เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน  เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน โดยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ลวดนิโครม ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ชนิดนั้น ๆ ร้อนขึ้นและใช้งานได้ตามต้องการ เช่น เตารีด, เครื่องทำน้ำอุ่น, กระติกน้ำร้อน

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ทำงานโดยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมอเตอร์    ทำให้แกนมอเตอร์หมุน และแกนมอเตอร์ที่ต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ  เช่น ใบพัด ทำให้ใบพัดหมุน เช่น พัดลม, เครื่องซักผ้า, เครื่องดูดฝุ่น      

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ทั้งพลังงานกลและพลังงานความร้อน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลและพลังงานความร้อนไปพร้อม ๆ กัน อุปกรณ์หลักมี 2 อย่าง คือ อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล คือ มอเตอร์ และอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน เช่น เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนให้เป็นพลังงานแสงสว่าง ได้แก่หลอดไฟประเภทต่าง ๆ เช่น หลอดไฟ

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียงและภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้จะมีอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบ เปลี่ยนสัญญาณทางไฟฟ้าและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ออกสู่ลำโพงเป็นเสียงและออกจอเป็นภาพ เช่น โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์

ไหนๆก็พูดถึงเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วผมขอเพิ่มเติมเกร็ดความรู้ถึงการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองมาฝาก เพราะหากเทียบกับสินค้าอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง สินค้ามือสองอาจไม่มีการรับประกัน รวมถึงอาจมีความบกพร่องใช้งานไม่ได้เหมือนสินค้ารุ่นใหม่ๆ แต่มองอีกมุมเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองอาจช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดเงิน แถมยังช่วยลดของเสียต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นหากจำเป็นต้องซื้อ ควรหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้ามือสองที่ต้องการซื้อ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของสถานที่ซ่อม เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าบางรุ่นเมื่อเก่าไปแล้ว อุปกรณ์หรืออะไหล่ที่จะนำมาซ่อมนั้นอาจหายาก หรืออาจไม่มี รวมถึงควรสอบถามเกี่ยวกับการส่งคืน ,การแลกเปลี่ยน หรือการรับประกันกับเจ้าของร้านที่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองในกรณีที่ซื้อไปแล้วใช้งานไม่ได้หรือชำรุด

นอกจากนี้ควรจะทดสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนที่จะซื้อหรือนำออกจากร้านค้า เพื่อให้แน่ใจว่ายังทำงานได้อยู่ และอย่าลืมเก็บใบเสร็จรับเงินหรือใบรับประกันไว้ด้วย เพราะใบเสร็จรับเงินจะพิสูจน์ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองที่ซื้อมานั้นซื้อมาเมื่อใด เพราะเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อมาพังจะได้มีหลักฐานเพื่อนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปประกันได้

...แน่นอนครับว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกๆบ้าน การใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าควรมั่นดูแลรักษา ใช้อย่างทนุถนอมเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณจะได้ใช้ไปได้นานๆนะครับ!!

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน 

บริษัท ซี ทู วัน เอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล อีเว้นท์ จำกัด: 

คุณปรียา เทศนอก (ปุ่น) โทร. 099-465-5945 อีเมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 

คุณปณัชชา ปนัดดาภรณ์ (หนูนา) โทร. 081-668-0003 อีเมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ในปัจจุบันนี้เครื่องดูดฝุ่นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมกันมากในชีวิตประจำวัน เครื่องดูดฝุ่น เป็นเครื่องช่วยทำความสะอาดภายในบ้านโดยใช้ระบบสุญญากาศดูดผงฝุ่นและเศษขยะต่างๆเข้าไปเก็บในที่เก็บ เครื่องดูดฝุ่นแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เครื่องดูดฝุ่นแบบถุงและเครื่องดูดฝุ่นแบบทรงกระบอกใบพัดที่ใช้ในเครื่องดูดฝุ่นเป็นใบพัดประเภทเดียวกับพัดลมดูดอากาศและใช้มอเตอร์แบบยูนิเวอร์ซัล

