ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร

ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร

ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
เด็กๆทุกคนคงไม่มีใครอยากจะใช้ชีวิตในห้องเรียนอย่างเดียว แน่นอนว่าเรายังมีเวลาที่เหลือนอกจากการเรียนที่เราสามารถไปทำสิ่งต่างๆที่เราชอบในสังคมภายนอก หากเราต้องการที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆในสังคมได้อย่างสงบสุขแล้ว เราต้องไม่รู้เพียงมารยาทในห้องเรียน แต่ต้องรู้ที่จะปฏิบัติตนอย่างถูกต้องนในสังคมอื่นๆอีกด้วย
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
ไปลามาไหว้ มารยาทไทยที่เป็นวัฒนธรรมการทักทายเวลาพบปะกันหรือลาจากกัน " การไหว้ " เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน นอกเหนือจากการกล่าวคำว่า " สวัสดี " แล้วยังแสดงออกถึงความหมาย " การขอบคุณ " และ " การขอโทษ " การไหว้เป็นการแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรี ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ซึ่งนับวันจะค่อย ๆ เลือนลางออกไปจากสังคมไทย ด้วยเยาวชนไทยส่วนใหญ่รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติมายึดถือปฏิบัติ เช่น การทักทายกันด้วย การจับมือ ด้วยการผงกหัวหรือพยักหน้าต้อนรับกัน โดยปกติความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นวัฒนธรรมไทยที่แสดงความเคารพด้วยการไหว้ผู้อาวุโส หรือการรับไหว้ผู้อาวุโสน้อย ปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมที่เกิดเฉพาะกลุ่มแทนที่จะเป็นวัฒนธรรมในสังคมของคนทุกชนชั้น ด้วยสาเหตุที่เยาวชนไทยมองข้ามวัฒนธรรมไทยที่ดีงามถูกต้อง มารยาทในสังคมไทยจึงผิดเพี้ยนไป ในที่นี้ได้หยิบยกมารยาทในการพบปะสมาคมในสังคมที่สำคัญมีดังนี้
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
1. การรู้จักวางตน ต้องเป็นคนมีความอดทน มีความสงบเสงี่ยม ไม่แสดงกิริยาก้าวร้าว อวดรู้ อวดฉลาด อวดมั่งมีและไม่ควรตีตัวเสมอผู้ใหญ่แม้ว่าจะสนิทสนมหรือคุ้นเคยกันสักปานใดก็ตาม
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
2. การรู้จักประมาณตน มีธรรมของคนดี ๗ ได้แก่ รู้จัก เหตุผล ตน ประมาณ กาล ชุมชน และบุคคล โดยไม่ทำตัวเองให้เด่น เรียกร้องให้คนอื่นสนใจ หรือสร้างจุดสนใจในตัวเรามากเกินไป ตัวอย่าง คำเตือนของหลวงวิจิตรวาทการที่กล่าวไว้ว่า " จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน "
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
3. การรู้จักการพูดจา ต้องไม่ทักทายปราศรัยกับคนด้วยคำพูดที่จะทำให้คนเขาเกิดความอับอายในสังคมและไม่คุยเสียงดังหรือยักคิ้วหลิ่วตาทำท่าทางประกอบจนทำให้เสียบุคลิกภาพได้
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
4. การรู้จักควบคุมอารมณ์ คือ รู้จักข่มจิตของตน ไม่ใช่อารมณ์รุนแรงเพื่อไม่ให้ล่วงสิ่งที่ไม่ควรล่วง ได้แก่ การข่มราคะ โทสะ โมหะ ไม่ให้กำเริบเป็นคุณลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ รู้จักข่มอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ทำลายข้าวของไม่พูดและแสดงกิริยาประชดประชันหรือส่อเสียด
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
5. การสำรวมกิริยาเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่ ขณะที่เดินผ่านผู้ใหญ่ให้ก้มตัวพองาม หรือหากผู้ใหญ่กำลังเดินไม่ควรวิ่งตัดหน้า ควรหยุดให้ผู้ใหญ่เดินไปก่อน หรือไม่ควรเดินผ่านกลางขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดกัน
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
6. การรู้จักควบคุมอิริยาบถ ถือเป็นคุณสมบัติที่ดี เช่น เมื่อเราได้ยินเสียงเพลงก็ไม่ควรเขย่าตัว กระดิกเท้า หรือเคาะจังหวะโดยไม่เลือกสถานที่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นอาการของคนที่ไม่ควบคุมอิริยาบถและไม่เหมาะสมกับกาลเทศะ
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
7. ความมีน้ำใจไมตรีอันดีต่อกัน การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขด้วยความรักและเข้าใจกัน ควรมีความเอื้ออาทร มีน้ำใจไมตรีต่อกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน มีความเห็นอกเห็นใจ เอาใจใส่ ทุกข์สุขของผู้เกี่ยวข้องมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน ที่สำคัญคือมีน้ำใจในการช่วยเหลือ หรือช่วยทำประโยชน์ให้แก่สังคม
ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
8. การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคุณธรรมชั้นสูงของการอยู่ร่วมกันใน พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเป็นปัจฉิมโอวาท ความว่า " จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นด้วยความไม่ประมาทเถิด" การยังประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็คือ การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพื่อประโยชน์ส่วนรวม สังคมจะมีสันติสุข คือ มีความสงบสุข ถ้าบุคคลในสังคมรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น มีความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร

ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร
https://sites.google.com/site/tanutchab865/maryath-thang-sangkhm-thiy-thi-yeawchn-phung-mi

ผลดีของการมีมารยาทในสังคมคืออะไร

“หลวงพ่อจรัญ” แห่งวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ให้ข้อคิดกับลูกศิษย์เสมอว่า “คนโกรธ คือ คนโง่ คนโมโห คือ คนบ้า” ยิ่งในยุคโควิด-19 ภาวะเครียด ภาวะกลุ้มใจ อารมณ์อ่อนไหวง่าย คนใจเย็นน้อยลง คนก้าวร้าวมากขึ้น หากเป็นเด็กๆ ค่อยอบรมกล่อมเกลาบ่อยๆ โอกาสจะใจเย็นยังพอหวังได้ แต่ถ้าคนเราโตขึ้นเป็นวัยรุ่น หนุ่มสาววัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ เกิดเป็นนิสัยคนขี้โมโหแล้ว โดยทั่วไปจะแก้นิสัยดังกล่าวให้เย็นคงจะยาก แต่ยังพอมีหวัง หากผู้ใดตั้งใจฝึกฝนปฏิบัติลด “อารมณ์โมโห” ให้ย่อมทำได้ เพียงต้องตั้ง “สติ” มุ่งมั่นฝึกฝนทำให้ได้ เริ่มคิดก่อนพูด คิดก่อนทำ คิดก่อนตัดสินใจ

⦁ ยับยั้งคำพูดและการกระทำ ในยามที่ตัวเองรู้ตัวว่าโกรธ อารมณ์คำสั่งพลุ่งพล่านให้สงบนิ่งไว้ จำไว้เสมอว่าความคิดใดๆ คำพูดใดๆ การกระทำใดๆ หากมีขึ้นในยามโกรธ โมโห มันเป็นไปในทางก้าวร้าว ทำลายร้ายแรง อาจจะสะใจชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลดี
กฎเหล็ก : เบื้องต้นที่ต้องทำให้ได้ คือ หยุดพูดไม่ทำอะไรเด็ดขาดให้ได้ในยามที่โกรธ รอให้ใจเย็น สงบหายโกรธแล้วค่อย เปิดปากพูดได้

⦁ ไตร่ตรองโทสะของความโกรธ ประโยชน์ของเมตตากรุณาย้อนอดีตที่เราเคยเกิดผลเสียเกิดอะไรบ้าง คิดซ้ำๆ ให้มากกว่าเรียกว่าอะไรไปบ้าง ทำให้ใครเสียใจกี่คน เสียเพื่อนกี่คน เสียโอกาสทำลายความสัมพันธ์เดิมๆ ดี ที่ผ่านมา

40 “มารยาทในสังคม” ประกอบด้วย :
1.เมื่อผู้ใหญ่พูดด้วยต้องหันมาฟังและรับคำก่อน ไม่หันหลังเดินออกเสียเฉยๆ เมื่อพูดกับผู้ใหญ่ควรนั่งให้เรียบร้อย ถ้าในโอกาสที่ควรยืน ก็ยืนโดยสำรวม แม้เมื่อยืนอยู่ หรือนั่งอยู่โดยลำพัง ถ้าผู้ใหญ่ผ่านมาในระยะใกล้ชิด ก็ควรแสดงคารวะโดยหมอบตัวลง
2.ผู้มีมารยาทไม่ตะโกนคำที่หยาบคาย และไม่ใช้ภาษาที่หยาบคายในการสนทนา ไม่ว่าในกรณีใดๆ การกล่าวคำหยาบต่อกัน มิใช่เป็นการแสดงความสนิทสนม แต่เป็นการแสดงมารยาททรามต่อกัน
3.ผู้มีมารยาทย่อมพูดจาด้วยถ้อยคำและสำนวนอันเรียบร้อย และออกสำเนียงได้ชัดเจนถูกต้องแสดงให้เห็นความเป็นผู้มีการศึกษาดี
4.ผู้มีมารยาท ไม่ล้วง แคะ แกะ เกา หรือหาวเรอต่อหน้าผู้อื่น แม้จะไอ หรือจามก็ต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก

5.ผู้มีมารยาทไม่บ้วนน้ำลาย หรือสั่งน้ำมูกลงบนถนน หรือสาธารณะใดๆ ถ้าจำเป็นต้องสั่งน้ำมูก หรือบ้วนคายสิ่งหนึ่งสิ่งใด ให้สั่ง หรือบ้วนคายใส่ผ้าเช็ดหน้าของตน
6.ตามธรรมเนียมไทย ผู้มีมารยาทไม่ดูดมือแทนการล้างมือ เมื่อมือเปื้อนอาหาร
7.ผู้มีมารยาทไม่จ้องดูผู้ใดโดยเพ่งพิศเหลือเกิน
8.ผู้มีมารยาทไม่นำสิ่งที่น่ากระดากมาเล่าให้แขกฟังและไม่กล่าวถึงเรื่องร้ายในงานมงคล
9.ผู้มีมารยาทมีความเกรงใจผู้อื่นเป็นนิตย์

10.ผู้มีมารยาทไม่ลืมที่จะส่งของซึ่งผู้อื่นได้สงเคราะห์ให้ตนยืม
11.ผู้มีมารยาทไม่ข่มเหง แต่ต้องช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ เช่น เด็ก หรือผู้หญิง หรือคนชรา
12.ผู้มีมารยาทไม่หาประโยชน์ใส่ตนด้วยอาการที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
13.ผู้ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นไม่ว่าในทางใด เป็นผู้ไม่มีมรรยาท
14.ผู้มีมารยาทย่อมมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นนิตย์ คือ สุจริตในการงาน สุจริตในการเล่น สุจริตในการเรียน สุจริตในการสอบไล่ และสุจริตในความเป็นอยู่ประจำวัน

15.ผู้มีมารยาทย่อมตรงต่อเวลาเสมอ
16.ผู้มีมารยาทย่อมแสดงความขอบคุณต่อผู้แสดงความเมตตากรุณาตน ถ้าเป็นผู้เสมอกันก็กล่าวขอบใจ หรือขอบคุณ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ใหญ่กว่า ควรยกมือไหว้ และกล่าวว่าขอบพระคุณ แต่ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ทรงอาวุโสสูง ควรแสดงความสำนึกในบุญคุณ โดยหมอบกราบลงเท่านั้น
17.ผู้มีมารยาท ย่อมแสดงความเคารพบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่โดยอ่อนน้อม
18.เมื่อพบผู้ที่จะทักทายด้วย ผู้มีมารยาทยกมือไหว้โดยพนมมือ ให้นิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้วและก้มศีรษะลง ถ้าก้มศีรษะมากเป็นการแสดงความเคารพมาก ก้มศีรษะต่ำมากเป็นการแสดงความเคารพมาก ก้มศีรษะน้อยเป็นการแสดงความเคารพน้อย
19.ผู้ใหญ่จะพนมมือรับไหว้ผู้น้อย โดยตั้งศีรษะตรงและยกมือขึ้นเพียงอก

20.ถ้าผู้ทักทายมีฐานะเสมอกัน หรือมีอายุไล่เลี่ยกันย่อมทักทายกันด้วยกิริยาอาการอย่างเดียวกัน
21.ผู้อ่อนอาวุโสไม่นั่งสูงกว่าผู้ใหญ่ ต้องนั่งโดยสำรวมและไม่หันเท้าไปทางผู้ใหญ่ ถ้านั่งเก้าอี้อยู่และผู้ทรงอาวุโสผ่านมา ผู้มีมารยาทย่อมลุกขึ้นยืนแสดงคารวะ
22.ท่านั่งที่เรียกว่าสำรวม คือ นั่งตัวตรงและวางมือทั้งสองไว้บนตัก ถ้านั่งกับพื้นต้องนั่งพับเพียบและวางมือทั้งสองข้างไว้บนตักไม่ท้าวแขน ท่ายืนที่เรียกว่าสำรวม คือ ยืนตัวตรงและปล่อยแขนทั้งสองแนบไว้กับตัว หรือยืนประสานมือ
23.เมื่อเข้าพบผู้ใหญ่ ในที่ๆ ใช้เก้าอี้ ผู้มีมารยาทย่อมรอให้ผู้ใหญ่บอกให้นั่งก่อนจึงนั่ง ถ้าในโอกาสที่ควรยืนก็ยืนตัวตรง หรือยืนประสานมือ ถ้าเข้าพบผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่กับพื้น ผู้มีมารยาทย่อมนั่งลุกกับพื้นทันที
24.เมื่อผู้มีมารยาทออกจากห้อง ซึ่งยังมีบุคคลอื่นอยู่ข้างใน ย่อมปิดประตูด้วยความระมัดระวังมิให้เป็นการกระแทก

