ทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรธรรมชาติ Show ทรัพยากรธรรมชาติ (natural resources) หมายถึง สิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติซึ่งมีประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์โดยเฉพาะเป็นปัจจัยสี่ที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตที่มนุษย์สามารถเสาะแสวงหามาใช้ เช่น พืช สัตว์ แร่ธาตุ ป่าไม้ ถ่านหิน และน้ำมัน เป็นต้น สามารถแบ่งทรัพยากรธรรมชาติออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
สำหรับทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ น้ำ ดิน อากาศ ป่าไม้และสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น ดังนั้น เพื่อให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและยาวนานที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุด จึงต้องมีวิธีใช้วิธีอนุรักษ์บูรณะฟื้นฟูดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ยาวนานที่สุด ภาพที่ 1 ตัวอย่างทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรน้ำ ภาพที่ 2 ทรัพยากรน้ำ ความสำคัญของน้ำ น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค การเกษตร การคมนาคมขนส่ง การประมง และอื่น ๆ น้ำยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตร่างกายคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของน้ำหนักตัว น้ำบนผิวโลกมีอยู่ประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำเค็มในทะเลและมหาสมุทรถึง 97.41% ส่วนน้ำจืดซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่ามากที่สุดของสิ่งมีชีวิตมีอยู่เพียง 2.59% น้ำจืดนี้พบอยู่ในรูปของภูเขาน้ำแข็งขั้วโลกและธารน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน และเป็นน้ำจืดที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงเพียง 0.014% เท่านั้น ส่วนประกอบของน้ำ น้ำประกอบด้วยออกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอมเชื่อมติดกันด้วยพันธะโควาเลนต์ คุณสมบัติของน้ำ น้ำมีความโปร่งใส ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น และไม่มีสี เป็นสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบหลักของลำธาร, แม่น้ำ, และมหาสมุทรในโลก หรือแหล่งน้ำต่าง ๆ น้ำที่มนุษย์นำไปใช้ประโยชน์มาจาก 3 แหล่งใหญ่ คือ
ส่วนแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ บ่อน้ำ บึง คลอง เขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำ และฝายเพื่อเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นถ้ามีขนาดใหญ่อาจนำมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ทำการประมงการเกษตรได้ด้วย น้ำจากแหล่งน้ำต่าง ๆ เมื่อนำมาใช้ในการอุปโภคบริโภครวมทั้งใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมแล้ว ย่อมเกิดการปนเปื้อนด้วยสิ่งโสโครกและสารมลพิษต่าง ๆ กลายเป็นน้ำเสียและปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จนทำให้แหล่งน้ำนั้นเน่าเสียจนไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ การจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ หมายถึง การป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับน้ำและการนำน้ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำรงชีพของมนุษย์ จึงต้องมีกระบวนการจัดการกับทรัพยากรน้ำอย่างเหมาะสมและถูกต้อง ดังนี้