หลักการใช้

1. เมื่อซื้อมาแล้วเราก็ควรที่จะใช้งานเป็น รู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆ ของมัน ส่วนไหนประกอบอย่างไร เริ่มใช้งานตรงไหน ดูแลอย่างไร

2. สายไฟเจ้าปัญหา เครื่องดูดฝุ่นจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา ดังนั้นการวางแผนเรื่องของการต่อปลั๊กไฟสายไฟเผื่อเอาไว้ก็ชวยให้เราไม่ต้องเหนื่อยมากในการเปลี่ยนจุดเสียบบ่อยๆ

3. ควรตรวจสอบอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนการใช้งาน ว่าทุกข้อต่อประกอบกันแน่นอยู่รึเปล่า และตรวจสอบเศษฝุ่นสะสมอยู่ในตัวกรอง

4. ทำความสะอาดถังกรองฝุ่น เพื่อไม่ให้ฝุ่นที่สะสมมากเกินไปทำให้ตัวเครื่องนั้นต้องทำงานหนักกว่าเดิม และอาจเป็นสาเหตุทำให้มอเตอร์เครื่องเสื่อมสภาพได้เร็ว

5. ห้ามไม่ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดผิดประเภทเด็ดขาด อย่างเช่น น้ำ หรือของมีคมเศษแก้ว เศษโลหะเป็นต้น

การดูแลรักษา

1. ทำความสะอาดหัวแปรง

          นานเท่าไรแล้วที่คุณใช้เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้มา และจำได้ไหมว่าถอดหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นออกไปทำความสะอาดกี่ครั้ง เพราะหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นเป็นส่วนแรกที่จะสัมผัสกับฝุ่น และความสกปรกจากพื้นโดยตรง ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีทั้งคราบฝุ่นและเศษสกปรกติดค้างอยู่ในหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นอยู่ไม่น้อยแน่ ๆ ฉะนั้นเราจึงต้องหมั่นทำความสะอาดหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นอยู่เสมอ เพื่อกำจัดสิ่งติดค้างออกไปให้หมด ก่อนจะใช้งานเครื่องดูดฝุ่นทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นเศษสกปรกที่ติดค้างเหล่านี้ อาจจะขัดขวางการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น ให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้เครื่องดูดฝุ่นต้องทำงานหนัก และเสื่อมสภาพการใช้งานเร็วกว่าเวลาที่ควรได้ อีกทั้งยังอาจทิ้งฝุ่นตกค้างให้บ้านไม่สะอาดด้วย

 2. เติมน้ำมันหล่อลื่น

          หลังจากที่ถอดหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นออกมาแล้ว แนะนำให้หยอดน้ำมันหล่อลื่นที่ตลับแปรงดูดฝุ่นไปด้วย โดยทำตามขั้นตอนในหนังสือคู่มือที่แนบมากับกล่อง ลงมือขันนอตออก โดยอย่าลืมจำตำแหน่งทิศทางของหัวแปรงเครื่องดูดฝุ่นด้วยนะ และเมื่อส่วนฝาครอบแปรงเครื่องดูดฝุ่นหลุดออกมาแล้ว ให้กำจัดฝุ่นและความสกปรกออกให้หมดก่อน และค่อยหยอดน้ำมันหล่อลื่นลงไปที่ตลับแปรงดูดฝุ่นทั้งสองด้าน หากไม่มีน้ำมันหล่อลื่นโดยเฉพาะ ก็สามารถใช้น้ำมันมะกอกแทนได้ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ใส่ตลับแปรงดูดฝุ่นกลับเข้าที่เดิม และขันนอตให้เรียบร้อย น้ำมันหล่อลื่นจะช่วยให้แปรงดูดฝุ่นทำงานได้ดีขึ้น ไม่ติดขัด 

 3. เปลี่ยนถุงเก็บฝุ่น

          หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้เปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นออก เมื่อมีฝุ่นในถุงเก็บฝุ่นเกิน 1 ใน 3 ส่วนของถุง แต่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยขนาดนั้นก็ได้ เพราะคุณสามารถเทฝุ่นจากถุงเครื่องดูดฝุ่นเมื่อมีปริมาณฝุ่นเกินครึ่งถุง จากนั้นก็นำมาทำความสะอาดโดยการใช้น้ำอุ่นซักให้สะอาด และตากทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก 3-4 ครั้ง อย่างไม่มีปัญหากับการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นแต่อย่างใด แล้วหลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นใบใหม่ก็ยังไม่สาย

