7. สารละลาย สารกำจัดรอยเปื้อนประเภทสารละลาย ได้แก่ น้ำมันสน เบนซิน อีเทอร์ โรเอทีลีน และแอลกอฮอล์ใช้สำหรับกำจัดรอยเปื้อนประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไขมันเวลาใช้ควรใช้สำลีชุบแล ะทดลองเช็ดด้านในของผ้าก่อน เช่น ตะเข็บ แนว พับ เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อผ้าจึงค่อยทำการเช็ดรอยเปื้อนนั้น วิธีการกำจัดรอยเปื้อน http://www.ความรู้รอบตัว.com/เกร็ดความรู้ในครัวเรือ/วิธีทำความสะอาดรอยเปื้.html 3.รอยเปื้อนชา กาแฟ ถ้ารอยเปื้อนยังไม่แห้งให้นำแป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวเหนียวหรือแป้งฝุ่นโรยลงบนรอยเปื้อน เพื่อให้แป้งดูดซับรอยเปื้อน และทิ้งไว้ให้แห้งใช้แป้งปัดแป้งออกแล้ว นำไปซักด้วยสารซักฟอกตามปกติหรือถ้าเป็นผ้าไหมหรือขนสัตว์ให้เช็ดด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ก็ได้ การซักผ้า 1. ก่อนการซักผ้าให้ล้วงกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงทุกตัวหากมีวัตถุสิ่งของตกค้างอยู่ให้เอาออกจากกระเป๋า หากมีเสื้อที่ชำรุดให้แยกออกและทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนนำไปซัก ที่มา : http://www.thaipattern.com/page1.php?id=37 2. แยกผ้าขาว ผ้าสี ออกจากกัน เสื้อเด็กและเสื้อผู้ใหญ่ควรแยกซัก เพราะเสื้อเด็กสกปรกมากกว่าเสื้อผู้ใหญ่ การซักผ้าด้วยมือเป็นการซักผ้าที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นวิธีซักผ้าที่ต้องออกแรงขยี้ หรือแปรงผ้าที่ซักเหมาะสำหรับผ้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ หรือผ้าที่สกปรกมาก แต่วิธีนี้ใช้เวลา แรงงานมากกว่าซักด้วยเครื่องซักผ้าซึ่งข้อดีของการซักผ้าด้วยมือ คือ สามารถทำความสะอาดเฉพาะส่วนได้ดี สำหรับเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการซักผ้า โดยทั่วไปแล้วในการซักผ้าด้วยมือจะใช้เครื่องมืออุปกรณ์ดังนี้ - คราม ใช้สำหรับแต่งสีผ้าขาวให้สดใสทำได้โดยนำครามละลายกับน้ำ และนำผ้าที่ซักสะอาดแล้วไปแช่และขยำในน้ำครามให้ทั่ว บิดและนำไปตาก การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า 1. ก่อนการซักผ้า ให้ตรวจดูกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงทุกตัว หากมีวัตถุสิ่งของตกค้างอยู่ให้เอาออก การซักผ้าขาว การซักผ้าสี ควรปฏิบัติดังนี้ |