การเขียนคำโฆษณามีวัตถุประสงค์อย่างไร

การโฆษณาหมายถึง การให้ข้อมูล ข่าวสาร เป็นการสื่อสารจูงใจผ่านสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ เพื่อจูงใจหรือโน้มน้าวใจให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย มีพฤติกรรมคล้อยตามเนื้อหาสารที่โฆษณา อันเอื้ออำนวยให้มีการซื้อหรือใช้สินค้าและบริการ ตลอดจนชักนำให้ปฏิบัติตามแนวความคิดต่าง ๆ ทั้งนี้ขอให้ผู้โฆษณาหรือผู้อุปถัมภ์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสื่อนั้น ๆลักษณะของการโฆษณา

1. การโฆษณาเป็นการสื่อสารจูงใจ มีวัตถุประสงค์เพื่อการจูงใจให้เกิดพฤติกรรมการซื้อโดยวิธีการพูด การเขียนหรือการสื่อความหมายใด ๆ ที่มีผลให้ผู้บริโภคเป้าหมาย คิดคล้อยตาม กระทำตามหรือเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปตามที่ผู้โฆษณาต้องการ
2. การโฆษณาเป็นการจูงใจด้วยเหตุผลจริงและเหตุผลสมมติ หมายถึง การจูงใจโดยบอกคุณสมบัติที่ เป็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ และการจูงใจโดยใช้หลักการตอบสนองความต้องการด้านจิตวิทยา
3. การโฆษณาเป็นการนำเสนอ สื่อสารผ่านสื่อมวลชนประเภทต่าง ๆ ซึ่งสามารถเผยแพร่ข่าวสาร เกี่ยวกับสินค้าและบริการในระยะกว้างไกลได้สะดวก รวดเร็วที่สุด ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย อย่างกว้างขวาง ไปสู่มวลชนอย่างรวดเร็ว เข้าถึงพร้อมกันและทั่วถึง
4. การโฆษณาเป็นการเสนอขายความคิด สินค้า และบริการ โดยใช้วิธีการจูงใจให้ผู้บริโภค เกิดความพอใจเกิดทัศนคติที่ดี อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการซื้อสินค้า หรือบริการที่เสนอขาย
5. การโฆษณาต้องระบุผู้สนับสนุนหรือตัวผู้โฆษณา ซึ่งมีผลความเชื่อถือของผู้บริโภค
ของผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นว่า เป็นการโฆษณาสินค้า(advertising)มิใช่ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda)
6. การโฆษณาต้องจ่ายค่าตอบแทนในการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วารสารและนิตยสาร เป็นต้น ดังนั้นผู้โฆษณาจะต้องมีงบประมาณ เพื่อการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ด้วย
องค์ประกอบของการโฆษณา
องค์ประกอบของการโฆษณาจำแนกออกเป็น 4 ประการ ได้แก่
1. ผู้โฆษณา (advertiser)
คือ เจ้าของสินค้า เจ้าของบริการ ซึ่งจะต้องประสานกับงานด้านการตลาดของหน่วยงานนั้น โฆษณาทุกชิ้นจะต้องปรากฏตัวผู้โฆษณาให้ชัดเจน และผู้โฆษณาจะต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายใน การโฆษณาทั้งหมด
2. สิ่งโฆษณา (advertisement)
คือ โฆษณาที่ทำสำเร็จรูปแล้ว หรือสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยข้อความ รูปภาพซึ่งจะสื่อ ถึงสินค้าหรือบริการ ที่เห็นอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รวมถึงภาพยนตร์โฆษณา ทางโทรทัศน์และบทโฆษณาทางวิทยุ เป็นต้น
3. สื่อโฆษณา (advertising)
คือ สื่อที่ผู้โฆษณาเลือกใช้ในการเผยแพร่งานโฆษณาไปยังกลุ่มบริโภคเป้าหมาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น สื่อโฆษณาเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำโฆษณาไปยังกลุ่มผู้บริโภค สื่อโฆษณาแบ่ง เป็นประเภทต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของสินค้าที่ต้องการนำเสนอ นักโฆษณาแบ่งสื่อโฆษณาเป็น 3 ประเภท คือ
3.1 สื่อโฆษณาประเภทสิ่งพิมพ์ (print Media)
เป็นการโฆษณาโดยใช้ตัวหนังสือเป็นตัวกลางถ่ายทอดความคิดไปสู่ประชาชน ได้แก่ หนังสือพิมพ์รายวัน หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ นิตยสาร ใบปลิว แผ่นพับ โปสเตอร์ คู่มือการใช้สินค้า แบบตัวอย่างสินค้า (catalogs) เป็นต้น
3.2 สื่อโฆษณาประเภทกระจายเสียงและแพร่ภาพ ( broadcasting media)
เป็นการโฆษณาโดยใช้เสียง ภาพ หรือตัวอักษร ได้แก่ เสียงตามสาย วิทยุ และโทรทัศน์ เป็นต้น
3.3 สื่อโฆษณาประเภทอื่น ๆ
หมายถึง สื่อโฆษณาอื่น ๆ นอกเหนือจากสื่อที่กล่าวแล้วข้างต้น เช่น ภาพยนตร์ อินเทอร์เนต สื่อที่ใช้โฆษณาที่จุดขาย รวมถึงสื่อโฆษณา นอกสถานที่ เช่น ป้ายโฆษณา ที่ติดรถโดยสาร ประจำทางหรือรถแท็กซี่ ป้ายราคาสินค้า ธงราว แผ่นป้ายต่าง ๆ ที่ติดตั้งไว้ตามอาคารสูง ๆ หรือตามสี่แยก ป้ายโฆษณาที่ป้ายรถประจำทาง หรือติดไว้ ณ ที่พักผู้โดยสาร ป้ายโฆษณารอบ ๆ สนามกีฬาเมื่อมีการแข่งขันกีฬานัดสำคัญ ๆ เป็นต้น
4. กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย (consumer)
บุคคลทั่วไปที่รับสารเกี่ยวกับงานโฆษณา ซึ่งหากเกิดความรู้สึกถูกใจ ชื่นชมหรือชอบสินค้าหรือบริการ จะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ ในทางโฆษณากลุ่มผู้บริโภค เป้าหมายจะหมายรวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือบริการ

