ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์

ใครที่ลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหารอยู่แต่ “คํานวณแคลอรีอาหาร” ไม่เป็น เร่เข้ามาทางนี้เลยค่า เรามีวิธีการคำนวนแคลอาหารง่าย ๆ ที่ทำตามในชีวิตประจำวันได้มาฝากกัน!

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์

3 มิ.ย. 2022 · โดย พริมา

ใครที่กำลังอยู่ในช่วงออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงขอให้ยกมือขึ้นค่า! วันนี้พิมขอแนะนำตัวช่วยที่ทำให้เป้าหมายของการลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนักของทุกคนเห็นผลเร็วขึ้น นั่นก็คือการ “คํานวณแคลอรีอาหาร” นั่นเองค่า พิมจะมาบอกทั้งสูตรคํานวณแคลอรีอาหาร การอ่านฉลากโภชนาการเมื่อเราไปซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ มาประกอบอาหาร บอกเลยว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ทุกคนถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเริ่มจากการฝึกอ่านฉลากโภชนาการกันก่อนเลยค่า

1การอ่านฉลากโภชนาการ

ทุก ๆ ครั้งที่เราซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ขนมคบเคี้ยวต่าง ๆ จะ มี “ฉลากข้อมูลทางโภชนาการ” อยู่ด้างหลัง หรือด้านข้างของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เสมอ ถ้าเรามาทำความรู้จักตัวเลขต่าง ๆ ที่อยู่ในฉลากข้อมูลทางโภชนาการทั้งหมดจะช่วยให้เราคํานวณแคลอรีอาหารได้ง่ายมากขึ้นเลยค่า โดยปกติแล้วฉลากโภชนาการที่เราจะใช้คํานวณคุณค่าทางโภชนาการกันเนี่ยเราควรจะสังเกต ดังนี้ค่ะ

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
การอ่านฉลากโภชนาการ

1. การอ่านฉลากโภชนาการแบบเต็ม และแบบย่อ

  1. หน่วยบริโภค คือสิ่งที่ควรอ่านเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เนื่องจากส่วนนี้จะหมายถึงปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำให้ผู้บริโภครับประทานในแต่ละครั้ง
  2. พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค คือ พลังงาน หรือแคลอรีอาหารที่คุณจะได้รับเมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์นี้ในปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภค
  3. ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน หมายถึง สารอาหารที่ได้รับจากการบริโภคแต่ละครั้งนั้นคิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (Thai RDI) และแสดงปริมาณสารอาหารในหน่วยกรัมหรือมิลลิกรัมด้วย
  4. Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป คิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรีโดยมีเกณฑ์ ดังนี้
  • ไขมันทั้งหมด น้อยกว่า 65 กรัม
  • กรดไขมันอิ่มตัว น้อยกว่า 20 กรัม
  • คอเลสเตอรอล น้อยกว่า 300 มิลลิกรัม
  • คาร์บไฮเดรตทั้งหมด 300 กรัม
  • ใยอาหาร 25 กรัม
  • โซเดียม น้อยกว่า 2,400 มิลลิกรัม

2. การอ่านฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ

ฉลากจีดีเอ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ฉลากหวานมันเค็ม” คือฉลากที่แสดงถึงค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมต่อหนึ่งหน่วยบรรจุภัณฑ์ เช่นต่อหนึ่งห่อ หนึ่งถ้วย หรือหนึ่งซองนั่นเองค่ะ โดยส่วนมากจะปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าซอง หากเราต้องการคํานวณคุณค่าทางโภชนาการแบบง่าย ๆ และรวดเร็ว เราควรสังเกตสิ่งที่อยู่ในฉลาก GDA ดังนี้ค่ะ

  1. คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบรรจุภัณฑ์ เช่น 1 ถ้วย 1 ซอง 1 กล่อง 1 ถุง 1 แท่ง เป็นต้น
  2. ควรแบ่งกิน...ครั้ง แสดงจำนวนครั้งที่แนะนำให้รับประทาน
  3. ค่าพลังงาน (กิโลแคลอรี) น้ำตาล (กรัม) ไขมัน (กรัม) และโซเดียม (มิลลิกรัม) ที่ร่างกายได้รับ เมื่อเรารับประทานผลิตภัณฑ์นี้หมดภายในครั้งเดียว
  4. ค่าร้อยละของพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม เมื่อเทียบกับปริมาณสูงสุดที่สามารถบริโภคได้ต่อวัน ดังนี้
  • ค่าพลังงานคิดเป็นร้อยละของพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี
  • ค่าน้ำตาลคิดเป็นร้อยละของน้ำตาล 65 กรัม
  • ค่าไขมันคิดเป็นร้อยละของไขมัน 65 กรัม
  • ค่าโซเดียมคิดเป็นร้อยละของโซเดียม 2,400 มิลลิกรัม

2 คํานวณแคลอรีอาหาร

หลังจากที่เราได้รู้วิธีการอ่านฉลากโภชนการแบบง่าย ๆ กันไปแล้ว เราก็เริ่มมาหาวิธีการคํานวณแคลอรีอาหาร หรือคํานวณพลังงานอาหารกันแบบง่าย ๆ บ้างดีกว่าค่ะ เริ่มตั้งแต่แบบที่มีการใช้สูตรคํานวณแคลอรีอาหารด้วยมือของเราเอง จนไปถึงการคํานวณแคลอาหารแบบมีตัวช่วยง่าย ๆ เพียงใช้หนึ่งนิ้วคลิก ก็ให้ผลลัพท์ออกมา ใครที่อยากรู้ว่ามีวิธีไหนบ้างที่เหมาะกับตัวเราก็ต้องมาอ่านกันต่อเลยค่า