 4. ท่อดูดฝุ่น

          ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเคยแนะนำให้เปลี่ยนสายยางหรือท่อดูดฝุ่นในเครื่องดูดฝุ่นทุก ๆ 3 เดือน แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องรอให้ถึง 3 เดือนก็ได้ คุณควรหมั่นตรวจสอบสภาพการใช้งานของท่อดูดฝุ่นอยู่เสมอ หากพบว่าท่อดูดฝุ่นเริ่มเสื่อมสภาพการใช้งาน เช่น หลวม หรือขาด ก็ควรจะเปลี่ยนอันใหม่เลยทันที เพื่อป้องกันท่อดูดฝุ่นมีสูญญากาศไม่เพียงพอ ทำให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ และต้องใช้พลังงานในการดูดฝุ่นมากขึ้น

 5. ฟิลเตอร์

          ถือเป็นอวัยวะสำคัญชิ้นหนึ่งในเครื่องดูดฝุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะฟิลเตอร์มีหน้าที่กรองฝุ่นภายในตัวเครื่อง เพื่อไม่ให้ฝุ่นที่ถูกดูดเข้ามา ฟุ้งกระจายออกไปด้านนอก และก็มักจะมีเศษผมและเศษสกปรกอุดตันอยู่เยอะ ดังนั้นก็ควรจะถอดออกมาทำความสะอาด ด้วยการใช้น้ำเปล่าล้างฝุ่นออกให้สะอาด หรือใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดฝุ่นออกเบา ๆ จากนั้นนำไปตากให้แห้ง แล้วค่อยนำกลับมาใส่ที่เดิม หรือถ้าฟิลเตอร์มีสภาพย่ำแย่แล้ว ก็ควรหาซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนทันที

 6. สายไฟ

          สายไฟของเครื่องดูดฝุ่นส่วนมากมักจะถูกจัดเก็บในช่องเก็บสายไฟ ที่จะมีปุ่มกดให้เก็บสายไฟโดยอัตโนมัติ ซึ่งก่อนจะกดปุ่มจัดเก็บสายไฟทุกครั้ง ควรจะจัดระเบียบสายไฟในอยู่ในลักษณะเป็นเส้นตรงยาวก่อน เพื่อป้องกันสายไฟบิดเบี้ยว หรือฉีกขาด และก่อนจะใช้งานเครื่องดูดฝุ่นอีกครั้ง ก็ควรต้องตรวจสอบสภาพของสายไฟด้วย โดยควรเช็กให้ละเอียดว่าสายไฟอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 100% ไม่ฉีกขาด บิดงอ เสี่ยงเกิดอันตรายใด ๆ

 7. ดูแลความสะอาด

          หากอยากให้เครื่องดูดฝุ่นมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ก็จำเป็นต้องหมั่นดูแลความสะอาดของเครื่องดูดฝุ่นทั้งตัวเครื่องอยู่เสมอ ตั้งแต่หัวแปรงดูดฝุ่น ถุงเก็บฝุ่น ช่องเก็บสายไฟ และส่วนอื่น ๆ เพื่อกำจัดสิ่งตกค้าง ที่อาจจะขัดขวางการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นให้ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ และเป็นสาเหตุให้เครื่องดูดฝุ่นต้องทำงานหนัก ตามมาด้วยค่าไฟที่แพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


.................................................................................................



