ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์ นอกจากความสวยงาม น่าสนใจแล้ว สิ่งที่หลายคนลืม ไม่เคยนึกถึง หรือ อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เข้ามาร่วมด้วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์ด้วย Show
ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องแรก ๆ ที่เราควรต้องรู้ว่าสินค้าของเราเหมาะกับใคร ผู้ประกอบการต้องเข้าใจความต้องการของตลาด ความต้องการของผู้บริโภค โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด เช่น วัย เพศ อายุ ที่อยู่อาศัย ลักษณะความชอบ ความต้องการในการใช้สินค้า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายนอกจากคำนึงถึงตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว เรียกว่ากลุ่มเป้าหมายโดยตรง เรายังต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ซื้อแต่ไม่ได้บริโภคเองด้วย เช่น ของฝาก อาหารเด็ก น้ำหอม เครื่องประดับ โดยผู้ซื้ออาจจะไม่ได้นำไปบริโภคเองแต่ซื้อเพราะนำไปให้คนอื่น ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้ต้องรวมเข้าไปในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วย 2. กำหนดชื่อตราสินค้าชื่อสินค้าก็เปรียบเหมือน “ชื่อคน” หากกำหนดให้เรียกยากเกินไปก็ไม่เกิดการจดจำเพราะจำยาก หากกำหนดให้เขียนยาก-สะกดยากก็ไม่เกิดการจดจำอีกเช่นกัน ส่วนมากผู้ประกอบการมักจะนำชื่อบริษัท สถานที่ตั้ง ชื่อจดทะเบียน ชื่อตนเอง ชื่อที่เป็นมงคล คำอื่น ๆ ที่นำมาผสมกันให้เกิดคำ หรือเกิดชื่อที่เป็นมงคล ฯลฯ ดังนั้นหลักการที่ควรจำในการกำหนดชื่อตราสินค้าควรเป็นดังนี้
เหล่านี้ล้วนเป็นหลักการคร่าว ๆ ของการกำหนดชื่อตราสินค้า โดยนำไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม 3. วัสดุที่ใช้ผลิตในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์วัสดุมีความสำคัญในแง่ของความแข็งแรงในการขนส่ง สร้างภาพลักษณ์ให้ผลิตภัณฑ์ ปกป้องผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นวัสดุจึงมีความสำคัญในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ บรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมทุกๆด้านที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของเรา เช่น มิตรต่อผู้ใช้ และ สิ่งแวดล้อม รีไซเคิลได้ ย่อยสลายได้ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ผลิตจากธรรมชาติ กันน้ำ แข็งแรง คุณภาพสูงต้นทุนต่ำ ฯลฯ 4. รูปทรงลักษณะบรรจุของบรรจุภัณฑ์นอกจากความสวยงามแล้ว ควรคำนึงถึงความคงทนในการขนส่ง ภาพลักษณ์ของสินค้า การสร้างความน่าสนใจ ง่ายต่อการใช้งาน มีเอกลักษณ์แต่สามารถใช้งานได้จริง 5. การออกแบบกราฟิกเราลองนึกถึงเวลาเราเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึ่งในตลาดดูสิครับ สินค้าออกใหม่เหมือนกัน ชนิดเดียวกัน ประเภทเดียวกัน ราคาเท่ากัน วางอยู่ในชั้นขายสินค้าอันเดียวกัน อะไรคือเหตุผลว่าเราจะหยิบสินค้าชิ้นไหน ไมว่าจะเป็น สินค้า หรือ บริการ การออกแบบรูปลักษณะ วิธีการบริการ ถือเป็นกลุยุทธ์ที่สำคัญต่อการสร้างความพึงพอใจ ของลูกค้า แยกให้ได้นะครับ ผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่เพียงแค่ตรายี่ห้อ หรือ บรรจุภัณฑ์ กล่องที่ใส่ เหล่านี้เป็นแค่ “กรอบภายนอก” ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดความต้องการเท่านั้น ทั้งสองเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ ผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการที่เรากำลังจะผลิตขึ้นมา 6 แนวทางการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ให้โดนใจลูกค้า1.รูปทรง ต้องเหมาะสมกับงาน และสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิต (Life Style) ของลูกค้า จะทำให้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ยิ่งเหมาะสมกับลูกค้าเราเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ ดีกว่าไม่มีรูปลักษณ์ รูปทรงอะไรเลย รูปทรง รูปลักษณ์ ควรสอดคล้องกับแนวคิดผลิตภัณฑ์ ของเราด้วย ไม่ใช่ว่า แนวคิดธุรกิจสินค้าเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่รูปทรงออกไปแนวไฮเทค อาจจะไม่เข้ากันเสียเท่าไหร่ 2.