������Է����Ѻ�Сҵ Show
������Է����Ѻ�Сҵ �պѭ�ѵ�������š���ҹ ����� 9 �ͧ��÷�� 60 ����ըӹǹ 8 ������ �ѧ��� Ref : http://www.piwdee.net/dkp.htm 14/02/2008 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เหรียญเงินหรือทองเป็นหนึ่งในวิธีให้ซะกาต ซะกาต (อาหรับ: زكاة, [zaˈkaːt], "ที่ชำระให้บริสุทธิ์"[1] หรือ ซะกาตุลมาล (زكاة المال, [zaˈkaːt alˈmaːl]), "ซะกาตบนความมั่งคั่ง")[2] เป็นรูปแบบทักษิณาทานที่มักจัดเก็บโดยอุมมะฮ์มุสลิม[1] ถือเป็นข้อผูกพันทางศาสนาในศาสนาอิสลาม[3][4] และในอัลกุรอานจัดให้มันมีความสำคัญรองจากการละหมาด[5] เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 5 หลักการอิสลาม ทำให้ซะกาตเป็นหน้าที่ทางศาสนาของมุสลิมทั้งหมดที่มีทรัพย์สินตรงตามเงื่อนไขในการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ[6][7] เป็นการบริจาคเพื่อการกุศลที่จำเป็น ซึ่งมักถือเป็นภาษี[8][9] การชำระเงินและข้อพิพาทเกี่ยวกับซะกาตมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะในช่วงสงครามริดดะฮ์[10][11][ต้องการเลขหน้า] ซะกาตด้านทรัพย์สินขึ้นอยู่กับมูลค่าของทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ถือครอง[12][13] มุสลิมต้องบริจาคขั้นต่ำที่ 2.5% (หรือ 140)[14] ของเงินออมและทรัพย์สินทั้งหมดทุกปีจันทรคติ โดยจำนวนขั้นต่ำนี้มีชื่อเรียกว่า นิศอบ[15] ปัจจุบันในประเทศที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนมากส่วนใหญ่ถือว่าซะกาตเป็นความสมัครใจ ในขณะที่ลิเบีย, มาเลเซีย, ปากีสถาน, ซาอุดีอาระเบีย, ซูดาน และเยเมน ซะกาตถือเป็นข้อบังคับและรัฐจะเป็นผู้จัดเก็บ (ณ ค.ศ. 2015)[16][17] ชีอะฮ์ถือว่าซะกาตเป็นการกระทำส่วนตัวและโดยสมัครใจ โดยมีความต่างจากซุนนีที่พวกเขาจะให้ซะกาตแก่คนเก็บซะกาตที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหม่ามมากกว่าคนเก็บซะกาตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ[18][19][20] ศัพทมูล[แก้]ศัพท์นี้มีที่มาจากรากภาษาอาหรับว่า ز ك و หมายถึง ทำให้บริสุทธิ์[21][1] ซะกาตถือเป็นวิธีทำให้รายได้และความมั่งคั่งของตนบริสุทธิ์จากวิธีการได้มาซึ่งทางโลกที่บางครั้งไม่บริสุทธิ์[1][22][23][24] ซาจิโกะ มูราตะกับวิลเลียม ชิตติกรายงานว่า "เช่นเดียวกับการชะล้างทำให้ร่างกายบริสุทธิ์ และการละหมาดทำให้วิญญาณ (ในศาสนาอิสลาม) บริสุทธิ์ ดังนั้น ซะกาตทำให้ทรัพย์สินบริสุทธิ์และทำให้พระเจ้าพึงพอใจ"[25][26] หลักคำสอน[แก้]อัลกุรอาน[แก้]อัลกุรอานได้ระบุถึงการทำทานในหลายโองการ บางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับซะกาต ตัวอย่างโองการที่พบคำว่าซะกาต ได้แก่ ซูเราะฮ์: 7:156, 9:60, 19:31, 19:55, 21:73, 23:4, 27:3, 30:39, 31:4 และ 