��������Ҫ� �繡����·���˹���䡢ͧ�Ѱ��С�û���ͧ �����ʹ�֧�����þ��Ф�����ͧ�Է�Ԣͧ��ЪҪ�����ǹ��� �����ҧ����º�ͧ�ѧ�� ��������ЪҪ����������ѹ���¤���ʧ����º���� �֧����ǡѹ����繡����·��ѭ�ѵԶ֧��������ѹ�������ҧ�Ѱ ���������ҧ˹��§ҹ�ͧ�Ѱ ���������ҧ�Ѱ�Ѻ�͡��㹰ҹз���Ѱ����˹��§ҹ�ͧ�Ѱ�հҹ��˹����ɮ� �͡�ҡ��鹡�������Ҫ��ѧ����֧�����·������Ǣ�ͧ�Ѻͧ��âͧ���»���ͧ ��èѴ����º�������Ҫ��� �����Ҩ�����ǹ��ҧ��ǹ�����Ҥ������ǹ��ͧ��� ��ʹ���к����˹�ҷ�� �繡����·�������������ѡɳз���� ���Ȩҡ����кص�Ǻؤ��㴺ؤ��˹������ ���բ��¡�������� ������������ա���������ӹҨ��� �Ѱ�С�з����� ����ͧ�ѡɳ��Тͧ��������Ҫ���� �Т��觾Ԩ�ó��� 3 ��� ��� Show 1. ��������Ҫ��繡����·����Ѻ�ԵԺؤ�ŵ����������Ҫ��ԵԺؤ�ŵ���������͡����кؤ�Ÿ����� ����蹹ѡ�֡�ҵ�ͧ���㨤���� �ԵԺؤ�š�������¤���������ҧ� ��ҷ�Һ������Һؤ�Ź�鹤����觷�����Է�����˹�ҷ����������������Ҿ�ؤ�������������ͤ�ʹ���������ʹ�繷�á����شŧ����͵�� ��ǹ�ԵԺؤ�ŷ�衮��������Ԣ�� ������Է��˹�ҷ����ҧ����ͧ �����·���˹���������ؤ�šͧ��Ѿ���Թ ����ʶҹ�������������ؤ�� �繹ԵԺؤ�� �����©�Ѻ�詺Ѻ�������ѡ�������������š���������оҳԪ����ѭ�ѵ������ҵ�� 65 ��� �Ե�ؤ�Ũ��բ���������������ӹҨ��觻����š����¹�����͡�������� ��������蹷���˹����˹��§ҹ�ͧ�Ѱ����繹ԵԺؤ�� �� ����Ҫ�ѭ�ѵ�����Է����� ����Ҫ�ѭ�ѵԸ�Ҥ����觻������ �֧�Դ�ѭ����� �ԵԺؤ�ŷ���駢�鹵�� �. �. �. �繹ԵԺؤ���͡�����ԵԺؤ����Ҫ� ������Դ�����Ѻʹ ���ҧ�á����ѡ�֡�Ҩе�ͧ���֡��ҡ������� �. �. �. ��� ����ա�û���ͧẺ����óҭ��Է���Ҫ�� ��з�ǧ��ǧ ��� �������Ѻ������- ��ѵ���� �ա���������ͧ�Ҫ�������¹���� ����ǹ�Ҫ��è�������Ш����繨�������������� �������š�Ԩ�ó�����蹺ؤ�Ÿ����� �����������š�����Ҩ�ѧ�Ѻ�� ������������ �. �. �. ���� ��з�ǧ ��ǧ ��� �¡�͡�ҡ�����ҡ�ѵ������礧����ѡ��� ��� �����繨�������������� ����з�����Ѱ�����٭ 2492 �ա������Ѻ��Է�Ԣͧ�ؤ�Ũе�ͧ��ͧ��ǹ�Ҫ��÷���繹ԵԺؤ���� �й�� �Ѻ�����ҹԵԺؤ�Ũ���ҧ��ҵ��繨�������ͨл���ʸ����� ��Ҩ��ͧ��ҹԵԺؤ������ҹ���繹ԵԺؤ����Ҫ����ԵԺؤ���͡�� �е�ͧ�Ԩ�óҴ� j ��èѴ��駹ԵԺؤ�Ź�� � ��� �Դ����¡������͡�����͡�������Ҫ� k ��ô��Թ��âͧ�ԵԺؤ���繡�ô��Թ�ҹ�����Ҹ�ó����ª�� ������� ��� l �ؤ�ŷ��������ǹ��������Ѵ��ùԵԺؤ�Ź��������� ����ᵡ��ҧ�����ҧ�ԵԺؤ����Ҫ��Ѻ�ԵԺؤ���͡���դ����Ӥѭ����ʹѧ���
1. ความหมาย 1.1 ความหมายของนิติบุคคล นิติบุคคล เป็นคำกว้างๆ หมายถึง บุคคลที่กฎหมายสมมติให้มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดายกเว้นแต่สิทธิบางสิ่งบางอย่างที่มีเฉพาะแต่บุคคลธรรมดาเท่านั้น เช่น ในเรื่องการหมั้น การสมรส สถานะทางครอบครัว 1.2 ความหมายของนิติบุคคลมหาชน สำหรับนิติบุคคลมหาชน เป็นการจำกัดความหมายให้แคบเข้ามา หมายความว่า นิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะ เช่นหน่วยงานราชการต่างๆของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ (ต่างจากนิติบุคคลเอกชนซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดทำกิจกรรมส่วนตัวของเอกชน เช่น หุ้นส่วนบริษัทจำกัด มูลนิธิ) 1.3เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนิติบุคคลมหาชนและนิติบุคคลเอกชน นิติบุคคลมหาชนและนิติบุคคลเอกชนมีความแตกต่างกันในเรื่องใหญ่ ๆ 3 ประการด้วยกัน คือ 1) เรื่องอำนาจมหาชน เฉพาะนิติบุคคลมหาชนเท่านั้นที่มีอำนาจมหาชนหรืออำนาจปกครอง เช่น อำนาจในเรื่องการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืน อสังหาริมทรัพย์ อำนาจในการเก็บภาษีไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร ภาษีโรงเรือน อำนาจในการรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างผิดแบบ อำนาจเหล่านี้นิติบุคคลมหาชนมีอำนาจบังคับให้เอกชนกระทำการได้หรือบังคับการตามกฎหมายได้โดยไม่จำต้องอาศัยการฟ้องร้องต่อศาลก่อน 2) เรื่องฐานะ นิติบุคคลมหาชนจะมีฐานะเหนือกว่าเอกชนหรือเหนือกว่านิติบุคคลเอกชน เนื่องจากนิติบุคคลมหาชนเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีกฎหมายกำหนดให้อำนาจไว้ คำว่ามีฐานะเหนือกว่า หมายถึงบังคับการไปได้ตามอำนาจโดยไม่จำต้องอาศัยความยินยอมของคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง แต่นิติบุคคลเอกชนมีฐานะเท่าเทียมกันกับเอกชนหรือนิติบุคคลเอกชนอื่น การมีนิติสัมพันธ์ระหว่างกันอาศัยความสมัครใจ 3) เรื่องการจัดตั้งและการยกเลิก การจัดตั้งและยกเลิกนิติบุคคลมหาชนต้องอาศัยอำนาจกฎหมาย เช่น การจัดตั้งกระทรวงทบวงกรมต้องใช้กฎหมายกำหนดให้มีกระทรวงทบวงกรมนั้น ๆ ขึ้น เช่น การจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมกระทำโดยอาศัยอำนาจพระราชบัญญัติจัดตั้ง การจัดตั้งศาลจังหวัด การจัดตั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นนิติบุคคลมหาชนที่ต้องจัดตั้งโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนี้การโอนหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิและอำนาจหน้าที่นิติบุคคลมหาชนก็ต้องดำเนินการโดยอาศัยกฎหมายด้วยกันทั้งสิ้น แต่การจัดตั้งและยุบเลิกนิติบุคคลเอกชนกระทำโดยอาศัยนิติกรรม เช่น ในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัดจะต้องมีการทำสัญญาจัดตั้ง 2. ความเป็นนิติบุคคลของรัฐ 2.1 เหตุผลที่รัฐต้องเป็นนิติบุคคลต่างหากจากประชาชน ประเด็นที่จะต้องตั้งคำถามก็คือรัฐเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากประชาชนซึ่งเป็นสมาชิกของรัฐหรือไม่ ในเรื่องนี้นักกฎหมายมหาชนเห็นว่า รัฐเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากประชาชนด้วยสาเหตุ 2 ประการด้วยกันคือ 1) มีตัวตนใหม่ เพราะรัฐมีตัวตนใหม่ที่แยกจากประชาชนที่เป็นสมาชิกของรัฐ รัฐประกอบด้วยสมาชิกแต่ละคนมารวมกันเป็นรัฐ รัฐมีเจตนาของตัวเองโดยแสดงออกทางสภาผู้แทนราษฎรเจตนาที่เกิดขึ้นใหม่เป็นเจตนาของกลุ่มไม่ใช่ของสมาชิกแต่ละคน และการแสดงเจตนาของรัฐเป็นการแสดงเจตนาที่เหนือกว่าสมาชิกของรัฐ 2) มีความสืบเนื่อง กล่าวคือถึงแม้สมาชิกของรัฐจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ตาย สาบสูญ หรือเปลี่ยนสัญชาติ แต่รัฐก็ยังคงอยู่ไม่ได้สูญสลายไปตามสมาชิกของรัฐ หรืออีกนัยหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงในสมาชิกของรัฐไม่ทำให้ความเป็นรัฐลดน้อยลงหรือเพิ่มความเป็นรัฐขึ้น รัฐคงเป็นอย่างไรก็คงเป็นอย่างนั้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง รัฐก็อาจที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่น เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐบาลได้ เหตุที่มีการโต้เถียงเรื่องนี้กันก็เนื่องมาจากว่า มีการยึดมั่นในความคิดกันว่า การจะเป็นนิติบุคคลได้ต้องมีกฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นนิติบุคคล ถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดจะเป็นนิติบุคคลไม่ได้ เรื่องนี้ได้มีการบัญญัติรับรองไว้ใน บรรพ 1 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับเก่าก่อนมีการแก้ไขในปีพ.