับผลงานการปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของหน่วยงาน ส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาในกำกับและสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ในการประชุมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 มีข้อพิจารณาว่าการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการจัดตั้ง อว. และมีการจัดโครงสร้าง บทบาทหน้าที่ของหน่วยงานครั้งใหญ่สามารถแสดงผลงานเชิงประจักษ์ได้ตามความคาดหวังของรัฐบาลและประชาชน รวมทั้งยังได้รับการยอมรับและชื่นชมจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วช. ในสถานะส่วนราชการ ได้มีบทบาทและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญตามแนวทางการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในภารกิจการเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและ อว. พร้อมการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐในทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพและผลการปฏิบัติราชการ ดังนั้น เพื่อให้การปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์โดยรวมต่อประเทศ เห็นสมควรให้ วช. คงสถานะความเป็นส่วนราชการและเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินการประเมินประสิทธิภาพและผลการปฏิบัติราชการของ วช. และทราบการคงสถานะ วช. เป็นส่วนราชการ เพื่อขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญตามแนวทางการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมต่อไป 1แต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 209/2562 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2562 โดยมีรองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน เป็นประธานฯ มีหน้าที่และอำนาจตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ อว.ฯ เช่น จัดทำแนวทางการพัฒนาระบบ กลไก การบูรณาการการทำงานและวิธีการปฏิบัติราชการ การจัดโครงสร้างและอัตรากำลังของหน่วยงานในบังคับบัญชาและในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้แล้วเสร็จภายในสามปี เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ และคณะรัฐมนตรี 5. เรื่อง รายงานความคืบหน้าการดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG และการขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG 2.4 การใช้จ่ายงบประมาณ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 กันยายน 2565) มีการใช้จ่ายงบประมาณ จำนวน 2,701.61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.76 ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร (จำนวน 3,565.84 ล้านบาท) โดยในส่วนของงบประมาณส่วนที่เหลือสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจะได้ประสานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง* เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาและการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการดังกล่าวอีก 6 เดือน (1 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566) จะเป็นการดำเนินการในส่วนของกิจกรรมที่จำเป็นที่ต้องดำเนินการภายหลังจากที่ได้ผลลัพธ์จากการดำเนินการในระยะเวลา 3 เดือน (กรกฎาคม - กันยายน 2565) ได้แก่ (1) การพัฒนา ส่งเสริมและผลักดันผลิตภัณฑ์และบริการ BCG ของชุมชนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน (2) การพัฒนา Platform เพื่อผลักดันผลที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ของ 7,435 ตำบล สู่การพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการผลักดันสินค้าและบริการออกสู่ตลาดผ่านช่องทางการจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้กับตำบล (U2T Market Place Platform) (3) การจัดทำ TDC และการวิเคราะห์ข้อมูล และ (4) การติดตามและประเมินผลการดำเนินการโครงการ _____________________ 1เป็นโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ. 2563 2ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของชุมชนรายตำบล เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบมีเป้าหมายชัดเจน *อว. แจ้งว่า จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอกันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2565 ไว้เบิกเหลื่อมปี ตามหนังสือ กค. ด่วนที่สุด ที่ กค 0402.5/ว138 ลงวันที่ 2 กันยายน 2565 6. เรื่อง รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2564 7. เรื่อง ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด 8. เรื่อง การแก้ไขสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอิน จำกัด หมายเหตุ : อก. ได้หารือไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งว่า อก. ควรพิจารณาว่ายังคงมีความจำเป็นที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปเป็นประธานกรรมการและกรรมการบริษัทหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาทบทวนหลักการและเหตุผลภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายเพื่อมิให้ขัดแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 