41:7[27][28] คำว่าซะกาตยังพบในซูเราะฮ์มะดีนะฮ์ยุคแรกและระบุเป็นข้อบังคับของมุสลิม[26] มุสลิมเชื่อว่าผู้ที่ให้ซะกาตจะได้รับรางวัลจากพระเจ้าในโลกหน้า ส่วนผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตจะได้รับบทลงโทษ ซะกาตถือเป็นพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมุสลิม[26] โองการที่ 2.177 สรุปมุมมองการทำทานและทักษิณาทานในอัลกุรอานไว้ดังนี้:
รายงานจากยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวี โองการที่ 9.5 ของอัลกุรอาน[29]ทำให้ซะกาตเป็นหนึ่งในสามข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับพวกนอกศาสนาที่จะเป็นมุสลิม: "แต่ถ้าพวกเขาสำนึกผิดกลับตัว ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาต พวกเขาเป็นพี่น้องในความเชื่อของท่าน"[6] อัลกุรอานยังระบุรายชื่อผู้ที่ควรได้รับซากาต โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมข้างล่างนี้[30] ฮะดีษ[แก้]แต่ละฮะดีษที่น่าเชื่อถือที่สุดระบุถึงเรื่องซะกาต เช่น เศาะฮีฮ์อัลบุคอรี เล่มที่ 24,[31][32] เศาะฮีฮ์มุสลิม เล่มที่ 12,[33][34] และซุนันอะบูดาวูด เล่มที่ 9[35][36] ซึ่งกล่าวถึงด้านต่าง ๆ ของซะกาต เช่น ใครต้องจ่าย จำนวนเท่าใด เมื่อใด และอะไร ฮะดีษเหล่านี้ระบุถึงจำนวนอัตรา 2.5% ด้วย[37] ฮะดีษเหล่านี้ตักเตือนผู้ที่ไม่จ่ายซะกาต ตามรายงานจากฮะดีษ การไม่จ่ายซะกาตหรือล้อเลียนผู้ที่จ่ายซะกาตเป็นสัญลักษณ์ของพวกหน้าไหว้หลังหลอก และพระเจ้าจะไม่ยอมรับการละหมาดของคนพวกนี้[38][39] ยังมีซุนนะฮ์ที่กล่าวถึงการลงโทษผู้ที่ปฏิเสธหรือไม่จ่ายซะกาตจากพระเจ้า[40] ในวันพิพากษา ผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตจะต้องรับผิดชอบและถูกลงโทษ[30] จำนวน[แก้]ดูบทความหลักที่: การคำนวณซะกาต จำนวนซะกาตที่จ่ายตามบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเงินและประเภทของทรัพย์สินที่บุคคลนั้นมีอยู่ อัลกุรอานไม่ได้ระบุแนวทางเฉพาะเกี่ยวกับประเภทของความมั่งคั่งที่ต้องเสียภาษีภายใต้ซะกาต หรือไม่ระบุจำนวนร้อยละที่จะให้ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชี้ชัดว่าเป็นการบริจาค "ส่วนเกิน" ของรายได้ แต่ธรรมเนียมปฏิบัติในโลกอิสลามคือจำนวนเงินที่จ่ายซะกาตในทรัพย์สินทุน (เช่น เงิน) ที่ 2.5% (140)[41] ซะกาตยังสามารถจ่ายด้วยสินค้าทางการเกษตร, โลหะมีค่า, แร่ และปศุสัตว์ ในอัตราที่หลากหลาย ระหว่าง 2.5% ถึง 20% (1/5) ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า[42][43] การไม่จ่าย[แก้]ผลที่ตามมาของการไม่จ่ายซะกาตยังเป็นเรื่องอภิปรายโต้แย้งทางกฎหมายอย่างกว้างขวางในหลักนิติศาสตร์อิสลามแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชาวมุสลิมเต็มใจที่จะจ่ายซะกาตแต่ปฏิเสธที่จะจ่ายให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือรัฐ[45][46] นักกฎหมายสมัยคลาสสิกบางคนมีมุมมองว่ามุสลิมคนใดที่ตั้งใจปฏิเสธที่จะจ่ายซะกาตเป็นผู้ที่ละทิ้งศาสนา