เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะ เป็นคำที่คุ้นหูหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสำหรับบางคน “บ้านอัจฉริยะ” คือบ้านในฝัน หากเล่าให้ฟังง่าย ๆ บ้านอัจฉริยะคือบ้านที่นำเอาเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้อำนวยความสะดวกและดูแลรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน โดยเชื่อมผ่านตัวกลางคืออินเทอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IoT) อีกทั้งยังควบคุมการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย เช่น การสั่งเปิด-ปิดไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยคำสั่งเสียงหรือควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน การสั่งงานให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานในขณะที่ไม่อยู่บ้าน และการสั่งเปลี่ยนรหัสเข้าบ้านจากสมาร์ทโฟน เป็นต้น

โดยเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะเริ่มนำมาใช้ในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไป ซึ่งในยุคก่อนมีความยุ่งยากในการติดตั้งและใช้งาน ทำให้บ้านแบบทั่วไปไม่นิยมนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ แต่สำหรับปัจจุบันที่เรามี IoT บ้านแบบเดิมก็สามารถอัปเกรดให้มีความสมาร์ทเหมือนบ้านโครงการใหญ่ ๆ ได้ โดยไอเดียการอัปเกรดบ้านมีดังต่อไปนี้

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

เตรียมบ้านสำหรับทำ Smart Home อย่างไร ต้องรื้อบ้านหรือไม่?

เริ่มต้นอัปเกรดบ้านให้กลายเป็น Smart Home ได้ง่าย ๆ ด้วยการสำรวจระบบอินเทอร์เน็ตภายในบ้านให้มีสัญญาณที่มีความเสถียรพอที่จะรองรับเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาติดตั้ง เพราะระบบบ้านอัจฉริยะจะทำงานผ่าน Hub หรือตัวรับ-ส่งสัญญาณ นั่นหมายความว่าภายในบ้านนอกจากจะต้องมี Wireless Router สำหรับกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตแล้ว จะต้องมี Hub สำหรับรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตและส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ด้วย ต่อไปนี้จะเป็นข้อควรรู้สำหรับการทำบ้านอัจฉริยะ

  • ไม่ต้องรื้อหรือทุบบ้าน จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าการทำบ้าน Smart Home ไม่มีส่วนใดที่จะต้องทุบหรือรื้อบ้านเลย เพราะความสำคัญจะอยู่ที่ความเสถียรของระบบอินเทอร์เน็ตภายในบ้าน
  • เลือก Hub ค่ายไหนดี การเลือก Hub ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดในการใช้งานของแต่ละคน โดยปัจจุบันเรามี Hub จากค่ายดังหลายค่าย เช่น Samsung SmartThings, Google Nest, Android Brillo, Amazon Eco และ Apple HomeKit เป็นต้น โดย Hub แต่ละค่ายสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้หลากหลายและบางค่ายสามารถรับคำสั่งเป็นภาษาไทยได้
  • อุปกรณ์เชื่อมต่อ การเลือกอุปกรณ์เชื่อมต่อมีความสอดคล้องกับ Hub ที่ใช้ หากอุปกรณ์ที่ซื้อมาไม่รองรับ Hub ค่ายนั้น ๆ ก็จะไม่สามารถสั่งงานควบคุมได้ ดังนั้นหากเลือกใช้ Hub ของค่ายใดจำเป็นจะต้องเลือกอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Hub ได้ด้วย เช่น เลือกซื้อหลอดไฟอัจฉริยะที่รองรับระบบ Nest ซึ่งเป็นของ Google จะต้องใช้ Hub ของค่าย Google Nest, Android Brillo หรือ Samsung SmartThings เพราะค่ายทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันกับระบบ Android เป็นต้น

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

เริ่มต้นเลือก Smart Home Device อย่างไรให้มีความคุ้มค่า

เนื่องจากการทำบ้านอัจฉริยะจะต้องมีการเลือกซื้อ Smart Home Device หรืออุปกรณ์อัจฉริยะเข้าบ้าน ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้ควรมีความคุ้มค่า เหมาะสม และมีความจำเป็น โดยอุปกรณ์อัจฉริยะจะมีทั้งแบบอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ตู้เย็นอัจฉริยะ เครื่องซักผ้าอัจฉริยะ เครื่องเสียงอัจฉริยะ ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนไฟไหม้ และระบบแจ้งเตือนยามน้ำรั่ว เป็นต้น โดยการทำงานของอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้