การเขียนคำโฆษณามีวัตถุประสงค์อย่างไร

          https://krupiyarerk.wordpress.com/2011/09/24/สระเกิน/

การเขียนคำโฆษณามีวัตถุประสงค์อย่างไร

คำโฆษณามีความสำคัญต่อการเข้าใจประเด็นและโน้มน้าวผู้เข้าชมออนไลน์ได้ดีขึ้น ทักษะการเขียนคำโฆษณาของคุณมีความสำคัญ จากคำกล่าวของ Nick Kolenda ที่ว่า“การเขียนข้อความเป็นเรื่องยาก แต่การเขียนข้อความเพื่อโน้มน้าวใจนั้นยากกว่า” การเขียนคำโฆษณาเป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์

การเขียนคำ โฆษณาออนไลน์ เมื่อสิบปีที่แล้วไม่เหมือนในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่นั้นมาและต้องการมุมมองใหม่ๆ ซึ่ง Sheena White กล่าวไว้ว่า “หากการเขียนคำ โฆษณาออนไลน์ ของคุณไม่ดี แม้ว่าการตลาดจะดีแค่ไหน ยอดขายก็ไม่เพิ่มขึ้น” การเขียนคำโฆษณาที่โน้มน้าวใจจะดึงดูดผู้เข้าชมและทำให้พวกเขาสนใจและโหยหามากขึ้น Copywriting และ Content writing

Copywriting หรือ การเขียนคำโฆษณา คือ การเขียนคำโฆษณาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อขายหรือโปรโมตสินค้าและบริการ

การเขียนคำโฆษณาหรือการเขียน copy ที่ดี คือ

  • ต้องดึงดูดความสนใจภายใน 2-5 วินาที
  • ต้องมีประโยชน์
  • ต้องมีส่วนร่วม
  • ต้องทำให้มั่นใจ

Content writing หรือ การเขียน Content คือ การเขียนที่เน้นเนื้อหาเป็นหลัก เพื่อดึงดูดความสนใจ ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้เข้าชมต้องมีส่วนร่วมและเพิ่มคุณค่าให้กับพวกเขา รวมทั้งการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้ Content ติดอันดับการค้นหาในอันดับต้นๆ ของ Google

Content เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม เคล็ดลับสำคัญ ได้แก่

1. ผู้ชม

ต้องทราบกลุ่มเป้าหมาย เขียนให้ตรงกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ

2. คุณค่า

ต้องแน่ใจว่าเนื้อหาของคุณมีประโยชน์สำหรับผู้ชม

3. ชัดเจน

ข้อความที่สื่อต้องไม่คลุมเครือหรือใช้ศัพท์เทคนิคมากเกินไป

4. ทำการวิจัย

แสดงให้เห็นว่าคุณใช้เวลาในการตรวจสอบและมีหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งที่คุณค้นพบ การวิจัยจะช่วยให้งานของคุณมีข้อมูลมากขึ้น

