แนวทางในการแก้ปัญหาหรือลดความขัดแย้งวิธีแก้ไขให้ความขัดแย้งหมดไป Show ในโลกของการทำงานคงต้องอาศัยแนวทางหลายแนวทางที่จะไปสู่ความสำเร็จของงาน ความขัดแย้งก็ เป็นสิ่งที่จะต้องได้รับการดูแลให้หมดไปหรือมีน้อยที่สุดในการปฏิบัติงาน เพื่อความเจริญก้าวหน้า ของงานและหน่วยงานและเพื่องานที่จะพัฒนาต่อไป
ผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชนผลความขัดแย้งในทางบวก 1. นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์ เกิดรูปแบบการทำงานใหม่ๆมีผลงานใหม่ๆ 5. สมาชิกในองค์การได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 9. ทำให้เกิดแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็น ประโยชน์กับองค์กร หรือทำให้เกิดคุณภาพ ในการตัดสินใจ ผลของความขัดแย้งในทางลบ 1. นำไปสู่ความตึงเครียด
สาเหตุความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชนสาเหตุความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน ๑ สาเหตุความขัดแย้งในวัยรุ่น ที่มาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ความขัดแย้งที่มาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น หมายถึงความคับข้องใจที่มีจากการกระทำคำพูดของผู้อื่นส่งผลให้เราไม่พอใจ ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็น ๒ ส่วนใหญ่ๆดังต่อไปนี้ ๑.๑ กระบวนการทางความคิดและการสื่อสารไม่ตรงกันวัยรุ่นจะมีความคิดและมักจะยึดตนเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมรับในความคิดผู้อื่น และในบางครั้งวัยรุ่นมักเป็นวัยที่พูดจาโผงผางและไม่ระมัดระวังในคำพูด ทำให้ผู้รับสารเข้าใจผิดในสิ่งที่ตนเองพูด ส่งผลทำให้ผู้รับสารไม่พอใจเกิดการกระทบกระทั่ง เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกันได้ ๑.๒ ความแตกต่างของพฤติกรรม ความแตกต่าง ของพฤติกรรมที่วัยรุ่นแสดงออกต่อกันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เราจะพบว่าวัยรุ่นบางคนที่มีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันชอบสิ่งต่างๆเหมือนกัน เมื่อได้รู้จักกันครั้งแรกก็มักจะสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว ราวกับได้รู้จักกันมานานปี ในทางตรงกันข้าม บางคนเมือพบกันรู้สึกไม่ชอบหน้ากันแล้วทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะพฤติกรรมของอีกกลุ่มบุคคลไม่เป็นที่พึงพอใจของอีกกลุ่มหนึ่ง จึงเป็นสาเหตุแห่งความขัดแย้งในวัยรุ่น จากสาเหตุความขัดแย้งที่วัยรุ่นต่างปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ทำให้สามารถแยกประเภทของความแตกต่างที่วัยรุ่นแสดงต่อกันได้เป็น ๔ ประเภทต่อไปนี้ ๑ ความขัดแย้งที่แท้จริง เป็นความขัดแย้งที่ทั้ง๒ฝ่ายมีความแตกต่างกันทั้งทางกระบวนการทางความคิดและพฤติกรรม ๒ ความขัดแย้งซ่อนเร้น เป็นความขัดแย้งที่ทั้ง ๒ ฝ่ายมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน แต่มีกระบวนการทางความคิดและลักษณะการพูดจาที่แตกต่างกัน ๓ ความขัดแย้งเท็จ เป็นความขัดแย้งที่ทั้ง ๒ ฝ่ายมีกระบวนการทางความคิดและลักษณะการพูดที่คล้ายคลึงกัน แต่พฤติกรรมที่แสดงออกแตกต่างกัน ๔ ไม่มีความขัดแย้ง คือ การที่ทั้ง ๒ ฝ่ายมีกระบวนการทางความคิด ลักษณะการพูดจาและพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน ๒ สาเหตุความขัดแย้งภายในตัววัยรุ่นเอง ความขัดแย้งภายในตัววัยรุ่นเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของวัยรุ่นเอง เป็นความขัดแย้งที่วัยรุ่นมีความต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายบางอย่าง จึงได้สร้าง แรงขับ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้น แต่เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่า อุปสรรค มาขัดขวางหรือกั้นกลางไว้ระหว่างแรงขับและเป้าหมายนั้น ซึ่งมีผลต่อจิตใจของวัยรุ่นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความคับข้องใจ ทำให้วัยรุ่นสร้างกลไกในการป้องกันตัวขึ้น เช่น พฤติกรรมความก้าวร้าว พฤติกรรมการถอนตัว ๓ สาเหตุความขัดแย้งจากสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่เป็นสาเหตุของความขัดแย้ง คือสิ่งแวดล้อมที่ได้จัดกระทำขึ้นมาทำให้เกิดความคับข้องใจต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สภาพแวดล้อมที่เป็นสาเหตุของการขัดแย้ง เช่น ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด จึงทำให้วัยรุ่นมีความอึดอัด ต้องการอิสระจากสิ่งต่างๆ เป็นทุนอยู่แล้วเมื่อถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ผู้อื่นตั้งไว้ เช่น พ่อแม่ หรือครูอาจารย์ ก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านกับสิ่งนั้น โดยการพยายามออกนอกกฎเกณฑ์ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การหลบหนี และการประชดประชัน นอกจากนี้วัยรุ่นยังขัดแย้งเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะการได้รับข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่มที่ไม่ต้องปฏิบัติตามบทบาท หรือปฏิบัติไม่เกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดก็เป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งได้
ความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชนความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน ๑
การดูสื่อทางลบที่ยั่วยุให้เกิดปัญหาความขัดแย้งและใช้ความรุนแรงในชุมชน มาจากสื่อหลายทาง เช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ คลิปวีดีโอ สื่อเหล่านี้ก่อให้เกิดความนิยมที่ผิดๆในเรื่องปัญหาความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรง เช่น มีภาพหรือเรื่องราวเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาท การถกเถียงกันอย่างรุนแรง การทำร้ายผู้อื่น การตบตีกัน เมื่อซึมซับสื่อนั้นอยู่เสมอจะคล้อยตามสื่อ และเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
๒ การอยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดการทะเลาะวิวาท เช่น บนรถเมล์ ห้างสรรพสินค้า ซึ่งวัยรุ่นมักชอบมารวมกลุ่มกัน ซึ่งมีโอกาสจะพบกับคู่กรณีได้ หรืออาจเกิดความรู้สึกไม่ชอบหรือไม่พอใจในสีหน้าท่าทางที่แสดงต่อกันได้ นอกจากนี้ในบริเวณที่มีการแสดงคอนเสิร์ต โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่เล่นเพลงจังหวะทำนองหนักๆ เพลงที่ปลุกเร้าอารมณ์ฮึกเหิม เพลงที่มีจังหวะเต้น อาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง หรือพูดจารุนแรงต่อกัน จนเกิดการชกต่อยหรือทะเลาะวิวาทกันได้ ๓ การซึมซับแบบอย่างที่ไม่ดี ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น สมาชิกในครอบครัวที่ทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันเป็นประจำ รุ่นพี่ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคู่กรณีต่างสถาบันการศึกษา ๔ การสนับสนุนทางสังคม เช่น การอบรมสั่งสอนจากครอบครัวให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา การถูกชักชวนหรือยั่วยุจากรุ่นพี่ให้เกิดความขัดแย้ง ๕ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเสพสารเสพติด ทำให้ขาดสติ ขาดความยั้งคิด นำไปสู่การขัดแย้งและทะเลาะวิวาท ๖ การมีความผิดปกติทางจิตใจ เป็นคนก้าวร้าว ชอบการกระทำที่รุนแรง ชอบหาเรื่องผู้อื่นเพื่อแสดงว่าตนเองมีอำนาจและทุกคนต้องเคารพยำเกรง ๗ มีความสามารถในการควบคุมตนเองต่ำ เมื่อโมโหหรือมีการกระทบกระทั่งกันจึงนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง
ประวัตส่วนตัวชื่อนางสาว สุภัสสรา ภิรมย์รักษ์ ชื่อเล่นปาย กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4/6 โรงเรียนพระแสงวิทยา เกิดวันที่16 มิถุนายน 2544 ปัจจุบันอายุ16ปี บ้านเลขที่6/1 ม.7 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี บิดาชื่อ นายธีระ ภิรมย์รักษ์ มารดาชื่อ นางขนิษฐา ภิรมย์รักษ์
เค้าโครงบทเรียนออนไลน์ 1.ชื่อโครงงาน บทเรียนออนไลน์ เรื่อง สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนในชุมชน 2.ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา 3.ชื่อผู้จัดทำ นางสาวสุภัสสรา ภิรมย์รักษ์ 4.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์อุไรวรรณ โสภา 5.ความเป็นมาและความสำคัญของโครงงาน การศึกษาในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นคนมีความรู้ ซึ้งในปัจจุบันเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความสามารถพอละความสนใจ โดยเนื้อหาอาจประกอบได้ด้วยข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง และมัตติมีเดียต่างๆเช่น กราฟฟิกรวมถึงวีดีโอหรือวีดีทัศน์ ซึ้งทำให้สามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ ผู้จัดทำโครงงานจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาบทเรียนออนใลน์เรื่อง หลักสำคัญของการออกแบบทัศนศิลป์ เพื่อเป็นการทบทวนเนื้อหาการเรียน และเป็นแนวทางในการพัฒนาบทเรียนออนใลน์ 6.วัตถุประสงค์โครงงาน 6.1เพื่อวิเคราะห์และออกแบบเรื่อง หลักสำคัญของการออกแบบทัศนศิลป์ 6.2เพื่อพัฒนาบทเรียนออนใลน์เรื่อง หลักสำคัญของการออกแบบทัศนศิลป์ 6.3เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาบทเรียนออนใลน์ 7.ขอบเขตโครงงาน 7.1ความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน 7.2สาเหตุความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน 7.3ผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน 7.4แนวทางในการแก้ปัญหาหรือลดความขัดแย้ง 8.ขั้นตอนการดำเนินงาน 8.1วิเคราะห์ระบบ 8.2ออกแบบระบบ 8.3การพัฒนาระบบโดยใช้ซอฟแวร์โปรแกรม CMS และซอฟแวร์ประยุกต์ 8.5การบำรุงรักษาระบบ 9.การดำเนินโครงาน 10.ประโยชน์ทึคาดว่าจะได้รับ 10.1วิเคราะห์และออกแบบเรื่อง หลักสำคัญของการออกแบบทัศนศิลป์ 10.2บทเรียนออนใลน์เรื่อง หลักสำคัญของการออกแบบทัศนศิลป์ 10.3สามารถเขียนแนวทางในการพัฒนาโปรแกรมทางสาน vrml cmx 11.งบประมาณ - บาท 12.ทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง บทเรียนออนไลน์ E-learning หรือ ( electronic learning ) คือการเรียนรู้ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีโดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตมาใช้ส่งเสริมการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิผล มัลติมีเดีย ( Multimedia ) คือระบบซึ่งข้อมูลข่าวสารหลายชนิดโดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีทัศน์ 13.สถาบันหรือหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการโรงเรียนพระแสงวิทยา 14.เอกสารอ้างอิง 1.พิมลพรรณ ประเสริฐวงษ์ เรพเพอร์และคณะ.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารม.5. พิมพ์ครั้งที่4.กรุงเทพฯ: รักษร เจริญทัศน์ อจก.จำกัด, 2.พรสุข หุ่นนิรันด์และคณะ.สุขศึกษาม.4 พิมพ์ครั้งที่8. กรุงเทพฯ:
รักษาเจริญทัศน์ อจท.จำกัด,2560 http://161316.blogspot.com/2014/10/blog-post_63.html https://sites.google.com/site/hlikleiyngkhwamkhadyaeng/khwam-khad-yaeng-ni-klum-nakreiyn-laea-yeawchn/sahetu-khxng-khwam-khad-yaeng-ni-klum-nakreiyn-laea-yeawchn https://www.gotoknow.org/posts/288516 |