  • ระบบกันขโมย กล้องวงจรปิดสำหรับ Smart Home มีการพัฒนาด้วยระบบ Motion & Shock Sensor ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในบ้าน และส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปที่สมาร์ทโฟน เพื่อให้ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด หรือติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการเข้ามาระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที
  • ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ตัวช่วยอัจฉริยะที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการลืมปิดไฟ และยังช่วยดูแลความปลอดภัยได้ด้วย โดยระบบนี้ควรใช้กับบ้านที่มีการติดตั้งสายดิน หรือสายนิวตรอนเพื่อความปลอดภัย ตัวอุปกรณ์จะเป็นชุดปลั๊กไฟและสวิตช์ไฟอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งเวลาเปิด-ไฟได้จากแผงควบคุมภายในบ้านป้องกันการลืมปิดไฟ หรือจะเลือกเปิดไฟล่วงหน้าก่อนเข้าบ้านยามค่ำคืนผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนช่วยให้อุ่นใจยามกลับบ้าน
  • เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ สามารถเลือกเปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าก่อนกลับเข้าบ้านได้ ด้วยการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังสามารถเลือกปรับอุณหภูมิภายในบ้านได้ด้วย
  • ระบบป้องกันน้ำรั่ว อุปกรณ์มีลักษณะเป็นตัว Sensor ขนาดเล็กสำหรับบ้านที่ฝังระบบท่อน้ำไว้บนฝ้าเพดาน หรือในกำแพง การใช้งานเพียงวางอุปกรณ์ไว้ในจุดที่มีท่อน้ำ ตัว Sensor จะตรวจจับความชื้นในบริเวณรอบ ๆ และในอากาศ หากพบความชื้นที่สูงเกินไปจะทำการแจ้งเตือนไปที่สมาร์ทโฟน เพื่อให้ตรวจสอบท่อน้ำบริเวณนั้น อีกทั้งยังสามารถวางไว้ตามขอบประตูหรือหน้าต่างบ้านได้ สำหรับการตรวจจับว่ามีน้ำฝนสาดเข้าบ้านหรือไม่ ช่วยป้องกันเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียหาย และป้องกันการเกิดเชื้อรา

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

นอกจากที่กล่าวมานี้ยังมีอุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับ Smart Home อีกมากมายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับความจำเป็นในการใช้ชีวิต โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยหลักที่สำคัญ เพราะความสำคัญในการเลือกใช้อุปกรณ์คือการตรวจสอบว่าอุปกรณ์นั้น ๆ สามารถเชื่อมต่อกับเครื่อข่ายของ Hub ที่ใช้หรือไม่ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถออกแบบบ้านแสนสมาร์ทในราคาที่กำหนดได้เองแล้ว

คำพูดสามคำนี้คงเป็นคำที่ใครหลายคนพูดบ่อย ๆ หากว่าอยากจะสั่งเปิด-ปิดไฟ หรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีระบบสมาร์ทโฮม หรือระบบบ้านอัจฉริยะ ที่สามารถเชื่อมต่อตัวเราและอุปกรณ์ภายในบ้าน เพียงแค่พูดออกมา เหมือนว่าเรามีเวทมนตร์เลยทีเดียว ซึ่งระบบสมาร์ทโฮมเราไม่จำเป็นต้องซื้อบ้าน หรือ Build-in ใหม่แต่อย่างใด แต่เราต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับก็สามารถเปลี่ยนบ้านเก่าให้เป็นบ้านใหม่ที่รองรับระบบสมาร์ทโฮมได้แบบไม่ยาก แถมราคาสบายกระเป๋า หากว่าใครกำลังสนใจอยากให้บ้านของเราสมาร์ทกว่าที่เคยเป็น มาปูพื้นฐานกับระบบสมาร์ทโฮมกันก่อนดีกว่า

รู้จักระบบสมาร์ทโฮม ให้มากขึ้น

ระบบสมาร์ทโฮม คือการทำให้อุปกรณ์ภายในบ้านของเรา เช่น สวิตช์ไฟ พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ถูกควบคุมด้วยระบบอัจฉริยะ หรือ Hub โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ที่สามารถทำงานได้เองแบบอัตโนมัติ หรือรับคำสั่งของเราให้ทำงานตามที่ต้องการ ซึ่งในอดีตระบบสมาร์ทโฮมจะมีความยุ่งยาก เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ตัวแปลงอย่างเช่น รีโมท เพื่อแปลงสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของเรา ซึ่งมักมีความซับซ้อน ทำให้ไม่เป็นที่นิยม แต่ตอนนี้อุปกรณ์ที่รองรับสมาร์ทโฮมใหม่ ๆ จะมีการติดตั้งชิ้นส่วนภายในที่สามารถรับคำสั่ง และไม่ต้องใช้ตัวแปลงสัญญาณให้ยุ่งยากหรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อ Internet of Thing และสามารถใช้งานผ่านแอปฯ บนมือถือของเราก็สามารถสั่งงานระบบสมาร์ทโฮมได้ สำหรับระบบสมาร์ทโฮมที่นิยมจะมีด้วยกัน 3 เจ้าหลัก ๆ ดังนี้

