5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับ 5G ไม่ว่าจะจากทางด้าน AIS ที่โชว์ความสามารถของ 5G บนคลื่นความถี่ 26.5 – 27.5 GHz การประกาศขายมือถือรองรับ 5G จากทางฝั่งของ Samsung AT&T OPPO Xiaomi Huawei และอีกสารพักแบรนด์ เราคงได้แต่คาดว่า  5G มันต้องดีกว่า 4G แน่ๆเพราะมากกว่า 1G แต่เราไม่อยากให้คุณรู้แค่นั้นหรอก เราเลยอยากบอกว่า 5G มันคืออะไร? มันดีอย่างไร? และที่สำคัญมันเกี่ยวอะไรกับเรา?

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ตกลง 5G คืออะไร?

ก่อนที่จะไปถึง 5G เราเริ่มจาก 1G ก่อน ยุคนั้นเป็นยุคที่เราคุยกันผ่านเสียงผ่านมือถือระบบอนาล็อก จนเราส่งข้อความ MMS หากันได้ในยุค 2G จากนั้นเราก็เข้าสู่ยุค 3G ที่เราเชื่อมต่อและเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นระหว่าง 20 kbps ถึง 42.2 Mbps และเข้ามาถึงยุค 4G  ที่เราสามารถดูภาพและเสียงหรือหนังออนไลน์พอได้เพราะความเร็วที่เพื่มขึ้นเช่น 4G LTE (100 Mbps), 4G LTE Cat.4 (150 Mbps) และ 4G LTE Advanced (1,000 Mbps)

 

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

 

ส่วนยุค 5G มันคือ Generation 5 หรือรุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่อนาคตมันจะไม่ใช่แค่มือถือแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) ว่ากันว่าถ้าเรามี 5G เราจะดาวน์โหลดวีดีโอ หนังหรือแอปฯได้เร็วถึง 10,000 Mbps! ถ้าใช้ 4G ดูวิดีโอออนไลน์ (ขนาด 8K) หรือดาวน์โหลดหนังต้องรอ 6 นาที แต่ถ้ามี 5G ใช้เวลาแค่ 6 วินาที!

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

เท่านั้นไม่พอ ถ้ามี 5G เราจะเชื่อมต่อไปปลายทางได้เร็วกว่า 0.001 วินาที (คือเร็วมาก) รับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มเป็น 1,000 เท่า ใช้พลังงานในการเชื่อมต่อน้อยลง 90% ทำให้แบตจะยืดอายุการใช้งานได้ถึง 10 ปี

 

5G เหนือกว่า 4G อย่างไร?

1. ตอบสนองไวกว่า

ถ้าเราใช้ 4G สั่งงานควบคุมสิ่งต่างๆได้เร็วที่ 20 – 30 ms (Milli-second คือ 1:1,000 วินาที) แต่ถ้าใช้ 5G จะเร็วขึ้น 10 เท่า จะสั่งงาน IoT หรือสมาร์ทดีไวซ์ได้เร็วจริงถึง 3-4ms

2. รับส่งข้อมูลได้มากกว่า 4G

ถ้า 4G รับส่งข้อมูลต่อเดือนได้แค่ 7.2 Exabytes 5G จะทำให้เรารับส่งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น  7 เท่า คือ 50 Exabytes ต่อเดือน

3. มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า

ตอนใช้ 4G มีให้ใช้ถึงแค่ 3GHz แต่ถ้าเป็น 5G เราใช้งานคลื่นความถี่ได้ถึง 30GHz

4. รับรองการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า

ถ้า 4G รับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. 5G จะรับได้ 10 เท่าคือรับได้ 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

5. ถ่ายโอนข้อมูลต่อวินาทีได้เยอะกว่า

ถ้า 4G โอนข้อมูลเข้าเครื่องได้แค่ 1 GB ต่อวินาที 5G จะทำได้ถึง 20 GB ต่อวินาทีหรือ 20 เท่าของ 4G

 

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

 

แล้ว 5G ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?

แน่นอนว่าถ้ามี 5G จะทำให้เราดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เปิดเว็บไซต์บนมือถือได้เร็ว ไม่มีสะดุด แม้แต่วีดีโอที่มีความละเอียดสูงๆ แต่ประโยชน์ของ 5G มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นน่ะสิ เพราะว่าในอนาคต ถ้ามี IoT เราจะได้เห็นการทำงานของสมาร์ทดีไวซ์ที่มากกว่าแค่สมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ที่เชื่อมต่อกันผ่าน 5G ก็จะส่งข้อมูลหากันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ถ้า 5G มา เราได้ดูวีดีโอชัดๆที่ไหนก็ได้แบบนี้แน่ๆ

 

เช่นถ้าเรามีรองเท้าที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ ตัวรองเทาก็จะเก็บข้อมูลว่าเราวเดินหรือวิ่งไปได้กี่ก้าว เดินไปได้กี่กิโลเมตร แล้วมันก็ส่งข้อมูลผ่าน 5G ไปแสดงโทรศัพท์หรือนาฬิกาของเราที่ไหน เวลาไหนก็ได้ ถ้ามี 5G นี่คือตัวอย่างง่ายๆของการทำงานร่วมกันระหว่าง 5G กับ IoT ไม่ต้องผ่าน WiFi ที่จำกัดแค่บางพื้นที่

