อายิโนะโมะโต๊ะ ทํามาจากอะไร

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับ ‘ความสุขจากการกิน’ มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเรื่องรสชาติเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับการปรุงให้อร่อย บางครั้งก็ต้องใช้เครื่องปรุงที่หลากหลายจนกว่าจะได้รสชาติที่กลมกล่อม ซึ่งอาจทำให้เราหลงลืมปริมาณโซเดียมที่ได้รับมากเกินจำเป็นไป

แต่สำหรับ อายิโนะโมะโต๊ะ ธุรกิจผงชูรส ที่ชูเรื่องอูมามิคู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งนานพอที่จะทำให้ชินกับความเชื่อที่ว่า ‘ผงชูรสโซเดียมเยอะ’ โดยยังไม่เคยรู้ถึงกระบวนการผลิตเจ้าเกล็ดเม็ดเล็กสีขาวนี้มาก่อน วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักโลกของอายิโนะโมะโต๊ะกันมากขึ้น ในแบบที่อาจจะเปลี่ยนความคิดเดิม ๆ ของคุณไปเลยก็ว่าได้

‘รสอร่อย’ เป็นรสชาติที่ทุกคนชื่นชอบ แม้จะเป็นความอร่อยที่สัมผัสของแต่ละจะคนจะแตกต่างกัน ซึ่งสำหรับคนบางกลุ่มก็คุ้มแล้ว ถ้าความอร่อยที่ได้นั้น ต้องแลกมากับการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่หลากหลายจนถูกปาก โดยไม่ต้องใส่ผงชูรสในอาหาร

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า อายิโนะโมะโต๊ะ แบรนด์ผงชูรสในตำนาน ที่มาของการชูรสความอร่อยอูมามินี้ สามารถคงความอร่อยของอาหารเท่าเดิมได้ โดยที่ช่วยลดโซเดียมจากเครื่องปรุงรสเค็มไปด้วย!

แม้ ‘ความชอบ’ จะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้ออาหารของคนไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนไทยให้ความสำคัญกับ ‘ความสุขจากการกิน’ มากกว่า เลยส่งผลให้เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคและอาหารการกินในปัจจุบัน พบว่าคนไทยกินบ่อยขึ้นในปี 2560 โดยอาหารที่กินจะเป็นรสหวาน และเค็มมากขึ้น ส่งผลให้กินผัก และผลไม้ลดลง (อ้างอิง: ผลการวิจัย “คนไทยกินอะไรกัน?”  จาก EIC, 2560)

ในขณะเดียวกันคนไทยก็มีพฤติกรรมที่คำนึงถึงเรื่องสุขภาพ เพิ่มการกินอาหารเสริม และพยายามดูแลตัวเองไปด้วยเช่นกัน โดยการลดอาหารมื้อหลัก และกินอาหารชนิดอื่นเสริมเข้าไปแทน ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ทำจากพืช นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต หรือธัญพืช เป็นต้น ซึ่งในผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะก็มีกรรมวิธีการหมักที่คล้ายกับการผลิตโยเกิร์ตหรือเบียร์เช่นกัน

ดังนั้นจากความเชื่อที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ว่าผงชูรสอันตราย หรือยิ่งกินแล้วส่งผลต่อร่างกายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการหิวน้ำจนคอแห้ง หรือผมร่วงก็ตาม ความจริงแล้วโมโนโซเดียมกลูตาเมตนี้มีความปลอดภัย และได้รับรองจากการประเมินทางด้านอาหารทั้งในและต่างประเทศจากองค์การอาหารและยา (อย.)

โดยสามารถลดการใช้เครื่องปรุงรสเค็มในอาหารลงได้ เพราะมีปริมาณโซเดียมเพียงแค่ 1 ใน 3 ของเกลือแกงเท่านั้น และยังทำให้รสชาติมีความลงตัวมากขึ้นในสัดส่วนที่พอดี โดยที่ความอร่อยไม่ถูกลดลงไป ตามชื่อเรียก ‘ผงชูรส’ ที่ช่วยชูรสอาหารในฐานะรสชาติที่ 5 ให้รับรสอูมามิได้นั่นเอง