  • Apple HomeKit จะใช้ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Siri เป็นคนรับคำสั่ง สามารถสั่งงานเป็นภาษาไทยได้
  • Google Nest จะใช้ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Google assistant เป็นคนรับคำสั่ง สามารถสั่งงานเป็นภาษาไทยได้
  • Amazon Alexa จะใช้ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa เป็นคนรับคำสั่ง ตอนนี้ยังไม่รองรับการสั่งงานเป็นภาษาไทย

ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมต้องสังเกตก่อนว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นรองรับ Hub กับระบบใด เพราะถ้าหากซื้อมาแล้ว พอเชื่อมต่อระบบหากว่าเป็นคนละ Hub จะไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ขายในบ้านเรามักจะรองรับระบบ Google Nest เป็นส่วนมากตั้งแต่อุปกรณ์ในราคาที่ถูกไปจนถึงราคาแพง ส่วนระบบ Apple HomeKit และ Amazon Alexa ยังมีอุปกรณ์ที่รองรับได้น้อยอยู่เพราะจะมีราคาที่แพง หากใครชอบ หรือถนัดระบบไหนสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก

เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่าจะเลือกใช้ระบบ Hub กับเจ้าไหนสิ่งที่เราควรเตรียมพร้อม และเป็นหัวใจสำคัญเลยคือ ‘อินเทอร์เน็ต’ หากบ้านใครมี Wi-Fi ใช้งานกันบ้านเป็นปกติ คงไม่มีปัญหาอะไร ขอแค่สัญญาณในบ้านเสถียรและรวดเร็วก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครอยู่หอพักไม่สามารถติดตั้งอินเทอร์เน็ต อาจต้องใช้ตัวกระจายสัญญาณ หรือ Hotspot ช่วยทำหน้าที่กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากมือถือของเราให้เป็น Wi-Fi ก็ใช้งานได้เหมือนกัน มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะพอเข้าใจระบบสมาร์ทโฮมกันแล้ว แล้วตัวอุปกรณ์สมาร์ทโฮมล่ะ เราจะใช้ตัวไหนกันดี ไม่ต้องค้นหาให้เหนื่อย เรามัดรวม 5 ชิ้นที่ควรมีติดบ้าน แล้วชีวิตของเราจะสบายขึ้นอีกเยอะ

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

1. สวิตช์ไฟ-ปลั๊กไฟ อยู่ที่ไหนก็สั่งเปิด-ปิดสบายสุด ๆ

ปัญหาลืมปิดไฟ หรือเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้จนทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นจะหมดไปด้วยปลั๊กไฟ และสวิตช์ไฟ Wi-Fi ในบ้านเราก็มีด้วยหลายยี่ห้อตั้งแต่ราคาหลักร้อยจนถึงพันบาท เช่น ยี่ห้อ Sonoff, Xiaomi หรือ Tuya เป็นต้น โดยเราสามารถนำไปติดตั้งกับสวิตช์ไฟ หรือปลั๊กไฟเดิมที่มากับตัวบ้าน เพียงแค่เช็กว่ามีสาย N หรือนิวตรอนไหน เชื่อว่าทุกบ้านในสมัยนี้จะมีสายเส้นนี้อยู่ในระบบไฟบ้านด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีสายนิวตรอนอาจต้องใช้อุปกรณ์เสริม เพื่อเป็นตัวกลางให้อุปกรณ์สั่งงานได้ง่ายขึ้น

สำหรับการทำงานของปลั๊กไฟ หรือสวิตช์ไฟระบบ Wi-Fi จะช่วยให้เราสามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ จากที่ไหนก็ได้ตราบใดที่อุปกรณ์เหล่านี้ยังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตภายในบ้าน และเรายังสามารถสั่งการทำงานโดยใช้เสียงอย่างเช่น “OK Google เปิดไฟหน้าบ้าน” หากว่าใครกลับบ้านกลางคืนการเปิดไฟไว้ก่อนจะถึงบ้านจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตได้ สำหรับสวิตช์ไฟ และปลั๊กไฟระบบ Wi-Fi ยังมีประโยชน์อีกมาก ใครที่กำลังเล็ง ๆ ไว้ เจ้านี้ล่ะ ต้องมีติดบ้านไว้เลย สะดวกสบายในชีวิตสุด ๆ

