แนวทางการศึกษาการตลาดด้านใด

การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์คืออะไร

การตลาดของแบรนด์เป็นกระบวนการในการสร้างและเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค แทนที่จะเน้นที่แต่ละสินค้าหรือบริการ แต่การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์โฆษณาทุกสิ่งในภาพรวมของแบรนด์โดยใช้สินค้าและบริการเป็นจุดพิสูจน์ที่สนับสนุนคำมั่นสัญญาของแบรนด์ เป้าหมายของการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์คือการสร้างมูลค่าของแบรนด์ และคุณค่าของบริษัทที่เป็นผลลัพธ์

ช่องทางที่ใช้ได้สำหรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์เป็นช่องทางเดียวกับที่บริษัทสามารถใช้สำหรับกิจกรรมทางการตลาดสินค้า เช่น การโฆษณาดิจิทัล, ทางสังคม, และการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย กลยุทธ์ที่ดีคือการใช้ช่องทางต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อสร้าง ส่วนผสมของสื่อ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ยกตัวอย่างเช่น นักการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์อาจใช้กลยุทธ์การโฆษณาแบรนด์เสริมด้วยการดำเนินการทางการตลาดด้วยอีเมลและเนื้อหาเพื่อผลักดันให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์และการเข้าถึงลูกค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ดิจิทัลอันหลากหลาย แต่เมื่อมันมาถึงการตัดสินใจข้อความที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมในพื้นที่เหล่านี้ก่อนอื่นเราต้องพิจารณาคุณลักษณะแบรนด์

อะไรคือคุณลักษณะของแบรนด์

เช่นเดียวกับคนที่มีการผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวของลักษณะบุคลิกภาพรูปแบบต่าง ๆ แบรนด์มีคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน คุณลักษณะเป็นตัวบ่งชี้ที่ผู้บริโภคจะเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ซึ่งอาจรวมถึง ชื่อและแท็กไลน์, สี, หรือแม้กระทั่งเพลงหรือเสียงที่มักจะเกี่ยวข้องกับแบรนด์ นอกจากนี้คุณลักษณะยังสามารถเป็นความรู้สึกที่แบรนด์ทำให้เกิดขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น ‘ความรู้สึก’ จะเป็นคุณลักษณะที่รวมถึง เป็นของแท้, เป็นนวัตกรรม, ที่เชื่อถือได้, มีความซื่อสัตย์, หรือมีความโปร่งใส

ส่วนที่เป็นคุณค่าของแบรนด์คืออะไร

คุณค่าของแบรนด์ เป็นมูลค่าของแบรนด์ของบริษัท หรือเป็นตัวชี้วัดการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ คุณค่าของแบรนด์ที่แข็งแกร่งนั้นเกี่ยวข้องกับการที่ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ดีเพียงใด, ความชอบของพวกเขาที่มีต่อแบรนด์นี้มากกว่าแบรนด์อื่น, ระดับการเชื่อมต่อกับแบรนด์, และระดับความภักดีต่อแบรนด์ คุณค่าของแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะเปิดกว้างให้แบรนด์สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและขยายธุรกิจของพวกเขาด้วยการสนับสนุนจากฐานผู้บริโภคที่มีความภักดี

การวัดคุณค่าของแบรนด์ทำได้โดยการเปรียบเทียบการรับรู้ของแบรนด์, ความภักดีที่มีต่อแบรนด์, ความชื่นชอบ, และเมทริกซ์ทางการเงิน

  • การรับรู้ของแบรนด์ เป็นตัวกำหนดว่าจะมีผู้บริโภคจำนวนเท่าใดที่รู้จักแบรนด์ และมีการวัดผลโดยการสำรวจความคิดเห็นและกลุ่มสนทนา เครื่องมือรับฟังจากโซเชียล ตลอดจนข้อมูลเชิงลึกของการค้นหาและทราฟฟิกของเว็บ
  • ความภักดีของแบรนด์ วัดจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมการซื้อ เช่น พฤติกรรมการซื้อซ้ำและช่วงเวลาระหว่างการซื้อแต่ละครั้ง
  • ความชอบ วัดจากข้อมูลเชิงลึก เช่น เมทริกซ์วัตถุประสงค์การซื้อและการสำรวจความคิดเห็น
  • เมทริกซ์ทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการยกยอดขายเป็นผลลัพธ์มาจากแคมเปญการตลาดแบรนด์

