1 เป็นกฎหมายที่กำหนดเป็นความผิดชัดแจ้ง ในขณะกระทำความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วอย่างชัดแจ้งว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด เจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายจะสร้างกฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่ประชาชนคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้ เช่น กฎหมายบัญญัติว่า “การลักทรัพย์เป็นความผิด” ดังนั้น ผู้ใดลักทรัพย์ก็ย่อมมีความผิดเช่นเดียวกัน Show 2 เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง เป็นโทษไม่ได้แต่เป็นคุณได้ ถ้าหากในขณะที่มีการกระทำสิ่งใดยังไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังจะมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำอย่างเดียวกันนั้นเป็นความผิด ก็จะนำกฎหมายใหม่ใช้กับผู้กระทำผิดคนแรกไม่ได้ 1. กฎหมายอาญาต้องแน่นอนชัดเจนคือ “ถ้อยคำ” ในบทบัญญัติกม.อาญาต้องมีความชัดเจนหลีกเลี่ยงถ้อยคำที่จะทำให้การตัดสินคดี ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่เป็นอัตวิสัย และอำเภอใจผู้พิจารณาคดี หมายถึง กฎหมายที่กำหนดลักษณะของการกระทำหรือไม่กระทำอย่างใดถือว่าเป็นความผิด และกำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ เพื่อเป็นรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและสังคม โดยกฎหมายอาญากำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำความผิด แบ่งได้ ๕ ประการ (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘) ดังนี้ (๑) ประหารชีวิต (๒) จำคุก (๓) กักขัง (๔) ปรับ (๕) ริบทรัพย์สิน 2.2 เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง เป็นโทษไม่ได้แต่เป็นคุณได้ ถ้าหากในขณะที่มีการกระทำสิ่งใดยังไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังจะมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำอย่างเดียวกันนั้นเป็นความผิด ก็จะนำกฎหมายใหม่ใช้กับผู้กระทำผิดคนแรกไม่ได้ กรณีตัวอย่าง นายมะม่วงมีต้นไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งขึ้นในที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา นายมะม่วงได้ตัดต้นสัก เลื่อยแปรรูปเก็บเอาไว้ ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติป่าไม้ ฉบับที่ 3 ออกมาบังคับใช้ ถือว่าไม้สักเป็นไม้หวงห้ามก็ตาม นายมะม่วงก็ไม่มีความผิด เพราะจะใช้กฎหมายใหม่ย้อนหลังลงโทษทางอาญาไม่ได้ ในอดีตโทษที่รัฐนำมาใช้มีลักษณะที่เป็นการทรมานผู้กระทำความผิดหรือมีความโหดร้าย เพื่อให้ผู้ที่คิดจะกระทำความผิดนั้นเกิดความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่คิดที่จะกระทำความผิดเช่นนั้นอีก แต่ปัจจุบันจากอิทธิผลของสิทธิมนุษยชนทำให้แนวคิดในการลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องพัฒนาวิธีการลงโทษทางอาญาที่เหมาะสมและไม่ทารุณต่อผู้กระทำความผิด ซึ่งในปัจจุบันโทษทางอาญาของไทยมีอยู่ด้วยกัน 5 สถาน เรียงจากหนักไปหาเบา ดังนี้ (1) ประหารชีวิต (2) จำคุก (3) กักขัง (4) ปรับ (5) ริบทรัพย์สิน ลักษณะของกฎหมายอาญามีอะไรบ้างเอกลักษณ์ของกฎหมายอาญา หลัก “ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ ถ้าไม่มีกฎหมาย” ประมวลกฎหมายอาญา ม.2 1) กฎหมายอาญาต้องบัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง 2) จะนาจารีตประเพณีมาใช้ลงโทษแก่บุคคลไม่ได้ 4) กฎหมายอาญาไม่มีผลย้อนหลัง 3) ต้องตีความโดยเคร่งครัด
ลักษณะการกระทําความผิดทางอาญา มีอะไรบ้างความผิดทางอาญามี 2 ประเภทคือ 1. ความผิดในตัวเอง คือความผิดที่คนทั่วไปเห็นชัดเจนว่าเป็นความผิดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน 2. ความผิดเพราะกฎหมายห้าม คือความผิดที่เกิดจากการที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด โดยอาจมิได้เกี่ยวกับศีลธรรมเลย ซึ่งหากกล่าวถึงทฤษฎีกฎหมายสามยุค ความผิดเพราะกฎหมายห้ามอยู่ในยุคกฎหมายเทคนิค
กฎหมายอาญามีสาระบัญญัติเรื่องใดกฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่บัญญัติว่า การกระท าหรือไม่กระท าการอย่างใด เป็นความผิดและก าหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิดไว้ด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง กฎหมายอาญา คือ กฎหมายที่บัญญัติห้ามมิให้มีการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใด หรือบังคับให้มีการกระท าอย่างหนึ่งอย่างใด โดยผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องได้รับโทษ๑
|