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

ขอขอบคุณรูปภาพจาก bxclvr.com

2. สมาร์ทแบตเตอรี่ เกิดเหตุด่วนไฟไหม้แจ้งเตือนได้ทันที

โดยส่วนใหญ่บ้าน หรือคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนไฟไหม้กันอยู่แล้ว เมื่อมีควันเยอะ ๆ ตัวอุปกรณ์จะมีเสียงแจ้งเตือนคนที่อยู่ในบ้าน แต่ถ้าเราอยู่ข้างนอกไม่มีใครอยู่บ้าน หากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดประกายไฟภายในบ้านก็หมดสิทธิ์ที่เราจะป้องกัน แต่สมาร์ทแบตเตอรี่ จาก Roost อุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่เก่งเรื่องของความปลอดภัยที่สามารถส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังมือถือของเรา หรือสถานีดับเพลิง ให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่บ้านของเราได้ เพื่อระงับเหตุที่อาจลุกลามได้

โดยการทำงานของ สมาร์ทแบตเตอรี่ จะมีเซนเซอร์ดักจับควัน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ตัวสมาร์ทแบตเตอรี่ จะรีบส่งข้อความแจ้งเตือนโดยทันที และไม่ต้องกลัวว่าจะติดตั้งยุ่งยากเพราะขนาดของ สมาร์ทแบตเตอรี่ มีขนาดเท่าถ่านไฟฉายขนาด 9V เท่านั้นเอง และสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แล้วคอยควบคุมผ่านมือถือได้แบบง่าย ๆ หากใครที่กังวลเรื่องของไฟไหม้ การมีสมาร์ทแบตเตอรี่ติดบ้านเอาไว้ ก็ช่วยลดความกังวลได้มากทีเดียว

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

3. หุ่นยนต์แม่บ้านทำความสะอาด จะดูดหรือถู ทั้งวันก็ทำได้

จะดีแค่ไหนถ้าพื้นบ้านของเราสะอาดไร้ฝุ่น ตลอดวัน หากใครต้องเจอปัญหาฝุ่นผงหรือเจอเศษเส้นผมที่พื้น ต้องคอยใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดตลอดเวลา คงจะเซ็งน่าดู แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเครื่องดูดฝุ่นพัฒนาขึ้นอย่างมากเราสามารถหาซื้อเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ง่าย และราคาที่ไม่แพงแถมบางรุ่นรองรับดูดฝุ่นและถูพื้น จบครบในตัวเดียวอย่างเช่น Roborock, Autobot หรือ iRobot เป็นต้น ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ในขั้นแรกเราจำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ในบ้านของเราเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วเราจะสั่งงานด้วยเสียง หรือการใช้แอปฯ ส่งการทำงาน แล้วปล่อยให้หุ่นยนต์ทำงานแทนเรา และในหุ่นยนต์บางรุ่นมีระบบที่ชื่อว่า Map home ที่จะจำลองลักษณะพื้นที่การทำงาน แล้วบอกว่ามีจุดไหนที่จุดสกปรกบ้าง ใช้เวลาทำงานไปกี่นาที บอกข้อมูลเราอย่างละเอียด

เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนอกจากช่วยแบ่งเบาภาระของเราในระหว่างวัน ยังช่วยลดปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากฝุ่นที่อาจส่งผลให้เราเป็นโรคภูมิแพ้ จากการใช้ไม้กวาด ทำความสะอาดแบบเดิม ๆ ที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน หากใครที่สนใจอยากได้ผู้ช่วยทำความสะอาดบ้าน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี่ล่ะที่จะทำให้บ้านเราปลอดภัยจากเชื้อโรค และฝุ่นยิ่งกว่าเดิม

