ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวนั้น มีส่วนช่วยในการพัฒนาทักษะของผู้เรียนทุกคนได้เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยอาจารย์ผู้สอนสามารถเข้าถึงผู้เรียนแต่ละท่านได้ตรงจุด ทำให้อาจารย์สามารถแก้ไข และให้คำแนะนำต่อผู้เรียนได้โดยตรง ทำให้เกิดการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลชัดเจน แต่การเรียน Show
ภาษาอังกฤษตัวต่อตัวนั้นเหมาะกับใครบ้างนะ? จะเหมาะสมกับทุกคนเลยไหม ไปดูกันค่ะ 1. เหมาะกับเด็กสำหรับวัยนี้เป็นช่วงกำลังเติบโตและมีความจำค่อนข้างดี การให้น้อง ๆ ได้เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวตั้งแต่วัยเด็ก จะทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ ไปกับพัฒนาการของวัยเด็กอีกด้วย นอกจากนั้น การสอนภาษาอังกฤษเด็ก เป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ อาจารย์ผู้สอนต้องมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญในการปรับระดับทักษะทางภาษาให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละท่าน อีกทั้งยังต้องสร้างความสนใจในบทเรียน และมีวิธีหรือเทคนิคพิเศษที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเด็กที่มีลักษณะนิสัยต่างกันไป เพื่อให้เด็ก ๆ เกิดความชอบ และความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ 2. ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านในด้านหนึ่งเป็นพิเศษการที่ผู้เรียนต้องการเน้นพัฒนาทักษะใด ทักษะหนึ่งเป็นพิเศษ จะต้องให้อาจารย์คอยสังเกตพัฒนาการในการเรียน สังเกตทักษะภาษาอังกฤษของผู้เรียนแต่ละท่าน เพื่อให้ทราบจุดแข็ง และจุดอ่อน ซึ่งอาจารย์จะสามารถให้ความรู้ ให้คำแนะนำ คอยแก้ไข และชี้แนะผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาได้อย่างตรงจุด และรวดเร็วตามจุดประสงค์ของผู้เรียน โดยเฉพาะการเรียนฟังและพูดภาษาอังกฤษ หรือเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษเบื้องต้น เนื่องจากผู้เรียนจะต้องนำความรู้ภาษาอังกฤษมาประมวลผล โดยการพูดออกมา และจะต้องอาศัยการโต้ตอบกลับในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา ซึ่งการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว จะมีอาจารย์คอยช่วยเหลือ และเป็นผู้ฝึกสนทนาทางภาษาให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด 3. ผู้ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานการปรับพื้นฐานทางภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเรียนภาษา ซึ่งการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว อาจารย์ผู้สอนจะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ขั้นพื้นฐาน หรือสิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ทางภาษาอังกฤษ เพื่อจะช่วยให้ผู้เรียนได้ต่อยอดในการเรียนขั้นต่อ ๆ ไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าผู้เรียนจะอยู่ในวัยไหนหรือต้องการเรียนภาษาอังกฤษแบบใด การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวจะส่งผลอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ และการพัฒนาภาษาอังกฤษ เนื่องจากผู้เรียนและผู้สอนจะเกิดปฏิสัมพันธ์กันได้เต็มที่ ทำให้อาจารย์เอาใจใส่ผู้เรียนแต่ละท่านได้ คอยช่วยเหลือ และแนะนำได้อย่างเหมาะสม และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้เรียนเองจะต้องเปิดใจ ตั้งใจ และมีเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน จะทำให้ประสบผลสำเร็จตามที่ผู้เรียนต้องการด้วยค่ะ ?’ หนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้ที่กำลังมองหาคอร์สเรียนอังกฤษออนไลน์ ไม่ต้องกังวลกันอีกต่อไป เพราะวันนี้ AUA มี 5 ทริคการเลือกสถาบันสำหรับเรียนอังกฤษออนไลน์ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์มาฝากกัน จะมีเทคนิคการเลือก น่ารู้ใดบ้าง มาเริ่มกันเลย1. พิจารณามาตรฐานของสถาบันและผู้สอนก้าวแรกที่สำคัญในการเลือกสถาบันสอนภาษาออนไลน์ให้คุ้มค่า แน่นอนว่าต้องพิจารณามาตรฐานของสถาบันและผู้สอนอย่างถี่ถ้วน โดยสำหรับทริคการพิจารณามาตรฐานของสถาบันและผู้สอน ผู้เรียนอาจเริ่มจากการศึกษาความเป็นมาและแนวคิด-แนวทางการสอนของสถาบันเป็นลำดับแรก ตรวจสอบดูว่าสถาบันเปิดมายาวนานและมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด สถาบันที่เปิดมายาวนานมีแนวโน้มที่จะมีการดำเนินงานและการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานมากกว่าสถาบันใหม่ เพราะผ่านการลองผิดลองถูก (trial and error) กันมาก่อนอย่างต่อเนื่อง รู้ว่าแนวทางการสอนใดที่อาจไม่เวิร์ก และแนวทางการสอนใดที่เห็นผล นอกจากนี้ ผู้เรียนยังควรตรวจสอบมาตรฐานของผู้สอนเพิ่มเติม โดยอาจพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้สอนในเว็บไซต์ของสถาบัน, ข้อกำหนดคุณสมบัติผู้สอนของสถาบัน (มักปรากฏในหน้าประกาศรับสมัครผู้สอน), ตลอดจน Testimonials ของผู้เรียนในอดีต ตัวอย่าง เช่น สำหรับผู้สอนของ AUA เรากำหนดว่าจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
2. มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี 3. มีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถและมาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ (Teaching English as a Foreign Language: TEFL) ตามมาตรฐานสากล จากหลักสูตรรับรอง 120 ชั่วโมง แบบตัวต่อตัว (face-to-face) จาก องค์กร อาทิ SIT, CELTA 2. เลือกสถาบันที่มี ‘การสอบวัดระดับก่อนเรียน’แม้สถาบันและบุคลากรจะมีชื่อเสียงและมาตรฐานมากเพียงใด แต่ถ้า ‘คอร์สเรียน’ ไม่ตอบโจทย์ ท้ายที่สุดการเรียนก็จะไม่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถบรรลุเป้าประสงค์ของตนเองได้อย่างถ่องแท้ ในการเลือกคอร์สเรียนออนไลน์ นอกเหนือจากการพิจารณาสถาบัน ผู้เรียนยังควรโฟกัสที่ ‘รายละเอียดคอร์สอบรมภาษาอังกฤษ’ ของแต่ละสถาบันร่วมด้วย ดูว่าสอดคล้องกับเป้าหมายในการเรียนของเรามากน้อยแค่ไหน โดยรายละเอียดที่ว่า สามารถเป็นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบทเรียน, ลักษณะการเรียนการสอน, การฝึกฝน ฯลฯ เช่น หากเราต้องการเรียนสนทนาภาษาอังกฤษ อย่างน้อยที่สุดครูผู้สอนก็ควรเป็น ‘เจ้าของภาษา’ หรือมีทักษะการพูดเทียบเท่าเจ้าของภาษา ตลอดจนมีลักษณะบทเรียน-เนื้อหาที่จะช่วยให้เราได้ฝึกฝนสนทนาอย่างตอบโจทย์และต่อเนื่อง 3. โฟกัสที่รายละเอียดคอร์ส ตอบโจทย์หรือเปล่า?แม้สถาบันและบุคลากรจะมีชื่อเสียงและมาตรฐานมากเพียงใด แต่ถ้า ‘คอร์สเรียน’ ไม่ตอบโจทย์ ท้ายที่สุดการเรียนก็จะไม่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถบรรลุเป้าประสงค์ของตนเองได้อย่างถ่องแท้ ในการเลือกคอร์สเรียนออนไลน์ นอกเหนือจากการพิจารณาสถาบัน ผู้เรียนยังควรโฟกัสที่ ‘รายละเอียดคอร์สอบรมภาษาอังกฤษ’ ของแต่ละสถาบันร่วมด้วย ดูว่าสอดคล้องกับเป้าหมายในการเรียนของเรามากน้อยแค่ไหน โดยรายละเอียดที่ว่า สามารถเป็นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบทเรียน, ลักษณะการเรียนการสอน, การฝึกฝน ฯลฯ เช่น หากเราต้องการเรียนสนทนาภาษาอังกฤษ อย่างน้อยที่สุดครูผู้สอนก็ควรเป็น ‘เจ้าของภาษา’ หรือมีทักษะการพูดเทียบเท่าเจ้าของภาษา ตลอดจนมีลักษณะบทเรียน-เนื้อหาที่จะช่วยให้เราได้ฝึกฝนสนทนาอย่างตอบโจทย์และต่อเนื่อง 4.ออนไลน์แบบ VDO หรือ Live Stream?