เนื่องจากการไม่เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นกิจบังคับทางศาสนา (ฟัรฎ์) เป็นรูปแบบหนึ่งของการปฏิเสธ (กุฟร์) และควรถูกฆ่า[47][48][49] อย่างไรก็ตาม ในหมู่นักกฎหมายสมัยคลาสสิกมีความคิดเห็นในการกำหนดบทลงโทษที่หลากหลาย เช่น จ่ายค่าปรับ จำคุก หรือลงโทษทางกาย[45] นักวิชาการสมัยคลาสสิกและสมัยใหม่บางส่วนอย่างอิสฮาก อิบน์ รอฮ์วัยฮ์กับยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวี ระบุว่า ผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตควรริบเงินพร้อมกับทรัพย์สมบัติของเขาครึ่งหนึ่ง[50] นอกจากนี้ บรรดาผู้ที่ไม่จ่ายซะกาตจะต้องเผชิญหน้ากับการลงโทษของพระเจ้าในวันพิพากษาในโลกหน้า[30] การกระจาย[แก้]รายงานจากซูเราะฮ์อัตเตาะบะฮ์ กลุ่มคนที่มีสิทธิ์ได้รับทุนซะกาตแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม[51]
นักวิชาการอิสลามได้ตีความโองการนี้เป็นเหตุของมุสลิมทั้ง 8 จำพวก ให้เป็นผู้รับซะกาตตามจำนวนที่สมควรแบ่ง:[53][54]
ไม่ควรให้ซะกาตแก่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หลาน คู่สมรสของตนเอง หรือลูกหลานศาสดามุฮัมมัด[59] ทั้งอัลกุรอานและฮะดีษไม่ได้ระบุการแบ่งซะกาตที่สัมพันธ์กันเป็น 8 กลุ่มข้างต้น[60] รายงานจากอุมดะตุสซาลิก มัซฮับชาฟิอีระบุว่าจะต้องแบ่งซะกาตให้เท่า ๆ กัน ในบรรดาผู้รับทั้ง 8 จำพวก ส่วนมัซฮับฮะนะฟีอนุญาตให้แจกจ่ายซะกาตให้แก่ทุกกลุ่ม บางกลุ่ม หรือเพียงกลุ่มเดียว[58]:h8.7 นักวิชาการมุสลิมยังสรุปไม่ได้ว่าผู้รับซะกาตสามารถรวมผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมได้หรือไม่ ในอดีต สถาบันอิสลามมักสอนว่าเฉพาะมุสลิมเท่านั้นที่จะได้รับซะกาต[61] ในช่วงปัจจุบัน มีบางส่วนระบุว่าอาจให้ซะกาตแก่ผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมหลังฝ่ายมุสลิมได้รับไปตามที่ต้องการแล้ว โดยระบุว่าไม่พบส่วนใดในอัลกุรอานหรือซุนนะฮ์ที่ระบุว่าควรจ่ายซะกาตให้กับชาวมุสลิมเท่านั้น[59] บทบาทในสังคม[แก้]มุสลิมถือว่าซะกาตเป็นการแสดงความกตัญญู โดยแสดงความห่วงใยต่อความเป็นอยู่ของมุสลิมด้วยกัน[55] เช่นเดียวกันกับการรักษาความปรองดองทางสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน[62] ซะกาตส่งเสริมการกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมและส่งเสริมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอุมมะฮ์[63] การใช้งานในอดีต[แก้]ซะกาต แนวปฏิบัติของศาสนาอิสลามที่ริเริ่มขึ้นโดยนบีมุฮัมมัด