“วันนี้กินอะไรกันจ๊ะสาวๆ” คำทักทายประโยคนี้เหมือนจะเป็นคำศัพท์คำทักทายประจำเฉพาะของกลุ่มไลน์ของเพื่อนๆพลอยศรีไปแล้ว เปิดมาตอนไหนก็มักจะมีภาพอาหารมาทักทายกันพร้อมกับคำถามข้างต้นแทบจะทุกวัน ไม่ได้มาสวัสดีพร้อมภาพดอกไม้หลากสีตามวัน ฮาฮา พลอยศรีตอบไป “วันนี้ทำผัดมะเขือยาวใส่ปลาเค็มคร้า”… จากนั้นภาพอาหารของเพื่อนๆคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยตามมา จนมาถึงวันนี้ พลอยศรีก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่คงจะเป็นภาษาเป็นวัฒนธรรมประจำกลุ่มของเราไปเสียแล้ว กลุ่มเราสื่อสารกันด้วยเรื่องอาหารการกินมากกว่าเรื่องอื่นใด จนบางครั้งมีเพื่อนๆหยอกล้อว่า กลุ่มนี้วันๆมีแต่เรื่องของกินและใครที่ไม่ชอบกินก็ค่อยๆหายไป อาหารกับชีวิตมันเป็นของคู่กันเนาะ หลายๆครั้งเราก็ไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไรกัน ถ้าไม่มีเรื่องอาหารมาทักทายกันกลุ่มก็เงียบเหงาเพราะเราก็ไม่อยากไปพูดเรื่องราวของใคร ส่วนเรื่องราวส่วนตัวนั้นไซร้สุขทุกข์ก็ไม่อยากไปแบ่งปัน เพราะถ้าเราสุขใจเพื่อนไม่สุขด้วยก็จะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และถ้าเราทุกข์ใจพูดไปแล้วก็จะพลอยทำให้เพื่อนฝูงทุกข์ใจโดยไม่จำเป็นไปด้วย … More Show
เมื่อพูดถึงผัก สิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกออกคงจะเป็นกะหล่ำปลี, แครอท, ผักกาด, หัวไชเท้า, ดอกกะหล่ำ, เห็ด, มันฝรั่ง, ฟักทอง, คะน้า, ข้าวโพด, กะเพรา หรือแตงกวา ซึ่งผักเหล่านี้เป็นผักที่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยม หาทานง่าย และมีราคาไม่แพงมากนัก แต่ผักอีกหนึ่งชนิดที่มีราคาเป็นมิตรและมีสายพันธุ์ให้เลือกหลากหลายอย่าง “มะเขือ” กลับถูกหลายคนมองผ่านไปอย่างน่าสงสารและให้เหตุผลว่ามะเขือมีรสชาติไม่อร่อยและมีกลิ่นเหม็นเขียวทำให้ทานยาก แต่ความจริงแล้วมะเขือลูกเล็ก ๆ นั้นมีดีและมีประโยชน์ซ่อนอยู่มากกว่าที่คุณคิดค่ะ บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามะเขือที่คุณมองข้ามนั้นมีข้อดีและเป็นผักที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะมะเขือม่วงผลโตที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยในมะเขือปรุงสุกปริมาณ 100 กรัมจะให้พลังงานเพียง 35 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วยโปรตีน 0.83 กรัม, ไขมัน 0.23 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 8.73 กรัม, ไฟเบอร์ 2.5 กรัม, น้ำตาล 3.2 กรัม รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุอีกมากมาย () นอกจากนี้มะเขือยังเต็มไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ และปกป้องเซลส์ต่าง ๆ จากการทำลายของอนุมูลอิสระ แต่คุณงามความดีของมะเขือยังไม่หมดเพียงแค่นี้เพราะการทานมะเขือเป็นประจำจะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย เนื่องจากในมะเขือจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้า ๆ ทำให้ระดับน้ำตาลคงที่นั่นเองค่ะ () 10 