นาฏศิลป์ตะวันออก มีอะไรบ้าง

  �ү��Ż������Ҹ�ó�Ѱ�����

     �ү��Ż������������ա������¹�ŧ����ȵ���ɷ�� 3 �ү��Ż�������������ҳ���ʴ�㹾Ըշҧ��ʹ� ���ͺǧ��ǧ෾´����ѡ�� �Ѵ�ʴ����� 2 ���� ������͹����Ҥ������Ĵ����ҹ ������͹���Ҥ�Ĵ��������
     ���Ѳ�ҡ�âͧ�ү��Ż�����ա�ӹͧ���ǡѺ�ͧ�ҵ���� �ѡ���������дѴ�ŧ������кӻ�ء��ʧ���� ���������ѧ���ѡú ���������繾Ըշҧ�ط���ʹ�
�����繡����ͧ�ӷ��ŧ����誹��鹡���Ҫվ �����ʴ�������  �ү��Ż���Ҫ�ӹѡ����������ҳ��������ǡѹ
     �ү��Ż����������ó���Ẻ��Ѻ�ҧ����Ф÷���ش����繾Ը��յͧ ���� �Ф����˹�ҡҡ  �ү��Ż�������������� �Ѳ���Ҩҡ�ү��Ż�����㹾Ը�����§��͹�Ѻ�Ҥѹ�ءЪ�鹼��������觤��

     �ү��Ż������ �������ѹ�������͹����������������͹�����������������ǹ�Ӥѭ �����ѡ��ɮչҮ��Ż������ �� 2 Ẻ ���
1.  Ẻ�ʴ��͡��觤��������ԧ �����ͺ�������� ��Ф�����͹��Ǣͧ������
2.  Ẻ�Ըա�� �Ѵ�ŧ�Ҩҡ�Ѳ�������л��ླշҧ�ط���ʹ�
     �ش�蹢ͧ�ү��Ż������ ���ѡɳФ���¹ү��Ż��໹ ��ͼ���ʴ�����͹��Ƿ����ǹ�������ǹ��ҧ�ͧ��ҧ���
�繡�ü����ҹ�����ҧ�ү��Ż���ѹ����йү��Ż���ѹ�͡��Ҵ��¡ѹ  ��觹ү��Ż���ѹ����˹ѡ㹡����������ҧ�����ǹ��ҧ ��ү��Ż���ѹ�͡������ǹ���� ᢹ ������

     �ç���¹�ү��Ż���������»Ѩ�غѹ �����͡���� 2 ������ ���
1.  �ç���¹�ү��Ż�Ἱ��ҳ ����������Ѻ�Է�Ծ����㴹͡�ҡ���ѡ��Ẻ��Ѻ������
2.  �ç���¹�ү��Ż��������� ���Ѻ���Ẻ���ҧ�ͧ�ү��Ż���ѹ�������������� ������Ѻ���������ҡ����Ẻ��ҳ
     �繷������Ѻ��� �ʹ�����ͧ�ү��Ż�����չ�� ���� �ү��Ż�ͧ����ʴ���õ�͵�ҹ��ʹ� ����ʴ����������ͤ����ͧ��� ���ҡ�������ӹ�鹧����Ҵ��ҡ �ʴ��͡��觤�����ͧ��âͧ������

     �ү��Ż�����շ�������ѡ ����
1.  �Ф����˹�ҡҡ ��������ͧ�ѡ����¤�֧�ѹ ���ҡ���ʴ���鹹���ҹү��Ż�Ẻ��ҧ� �һеԴ�е�͡ѹ
2.  �к���������繹ү��Ż��աẺ˹�� ��С����ͧ�ӷ��ŧ�������١��觹�鹡��ժ��Ե�������ҧ���
3.  �кӺǧ��ǧ㹾Ը�����кӻ�Сͺ����շ����㹾Ը�����§��͹�Ѻ��Ҫ�ӹѡ ��觻�Сͺ���º���ҡ���ѹ�������С�õҹ�Ҫ��ҡ

