อาชีวอนามัยและความปลอดภัย from techno UCH Show
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย จัดอยู่ในวิชาวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งเป็นกระบวนเรียนรู้ทางด้านการดูแลสุขภาพอนามัย ในผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพ รวมทั้งยังจัดการดูแลผลกระทบอันเกิดมาจากการทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เพื่อทำให้การดำเนินงานของผู้ประกอบอาชีพ ได้รับความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ยังต้องได้รับการคุ้มครองตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยสามารถแยกความหมายของทั้ง 3 คำออกมาได้ดังนี้
อาชีวอนามัยและความปลอดภัยเกี่ยวข้องกับการจัดการอันตรายในสถานที่ทำงานหลายประเภท เช่น:
โครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีไว้เพื่อกำหนดให้มีการจำกัดความเสี่ยง เพื่อลดอันตรายจากการทำงานในไซต์งาน นายจ้างและฝ่ายบริหารของบริษัทจำเป็นต้องจัดเตรียมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคน และหัวข้อต่อไปคือโโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ใช้สำหรับองค์กร ควรเริ่มโครงการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหรือไม่?สำหรับองค์กรที่ไม่มีโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) อย่างเป็นทางการมักจะมีการดูแลความปลอดภัยของพนักงานในบางแง่มุมเท่านั้นซึ่งอาจจะไม่คลอบคลุม ถ้า ณ ตอนนี้คุณมีความคิดที่จะเริ่มต้นจากจุดที่บริษัทมีอยู่ คุณอาจจะต่อยอดจากสิ่งที่มีด้วยการตั้งคำถาม นี้คือคำถามที่คุณอาจเริ่มหาคำตอบครับ
8 องค์ประกอบของโครงการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน1.การวางแผนองค์ประกอบสำคัญอย่างแรกของอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) คือระบบการจัดการและการวางแผน ไม่ว่าคุณจะวางแผนแบบดั่งเดิมผ่านการจัดใส่สมุดหรือกระดานไวท์บอร์ด หรือ ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับช่วยบริหารจัดการโดยเฉพาะ การวางแผนงานจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นศูนย์กลางของทุกกระบวนการที่คุณทำ การวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญคุณต้องแน่ใจว่าองค์กรของคุณปฏิบัติตามกฎและระเบียบข้อบังคับด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของประเทศไทยในปัจจุบันทั้งหมด 2.การรายงานเหตุการณ์องค์ประกอบสำคัญที่สองของการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยคือระบบการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมาชิกทุกคนในองค์กรควรเข้าถึงระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย : OHS Program ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงพนักงานใหม่ เพื่อให้ติดตามข่าวสารและรายงานเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการ OHS ที่รันในระบบคราวด์ ช่วยให้พนักงานสามารถใช้อุปกรณ์มือถือที่เชื่อมอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้ในการสร้าง บันทึก และเข้าถึงเอกสาร OHS ขององค์กีได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การรายงานสถานการณ์พนักงานจะมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ ดังนี้ :
เมื่อการรายงานเหตุการณ์เป็นไปอย่างทันถ้วงทีก็สามารถช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีส่วนได้เสียวางแผนสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ในลักษณะของการ Proactive และ Preventive ได้ดียิ่งขึ้น นี้คือเหตุผลว่าการรายการเหตุการณ์จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญลำดับที่สองของการบริการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 3.User-friendly interfaceองค์ประกอบหลักที่สามของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คือ การมีส่วนต่อประสาน (User friendly Interface) ที่ชัดเจนและใช้งานง่าย Interface หรือ ส่วนต่อประสาน เป็นวิธีการที่ผู้ใช้งานเช่น พนักงานโต้ตอบกับระบบหรือซอฟต์แวร์ อาจจะเป็นการประสารงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเป็นฟอร์มกระดาษที่ต้องกรอก เช่น แบบฟอร์มรายงานความปลอดภัย ไม่ว่าองค์กรของคุณจะมีแนวการในการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแบบใด คุณต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงความง่ายของการใช้งานด้วย การพิจารณาความง่ายต่อการใช้งานอาจเริ่มจากชุดคำถามเช่น