1. สังเกตแคลอรีอาหารจากฉลากโภชนาการ

เพราะข้อมูลทางโภชนาการอาการที่อยู่ในฉลากนั้น สามารถบอกคุณค่าทางสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในอาหารนั้น ๆ ได้ จนไปถึงส่วนผสมต่าง ๆ ที่นำมาผลิตอาหารชนิดนี้อีกด้วย

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
สังเกตแคลอรีอาหารจากฉลากโภชนาการ

2. คํานวณคุณค่าทางโภชนาการอาหาร

เราจะคํานวณพลังงานอาหารจากสารอาหารหลัก ๆ 3 ชนิดนั่นก็คือโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เป็นสารอาหารที่นำมาซึ่งแคลอรีอาหารที่เราต้องควบคุมนั่นเองค่ะ โดยสาอารทั้ง 3 ชนิดนี้จะให้ปริมาณแคลอรีดังนี้ค่ะ

  • คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงาน 4 แคลอรีต่อกรัม
  • โปรตีนให้พลังงาน 4 แคลอรีต่อกรัม
  • ไขมันให้พลังงาน 9 แคลอรีต่อกรัม

หมายเหตุ : แอลกฮอล์ให้พลังงานอาหารมากถึง 7 แคลอรีเลยนะคะ

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
คํานวณคุณค่าทางโภชนาการอาหาร

3. สูตรคํานวณแคลอรีอาหารต่อ 1 หน่วยบริโภค

จากข้อที่ 2 เราทราบถึงปริมาณแคลอรีของสารอาหารทั้ง 3 ชนิดต่อ 1 กรัม แล้วเราจะลองมาคำนวนแคลอรีอาหารแบบง่าย ๆ กันบ้างดีกว่าค่า โดยอาหารที่เรารับประทานต่อ 1 หน่วยปริโภคนี้ เช่นขนมซอง A มีปริมาณโปรตีน 30 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 45 กรัม, และไขมัน 20 กรัม จะสามารถใช้สูตรคํานวณแคลอรีอาหารได้ตามนี้เลยค่ะ

  • โปรตีน 30 x 4 = 120 แคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 45 x 4 = 180 แคลอรี
  • ไขมัน 20 x 9 = 180 แคลอรี
  • เราจะคํานวณแคลอาหารรวมทั้งหมดโดยนำเอาผลลัพท์ของอาหารทั้ง 3 ชนิดมารวมกัน คือ 120 + 180 + 180 = 480 แคลอรีนั่นเองค่ะ
ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
สูตรคํานวณแคลอรีอาหารต่อ 1 หน่วยบริโภค

4. สูตรคํานวณแคลอรีอาหารทั้งหมดต่อ 1 ผลิตภัณฑ์

จากข้อที่ 3 เราคำนวณได้ว่าต่อ 1 หน่วยบริโภคนั้นมีแคลอรีอาหารอยู่ที่ 480 แคลอรี ซึ่งในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีการระบุไว้ว่าอาหารในซองนี้หรือถ้วย กินได้กี่ครั้ง เช่น ขนมซอง A สามารถแบ่งกินได้ 3 หน่วยบริโภค นั่นหมายความว่าการคํานวณแคลอาหารทั้งหมด จะต้องนำแคลอรีอาหารต่อ 1 หน่วยบริโภคที่เราคำนวณไว้ซึ่งในที่นี้คือ 480 มาคูณกับ 3 หน่วยบริโภค จะออกมาเป็น 480 x 3 = 1,440 แคลอรีนั่นเองค่ะ

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
สูตรคํานวณแคลอรีอาหารทั้งหมดต่อ 1 ผลิตภัณฑ์

5. เปรียบเทียบแคลอรีของสารอาหารที่ผู้ผลิตแนะนำให้บริโภคต่อวัน

โดยปกติแล้วในฉลากโภชนการจะต้องระบุเปอร์เซ็นของคุณค่าทางอาหาร หรือสารอาหารที่ได้รับจากการกินผลิตภัณฑ์นี้ต่อ 1 หน่วยบริโภค ส่วนใหญ่นักโภชนาการด้านอาหารแนะนำว่า 45 - 65% ของแคลอรีที่ต้องบริโภคต่อวันควรมาจากคาร์โบไฮเดรต, จากโปรตีน 10 - 35%, และจากไขมัน20 - 25% เช่น ขนมซอง A ระบุว่ามีโปรตีนต่อ 1 หน่วยบริโภคที่ 30 กรัม มีปริมาณคร่าว ๆ ว่าเป็น 10.5% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันค่ะ

ผู้บริโภคจะได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์
เปรียบเทียบแคลอรีของสารอาหารที่ผู้ผลิตแนะนำให้บริโภคต่อวัน

6. คํานวณแคลอรีอาหารผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน

วิธีนี้เป็นการคำนวณแคลอาหารได้ง่ายมาก ๆ เพียงป้อนชื่อผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุดิบพร้อมปริมาณ ตัวเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันเหล่านี้ก็คำนวณออกมาให้เราภายในไม่กี่นาทีเลยล่ะค่ะ แต่บางครั้งมีการคลาดเคลื่อนไปบ้างแต่สามารถนำมาอ้างอิง หรือเปรียบเทียบกันได้ค่ะ