2. เรื่องของแอปพลิเคชันสำหรับในเรื่องของแอปพลิเคชัน จาก mac OS นั้นสามารถเข้าถึงแอปได้อย่างทั่วไปและหลากหลาย แต่ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการนี้นั้นมักจะเป็นผู้ที่ต้องการแอปเฉพาะทางที่มีความเสถียรสูงสุดบนระบบปฏิบัติการนี้ เช่นในกลุ่มของสายผู้ผลิตเพลงซึ่งทาง mac OS นั้นก็ให้ซอฟต์แวร์ Logic Pro ระดับไฮเอนด์จากแบรนด์ Apple เอง รวมถึงแอป GarageBand ที่ใช้งานง่ายในระบบปฏิบัติการนี้ หรือจะเป็นสายงานของกราฟิกและตัดต่อ ที่ต้องใช้โปรแกรมตัดต่อรูปภาพและวิดีโอ ก็สามารถใช้งานแอปยอดนิยมของ Apple เท่านั้น เช่น Final Cut Pro และ Pixelmator ได้อีกด้วย และอย่างที่บอกไปข้างต้นด้วยความรวดเร็วของระบบนี้ ผู้คนจำนวนมากในสายงานกราฟิกจึงเลือกระบบนี้มาใช้งานมากกว่าระบบปฏิบัติการ Windows เสียอีก แต่สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows นั้นตัวแอปพลิเคชันที่ทำออกมาเพื่อรองรับการทำงานของสายงานอื่น ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรซึ่งไม่ว่าจะซื้อไปเพื่อใช้ทำงานอะไรนั้นก็สามารถทำได้อย่างสบาย ๆ แต่ถ้าจะมีเรื่องของแอปที่สามารถเอาชนะระบบ mac OS แบบขาดรอยนั้นก็ต้องเรื่องของแอปพลิเคชัน เกม นั่นเอง เพราะตัวของระบบ Windows นั้นเรียกได้ว่าสามารถรองรับและเล่นเกมได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกมระดับทั่วไปจนไปถึงเกมระดับ AAA ก็สามารถหาซื้อ หาโหลดมาเล่นกันได้อย่างสบาย เรียกได้ว่าใครที่กำลังอยากจะหาซื้อระบบปฏิบัติการเพื่อนำมาเล่นเกม รวมไปถึงการเอาดีทางด้านของการสตรีมมิ่งนั้น ระบบปฏิบัติการอย่าง Windows นั้นคือสิ่งที่คุณต้องเลือกมาใช้งานเลยล่ะครับ 3. เรื่องของงบในกระเป๋าและที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการตัดสินใจซื้อนั้นก็ต้องเป็นเรื่องของ งบในกระเป๋า ว่าเรานั้นมีต้นทุน หรือเงินเก็บที่จะนำไปซื้อนั้นมีเท่าไหร่ โดยตัวของ Macbook ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ mac OS นั้น ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ราว ๆ สองหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งทางด้านของระบบปฏิบัติการอย่าง Windows นั้นที่มีอยู่ในโน๊ตบุ๊คของทุกแบรนด์นั้นก็สามารถเลือกใช้งานได้ตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักแสน ซึ่งก็ต้องตรวจสอบเงินในกระเป๋าของเราให้ดี ๆ ว่าสามารถซื้อมาใช้งานได้หรือไม่ หรือว่าเมื่อซื้อมาแล้วสามารถตจ่อยอดงานที่เราทำให้ผลกำไรนั้นงอกเงยตามมาหรือไม่ ซึ่งหากงานที่ทำนั้นต้องการระบบแบบใดก็ลงทุนครั้งเดียวให้ได้ที่ต้องการกับงานของตัวเอง เรียกว่าเจ็บแต่จบ ครั้งเดียวคุ้มใช้ยาว ๆ ไปเลยครับ เป็นยังไงกันบ้างครับกับ macOS vs Windows ระบบปฏิบัติการไหนน่าใช้กว่ากัน ที่ทาง Mercular นั้นได้นำมาเสนอให้แก่ทุกคน ซึ่งการเลือกซื้อทั้งสามปัจจัยนี้ก็ถือว่าเป็นปัจจัยใหญ่ ๆ ที่เอามาลองช่างน้ำหนักดูเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อระบบปฏิบัติการทั้งสองนี้มาใช้งาน