ถาม - ตอบ7. เกิดรูรั่วโอโซนเหนือทวีปอาร์กติกหรือไม่? "การลดลงของโอโซนเหนือทวีปอาร์กติก (Arctic Ozone Depletion) พบตอนปลายฤดูหนาว-ใบไม้ผลิ เดือนมกราคม-มีนาคม ถึง 6 ปีภายใน 9 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 20-25 % น้อยกว่าบริเวณขั้วโลกใต้ทวีปแอนตาร์กติกที่เรียกรูรั่วโอโซน" ความแตกต่างของ 2 บริเวณขั้วโลกเกิดจากรูปแบบของอากาศ กรณีฤดูหนาวของซีกโลกเหนือคล้ายกับในซีกโลกใต้ คือเกิดการแยกขอบเขตโดยลม ซึ่งอุณหภูมิต่ำพอที่จะเกิดเมฆขั้วโลก อย่างไรก็ตามลักษณะสมมาตรของทวีปจะน้อยกว่าแอนตาร์กติกผลคือระบบอากาศในระดับกว้างจะต้านกับกระแสลม ทำให้เกิดความไม่เสถียรหรือไม่อยู่นิ่งๆเหมือนกับขั้วโลกใต้เมฆขั้วโลกเกิดน้อยกว่าแต่ความเย็นยังมีอยู่บ้างในช่วงเดือนมีนาคม เมื่อมีแสงแดดทำให้มีการสูญเสียโอโซนเช่นกันหลายปีที่ผ่านมาพบว่าฤดูหนาวเหนืออาร์กติกเย็นผิดปกติเทียบกับ 30 ปีก่อนการเย็นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการสูญเสียโอโซนมากขึ้น รวมทั้งปริมาณการทำลายโอโซนได้เพิ่มขึ้นมากอย่างไรก็ตามภาวะทางอุตุนิยมวิทยาก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจดี ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นอีกในปีที่จะมาถึงการสูญเสียโอโซนจะมีต่อไปอีก แต่เป็นไปได้ ที่จะมีลักษณะย้อนกลับมาของโอโซนเช่น 10 ปีก่อน ซึ่งเป็นที่คาดว่าการสูญเสียโอโซนในอาร์กติกจะน้อยลงไป 8. การสูญเสียโอโซนทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตที่พื้นเพิ่มขึ้นหรือไม่? "การสูญเสียโอโซนทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตที่พื้นเพิ่มขึ้น เพราะว่าโอโซนเป็นตัวดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต" ดวงอาทิตย์ปล่อยรังสีหรือพลังงานในช่วงกว้าง รวมทั้งที่อยู่ในรูปรังสีอัลตราไวโอเลตพลังงานสูงด้วยประมาณ 2 % บางส่วนคือ UV-B* ที่มีเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตเช่น ผิวหนังไหม้เกรียม มะเร็งผิวหนัง และโรคตา ปริมาณรังสี UV ที่ได้รับขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งบนพื้นโลก ปริมาณโอโซนในบรรยากาศ เมฆ และมลภาวะ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การไม่มีเมฆ หรือมลภาวะในขณะที่โอโซนสูญเสียไป ทำให้รังสี UVเพิ่มขึ้นที่พื้นโลกการลดลงของโอโซนมากสุดในรอบ 15 ปี ที่ผ่านมาที่พบเหนือทวีปแอนตาร์กติกช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคมที่เกิดรูรั่วโอโซนพร้อมกับการตรวจวัดรังสี UVกับโอโซนพร้อมกันในหลายสถานีพบว่ารังสี UV มีมากเกินระดับปกติในเมือง San Diego, California ซึ่ง ดวงอาทิตย์ทำมุมสูงกับแนวราบในบริเวณที่มีการสูญเสียโอโซนน้อย เป็นการยากที่จะตรวจสอบว่า UV-B เพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะการตรวจแนวโน้มของรังสี UV-B ที่สัมพันธ์กับโอโซนที่ลดลง เพราะความซับซ้อนในกรณีเมฆ มลภาวะและสภาวะของเครื่องมือที่ใช้เป็นเวลาหลายปี เป็นต้น ราวปลายทศวรรษ 1980 ยังไม่ค่อยมีเครื่องมือที่ถูกต้องเที่ยงตรงสำหรับตรวจวัด UV-B มากนัก ดังนั้นข้อมูลจากสถานีในเมืองที่เก่าแก่ และไม่ใช่สำหรับใช้เฉพาะด้านอาจทำให้ข้อมูลเชื่อถือได้ยาก โดยเฉพาะการตรวจควบคู่หาความต่างของสภาวะเมฆ หรือมลภาวะยังไม่ค่อยมีขณะที่ การตรวจในสถานีที่ห่างไกลแหล่งชุมชน ปราศจากมลภาวะ จะเป็นการตรวจคุณภาพสูงการลดลงของโอโซนจึงจะสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของ UV-B ภาพแสดงการตรวจวัดที่ขณะท้องฟ้าแจ่มใสจาก 6 สถานี แสดงให้เห็นว่าโอโซนที่ลดลงทำให้รังสี UV-B เพิ่มขึ้น 9. การสูญเสียโอโซนทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงหรือไม่? "การสูญเสียโอโซนทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงได้หลายทางแต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก" โอโซนในบรรยากาศมีผลกระทบต่อสมดุลย์อุณหภูมิของโลก 2 ด้าน คือการดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลตจะทำให้บรรยากาศสตราโตสเฟียร์อบอุ่นขึ้น และยังดูดกลืนรังสีอินฟราเรดที่ปลดปล่อยจากผิวโลก เป็นที่เก็บความร้อนจากชั้นโทรโพสเฟียร์ที่ดี ดังนั้นผลกระทบจากความผันแปรไปของโอโซน จึงขึ้นอยู่กับความสูงที่มันอยู่ โอโซนที่สูญเสียไปเนื่องจากก๊าซที่ประกอบด้วยคลอรีน และโบรมีนโดยมนุษย์ในสตราโตสเฟียร์ตอนล่างทำให้ผิวโลกเย็นลง ในทางกลับกันคาดว่าโอโซนจะเพิ่มขึ้นที่บริเวณผิวพื้นหรือโทรโพสเฟียร์ เพราะว่ามลภาวะในอากาศทำให้โลกอุ่นขึ้นหรือปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) การเปรียบเทียบผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงโอโซนกับก๊าซในบรรยากาศชนิดอื่น ถือเป็นการยากที่จะคำนวณได้ถูกต้อง จากรูป กราฟแท่งทึบแทนอุณหภูมิที่เปลี่ยน แท่งสีขาวแทนความเปลี่ยนแปลงโอโซน พบว่า CO2 ที่เพิ่มขึ้นทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมากสุดซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ เช่นถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบัน CO2 ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น 30 % เทียบกับ 50 ปีก่อน ก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ มีผลดังกราฟเช่น มีเทน (CH4) ไนตรัสออกไซด์ (N2O) สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน(CFCs) โอโซนผิวพื้น (Tropospheric Ozone) โอโซนในบรรยากาศสตราโตสเฟียร์(Stratospheric Ozone) ในทางกลับกันการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกก็มีผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศโอโซนเช่นกัน เพราะโอโซนได้รับอิทธิพลจากภาวะทางอุตุนิยมวิทยา และโดยความเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในบรรยากาศที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสิ่งสำคัญคือสตราโตสเฟียร์ ที่เย็นมากที่สุด และยังคงเป็นเช่นนี้เป็นเวลานาน เป็นสิ่งกระตุ้นการสูญเสียโอโซนโดยเฉพาะเขตขั้วโลก ในปัจจุบันขนาดและขอบเขตของการเย็นลงจะทำให้ชั้นโอโซนกลับคืนสภาพเดิมช้าออกไปอีก 11. ชั้นโอโซนจะกลับคืนสภาพหรือไม่ ถ้ากลับคืนจะเป็นเมื่อใด? "การสูญเสียโอโซนเกิดจากสารประกอบคลอรีน และโบรมีนที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นคาดว่าจะค่อยๆ หายไปประมาณกลางศตวรรษที่ 21 เมื่อสารประกอบเหล่านี้ค่อยๆ หายไปจากบรรยากาศโดยขบวนการตามธรรมชาติ" ความสำเร็จอันนี้เกิดจากข้อตกลงระหว่างประเทศในการหยุดผลิตและใช้สารทำลายโอโซน การปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเต็มที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ ในการฟื้นฟูชั้นโอโซนได้ด้วยการดำเนินการต่างๆ ที่สำคัญๆ โดยย่อ ดังนี้
|