5. ถูกต้องและจริงใจ

ไม่มีอะไรทำให้ผู้อ่านเชื่อใจได้มากกว่าความจริงที่เกิดขึ้นในเนื้อหาของคุณ

6. จดจำแบรนด์ของคุณ

เชื่อมโยงผู้อ่านเข้ากับแบรนด์ คือสิ่งที่จะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ของคุณได้

7. Keywords

ที่สำคัญคือ ไม่ใช้คำซ้ำ ทำให้ไม่น่าสนใจและอาจซ้ำกับคู่แข่งได้

8. จำนวนคำ

Neil Patel ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่า บทความ 2,000 คำขึ้นไปจะมีประสิทธิภาพดีกว่าบทความที่สั้น เพราะหากเนื้อหาไม่สมบูรณ์อาจเป็นอันตรายมากกว่าเป็นประโยชน์

9. การมีส่วนร่วม

หากงานของคุณไม่น่าสนใจและผู้อ่านไม่มีส่วนร่วม การแชร์หรือแสดงความคิดเห็นก็จะมีไม่มากนัก อย่าใช้โซเชียลมีเดียเพียงเพื่อโปรโมตเนื้อหาของคุณเองเพียงอย่างเดียว

10. ความสม่ำเสมอ

คุณต้องเขียนสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยในการจัดอันดับและยังช่วยให้แบรนด์ของคุณได้รับความนิยมอีกด้วย

เขียนยังไงให้เป็นกระแสนิยม

 สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ

1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

เพื่อนำเสนอให้ตรงกับสิ่งที่พวกเขาต้องการและช่วยให้เข้าถึงแบรนด์สินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น

2. สำรวจความต้องการ

มีเครื่องมือมากมายในการทำแบบสำรวจคำถามง่ายๆ 5-10 ข้อเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าและแรงจูงใจของพวกเขา ได้แก่

  • อีเมล์ คุณสามารถส่งให้ลูกค้า เพื่อสำรวจความพึงพอใจสินค้าหรือบริการ และเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
  • แบบสำรวจหลังการซื้อ อะไรเป็นเหตุจูงใจในการซื้อครั้งนี้
  • แบ่งกลุ่มตามประสบการณ์การซื้อ โดยการแบ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก ซื้อซ้ำและไม่ซื้อ

3. ทำโพล

ทำโพลหรือแบบสำรวจป๊อปอัพที่มุมล่างซ้ายหรือขวาของเวปไซต์เพียงไม่กี่คำถาม เช่น เหตุผลการเข้าเยี่ยมชมเวปไซต์ เพื่อกระตุ้นความสนใจ

4. Pop-ups

ก่อนผู้เข้าชมจะคลิกออกจากเวปไซต์ของคุณ ป๊อปอัพจะปรากฏขึ้นเพื่อขอเหตุผลที่พวกเขาออกจากเวปไซต์ เพื่อให้คุณได้รับรู้ถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อ, ความต้องการและความจำเป็นของผู้ชม

5. Focus group

  • ข้อดีของการทำ Focus group คือ
  • เป็นการรวบรวมความคิดเห็น, ความเชื่อและทัศนคติเกี่ยวกับบริษัท
  • เป็นการทดสอบสมมติฐานของคุณเกี่ยวกับตลาด
  • ได้รับข้อมูลเชิงลึก
  • ทำให้ทราบว่ากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร

6. การสัมภาษณ์

ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือต่อหน้า เพราะเสียงของลูกค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่คุณ เพื่อให้ทราบถึงความชอบ ไม่ชอบ หรือสิ่งที่ควรปรับปรุง

เคล็ดลับที่ควรพิจารณาเมื่อเขียนถึงบุคคล ได้แก่

  • เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
  • ดึงดูดความสนใจของบุคคลแต่ละประเภท
  • เชื่อมต่อและดึงดูดอารมณ์ส่วนตัว
  • หาความรู้เพิ่มเติม
  • นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนและรัดกุม
  • สนับสนุนข้อมูลที่ถูกต้อง
  • สร้างแรงจูงใจ

