การประมวลผลข้อมูลเมื่อ : วันพฤหัสบดี, 10 กันยายน 2563 การประมวลผลข้อมูล 1 ความหมายของข้อมูล ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริง (fact) ที่อยู่ในรูปแบบตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์พิเศษ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ซึ่งสามารถบันทึกไว้อย่างต่อเนื่องและมีความหมายอยู่ในตัว เช่น ชื่อนักเรียน อายุ เพศ จำนวนประชากร ปริมาณน้ำฝน เป็นต้น ข้อมูลจะมีอยู่จำนวนมาก และจะถูกนำไปประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย ภาพ ข้อมูลและการประมวลผล ประเภทของข้อมูล สามารถแบ่งประเภทข้อมูลได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความต้องการ ลักษณะของข้อมูลที่นำไปใช้และเกณฑ์ที่นำมาพิจารณา
- ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) คือ ข้อมูลที่ได้จากจุดกำเนิดของข้อมูลนั้นๆ เป็นการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรงด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทึก ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งข้อมูลปฐมภูมิจัดเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ตัวอย่างข้อมูลปฐมภูมิ ได้แก่ ข้อมูลการมาโรงเรียนสายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งได้จากการจดบันทึกในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา - ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) คือ การนำข้อมูลที่ผู้อื่นได้เก็บรวบรวมหรือบันทึกไว้แล้วมาใช้งาน ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเก็บรวบรวมหรือบันทึกด้วยตนเอง จัดเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต มักผ่านการประมวลผลแล้ว บางครั้งจึงไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และข้อมูลที่ได้มีความคลาดเคลื่อน ไม่ทันสมัย ตัวอย่างข้อมูลทุติยภูมิ ได้แก่ สถิติการมาโรงเรียนสายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ. 2551
- ข้อมูลตัวอักษร (Text Data) เช่น ตัวหนังสือ ตัวเลข และสัญลักษณ์ ข้อมูลประเภทนี้มักมีนามสกุลต่อท้ายไฟล์เป็น .txt และ .doc - ข้อมูลภาพ (Image Data) เช่น ภาพกราฟิกต่างๆ และภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล ข้อมูลประเภทนี้มักมีนามสกุลต่อท้ายไฟล์เป็น .bmp .gif และ .jpg - ข้อมูลเสียง (Sound Data) เช่น เสียงพูด เสียงดนตรี และเสียงเพลง ข้อมูลประเภทนี้มักมีนามสกุลต่อท้ายชื่อไฟล์เป็น .wav .mp3 - ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (Video Data) เช่นภาพเคลื่อนไหว ภาพมิวสิควีดิโอ ภาพยนตร์ คลิปวีดีโอ ข้อมูลประเภทนี้มักมีนามสกุลต่อท้ายชื่อไฟล์เป็น .avi .mov
- ข้อมูลเชิงจำนวน (Numeric Data) มีลักษณะเป็นตัวเลขที่สามารถนำมาคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์ได้ เช่น จำนวนเงินในกระเป๋า จำนวนค่าโดยสารรถประจำทาง และจำนวนนักเรียนในห้องเรียน - ข้อมูลอักขระ (Character Data) มีลักษณะเป็นตัวอักษร ตัวหนังสือ และสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งสามารถนำเสนอข้อมูลและเรียงลำดับได้แต่ไม่สามารถนำมาคำนวณได้ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บ้าน และชื่อของนักเรียน - ข้อมูลกราฟิก (Graphical Data) เป็นข้อมูลที่เกิดจากจุดพิกัดทางคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดรูปภาพหรือแผนที่ เช่น เครื่องหมายการค้า แบบก่อสร้างอาคาร และกราฟ - ข้อมูลภาพลักษณ์ (Image Data) เป็นข้อมูลแสดงความเข้มและสีของรูปภาพที่เกิดจากการสแกนของสแกนเนอร์เป็นหลัก ซึ่งสามารถนำเสนอข้อมูล ย่อหรือขยาย และตัดต่อได้ แต่ไม่สามารถนำมาคำนวณหรือดำเนินการอย่างอื่นได้ แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. ครูปรานอม หยวกทอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://sites.google.com/site/kroonom/khwam-hmay-khxng-thekhnoloyi Return to contents การประมวลผลข้อมูล 2 ลักษณะของข้อมูลที่ดี ข้อมูลที่ดีจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติที่สำคัญๆ ดังนี้คือ
วิธีการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหรือจัดระเบียบข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ข้อมูลโดยทั่วไปเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบจากขบวนการนับหรือการวัด ไม่สามารถสื่อความหมายให้เข้าใจหรือใช้ประโยชน์ได้ การประมวลผลจึงเป็นวิธีการนำข้อมูล (Data) กลายสภาพเป็นสารสนเทศ (Information) ที่มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ซึ่งวิธีการประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ มีหลายวิธี ดังนี้
ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล
- งานบรรณาธิกรเบื้องต้น (Preliminary Editing) คือ การนำข้อมูลที่รวบรวมได้ของแต่ละหน่วยงานมาตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วน และทำการปรับปรุงแก้ไขในกรณีที่เอกสารมีข้อผิดพลาดต้องแก้ไขใหม่ ถ้าเป็นข้อมูลที่สำคัญ เช่นตัวเลขทางการเงินที่จะยอมให้คลาดเคลื่อนไม่ได้ควรส่งไปยังแหล่งที่ให้เอกสารข้อมูลทำการแก้ไขปรับปรุง การบรรณาธิกรเบื้องต้นนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพราะถ้าข้อมูลผิดพลาดย่อมทำให้ผลสรุป หรือรายงานที่ได้ผิดพลาดไปด้วย - การลงรหัส (Coding) หมายถึง การใช้รหัสแทนข้อมูล เช่น จากข้อมูลเกี่ยวกับภูมิลำเนาของนักศึกษาอาจจำแนกได้เป็นเขตๆ
วิธีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ มี 2 วิธี
ซึ่งในการประมวลผลทั้งสองแบบนี้เป็นวิธีการที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยดำเนินการกับข้อมูลจำนวนมากเพื่อแยกแยะ คำนวณ หรือดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม การทำงานของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลจึงต้องมีซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอยสั่งการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในรูปแบบที่ต้องการ แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. ครูปรานอม หยวกทอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://sites.google.com/site/kroonom/khwam-hmay-khxng-thekhnoloyi Return to contents การประมวลผลข้อมูล 3 คุณสมบัติของข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลจำเป็นต้องมีความพยายามและตั้งใจดำเนินการ หรือกล่าวได้ว่าการได้มาซึ่งข้อมูลที่จะนำมาใช้ประโยชน์ องค์การจำเป็นต้องลงทุน ทั้งในด้านตัวข้อมูล เครื่องจักร และอุปกรณ์ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรขึ้นมารองรับระบบ เพื่อให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการระบบข้อมูลจึงต้องคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ และพยายามมองปัญหาแบบที่เป็นจริง สามารถดำเนินการได้ ให้ประสิทธิผลคุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่ดี ข้อมูลจะต้องมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ความถูกต้อง หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้จะทำให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้จะไม่กล้าอ้างอิงหรือนำเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุให้การตัดสินใจของผู้บริหารขาดความแม่นยำ และอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ โครงสร้างข้อมูลที่ออกแบบต้องคำนึงถึงกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด โดยปกติความผิดพลาดของสารสนเทศส่วนใหญ่ มาจากข้อมูลที่ไม่มีความถูกต้องซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากคนหรือเครื่องจักร การออกแบบระบบจึงต้องคำนึงถึงในเรื่องนี้ ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน การได้มาของข้อมูลจำเป็นต้องให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้ มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ได้เร็ว ตีความหมายสารสนเทศได้ทันต่อเหตุการณ์หรือความต้องการ มีการออกแบบระบบการเรียกค้น และรายงานตามความต้องการของผู้ใช้ ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ของสารสนเทศขึ้นกับการรวบรวมข้อมูลและวิธีการ ทางปฏิบัติด้วย ในการดำเนินการจัดทำสารสนเทศต้องสำรวจและสอบถามความต้องการใช้ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์ในระดับหนึ่งที่เหมาะสม