นาฏศิลป์ตะวันออก มีอะไรบ้าง

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ เดยี

ตำนำนเก่ียวกบั นำฏศิลป์ อินเดียนี้เก่ียวข้องกบั พระพรหม ซ่ึงเป็ นผู้สร้ำงนำฏยเวทขึ้น
ตำมข้อสนั นิ ษฐำนว่ำพระภรตฤๅษีเป็ นผ้แู ต่ง แต่เขียนในลกั ษณะผ้เู ล่ำเร่ืองนำฏยเวทท่ีได้
เรียนมำจำกพระพรหม

นำฎศิลป์ อินเดียท่ีมีชื่อเสียงและเป็นท่ีแพรห่ ลำย มีดงั นี้
๑. ภำรตรำฏยมั
๒. กถกั
๓. กถกฬิ หรือกถกั กฬิ
๔. มณีปรุ ี

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ เดยี

๑. ภำรตนำฏยมั เป็นนำฏศิลป์ ของอินเดียตอนใต้ เป็นกำรแสดง
ที่ใช้ผ้หู ญิงแสดงและนิ ยมแสดงเด่ียว มีลีลำกำรใช้จงั หวะเท้ำที่รวดเรว็
มีควำมหมำยในท่ำรำ ใช้ศิลปะกำรร่ำยรำตำมตำรำนำฏยศำสตร์
ของพระภรตฤๅษี

กำรแต่งกำย ผ้หู ญิงจะสวมเสื้อรดั รูป คอกว้ำง แขนสนั้ ตวั สนั้
ถึงใต้อก ห่มสำหรี เกล้ำมวยต่ำหรือสูงประดบั ดอกไม้ เจิมจุดแดง
กลำงหน้ำผำก

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ เดยี

๒. กถกั เป็นนำฏศิลป์ ของอินเดียตอนเหนือ นิ ยมแสดงเด่ียว ผ้แู สดง
อำจเป็ นหญิงหรือชำยก็ได้ เป็ นกำรผสมระหว่ำงวฒั นธรรมฮินดูและ
มสุ ลิม มีบทร้องเกี่ยวกบั เทพเจ้ำของฮินดแู ละเร่ืองรำวจำกวรรณคดี

กำรแต่งกำย ผู้หญิงสวนเสื้อคอกว้ำง แขนสัน้ เอวลอย ห่มสำหรี
เกล้ำมวยผม ใช้สำหรีคลมุ ผม ผชู้ ำยแต่งกำยคล้ำยกนั ใช้ผำ้ โผกศีรษะ

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ เดยี

๓. กถกฬิ หรือกถกั กฬิ เป็นนำฏศิลป์ ของอินเดียตอนใต้ นิ ยมแสดง
เป็ นเร่ืองแบบละครเป็ นมหำกำพย์ เช่น มหำภำรตะ รำมำยณะ
ใช้ผ้ชู ำยแสดงล้วน ใช้ภำษำซบั ซ้อน มีกำรแต่งหน้ำที่ประณีตโดยใช้
สีธรรมชำติ

กำรแต่งกำย นุ่งกระโปรงยำว ใส่สุ่มด้ำนใน มีเคร่ืองประดบั ศีรษะ
เป็นมงกฎุ ใหญ่ มีรศั มีอย่ดู ้ำนใน

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ เดยี

๔. มณีปุรี เป็ นนำฏศิลป์ ของชำวมณีปุรี เรื่องที่แสดงเป็ นนิ ยำย
พื้นเมืองและเร่ืองเก่ียวกบั เทพเจ้ำ เป็ นกำรฟ้ อนรำเพื่อบวงสรวง
พระกฤษณะและนำงรำธำ ผแู้ สดงมีทงั้ ชำยและหญิง นิยมแสดงหมู่

กำรแต่งกำย ผ้หู ญิง กระโปรงมีโครงคล้ำยสุ่มไก่ ประดบั เส่ือม
ท่ีชำยกระโปรง ผมเกล้ำมวยสูง มีผ้ำบำงๆ คลุม ผ้ชู ำย นุ่งผ้ำลกั ษณะ
เป็นกำงเกง ปล่อยชำยจบั จีบหน้ำบำง ด้ำนหน้ำยำวครอบเท้ำ