นอกจากดูลักษณะของคอร์ส ผู้เรียนยังควรพิจารณาว่าตัวเองต้องการระบบการเรียนออนไลน์แบบใด? VDO, Live Stream หรือทั้งสองแบบผสมผสานกัน? ระบบการเรียนออนไลน์แบบ VDO ของสถาบันส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในรูปแบบแพลตฟอร์มส่วนตัวของสถาบัน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเริ่มบทเรียนและทบทวนได้ตลอด 24 ชม. เหมาะกับคนที่มีตารางเวลาไม่แน่นอน ต้องการความยืดหยุ่น ในขณะที่การเรียนแบบ Live Stream ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้สอนและผู้เรียน ตลอดจนระหว่างผู้เรียนกันเอง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทำกิจกรรมการฝึกฝนเชิงสนทนา-โต้ตอบ (interactive) ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับคอร์สที่ต้องอาศัยการฝึกฝนเชิงปฏิบัติและโต้ตอบ เช่น คอร์สสนทนา เป็นต้น 5. อย่าลืมดูสถาบันที่ให้ Certificateสำหรับผู้เรียนวัยทำงาน การเลือกเรียนกับสถาบันที่ได้มาตรฐานยังมีข้อดี คือ ส่วนใหญ่จะมีใบประกาศนียบัตร (Certificate) ให้ด้วย ช่วยรับรองผลการเรียนและขยายเส้นทางอาชีพของเราให้หลากหลายหรือมีระดับสูงขึ้น ใบ Certificate ที่ดียังควรสามารถนำมาเทียบกับคะแนน CEFR หรือ เกณฑ์มาตรฐานสากลที่ใช้อธิบายระดับความเชี่ยวชาญทางภาษาได้ เช่น ใบ Certificate ของ AUA ที่จะมอบให้กับผู้เรียนในทุกระดับเมื่อเรียนจบคอร์ส ABOUT AUA LANGUAGE CENTER
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2495 ณ วังสราญรมย์ โดยสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกัน ปัจจุบัน สถาบันสอนภาษา เอยูเอ (AUA Language Center) มีการเปิดสอนในหลากหลายหลักสูตรและสาขาทั่วประเทศไทย มุ่งมั่นมอบโอกาสในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้กับบุคคลทุกคน ภายใต้มาตรฐานการสอนและบุคลากรที่มีคุณภาพ มอบแนวทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย, ยืดหยุ่น, พร้อมต่อยอดและใช้งานได้จริง เรียนอังกฤษกับใครดีรวม 10 สถาบันสอนภาษาอังกฤษ ที่ไหนดี สอนดี มีมาตรฐาน เรียนได้ทุกเวลา ประจำปี 2022. New Stamford School.. Globish.. Jigsaw English.. Engduo Thailand.. Engoo.. Wall Street English Thailand.. EF Education First.. Modulo.. เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่ไหน ดี 2022รีวิว คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ปี 2022. คอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่ไหนดี?. วิธีการเลือกคอร์สภาษาอังกฤษ ... . คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ British Council.. คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ Wall Street English.. คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ XCHANGE English.. คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ Learnovate.. คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ OpenDurian.. คอร์สอังกฤษเรียนที่ไหนดี10 อันดับ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่ไหนดี คอร์สพื้นฐาน TOEIC, IELTS. British Council.. Wall Street English.. California English.. Xchange English.. Globish Academia.. เรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว ที่ไหนดีเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวที่ไหนดี?. ภาษาอังกฤษทั่วไป – ได้ทุกแพลตฟอร์ม. ภาษาอังกฤษเตรียมสอบ – British Council, Live Lingua.. ภาษาอังกฤษเฉพาะทาง – Live Lingua, Preply.. มาตรฐานสูงที่สุด – British Council, Lingoda.. ความสะดวกสบาย – British Council, Lingoda, Preply.. เรียนแบบชิวๆ เหมือนคุยกับเพื่อน – Italki.. |