ถ้าพูดถึงสกินแคร์ หลาย ๆ คนก็ยังเข้าใจผิดอยู่ว่ามันคือ ครีม เซรั่ม ที่ใช้กับผิวหน้าและผิวกายอย่างเดียวหรือเปล่า จะบอกว่ามันกว้างกว่านั้นมาก เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ที่อยู่ในห้องน้ำไปยันโต๊ะเครื่องแป้งของเราเลย ไม่พูดเยอะละ เรามารู้จักสกินแคร์แบบเจาะลึก ถึงรากถึงโคนไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า! Show
สกินแคร์คืออะไร?ความหมายของ Skincare (สกินแคร์) ถ้าจะแปลตรงตัวเลยก็คือ สิ่งที่บำรุงดูแลสภาพผิวของเราให้ดีขึ้น ดูมีสุขภาพดี น่าดึงดูด ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย แต่ถ้าจะเอาให้ลึกซึ้งกว่านั้นอีกก็ต้องบอกว่าสกินแคร์ถือว่าเป็นเครื่องสำอางอย่างนึง ซึ่งคำว่า Cosmetics เนี่ย ก็มาจากคำว่า "Kosm tikos" ที่แปลว่า “พลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงและทักษะในการตกแต่ง” ทีนี้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของการถือกำเนิดสกินแคร์ตัวแรกของโลกขึ้นมานั้นมีมายาวนานกว่าที่คิด หลายคนก็อาจจะสงสัยว่าใครกันที่เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา จะใช่คลีโอพัตราในตำนานอย่างที่เขาเล่าลือกันหรือเปล่านะ เรามาดูต่อไปกันเลยค่ะ จุดเริ่มต้นของสกินแคร์จุดกำเนิดของการเกิดสกินแคร์นั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
รู้จักที่มาที่ไปของสกินแคร์คร่าว ๆ กันแล้ว มาดูเนื้อสัมผัสกันบ้างดีกว่าว่าทั้งหมดมีอะไรบ้าง! รู้จักเนื้อสัมผัสทั้งหมดในสกินแคร์ 1. Powders (ผงแป้ง)เนื้อแบบนี้จะมี 2 แบบ คือ...
2. Gels (เจล)สำหรับเนื้อเจลก็มี 2 แบบเช่นกันค่ะ คือแบบที่เป็น...
3. Solutions
(โซลูชั่น)
4. Ointments (เนื้อบาล์ม)ตัวนี้พบเห็นได้ทั่วไป อย่างเช่น บาล์มบำรุงให้ความชุ่มชื้นผิว หรือขี้ผึ้ง วาสลีน ลิปแคร์ ซึ่งเนื้อบาล์มแบบนี้มักจะใส่คุณประโยชน์มาให้ผิวค่อนข้างเยอะ เช่น รักษาบาดแผล ให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว รวมไปถึงช่วยทำความสะอาดผิวอย่างคลีนซิ่งบาล์มด้วยค่ะ 5. Sticks (เนื้อแบบแท่ง)แบบที่เห็นมานานก็จะเป็นพวกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายต่าง ๆ รวมไปถึงลิปสติก สกินแคร์แบบแท่งนี้ มีขึ้นมาเพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการใช้อย่างตัวใหม่ ๆ ก็เช่น อายครีมแบบแท่ง
กันแดดแบบแท่ง ที่สามารถทาได้ทุกที เติมได้ทุกเวลา ถือเป็นสกินแคร์อีกหนึ่งแบบที่น่าจับตามอง 6. Emultions (อีมัลชั่น)ตัวนี้คุ้นหูคุ้นตามากที่สุดและเรียกได้ว่ามีมากที่สุดในวงการสกินแคร์เลยทีเดียว เพราะว่าอีมัลชั่นนี้คือสิ่งที่ผสมระหว่างน้ำกับน้ำมัน จะต่างกันแค่ความเข้มข้นเท่านั้น โดยถ้าเนื้อเข้มข้นมาก ๆ ก็จะจัดเป็น "ครีม" แต่ถ้าความเข้มข้นน้อยหน่อย เกลี่ยง่าย ซึมไวขึ้น จะเป็นประเภท "โลชั่น" ค่ะ 7. Suspensions (แขวนลอย)อันนี้อาจจะเข้าใจยากหน่อย