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ ญปี่ ่ ุน

๑. ละครโนะ เป็ นละครท่ีเก่ำแก่ที่สุด แต่เดิมจดั แสดงตำม
วิหำร มีกฎข้อบงั คบั เคร่งครดั มำก แสดงเร่ืองเกี่ยวกบั เทพเจ้ำ
กำรแต่งกำยงดงำม ผ้แู สดงจะสวมหน้ำกำก ซ่ึงถือว่ำเป็ นสิ่ง
ศกั ด์ิสิทธ์ิ ท่ำทำงกำรเคลื่อนไหวล้วนมีควำมหมำยทัง้ สิ้น
แต่เดิมแสดงใต้ร่มไม้ ต่อมำทำเวทีอย่ำงง่ำยๆ เป็ นเวที
สี่เหลี่ยมคนดดู ไู ด้รอบ จดั ฉำกง่ำยๆ เขียนรปู ต้นสนและไม้ไผ่
ไว้ห่ำงๆ และมีสนสำมก่ิงย่ืนออกมำเพื่อรกั ษำสภำพเดิมที่เคย
แสดงใต้ร่มไม้ ถือว่ำเป็นกำรแสดงชนั้ สงู

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ ญ่ปี ่ นุ

๒. ละครคำบูกิ เป็ นละครท่ีได้รับควำมนิ ยมมำก ผสมผสำนระหว่ำงละครโนะและ
ละครห่นุ บนุ รำกุ กำรแสดงมีทงั้ กำรร้องและกำรพำกษ์ ท่ำทำงกำรแสดงมีแบบแผนที่เคร่งครดั
เร่ืองที่แสดงเป็ นเร่ืองประวตั ิศำสตร์ ศำสนำและเทพนิ ยำย ใช้ผ้ชู ำยแสดงล้วนแต่งกำยด้วย
สีสนั ฉูดฉำด มีกำรเขียนหน้ำคล้ำยงิ้ว กำรแต่งหน้ำมีแบบแผนตำยตวั กำหนดว่ำสีใดเป็นของ
ตวั ละครใด เช่นผรู้ ้ำยหน้ำสีน้ำเงิน พระเอกหน้ำสีขำว

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ ญ่ปี ่ ุน

๓. ละครเคียวเงน็ เป็นกำรแสดงละครตลกสลบั ฉำก ลกั ษณะคล้ำย
กบั จำอวดของไทย เป็ นละครเสียดสีเร่ืองรำวชวนหวั ทงั้ คำพูดและ
กำรแสดง เนื้อเร่ืองที่แสดงไมม่ ีกำรฝึ กซ้อม ใช้ควำมรสู้ ึกตำมธรรมชำติ

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ ญ่ปี ่ นุ

๔. ละครห่นุ บนุ รำกุ เป็นกำรแสดงท่ีนิยมและแพรห่ ลำยที่สดุ เป็นห่นุ ที่สรำ้ งขึน้ อย่ำงประณีต
งดงำม ขนำดเกือบเท่ำคนจริง เคล่ือนไหวได้แทบทุกส่วน เร่ืองท่ีแสดงมกั แสดงเรื่องเดียวกบั
ละครโนะ

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ จีน

นำฏศิลป์ จีนเกิดจำกพิธีกรรมทำงศำสนำ กำรบูชำ กำรฉลองชยั และพิธีกำรขอควำมอดุ ม
สมบรู ณ์ในกำรเกษตร

งิ้ว เป็ นกำรแสดงท่ีผสมผสำนกำรขบั ร้องและกำรเจรจำ
ประกอบลีลำท่ำทำงให้ออกมำเป็ นเร่ืองรำว โดยนำเหตุกำรณ์
ในพงศำวดำร ควำมเช่ือ ประเพณี และศำสนำมำแสดง
เป็นเร่อื งรำว

งิ้วท่ีโดดเด่นชนิ ดแรงคือละครใต้ (หนำนซี) สมยั รำชวงศ์
ซ่งใต้ จนกระทงั่ สมยั รำชวงศช์ ิง จึงเกิดงิ้วปักกิ่งถือเป็ นศิลปะท่ี
โดดเด่นมำก