แต่ถ้าองค์กรใดใช้ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เป็นซอฟต์แวร์ อินเทอร์เฟซจะต้องชัดเจน เรียบง่าย และใช้งานง่าย เพื่อให้พนักงานไม่มีปัญหาในการโต้ตอบกับอินเทอร์เฟซระหว่างการใช้งาน 4.การฝึกอบรมองค์ประกอบที่สี่ของการจัดการด้านระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คือ การฝึกอบรม หากไม่มีการฝึกอบรม ระบบก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพออาจทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยง พวกเขาอาจพลาดในการประเมินความเสี่ยงของอันตราย ไม่รายงานเหตุการณ์ทั้งที่ควรจะต้องรายงาน หรือแม้กระทั่งกระทำงานในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน หรือ บุคคลทั่วไป พนักงานที่ผ่านการอบรม ทั้งการใช้ระบบ การใช้เครื่องมือ และการดูแลความปลอดภัยพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และที่สำคัญพวกเขาจะกลายเป็นทรัพย์สินขององค์กรที่สามารถช่วยให้สถานที่ทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น 5.การประเมินความเสี่ยงองค์ประกอบที่สำคัญถัดมาของระบบการจัดการด้านอาชีวอนามัยคือ การประเมินความเสี่ยง ในประเด็นนี้หมายถึงการที่ระบบซอฟต์แวร์มีส่วนช่วยผู้บริหารระดับสูงในการประเมินและตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม การประเมินความเสี่ยงส่วนนี้จะเกิดขึ้นในองค์กรที่ใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ในการช่วยในการประเมินความเสี่ยงและระดับความปลอดภัยได้อย่างอัตโนมัติ จากการสะสมค่าสถิติของการทำงาน ค่าความเสี่ยงที่ทางผู้บริหารหรือทีมที่ปรึกษาสามารถออกแบบค่าแนวโน้มที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงเพื่อที่สามารถวางแผนป้องกันได้อย่างทันถ้วงที ตัวอย่างเช่น : ฝ่ายบริหารสามารถดูรายงานอันตราย ความเสี่ยง อุบัติเหตุและการบาดเจ็บทั้งหมดได้ตามเวลาจริง จากนั้นซอฟต์แวร์จะประมวลผลข้อมูลนี้และสร้างรายงานที่สามารถใช้เพื่อสร้างแนวทางในการป้องกัน 6.การรับรององค์ประกอบหลักที่หกของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยคือ การรับรอง ระบบควรได้รับการรับรองโดยบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางปฏิบัติของอค์กรเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย การมีระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่แข็งแกร่งช่วยให้องค์กรสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและลูกค้า ตัวอย่างการรับรองได้แก่
การมีใบรับรองจะแสดงให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่าองค์กรของคุณมุ่งมั่นในเรื่องของความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน รวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น ความปลอดภัยของพนักงานเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลถึงกำลังใจในการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น และความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรขององค์กรในที่สุด 7.การสื่อสารองค์ประกอบที่เจ็บของ OHS คือ การสื่อสาร ระบบที่ดีต้องช่วยให้พนักงานสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยการสื่อสารมีความสำคัญดังต่อไปนี้