สูตรเมนูอาหารจากมะเขือแหมเห็นอย่างนี้หลายคนคงรู้สึกอยากทานมะเขือขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ และแน่นอนว่าเกริ่นสรรพคุณมายาวเหยียดซะขนาดนี้เราคงไม่ปล่อยให้เพื่อน ๆ ต้องมาคิดหาเมนูมะเขือให้เสียเวลา ในบทความนี้เราได้รวบรวมเมนูจากมะเขือมาให้เพื่อน ๆ ถึง 10 เมนูเน้น ๆ และมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกรสชาติอร่อยนัว, แกงเผ็ดหรอย ๆ หรือเมนูผัดรสชาติอร่อยกลมกล่อมก็มีครบจบในบทความเดียวค่ะ อย่ารอช้าเราไปดูเมนูจากมะเขือกันเลยดีกว่า 1. แกงเนื้อมะเขือแกงเนื้อมะเขือใครชอบความเผ็ดร้อนจัดจ้านเชิญทางนี้เลยจ้า แกงเนื้อมะเขือเป็นเมนูกับข้าวรสชาติจัดจ้านร้อนแรงตามสไตล์อาหารปักษ์ใต้ เราจะเริ่มจากเลือกเนื้อวัวสดที่มีรสชาติหวานละมุนในตัวมาแล่เป็นชิ้นบาง ๆ นำมาเคี่ยวกับน้ำกะทิจนทั้งหอมทั้งนุ่ม ต่อด้วยผัดพริกแกงกับน้ำกะทิจนแตกมันและส่งกลิ่นหอมไปสามบ้านเจ็ดบ้าน นำทุกอย่างมาเคี่ยวรวมกันแล้วตามด้วยมะเขือเปราะและมะเขือพวงเพิ่มความอร่อย สำหรับเมนูนี้จะมีรสชาติเผ็ดนำ ตามด้วยรสเค็มและหวานเบา ๆ จากเนื้อวัวและมะเขือ เหมาะกับข้าวสวยร้อย ๆ และผักสดหวานกรอบค่ะ วัตถุดิบแกงเนื้อมะเขือ
วิธีทำแกงเนื้อมะเขือจัดการเนื้อวัวกันก่อนค่ะ สำหรับเนื้อเพื่อน ๆ จะเลือกส่วนไหนก็ได้นะคะ เอาส่วนที่ชอบแต่ไม่แนะนำเนื้อติดมันนะเพราะจะเลี่ยนเกินไป จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วแล่เนื้อเป็นชิ้นบาง ๆ จะสุกง่าย ไม่เหนียว และไม่เสียเวลา เสร็จแล้วหันมาเตรียมอ่างน้ำเกลือแล้วหั่นเอาขั้วมะเขือเปราะออก ผ่าเป็นสี่ส่วนแล้วแช่น้ำเกลือไว้ ส่วนมะเขือพวงแกะเอาก้านทิ้งแล้วบี้ให้พอแหลกแช่น้ำเกลือไว้เช่นกัน จากนั้นหยิบพริกชี้ฟ้ามาหั่นแฉลบหรือหั่นเป็นเส้น ส่วนใบมะกรูดฉีกเอาก้านออกค่ะ ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง รอจนกระทะเริ่มร้อนแล้วเทน้ำกะทิลงไปเล็กน้อยแล้วตามด้วยเนื้อวัว ผัดเนื้อวัวกับน้ำกะทิจนเนื้อวัวสุกประมาณ 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ หรือจนกว่าเนื้อวัวจะเริ่มแข็งขึ้น จากนั้นตักขึ้นมาพักไว้ก่อน นำกระทะขึ้นตั้งเตาอีกครั้งแล้วเทน้ำกะทิลงไปอีกพอประมาณ คราวนี้ใส่พริกแกงลงไปตามชอบ ใครชอบทานเผ็ดใส่เยอะหน่อย ส่วนใครทานเผ็ดไม่เก่งก็ใส่น้อย ๆ ตามด้วยกะปิอีกประมาณครึ่งหนึ่งของพริกแกง เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดในกระทะให้เข้ากันและน้ำกะทิแตกมัน เติมกะทิลงไปอีกพอประมาณไม่ให้กระทะไหม้แล้วรอจนน้ำแกงเดือด น้ำแกงเดือดแล้วนำมะเขือเปราะลงกระทะก่อนแล้วกดให้มะเขือจมทุกชิ้น ผัดจนมะเขือเริ่มสุกและเปลี่ยนสีเราจะนำเนื้อวัวและมะเขือพวงใส่ตามลงไป ผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน รอจนน้ำเดือดอีกครั้งแล้วชิมรสชาติตามชอบ ถ้ายังอ่อนเกินไปสามารถเติมพริกแกงและน้ำปลาเพิ่มได้ เคี่ยวต่ออีกนิดจนเนื้อสุกได้ที่แล้วใส่ใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า คนให้เข้ากันอีกครั้งแล้วปิดเตาตักเสิร์ฟค่ะ 