ลกั ษณะเด่นของงิ้ว นอกจำกกำรร่ำยรำแล้วยงั มีกำรแต่งหน้ำ
ทำให้มีเอกลกั ษณ์เฉพำะตวั และสีสนั ของกำรแต่งหน้ำจะบอกถึง
บคุ ลิกและอปุ นิสยั ของตวั ละครแต่ละตวั ด้วย

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ โดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซีย มีเกำะมำกมำยและแต่ละเกำะกม็ ีกำรแสดงของตนเอง มีเอกลกั ษณ์
เฉพำะตวั ที่โดดเด่น ศิลปะกำรแสดงท่ีเก่ำแก่ที่สดุ คือ กำรเชิดห่นุ เรียกว่ำ วำยงั

๑. กำรแสดงเชิดห่นุ เงำ หรือวำยงั เป็ นนำฏศิลป์ ประจำชำติที่เก่ำแก่ท่ีสุด แต่เดิมห่นุ เชิด
ทำด้วยหนังสตั ว์ เรียกว่ำ วำยงั กลุ ิต เรื่องท่ีใช้แสดงในวำยงั คือ รำมำยณะ และมหำภำรตะ
โดยทำเป็ นบทละครเฉพำะของวำยงั มีกำรแทรกเร่ืองปรชั ญำ ข้อคิดขบขนั ในชีวิตประจำวนั
นำมำเช่ือมโยงรว่ มสมยั ใหม่

๒. นำฏศิลป์ สุมำตรำ ลกั ษณะกำรแสดงจะแสดงเป็ นเรื่องรำวของนิ ทำนพื้นบ้ำนและ
เร่อื งรำวในรำชสำนัก จะไม่แสดงเร่ืองรำมำยณะและมหำภำรตะ

กำรแต่งกำย ผ้ำนุ่งที่ใช้มกั เป็นลำยหยกทอง และหยกเงิน ใส่เสื้อกำมะหยี่แขนยำว ตวั ยำว
ผมเกล้ำมวยผมตำ่ ใช่ปิ่ นหรือเครื่องประดบั ศีรษะสีทอง

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ โดนีเซีย

๓. นำฏศิลป์ ชวำ เป็นกำรแสดงท่ีมีพืน้ ฐำนมำจำกกำรรำในรำชสำนักมีลีลำร่ำยรำที่นุ่มนวล
ประณี ต จงั หวะท่ีใช้ในกำรร่ำยรำจะช้ำ มีผ้ำสไบเป็ นส่วนประกอบสำคัญในกำรร่ำยรำ
เวลำแสดงตำจะตกตลอดเวลำ ไม่ใช้สำยตำไปยงั คนดู วงดนตรีประกอบกำรแสดง เป็ น
วงดนตรีประจำรำชสำนักสมยั โบรำณ ปัจจบุ นั ใช้วงดนตรีสำหรบั ฟ้อนรำ เรียกว่ำ ภำรมวลนั

กำรแต่งกำย นุ่งผ้ำถุงรัดรูป แบบยอดกำรัต โดยทิ้งชำยยำวไว้
ด้ำนข้ำง หรือแบบสรำกำรตั นุ่งผ้ำถงุ จีบหน้ำบำง ด้ำนหน้ำชำยผำ้ ครอบ
ข้อเท้ำ สวมเสื้อแขนสนั้ หรือแขนกดุ สวมกระบงั หน้ำทองประดับเลื่อม
ประดบั มวยผมด้วยป่ิ น

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ อนิ โดนีเซีย

๔. นำฏศิลป์ บำหลี กำรร่ำยรำเพื่อบวงสรวงและ
บูชำส่ิ งศักด์ิ สิ ทธ์ิ เป็ นส่วนใหญ่ มีกำรแสดงละคร
เป็ นเร่ืองรำว ลกั ษณะกำรแสดงมีชีวิตชีวำ จุดเด่นคือ
กำรยักย้ำยสะโพก กำรใช้ ดวงตำ เครื่องดนตรี
จะคล้ำยคลึงกบั ดนตรีชวำ เช่น มหำภำรตะ รำมำยนะ
และละครพนื้ บำ้ น