ความชัดเจนและกะทัดรัด การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลมากจึงจำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กะทัดรัดสื่อความหมายได้ มีการใช้รหัสหรือย่นย่อข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อที่จะจัดเก็บเข้าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ความสอดคล้อง ความต้องการเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการสำรวจเพื่อหาความต้องการของหน่วยงานและองค์การ ดูสภาพการใช้ข้อมูล ความลึกหรือความกว้างของขอบเขตของข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการ การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ และการดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งานควรประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นเรื่องของการเก็บรวมรวมข้อมูลซึ่งมีจำนวนมาก และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ข้อมูลประวัติบุคลากร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น การป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ การอ่านข้อมูลจากรหัสแท่ง การตรวจใบลงทะเบียนที่มีการฝนดินสอดำในตำแหน่งต่าง ๆ เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเช่นกัน การดำเนินการประมวลผลข้อมมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ อาจประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้ การจัดแบ่งกลุ่มข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพื่อเตรียมไว้สำหรับการใช้งาน การแบ่งแยกกลุ่มมีวิธีการที่ชัดเจน เช่น ข้อมูลในโรงเรียนมีการแบ่งเป็นแฟ้มประวัตินักเรียน และแฟ้มลงทะเบียน สมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองมีการแบ่งหมวดสินค้าและบริการเพื่อความสะดวกในการค้นหา การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดแบ่งกลุ่มเป็นแฟ้มแล้ว ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลำดับ ตัวเลข หรือตัวอักษร หรือเพื่อให้เรียกใช้งานได้ง่ายประหยัดเวลา ตัวอย่างการจัดเรียงข้อมูล เช่น การจัดเรียงบัตรข้อมูลผู้แต่งหนังสือในตู้บัตรรายการของห้องสมุดตามลำดับตัวอักษร การจัดเรียงชื่อคนในสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ ทำให้ค้นหาได้ง่าย การสรุปผล บางครั้งข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้างรายงานย่อ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ข้อมูลที่สรุปได้นี้อาจสื่อความหมายได้ดีกว่า เช่น สถิติจำนวนนักเรียนแยกตามชั้นเรียนแต่ละชั้น การคำนวณ ข้อมูลที่เก็บมีเป็นจำนวนมาก ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได้ ดังนั้นการสร้างสารสนเทศจากข้อมูลจึงอาศัยการคำนวณข้อมูลที่เก็บไว้ด้วย แนวทางการดำเนินการให้ได้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการจะเริ่มจากการวิเคราะห์ความต้องการ การวิเคราะห์นี้จะได้จากการสอบถามความต้องการ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าควรจะจัดโครงสร้างข้อมูลนั้นไว้ในระบบหรือไม่ ถ้าจัดเก็บจะประกอบด้วยข้อมูลอะไร มีรายละเอียดอะไร ตอบสนองการใช้งานได้อย่างไร คำถามที่ใช้ในการสำรวจอาจประกอบด้วย 1. ข้อมูลอะไรบ้างที่มีใช้อยู่ในขณะนี้ เช่น แบบฟอร์ม รายงานหรือเอกสาร ฯลฯ ดูโครงสร้างเอกสาร หรือข่าวสาร ตลอดจนการไหลเวียนของเอกสาร 2. ข้อมูลอะไรที่จะจัดทำขึ้นได้ในขณะนี้ ซึ่งได้แก่ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว หรือสามารถจัดเก็บได้ 3. ข้อมูลอะไรที่ควรจะมีใช้เพิ่ม เพื่อให้ได้ระบบ และเป็นคำตอบที่จะตอบสนองผู้ใช้ในระดับต่าง ๆ ได้ 4. ข้อมูลอะไรที่หน่วยงานหรือส่วนต่าง ๆ ขององค์การต้องการ โดยดูจากคำถามที่หน่วยงานต่าง ๆ ถามมา 5. ข้อมูลมีความถี่ของการใช้และมีปริมาณเท่าไร ควรมีการตรวจสอบ 6. รูปแบบของการประมวลผล ควรมีการประมวลผลอะไร ให้ได้ผลลัพธ์อย่างไร 7. ใครรับผิดชอบข้อมูล ข้อมูลบางตัวจำเป็นต้องมีผู้ดูแล แหล่งที่มา ครูปรานอม หยวกทอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://sites.google.com/site/kroonom/khwam-hmay-khxng-thekhnoloyi