2. มะเขือเทศผัดไข่มะเขือเทศผัดไข่ถัดมาเป็นเมนูอร่อยส่งตรงจากจีนแผ่นดินใหญ่ มะเขือเทศผัดไข่เป็นเมนูที่หลายคนโปรดปรานเมื่อไปเยือนประเทศจีน เมนูนี้มีรสชาติเบา ๆ และทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ เป็นการผสมผสานระหว่างมะเขือเทศชิ้นโตรสชาติเปรี้ยวหวานกับความนุ่มละมุนของไข่ ราดด้วยน้ำซอสเหนียวข้นนิด ๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อม สำหรับเมนูนี้มะเขือเทศและไข่จะยังเป็นชิ้นสวย ไม่เละ และเคลือบด้วยน้ำซอสเงาวาวชวนรับประทานค่ะ จะทานเปล่า ๆ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยหรือทานกับข้าวก็ได้ วัตถุดิบมะเขือเทศผัดไข่
วิธีทำมะเขือเทศผัดไข่มาเตรียมมะเขือเทศกันก่อนดีกว่า เริ่มจากนำมะเขือเทศมาล้างทำความสะอาดแล้วดึงเอาขั้วออก แนะนำให้เลือกมะเขือเทศขนาดกลางหรือลูกใหญ่นะคะจะมีเนื้อเยอะและอร่อยกว่าลูกเล็ก ๆ จากนั้นนำมะเขือเทศมาผ่าออกเป็น 4 หรือ 8 ส่วนแล้วแต่ความชอบและขนาดของมะเขือเทศค่ะ พักมะเขือเทศไว้แล้วนำต้นหอมมาซอยโดยแยกส่วนโคนขาวกับใบสีเขียวออกจากกัน หยิบไข่ออกมาตอกใส่ภาชนะ เพิ่มรสชาติด้วยเกลือเล็กน้อยแล้วตีให้เข้ากัน สุดท้ายผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าเตรียมไว้ ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยแล้วรอจนน้ำมันเริ่มร้อนเราจะนำไข่ลงไปเจียวก่อนค่ะ เราจะไม่เจียวจนไข่ฟูนะคะ เลือกใส่ช่วงที่น้ำมันยังไม่ร้อนมาแล้วใส่ไข่ลงไปไข่จะค่อย ๆ สุกและเซตตัว หลังจากเซตตัวแล้วเราค่อย ๆ ใช้ตะหลิวคนไข่เบา ๆ ให้โดนความร้อนทั่วถึง ไข่จะยังนิ่ม ๆ แต่ไม่เหลวเป็นน้ำเหมือนไข่ดิบ หลังจากไข่เซตตัวดีแล้วตักขึ้นมาพักเอาไว้ก่อนแล้วเตรียมมะเขือเทศต่อค่ะ นำกระทะใบเดิมขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง ถ้าน้ำมันน้อยเกินไปสามารถเดิมได้อีกนิด น้ำมันร้อนแล้วนำโคนต้นหอมที่ซอยไว้ลงผัดจนสีเข้มขึ้นก่อนแล้วตามด้วยมะเขือเทศ ผัดเบา ๆ จนมะเขือเทศมีน้ำมันเคลือบจนทั่วแล้วปรุงรสชาติด้วยน้ำตาล, เกลือ และซอสมะเขือเทศ ผัด ๆ คลุก ๆ ให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติเปรี้ยวหวานตามชอบ ถ้าโอเคแล้วคนผสมแป้งอีกครั้งแล้วเทลงในกระทะพร้อมกับคนให้ทั่วแป้งจะไม่จับตัวเป็นก้อน ผัด ๆ คน ๆ จนแป้งสุกใสแล้วเราจะนำไข่ที่เจียวไว้ก่อนหน้าลงผัดรวมกันแล้วปิดเตา ตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมที่เหลือ พร้อมเสิร์ฟค่ะ 3. ยำมะเขือยาวมาต่อกันที่เมนูทานเล่นอย่างยำมะเขือยาว ถึงจะเป็นเมนูทานเล่นแต่ขอบอกว่าอิ่มจริงจังเพราะมีทั้งกุ้งทั้งหมูแบบจุก ๆ ไหนจะมะเขือยาวเนื้อนุ่มรสชาติหวานกำลังดี ราดด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้านครบรสทั้งเปรี้ยวเผ็ดเค็มหวาน ใกล้ ๆ กันมีไข่ต้มฟองโตให้ทานเพื่อตัดรส นอกจากจะอร่อยครบรสแล้วเมนูนี้ยังทำง่ายและใช้เวลาไม่นานมากแถมได้ประโยชน์จากผักและเนื้อสัตว์แบบแน่น ๆ วัตถุดิบยำมะเขือยาว