ที่มาของความอร่อยโซเดียมต่ำ

สำหรับผงชูรสผลึกเม็ดสีขาวที่เห็นกัน หลายคนอาจเข้าใจว่าผ่านกรรมวิธีทางเคมีมากมาย และถูกมองว่าเป็นสาร ๆ หนึ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา แต่ความจริงแล้ว ผงชูรสมีกรรมวิธีการตกผลึกที่บริสุทธิ์และนำมาปรุงอาหารได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นเพียงแค่การนำจุลินทรีย์มาเปลี่ยนเป็นน้ำตาลจนเกิดเป็นกรดกลูตามิก เช่นเดียวกับกระบวนการการเปลี่ยนน้ำตาลในนมให้กลายเป็นกรดแลคติกในโยเกิร์ต

โดยเริ่มแรกมาจากการนำแป้งมันสำปะหลังมาละลายในน้ำ และเติมเอ็นไซม์เข้าไปเพื่อย่อยโมเลกุลแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นนำไปเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ จนได้ออกมาเป็นกรดกลูตามิก แล้วผ่านกระบวนการคัดแยก ตกผลึกจนปราศจากสิ่งเจือปน ออกมาเป็นผลึกเม็ดสีขาวใส พร้อมทั้งใช้ผงถ่านกัมมันต์ดูดสีและกลิ่นอย่างที่ใช้ในเทคโนโลยีผลิตน้ำดื่ม และสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นโมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรสที่สะอาด ผ่านการคัดแยกขนาดเพื่อเข้าสู่กระบวนการส่งออกตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่อไป

ซึ่งจะเห็นได้ว่ากรรมวิธีที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ได้มีสารเคมีเจือปนจนส่งผลต่อร่างกายเมื่อกินเข้าไปแต่อย่างใด เพราะเป็นเพียงแค่กรรมวิธีที่ทำให้ผลึกของผงชูรสละลายน้ำได้ดี และมึความบริสุทธิ์ปลอดภัยในการใช้ในอาหาร

อนาคตของรสอูมามิ

อนาคตของรสอูมามิอย่างอายิโนะโมะโต๊ะที่มีกลูตาเมต หรือกรดอะมิโนที่แพร่หลายในธรรมชาติ และให้โซเดียมน้อย จึงเหมาะแก่การนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับอาหารตามสั่ง อาหารสตรีทฟู้ด และอาหารพร้อมปรุง (Meal Kits) ผงชูรสจะช่วยลดการใช้เครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูง

โดยการใช้ผงชูรสกับอาหารนี้ สอดคล้องกับเทรนด์การบริโภคของคนไทยที่เปลี่ยนไปเมื่อเกิดการระบาดของโควิด เพราะนอกจากอาหาร Delivery จะได้รับความนิยมแล้ว อาหารสุขภาพ และอาหารเสริมก็ยังคงเป็นเทรนด์ตามมาเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น พอ ๆ กับสังคมไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เลยคาดว่าตลาดอาหารสุขภาพจะเติบโตขึ้นในปีนี้ โดยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 213,099 ล้านบาทเลยทีเดียว (อ้างอิง: .ThaiSMEsCenter, 2565)

จากที่กล่าวไปข้างต้น คงทำให้ได้รู้จักโลกของผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมากขึ้นกันบ้างแล้ว ว่าผงชูรสเป็นมากกว่าผงชูรส แต่ยังเป็นผงที่ชูชีวิตให้คนไทยกินอย่างมีโภชนาการที่ดีมากขึ้น โดยลดการพึ่งพาความเค็มของเกลือในอาหาร

ดังนั้น แทนที่เราจะมองว่าบทบาทของผงชูรสเป็นผู้ร้าย แต่ความจริงแล้วผงชูรสกลับกลายเป็นพระเอกที่สามารถรักษาสมดุลของรสชาติ ชูรสความอร่อยของอาหาร และลดการขาดสารอาหาร ทำให้ผู้คนมีความสุขกับการกินมากขึ้น ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้อายิโนะโมะโต๊ะโลโก้ถ้วยสีแดงนี้ กลายเป็นตำนานอยู่คู่มากับคนไทยทุกยุคทุกสมัยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

[โฆษณา] โฆษณา

สำหรับคนที่ไม่รู้ aji no moto [味の素] หมายถึงแก่นแท้ของรสชาติ บริษัท นี้มีชื่อเสียงในการขาย ผงชูรส และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ รสอูมามิ. ผลิตภัณฑ์นี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณหรือไม่?