ศ. 2535 โดยกำหนดประเภทของนิติบุคคลไว้ 6 ประเภทเท่านั้น จึงมีการยึดมั่นกันว่า เมื่อไม่มีกฎหมายรับรองความเป็นนิติบุคคลของรัฐ รัฐจึงเป็นนิติบุคคลไม่ได้ นอกจากนี้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 724/2490 วินิจฉัยว่า รัฐบาลไม่ใช่นิติบุคคล ซึ่งเป็นแนวความคิดของนักกฎหมายไทยโดยทั่วไปว่า รัฐเป็นเพียงนิติบุคคลตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายภายใน ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาฎีกานี้ ก็คือ พระยาปรีดานฤเบศร์ได้ฟ้องรัฐบาลเนื่องจากไปประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร โดยอ้างว่า การกระทำของรัฐบาลทำให้เครื่องบินของสัมพันธมิตรที่ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส มาทิ้งระเบิด บ้านของพระยาปรีดานฤเบศร์จนได้รับความเสียหาย ในคดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลไม่ใช่นิติบุคคลจึงไม่อาจจะเป็นคู่ความได้ การตัดสินของศาลฎีกาเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับเก่าที่กำหนดว่านิติบุคคลมีเพียง 6 ประเภทเท่านั้น คำพิพากษาฎีกาฉบับนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักกฎหมายมหาชนเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยที่ว่ารัฐบาลไม่ใช่นิติบุคคล นักกฎหมายมหาชนเห็นว่า รัฐเป็นนิติบุคคลได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายมารองรับเพราะสังคมได้พัฒนามาจนแยกอำนาจปกครองออกจากตัวผู้ปกครองทำให้เกิดรัฐขึ้น รัฐเป็นผลผลิตที่เกิดเนื่องจากกระบวนการทางสังคมจึงไม่ต้องมีอะไรมารองรับ แนวความคิดที่ว่ารัฐเป็นนิติบุคคลเป็นแนวความคิดของรัฐสมัยใหม่ โดยถือว่ารัฐมีอำนาจรวมศูนย์เหนือบุคคลทุกคน รัฐสมัยใหม่มีอำนาจออกกฎหมายมาบังคับสมาชิกหรือคนทุกคนที่อยู่ในราชอาณาจักรได้ 2.2 การเป็นนิติบุคคลของรัฐก่อให้เกิดผล คือ 1) ทำให้เกิดความต่อเนื่องในการดำรงอยู่ของรัฐ 2) ทำให้ข้อผูกพันของรัฐที่ได้ทำไว้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองประเทศหรือรัฐบาล ข้อตกลงดังกล่าวก็ยังคงอยู่ไม่ได้สิ้นผลไปเนื่องจากสาเหตุดังกล่าวทั้งนี้เพราะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นเพียงองค์กร ๆ หนึ่งของรัฐเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงรัฐ 3)ทำให้รัฐมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและมีงบประมาณใช้จ่ายของตนเอง 4) ในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้รัฐมีสิทธิและหน้าที่ของตนเองสามารถดำเนินกิจการแทนสมาชิกของตนในกิจการระหว่างประเทศได้ และทำให้มีฐานะเป็นคู่ความในการดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศ และทำให้เกิดความเสมอภาคกันไม่ว่าจะเป็นรัฐใหญ่หรือรัฐเล็ก 3.ประเภทของนิติบุคคลมหาชน เราอาจแบ่งแยกประเภทของนิติบุคคลมหาชนโดยอาศัยเนื้อหาได้ 3 ประเภทด้วยกันกล่าวคือ 3.1 ประเภทคณะบุคคล หมายถึง องค์การที่สมาชิกได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้น อาจแยกตามลักษณะอำนาจขององค์กรได้เป็น 2 ประเภทคือ 3.1.1 องค์การทางพื้นที่ หมายถึง องค์การที่มีอำนาจครอบคลุมรัฐทั้งรัฐหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็ได้ เช่น รัฐมีอำนาจครอบคลุมทั้งรัฐ แต่เทศบาลมีอำนาจครอบคลุมเฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น 3.1.2 องค์การที่มีอำนาจเหนือบุคคล หมายถึง องค์กรที่มีอำนาจเหนือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ว่าบุคคลกลุ่มนั้นจะอยู่แห่งใดภายในรัฐ ตัวอย่าง เช่น องค์กรทางวิชาชีพ เช่น แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาทนายความ 3.2 ประเภทหน่วยงาน หมายถึง บุคคลและทรัพย์สินที่รัฐได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารภารกิจของรัฐ องค์กรเหล่านี้อาจแยกประเภทตามภารกิจในการจัดตั้งได้ดังนี้ 3.2.1 รัฐวิสาหกิจ เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยมีภารกิจในทางเศรษฐกิจ เป็นการจัดทำบริการสาธารณะที่ไม่ได้ยึดถือระเบียบแบบแผนราชการ เนื่องจากการจัดทำบริการสาธารณะในรูปแบบราชการมีข้อเสียมีระเบียบแบบแผนที่รัดกุมไม่คล่องตัวทำให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบัติงาน การที่จะนำเอาระบบราชการไปใช้ในการดำเนินธุรกิจทางเศรษฐกิจจึงไม่เหมาะสมและไม่เป็นผลดี จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานในการจัดทำบริการสาธารณะที่เป็นรัฐวิสาหกิจขึ้น เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น 3.2.1 องค์การของรัฐ เป็นหน่วยงานที่จัดขึ้นโดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางด้านเศรษฐกิจและไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในด้านการบริหารรัฐกิจโดยเฉพาะ แต่จัดขึ้นเพื่อให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงานในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น องค์การกีฬาแห่งประเทศไทย จะเห็นว่า ภารกิจในด้านการส่งเสริมการกีฬาไม่ใช่การปฏิบัติราชการโดยตรงและไม่มีวัตถุประสงค์ในด้านเศรษฐกิจการนำเอาองค์การกีฬาไปไว้ในส่วนราชการย่อมไม่เหมาะสม และจะจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจก็ทำไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากองค์การกีฬาไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในทางด้านเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องแยกองค์การกีฬามาไว้โดยเฉพาะ 3.2.3 หน่วยงานราชการ เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาโดยมีภารกิจของราชการ เช่น กระทรวง ทบวง กรม 3.3. กองทรัพย์สินหรือกองทุน เป็นการเอาทรัพย์สินของรัฐมาจัดตั้งขึ้นโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการบริหารรัฐกิจหรือในทางเศรษฐกิจ แต่เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งโดยเฉพาะเช่น องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพื่อสงเคราะห์หรือช่วยเหลือเด็กพิการ เปรียบเทียบกับรัฐในสมัยกลาง เจ้าผู้ครองนครไม่ได้มีอำนาจเหนือราษฎรแต่ละคน คงมีอำนาจเหนือเจ้าขุนมูลนายเป็นชั้นๆไปเท่านั้น นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชนคืออะไร1. นิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน คือ นิติบุคคลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
นิติบุคคลตามกฎหมาย มีอะไรบ้างนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้นมีบัญญัติเอาไว้หลายประเภท เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด มูลนิธิ สมาคม เป็นต้น ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
นิติบุคคลตามกฎหมายมหาชนต่างจากนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชนอย่างไรนิติบุคคลใดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายมหาชน มีภารกิจในการให้บริการสาธารณะและมีอำนาจในทางมหาชนที่จะบังคับกับเอกชน นิติบุคคลนั้นย่อมเป็นนิติบุคคลมหาชน แต่หากนิติบุคคลใดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเอกชน มีภารกิจในการดำเนินการเพื่อประโยชน์เอกชน และไม่มีการใช้อำนาจมหาชนแล้ว นิติบุคคลนั้นก็จะเป็นนิติบุคคลเอกชน
กฎหมายมหาชนคืออะไรมีอะไรบ้าง1. กฎหมายมหาชน (Public Law) ได้แก่ กฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐหรือหน่วยงานของรัฐกับราษฎร ในฐานะที่เป็นฝ่ายปกครองราษฎร กล่าวคือในฐานะที่รัฐมีฐานะเหนือราษฎร แบ่งแยกสาขากฎหมายมหาชนได้ ดังนี้ (1) รัฐธรรมนูญ (2) กฎหมายปกครอง (3) กฎหมายอาญา
|