เขียนให้ดีต้องมีส่วนร่วม

สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ

1. อารมณ์ร่วม

พาดหัวข่าวที่น่าสนใจมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีส่วนร่วมและจุดเริ่มต้นของเพจ แต่ละหัวข้อควรนำผู้เข้าชมไปอ่านสิ่งที่จะทำต่อไป Eddie Shleyner กล่าวไว้ว่า “ การซื้อสินค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ผู้คนซื้อตามความรู้สึกของพวกเขา ดังนั้นคำโฆษณาของคุณควรทำให้เกิดอารมณ์”

2. เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค

โดยพิจารณาจาก

  • ราคา ผู้เข้าชมจะรู้สึกอย่างไรกับการใช้จ่ายเงินจำนวนมากในข้อเสนอนี้
  • ลงทุน ความต้องการ เวลาและความยากง่ายในการเข้าถึงเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณา
  • มูลค่า มูลค่าสินค้าหรือบริการสามารถเพิ่มมูลค่าการรับรู้ในจิตใจของผู้เข้าชม โฆษณาของคุณต้องเป็นที่ดึงดูดอารมณ์ และเชื่อมโยงความรู้สึกกับสินค้าหรือบริการได้

การเขียนคำโฆษณาเพื่อสร้างตัวตน

โดยการรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ได้แก่ ข้อมูลด้านประชากร (อายุ,เพศ,รายได้ครัวเรือน, ขนาดครอบครัว, จำนวนบัตรเครดิต,ความชอบสื่อและอื่นๆ) ทำให้เห็นมุมมองที่ดีของลูกค้า  สามารถคาดเดาอายุและสุขภาพของพวกเขาได้จากรูปลักษณ์ภายนอก, สถานการณ์ครอบครัวและชีวิตสมรสจากการสนทนา, สภาพเศรษฐกิจจากการแต่งกายและพฤติกรรมของพวกเขา เป็นต้น

ข้อมูลทางจิตวิทยา (คุณค่า, พฤติกรรมบริโภค, กลไกการตอบสนอง, ความกลัว, ความสนใจ, แรงจูงใจและอื่นๆ) คุณสามารถรวบรวมข้อมูลบางส่วนจากการสังเกตและคาดการณ์เพิ่มเติมได้ผ่านการพูดคุย, สัมภาษณ์และการสำรวจความคิดเห็น

วัตถุประสงค์ของการโฆษณามีกี่ข้อ

1. เป็นการติดต่อสื่อสาร 2. เป็นการเสนอสิ่งจูงใจ 3. เพื่อเป็นการสนับสนุนและใช้ร่วมกับการโฆษณาและกิจกรรมการขายโดยใช้พนักงานขาย 1. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสอบถาม 2. เพื่อเพิ่มการซื้อสินค้าจากลูกค้า 3. เพื่อสนันสนุนให้เกิดการซื้อซ้า 4. เพื่อเพิ่มจานวนลูกค้าให้มากขึ้น 5. เพื่อให้มีการซื้อสินค้ากักตุน วัตถุประสงค์

จุดมุ่งหมายของการโฆษณามี3ข้ออะไรบ้าง

การโฆษณา เป็นวิธีการสื่อสารที่มุ่งหวังให้ เกิดผลตามที่ต้องการของผู้โฆษณา ซึ่งรูปแบบของ การโฆษณามีหลากหลาย โดยแต่ละรูปแบบก็จะมี เป้าหมายและหลักการที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ ๑. การโฆษณาเพื่อความเข้าใจร่วมกันในสังคม ๒. การโฆษณาเพื่อรณรงค์หรือต่อต้าน ๓. การโฆษณาเชิญชวนเพื่อผลทางธุรกิจ

การเขียนโฆษณาเป็นการเขียนประเภทใด

September 19, 2019 August 6, 2021 KingCopywriting Copywriting. การเขียนโฆษณา คือ การใช้คำที่ดึงดูดใจผู้คนให้สนใจติดตามในตัวเนื้อหาและสินค้า ซึ่งโดยมากแล้วเนื้อความจะเน้นไปในทางโน้มน้าวใจผู้อ่าน ให้ผู้อ่านทำบางอย่างที่เราต้องการ เป็นการเขียนที่หวังผลลัพธ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง

การเขียนโฆษณาสินค้าคืออะไร

หมายถึง การให้ข้อมูล ข่าวสาร ผ่านสื่อ โฆษณาประเภทต่าง ๆ เพื่อจูงใจหรือโน้มน้าวใจให้ กลุ่ม ผู้บริโภค มีพฤติกรรมคล้อยตามโฆษณา และซื้อหรือใช้สินค้าและบริการ ตลอดจนชักน าให้ ปฏิบัติตามแนวความคิดต่าง ๆ