2.ไดร์เป่าผม

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง



วิธีการใช้ไดร์เป่าผม สำหรับผู้หญิงที่ต้องใช้ไดร์เป่าผมอยู่ทุกวัน ควรเลือกซื้อแบบขดลวดภายในยาวประมาณ 8 ฟุต ขึ้นไป สามารถถอดไส้กรองออกมาล้าง ควรจะเป็นไดร์แบบที่มี ปุ่มปรับระดับแรงลมอย่างน้อยสองระดับ และแบบปุ่มระดับความร้อนถึงสามระดับได้

วิธีการใช้ 

1. อย่าใช้ไดร์เป่าผมในขณะที่เพิ่งสระผมเสร็จใหม่ๆ หรือเพิ่งจะตากฝนมา ควรจะเช็ดผมด้วยผ้าให้พอหมาดๆ ก่อน จึงค่อยทำการไดร์ ไม่อย่างนั้นผมจะเสียได้ง่าย

2. ควรทำการไดร์ผม โดยเริ่มจากโคนไปจนถึงปลาย เพราะจะทำให้สามารถจัดแต่งทรงได้ง่ายขึ้น และเมื่อทำการไดร์ผมแล้ว ควรจะเป่าจนแห้งทั่วทั้งศรีษะ

3. ใช้ไดร์เป่าผมให้มีความเหมาะสม หากใช้ไดร์ที่มีกำลังวัตต์สูง ผมจะแห้งได้เร็ว และไม่ทำให้ผมรับความร้อนนานเกินไป ในขณะที่ไดร์ที่มีกำลังวัตต์น้อย หรือที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก จะช่วยให้ประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายกว่า

การดูแลรักษา

เมื่อซื้อไดร์เป่าผมมา ควรเริ่มจากการศึกษาคู่มือ และวิธีใช้อย่างละเอียดก่อน และเมื่อทำการไดร์ผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรรอให้ไดร์เป่าผมหายร้อน แล้วจึงค่อยเก็บลงในกล่องตามเดิมหากเริ่มรู้สึกว่าเครื่องเริ่มมีปัญหา ควรหยุดใช้ทันที อย่าทำการรื้อไดร์เป่าผมด้วยตัวเอง แต่ควรจะทำการส่งให้บริษัท หรือช่างที่มีความชำนาญซ่อมทันทีควรใช้ไดร์เป่าผมที่มีคุณภาพ ซึ่งอาจจะมีราคาสูง แทนการใช้ไดร์เป่าผมที่มีราคาถูก เพราะเคยมีรายงานว่า ไดร์เป่าผมราคาถูกหลายยี่ห้อ ได้มีการใช้ฉนวนแร่ใยหินเป็นฉนวนในการผลิต ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากกับสุขภาพ เพราะอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดิหายใจได้ จึงมีการห้ามผลิตและวางจำหน่ายในหลายประเทศไปแล้ว


............................................................................................................


3.หลอดไฟฟ้า


เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง


หลอดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างโดยมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอด เมื่อไส้หลอดร้อนจึงเกิดแสงสว่างขึ้นมา หลอดไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ แบบขั้วเกลียวและแบบขั้วเขี้ยวแต่ละแบบยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภท ให้ฟลักซ์การส่องสว่างธรรมดาและประเภทให้ฟลักซ์การส่องสว่างสูงแต่ละประเภทยังแบ่งได้อีก 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดสูญญากาศและชนิดบรรจุก๊าซ 

หลักการใช้

ปิดหลอดไฟบางบริเวณให้เร็วกว่าที่เคยปฏิบัติเลิกเปิดไฟทิ้งไว้เมื่อไม่มีคนอยู่ลดจำนวนหลอดไฟในบริเวณที่อาศัยแสงธรรมชาติได้เลิกใช้หลอดไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน

การดูแลรักษา

ใช้โคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ หรือแสงสว่างเฉพาะจุดทางเดิน เฉลียงหน้าบ้าน ภายในห้องน้ำ และบริเวณที่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้นาน ควรใช้หลอดไฟฟ้าที่มีวัตต์ต่ำหมั่นทำความสะอาดตัวหลอดไม่ให้มีฝุ่นละอองเกาะ เพราะจะทำให้ความสว่างน้อยลง


............................................................................................