โอ MSG มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารโมโนโซเดียมกลูตาเมต (ajinomoto) ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารและมักพบในอาหารญี่ปุ่นและอาหารจีนนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม

ข้อถกเถียงหลายประการที่เกี่ยวข้องกับ ผงชูรส ปรากฏบนอินเทอร์เน็ต หลายคนไม่แน่ใจว่าควรใช้ในอาหารหรือไม่ ในบทความนี้เราจะตอบว่าไฟล์ อายิโนะโมะโต๊ะ และอนุพันธ์ของโมโนโซเดียมกลูตาเมตนั้นไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ 

สารบัญ ดูสรุป

• 1. Ajinomoto ทำอย่างไร? ผงชูรส?
• 2. โมโนโซเดียมกลูตาเมตไม่เจ็บ
• 3. การโกหกกระจัดกระจายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ ajinomoto
• 4. ความจริงและเรื่องโกหกอื่น ๆ เกี่ยวกับ ajinomoto
• 5. ฉันควรใช้โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือไม่?

Ajinomoto ทำอย่างไร? ผงชูรส?

Aji no moto ผลิตจากกระบวนการหมักอาหาร ผลิตภัณฑ์เช่นปลาผลิตภัณฑ์จากนมมะเขือเทศเห็ดเนื้อสัตว์และผักอุดมไปด้วยกลูตาเมตและรสอูมามิ

โดยปกติเราจะใช้อาหารเหล่านี้เป็นประจำทุกวันในอาหารของเราซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติและรสชาติให้กับอาหารของเรา   Ajinomoto ในบราซิลอ้างว่าเป็นกรดอะมิโนที่ผลิตจากอ้อย

อายิโนะโมะโต๊ะใช้กันอย่างแพร่หลายในร้านอาหารและอาหารจานด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงพบว่าขนมในสถานที่เหล่านี้อร่อยมาก ลองนึกดูว่าเนื้อย่างนั้นฉ่ำแค่ไหนมันจะชุ่มฉ่ำกว่าเมื่อใช้ ajinomoto เพราะส่วนผสมนี้ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหาร

ปัญหาใหญ่คือบางคนเกี่ยวข้องกับโมโนโซเดียมกลูตาเมตกับไมเกรนโรคภูมิแพ้ความดันโลหิตสูงและโรคอื่น ๆ เราจะรู้หรือไม่ว่าเป็นความจริง?

โมโนโซเดียมกลูตาเมตไม่เจ็บ

ก่อนอื่นเราต้องจำไว้ว่าทุกอย่างใน   ส่วนเกินนั้นไม่ดีแม้แต่น้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่า   โมโนโซเดียมกลูตาเมตชื่อก็บอกว่ามันมีโซเดียม

ผู้คนใช้อาจิโนโมโตะเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร แต่ยังใช้เกลือมากเกินไปเนื่องจากอาจิโนโมโตะไม่ได้มีไว้สำหรับปรุงรสอาหาร ในความเป็นจริงการใช้อาจิโนโมโตะสามารถทำให้อาหารของเราอร่อยและดีต่อสุขภาพมากขึ้นหากใช้อย่างถูกวิธี

อายิโนะโมะโต๊ะมีโซเดียมเพียง 1 ใน 3 ของเกลือแกงทั่วไป หากเราสร้างสมดุลระหว่างเครื่องปรุงรสเกลือเราก็สามารถลดโซเดียมที่มีอยู่ในอาหารได้

คุณเคยกินที่ญี่ปุ่นหรือไม่? ชาวญี่ปุ่นมักไม่ปรุงรสด้วยเกลือมากเกินไปคุณจะไม่รู้สึกว่าอาหารเค็มหรือหากระสอบเกลือได้ง่ายๆในร้านอาหาร

ฤดูกาลของญี่ปุ่นที่มีเครื่องปรุงรสและสมุนไพรประเภทต่างๆและอาหารที่อุดมไปด้วยอูมามิหรืออาจิโนโมโตะช่วยเพิ่มรสชาติของเครื่องปรุงรสนี้ทำให้อาหารอร่อยโดยไม่ต้องใส่เกลือมากเกินไปในอาหารบราซิลของเรา