8.การเข้าถึงข้อมูลองค์ประกอบสุดท้ายของระบบการจัดการ OHS คือ การเข้าถึงข้อมูล เนื่องจากการทำงานในองค์กรที่มีทั้งพนักงาน และ เอกสารของข้อมูลต่างๆ จำนวนมาก หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญคือการจัดการการเข้าถึงข้อมูลให้ง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเอกสารข้อมูลความปลอดภัย SDS (Safety Data Sheet) องค์กร OSHA ระบุไว้ว่า “นายจ้างต้องเก็บรักษาสำเนาเอกสารข้อมูลความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับสารเคมีอันตรายแต่ละชนิดไว้ในที่ทำงาน และต้องแน่ใจว่าสามารถเข้าถึงได้ง่ายระหว่างกะการทำงานแต่ละครั้งสำหรับพนักงานเมื่อ พวกเขาอยู่ในพื้นที่ทำงาน (การเข้าถึงทางอิเล็กทรอนิกส์และทางเลือกอื่นในการเก็บรักษาสำเนาเอกสารของเอกสารข้อมูลความปลอดภัยจะได้รับอนุญาต ตราบใดที่ไม่มีการสร้างอุปสรรคในการเข้าถึงพนักงานทันทีในสถานที่ทำงานแต่ละแห่งโดยตัวเลือกดังกล่าว)” สำหรับบริษัทขนาดเล็กการเก็บเอกสารและข้อมูลต่างๆ เป็นสำเนากระดาษอาจง่ายต่อการบริหารจัดการ เพราะทุกคนรู้ว่าเอกสารชนิดนั้นๆ เก็บไว้ในตู้ใบไหนและสะดวกต่อการค้นหา แต่สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะองค์กรที่มีสถานประกอบการหลายแห่งการเข้าถึงข้อมูลอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น นี้จึงเป็นเหตุผลที่หลายองค์กรหันไปใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ OHS บนระบบคลาวด์ ซึ่งง่ายต่อการจัดการ
KPI ด้านสุขภาพและความปลอดภัยหลังจากที่คุณทราบถึงองค์ประกอบของโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ขั้นตอนถัดมาที่ผมอยากจะพูดถึงคือเรื่องการติดตามผล KPI ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งนี้เป็นค่าที่สามาารถวัดและประเมินได้ ซึ่งทำเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่เฉพาะเจาจง อันที่จริง องค์กรจำนวนมากไม่มีการพิจารณาสร้าง KPI ด้านสุขภาพและความปลอดภัยด้วยซ้ำ บางครั้งก็อาจจะคิดว่าองค์กรของคุณไม่ต้องการมันจริงๆ ซึ่งถ้าองค์กรของคุณอยู่ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ธุรกิจไอทีหรือการตลาด ก็อาจะพออนุโลมได้ แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว KPI ด้านสุขภาพไม่ได้เกี่ยวกับอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังหมายถึง “ตัวชี้วัดด้านสุขภาพ” ที่อาจจะมาจากการทำงานออฟฟิตที่ยาวนานจนส่งผลถึงสุขภาพ เช่นการเป็นโรคออฟฟิตซินโดรม ซึ่งก็มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ขอบเขตของงานอาชีวอนามัยมีอะไรบ้างขอบเขตของงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มีขอบเขตการด าเนินงาน 5 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริม และ ด ารงไว้ (promotion and maintenance) การป้องกัน (prevention) การปกป้องคุ้มครอง (protection) การจัดงาน (placing) และการปรับงาน (adaptation) โดยมีความครอบคลุมของการด าเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ ความปลอดภัยของ ผู้ปฏิบัติงาน สภาพแวดล้อมใน ...
โครงสร้างระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีองค์ประกอบ 8 ประการมีอะไรบ้าง#1: ทำการประเมินความเสี่ยงที่ครอบคลุม. #2: ตรวจสอบขั้นตอนการล็อก / แท็กเอาต์เฉพาะอุปกรณ์. #3: ดูแลงานไฟฟ้า. #4: เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานที่ความสูง. #5: หลีกเลี่ยงการทำงานที่ร้อนแรง. #6: บังคับใช้การยกและการจัดการที่ปลอดภัย. #7: โอบกอดเทคโนโลยีเซนเซอร์และการทำให้เป็นดิจิทัล. #8: การจัดการผู้รับเหมา. องค์ประกอบของการบริการอาชีวอนามัยแบ่งเป็นกี่ส่วนงานอาชีวอนามัยมีองค์การประกอบที่สำคัญ ดังนี้. สิ่งแวดล้อมทางเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ควัน สารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ เป็นต้น. สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หนู แมลงต่างๆ เป็นต้น. สิ่งแวดล้อมด้านจิตใจ เช่น ความสกปรก ทัศนียภาพ เป็นต้น. สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เช่น เสียง ความร้อน รังสี ฯลฯ. ข้อใดเป็นลักษณะงานด้านอาชีวอนามัยอาชีวอนามัย (Occupational Health) เป็นการส่งเสริมสุขภาพการทำงานให้คงไว้ซึ่งสุขภาพกาย ใจ และความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม รวมทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการ เบี่ยงเบนด้านสุขภาพที่มีสาเหตุจากการทำงานของคนทำงานในทุกอาชีพ โดยการดูแลสภาพแวดล้อม เครื่องมือ กระบวนการให้เหมาะสมกับสภาพกาย และจิตใจของคนทำงาน โดยการปรับงานแต่ละงานให้ ...
|