126 และมาตรา 127 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประเด็นที่ 2 อก. ไม่สามารถดำเนินการซื้อขายที่ดินราชพัสดุอันเป็นที่ตั้งโรงงานให้กับบริษัทตามที่สัญญาร่วมทุนกำหนดได้ (เป็นไปตามสัญญาร่วมทุนข้อ 4) ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ชี้แจงว่าเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำการขายที่ดินราชพัสดุดังกล่าวให้บริษัทได้ เนื่องจากเดิมกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในขณะทำสัญญากำหนดว่าการขายที่ดินราชพัสดุจะต้องกระทำโดยวิธีประมูลเพียงประการเดียว แต่ต่อมา กค. ได้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว โดยปัจจุบันที่ราชพัสดุสามารถทำการซื้อขายได้ตามกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. 2550 โดยอนุญาตให้สามารถขายที่ราชพัสดุโดยวิธีอื่นที่ไม่ต้องใช้วิธีประมูลได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมธนารักษ์และบริษัทโรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากบริษัทต้องการซื้อที่ดินในราคา ณ วันลงนามในสัญญา ตามที่สัญญาข้อ 4 ระบุ แต่กรมธนารักษ์เห็นว่าราคาดังกล่าวแตกต่างกับราคาปัจจุบันมาก ต่อมาบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ จึงได้ยื่นฟ้อง อก. กค. และกรมธนารักษ์ต่อศาลแพ่ง และศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ว่า สัญญาข้อ 4 ดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่กำหนดขึ้นเป็นการแตกต่างกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ข้อตกลงตามสัญญาร่วมทุนดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่เสียเปล่ามาแต่ต้น ไม่มีผลใด ๆ ทางกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ซึ่งต่อมาบริษัทได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในเรื่องตำแหน่งประธานบริษัทฯ เห็นสมควรให้ อก. ไปเจรจากับคู่สัญญาฝ่ายเอกชน ให้มีการแก้ไขสัญญาจัดตั้งฯ เพื่อให้ไม่ขัดต่อข้อกฎหมายและคำแนะนำของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งอาจเป็นการระบุให้มีผู้แทน อก. เข้าไปเป็นประธานและกรรมการในบริษัทฯ และอาจมีผู้แทน กค. ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลจัดการทรัพย์สินของรัฐเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย หากคู่สัญญาเห็นชอบในแนวทางแก้ไขให้ อก. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบเพื่อการแก้ไขสัญญาต่อไป นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ อก. และ กค. พิจารณาในประเด็นความจำเป็นและเหมาะสมต่อสภาวการณ์ว่า รัฐยังควรเข้าไปถือหุ้นในกิจการของบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมกระดาษนี้ต่อไป หรือไม่ หรือจะขายหุ้นของรัฐออกไปแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาด้วย โดยให้ อก. เร่งดำเนินการและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะในเรื่องการซื้อขายที่ดิน 493 ไร่ ที่บางปะอินนั้นเห็นว่าเมื่อได้มีการนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้วและยังมิได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด จึงควรให้เป็นการดำเนินกระบวนคดีระหว่างคู่ความในชั้นศาลก่อนหรือจะใช้วิธีเจรจาตกลงระหว่างกรมธนารักษ์กับฝ่ายเอกชนก็ได้ 3. ต่อมา บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ ได้แจ้งว่าตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้สั่งการให้พิจารณาให้มีการแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ข้อ 10 เรื่องประธานและกรรมการ ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทได้ร่วมหารือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว โดยบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ ขอให้พิจารณา ดังนี้ 3.1 แก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ข้อ 10 เป็น “คณะกรรมการบริษัทซึ่งจะต้องประกอบด้วยกรรมการที่มาจากการเสนอชื่อของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย โดยจำนวนสัดส่วนกรรมการนั้นให้เป็นไปตามสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่ถือ ทั้งนี้ จำนวนกรรมการฝ่ายรัฐต้องมีไม่น้อยกว่า 3 คน โดยเป็นผู้แทนจาก อก. 2 คน และผู้แทนจาก กค. 1 คน เป็นกรรมการ โดยผู้แทนจาก อก. เป็นประธานกรรมการ” 3.2 ขอให้พิจารณาโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาร่วมทุนและแก้ไขชื่อให้ บริษัท สนิทเสถียร จำกัด เข้าเป็นคู่สัญญาฝ่ายเอกชนแทนบริษัท บวรกิจร่วมทุนฯ เนื่องจากบริษัท บวรกิจร่วมทุนฯ ได้โอนซื้อขายหุ้นบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ ให้กับบริษัทอื่นในกลุ่มเดียวกันโดยได้ควบรวมเป็นบริษัท สหหมิงฮั้วพาณิชย์ จำกัด และบริษัท สนิทเสถียรฯ ซึ่งเป็นบริษัทซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มเดียวกับบริษัท สหหมิงฮั้วพาณิชย์ฯ ได้เข้ารับผิดชอบการบริหารงานของบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ มาตั้งแต่ปี 2548 4. ในส่วนของกรณีการดำเนินการในเรื่องนี้เข้าข่ายจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนหรือไม่ อก. ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ตอบข้อหารือสรุปความได้ว่า สัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัท โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษบางปะอินฯ มีขึ้นก่อนที่พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 จะใช้บังคับ และไม่เข้าข่ายลักษณะโครงการที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2556 9. เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรม วันที่ 26 กรกฎาคม 2565ขอปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้1. คุณสมบัติผู้กู้1.1 ผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรมที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศ ซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งทางตรงและทางอ้อมคงเดิม-1.2 กรณีเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมหรืออยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2563กรณีเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมหรืออยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมเพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมผู้ประกอบการที่ยังอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมด้วย1.3 มีกำไรอย่างน้อย 1 ใน 3 ปีย้อนหลังล่าสุดมีกำไรอย่างน้อย 1 ใน 5 ปีย้อนหลังล่าสุดและปัจจุบันยังประกอบกิจการอยู่เพื่อให้ครอบคุลมผู้ประกอบการที่มีผลประกอบการดีก่อนสถานณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 191.4 กรณีเป็นนิติบุคคล ส่วนของผู้ถือหุ้นต้องไม่ติดลบคงเดิม-1.5 ประวัติการชำระหนี้ - ไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPLs) ไม่ถูกดำเนินคดี ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ณ วันยื่นคำขอ - กรณีลูกหนี้ปกติ ไม่มีหนี้ค้างชำระก่อนวันยื่นขอเข้าโครงการ - กรณีลูกหนี้เคยปรับเงื่อนไขการชำระหนี้หรือเคยปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่านมา ต้องไม่มีหนี้ค้างชำระก่อนวันยื่นขอเข้าโครงการ ทั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ และไม่ใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้ (Refinance) ประวัติการชำระหนี้ ข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้- กรณีมีประวัติการผ่อนชำระปกติต้องมีสถานะบัญชีปกติ2 ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ - กรณีมีประวัติค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ต้องมีสถานะบัญชีปกติ ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ - กรณีมีประวัติเป็น NPLs ต้องอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ต้องผ่อนชำระได้ตรงตามเงื่อนไข และไม่มีหนี้ค้างชำระตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ วันที่ยื่นขอเข้าโครงการ โดยต้องไม่ถูกดำเนินคดีและไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ทั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ และไม่ใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้ (Refinance) สิทธิผู้บริโภค มี 5 ข้อ ได้แก่อะไร2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ 3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ 4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา 5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
สิทธิของผู้บริโภคมีกี่ข้ออะไรบ้างสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค. 1. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง (Right to be informed) ผลิตภัณฑ์ ... . 2. สิทธิที่จะเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระ (Right to choose) บุคลากรหรือกระบวนการ ... . 3. สิทธิที่จะร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม (Right to be heard) ... . 4. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาค่าชดเชยหากเกิดความเสียหาย (Right to redress). ผู้บริโภคมีอะไรบ้าง2) ผู้บริโภค (consumer) => สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง ต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เช่น มนุษย์ สัตว์ต่าง ๆ ซึ่งถ้าพิจารณาอาหารที่ผู้บริโภคกิน จะสามารถแบ่งกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 2.1 สิ่งมีชีวิตกินพืช (herbivore) เช่น วัว ช้าง 2.2 สิ่งมีชีวิตกินสัตว์ (carnivore) เช่น เสือดาว สิงโต
ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของสิทธิการคุ้มครองผู้บริโภค1. เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ให้เสียเปรียบผู้ผลิต 2. เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา 3. เพื่อควบคุมสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย หรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค 4. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย
|