มลพิษทางน้ำและการจัดการ มลพิษ (pollution) หมายถึง ภาวะที่มีของเสียหรือวัตถุอันตรายและกากตะกอนรวมทั้งสิ่งตกค้างจากสารเหล่านั้นที่ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ น้ำเสีย (waste water) หมายถึง น้ำที่มีของเสียปะปนอยู่รวมทั้งมีมลสารชนิดต่าง ๆ อยู่ด้วย ได้แก่ น้ำใช้แล้วจากบ้านเรือน จากการซักล้างน้ำชะล้างสิ่งสกปรกของเครื่องจักรและโรงงานน้ำเสียที่มีสารเคมีและโลหะต่าง ๆ เป็นต้น แหล่งที่มาของน้ำเสียน้ำเสีย เกิดมาจากหลายแหล่ง ทั้งจากธรรมชาติ น้ำเสียจากบ้านเรือน จากการเกษตรโรงงานอุตสาหกรรม และการทำเหมืองแร่ การตรวจสอบมลพิษทางน้ำ เพื่อเป็นดัชนีบ่งชี้มลพิษทางน้ำหรือเรียกว่า การวิเคราะห์คุณภาพน้ำมีหลายประการ ได้แก่
การบำบัดน้ำเสีย ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ
ส่วนในแหล่งน้ำธรรมชาติอาจใช้พืชน้ำช่วยบำบัดน้ำเสียได้ เช่น ผักตบชวา ผักกระเฉด ธูปฤาษี หญ้าแฝก กกสามเหลี่ยม และบัว เป็นต้น โดยพืชน้ำดูดสารอินทรีย์ในน้ำไปใช้ในการเจริญเติบโตและยังช่วยกรองหรือกักเก็บกากตะกอนไว้ที่ก้นแหล่งน้ำ แหล่งที่มา เกษม ศรีพงษ์. (มปพ). ชีววิทยาแผนใหม่ Modern Biology ม.4 เล่ม 1 ว441. กรุงเทพฯ: ภูมิบัณฑิตการพิมพ์. ปรีชา สุวรรณพินิจ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ. (2556). High School Biology ชีววิทยา ม.4-6 เล่ม 5(รายวิชาเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. Return to contents ทรัพยากรดิน ความสำคัญของดิน ทรัพยากรดิน แบ่งตามการใช้ประโยชน์ได้ 2 ประเภท คือ เนื้อดิน (soil) และที่ดิน (land) เนื้อดินหมายถึง ชั้นของดินบนพื้นผิวโลกใช้ประโยชน์ในการผลิตพืชผลทางการเกษตรและป่าไม้ ส่วนที่ดินใช้เป็นที่อยู่อาศัยประกอบกิจการอื่น ๆ เช่น ตั้งโรงงาน ภาพที่ 1 การใช้ทรัพยากรดินทำการเกษตร การใช้ที่ดิน ดินเป็นแหล่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่จะถ่ายทอดไปสู่ผู้บริโภคในระดับต่อ ๆ ไป ปัจจัยควบคุมการเกิดดิน อาศัยปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
การใช้ประโยชน์จากดิน มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นได้ประโยชน์จากดินดังนี้
ส่วนประกอบของดิน ดิน มีส่วนประกอบที่สำคัญ 4 ส่วน คือ
ภาพที่ 2 องค์ประกอบของดิน ดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชโดยทั่วไปนั้น มีส่วนประกอบในอัตราส่วนโดยประมาณดังนี้ คือ แร่ธาตุ 45% อากาศและน้ำอย่างละ 25% และสารอินทรีย์หรือฮิวมัส 5% สมบัติของดิน ดินที่นำมาพิจารณากำหนดคุณภาพของดินแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ 1. สมบัติทางกายภาพ หมายถึง การจัดเรียงและยึดกันของอนุภาคของธาตุในดินลักษณะการยึดกันของดินเรียกว่าเนื้อดิน (Soil texture) ลักษณะเนื้อดินที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่มีสาเหตุมาจากวัตถุต้นกำเนิดดินและการผสมกันของอนุภาคดิน (Soil particle) 3 ขนาด คือ อนุภาคดินเหนียว (clay) มีอนุภาคเล็กมากขนาดเล็กกว่า 0.002 มิลลิเมตรอนุภาคดินทรายแป้ง (silt) มีขนาดใหญ่กว่าอนุภาคดินเหนียวคือมีขนาด 0.002-0.02 มิลลิเมตร และอนุภาคดินทราย (sand) มีขนาดอนุภาค 0.02-2 มิลลิเมตร อนุภาคดิน 3 ขนาดผสมกันเกิดเป็นเนื้อดิน 3 กลุ่ม ได้แก่ - ดินทราย (sandy soil) เป็นดินที่มีกำเนิดมาจากหินทราย มีอนุภาคของทรายเป็นลักษณะเด่น จึงมีอนุภาคขนาดค่อนข้างใหญ่และหยาบ มองเห็นด้วยตาเปล่าเนื้อดินหยาบ แต่ละอนุภาคมักไม่ยึดติดกับอนุภาคอื่น จึงร่วนซุยมีความพรุนมากน้ำซึมผ่านได้ง่ายและไม่กักเก็บน้ำ ความสามารถในการยึดธาตุอาหารต่ำความอุดมสมบูรณ์ไม่เหมาะกับการเจริญของพืช - ดินเหนียว (clay soil) มีขนาดอนุภาคเล็กมากและเนื้อดินละเอียดมาก มีอนุภาคดินเหนียวเป็นลักษณะเด่น เนื้อดินแน่น อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่น สามารถยึดจับและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้สูง ทั้งอากาศและน้ำระบายผ่านได้ยาก จึงเก็บน้ำไว้ได้นาน เมื่อเปียกน้ำจะเหนียวเหนอะทำให้ไถพรวนยาก แต่เมื่อแห้งจะเป็นก้อนแข็ง - ดินร่วน เป็นดินที่มีขนาดอนุภาคอยู่ระหว่างดินเหนียวและดินทราย มีเนื้อดินปานกลาง นุ่มมือ ยืดหยุ่นดี อากาศและน้ำระบายผ่านได้ดีปานกลาง มีความชื้นพอเหมาะ สามารถยึดธาตุอาหารพืชได้ดี จึงเหมาะที่จะใช้ในการเพาะปลูก การจำแนกชนิดดินโดยวิเคราะห์หาเปอร์เซ็นต์ส่วนผสมของดินทราย ดินทรายแป้ง และดินเหนียวโดยน้ำหนัก และนำไปหาชนิดของดินจากกราฟ เช่น การวิเคราะห์หาส่วนผสมของดินชุดหนึ่ง ทราบว่าประกอบด้วย ดินทราย 40% ดินทรายแป้ง 40% และดินเหนียว 20% เมื่อพิจารณาจากกราฟ พบว่า เป็นดินร่วน ภาพที่ 3 กราฟแสดงเปอร์เซ็นต์ของดินทราย ดินทรายแป้ง และดินเหนียว เพื่อจำแนกดิน ลักษณะของเนื้อดินที่แตกต่างกันในแต่ละชนิดจึงมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในกิจกรรมที่ต่างกัน สีของดิน มีประโยชน์ในการจำแนกดินหรือแยกชั้นของดินสีของดินจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของดิน เช่น ดินสีดำมีฮิวมัสเป็นส่วนประกอบอยู่มาก จึงมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุหรือมีแมงกานีสประกอบอยู่ ดินสีเหลืองปนน้ำตาลเป็นดินที่มีฟอสฟอรัสออกไซด์ ดินสีน้ำเงินมีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ดินสีแดงแสดงว่าเป็นดินที่มีอายุมาก ผ่านการสลายตัวอย่างรุนแรงมาแล้ว จึงไม่มีแร่ธาตุที่เป็นอาหารของพืช เป็นต้น 2. สมบัติทางเคมี หมายถึง pH หรือความเป็นกรด-เบสของดิน ดินในที่ต่าง ๆ มีความเป็นกรด-เบสแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชด้วย วิธีวัด pH ของดิน ทำได้โดยนำดินมาละลายน้ำแล้วใช้กระดาษ pH ทดสอบหรือทดสอบด้วยกระดาษยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ แล้วเปรียบเทียบกับสีที่ข้างกล่อง
3. สมบัติทางชีวภาพ หมายถึง สิ่งมีชีวิตหรือสารอินทรีย์ที่อยู่ในดิน ดังนั้นดินบริเวณใดที่มีความอุดมสมบูรณ์จะต้องมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมาก ชนิดของสิ่งมีชีวิตในดิน มีหลายจำพวก
การจัดการทรัพยากรดิน มลพิษของดินเเละปัญหาการเสื่อมโทรมของดิน มลพิษของดิน (Soil pollution) หมายถึง ภาวะที่ดินได้รับสารพิษและของเสียจากแหล่งต่างๆและเกิดการสะสมมากจนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต สาเหตุของมลพิษในดิน มีดังนี้
สาเหตุของการเสื่อมโทรมของดิน
ดินที่มีความเป็นเบสสูงหรือดินเค็ม เป็นดินที่มี pH มากกว่า 7 เป็นดินที่มีเกลือแกงอยู่มากกว่าปกติดินประเภทนี้มี pH ประมาณ 8.5 ดินเค็มมักพบทางแถบภาคอีสานและแถบชายทะเล ดินเค็มจะทำให้สารอาหารบางชนิดในดินถูกพืชนำไปใช้ไม่ได้ จึงชะลอการเจริญเติบโตของพืชที่ให้ผลผลิตพืชลดลงเนื่องจาก ดินเค็มเป็นอันตรายต่อการงอกของเมล็ด ขัดขวางการหยั่งรากของพืชลงสู่ดิน ดินเค็มจับแน่นกับปุ๋ยเคมีทำให้พืชนำปุ๋ยเคมีไปใช้ไม่สะดวกทำให้ดินแน่นขึ้นการอุ้มน้ำของดินลดลง การแก้ไขดินเค็ม โดยการชะล้างด้วยน้ำจืดหรือใช้ยิปซัม (หรือแคลเซียมซัลเฟต, CaSO4) ใส่ในดินควบคุมการทำนาเกลือปลูกไม้ยืนต้นที่ทนเค็มทนแล้งได้ดีเช่นต้นยูคาลิปตัสกระถินสะเดาแคบ้านมะขามและควบคุมความชื้นในดินไม่ให้น้ำใต้ดินถูกดูดขึ้นมาที่ผิวหน้าดินจึงไม่ให้เกลือขึ้นมาที่ผิวหน้าดินด้วย ดินที่มีความเป็นกรดจัด เรียกว่า ดินเปรี้ยวมักมีค่า pH ต่ำกว่า 4 ความเป็นกรดมักเกิดจากกรดกำมะถันเป็นส่วนใหญ่หรือมีแร่ไพไรท์ (FeS2) จะทำให้ผลผลิตจากการเพาะปลูกต่ำ ดินกรดมักพบแถวทุ่งรังสิตไปถึงอยุธยาตอนเหนือ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี การแก้ไขดินกรด โดยใช้ปูนมาร์ลซึ่งเป็นปูนในธรรมชาติในรูปแคลเซียมคาร์บอเนตจะช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นทำให้ดินร่วนไม่แน่นทึบและระบายน้ำและอากาศได้ดีนอกจากนี้อาจใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มเติม การจัดการและการแก้ปัญหามลพิษทางดินและปัญหาการเสื่อมโทรมของดิน
แหล่งที่มา เกษม ศรีพงษ์. (มปพ). ชีววิทยาแผนใหม่ Modern Biology ม.4 เล่ม 1 ว441. กรุงเทพฯ: ภูมิบัณฑิตการพิมพ์. ปรีชา สุวรรณพินิจ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ. (2556). High School Biology ชีววิทยา ม.4-6 เล่ม 5(รายวิชาเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). หนังสือเรียน รายวิชา เพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. Return to contents อากาศ ความสำคัญของอากาศ ความสำคัญของอากาศและบรรยากาศมีดังนี้
ส่วนประกอบของอากาศ อากาศ เป็นของผสมที่ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่ ไนโตรเจนจำนวนร้อยละ 78.09 ออกซิเจนร้อยละ 20.94 ก๊าซเฉื่อยซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ก๊าซอาร์กอนร้อยละ 0.93 คาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 0.03 และส่วนผสมของก๊าซฮีเลียม ไฮโดรเจน นีออน คริปตอน ซีนอน โอโซน มีเทน ไอน้ำและสิ่งอื่นรวมกัน ร้อยละ 0.01 ก๊าซออกซิเจนที่พอเหมาะแก่การดำรงชีวิตจะอยู่สูงจากพื้นโลก 5-6 กิโลเมตร
ภาพที่ 2 ส่วนประกอบของอากาศ
คุณสมบัติของอากาศ อากาศ (Air) คือ ของผสมที่เกิดจากก๊าซหลายชนิด อากาศบริสุทธิ์จะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส ตามธรรมชาติแล้วอากาศที่บริสุทธิ์จะหาได้ยากมาก และการที่อากาศลอยปนอยู่กับ ลักษณะทางกายภาพจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ บรรยากาศ (Atmosphere) คือ มวลก๊าซที่ห่อหุ้มตั้งแต่ผิวโลกจนสูงขึ้นไปประมาณ 900 กิโลเมตร โดยจะเกิดร่วมกับลักษณะทางกายภาพอื่น ได้แก่ อุณหภูมิ ความกดอากาศ ความชื้น ลม และอนุภาคฝุ่นผง หรือมลสาร (Pollutant) ซึ่งอยู่ในระดับต่ำและคงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก บรรยากาศที่สูงขึ้น ประมาณ 80 กิโลเมตรจะมีส่วนผสมของก๊าซคล้ายคลึงกัน ภาพที่ 1
มลพิษที่ปล่อยสูบรรยากาศของนิคมอุตสาหกรรม การจัดการทรัพยากรอากาศ มลพิษทางอากาศ หมายถึง ภาวะอากาศที่มีสารเจือปนอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าระดับปกติเป็นเวลานานพอที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ สัตว์ พืช หรือทรัพย์สินต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฝุ่นละอองจากลมพายุ ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ไฟไหม้ป่า ก๊าซธรรมชาติอากาศเสียที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเป็นอันตรายต่อมนุษย์น้อยมาก เพราะแหล่งกำเนิดอยู่ไกลและปริมาณที่เข้าสู่สภาพแวดล้อมของมนุษย์และสัตว์มีน้อย กรณีที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่ มลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์จากโรงงานอุตสาหกรรมจากขบวนการผลิตจากกิจกรรมด้านการเกษตรจากการระเหยของก๊าซบางชนิด ซึ่งเกิดจากขยะมูลฝอยและของเสีย เป็นต้น แหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศ แหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
สารมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ฝุ่นละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ซึ่งพบว่ามีปริมาณการระบายออกสู่บรรยากาศเพิ่มมากขึ้นทุกปตามปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดมลภาวะของอากาศ มีหลายอย่างด้วยกันคือ
โลหะบางชนิดที่ทำให้เกิดมลภาวะของอากาศและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้แก่ ตะกั่ว อันตรายจากพิษของตะกั่ว คือ เส้นโลหิตเสื่อมเชลล์สมองถูกทำลายทำให้เกิดการตกเลือดเกิดโรคทางสมองจิตเสื่อมตาบอดและเป็นอัมพาตได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ เพราะตะกั่วขัดขวางการสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นองค์ประกอบของเม็ดเลือดแดงมีผลร้ายต่อการตั้งครรภ์และการเจริญของทารกในครรภ์ (ปกติร่างกายสามารถขับออกเกือบหมดทางปัสสาวะและอุจจาระถ้ารับมาก ๆ จะสะสมในกระดูกและเนื้อเยื่อ ปรอท อันตรายจากพิษของปรอท
แคดเมียม (Cd) อันตรายจากพิษของแคดเมียม ทำให้คลื่นไส้อาเจียนท้องร่วงเป็นตะคริวที่ท้องถ้าร่างกายได้รับเข้าไปมากจะทำให้กระดูกกร่อนกระดูกผุทำให้หักง่าย เพราะรบกวนกลไกการนำ Ca ไปสร้างกระดูกเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงมีการสะสมที่ไต เรียกโรคนี้ว่า โรคอิไตอิไต แก๊สต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ได้แก่
น้ำมันปิโตรเลียม อันตรายที่เกิดขึ้นจากไฮโดรคาร์บอน คือ ทำให้เกิดหมอกควันเกิดความระคายเคืองนัยน์ตา หลอดลม คันตา ผิวหนัง ทำลายคลอโรฟิลของพืช ขัดขวางการผลิตฮอร์โมนของพืชไฮโดรคาร์บอนบางชนิดเมื่อสะสมอยู่ในร่างกายมาก ๆ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ สารกัมมันตรังสีที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ อันตรายที่เกิดขึ้นจากกัมมันตรังสี คือ ทำให้ระคายเคืองตาจมูกคือมือบวมอาเจียนอาจทำให้เป็นหมัน (เนื่องจากกัมมันตรังสีทำให้โครโมโซมผิดปกติ) หรือถึงแก่ชีวิตได้ อาจทำให้ผิวหนังและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเกิดเป็นมะเร็งทารกในครรภ์ผิดปกติ สรุปผลเสียที่เกิดขึ้นจากมลภาวะของอากาศ
แหล่งที่มา เกษม ศรีพงษ์. (มปพ). ชีววิทยาแผนใหม่ Modern Biology ม.4 เล่ม 1 ว441. กรุงเทพฯ: ภูมิบัณฑิตการพิมพ์. ปรีชา สุวรรณพินิจ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ. (2556). High School Biology ชีววิทยา ม.4-6 เล่ม 5(รายวิชาเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. Return to contents ป่าไม้ ,สิ่งมีชีวิตต่างถิ่น (Alien species) ทรัพยากรป่าไม้ ความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทที่ใช้แล้วเกิดทดแทนได้อาจเรียกว่า ทรัพยากรธรรมชาติหมุนเวียน เพราะเมื่อนำมาใช้แล้วสามารถเกิดขึ้นทดแทนได้ ถ้ามีการบำรุงรักษาให้ดี และเป็นระบบนิเวศที่มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์อาศัยอยู่ร่วมกันนอกจากสิ่งมีชีวิตยังมีสิ่งไม่มีชีวิตอีกด้วยเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อมนุษย์ ภาพที่ 1 ป่าไม้ กลุ่มสิ่งมีชีวิต ที่อยู่ในป่าที่สำคัญมี 3 กลุ่มคือ