วิธีทำยำมะเขือยาวเริ่มจากเตรียมเตาย่างให้พร้อมเลยค่ะ จากนั้นใช้ส้อมหรือไม้ปลายแหลมจิ้มมะเขือยาวสัก 4 – 5 ครั้ง ให้ทั่วแล้วนำไปย่างไฟอ่อน ๆ จนสุกและผิวด้านนอกติดไหม้หน่อย ๆ ระหว่างรอมะเขือสุกเราจะนำไข่มาต้มจนสุกตามชอบเตรียมไว้เพื่อไม่ให้เสียเวลาค่ะ มะเขือสุกเกรียมดีแล้วนำลงมาพักให้หายร้อนแล้วลอกเอาผิวออกให้เกลี้ยง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเตรียมไว้ นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่น้ำลงไปนิดหน่อยตามด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นนำหมูสับลงรวนจนเกือบสุกแล้วตามด้วยกุ้ง รวนต่อจนกุ้งสุกตามชอบแล้วพักไว้ให้หายร้อน ระหว่างรอหันมาซอยต้นหอม, ผักชี, หอมแดง และพริกขี้หนูเตรียมไว้ เสร็จแล้วมาปรุงน้ำยำต่อ เริ่มจากผสมน้ำตาล, น้ำปลา และน้ำมะนาวลงในภาชนะก่อน คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานตามชอบ จากนั้นนำหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และพริกที่ซอยไว้ลงผสมให้เข้ากันแล้วตามด้วยกุ้งและหมูสับ คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติอีกครั้ง แนะนำให้ปรุงรสจัดกว่าปกติเล็กน้อย ได้น้ำยำแล้วพักไว้ก่อน หันมาจัดมะเขือยาวลงจานเสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม ราดน้ำยำลงไปแล้วตกแต่งด้วยผักชีอีกนิด พร้อมเสิร์ฟ 4. ผัดมะเขือยาวผัดมะเขือยาวผัดมะเขือยาวเป็นเมนูอร่อยที่ทำง่ายและทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ เมนูนี้แม้แต่คนทานผักไม่เก่งก็สามารถทานได้เพราะมีหมูสับ! ฮ่าฮ่าฮ่า เมนูนี้เราจะนำมะเขือยาวมาหั่นเป็นแท่ง ๆ ขนาดพอดีคำแล้วนำมาผัดรวมกับหมูสับและพริกเพิ่มความเผ็ดขึ้นมาอีกนิด ใส่ใบโหระพาเยอะ ๆ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและช่วยให้ทานง่าย ปรุงรสชาติให้เข้มข้นเล็กน้อยและมีรสชาติเค็มหวานเผ็ดกลมกล่อม มะเขือยาวไม่สุกจนเละแต่ให้ความรู้สึกนุ่ม ๆ เมื่อทานพร้อมข้าวรสชาติจะอ่อนลงและอยู่ในระดับที่อร่อยกำลังดีเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถดูสูตรและวิธีการทำได้ที่ 5. แกงส้มกุ้งมะเขือเปราะถัดมาเป็นแกงส้มรสเด็ดผัดจัดจ้านตามสไตล์อาหารใต้ แกงส้มกุ้งมะเขือเปราะเป็นเมนูที่สามารถหาทานได้ง่ายในร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ค่ะ จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่กุ้งสดตัวโตเนื้อเด้งกับมะเขือเปราะหั่นชิ้นพอดีที่มีความเปื่อยนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นแต่กลับให้รสชาติหวานอ่อน ๆ แทน ส่วนน้ำแกงจะเข้มข้น รสชาติจัดจานแต่ไม่เผ็ดมากนัก สามารถซดน้ำแกงได้สบาย น้ำแกงรสชาติเปรี้ยวน้ำ ตามด้วยเค็มอ่อน ๆ และรสชาติหวานของเนื้อสัตว์และผัก เข้ากันดีกับข้าวสวยและไข่เจียวฟูหนา วัตถุดิบแกงส้มกุ้งมะเขือเปราะ