ใครที่สะดวกและจำเป็นแบบไหนนั้น ก็จัดระบบฏิบัติการที่ชอบมาใช้งานกันเลยครับ macOS คือระบบปฏิบัติการที่เป็นหัวใจสำคัญของ Mac ทุกเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้ในแบบที่คุณจะไม่มีวันพบจากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนๆ นั่นเป็นเพราะ macOS และฮาร์ดแวร์ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำงานร่วมกันโดยเฉพาะ และ macOS เองก็มาพร้อมแอพมากมายที่ล้วนออกแบบมาอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังทำงานควบคู่กับ iCloud ในการทำให้รูปภาพ เอกสาร
และไฟล์ประเภทอื่นๆ บนอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณตรงกันและอัพเดทอยู่เสมอ ผลก็คือ Mac ของคุณจะสามารถทำงานร่วมกับ iPhone และอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ยิ่งกว่านั้นยังผ่านกระบวนการคิดและ คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นสำคัญอีกด้วย แมคโอเอส (อังกฤษ: macOS) ก่อนหน้าเรียกว่า แมคโอเอสเท็น (อังกฤษ: Mac OS X) ถึงปี 2554 และ โอเอสเทน (อังกฤษ: OS X) ถึงปี 2559 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดในตระกูล แมคโอเอสสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2001 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ แกนกลาง ดาร์วิน (Darwin) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานแบบยูนิกซ์ที่เป็นโอเพนซอร์ส และส่วนติดต่อผู้ใช้แบบ อควา (Aqua) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทแอปเปิล Apple Inc. ยังได้สร้างแมคโอเอสรุ่นปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ในอุปกรณ์ของตัวเองอีก 5 ตัวได้แก่ AppleTV, iPhone, iPod, iPad, iWatch โดยที่ iPhone, iPod, iPad จะใช้รุ่นของแมคโอเอสที่เรียกว่า iOS ซึ่งระบบปฏิบัติการที่แก้ไขนี้จะมีแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไดรเวอร์และส่วนประกอบอื่นที่ไม่จำเป็นจะถูกนำออกไป ส่วน AppleTV และ iWatch จะมีการพัฒนาแยกออกมาต่างหาก การเรียกชื่อระบบปฏิบัติการของแอปเปิลครั้งก่อนในช่วงใช้ชื่อ OS X นั้น โดยตัวอักษร "X" หมายถึงเลขสิบในระบบโรมัน และอ่านออกเสียงว่า "เท็น" (Ten, แปลว่า "สิบ" ในภาษาอังกฤษ) แสดงถึงรุ่นที่ต่อมาจากแมคโอเอสตัวก่อนหน้าคือ แมคโอเอส 9 นอกจากนี้ตัวอักษร X ยังแสดงถึงความเป็นยูนิกซ์ (UNIX) ในตัวระบบปฏิบัติการด้วย แอปเปิลเองได้มีวิธีการเรียกชื่อแมคโอเอสเท็นถึงสามวิธี
สังเกตว่า "รหัสในการพัฒนา" นั้นจะเป็น "ชื่อสัตว์ในตระกูลเสือ" มาจนถึง OS X 10.8 "Mountain Lion" แต่ในตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา OS X จึงได้ใช้ชื่อเรียกจากตระกูลเสือนั้น มาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มจาก OS X Mavericks ก่อน แล้วใช้แบบนั้นเรื่อยมาจนถึง macOS Mojave ต่อจากนั้น ในงาน WWDC 2016 ทางบริษัทแอปเปิลได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก OS X เป็น macOS ให้สอดคล้องกับ iOS, tvOS, watchOS