ซักผ้าขาว ด้วย น้ำยาล้างจาน

เสื้อนักเรียนหมองทำไงดี? นี่อาจเป็นปัญหาหนักใจของพ่อบ้านแม่บ้านหลายคน เพราะลูกน้อยในวัยเรียนอาจเล่นซุกซนจนเสื้อนักเรียนเป็นคราบเหลืองได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะถ้าคุณรู้วิธีซัก เสื้อ นักเรียน ให้ ขาว อย่างถูกวิธีแล้ว ชุดนักเรียนของลูกน้อยจะดูขาวเหมือนใหม่ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อนักเรียนตัวใหม่ทุกๆ เทอมการศึกษาอีกต่อไป

นอกจากการซักทำความสะอาดผ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผ้าขาวไร้คราบเหลืองสกปรก ก็คือการดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาดอยู่เสมอ โดยคุณสามารถให้เครื่องซักผ้าทำงาน โดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าลงไป น้ำร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และล้างสิ่งสกปรกออกไปเอง

วิธีขจัดคราบเหลืองบนเสื้อนักเรียน

คราบเหลืองที่เกิดจากคราบเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกต่างๆ มักทิ้งคราบไว้ตามปกเสื้อและใต้รักแร้ จนทำให้เสื้อดูเก่าและสกปรกได้ง่าย ดังนั้นก่อนซักทำความสะอาดเสื้อนักเรียน คุณควรหาวิธีขจัดคราบเหลืองก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบฝังลึกไปมากกว่าเดิม จนทำให้เสื้อนักเรียนหมอง

  • ขจัดคราบเหลืองตามปกเสื้อและใต้รักแร้ด้วยน้ำยาขจัดคราบประมาณ 5-10 นาทีก่อนนำไปทำความสะอาด คุณยังสามารถใช้สบู่ ผงซักฟอกที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบอย่างน้ำยาซักผ้า บรีส เอกเซล หรือน้ำยาล้างจานซันไลต์ผสมน้ำแล้วมาขยี้บริเวณคราบเหลืองจนจางก่อนนำไปทำความสะอาด

  • หากคุณอยากใช้วิธีขจัดคราบเหลืองบนเสื้อนักเรียนด้วยวิธีธรรมชาติ คุณสามารถใช้วัตถุดิบในบ้านที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น มะนาว น้ำส้มสายชู นำไปผสมกับน้ำเปล่า แล้วถูบนคราบเหลือง แค่นี้คราบก็จะเจือจางลงแล้ว

  • หากคราบเหลืองแห้งกรังฝังแน่นมากบนเนื้อผ้า คุณสามารถใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำก่อนนำไปป้ายบนคราบ จากนั้นใช้แปรงสีฟันขัดจนคราบหลุดออก อ่านเพิ่มเติมที่นี่สำหรับวิธีขจัดคราบเละทำความสะอาดผ้าด้วยน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา

วิธีซักเสื้อนักเรียนให้ขาว

เมื่อกำจัดคราบเหลืองฝังแน่นตามปกเสื้อและใต้รักแร้แล้ว ขั้นตอนต่อไปในการซักเสื้อนักเรียนให้ขาวเริ่มด้วยการแยกเสื้อนักเรียนสีขาวออกจากผ้าสี เพื่อป้องกันไม่ให้สีผ้าตัวอื่นมาตกใส่

  1. เลือกซักทำความสะอาดผ้าด้วยน้ำร้อนเพื่อขจัดคราบสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ แต่คุณควรเลือกวิธีซักด้วยระบบการซักผ้าเนื้อบาง หรือแบบถนอมผ้า เพื่อดูแลให้เนื้อผ้าของเสื้อนักเรียนไม่ชำรุดหรือเสียหาย

  2. ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า รวมไปถึงน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผ้าขาว เช่น บรีส ออล หรือ คอมฟอร์ท โดยคุณควรเลือกสูตรอ่อนโยนเพื่อรักษาเนื้อผ้าและทำให้ผ้านุ่ม รวมไปถึงสูตรที่มีกลิ่นหอม เพื่อช่วยให้เสื้อนักเรียนทั้งขาวและหอมเหมือนใหม่ในเวลาเดียวกัน

  3. เมื่อซักทำความสะอาดผ้าเสร็จแล้ว คุณสามารถนำเสื้อนักเรียนไปอบในเครื่องอบผ้า โดยเลือกอุณหภูมิต่ำเพื่อไม่ให้เสื้อหดตัว หรือจะนำไปตากกลางแจ้งตามปกติ เพราะแสงแดดจะช่วยให้ผ้าดูขาวขึ้น ฆ่าเชื้อโรค และทำให้เสื้อมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ

เสื้อนักเรียนเหลืองทำไงดี? คำถามนี้จะไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกต่อไป เพราะการซักทำความสะอาดเสื้อนักเรียนเหลืองให้กลับมาขาวนั้นง่ายแสนง่าย หากคุณรู้การซักเสื้อ นักเรียนให้ขาวอย่างถูกวิธี มาดูแลเสื้อนักเรียนหมองให้คงความขาวสดใสเหมือนใหม่ไว้นานๆ เพื่อให้ลูกน้อยไปโรงเรียนด้วยความมั่นใจได้ทุกวัน

  • ไม่ว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบตามธรรมชาติอะไรก็ตามในการขจัดคราบเหลือง และทำให้เสื้อนักเรียนขาว อย่าลืมตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์การดูแลผ้า รวมไปถึงทดสอบผ้าในบริเวณเล็กๆ ก่อนเพื่อป้องกันเนื้อผ้าเสียหาย