แต่ถ้าพูดถึง แป้งน้ำ คาลาไมด์ ยาทาเล็บ รองพื้น จะพอเห็นภาพขึ้นมาทันที คือเนื้อแบบนี้จะเหมือนมีเม็ดของแข็งลอยอยู่ในของเหลว โดยที่ของแข็งนั้นไม่ได้ละลาย ทำให้เกิดการแยกชั้นได้ เวลาจะใช้จึงจำเป็นต้องเขย่าให้เข้ากันก่อนนั่นเอง 8. Pastes (เนื้อสครับ)จริง ๆ คำนี้คนไทยอย่างเรา ๆ อาจจะไม่ชิน เนื้อแบบนี้จะคล้าย ๆ กับแขวนลอย แต่เนื้อข้นกว่า อย่างที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ ยาสีฟันและสครับมาสก์หน้าค่ะ 9. Aerosols (สเปรย์)ตัวนี้มีความพิเศษกว่าตัวอื่น ๆ หน่อยตรงที่ จะเป็นเนื้อแบบเหลวหรือแบบแข็งก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เนื้อแบบอีมัลชั่น โซลูชั่น และผงแป้งมาอัดก๊าซเข้าไปในแพ็คเกจจิ้ง ทำให้เกิดแรงดัน เวลาฉีดออกมาก็จะเกิดเป็นฝอย แบบที่เราเรียกกันว่าสเปรย์ค่ะ ประเภทนี้จะเจอบ่อย ๆ ในพวกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายและครีมโกนหนวดค่ะ 10. Bar Soaps (สบู่ก้อน)ก็บอกแล้วว่าสกินแคร์คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับผิว นับตั้งแต่ทำความสะอาด บำรุง และปกป้องผิว เพราะฉะนั้นสบู่ก้อนจึงเป็นอีกประเภทหนึ่งของสกินแคร์ไปโดยปริยายค่ะ แต่ที่เราเห็นกันนี้เขายังแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกถึง 3 ชนิด คือ
มาเลือกส่วนผสมให้ตรงกับปัญหาผิวกัน!!จริง ๆ นอกจากเนื้อสัมผัสที่เราต้องคำนึงถึงแล้ว การเลือกส่วนผสมสำคัญ (Active Ingredients) ก็สำคัญไม่แพ้กัน มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละตัวจะมีตัวไหนเด็ด ๆ ที่ต้องไปโดนกันบ้าง! Moisturizer
(ให้ความชุ่มชื้น) ให้มองหา : Hyaluronic Acid, Sodium PCA, Propylene Glycol, Ceramides, Ammonium Lactate และ Sorbitol Whitening (ปรับผิวกระจ่างใส) ให้มองหา : Niacinamide, Alpha-Arbutin, Vitamin C, Kojic Acid และ Glycolic Acid Anti-Aging (ลดเลือนริ้วรอย) ให้มองหา : Retinol, Peptides, Ceramides, Coenzyme Q10, Caffeine, Biotin, Green Tea Extract และ Tocopherol Anti-Pollution (ปกป้องผิวจากมลภาวะ) ให้มองหา : Malachite, Activated Charcoal, Algae Extract, Sea Salt Minerals, Ginseng, Sumac, Gotu Kola และ Vitamin C Antioxidants (ต่อต้านอนุมูลอิสระ) ให้มองหา : Green Tea Extract, Tocopherol, Lycopene, Caffeine, Resveratrol, Genistein, Vitamin C และ Grape Seed Extract Anti-Acne (ลดสิว) ให้มองหา : Benzoyl Peroxide, Salicylic
Acid, Tea Tree Oil และ Retinoids Anti-Inflamatory (ลดการอักเสบ) ให้มองหา : Chamomile, Witch Hazel, Aloe Vera, Licorice, Oatmeal, Ginger และ Turmeric (Curcumin) Sunscreen (ปกป้องผิวจากแสงแดด) ให้มองหา : Resveratrol, Genistein, Zinc Oxide, Titanium Dioxide และ Mexoryl SX เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวผิวมัน (Oily Skin)