4.เตารีดไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง




เตารีดไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทุกครัวเรือน ช่วยให้งานรีดเสื้อผ้าของแม่บ้านเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่บางครั้งผู้ใช้อาจประสบปัญหาการใช้เมื่อเกิดการลัดวงจร หรือใช้งานไม่ดี เนื่องจากคุณภาพที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีเตารีดไฟฟ้าแบบใหม่ๆ อีกมาก เช่นเตารีดไฟฟ้าแบบมีไอน้ำ เตารีดไฟฟ้าแบบมีน้ำพ่น ซึ่งน้ำหรือไอน้ำอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้ 

หลักการใช้

เลิกพฤติกรรมการรีดผ้าและดูโทรทัศน์พร้อมๆ กันเก็บผ้าไว้รีดครั้งละมากๆ และรีดติดต่อกันจนเสร็จ จะไม่เปลืองไฟไม่พรมน้ำผ้าที่จะรีดจนชุ่มเกินไปจัดผ้าที่จะตากให้ยับน้อยที่สุดเพื่อลดเวลาในการรีด

ไม่รีดผ้าในห้องที่มีการปรับอากาศถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาณ 2-3 นาที เพราะยังมีความร้อนเหลือเพียงพอที่จะรีดเสื้อยืดได้ 1 ตัว

การดูแลรักษา 

เตารีดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมากดังนั้นจึงควรรู้จัดวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัยก่อนอื่นควรตรวจสอบดูว่าเตารีดอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เช่นสาย ตัวเครื่อง เป็นต้นตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้าอย่าพรมน้ำจนเปียกแฉะดึงเต้าเสียบออกก่อนจะรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จควรพรมน้ำพอสมควรถอดปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จควรเริ่มรีดผ้าบาง ๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อนควรดึงปลั๊กออกก่อนรีดเสร็จเพราะยังร้อนอีกนานควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิด จะทำให้รีดง่ายขึ้น



.....................................................................................................


5.เครื่องซักผ้า


เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง


เครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดเสื้อผ้า และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นทุกขณะ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงของคุณที่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ยังสามารถประหยัดเวลาของคุณเพื่อนำไปใช้ทำกิจกรรมอื่นฯ ที่สำคัญหรืองานอดิเรกในวันหยุดพักผ่อนได้อีกด้วย 

หลักการใช้

ใช้เครื่องซักผ้าก็ต่อเมื่อมีเสื้อผ้ามากพอเหมาะกับพิกัดและขนาดของเครื่องตั้งโปรแกรมที่ใช้น้ำร้อนก็เมื่อจำเป็นเท่านั้นเพราะใช้ไฟมาก

การดูแลรักษา

ตั้งโปรแกรมซักผ้าที่เหมาะสมกับชนิดของผ้าทุกครั้งแช่ผ้าก่อนนำเข้าเครื่อง จะช่วยให้ซักผ้าได้ง่ายขึ้น สามารถเลือกโปรแกรมซักแบบประหยัดได้ตั้งปริมาณน้ำและใส่ผงซักฟอกให้พอดีกับจำนวนผ้าที่จะซัก


..........................................................................................


6.จักรเย็บผ้าไฟฟ้า


เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไปมี 8 ประเภทอะไรบ้าง


ลักษณะ มีมอเตอร์ติดที่หัวจักรด้านหน้า และมีที่เหยียบกดมอเตอร์ให้จักรทำงาน

การใช้งาน 

การใช้งานจักรเย็บผ้าอย่างปลอดภัย 

1.โปรดมองเข็มเย็บผ้าตลอดการเย็บ ไม่ควรจับที่วงล้อจักร, แกนกระตุกด้าย, เข็ม, หรือส่วนอื่นๆ ของจักรที่มีการเคลื่อนไหว 

2. โปรดปิดสวิตช์การทำงานและถอดสายไฟออกจากปลั๊กทุกครั้งเมื่อ: 

• การทำงานเสร็จสิ้น 

• เปลี่ยนหรือถอดเข็ม หรือส่วนประกอบอื่นๆ ออกจากตัวเครื่อง 

• ไฟดับระหว่างที่ทำการเย็บผ้า 

• ต้องการดูแลรักษาเครื่อง 

• ไม่ใช้งานจักรเย็บผ้า 

3. ไม่ควรวางสิ่งของใดๆ บนขาเหยียบ (มอเตอร์ควบคุมความเร็วของฝีเข็มของตัวเครื่อง)

