ประจำเดือนมาไม่ควรทำอะไรบ้าง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

ประจำเดือนมาไม่ควรทำอะไรบ้าง

สารพัดความเชื่อของผู้หญิงเกี่ยวกับการมี "ประจำเดือน" ที่ถูกส่งต่อกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น ทั้งที่จริงๆ แล้วบางความเชื่อก็เป็นเพียงความเข้าใจผิดที่คิดกันไปเอง

สาวๆ คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่าระหว่างมี “ประจำเดือน” ห้ามกินนั่น ห้ามกินนี่ ห้ามทำนั่น ห้ามทำนี่ สารพัดความเชื่อของผู้หญิงที่ถูกส่งต่อกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น ทั้งที่จริงๆ แล้วบางความเชื่อก็เป็นเพียงความเข้าใจผิดที่คิดกันไปเอง และนี่คือ 10 ความเชื่อผิดๆ...ที่สาวๆ ควรต้องรีบเปลี่ยนความคิดโดยด่วน

1. เพราะประจำเดือนคือ “เลือดเสีย” ยิ่งมามาก...ก็เท่ากับได้ขับของเสียมาก

ความเข้าใจที่ผิดอันแรกเลยก็คือ ประจำเดือนไม่ใช่เลือดเสีย! แต่เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาพร้อมเลือดเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า การมีประจำเดือนจึงไม่ใช่การขับของเสียออกจากร่างกายอย่างที่หลายคนเข้าใจ และประจำเดือนมามาก... ก็ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะผิดปกติได้อีกด้วย

ประจำเดือนมาไม่ควรทำอะไรบ้าง

2. ห้ามกิน น้ำมะพร้าว เพราะจะทำให้ประจำเดือนหยุดไหล

คนโบราณเชื่อกันว่าการดื่มน้ำมะพร้าวช่วงมีประจำเดือนจะทำให้ประจำเดือนหยุดไหล และทำให้ประจำเดือนในเดือนถัดไปมาช้ากว่าปกติ ซึ่งเกิดจากสารอาหารในน้ำมะพร้าวนั้นเป็นแบบเดียวกันกับฮอรโมนเพศหญิง แต่ด้วยการตอบสนองต่อร่างกายที่แตกต่างกัน บวกกับปริมาณน้ำมะพร้าวที่ดื่มเข้าไป ดังนั้นไม่ใช่ทุกคนที่ดื่มน้ำมะพร้าวแล้วประจำเดือนจะหยุดไหล

3. ไม่ควรออกกำลังกายช่วงมีประจำเดือน

สาวๆ มักเชื่อว่าไม่ควรออกกำลังกายในระหว่างมีประจำเดือน เพราะร่างกายอยู่ในช่วงอ่อนเพลียอาจเสี่ยงเป็นลมได้ ซึ่งความจริงแล้ว แม้มีประจำเดือนก็สามารถออกกำลังกายได้ เพราะสารเอนดอร์ฟินที่หลั่งออกมาไม่เพียงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้ โดยเลือกเป็นกิจกรรมเบาๆ อย่าง โยคะ หรือ ว่ายน้ำ เพียงแต่ต้องดูแลใส่ใจเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ เช่น การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด

4. มีเพศสัมพันธ์ระหว่างมี "ประจำเดือน" สิ...ไม่ท้อง

มีคู่รักหลายๆ คู่เชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ฝ่ายหญิงมีประจำเดือนจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งความจริงแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือนก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เพราะการมีเลือดไหลซึมออกมาวันแรกๆ อาจไม่ใช่เลือดจากประจำเดือน แต่บางคนอาจมีเลือดซึมออกมาในช่วงไข่ตก หากไม่สวมถุงยางอนามัยก็อาจเสี่ยงตั้งครรภ์ได้ รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์ในวันท้ายๆ ของการมีประจำเดือน เพราะอสุจิผู้ชายสามารถมีชีวิตอยู่ในช่องคลอดหลังจากการหลั่งได้ถึง 72 ชั่วโมง

ประจำเดือนมาไม่ควรทำอะไรบ้าง

5. กินของเย็น จะทำให้ "ประจำเดือน" ออกมาเป็นลิ่มเลือด

จริงอยู่ที่ภูมิคุ้มกันของผู้หญิงจะลดลงในระหว่างที่มีประจำเดือน การกินของเย็นหรือดื่มน้ำเย็นอาจทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน แต่ไม่เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่ากินของเย็นแล้วประจำเดือนจะเป็นลิ่มเลือด ไหลออกมาไม่หมด หรือทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

6. ถ้าประจำเดือนมาไม่ปกติ ต้องกินยาขับเลือด

เพราะความเข้าใจผิดที่ว่าประจำเดือนคือเลือดเสีย ทำให้เมื่อประจำเดือนขาดต้องกินยาขับเลือดเพื่อให้ของเสียถูกขับออกมา ซึ่งการที่ประจำเดือนไม่มาหรือมาๆ ขาดๆ อาจเกิดจากการมีโรคทางนรีเวชซ่อนอยู่ และการกินยาขับเลือดอาจส่งผลรุนแรงหากผู้ป่วยมีโรคบางโรคแฝงอยู่ เช่น เนื้องอกมดลูก หรือช็อกโกแลตซีสต์ได้