เนื้อสัมผัสที่ใช่ : ผิวแบบนี้ต้องใช้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมง่ายอย่างเนื้อเจล โลชั่น และโซลูชั่นแบบน้ำค่ะ หลีกเลี่ยง : เนื้อสัมผัสแบบน้ำมันและบาล์ม เพราะจะไปเพิ่มความมันให้ผิวจนผิวเสียสมดุลมากยิ่งขึ้น ส่วนผสมต้องห้าม : ซิลิโคน เพราะจะทำให้เกิดการอุดตัน จนเกิดสิวในที่สุด อีกตัวคือ AHA ควรใช้เป็น BHA มากกว่า เพราะเขาละลายในน้ำมัน และยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวได้โดยที่ไม่ทำให้ผิวอุดตันด้วยค่ะ ผิวแห้ง (Dry Skin)
เนื้อสัมผัสที่ใช่ : ผิวแบบนี้ต้องเน้นเติมน้ำให้ผิว และปกป้องไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว ฉะนั้นควรเลือกเนื้อสัมผัสแบบบาล์มและโซลูชั่นแบบน้ำมันมาช่วยเคลือบผิวกักเก็บความชุ่มชื้นค่ะ หลีกเลี่ยง : เนื้อสัมผัสแบบสครับ สบู่ ด้วยนะ เพราะสครับจะขัดผิวให้บางขึ้น ทำให้เกิดผิวแห้งและริ้วรอยได้ ยิ่งผิวแห้งเกิดริ้วรอยง่ายอยู่แล้วต้องระวังมากขึ้น ในขณะที่สบู่ก็มีฤทธิ์เป็นด่างทำให้ผิวแห้งเข้าไปใหญ่ ลองเลือกใช้สบู่เหลวแทน อีกอย่างที่ไม่ควรใช้คือโซลูชั่นแบบน้ำ เพราะกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ไม่พอนั่นเอง ส่วนผสมต้องห้าม : ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซัลเฟต ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ รวมถึง BHA ที่ไม่เหมาะกับคนผิวแห้งเท่าไหร่ ลองใช้เป็น AHA ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ด้วยจะเห็นผลกว่าค่ะ ผิวผสม (Combination Skin)
เนื้อสัมผัสที่ใช่ : จริง ๆ แล้วอยากให้เลือกใช้แบบของคนผิวมันตรงช่วง T-Zone และแบบคนผิวแห้งตรงช่วง U-Zone เพราะเป็นวิธีดูแลผิวที่ตรงจุดที่สุด แต่ถ้าใครขี้เกียจใช้หลายตัว ซับซ้อนก็ให้เลือกเป็นแบบอีมัลชั่นและโซลูชั่นแบบน้ำเข้าไว้ค่ะ Play Safe! หลีกเลี่ยง : ในฐานะที่มีส่วนผสมของผิวแห้งและผิวมันบนใบหน้า อะไรที่ผิวแห้งและผิวมันไม่ควรใช้ ผิวผสมก็ไม่ควรใช้เช่นกัน เช่น บาล์มต่าง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันได้ รวมถึงสบู่ที่อาจทำให้เกิดอาการผิวแห้ง ระคายเคืองได้ ส่วนผสมต้องห้าม : แอลกอฮอล์และซิลิโคน ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
เนื้อสัมผัสที่ใช่ : เนื้อสัมผัสที่ใช่ที่สุดสำหรับผิวแบบนี้ขอแนะนำเป็น โซลูชั่นแบบน้ำเลยค่ะ แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปนมาด้วยนะคะ ไม่งั้นจะยิ่งแพ้ไปกันใหญ่ หลีกเลี่ยง : ไม่ควรใช้สครับ สบู่ และโซลูชั่นแบบแอลกอฮอล์ เพราะจะเป็นการไปรบกวนผิว และทำให้ผิวแห้ง แพ้ ระคายเคืองมากขึ้นด้วย ส่วนผสมต้องห้าม : หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์, น้ำหอม, พาราเบน, AHA, BHA รวมไปถึงสารระคายเคืองต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าสกินแคร์ที่มีมาทั้งหมด เขาใช้อะไรกันตอนไหนบ้าง! 10 ขั้นตอนการลงสกินแคร์ให้ผิวใสแบบสาวเกาหลีStep 1 Oil-Based Cleanser :