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

4. เครื่องซักผ้าและตู้เย็น ช่วยเพิ่มเวลาให้กับเรามากกว่าเดิม

เครื่องซักผ้า กับตู้เย็นจะเพิ่มเวลาให้กับเราได้ยังไง? เรื่องนี้ทำได้สิเพราะตอนนี้มีเครื่องซักผ้า และตู้เย็นหลายยี่ห้อที่สามารถสั่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้แล้ว หากใครรีบตื่นมาในวันหยุดเพื่ออยากซักผ้าก่อนไปซื้อของเข้าบ้าน ก็ต้องยอมเสียเวลานั่งรอจนเครื่องซักผ้าทำงานจนเสร็จ ถึงจะเอาผ้ามาตาก หรือถ้าปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานแล้วออกไป ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาตากทันไหม มาช้าเสื้อผ้าก็เหม็นอับต้องซักใหม่ แต่เครื่องซักผ้าที่มีระบบอัจฉริยะ สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Wi-Fi อย่างเช่น Samsung หรือ LG สามารถให้เราสั่งการทำงานได้บนแอปฯ เพียงแค่ใส่ผ้าที่ต้องการ เทน้ำยาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ปิดฝา ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านได้เลย และเมื่อคิดจะเดินทางกลับบ้านก็สามารถสั่งงานเครื่องซักผ้าจากนอกบ้าน เมื่อเรากลับถึงบ้านเครื่องก็ทำงานเสร็จพอดี ตากเสื้อผ้าได้อย่างสบายใจ ไม่มีเหม็นอับ

และตู้เย็นอัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮม เช่น Samsung ก็มีระบบที่ช่วยคำนวณปริมาณวัตถุดิบในตู้เย็น หากของชิ้นไหนจะหมด เราสามารถกดสั่งซื้อวัตถุดิบนั้น ๆ ให้มาส่งที่บ้านได้เลย ก่อนที่วัตถุดิบจะหมดช่วยให้เราประหยัดเวลาขึ้นอีกมาก ไม่ต้องให้ของหมดแล้วค่อยสั่ง กว่าของจะมาส่งก็ต้องรอกันไปอีก เพียงแค่นี้ทั้งสองอุปกรณ์ก็ช่วยให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้น ได้ทำอะไรในชีวิตได้อีกตั้งเยอะ

เปลี่ยนบ้านเป็น Smart Home

ขอขอบคุณรูปภาพจาก techhive.com

5. เซ็นเซอร์อัจฉริยะ นวัตกรรมลดน้ำรั่ว ปกป้องบ้านที่คุณรัก

ปัญหาที่ทำให้คนรักบ้านทุกคนต้องปวดหัว คงหนีไม่พ้น น้ำรั่ว น้ำซึมยิ่งบ้านสมัยนี้มักจะเดินท่อน้ำไว้บนฝ้าเพดาน หรือฝังไว้ในกำแพงบ้าน เมื่อเกิดปัญหาน้ำรั่วแต่ละครั้งยากที่จะตรวจเช็กว่ามันรั่วมาจากจุดไหนบ้าง กว่าจะเจอต้นเหตุก็ทำให้ผนังหรือฝ้าเกิดเชื้อราแล้ว ต่อจากนี้บอกลาปัญหาไปเลยด้วย เซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบได้ว่า บริเวณรอบ ๆ มีน้ำรั่ว หรือท่อประปาแตกหรือไม่ โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น WallyHome หรือ Xiaomi เป็นต้น หลักการทำงานของเซนเซอร์อัจฉริยะนี้คือจะตรวจสอบปริมาณความชื้นในอากาศ หากมีความชื้นสูงเกินไป ตัวเซนเซอร์จะรีบส่งข้อความเตือนไปยังผู้ใช้ว่า เซนเซอร์จุดนี้มีความชื้นสูง อาจเกิดปัญหาจากระบบน้ำในบ้าน เพื่อที่เราจะได้แก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที

ทั้งนี้เราสามารถประยุกต์การใช้งานได้หลายแบบ เช่น นำไปวางใกล้ ๆ กับขอบประตู หรือหน้าต่าง เพื่อสังเกตความชื้นหากมีฝนสาดเข้ามาในห้องของเรา สำหรับเซนเซอร์อัจฉริยะแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก สามารถวางตามจุดที่อยากเฝ้าระวัง โดยไม่รู้สึกว่ารกบ้านเลย หากไม่อยากเจอปัญหาบ้านชื้น เฟอร์นิเจอร์มีเชื้อรา เซนเซอร์อัจฉริยะตัวนี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้อย่างดี

นี่เป็นเพียงตัวอย่างสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฮม ยังมีอุปกรณ์อีกมากมายให้เราปรับใช้ในบ้านของเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรจะรู้ไว้สำหรับเรื่องของการทำสมาร์ทโฮมนั่นคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะทุกอุปกรณ์จะอยู่ภายใต้อินเทอร์เน็ต Wi-Fi ของบ้านเรา หากถูกแฮค หรือรหัสผ่านรั่วไหลของออกไปจะทำให้มิจฉาชีพเข้ามาแฝงตัว หรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราได้ เพื่อความปลอดภัยควรหมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์ และเปลี่ยนรหัสผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงได้อีกมากเลย