กำรแต่งกำย ผ้หู ญิง นุ่งผ้ำถงุ พนั ตัว ตวั เอกจะพนั
ผ้ำถงุ ชำยยำว จำกพื้นปัดไปด้ำนหลงั มีเครื่องประดบั
ศีรษะลวดลำยทอง หรือกระบงั หน้ ำ ถ้ำเป็ นกำรแสดง
พนื้ บำ้ นกจ็ ะเกล้ำผมมวยตำ่ ประดบั ด้วยดอกลนั่ ทม

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ เขมร

กำรแสดงของเขมรดงั้ เดิมใช้ผหู้ ญิงแสดง เพรำะเป็นกำรแสดงภำยใน
รำชสำนักเท่ำนัน้ กำรแสดงมำตรฐำนของเขมรจะแสดงเร่ืองเรียมเลอ
ซึ่งมีรำกฐำนมำจำกรำมำยณะของอินเดีย

ละครที่ได้รบั ควำมนิ ยมอีกชนิดหนึ่ง คือ ละครบำสสกั (Bassas) เป็น
ละครพดู มีเนื้อเร่ืองเก่ียวกบั ควำมรกั ซ่ึงละครชนิ ดนี้ได้รบั อิทธิพลจำก
เวียดนำม

กำรแสดงของเขมรจะมีกำรเคล่ือนไหวที่นุ่มนวล สงำ่ ย่อเข่ำมำกกว่ำ
ไทยและไม่อ่อนช้อยเท่ำของไทย มีทัง้ กำรแสดงละครนอกเรื่อง
พระอภยั มณีละครในเรอ่ื งอิเหนำ โขนเรอื่ งรำมเกียรต์ิ

ลกั ษณะกำรแต่งกำย มีควำมใกล้เคียงกบั ไทยมำก

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ พม่า

กำรแสดงของชำวพม่ำ จะแสดงในงำนพิธีกำรต่ำงๆ เก่ียวกบั ศำสนำ และประเพณี นำฎศิลป์
ที่เก่ำแก่พม่ำได้แก่ ระบวงสวรงเทพเจ้ำ และสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ ส่วนกำรแสดงประเภทโขน ละคร ปรำกฏใน
สมยั พระเจ้ำมงั ระ เม่ือไทยเสียกรงุ ศรีอยุธยำให้กบั พม่ำ นำฏศิลป์ ไทยได้ถกู กวำดต้อนไปด้วย พระ
เจ้ำมงั ระโปรดให้สอนโขนและละครไทยในพม่ำ เล่นเรื่องรำมเกียรต์ิและอิเหนำ พม่ำเรียกว่ำ
อินทรวงศ์ เป็นละครในรำชสำนัก นอกจำกนี้ยงั มีกำรเล่นละครนอกเร่ืองสงั ขท์ องและสงั ขศ์ ิลป์
ชยั พระเจ้ำมงั ระโปรดมำกทรงให้รวมพวกละครและป่ี พำทยไ์ ว้ในรำชสำนักและพระรำชทำน
บำ้ นเรอื นให้เรียกว่ำ “ตำบลโยธำรำช” และพวกละครไทยท่ีแสดงเรียกว่ำ “โยธยำสตั คยี”

ต่อเมื่อละครไทยในรำชสำนักได้เส่ือมควำมนิ ยมลง “ละครนิ พตั ขิ่น” กลบั เฟื่ องฟูขึ้น
เป็นละครที่ผกู เป็นเร่อื ง มีท่ำทำงและบทเจรจำประกอบ ภำยหลงั ได้เพิ่มบทตลกลงไปด้วย

นาฏศิลป์ ตะวนั ออก

นาฏศิลป์ พม่า

กำรแต่งกำย ชำยใส่เสื้อแขนยำว นุ่งโสร่งหรือ
กำงเกงคลุมเข่ำ ประดบั ด้วยเลื่อม ดิ้นคล้ำยของไทย
ส่วนหญิงใส่เสื้อรดั อก สวมเสื้อแขนยำวไม่มีกระดุม
เปิ ดให้เห็นเสื้อตวั ใน ชำยเสื้อโค้งงอน นุ่งผ้ำถงุ กรอมเท้ำ
เกล้ำมวยสูงปล่อยชำยผมยำวมำด้ำนขวำ ถ้ำเป็ นตัว
เอกจะสวมเครอื่ งประดบั ศีรษะ

สารบญั หน่วยต่อไป