ใช้น้ำมันดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ เป็นขั้นตอนแรก พอเสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น Step 2 Water-Based Cleanser : ใช้โฟมล้างหน้าทำความสะอาดอีกขั้นเพื่อความชัวร์ และเพิ่มความสดชื่นให้ผิว Step 3 Exfoliator : ผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพไปแล้ว เผยผิวใหม่ที่สดใสขึ้น Step 4 Toner : ปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุง Step 5 Essence : เริ่มจากบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ตัวที่เนื้อบางเบาที่สุดก่อน Step 6 Serums : เพื่อแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุดยิ่งขึ้น อย่างเช่นเรื่องสิว รอยสิว ริ้วรอยร่องลึก หรือ จุดด่างดำ Step 7 Sheet Masks : มาสก์บำรุงอย่างล้ำลึก เพื่อเก็บสารอาหารและความชุ่มชื้นไว้ในผิวให้ยาวนาน Step 8 Eye Cream : บำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาให้สดใส เพื่อให้สุขภาพดีไม่ดูแก่ Step 9 Moisturizer : ขั้นตอนเติมน้ำให้ผิว ให้ผิวอิ่มน้ำ มีน้ำมีนวล Step 10 Sun Protection หรือ Sleeping Mask : ขั้นตอนปกป้องผิว ถ้าเป็นตอนกลางวันจะเป็นหน้าที่ของครีมกันแดด แต่ถ้ากลางคือเราจะใช้สลีปปิ้งมาสก์กักเก็บความชุ่มชื้นยาวนานตลอดคืนนั่นเองค่า Top 5 สกินแคร์ใช้ดี สุขภาพผิวดีขึ้นได้เหมือนเสก!Mamonde Rose Water Toner
เหมาะกับผิวแบบไหน : ทุกสภาพผิว ราคา : 790 บาท (250 ml) Source :
1 Paula Choice's Resist Whitening Essence
เหมาะกับผิวแบบไหน : ทุกสภาพผิว ราคา : 1,350 บาท (30 ml) Source :
1 Herbivore Pink Cloud Rosewater Moisture Crème
เหมาะกับผิวแบบไหน : ทุกสภาพผิว ราคา : 1,850 บาท (50 ml) Source
: 1 Clarins Double Serum Complete Age Control Concentrate
เหมาะกับผิวแบบไหน : ทุกสภาพผิว ราคา : 3,920 บาท (50 ml) Source :
1 Neogen Bio-Peel Gauze Peeling Wine
เหมาะกับผิวแบบไหน : ผิวมันและผิวผสม ราคา : 710 บาท (30 แผ่น) Source :
1 รู้จักสกินแคร์แบบละเอียดไปแล้ว คราวนี้ก็เลือกเนื้อสัมผัสที่ใช่ ส่วนผสมที่ชอบ ให้เหมาะกับผิวของแต่ละคนได้แล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาใช้แล้วแพ้ ใช้แล้วผิวแห้งอีก ที่สำคัญเรายังเลือกสกินแคร์ที่โดนใจ ฟื้นฟูปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้แบบชัวร์ ๆ มาให้ด้วย เผื่อใครที่ยังลังเลว่าตัวไหนดีจริงไม่จริง และอยากให้จำไว้อีกอย่างนะคะว่าของแพงไม่จำเป็นต้องดี ของดีไม่จำเป็นต้องแพง ยุคนี้แล้วสาว ๆ ควรเลือกสกินแคร์ให้เป็น พยายามดูส่วนผสมที่แนะนำเข้าไว้ ถ้าได้แบบนี้แล้ว รับรองผิวสวยใสไม่มีริ้วรอยมากวนใจจะไปไหนรอด แต่ถ้าใครยังไม่จุใจเรามีบทความดี ๆ มาให้ดูกันต่อ
|