วิธีทำแกงส้มกุ้งมะเขือเปราะขั้นตอนแรกเรามาจัดการกุ้งกันก่อนดีกว่า เริ่มจากนำกุ้งมาล้างทำความสะอาด จากนั้นปอกเปลือก ผ่าหลัง และดึงเส้นดำออกด้วยนะคะ เสร็จเรียบร้อยแล้วนำกุ้งมาขยำเกลือเบา ๆ เพื่อล้างเอาเมือกและกลิ่นคาวออกแล้วล้างทำความสะอาดและแช่น้ำแข็งพักไว้ให้เนื้อกรอบเด้ง เสร็จแล้วนำเปลือกและหัวกุ้งมาล้างเบา ๆ แล้วพักไว้ก่อน หันมาเทน้ำใส่ถ้วยหรือภาชนะใบใหญ่แล้วใส่เกลือลงไปพอประมาณ คนให้เกลือละลายแล้วหยิบมะเขือมาหั่นเอาขั้วมะเขือออกแล้วผ่าเป็นสี่ส่วนแช่น้ำเกลือทิ้งไว้ป้องกันไม่ให้มะเขือดำ นำหม้อขึ้นตั้งเตา เปิดไฟกลางแล้วนำเปลือกกุ้งและเกลือเล็กน้อยลงคั่วจนเปลือกกุ้งสุกหอม จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อยให้พอท่วมก้นหม้อแล้วนำพริกแกงลงผัดจนละลายเข้ากันดี ไม่จับตัวเป็นก้อน เคี่ยวจนน้ำก้นหม้อเดือดแล้วเติมน้ำลงไปตามปริมาณที่ต้องการ เร่งไฟให้น้ำเดือดแล้วตักเอาเปลือกกุ้งออกให้หมดค่ะ คราวนี้น้ำแกงของเราก็จะหอมเปลือกกุ้งและมีรสชาติอร่อยขึ้นโดยไม่ต้องทิ้งเปลือกกุ้งให้เสียเปล่า น้ำแกงเดือดแล้วเบาไฟลงเป็นไฟกลาง ๆ แล้วนำมะเขือลงหม้อก่อน ใช้ทัพพีกดเบา ๆ ให้มะเขือจมน้ำทุกชิ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มะเขือดำ หลังจากมะเขือเริ่มเปลี่ยนสีแล้วคราวนี้เราจะนำกุ้งลงต่อเลยค่ะ ใส่กุ้งแล้วไม่ต้องคนแต่รอจนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่อยเกลี่ยให้กระจาย น้ำเดือดอีกครั้งช้อนเอาฟองออกแล้วชิมน้ำแกงเล็กน้อย ถ้ารสชาติยังอ่อนไฟสามารถเพิ่มความเค็มได้ด้วยน้ำปลา รสชาติพอดีและกุ้งสุกตามชอบแล้วปิดเตา รอ 3 นาที ให้ความร้อนลดลงหน่อยแล้วใส่น้ำมะนาวตามไปหลังสุด คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติอีกครั้ง การใส่น้ำมะนาวหลังปิดเตาจะช่วยให้มะนาวไม่ขมและมีกลิ่นหอมลอยอยู่ในน้ำซุป ไม่ระเหยไปกับควันจนหมดค่ะ 6. น้ำพริกอ่องน้ำพริกอ่องเปลี่ยนบรรยากาศมาแอ่วเหนือทิพย์ด้วยน้ำพริกอ่องอาหารเหนือกันบ้างดีกว่า เมนูนี้ได้อารมณ์เมืองเหนือสุด ๆ แถมอร่อยถูกใจเพราะมีทั้งมะเขือเทศและหมูสับเน้น ๆ น้ำพริกสีแดงสวยมาจากพริกแกงและมะเขือเทศรสเปรี้ยว นำมาผัดรวมกับหมูสับและกระเทียมเจียวหอม ๆ ผัดให้เครื่องทุกอย่างเข้ากันแล้วเพิ่มรสชาติด้วยน้ำปลา เมนูนี้จะมีรสชาติเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ เข้ากับผักนึ่งและแคบหมูกรอบ ๆ ค่ะ วัตถุดิบน้ำพริกอ่อง
วิธีทำน้ำพริกอ่องล้างทำความสะอาดมะเขือเทศก่อนค่ะ จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พักไว้ หันมาย่างถั่วเน่าจนกรอบและหอม จากนั้นนำพริกแห้งเม็ดใหญ่มาตัดแล้วแช่น้ำไว้จนนิ่ม เสร็จแล้วแบ่งกระเทียมส่วนหนึ่งมาสับให้พอแหลกเตรียมไว้ หลังจากพริกนิ่มดีแล้วเราจะมาเตรียมพริกแกงกันก่อนโดยการนำเกลือ, กระเทียม และพริกแห้งเม็ดเล็กประมาณ 2 – 3 ดอก มาโขลกให้เข้ากันดี จากนั้นตามด้วยพริกแห้งเม็ดใหญ่และกะปิ โขลกจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนแล้วนำหอมแดงและถั่วเน่าลงโขลกรวมกันจนได้พริกแกงเนื้อเนียนสวย ตั้งกระทะเปิดไฟกลางแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย น้ำมันพืชร้อนได้ที่แล้วนำกระเทียมที่สับไว้ลงเจียวจนหอมกรุ่นแล้วตามด้วยพริกแกงที่ตำไว้ ผัดจนพริกแกงสุกและส่งกลิ่นหอมก็นำหมูสับลงผัดรวมกันจนหมูสุกได้ที่ จากนั้นนำมะเขือเทศลงผัดรวมกันต่อได้เลยค่ะ เติมเกลือเล็กน้อยเพิ่มรสชาติแล้วผัด ๆ คลุก ๆ จนมะเขือเทศสุกเละรวมกันกับหมูสับและพริกแกง ชิมรสชาติเล็กน้อยแล้วเพิ่มความเค็มด้วยน้ำปลา ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้งแล้วปิดเตา ตัดใส่ภาชนะพร้อมโรยหน้าด้วยต้นหอมผักชี 7. ผัดหมูมะเขือเปราะผัดหมูมะเขือเปราะเมนูผัดหมูมะเขือเปราะจะคล้าย ๆ กับผัดมะเขือยาวค่ะ เพียงแค่เราเปลี่ยนจากมะเขือยาวมาเป็นมะเขือเปราะที่ฝานจนเป็นแผ่นบางกำลังดี ผัดกับหมูจนสุกนุ่มได้ที่ ปรุงรสชาติให้เค็ม ,หวาน และเผ็ดเข้มข้นกลมกล่อม ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเต้าเจี้ยวและใบโหระพาสดชื่น ผัดให้มีน้ำซอสพอขลุกขลิกสำหรับคลุกข้าว รับรองว่าเพื่อน ๆ จะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ วัตถุดิบผัดหมูมะเขือเปราะ
วิธีทำผัดหมูมะเขือเปราะก่อนอื่นเราจะล้างทำความสะอาดมะเขือเปราะ, กระเทียม, พริก และใบโหระพาก่อนเลยค่ะ จากนั้นเตรียมอ่างน้ำเกลือไว้แล้วหั่นมะเขือเปราะเป็นแผ่นหนาพอประมาณแล้วแช่น้ำเกลือทิ้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำ หันมาเด็ดใบโหระพาตามชอบแล้วโขลกพริกกระเทียมให้พอแหลกเตรียมไว้ต่อเลยค่ะ นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนกระทะร้อนแล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยแล้วตามด้วยพริกกระเทียม ผัดจนพริกกระเทียมส่งกลิ่นหอมแล้วเราจะนำหมูสับลงผัดต่อจนสุกค่ะ ถ้ากระทะแห้งมากเกินไปสามารถเติมน้ำได้นิดหน่อยนะคะ หมูเริ่มสุกแล้วเราจะนำมะเขือเปราะที่ฝานไว้ลงผัดรวมกัน ผัด ๆ คลุก ๆ อย่างเบามือจนมะเขือเปราะเริ่มสุกนุ่มแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา, เต้าเจี้ยว และซอสหอยนางรม ผัดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วชิมรสชาติเค็มหวานตามชอบ ปิดท้ายด้วยใบโหระพา คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกนิดจนใบโหระพาเริ่มเหี่ยวแล้วปิดเตาตักใส่จานเสิร์ฟได้เลยจ้า 8. พล่าเนื้อมะเขือพล่าเป็นเมนูยำชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของตะไคร้และใบมะกรูด เมนูที่เราเลือกวันนี้คือพล่าเนื้อมะเขือค่ะ เราจะนำเนื้อวัวมาย่างจนมีความสุกกำลังพอดี เนื้อยังฉ่ำหวานแล้วแล่เป็นชิ้นบาง ๆ พอดีคำ นำมายำรวมกับเครื่องสมุนไพรหอม ๆ จุก ๆ และมะเขือเปราะเพิ่มความกรอบ สำหรับเมนูนี้จะมีรสชาติเผ็ด, เปรี้ยว, เค็ม และหวานครบรสแต่ไม่จัดจ้านมากนัก เน้นหอมกลิ่นสมุนไพรและรสชาติหวาน ๆ ของเนื้อ วัตถุดิบพล่าเนื้อมะเขือ