  • นอกจากคราบเหลืองแล้ว คราบที่มักพบบ่อยๆ บนเสื้อนักเรียนคือ คราบหมึกปากกา คุณสามารถใช้ผ้าซับคราบ จากนั้นใช้น้ำเย็นปล่อยไหลผ่านคราบ เมื่อคราบจางแล้ว คุณควรใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายลงบนบริเวณคราบก่อนนำไปซักทำความสะอาดอีกที

  • การใช้น้ำซาวข้าวเป็นวิธีโบราณที่หลายบ้านมักใช้กัน คุณสามารถแช่เสื้อขาวในน้ำที่เหลือจากการซาวข้าวเป็นเวลาประมาณ 3-4 วันก่อนนำไป

อย่าเพิ่งเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้สิ้นเปลือง ถึงเสื้อผ้าตัวเก่ามันจะดูโทรมแค่ไหน แต่ก็สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นตัวใหม่ได้ ด้วยสูตรซักผ้าขาวเหล่านี้

ซักผ้าขาว ด้วย น้ำยาล้างจาน

 

         

 คงไม่มีใครอยากจะใส่เสื้อสีขาวที่มีคราบเหลือง ๆ หรือขาวแบบไปไหนมาไหนแน่ ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่เสมอไป เพียงแค่นำสูตรซักเสื้อขาวเหล่านี้ไปลองใช้กันดู รับรองว่าเสื้อขาวที่เคยสกปรกหรือดูหมอง ๆ จะกลับมาขาววิ้งเหมือนใหม่แน่นอน

1. สูตรน้ำมะนาว

         

 รสชาติเปรี้ยวเข็ดฟันของน้ำมะนาวนี่แหละ คือตัวช่วยดี ๆ ที่ทำให้ผ้าขาวกลับมาขาวสดใสได้อีกครั้ง โดยการผสมน้ำมะนาว ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก แล้วนำเสื้อมาแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ก่อนนำไปซักตามวิธีปกติอีกครั้ง

2. สูตรน้ำส้มสายชู

          สูตรนี้ให้ทำหลังจากซักเสร็จแล้ว โดยให้นำเสื้อมาซักน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่าอีกครั้ง ก่อนนำไปตากให้โดนแดด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผ้าขาวกลับมาใหม่และทำลายคราบหมองจนเกลี้ยง

3. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

          หากผ้าขาวมีคราบเลอะจนทำให้เกิดคราบหมอง ให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ½ ถ้วยตวง กับเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำเปล่าอีก 1 ถ้วยตวง เพื่อนำมาซักกับผ้าขาวแทนการใช้ซักผงฟอกตามปกติ

4. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กันน้ำยาล้างจาน

          อีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ในการกำจัดคราบที่เป็นสาเหตุทำให้ผ้าขาวหม่นหมอง ด้วยการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ส่วน ต่อน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน เทลงบนคราบ แล้วขยี้จนกว่าคราบจะหายไป ก่อนนำไปซักตามปกติอีกครั้ง

5. สูตรสารฟอกขาว

          นำสารฟอกขาวชนิดคลอรีน บลีช (Chlorine bleach) มาผสมกับน้ำเปล่าตามขั้นตอนที่ฉลากกำกับไว้ แล้วแช่ผ้าขาวทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนนำไปซักคราบออกให้เกลี้ยงเกลา

6. สูตรแอมโมเนีย

ซักผ้าขาว ด้วย น้ำยาล้างจาน

         

 แอมโมเนียช่วยให้ผ้าขาวของคุณขาวสะอาดได้เหมือนกัน โดยการผสมแอมโมเนียกับน้ำเปล่าให้เจือจาง แล้วนำไปซักผ้าขาวพร้อมผงซักฟอก แต่มีข้อแม้ว่าอย่าผสมแอมโมเนียกับผงซักฟอกโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้

7. สูตรกรดซาลิก

          หากผ้าขาวสะอาดเลอะคราบสนิมเหล็ก กำจัดคราบออกได้โดยผสมกรดซาลิกประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ป้ายส่วนผสมที่ได้ลงบนคราบแล้วขยี้ แต่ถ้ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่ แนะนำให้ซักด้วยแอมโมเนียซ้ำอีกครั้ง แต่วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกรดซาลิกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้

8. สูตรเบกกิ้งโซดา

          นอกจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยทำความสะอาดบ้านได้แล้ว ยังทำให้ผ้าขาวเหมือนใหม่ได้อีกด้วย โดยการเทเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนนำผ้าขาวมาซักทำความสะอาดตามปกติ ผ้าขาวของคุณก็จะขาวสะอาดเหมือนใหม่เลยล่ะ

9. สูตรบอแรกซ์และน้ำส้มสายชู

          สูตรนี้เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มพลังกำจัดคราบได้อีกทางหนึ่ง เริ่มจากผสมบอแรกซ์ ½ ถ้วยตวง เข้ากับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง เทผสมลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนซักผ้าขาวตามปกติ

10. สูตรน้ำซาวข้าว

          รู้หรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวที่เราเททิ้งนั้นมีประโยชน์มาก เพราะมันสามารถซักผ้าขาวของเราให้ขาวสะอาดได้ด้วยนะ โดยนำผ้าขาวไปซักแล้วแช่ไว้ในน้ำซาวข้าวผสมน้ำเปล่าประมาณ 2-3 นาที แล้วค่อยนำผ้าขาวมาซักอีกครั้ง

          แม้ผ้าขาวของคุณจะหม่นหมองหรือเลอะคราบเปื้อนแค่ไหน สูตรซักผ้าขาวเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้ผ้าขาวของคุณกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินซื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สิ้นเปลืองเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก wikihow, stain-removal-101, grandparents, organicauthority และ beautytipslife