การจัดการทรัพยากรป่าไม้ การจัดการทรัพยากรป่าไม้ หมายถึง การใช้ประโยชน์จากป่าไม้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุดเกิดการสูญเสียน้อยที่สุดและเป็นไปตามความต้องการของมนุษย์มากที่สุด การจัดการทรัพยากรป่าไม้ มีแนวทางดังนี้
การปลูกป่า ควรแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ ได้แก่ 1) ปลูกเพื่อผลิตไม้ที่มีคุณภาพดี ได้แก่ ไม้สัก 2) ปลูกเพื่อผลิตไม้ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ ใช้ไม้โตเร็ว 3) ปลูกเพื่อรักษาต้นน้ำลำธารควรปลูกไม้ที่ปกคลุมดินเติบโตเร็วใช้น้ำน้อย
1) อุทยานแห่งชาติ (national park) ในประเทศไทยมีอยู่ 126 แห่ง 2) วนอุทยาน (nature park หรือ forest park) 3) สวนพฤกษศาสตร์ (botanical garden) 4) สวนรุกขชาติ (arboretum) 5) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (wildlife sanctuary) 6) พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ (natural conservation area) 7) พื้นที่สงวนชีวาลัย (biosphere reserve) 8) พื้นที่มรดกโลก (World heritage) 9) ป่าชายเลนอนุรักษ์ (conservation mangrove forest) 10) พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 (watershed class 1) 11) เขตห้ามล่าสัตว์ป่า (non-hunting area) สถานการณ์พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย (พ.ศ. 2560-2561) สัดส่วนพื้นที่ป่าไม้ต่อพื้นประเทศไทยปี พ.ศ. 2561 มีร้อยละ 31.68 ของพื้นที่ประเทศ สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมประเทศไทยในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่ใช้สำหรับการคำนวณร้อยละพื้นที่ป่าไม้รายจังหวัดเท่ากับ 517,645.92 ตร.กม. หรือ 323,528,699.65 ไร่
สภาพพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561 แบ่งเป็น 6 ภูมิภาค โดยภาคเหนือมีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุดคือ 38,533429.40 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 64.17 ของพื้นที่ภาค ภาพที่ 2 ข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยปี พ.ศ. 2560-2561 ภาพที่ 3 แผนที่สภาพพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย พ.ศ. 2560-2561 สาเหตุของการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้ถูกบุกรุกทำลายและนำมาใช้ประโยชน์จนเกินกำลังการผลิตของป่าทำให้พื้นที่ป่าไม้ลดลงมากเนื่องจาก
ผลกระทบจากการทำลายป่า การทำลายป่า นอกจากทำให้พื้นที่ป่าลดลงแล้วยังเกิดผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่
สิ่งมีชีวิตต่างถิ่น ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นหรือเอเลียนสปีชีส์ (alien species) หมายถึง สิ่งมีชีวิตจากต่างแดนที่นำเข้ามาในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง และมักมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตเดิม ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นหรือเอเลียนสปีชีส์มี 2 ชนิด คือ