 

 

หรือจะเป็นเรื่องของรถยนต์ไร้คนขับ (Driverless Car) ที่ในอนาคตอาจจะสามารถโต้ตอบกับรถอีกคันและถนน (Smart Road) ผ่านเซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ และมี 5G โอนข้อมูลหากัน ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย ซึ่งถ้ายังใช้ 4G มีหวังกว่าจะรับส่งข้อมูลหากันได้ ก็อาจจะไม่ทันแจ้งเตือนอุบัติเหตุได้

 

นี่ยังไม่พูดถึง Virtual Reality  (VR) และ Augmented Reality (AR) เช่นถ้าเราดูหนังหรือเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ VR ถ้าใช้ 5G เราก็จะได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนที่ไหนก็ได้ และคุณภาพดีพอๆกับดู VR ผ่าน WiFi ที่สำคัญคือ AR ที่เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนส่งไปวัตถุ 2 มิติแล้วมีภาพหรือวีดีโอดิจิทัลปรากฎบนหน้าจอ ซึ่งภาพหรือวีดีโอที่ว่าจะต้องดึงมาจาก Cloud ทำให้ 5G มีบทบาทมากในการดึงข้อมูลดังกล่าวมาจาก Cloud ให้ปรากฏบนหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีดีเลย์ ทำให้ดึงความสามารถของ ​AR ได้ทุกวงการ

 

 

สรุปคือถ้า 5G มาบ้านเรา เราจะได้ดูวีดีโอ เล่นเกม ฟังเพลงได้ไม่มีสะดุดแน่ๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องของ IoT ในไทยคงต้องดูกันอีกสักระยะว่าจะเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ไม่อย่างนั้นการมี 5G ก็ใช้ไม่คุ้มค่าครับ

เทคโนโลยี 5G เริ่มเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนี้หลายคนน่าจะเริ่มเห็นจากทีวีหรือสื่อต่างๆ บ่อยขึ้น โดยการมาของ 5G นั้น นอกจากยกระดับความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่แล้ว ยังเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่สามารถเข้ามาเพิ่มศักยภาพในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคการศึกษาและด้านการแพทย์ได้ด้วย 

แต่เชื่อว่าหลายคนอาจสงสัยว่า 5G จะทำได้ขนาดนั้นจริงหรือ? เพราะขนาดเทคโนโลยี 4G ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันยังทำไม่ได้ถึงขนาดนั้นเลย เพราะฉนั้นเราไปไขคำตอบ และรู้จักเทคโนโลยี 5G นี้พร้อมกันครับ และขอหยิบยกข้อมูลในด้านของผู้ใช้งานอย่างเราๆ มาบอกเล่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ

5G เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายเจเนเรชั่นที่ 5 ที่มีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องของความเร็ว Upload และ Download บนเครือข่ายไร้สายให้เสถียร และเร็วขึ้น โดยหากเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี 4G ที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ 5G จะสามารถทำความเร็วได้เร็วกว่าถึง 10 เท่า ซึ่ง 5G ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 20 Gbps ในขณะที่ 4G นั้นสามารถทำได้สูงสุดที่ 1Gbps เท่านั้น 

  • ความเร็วสูงสุดในการรับ-ส่งข้อมูล : 20 Gbps
  • Latency ในการเชื่อมต่อปลายทางทำได้เร็วและนิ่งขึ้น (<1ms) จึงทำให้เหมาะกับการใช้งานเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น
  • รองรับการใช้งานเครือข่ายในปริมาณที่มากกว่า 4G ถึง 10 เท่า
  • ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 20 Gbps
  • ช่วงคลื่นความถี่เพิ่มขึ้น 30 GHz 

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

เปรียบเทียบ 4G กับ 5G เปลี่ยนแปลงอย่างไร?

หลายคนอาจยังนึกภาพไม่ออกว่า การเปลี่ยนแปลงจาก 4G มาสู่ 5G นั้น มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ดีขึ้นแค่ไหน ลองมาดูภาพนี้กันครับ

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

  • Latency : ค่าการตอบสนองต่อการ รับ-ส่ง สัญญาณ โดยค่านี้เลขยิ่งน้อยยิ่งตอบสนองได้ดี ซึ่ง 5G มีค่า Latency น้อยกว่า 1 ms ในขณะที่ 4G จะอยู่ที่ประมาณ 10 ms 
  • Data Traffic : การรองรับการส่งข้อมูลในระยะ 1 เดือน ด้านของ 5G สามารถรองรับได้มากถึง 50 Exabytes ในขณะที่ 4G จะรองรับอยู่ที่ประมาณ 7.2 Exabytes เท่านั้น
  • Peak Data Rates : ความเร็วสูงสุดในการรับ-ส่งข้อมูลนั้น 5G สามารถทำได้ถึง 20 Gbps ส่วน 4G จะอยู่ที่ 1 Gbps
  • Available Spectrum : ช่วงคลื่นความถี่ฝั่ง 5G สามารถใช้ได้ถึง 30 GHz ส่วน 4G ใช้ได้เพียงแค่ 3GHz เท่านั้น
  • Connection Density : การรองรับความหนาแน่นในการเชื่อมต่อ ฝั่ง 5G รองรับได้มากถึง 1 ล้านคนต่อตารางกิโลเมตร ในขณะที่ด้าน 4G รองรับได้เพียง 1 แสนคนต่อตารางกิโลเมตร เท่านั้น

ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี 5G ที่เพิ่มขึ้นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว ความนิ่ง และการรองรับการใช้งาน Data ในปริมาณที่มาก ทำให้เหมาะกับการใช้งานในเชิงอุตสาหกรรม และการแพทย์ ซึ่งเราน่าจะได้กันมาบ้างแล้ว เช่น การนำมาใช้คู่กับเทคโนโลยี AR เพื่อใช้วิเคราะห์ผู้ป่วยสำหรับคุณหมอ หรือจะเป็นการเชื่อมต่อกับรถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

แต่ในด้านของผู้ใช้งานนั้น เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาช่วยยกระดับให้ผู้ใช้งานอย่างเราสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ทำให้เราสามารถเลือกรับชมคอนเทนท์ภาพยนตร์ด้วยความละเอียดระดับ 4K ได้สบายมาก รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับ loT ก็ทำได้สะดวกและสเถียรมากขึ้นด้วย

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ส่วนทางด้านดีไวซ์หรือสมาร์ทโฟนนั้น ตอนนี้หลายแบรนด์ใหญ่เช่น Qualcomm, Samsung, Zyxel, Huawei และอีกหลายแบรนด์ ได้ร่วมมือกันพัฒนาอุปกรณ์อย่าง "สมาร์ทโฟน" ให้สามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง 5G ให้ได้ทั่วโลก และน่าจะเริ่มได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับออกมาวางจำหน่ายกันในช่วงปลายปี 2019 นี้แน่นอน

5g คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ถึงแม้เทคโนโลยี 5G ในไทยเราจะยังใช้งานในรูปแบบผู้ใช้งานแบบ 4G ที่เราใช้งานกันในตอนนี้ แต่ก็ใกล้มากๆ แล้ว ที่เราจะได้สัมผัสและลองใช้งานเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ในประเทศไทย เพราะตามไทม์ไลน์เราน่าจะได้เริ่มใช้งานกันเต็มรูปแบบก็ประมาณปี 2020 - 2021 ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนจะมองข้ามไป แถม 5G ยังเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยยกระดับทั้งในแง่ของการใช้งาน และภาคอุตสาหกรรมให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ด้วยมาตราฐานการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น นิ่งกว่าเครือข่าย 4G ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันถึง 10 เท่า

ประโยชน์ของ 5G คืออะไร และยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานมา 2 ข้อ

ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้นมาก ... .
อัพโหลดไฟล์วีดีโอขึ้นไปไม่กี่อึดใจ ... .
ทำให้การสื่อสารแบบ Video Calling ภาพชัดสุดๆ ... .
สตรีมมิ่งเกมได้แบบเรียลไทม์ ... .
สามารถใช้งานระบบ AR ได้แบบเรียลไทม์ ... .
ยกระดับการดูทีวีบนมือถือ ... .
การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ... .
5G หัวใจหลักในการพัฒนาระบบ Smartcity..

5G หมายถึงอะไร

5G เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายเจเนเรชั่นที่ 5 ที่มีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องของความเร็ว Upload และ Download บนเครือข่ายไร้สายให้เสถียร และเร็วขึ้น โดยหากเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี 4G ที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ 5G จะสามารถทำความเร็วได้เร็วกว่าถึง 10 เท่า ซึ่ง 5G ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 20 Gbps ในขณะที่ 4G นั้นสามารถ ...

5G ใช้อะไรได้บ้าง

แล้ว 5G จะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เดิม ๆ ของเรา ให้ว้าวขึ้นยังไง?.
ดาวน์โหลดไฟล์ได้เร็วมากกว่า 1GB ต่อวินาที และอัปโหลดไฟล์ได้สูงถึง 500 mb ต่อวินาที.
ดูหนังได้ด้วยความคมชัดระดับ 4K และ 8K ได้อรรถรส โหลดไว ไม่กระตุก.
เล่นเกมออนไลน์ได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น หมดปัญหาเกมแลค หรือเซิร์ฟเวอร์ไม่เสถียร.

ข้อใดได้รับประโยชน์น้อยที่สุด จากการมีเทคโนโลยี 5G

ข้อด้อยของ 5G ที่ทำให้ไม่น่าคบหา เนื่องจากต้องใช้คลื่นความถี่ที่สูงมากหรือคลื่นเทคโนโลยีความถี่ระดับมิลลิเมตร โดยถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา สามารถดำเนินการได้ด้วยข้อมูลจำนวนมาก และมีสัญญาณการถ่ายโอนข้อมูลที่มีค่า latency ต่ำ (ความล่าช้าน้อยที่สุด)