ตัดต่อภาพผู้อื่นมีโทษอย่างไร

ตัดต่อภาพผู้อื่นมีโทษอย่างไร


นำรูปผู้อื่นมาสร้างเฟสบุ๊คปลอม เสี่ยงโทษหนัก!

ในปัจจุบันได้มีการนำรูปของผู้อื่นไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตในทางที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่ถูกแอบอ้าง ทั้งการนำรูปของผู้ที่มีความน่าเชื่อถือทางสังคมไปใช้แอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า หรือไม่ว่าจะเป็นการนำรูปภาพของหนุ่มสาวหน้าตาดีไปใช้ในการสร้างบัญชีทางโซเชียลมีเดียปลอมเพื่อหาเพื่อนคุย แต่พอเจอตัวจริงกลับพบว่าเป็นคนละคน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ อย่างไร

ประเด็นดังกล่าวมีข้อพิจารณาทางกฎหมาย ดังนี้
ความผิดฐานหมิ่นประมาท คือ การที่ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง

การใส่ความคือ การทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยอาจเป็นความจริงหรือความเท็จก็ได้ โดยการใส่ความไม่จำกัดวิธี อาจใช้วิธีการ เขียน พูด หรือการวาดภาพก็ได้ หากได้ความว่าการใส่ความผู้อื่นได้กระทำต่อบบุคลที่สาม ประกอบกับน่าจะทำให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ก็เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว จากข้อเท็จจริง การที่นำรูปผู้อื่นไปแอบอ้างใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียโดยที่ผู้อื่นนั้นไม่ยินยอม หากปรากฏว่ามีเจตนาที่จะใส่ความเจ้าของรูปภาพ แม้แค่ทำให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างนั้นน่าจะได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ก็เป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ในประการที่น่าจะทำให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้กระทำก็เข้าข่ายมีความผิดฐานหมิ่นประมาท และเมื่อเป็นการเผยแพร่โดยการโฆษณา ก็จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

นอกจากนี้การที่นำรูปผู้อื่นไปใช้สร้างบัญชีโซเชียลมีเดียปลอมแล้วทำให้ผู้ถูกแอบอ้างได้รับความเสียหาย หากทำโดยมีเจตนาพิเศษ กล่าวคือ เจตนาทุจริต อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือกระทำโดยเจตนาที่จะหลอกลวงผู้อื่น แม้ว่าจะไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญาก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่าเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ชึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็เข้าข่ายมีความผิดตามประราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ยิ่งไปกว่านั้นกรณีดังกล่าวยังถือเป็นการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

สรุปความได้ว่า การนำรูปผู้อื่นไปใช้สร้างบัญชีทางโซเชียลมีเดียปลอม โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติแล้วทำให้ผู้ถูกแอบอ้างได้รับความเสียหาย ผู้กระทำอาจเข้าข่ายมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทั้งยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกอีกด้วย

ท่านที่สนใจสามารถศึกษาข้อกฎหมายและคำพิพากษาศาลฎีกาได้ดังนี้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
มาตรา 14
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1)โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 16 วรรคแรก ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2562 ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และให้ใช้ความที่บัญญัติใหม่แทน โดยมาตรา 14 ที่บัญญัติใหม่ ได้ยกเลิกความในมาตรา 14 (1) จากเดิมที่บัญญัติว่า “(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยบัญญัติความใน (1) ใหม่เป็นว่า “(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” กรณีเป็นเรื่องกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกำหนดองค์ประกอบความผิดฐานนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จว่าต้องเป็นการกระทำที่มีเจตนาพิเศษด้วย กล่าวคือ ต้องมีเจตนาพิเศษ “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง” จึงจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิด ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยเป็นผู้นำข่าวอันเป็นเท็จลงในเว็บไซต์ที่จำเลยเป็นผู้ดูแล โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษเรื่องการกระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวง แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (เดิม) แต่ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (ที่แก้ไขใหม่) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังให้การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง

โทษของการโพสต์ด่าผู้อื่นคือข้อใด

“ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 กำหนดว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

การเข้าข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ มีโทษอย่างไร

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แก้ไขหรือลบเนื้อหาในไฟล์ของผู้อื่นมีความผิดอย่างไร

7 แก้ไข ลบ เพิ่มเติม ไฟล์ข้อมูลบุคคลอื่น จำคุกถึง 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ฐานความผิด ตัด ต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ คือข้อใด

“มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้อง ...