เพื่อสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้แน่นแฟ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคคืออะไร

ความสัมพันธ์ของแบรนด์กับผู้บริโภคที่เรียกว่าผู้บริโภคแบรนด์หรือแบรนด์ความสัมพันธ์เป็นวิธีที่ดีที่แบรนด์และผู้บริโภคมีการเชื่อมต่อ มันคือการเชื่อมต่อกันอย่างแน่นแฟ้นหรืออ่อนแอ คือการเชื่อมต่อกันที่เป็นบวกหรือลบ ผู้บริโภคมีการเชื่อมต่อกับแบรนด์เพราะการใช้งาน หรือพวกเขาลงทุนกับแบรนด์เพราะอารมณ์ความรู้สึก การเชื่อมต่อกับแบรนด์ที่ดีที่สุดจะมีความแน่นแฟ้น เป็นไปในเชิงบวก และฝังรากลึกทางอารมณ์ นี่คือการเชื่อมต่อที่ช่วยเปลี่ยนผู้ซื้อจากผู้ซื้อเพียงครั้งเดียวเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ตลอดชีวิต

เหตุใดการสร้างแบรนด์จึงมีความสำคัญ

การสร้างการสร้างแบรนด์อาจมีความสำคัญมากขึ้นกว่าที่เคยเพราะตลาดมีความอิ่มตัวมากขึ้น และการสร้างการเชื่อมต่อที่แท้จริงกับผู้บริโภคทำได้ยากขึ้น การสร้างแบรนด์ช่วยให้ บริษัทสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกเขาและยกระดับการรับรู้โดยการให้สิ่งที่ลูกค้าเชื่อมั่น ซึ่งจะจุดประกายความสนใจและเชิญชวนให้ลูกค้าค้นหา, เรียนรู้, และสร้างความสัมพันธ์ที่น่าจดจำกับแบรนด์ของพวกเขา แทนที่จะเป็นข้อมูลจำเพาะและคุณลักษณะ แต่การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่บริษัทมีจุดยืนว่าใครเป็นแกนหลักที่สำคัญ การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีเกี่ยวกับการสนับสนุนบริษัท และการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ หมายถึง การที่แบรนด์สามารถสร้างความประทับใจในระยะยาวซึ่งช่วยส่งเสริมการเติบโตและทำให้เกิดความภักดีของลูกค้าในระยะยาว

       5 แนวความคิดทางการตลาด ที่จะทำให้คุณ ประสบความสำเร็จ   

  

ในการดำเนินงานทางการตลาดต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ และบรรลุตามจุดมุ่งหมายทางการตลาด ต้องอาศัยแนวคิดหรือแนวทางในการดำเนินงาน ที่เรียกว่าแนวคิดทางการตลาด(Marketing Concept) หมายถึง ลักษณะการใดๆ ที่ทรัพยากรทั้งหมดของกิจการหนึ่งได้รับการจัดสรร เพื่อสร้างสรรค์ กระตุ้น และก่อให้เกิดความพอใจกับลูกค้าในระดับที่กิจการได้กำไร

แนวความคิดทางการตลาด แบ่งออกเป็น5 แนวความคิด ดังนี้

1.แนวความคิดมุ่งการผลิต

           

แนวความคิดมุ่งการผลิต (The Production Concept) เป็นแนวความคิดที่มุ่งเน้นการปรับปรุงและให้ความสำคัญกับการผลิตรวมถึงการหาวิธีที่จะจำหน่ายจ่ายแจกให้มีประสิทธิผลมากที่สุดแนวความคิดนี้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ทางธุรกิจ 2 ประการคือ

              1.1 เหมาะกับธุรกิจที่มีปริมาณความต้องการในตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าสิ่งที่มีขายอยู่หรืออาจกล่าวว่าเหมาะกับธุรกิจที่มีอุปสงค์ (Demands) มากกว่าอุปทาน (Supplies) นั้นหมายถึงลูกค้าพร้อมที่จะซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องเลือก