ถ้า ผงชูรส เจ็บจริงๆญี่ปุ่นจะไม่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีคะแนนสูงสุด อายุขัย ของโลก โมโนโซเดียมกลูตาเมตที่เป็นที่ถกเถียงกันอยู่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในมะเขือเทศชีสและเห็ด

ชาวบราซิลส่วนใหญ่บริโภคมะเขือเทศทุกวันและไม่เคยหยุดใช้เกลือเพียงเพราะมีโซเดียม แน่นอนว่าเราอาศัยอยู่ในบราซิลดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมต่างๆได้รับการดูแลที่นี่อย่างไรหลังจากมีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับเนื้อสัตว์จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ajinomoto มีส่วนผสมบางอย่างและมีผลเสียหรือไม่

การโกหกกระจัดกระจายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ ajinomoto

การโต้เถียงทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตเริ่มต้นขึ้นเพียงเพราะบทความที่เผยแพร่ในปี 2550 โดย BJP บทความระบุว่าโมโนโซเดียมกลูตาเมตทำให้เกิดมะเร็งลำไส้และกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนเรื่องนี้

บทความยังบอกด้วยว่าโมโนโซเดียมกลูตาเมตทำให้ปวดหัว แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับมะเร็งอย่างไร? บทความปลอมยังกล่าวด้วยว่าโมโนโซเดียมกลูตาเมตถูกห้ามโดยองค์การอนามัยโลกซึ่งไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

ในความเป็นจริง WHO ได้ระบุว่าโมโนโซเดียมกลูตาเมตอยู่ในประเภทที่ปลอดภัยสำหรับวัตถุเจือปนอาหาร คุณต้องรู้ว่าการโกหกเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตและแพร่หลายในสังคมของเราได้อย่างไร คำโกหกเหล่านี้แพร่หลายมากจนแม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนคิดเช่นนั้น Hello Kitty ทำข้อตกลงกับปีศาจ.

โปรดจำไว้ว่าคนเราจะแชร์ข่าวร้ายได้ง่ายกว่าเรื่องดีมาก อาจเป็นไปได้ว่าบทความนี้พูดถึง ajinomoto ไม่ดีส่วนใหญ่จะแชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กไปแล้ว

ฉันกลัวว่าจะไม่มีคนแบ่งปันบทความนี้เพราะฉันกำลังปกป้องบทความนี้และไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ไม่รู้ หลายคนต้องการเตือนผู้คนถึงอันตรายของสิ่งต่าง ๆ แต่สุดท้ายแล้วการแพร่กระจายสิ่งที่อาจไม่เป็นความจริง

แน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมีอาการไม่พึงประสงค์จากอาหารนี้ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของรสชาติอูมามิ อาหารที่นี่มักจะไม่ค่อยมีรสชาติแบบนี้มากนักจนหลาย ๆ คนเมื่อได้ลิ้มลองอาหารตะวันออกแล้วรู้สึกไม่สบายหรือไม่ชอบ

สิ่งที่ไม่เลวสำหรับบางคนอาจไม่ดีสำหรับคนอื่น แต่ถ้าเป็นส่วนเกิน อายิโนะโมะโต๊ะเป็นยาเสพติดจริงๆมีคนกินด้วยซ้ำ sal-aji บริสุทธิ์.

ความจริงและเรื่องโกหกอื่น ๆ เกี่ยวกับ ajinomoto

Ajinomoto มากเกินไป (หลายช้อน) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นอาการวิงเวียนศีรษะและปวดศีรษะ เช่นเดียวกับที่เราป่วยจากการรับประทานอาหารมากเกินไปเราก็อาจป่วยได้จากการกินมอเตอร์ไซค์มากเกินไป

จำไว้ว่าอาจิโนโมโตะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารหากบางสิ่งบางอย่างแข็งแรงอยู่แล้วโดยไม่มีผงชูรสลองนึกดูสิ? ความจริงก็คือ: มีการควบคุม แต่อย่าโทษโมโนโซเดียมกลูตาเมต

บางคนอ้างว่า ajinomoto ฆ่าเซลล์ประสาท. คนเอาความคิดบ้าๆพวกนี้มาจากไหน? คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าฉลาดที่สุดในโลกไม่ใช่เหรอ?