25.ในสังคมปัจจุบัน สุภาพสตรีได้รับการยกย่องอย่างมาก จึงควรประพฤติตนให้สมเกียรติที่ได้รับ
26.ในสังคมปัจจุบัน สุภาพบุรุษย่อมเชิญสุภาพสตรีให้เดินหน้า ให้เข้าประตูก่อน และให้ขึ้นรถก่อนเสมอ ทั้งนี้ ไม่หมายความรวมถึงองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงเป็นที่เคารพสักการะสูงสุด หรือการปฏิบัติตามวินัย เช่น ศิษย์กับครู หรือผู้บังคับบัญชากับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
27.ในสังคมปัจจุบัน สุภาพบุรุษย่อมลุกขึ้นยืนเมื่อสุภาพสตรีมาพูดด้วย และยังไม่นั่งจนกว่าสุภาพสตรีจะได้นั่ง สุภาพบุรุษย่อมยืนรับสุภาพสตรี แต่สุภาพสตรีไม่ยืนรับสภาพบุรุษ เว้นไว้แต่เป็นการปฏิบัติตามวินัย
28.การรับประทานอาหารนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานแบบไทย หรือแบบฝรั่ง หรือแบบของชาติใดย่อมใช้มารยาทเช่นเดียวกัน คือ ต้องนั่งโดยเรียบร้อยและใช้เครื่องใช้ในการรับประทานอาหารที่เป็นส่วนตน เช่น จาน ช้อนส้อม มีด จานแบ่ง ผ้าเช็ดมือ และถ้วยน้ำ ต้องใช้ช้อนกลางตักอาหารที่เป็นของกลาง ไม่ใช้เครื่องใช้ของตนเองตักอาหาร ซึ่งเป็นของกลางเป็นอันขาด
29.เวลารับประทานอาหาร ต้องรับประทานโดยระมัดระวังไม่ทำให้เลอะเทอะมูมมาม และหุบปากเคี้ยวอาหารเพื่อระวังมิใด้มีเสียงดัง

30.ผู้มีมารยาทไม่ใช้มือของตนแตะต้อง หรือหยิบอาหารที่ผู้อื่นจะบริโภค หรืออาหารที่เป็นของกลาง
31.ในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ต้องรอให้ผู้มีอาวุโสนั่งก่อนจึงนั่ง และให้ผู้มีอาวุโสเริ่มรับประทานก่อนจึงรับประทาน
32.ถ้านั่งเก้าอี้ ควรนั่งตัวตรงไม่ท้าวศอกบนโต๊ะอาหาร ถ้านั่งกับพื้นควรนั่งพับเพียบเรียบร้อยและนั่งตัวตรงไม่เท้าแขน
33.ผ้าเช็ดมือ มีไว้สำหรับเช็ดมือ เช็ดปาก และป้องกันอาหารมิให้เปื้อนเสื้อผ้า ก่อนรับประทานจึงควรคลี่ผ้าเช็ดมือปูไว้บนตัก
34.ผู้มีมารยาทถือช้อนด้วยมือขวา และถือส้อมด้วยมือซ้ายในเวลารับประทานอาหาร ถ้ารับประทานอาหารที่ต้องใช้มีดกับส้อม ก็ถือมีดด้วยมือขวา ถือส้อมด้วยมือซ้าย ส่วนขนมปังใช้รับประทานด้วยมือ การซดน้ำแกงหรือน้ำซุบ ผู้มีมารยาทควรซดจากข้างช้อน

35.มีดมีไว้สำหรับตัดอาหาร จึงจะนำไปใช้ตักอาหารเข้าปากไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้ใดใช้มีดส่งอาหารเข้าปาก ผู้นั้นเสียกิริยาอย่างมาก
36.ในการรับประทานน้ำชา หรือกาแฟ ช้อนกาแฟ หรือช้อนชามีไว้สำหรับใช้คนกาแฟ หรือน้ำชาเท่านั้น เมื่อคนเสร็จแล้วต้องวางไว้ในจานรองถ้วย จะนำไปตักน้ำชากาแฟซดไม่ได้ไม่ว่ากรณีใดๆ
37.การดื่มควรดื่มช้าๆ ระวังไม่ดื่มให้ดัง ควรมีการเว้นระยะบ้าง ไม่ดื่มรวดเดียวหมด ไม่ดื่มขณะที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก และไม่ทิ้งรอยปากไว้ที่ถ้วย
38.ผู้มีมารยาท ไม่พูดถึงสิ่งน่ารังเกียจ หรือน่าหวาดเสียวในขณะรับประทานอาหาร และเมื่อรับประทานเลี้ยงเสร็จแล้วควรนั่งสนทนาอยู่อีกสักครู่หนึ่ง
39.ในการสนทนา ผู้มีมารยาทไม่โอ้อวดตน หรือลบหลู่ผู้อื่น หรือไม่สนทนาแต่เรื่องของตนฝ่ายเดียว

40.เมื่อรับวาจาว่าจะทำสิ่งใดแล้ว และมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น ซึ่งจะทำไม่ได้ ผู้มีมารยาทย่อมแจ้งให้ผู้ที่เอ่ยวาจาทราบ
ท้ายสุดขอฝากแฟนๆ มติชนทุกท่าน ด้วยการดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวให้ปลอดจากโรคไวรัสโควิด-19 ด้วยหลัก 5 ประการ
1.เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ตัวเราเองให้ครบ อย่าลืม “3อ” ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อารมณ์ดี 3ลด : ลดอ้วน ลดละเหล้า ลดละบุหรี่
2.ใส่ Mask 100% ทุกที่ทุกเวลา
3.กินร้อนช้อนส่วนตัว อาหารจานเดียว แยกกันทาน
4.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ แอลกอฮอล์
5.สังเกตตัวเอง ถ้ามีอาการไข้หวัด ไอ ไข้สูงมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ไอมากขึ้น หายใจขัด รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ไงเล่าครับ

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.วิชัย เทียนถาวร
อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข

มารยาททางสังคมที่ดีมีอะไรบ้าง

การพูด ... .
การทักทาย ... .
การแต่งกาย ... .
การนั่ง การยืน และการเดิน ... .
การรับประทานอาหาร ... .
การใช้บริการรถสาธารณะ ... .
การใช้สมาร์ทโฟน ... .
เคารพสิทธิผู้อื่น.

มารยาทที่ดีเป็นอย่างไร

ความหมายของมารยาท มารยาท หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติ หรือการแสดงวาจา ภาษา ท่าทาง และพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมาให้ปรากฏแก่สายตาของผู้อื่นคนทั่ว ๆ ไปจะมีมารยาทดีมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมของแต่ละ ครอบครัว บุคลิกภาพของแต่ละคนจะบอกให้รู้ว่าคนคนนั้นมีความสุภาพ อ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ และมี ระเบียบวินัยเพียงใด

มารยาทไทยในสังคมมีอะไรบ้าง

มารยาทไทยครอบคลุมถึงกิริยา วาจาต่าง ๆ เช่น การแสดงความเคารพ การส่งและการรับสิ่งของ การยืน การเดิน การนั่ง การนอน การแสดงกิริยาอาการ การรับประทานอาหาร การให้และรับบริการ การทักทาย การสนทนา การใช้คำาพูด การฟัง การใช้เครื่องมือสื่อสาร รวมทั้ง การประพฤติปฏิบัติในพิธีการต่าง ๆ

มารยาทไทยมีความสําคัญต่อสังคมอย่างไร

มารยาท คือ การแสดงกิริยาให้เหมาะสมกับบุคคล สถานที่ และกาลเทศะ มารยาทไทยถือเป็น เอกลักษณ์และมรดกของชาติ การเห็นคุณค่า อนุรักษ์ และมีการปฏิบัติที่ถูกต้องตามแบบแผน ถือเป็นการ เผยแพร่และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น มารยาทไทยที่ควรรู้จักและปฏิบัติเนื่องจากเป็นพื้นฐาน ของการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้แก่ การแสดงความ ...