              1.2 ธุรกิจที่มีต้นทุนในการผลิตสูงมากและองค์กรต้องการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงด้วยวิธีการผลิตในจำนวนมาก ๆ ในแต่ละครั้งการผลิต

2. แนวความคิดมุ่งผลิตภัณฑ์

            แนวความคิดมุ่งผลิตภัณฑ์ (The Product Concept) เป็นแนวความคิดที่ได้รับการพัฒนามาจากสถานการณ์สินค้าล้นตลาด ส่วนหนึ่งอาจมาจากการแข่งขันการผลิตมากจนเกินไปเนื่องจากยึดปรัชญามุ่งการผลิตมากเกินไปทำให้เกิดสินค้ามากมาย ประกอบกับสมมุติฐานที่ว่าผู้บริโภคจะมีความชอบพอในสินค้าต่างๆ ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคา ดังนั้นกิจการจึงทุ่มเทความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีมากที่สุด ดีกว่าคู่แข่งขันภายใต้แนวความคิดที่ว่า“ ของดีย่อมขายได้”

3. แนวความคิดมุ่งการขาย

             แนวความคิดมุ่งการขาย (The Selling Concept) แนวความคิดนี้เป็นไปตามข้อสมมติฐานที่ว่า โดยปกติวิสัยของผู้บริโภคจะไม่พยายามซื้อของที่ไม่จำเป็นจริงๆ  แต่ก็สามารถชักจูงใจได้ไม่ยาก ฉะนั้นกิจการจึงมุ่งใช้ความพยายามในการใช้เครื่องมือขาย เข้ามาช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและต้องการในผลิตภัณฑ์ของตน ธุรกิจที่ยึดแนวความคิดนี้จะให้ความสำคัญมากที่สุดกับทีมงานขายของกิจการ แนวความคิดนี้มักถูกใช้ในทางปฏิบัติกับกลุ่มของสินค้าไม่แสวงซื้อ (Unsought Goods) เช่น สารานุกรม การประกันภัย รวมถึงสินค้าที่ผู้ซื้อไม่ได้วางแผนการซื้อมาก่อนผู้ขายจะต้องใช้ความพยายามหาทางเปลี่ยนมุมมองกลุ่มลูกค้าคาดหวัง และขายสินค้าดังกล่าวภายใต้ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับในผลิตภัณฑ์นั้น

4. แนวความคิดมุ่งการตลาด

            แนวความคิดมุ่งการตลาด (The Marketing Concept) เป็นแนวความคิดมุ่งที่ถือว่าการบรรลุเป้าหมายกิจการขึ้นอยู่กับการกำหนดความจำเป็น และความต้องการของตลาดเป้าหมายการส่งมอบความพึงพอใจอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหนือคู่แข่งขัน ตัวอย่างของแนวคิดนี้เป็นต้นว่า คติพจน์ของสายการบินไทย“ รักคุณเท่าฟ้า” หรือรถยนต์โตโยต้า“ You Come First”

5. แนวความคิดการตลาดเพื่อสังคม

            แนวความคิดการตลาดเพื่อสังคม (The Social Marketing Concept)เป็นแนวความคิดสมัยใหม่ที่ธุรกิจในปัจจุบันนี้ให้ความสนใจ และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจการ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็มีความคิดเห็นว่าธุรกิจควรให้บริการช่วยเหลือแก่สังคมในด้านต่างๆ โดยมิใช่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพื่อให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายเพียงเท่านั่นแต่ควรจะคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การไม่ผลิตสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมรวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด ด้วย

การปฏิบัติตามหลัก 3 R คือ

Re-fill = การผลิตสินค้าชนิดเติม ทำให้ประหยัดวัสดุในการผลิตบรรจุภัณฑ์

Re-use = การผลิตสินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่นำมาใช้ซ้ำหรือกลับมาใช้ประโยชน์อื่นได้

Recycle = การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษหรือพลาสติกที่ผลิตจากวัสดุที่ใช้แล้วนำมาผลิตใหม่

แนวความคิดทางการตลาดแบบมุ่งเน้นสังคมจะยึดหลักว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันจะต้องควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคมองกิจการในแง่ดีว่าเป็นผู้ทำธุรกิจเพื่อสังคมห่วงใยสังคม และห่วงใยสิ่งแวดล้อม