เริ่มเก็บครั้งแรกในวันแรกของเดือนมุฮัรร็อม[64] สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญตลอดประวัติศาสตร์ของมัน[65] Schact กล่าวแนะว่าแนวคิดซะกาตอาจมาจากศาสนายูดาห์ โดยมีรากศัพท์ภาษาฮีบรูและแอราเมอิกว่า zakut[26][66] อย่างไรก็ตาม นักวิชาการอิสลามบางส่วน[66] ปฏิเสธว่าโองการเกี่ยวกับซะกาตในอัลกุรอาน มีรากศัพท์จากศาสนายูดาห์[67] เคาะลีฟะฮ์ อะบูบักร์ ซึ่งมุสลิมนิกายซุนนีเชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดของมุฮัมมัด เป็นบุคคลแรกที่จัดตั้งระบบซะกาตตามกฎหมาย[68] อะบูบักร์ได้กำหนดหลักการที่ว่า จะต้องจ่ายซะกาตให้กับตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายในสิทธิอำนาจของมุฮัมมัด (เช่น ตนเอง)[65] มุสลิมบางกลุ่มปฏิเสธและไม่ยอมจ่ายซะกาตให้แก่อะบูบักร์ ทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกศาสนา และชักนำไปสู่สงครามริดดะฮ์[10][65][69] อุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบกับอุษมาน อิบน์ อัฟฟาน เคาะลีฟะฮ์องค์ที่ 2 กับ 3 ยังคงดำเนินตามการประมวลซะกาตของอะบูบักร์[65] โดยอุษมานได้แก้ไขระเบียบการเก็บรวบรวมซะกาตโดยกำหนดให้เฉพาะผู้ที่ทรัพย์สินที่ "ชัดเจน" เท่านั้นที่ต้องเสียภาษี ซึ่งมีผลบังคับจำกัดการจ่ายซะกาตเฉพาะที่ดินและผลิตผลทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่[70] ในสมัยอะลี อิบน์ อะบี ฏอลิบ เรื่องของซะกาตผูกติดอยู่กับความชอบธรรมของรัฐบาล หลังจากอะลี ผู้สนับสนุนของท่านไม่ยอมจ่ายซะกาตแก่มุอาวิยะฮ์ที่ 1 เนื่องจากพวกเขาไม่ยอมรับพระองค์ว่ามีความชอบธรรม[65] การเก็บซะกาตในมะดีนะฮ์ที่รัฐอิสลามเป็นผู้ดำเนินการนั้นดำรงอยู่ได้ไม่นาน โดยในรัชสมัยอุมัร อิบน์ อับดุลอะซีซ (ค.ศ. 717–720) มีรายงานว่าไม่มีใครในมะดีนะฮ์ต้องการซะกาต ทำให้ลังรัชสมัยนี้ ซะกาตจึงกลายเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากขึ้น[65] สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อิสลาม เช่น ผู้นำและมุสลิมนิกายซุนนีถือว่าการรวบรวมและการแจกจ่ายซะกาตเป็นหนึ่งในหน้าที่ของรัฐอิสลาม ซึ่งมุมมองนี้ยังคงอยู่ในประเทศอิสลามสมัยใหม่[71] ซะกาตเป็นหนึ่งใน 5 หลักการอิสลาม นอกจากนี้ มุสลิมยังส่งเสริมให้ทำการบริจาคโดยสมัครใจ (เศาะดะเกาะฮ์)[72] ซะกาตจะไม่เก็บจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องจ่ายในรูปแบบภาษีญิซยะฮ์ก็ตาม[73][74] นิศอบ เกณฑ์และมาตรฐานของซะกาต[แก้]ซะกาตจะเป็นภาคบังคับก็ต่อเมื่อจำนวนผลผลิต ผลเก็บเกี่ยว หรือทรัพย์สินนั้นมีเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยแยกออกตามประเภทของรายได้ นิศอบของผลผลิตทางการเกษตร[แก้]หากผลเก็บเกี่ยวมีจำนวนมากกว่า 5 วะสัก หรือประมาณ 653 กก.