4. โปรดเสียบปลั๊กของจักรเข้ากับเต้าเสียบบนผนังโดยตรง และไม่ควรใช้สายพ่วงปลั๊กไฟใดๆ ในการเชื่อมต่อทั้งสิ้น 

5. ห้ามวางหรือจัดเก็บเครื่องไว้ใกล้กับเครื่องทำความร้อนหรืออุปกรณ์ที่ให้ความร้อนชนิดอื่นๆ ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำจนเกินไป, มีความชื้นสูง หรือมีฝุ่นหนา เพราะอาจทำให้ตัวเครื่องได้รับความเสียหายได้ 

6. ห้ามใช้งานเครื่อง หากสายไฟหรือปลั๊กเกิดการชำรุดเสียหาย, หากเครื่องทำงานผิดไปจากปกติ, หากตัวเครื่องตกพื้นหรือได้รับความเสียหาย หรือมีน้ำหกใส่ตัวเครื่อง ในกรณีเช่นนี้ โปรดนำเครื่องไปยังศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจากบราเดอร์ใกล้บ้านท่าน เพื่อทำการตรวจสอบ, ซ่อมแซม หรือปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับระบบกระแสไฟฟ้า หรือกลไกภายใน

การดูแลรักษา 

1. เมื่อต้องการเก็บจักรเย็บผ้า โปรดหลีกเลี่ยงบริเวณที่ได้รับแสงแดด ห้ามใช้งานหรือจัดเก็บจักรเย็บผ้าในบริเวณใกล้เคียงกับเครื่องทำความร้อน, เตารีด, หลอดไฟเฮโลเจน หรือวัตถุที่ให้ความร้อนอื่นๆ 

2. ในการทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่อง ควรใช้น้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีค่ากรด-ด่างที่เป็นกลางเท่านั้น การใช้น้ำยาเบนซิน, ทินเนอร์ และผงขัดทำความสะอาด อาจทำให้ตัวเครื่องได้รับความเสียหาย หรือไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป 

3. ห้ามให้จักรเย็บผ้าหล่น หรือทำตกกระแทกอย่างรุนแรง 

4. โปรดอ่านคู่มือแนะนำการใช้งานทุกครั้ง เมื่อท่านต้องการเปลี่ยนหรือติดตั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์, ตีนเย็บผ้า, เข็ม หรือส่วนอื่นๆ ของจักรเย็บผ้า เพื่อให้มั่นใจว่าท่านได้ติดตั้งอุปกรณ์อย่างถูกวิธี 

เครื่องใช้ไฟฟ้าใน มีอะไรบ้าง

Checklist “เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน” ที่จำเป็น มีอะไรบ้าง?.
สมาร์ททีวี (Smart TV).
เครื่องปรับอากาศ (Air Conditioners).
พัดลมไอเย็น (Air Cooling Fan).
เครื่องซักผ้า (Washing Machine).
เครื่องอบผ้า (Clothes Dryer).
เครื่องทำน้ำอุ่น (Water Heater).
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier).
เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum Cleaner).

เครื่องใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันแบ่งตามประเภทการใช้งานออกเป็น 5 ประเภทอะไรบ้าง

ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า.
เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้แสงสว่าง ได้แก่ หลอดไฟ โคมไฟต่างๆ ฯลฯ.
เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ได้แก่ เตาไฟฟ้า เตารีด หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เครื่องเป่าผม เตาอบ ฯลฯ.
เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทมอเตอร์หมุน ได้แก่ พัดลม เครื่องซักผ้า เครื่องผสมอาหานไฟฟ้า ฯลฯ.

เครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทใด

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ทำงานโดยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมอเตอร์ ทำให้แกนมอเตอร์หมุน และแกนมอเตอร์ที่ต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ใบพัด ทำให้ใบพัดหมุน เช่น พัดลม, เครื่องซักผ้า, เครื่องดูดฝุ่น

เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท 3 หมายถึงข้อใด

10. เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท 3 หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กับแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับไม่เกิน 50 โวลต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ไม่ต้องมีสายดิน