และสามารถเรียกได้ง่ายขึ้น ซับซ้อนน้อยลง แต่ยังคงใช้โค๊ดเนมในสถานที่ท่องเที่ยวที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่เช่นเคยโดยเริ่มต้นที่ macOS Sierra ในยุคแรกนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ของแมคจะใช้ CPU ตระกูล PowerPC ของ IBM เป็นหลักและซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการก็เขียนขึ้นเป็นการเฉพาะ จนเมื่่อปี 2006 แอปเปิลได้หันมาใช้ CPU ในตระกูล x86 ของ Intel แทนจนถึงปัจจุบัน ทำให้การพัฒนาซอฟท์แวร์ต้องเปลี่ยนโครงสร้างอีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นระบบปฏิบัติการแบบ 64 บิตอยู่เหมือนเดิม (ซึ่งน่าจะทำให้ระบบมีความเสถียรและทำงานแบบ Multitasking ได้เหนือกว่าวินโดว์ ภายหลังไมโครซอฟท์จึงพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบ 64 บิตตามมาบ้าง) และปี 2018 มีข่าวลือว่า แอปเปิลเตรียมเปลี่ยน CPU ของเครื่องคอมพิวเตอร์ตระกูลแมค จากปัจจุบันใช้ CPU Intel มาเป็น CPU ตระกูล A ของแอปเปิลที่ออกแบบเองในปี 2020 เป็นอย่างเร็ว โครงการนี้มีโค้ดเนมว่า Kalamata อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหญ่ที่ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลทั้งหมด จะต้องทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลทุกตัวไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch, Apple TV ต่างใช้ CPU ที่ออกแบบและผลิตโดยแอปเปิลหมดแล้ว เหลือเพียงคอมพิวเตอร์ตระกูลแมคอินทอชเท่านั้นที่ยังใช้ซีพียูของบริษัทอื่นอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการยืนยันว่าแอปเปิลจะเดินหน้าตามแผนนี้ 100% และอาจยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอีก เมื่อปลายปีที่แล้ว Bloomberg เคยรายงานข่าวลือของโครงการ Marzipan ที่จะรวม App Store ของ iOS และ macOS เป็นหนึ่งเดียวกัน และเปิดให้รันแอพจาก iOS บนเครื่องแมคได้ โดยเครื่องแมคบางรุ่นในช่วงหลังเริ่มมี co-processor ที่เป็นสถาปัตยกรรม ARM ใส่เข้ามาแล้ว ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ มีคำถามจากหลายๆ คนว่า ใช้คอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการไหนดีกว่ากัน? คำตอบต่อไปนี้ของผม เป็นคำตอบในฐานะที่ไม่ใช่สาวกของค่ายใด และเคยใช้มาทั้ง Windows, macOS, Linux ตอบฟันธงลงไปไม่ได้ง่ายๆ ดอกครับ มันมีเงื่อนไขที่ต้องนำมาเทียบกัน เช่น การใช้งานทั่วไป (อินเทอร์เน็ต โซเชียล ติดต่อสื่อสาร งานเอกสารนิดหน่อย) การใช้งานด้านเอกสารสิ่งพิมพ์ การใช้งานด้านตกแต่งภาพ การใช้งานด้านตัดต่อมัลติมีเดีย การเขียนโปรแกรม ทุกงานต้องการความเสถียรของระบบแตกต่างกัน รวมทั้งซอฟท์แวร์ที่เลือกใช้ก็มีต่างกันด้วย
ก็เลือกใช้งานตามสะดวกนะครับ บางคนบอกว่าใช้วินโดว์สิถูกกว่า เห็นไหมโน้ตบุ๊คราคาแค่หมื่นกว่าบาทก็มีใช้ได้เหมือนกัน แต่พอเป็นแม็คบุ๊คราคาสี่ห้าหมื่นขึ้นไปทั้งนั้น ถ้าคิดเปรียบเทียบง่ายๆ แบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ เพราะ
|