นิศอบของปศุสัตว์[แก้]ปศุสัตว์ที่จะต้องจ่ายซะกาตคือ อูฐ วัว กระบือ แกะ แพะ นิศอบของวัว[แก้]
นิศอบของอูฐ[แก้]
นิศอบเงินทอง[แก้]
นิศอบของทรัพย์ในดินสินในน้ำ[แก้]ทรัพย์สินต่อไปนี้ต้องจ่ายซะกาต 1/5 หรือ 20% ของรายได้
ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง[แก้]ซะกาตเป็นข้อบังคับสำหรับมุสลิมเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมที่อาศัยอยู่ในรัฐอิสลาม ชะรีอะฮ์ในอดีตเคยถูกมองเป็นการให้อำนาจญิซยะฮ์ (ภาษีรัชชูปการ)[75] ส่วนภาษีรูปแบบอื่นต่อมุสลิมและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งเคยมีการใช้งานในประวัติศาสตร์อิสลาม เช่น เคาะรอจญ์ (ภาษีที่ดิน),[76] คุมส์ (ภาษีของโจรและของปล้นสะดมจากคนที่ไม่ใช่มุสลิม ความมั่งคั่งกะทันหัน),[77] ushur (ภาษีที่ชายแดนรัฐ ท่าเรือ และชายแดนแต่ละเมืองเพื่อขนย้ายสินค้า ศุลกากร),[78] kari (ภาษีบ้าน)[79] และ chari (บางครั้งเรียก maara, ภาษีทุ่งเลี้ยงสัตว์)[80][81] เศาะดะเกาะฮ์ เป็นอีกคำหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการกุศล มักจะตีความว่าเป็นคู่ตรงข้ามทางดุลยพินิจของซะกาต[82] ซะกาตฟิฏเราะฮ์[แก้]ซะกาตฟิฏเราะฮ์ หรือ เศาะดะเกาะตุลฟิตร์[83] เป็นซะกาตบังคับขนาดเล็กสำหรับมุสลิมทั้งหมด (ทั้งชายและหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ ตราบเท่าที่เขาหรือเธอสามารถทำได้) มักจ่ายตอนสิ้นสุดวันถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน[84][85] จำนวนเงินที่รวบรวมจะนำไปใช้จ่ายให้กับคนเก็บซะกาตและมุสลิมที่ยากจน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีช่องทางในการฉลองอีดิลฟิฏร์ (เทศกาลละศีลอด) หลังเดือนเราะมะฎอน ร่วมกับมุสลิมคนอื่น ๆ[86] ซะกาตฟิฏเราะฮ์เป็นจำนวนเงินคงที่ที่ประเมินต่อคน ส่วนซะกาตุลมาลนั้นขึ้นอยู่กับรายได้ส่วนบุคคลและทรัพย์สิน[85] ตามรายงานจาก the Hidaya Foundation ซะกาตฟิฏเราะฮ์ที่แนะนำนั้นขึ้นอยู่กับราคาของข้าวหรือข้าวสาลี 1 ศออ์ (ประมาณ 3 กิโลกรัม) ตามราคาท้องถิ่น (ประมาณ 7.00 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐ ณ ค.ศ. 2015)[83] อ้างอิง[แก้]
หนังสือและบทความ[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
มีเงินเท่าไรต้องจ่ายซะกาตเงินมาตราใดก็ตามเก็บไว้ที่บ้านหรือในธนาคาร มีค่าเท่ากับเงินบริสุทธิ์ 595 กรัม ต้องจ่ายซะกาต 2.5 % ของจำนวนเงิน มีสมบัติเป็นสินค้าในคลัง มีค่าเท่ากับเงินบริสุทธิ์ 595 กรัม ต้องจ่ายซะกาต 2.5 % ของราคาสินค้า
หุ้นต้องจ่ายซะกาตไหม1.ผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องจ่ายซะกาต โดยฝ่ายบริหารของบริษัทหุ้นจะต้องคัดแยกออกแทนผู้ถือหุ้นหากระบบบริษัทดำเนินกิจการด้วยพื้นฐานที่กล่าวมา หรือฝ่ายบริหารขององค์กรและมูลนิธิเกี่ยวกับหุ้นจะต้องออกกฎระเบียบเกี่ยวกับซะกาต หรือใช้กฎหมายของประเทศเป็นตัวกำหนดให้บริษัทหุ้นต่างๆจ่ายซะกาต หรือผู้ถือหุ้นตั้งเงื่อนไขให้บริษัทหุ้นจ่ายซะ ...
บริจาคซะกาตได้ที่ไหนUNHCR เป็นหน่วยงานที่ได้รับการรับรองในการรับบริจาคซะกาต UNHCR ได้รับการอนุมัติให้รวบรวมซะกาตได้ โดยได้รับการอนุญาตและการสนับสนุนโดยคำวินิจฉัย (ฟัตวา) โดยนักวิชาการศาสนา (นักฟัตวา) จากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้ง 5 ท่าน
ข้าวสาร 1 กันตังมีกี่กิโลเมตร“ข้าวสารที่จะนำมาจ่ายซะกาต คือปริมาณคนละ 1 กันตัง (มาตรตวงชนิดหนึ่ง) หรือเท่ากับน้ำหนักข้าวสาร 2.4 กิโลกรัม ปัจจุบันมีราคาประมาณ 60 บาทต่อ 1 กันตัง”
|