วิธีทำพล่าเนื้อมะเขือก่อนอื่นนำเนื้อมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปย่างก่อนค่ะ ใครชอบความสุกประมาณไหนก็จัดได้เลยตามชอบแต่ไม่แนะนำให้ย่างจนสุกทั้งชิ้นนะคะเพราะเนื้อจะแห้งและเหนียวมากจนเกินไปค่ะ หลังจากย่างจนสุกดีแล้วให้นำเนื้อลงมาพักประมาณ 5 – 10 นาที เพื่อความฉ่ำแล้วค่อยแล่เนื้อเป็นแผ่นบาง ๆ เตรียมไว้ เตรียมเนื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วเรามาเตรียมเครื่องพล่ากันต่อ เริ่มจากเตรียมอ่างน้ำเกลือหรือน้ำผสมน้ำมะนาวไว้ให้พร้อม จากนั้นตัดขั้วมะเขือเปราะ ผ่าครึ่งแล้วซอยมะเขือเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ วิธีนี้จะช่วยให้มะเขือไม่ดำและมีสีขาวน่ารับประทานมากขึ้นค่ะ เสร็จแล้วนำตะไคร้, หอมแดง, ใบมะกรูด และพริกขี้หนูมาซอยเตรียมไว้ ต่อมาผสมน้ำปลาและน้ำมะนาวเข้าด้วยกันแล้วตามด้วยพริกขี้หนู, หอมแดง และตะไคร้ซอย คนผสมทุกอย่างให้เข้ากันก่อนแล้วนำเนื้อที่แล่ไว้และใบมะกรูดลงคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ชิมรสชาติให้จัดจ้านตามชอบแล้วตามด้วยมะเขือเปราะฝาน คลุกให้เข้ากันแล้วชิมรสอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยใบสะระแหน่เพิ่มกลิ่นหอมก่อนตักเสิร์ฟ 9. น้ำพริกมะเขือยาวน้ำพริกมะเขือยาวเป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ทำง่ายและมีรสชาติอร่อย พระเอกของเมนูนี้ก็คือมะเขือยาวและพริกหนุ่มที่ให้รสชาติและกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ เพิ่มสีสันด้วยพริกชี้ฟ้า นำมาเผาจนสุกนิ่มและติดเกรียมเล็กน้อยเพื่อเอากลิ่นไหม้อ่อน ๆ ค่อน ตำรวมกันจนแหลกเป็นเนื้อเดียว เพิ่มรสเค็มกลมกล่อมด้วยเกลือและน้ำปลา หรือใครสายปลาร้าจะใส่เพิ่มลงไปก็ได้ไม่ว่ากัน แกล้มด้วยผักและข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองว่าเพลินแน่นอนค่ะ วัตถุดิบน้ำพริกมะเขือยาว
วิธีทำน้ำพริกมะเขือยาวขั้นตอนแรกเราจะล้างทำความสะอาดวัตถุดิบทั้งหมดก่อนค่ะ จากนั้นนำมะเขือ, พริกชี้ฟ้า, พริกหนุ่ม, หอมแดง และกระเทียมขึ้นเตาย่างแล้วย่างให้สุกจนผิวด้านนอกติดเกรียมนิดหน่อยค่ะ เสร็จแล้วนำมาพักให้หายร้อนแล้วลอกเอาผิวออกให้เกลี้ยงค่ะ จากนั้นหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลงหน่อย ใครไม่ทานเผ็ดก็ตัดเอาเมล็ดพริกออกหน่อยส่วนใครชอบเผ็ด ๆ ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปค่ะ เสร็จแล้วนำกระเทียมและหอมแดงลงตำให้แหลกก่อนค่ะ จากนั้นตามด้วยพริกทั้งหมดแล้วตำให้เข้ากับหอมกระเทียมก่อน ปิดท้ายด้วยมะเขือยาว ใช้สากบด ๆ บี้ ๆ ให้แหลกเข้ากันแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาและเกลือเล็กน้อย ชิมให้มีรสชาติเผ็ดเค็มกลมกล่อมแล้วตักใส่ถ้วยเสิร์ฟพร้อมผักสดเยอะ ๆ ค่ะ 10. ซอสมะเขือเทศ (คีโตทานได้)ซอสมะเขือเทศ (คีโตทานได้)ช่วงไหนมะเขือเทศมีราคาถูกลองซื้อมาทำซอสมะเขือเทศทานเองดูค่ะ สูตรนี้ของเราสามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยรวมถึงเพื่อน ๆ ที่กำลังทานคีโตด้วย สำหรับซอสมะเขือเทศสามารถเลือกใช้มะเขือเทศได้ทุกสายพันธุ์เลยค่ะแต่ระดับความเปรี้ยวหวานจะต่างกันเล็กน้อย ซอสมะเขือเทศสูตรที่เรานำมาฝากมีวิธีการทำที่ง่ายและใช้วัตถุดิบน้อย ซอยที่ออกมาจะมีรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และที่สำคัญคือสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องใช้สารกันบูดและไม่มีสารเติมแต่งใด ๆ เข้ากันได้กับทุกเมนูเลยค่ะ วัตถุดิบซอสมะเขือเทศ