ประจำเดือนมาไม่ควรทำอะไรบ้าง

7. มีประจำเดือนห้ามอาบน้ำเย็น เพราะจะทำให้เป็นไข้ไม่สบาย

คนโบราณมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ช่วงระหว่างมีประจำเดือนฮอร์โมนในร่างกายจะแปรปรวน การอาบน้ำเย็นจึงอาจส่งผลให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน มีไข้หรือเจ็บป่วยได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในระหว่างมีประจำเดือนสามารถอาบน้ำเย็นในอุณหภูมิปกติได้เหมือนเดิม

8. ไม่ค่อยเปลี่ยนผ้าอนามัย ทำให้เสี่ยง “มะเร็งปากมดลูก”

สาวๆ ที่ประจำเดือนมาค่อนข้างเยอะ อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยใหม่อยู่บ่อยครั้งในแต่ละวัน แต่สำหรับคนที่ประจำเดือนมาน้อย...จนเรียกว่าผ่านไปกว่าครึ่งวันถึงเปลี่ยนผ้าอนามัยสักครั้ง ทำให้มีความเชื่อว่า พฤติกรรมไม่ค่อยเปลี่ยนผ้าอนามัยอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งความจริงแล้ว สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก คือ การติดเชื้อไวรัส hpv ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ้าอนามัยน้อยครั้ง แต่การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดิมนานหลายชั่วโมงเกินไป อาจส่งผลในเรื่องความสะอาดของจุดซ่อนเร้นมากกว่า

9. ประจำเดือนจะหยุดไหลเมื่อเราอยู่ในน้ำ

แม้ว่าอยู่ในช่วงมีประจำเดือน แต่บางคนก็ยังคงลงว่ายน้ำในสระหรือทะเลเหมือนปกติ เพราะเข้าใจว่าพออยู่ในน้ำประจำเดือนก็จะหยุดไหลไปเอง ซึ่งการหยุดไหลของประจำเดือนนั้นเป็นเพียงแค่ระยะชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญคือการลงเล่นน้ำในช่วงมีประจำเดือน ยังอาจเสี่ยงต่อการที่สิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำจะไหลผ่านเข้าไปในช่องคลอด ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้

10. การใช้ผ้าอนามัยแบบสอดจะทำให้เยื่อพรหมจรรย์ขาด

หนึ่งในความเชื่อของสาวๆ ที่ยังเวอร์จิ้น ก็คือ ความเข้าใจที่ว่า การใช้ผ้าอนามัยแบบสอดจะทำให้เยื่อพรหมจรรย์ขาด ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเยื่อพรหมจรรย์เป็นเยื่อบางๆ ที่สามารถยืดหยุ่นได้ และมีรูให้ประจำเดือนไหลผ่านเข้าออก ซึ่งขนาดของรูก็กว้างพอสำหรับผ้าอนามัยแบบสอดด้วย

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลเปาโล

ภาพ : https://pixabay.com / https://unsplash.com

ประจำเดือนมากี่วันถึงจะดี

ประจำเดือนปกติเป็นอย่างไร? ผู้หญิงจะมีประจำเดือนทุกๆ 28 – 30 วัน (หรืออยู่ในช่วง 21- 35วัน) ผู้หญิงจะมีประจำเดือนมาประมาณ 3 - 5 วัน หรือไม่ควรมาเกิน 7 วัน ปริมาณประจำเดือนที่ออกมาในแต่วันไม่ควรเกิน 80 ซีซี หรือเทียบได้กับการเปลี่ยนผ้าอนามัยประมาณ 4 ผืนต่อวัน (แบบที่มีเลือดชุ่มเต็มแผ่น)

ประจำเดือนมาวันเดียวเพราะอะไร

ประจำเดือนมาวันเดียว เป็นปัญหาสุขภาพหญิงที่พบได้ทั่วไป สามารถเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เช่น การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น การควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ การพักผ่อนให้มากขึ้น การดื่มน้ำให้เพียงพอ อาจช่วยปรับระดับ ...

ประจำเดือนไม่มาเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของประจำเดือนไม่มาก็คือภาวะฮอร์โมนที่ไม่ปกติ เป็นได้ตั้งแต่สาเหตุง่ายๆ เช่น มีภาวะเครียด ออกกำลังกายหักโหม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว พักผ่อนไม่เพียงพอ มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือการได้รับฮอร์โมนมาก่อนหน้านี้ เช่น การใช้ยาคุมฉุกเฉิน หรือการกินยาคุมต่อเนื่องนานๆประจำเดือนอาจมาน้อยลง ...

ประจำเดือนมานานควรทำอย่างไร

วิธีดูแลรักษาด้วยตนเอง ผู้ที่มีประจำเดือนมามากสามารถดูแลอาการด้วยตนเองได้ ดังนี้ ประคบเย็น นำห่อน้ำแข็งหรือห่อสำหรับประคบเย็นมาวางประคบที่ท้องครั้งละ 20 นาที โดยประคบวันละหลายครั้งเมื่อมีเลือดประจำเดือนออกมามาก