สี สีมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์ โทนสีร้อน เย็น ต้องดูด้วยว่าลูกค้าเราเป็นกลุ่มไหน ลูกค้าเราเป็นใคร และสีที่นำมาใช้ต้องการสื่อสารอะไรกับลูกค้าที่พบเห็น 3. ขนาด ขนาดต้องเหมาะสมในการหยิบ จับ ใช้ ของกลุ่มลูกค้า เราต้องศึกษาให้ชัดเจนว่าขนาดไหนที่เหมาะสม เล็กไป ใหญ่ไป ก็ไม่ดีนะครับ เอาที่ลูกค้าใช้แล้วโอเค ตัวอย่าง ยาสีฟัน มีการกำหนดขนาด ต่าง ๆ ตามพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ขนาดครอบครัว ใช้ที่บ้านก็ขนาดใหญ่หน่อย และขนาดเล็กเพื่อความสะดวกในการเดินทาง 4.คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ระบบการควบคุมคุณภาพสินค้า เราต้องโฟกัสตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต จนได้เป็นสิน้า เท่านั้นยังไม่พอต้องไปถึงมือของลูกค้าใช้แล้วปลอดภัย คุณภาพต้องนำราคา 5.การรับประกันคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค การรับประกัน ต้องสอดคล้องกับการออกแบบคุณภาพสินค้า ว่ามีขอบเขตแค่ไหนบ้าง เช่น เราซื้อ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค หรือ smartphone ก็จะมีระยะเวลาในการรับประกัน ในการเปลี่ยน ซ่อม ดูแลต่าง ๆ แต่ทั้งหมดก็จะมีเงื่อนไขเรื่องเวลาจำกัด 6.การบริการ เราต้องแปลงคำว่า “บริการ” ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เช่น การจัดส่ง การติดตั้ง บริการหลังการขายต่าง ๆ เหล่านี้เราต้องออกแบบควบคู่ไปกับสินค้าของเราตั้งแต่ต้นว่าจะทำอย่างไร การออกแบบภาพรวบของผลิตภัณฑ์สินค้าเราตั้งแต่แต่ย่อมส่งผลดีกว่าการที่ทำไปแก้ไป ไม่มีทิศทาง อาจจะเสียเวลาในการออกแบบทั้งหมด แต่หากเราเข้าใจกฎ 80/20 ที่ว่า ทำงานเรื่องการวางแผน ออกแบบ 80% ตอนนำไปผลิตจะทำให้เราใช้เวลาแค่ 20% ทุกอย่างจะสำเร็จ แต่หากเราวางแผนออกแบบ 20% แล้วออกไปลุย ลงมือทำเราอาจจะต้องเสียเวลากว่า 80% ในการแก้ปัญหาที่ไม่รู้จบก็เป็นได้ ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องมีทักษะด้านใดบ้างทักษะด้านศิลปะ การจัดองค์ประกอบ สี และสุนทรียะความสวยงาม. ทักษะการสื่อสาร รวมทั้งการนำเสนอผลงาน ให้เข้าใจง่ายและสื่อถึงรูปแบบงาน. ทักษะการจัดการเวลา การวางแผนการทำงานภายใต้เงื่อนไขของเวลา. ทักษะการนำเสนองาน เพราะจบงานง่าย เห็นภาพตรงกัน. คุณสมบัติข้อใดบ้างที่จำเป็นต่อความเป็น "นักออกแบบ" ที่ดี7 แนวทางสู่การเป็นนักออกแบบที่ประสบความสำเร็จ!. 1. หมั่นเรียนรู้ เพิ่มทักษะ ... . 2. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ... . 3. คิดนอกกรอบ ... . 4. เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ... . 5. เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ... . 6. สร้างเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ... . 7. สร้างโอกาส. คุณสมบัติของนักออกแบบคืออะไรทักษะที่ควรมี
ทักษะการคิดวิเคราะห์ นักออกแบบจะต้องตีโจทย์ให้ออก และแก้ปัญหาผ่านการออกแบบ เพื่อการสื่อสารให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ทักษะการสื่อสาร ข้อแรก คือการขายงาน สามารถนำเสนอ อธิบายแนวคิดของตัวเองให้คนอื่นเข้าใจ ข้อสอง ต้องเข้าใจพื้นฐานจิตวิทยาการสื่อสาร การรับรู้ของคน เพื่อใช้ในงานออกแบบ
ใครเป็นผู้มีคุณสมบัติของผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์คุณสมบัติของนักออกแบบที่ดี. 1. เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง ... . 2. เป็นผู้ที่มีทักษะในการออกแบบ ... . 3. เป็นผู้ที่รู้จักสังเกตและทำความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งมีทั้งสภาพทางธรรมชาติ และสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ. |