วิธีทำซอสมะเขือเทศขั้นตอนแรกเรานำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดก่อนค่ะ จากนั้นตัดเอาส่วนขั้วมะเขือเทศทิ้งไปแล้วหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อร่นระยะเวลาในการต้ม หลังจากหั่นมะเขือเทศเสร็จแล้วเราจะหันมานำกระทะหรือหม้อขึ้นตั้งเตา ไม่ต้องใส่น้ำนะคะ จากนั้นเปิดไฟกลางค่อนแรงแล้วใส่มะเขือเทศลงไปต้มจนสุกเปื่อย เมื่อต้มไปสักพักน้ำในมะเขือเทศจะไหลออกมาเองโดยไม่จำเป็นต้องใส่น้ำเพิ่มลงไปเลยค่ะ วิธีนี้จะทำให้เราได้น้ำมะเขือเทศแท้ที่เข้มข้นและไม่มีการเจือจางอีกด้วย มะเขือเทศสุกเปื่อยดีแล้วเราจะปิดเตาแล้วพักให้หายร้อนก่อนตักใส่โถปั่นแล้วปั่นจนกระทั่งมะเขือเทศเละเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมากรองด้วยกระชอนตาถี่ลงในกระทะเพื่อแยกเอากากและเมล็ดมะเขือเทศออกค่ะ กระทะที่ใช้แนะนำให้เป็นกระทะเทฟล่อนจะดีมากเลยนะคะเพราะมะเขือเทศจะไม่ไหม้ติดกระทะและเทสะดวกมากขึ้นอีกด้วยค่ะ เทมะเขือเทศเสร็จแล้วเปิดไฟอ่อน ๆ แล้วปรุงรสชาติด้วยเกลือและน้ำตาลพอประมาณ จากนั้นใส่ใบกระวานลงไปสักหนึ่งใบเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมแล้วตามด้วยน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเพิ่มรสชาติเปรี้ยว เคี่ยวซอสมะเขือเทศไปเรื่อย ๆ จนงวดขึ้นเราจะหยิบเอาใบกระวานออกเพราะแค่อยากได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เท่านั้นค่ะ ส่วนใครไม่ชอบจะไม่ใส่ก็ได้นะคะ จากนั้นเคี่ยวไฟอ่อนจนซอสมะเขือเทศเหนียวข้นตามต้องการแล้วปิดเตา พักให้หายร้อนแล้วบรรจุลงภาชนะเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทานได้เลยค่ะ
เอาเป็นว่าไว้เพื่อน ๆ ลองทำเมนูจากมะเขือทานดูนะคะรับรองว่าอร่อยและไม่น่าเบื่อแน่นอนค่ะ นอกจากมะเขือเทศแล้วถ้าเพื่อน ๆ กำลังหาไอเดียสำหรับมื้อถัดไปอยู่เราก็มีสูตรอาหารอร่อย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ อีกเป็นกระบุงเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากหมู, เมนูจากไก่, อาหารจานเดียว, ก๋วยเตี๋ยว, เมนูพาสต้า, แซนด์วิช, เมนูจากชีส, เมนูต้มยำ, กับแกล้ม, อาหารอีสานแซ่บ ๆ หรือจะเป็นของหวานล้างปากอย่างคุกกี้เนย, ขนมจากไข่, ขนมไทย, ขนมไร้แป้ง และขนมไม่ง้อเตาอบก็มีให้เลือกตามความชอบค่ะ ไว้เจอกันบทความหน้า สวัสดีค่ะ มะเขือยาวมีประโยชน์อย่างไรบ้างมะเขือยาวมีสารต้านอนุมูลอิสระ โพแทสเซียม ไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินซี ที่อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ช่วยซ่อมแซมและปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นสูง
มะเขือยาว ต้องปอกเปลือกไหมมะเขือยาว (ปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ แต่ปอกจะอร่อยกว่า)
มะเขือยาวชุบแป้งทอดใช้แป้งอะไรแป้งอเนกประสงค์หรือแป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันทอด
มะเขือยาว1ลูก กี่แคลอรี่พลังงานทั้งหมด 18 กิโลแคลอรี่
|