ก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวต้องบอกก่อนว่า ทุกการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในแต่ละวันผมจะเริ่มต้นจากสถานีนี้ครับ "Suzukino" ประตูที่ 2 เพราะเป็นสถานีใกล้ที่พักที่สุดที่จะใช้เดินทางไปต่อรถไฟที่สนามบินซับโปโร และรีวิวนี้จะขอเอ่ยการเดินทางโดยจะเริมจากสถานีรถไฟซับโปโร นอกจากว่าวันไหนผมไปค้างที่เมืองอื่น ==== มหาวิทยาลัยฮอกไกโด ==== ==== สวนนากาจิม่า ==== ==== ขึ้นจุดชมวิว JR TOWER ==== มาถึงสถานีรถไฟซัปโปโร ก็มองหาป้ายนี้เลยครับ ไม่ยาก สังเกตุง่าย เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ออกจากลิฟท์มาก็จะเจอกับพนักงานขายบัตร ราคาบัตรเข้าที่นี่อยู่ที่ 720 เยน เสียดายมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน แต่ก็ยังพอมีแสงให้ได้เห็น จุดชมวิว JR TOWER สามารถมองเห็นวิวเมืองซับโปโร แบบ 360 องศาเลยครับ และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เมื่อมาถึงข้างบนแล้วอย่าลืมเข้าห้องน้ำเด็ดขาด ==== ปิดท้ายมื้อเย็นวันแรกอย่างราชา ยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ==== .... ==== วันที่สอง เงินหล่นหายไป 22,000 เยน (6,000 กว่าบาท) และนี่คือสิ่งที่ผมจะต้องกินในอีก 8 วัน==== .. ==== "โจซังเค" - เซไปเซมา กว่าจะถึง ==== โจซังเค.. มายังไง หลังจากหาข้อมูลเที่ยวเมื่อคืนจากที่พัก ก็ยังงง (ไปไหนดีวะ) เดาผิดเดาถูก..หาข้อมูลจากเน็ตบ้าง เก็บตกวิวข้างทางถ่ายจากบนรถ ระหว่างเดินทางไปโจซังเค บรรยากาศ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี ส่วนใหญ่จะอยู่บนภูเขา ตื่นเต้นแค่ไหนคิดเอา ... ขนาดแยกไฟแดงก็ไม่พลาดที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่าย มาถึงแล้วครับเมืองโจซังเค ถึงแบบงงๆ แนะนำว่าใครไม่เคยมาก็ปริ้นรูปมา ชี้ให้คนขับรถดูได้เลย ย เส้นทางเดินชมธรรมชาติใบไม้เปลี่ยนสี การเดินทางมาเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติดูใบไว้เปลี่ยนสี ถ้าใครไม่อยากเดินก็มาลงที่ป้ายนี้ได้เลยครับ จะเจอถนนทางเข้าเป็นสามแยกอยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้าม แต่แนะนำว่าเดินเที่ยวจะสนุกกว่า เพราะภายในเมืองโจซังเคเป็นเมืองเล็กๆ จะเห็นสามแยก ให้เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ====เขื่อนโฮเฮเคียว==== จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งของเมืองโจซังเค สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ก็ให้นั่งรถบัสออกมาไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก็จะมาถึงจุดเริ่มเดินเข้าไปชมภายในเขื่อน ซื้อตั๋วเสร็จก็มาต่อคิวขึ้นรถด้านหน้าได้เลย เส้นทางจะผ่านอุโมงลอดใต้ภูเขา สังเกตุจะมีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาเที่ยวจำนวนหนึ่ง พอนั่งออกมาพ้นอุโมงก็เริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีแล้ววววววว... เสียดายรถไม่จอดให้ถ่ายภาพ มาถึงก็เกือบเย็นแล้ว ทำให้ไม่มีแสงพระอาทิตย์ เพราะโดนภูเขาบดบัง .. ถือว่ามาผิดเวลา ถ่ายรูปบนสันเขื่อนพอประมาณ ก็ต้องรีบขึ้นไปจุดชมวิว เพื่อชมวิวมุมสูงของสันเขื่อน พอมาถึงด้านบนก็จะได้เห็นวิวประมาณนี้ครับ ภายในด้านบนนอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีบริการที่พัก และร้านอาหารด้วย เท่าที่สังเกตุจะเป็นเมนูแบบปิ้งย่าง ==== วันที่ 3 เดินเล่นเมืองเก่า โอตารุ ==== เริ่มต้นจากตอนเช้า เนื่องจากเมืองโอตารุ เป็นเมืองที่ใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโรไปไม่ไกล วันนี้เลยนอนตื่นสายได้ ==== เดินทางสู่เมือง โอตา รุ==== การเดินทางไป โอตารุ จากที่ดูข้อมูลมาคร่าวๆเมืองคืนนี้เห็นจะมีด้วยกัน 2 ทางคือ ทางรถไฟกับรถบัส มาถึงสถานีซับโปโรก็ตรงไปยังตู้ซื้อตั๋วเลยครับ โดยเลือกสถานีปลายทางของเรา ดูราคาแล้วก็จิ้มตามราคา หลังจากซื้อตั๋ว ขึ้นรถไฟเป็นที่เรียบร้อย ออกเดินทางมาไม่ไกลก็ได้สัมผัสกับกลิ่นไอทะเล และวิวสวยๆระหว่างทางไปยังเมืองโอตารุ ถึงสนามบินโอตารุ จะรออะไรละครับ เดินสิ..เดินๆๆ เขาบอกว่าเมืองเล็กๆเดินเที่ยวชมสบายๆ ส่วนใครที่เดินทางมาโดยรถบัส และกลับโดยรถบัส สถานีรถบัสก็อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟครับ พอลงจากรถไฟฟ้าสถานี Otaru มาแล้วก็เริ่มงงครับ ว่าไปที่ไหนดี มองเห็นทะเลอยู่สุดถนนไกลๆ .. ==== สถานีรถไฟ Temiya นั่งรถจักรไปน้ำ ==== .. ภายในมีโรงเก็บหัวรถจักร และรถไฟเก่าๆที่ไม่ได้ใช้งานมานาน เดินเล่นสักพักก็รอเวลารถจักรวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว มาแล้วๆๆ รถจักรไอน้ำ ที่นี่จะมีบริการวันละ 6 เที่ยว (แบบไป-กลับ) สำหรับส่งนักท่องเที่ยวจากสถานี TEMIYA ไปยังโรงเก็บรถไฟ เสร็จจากนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำ เป็นการนั่งรถไฟที่สั้นใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่เคยนั่งรถไฟมา อีกหนึงวิธีในการเที่ยวชมเมืองโอตารุ คือเจ้าสิ่งนี้ครับ ไม่รู้เรียกว่าอะไรน่าจะเป็นรถลาก เพราะจะมีคนลากพาเที่ยว |