ปกติผู้หญิงสามารถมีตกขาวได้ โดยลักษณะของตกขาวปกติ จะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของรอบเดือน ช่วงก่อนไข่ตก (ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา) จะมีลักษณะเป็นมูกใสยืด ส่วนหลังไข่ตก จะเปลี่ยนเป็นลักษณะสีขาวคล้ายแป้ง อย่างไรก็ตาม ตกขาวปกติจะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบช่องคลอด ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีอาการอื่น เช่น ปวดท้องน้อย หรือเป็นไข้ ร่วมด้วย ถ้าตกขาวมีลักษณะผิดไปจากนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไปได้หลายสาเหตุ จะมีลักษณะตกขาวต่างกันไปตามเชื้อที่เป็นสาเหตุ เช่น ตกขาวเหมือนแป้งเปียกเป็นก้อนคล้ายคราบนมเด็กร่วมกับมีอาการคันมาก มักเกิดจากเชื้อรา ตกขาวสีเหลืองมีกลิ่นเหม็น มีอาการปวดท้อง มีไข้ร่วมด้วย เกิดจากอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ตกขาวสีขาวเทามีกลิ่นคาวปลา เกิดจากไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด โดยการรักษานั้น จะรักษาตามสาเหตุ ดังนั้น หากมีลักษณะตกขาวผิดปกติไป ควรไปพบสูตินรีแพทย์ตรวจภายในเพื่อจะได้รักษาตรงสาเหตุ น้องสาวมีตกขาวผิดปกติ คัน เกิดจากอะไร? ต้นตอของปัญหาตกขาวจากการติดเชื้อราคืออะไร? ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดตกขาวผิดปกติ คัน จากเชื้อรา เช่น ความอับชื้น โดยความชื้นจะทำให้เชื้อราเติบโตได้ดี การรับประทานยาฆ่าเชื้ออาจมีผลทำให้แบคทีเรียเจ้าถิ่นในช่องคลอดตายลง ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตขึ้นมาแทน ภาวะในช่องคลอดของคนที่เป็นเบาหวาน จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เป็นต้น น้องสาวมีตกขาวผิดปกติ คัน ทำอย่างไรดี? การรักษาเชื้อราในช่องคลอดทำอย่างไร? นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ควรสังเกตว่า ตนเองมีพฤติกรรมอะไรที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องคลอด เช่น ดูน้ำตาลในเลือดว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ การรับประทานยาฆ่าเชื้อที่ไม่เหมาะสม การทำความสะอาดบริเวณน้องสาวที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ และเมื่อพบสาเหตุแล้ว ก็ควรปรับพฤติกรรมเหล่านี้ รักษาความสะอาดของน้องสาวให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะนี้เกิดเป็นซ้ำอีก การปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เช่น การสวมใส่กางเกงในที่ผ้าโปร่งสบาย ไม่อับชื้น หลังทำความสะอาดอวัยวะเพศควรเช็ดให้แห้งทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการกินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น ตกขาว ภาวะที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม? ตกขาวเป็นปัญหาที่พบบ่อยในสตรี หมายถึงภาวะที่มีของเหลวออกมาทางช่องคลอด อาจก่อความรำคาญ รู้สึกเหนอะหนะ และอาจมีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น คันช่องคลอด ระคายเคือง แสบขัดเวลาปัสสาวะ เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกทางช่องคลอด หรืออาจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ตกขาวปกติ ตกขาวที่มีลักษณะปกติจะมีสีใสหรือสีขาวบ้างเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น อาจมีปริมาณมากในช่วงกลางรอบเดือนที่มีการตกไข่ หรือก่อนมีประจำเดือนและหลังมีประจำเดือน หากเป็นตกขาวปกติไม่มีอันตราย แต่ถ้าหากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคบางอย่างที่ควรได้รับการรักษา สาเหตุของการตกขาวผิดปกติ 1. ตกขาวจากแบคทีเรีย
2. ตกขาวจากเชื้อรา
3. ตกขาวจากโปรโตซัว (ควรรักษาคู่นอนร่วมด้วย)
การรักษา
วิธีการใช้ยาเหน็บช่องคลอด
คำแนะนำเพิ่มเติม
แหล่งที่มา: ขอบคุณบทความดีๆ จาก พบตกขาวผิดปกติ อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาเรื้อรัง ตรวจสุขภาพสตรีด้วย โปรแกรม Horo Healthy แพคเกจเฉพาะทางตรวจภายใจและมะเร็งปากมดลูก ด้วย Liquid Prep Test ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ตกขาวสามารถหายเองได้ไหมตกขาวจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) เป็นอาการที่สามารถหายไปได้เอง หากผู้ป่วยไม่มีอาการใด ๆ ที่เป็นปัญหาและไม่ได้ตั้งครรภ์ก็อาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ส่วนในรายที่มีอาการ ส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ดังนี้
ตกขาวรักษากี่วันการรักษาตกขาวผิดปกติ ยาที่ใช้สำหรับช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ได้ทั้งวิธีรับประทานหรือสอดเข้าช่องคลอด เช่น Metronidazole 500 mg รับประทาน วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
ยาอะไรรักษาตกขาววิธีการรักษาตกขาว. รับประทานยาเมโทรนิดาโซลครั้งละ 2,000 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว (หรือ 500/400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5-7 วัน หรือ 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน). ในรายที่แพ้ยาเมโทรนิดาโซล อาจให้ใช้เป็นยาทาโคลไตรมาโซล (Topical clotrimazole) แทนโดยการสอดทางช่องคลอด นาน 6 วัน. ตกขาวมามากเกิดจากอะไรเชื้อราในช่องคลอด ตกขาวจะมีลักษณะสีขาวขุ่นเป็นก้อน ๆ ออกมาจำนวนมาก บางครั้งอาจมีสีเขียวจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย อาการที่เป็นลักษณะเด่น คือ คันบริเวณช่องคลอด หรืออวัยวะเพศ บางรายเกาจนเกิดเป็นแผล ทำให้แสบเวลาขับถ่ายปัสสาวะหรือโดนน้ำ
|