ชาวญี่ปุ่นไม่เคยมีการแพร่ระบาดทำลายสมอง เรารู้ดีว่าวิตามินซีช่วยปกป้องเซลล์ประสาทของเราจากผลกระทบด้านลบดังนั้นหากคุณกลัวเพียงแค่เสริมวิตามินซี

มีการวิจัยและการทดสอบหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ โรคร้านอาหารจีน และโมโนโซเดียมกลูตาเมตซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน การทดสอบแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ไม่ได้บริโภคผงชูรสบ่นว่ามีอาการของ Chinese Restaurant syndrome

ผู้คนเลิกใช้ ajinomoto แต่ลืมข้อเท็จจริงต่อไปนี้: โปรตีนจากอาหารส่วนใหญ่มีกลูตาเมตและถูกทำลายโดยเอนโดเปปทิเดสในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเพื่อให้กลูตาเมตอิสระถูกปลดปล่อยออกมา สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับโมโนโซเดียมกลูตาเมตที่กลายเป็นกลูตาเมตอิสระในกระเพาะอาหารของคุณ

ฉันควรใช้โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือไม่?

ดังนั้นเพียงใช้อาจิโนโมโตะในปริมาณที่พอเหมาะก็จะไม่มีปัญหาสุขภาพ ในความเป็นจริงมีหลายสิ่งที่เรากินซึ่งน่ากังวลกว่าผงชูรสหลายพันเท่า

น่าเสียดายที่เราไม่สามารถหลีกหนีผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรุ่นนี้หรือเต็มไปด้วยสารกำจัดศัตรูพืชและแม้กระทั่งการเก็บรักษาไว้ไม่ดีหมดอายุและเต็มไปด้วยสารเคมีที่อุตสาหกรรมคิดค้นขึ้น 

ทุกอย่างฆ่าในวันนี้ดังนั้นอย่าเสียเวลากังวล! แม้แต่น้ำแร่ขวดพลาสติกก็ปล่อยบิสฟีนอล ไม่มีทางรอดพ้นจากโรคมะเร็งและความตายที่มีอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน!

จนถึงตอนนี้งานวิจัยทั้งหมดที่พูดถึงกลูตาเมตบอกว่าความเป็นพิษต่ำมาก จำเป็นต้องกินอะไรสักอย่างประมาณ 15 กิโลกรัมเพื่อให้มีความตาย 50% อาการที่แพร่กระจายทางอินเทอร์เน็ตพบได้เพียง 1% ของประชากรที่ศึกษา

คุณสามารถกินได้ถ้าคุณไม่มีปฏิกิริยา! ไม่สำคัญว่ากลูตาเมตเป็นธรรมชาติหรือไม่โปรดจำไว้ว่าน้ำตาลก็เป็นธรรมชาติเช่นกัน แต่ก็ยังก่อให้เกิดโรคเบาหวาน มีการควบคุม! มองหาอูมามิด้วยวิธีธรรมชาติเสมอ!

และถ้าคุณรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างและแน่ใจว่าเป็นความรับผิดชอบของอาจิโนโมโตะให้หลีกเลี่ยง! แต่ละคนมีสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขาดวิตามินบางชนิดที่ปกป้องร่างกาย มีคนที่รู้สึกไม่ดีกับการกินพริกไข่หมูไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนป่วยหลังจากบริโภคกลูตาเมต

เราไม่ได้บอกว่า ajinomoto ไม่เป็นอันตรายและสามารถบริโภคได้อย่างอิสระ เฉพาะการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงของโมโนโซเดียมกลูตาเมตนั้นค่อนข้างทำให้เข้าใจผิด ทุกสิ่งต้องการการควบคุม! คุณเคยมีปัญหากับกรดอะมิโนตัวนี้หรือไม่? คุณใช้ในอาหารหรือไม่? ประสบการณ์ของคุณคืออะไร?

อายิโนะโมะโต๊ะ มาจากไหน

อายิโนะโมะโต๊ะมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง

ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ ผลิตที่ไหน

ผงชูรส ผลิตจากประเทศอะไร