เนื่องจากการรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น นอกจากส่งผลกระทบกับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมเดิม แล้วยังทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมลดลงด้วย เมื่อชนิดพันธุ์ต่างถิ่นแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมแล้วยังกำจัดได้ยากอีกด้วย เช่น ผักตบชวา หญ้าขจรจบ ไมยราบยักษ์ กระถินยักษ์ ปลาดูด (ปลาซักเกอร์) หอยเชอรี่ จึงควรมีแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดและรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เช่น ไม่ยินยอมให้ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่ไม่แน่ใจว่าจะมีการแพร่ระบาดและรุกรานหรือไม่เข้าประเทศ ถ้ามีการลักลอบนำเข้าต้องทำการกำจัดหรือทำลาย ทำการวิจัยและติดตามผลกระทบของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นตั้งแต่เริ่มต้น โดยการสำรวจแยกชนิดพันธุ์ติดตามผลกระทบที่เกิดจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นนั้น พร้อมกับเผยแพร่ความรู้ให้กับสาธารณชนให้ทราบถึงผลกระทบและโทษ หรือผลเสียของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นนั้น ๆ แหล่งที่มา กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2562). กรมป่าไม้ 123 ปี รักป่า รักประชาชน.กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี. ปรีชา สุวรรณพินิจ และนงลักษณ์ สุวรรณพินิจ. (2556). High School Biology ชีววิทยา ม.4-6 เล่ม 5(รายวิชาเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. Return to contents หัวเรื่อง และคำสำคัญ ทรัพยากรธรรมชาติ, ทรัพยากรน้ำ,ทรัพยากรดิน,ทรัพยากรอากาศ,ทรัพยากรป่าไม้ รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท. สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล ลิขสิทธิ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) วันที่เสร็จ วันจันทร์, 15 มิถุนายน 2563 สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา ชีววิทยา ช่วงชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มเป้าหมาย ครู ดูเพิ่มเติม ปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของไทยมีอะไรบ้างปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย. 1 อากาศเปลี่ยนแปลง. 2 การทำลายป่า. 3 มลพิษทางอากาศ 3.1 ช่องโหว่และการตอบสนองของภาครัฐ 3.2 ความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. 4 ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น. 5 ดูเพิ่ม. 6 อ้างอิง. 7 อ่านเพิ่ม. 8 แหล่งข้อมูลอื่น. ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติระดับโลกมีอะไรบ้าง5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกยังต้องหาทางออก. ภาวะโลกร้อน ... . ขยะอาหาร ... . ขยะพลาสติก ... . สัตว์ป่าสูญพันธุ์. ปัจจุบันปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใดสำคัญที่สุดมลพิษทางน้ำ (Water pollution) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับปัญหามลพิษอื่นๆปัญหามลพิษทางน้ำมักเกิดกับเมืองใหญ่ๆแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศถูกปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกและสารมลพิษต่างๆทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำได้เต็มที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและ ...
ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากธรรมชาติอะไรบ้างสภาพสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดซึ่งภัยธรรมชาติเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของคนที่ส่งผลทำให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้น จากสาเหตุหลักๆของปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งปริมาณการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร การขยายตัวทาง ...
|