Return to contents การประมวลผลข้อมูล 4 บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันมีความก้าวหน้าและทันสมัยเป็นอย่างมาก อีกทั้งรูปแบบการสื่อสารในปัจจุบันผ่านสื่อต่างๆมีการพัฒนาให้เป็นการสื่อสารแบบสองทิศทาง ส่งผลให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ทั้งที่มาจากในประเทศและผลกระทบที่มาจากประเทศอื่นๆ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน อาทิเช่น – การเปลี่ยนเป็นสังคมสารสนเทศ ปัจจุบันสังคมโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคม สารสนเทศ โดยคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามามีบทบาทในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การซื้อสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต การทำงานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงก่อให้เกิดสังคมออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก (Facebook) ไลน์ (Line) และ ยูทูป(YouTube) เป็นต้น – การทำงานที่ไร้เงื่อนไขของเวลาและสถานที่ เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทาง การทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา โดยการโต้ตอบผ่านระบบเครือข่าย ทำให้ขยายขอบเขตการทำงานไปทุกหนทุกแห่งและดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง – ระบบเศรษฐกิจเชื่อมโยงทั่วโลก เทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจซึ่งเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนเอื้ออำนวยให้การดำเนินการมีขอบเขตกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ระบบเศรษฐกิจของโลกจึงผูกพันกับทุกประเทศและเชื่อมโยงกันแนบแน่นขึ้น – เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานใหม่ๆ เช่น ระบบระบุพิกัดบนพื้นโลก (Global Positioning System, GPS) ซึ่งสามารถกำหนดพิกัดของสถานที่ต่าง ๆ การสำรวจ การเดินทาง และใช้เป็นระบบติดตามรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับการสืบค้นข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมทางอินเทอร์เน็ต เช่น โปรแกรม Google Earth ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Information Technology มีที่มาจากการคำว่า “เทคโนโลยี (Technology)” กับคำว่า “สารสนเทศ (Information)” โดยหากพิจารณาความหมายของแต่ละคำจะพบว่า เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง สิ่งที่ประกอบเข้าด้วยกันเพื่อช่วยในการผลิตสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์อื่นๆ ได้แก่ เทคนิค ทักษะ วิธีการ กระบวนการ ความรู้ ซึ่งอาจหมายรวมถึงชุดคำสั่งที่ติดมากับเครื่องจักร สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมีการประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง การนำเอาเทคนิค ทักษะ วิธีการ กระบวนการ หรือ ความรู้ มาใช้ในการประมวลหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการจัดการสารสนเทศมากที่สุด คือ เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีวิวัฒนาการในแต่ละยุคดังนี้ ยุคที่ 1 การประมวลผลข้อมูล (Data Processing Era) คือ ยุคนี้เป็นยุคเริ่มต้นของการใช้คอมพิวเตอร์ โดยเป็นการนำเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยในการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลของงานประจำ ยุคที่ 2 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System) คือ ยุคที่มีการพัฒนาการประมวลผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยข้อมูลจะผ่านการประมวลผลที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และสามารถนำข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลนั้นมาช่วยในการตัดสินใจดำเนินการด้านต่างๆ ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resource Management) การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเน้นถึงการใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ ยุคที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศหรือยุคไอที (Information Technology Era) คือ ยุคที่เน้นทางด้านเทคโนโลยี มีการขยายขอบเขตการประมวลผลข้อมูลไปสู่การสร้างและการผลิตสารสนเทศ และเน้นความคิดของการให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นวัตถุประสงค์สำคัญ แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents การประมวลผลข้อมูล 5 องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ การดำเนินธุรกิจ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล
เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน ในการผลิตสารสนเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีสาระสำคัญ และใช้ในการประกอบการตัดสินใจของผู้ใช้งานได้นั้น ต้องอาศัยเทคโนโลยีหลากหลายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ ทั้งนี้รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล โดยทั้งนี้หากแบ่งประเภทเทคโนโลยีสารสนเทศตามลักษณะของเทคโนโลยี สามารถจัดเป็นกลุ่มหลักๆได้ 3 กลุ่ม คือ
แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents การประมวลผลข้อมูล 6 เทคโนโลยีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ คือ กลุ่มของอุปกรณ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนต่างๆของการผลิตสารสนเทศ เริ่มตั้งแต่การนำเข้าข้อมูล การเก็บข้อมูล การประมวลผล และการแสดงผล เทคโนโลยีด้านการนำเข้าข้อมูล (Input Technology) ข้อมูลในระบบสารสนเทศ คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยข้อมูลสามารถอยู่ในรูปตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือเสียง หากเปรียบเทียบระบบสารสนเทศกับการผลิตสินค้า ดังนั้นอุปกรณ์ในการนำเข้าข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะช่วยอำนวยความสะดวกในการนำเข้าข้อมูล และช่วยให้การรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของเทคโนโลยีทางด้านอุปกรณ์ในการนำเข้าข้อมูล ได้แก่
แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents การประมวลผลข้อมูล 7 เทคโนโลยีอุปกรณ์ด้านการจัดเก็บข้อมูล (Storage Technology) คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการนำข้อมูลเข้าไปเก็บไว้ในสื่อจัดเก็บข้อมูล อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ อุปกรณ์ที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่แยกจากคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ : เมื่อข้อมูลผ่านอุปกรณ์ในการรวบรวมเพื่อเข้าสู่ระบบประมวลผลแล้วนั้น ข้อมูลที่ได้มาจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์เพื่อรอการประมวลผล ตัวอย่างเช่น
ข้อดี
ข้อเสีย
เทคโนโลยีด้านการประมวลผลข้อมูล (Data Processing Technology) การประมวลผล คือการเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ โดยกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการมีวิธีการต่างๆ ในการประมวลผลซึ่งได้แก่ การคำนวณทางคณิตศาสตร์ การคัดเลือก การจัดหมู่-จัดกลุ่ม การสรุปรวม การเรียงลำดับ และการค้นหา เป็นต้น ในระบบคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่หลักในการประมวลผลข้อมูลได้แก่ ซีพียู (Central Processing Unit หรือ CPU) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียู เป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านการประมวลผลข้อมูลมีการพัฒนาไปมาก โดยในปัจจุบันการประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเรียกว่า Cloud Computing เป็นการที่เราใช้ซอฟต์แวร์, ระบบ, และทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยสามารถเลือกกำลังการประมวลผล เลือกจำนวนทรัพยากร ได้ตามความต้องการในการใช้งาน และให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลบน Cloud จากที่ไหนก็ได้ ประเภทของบริการ คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Service Models) แบ่งได้เป็นรูปแบบหลักๆ 3 แบบได้แก่ 1. Software as a Service (SaaS) เป็นการที่ใช้หรือเช่าใช้บริการซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชั่น ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการ ทำให้ไม่ต้องลงทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เอง โดยซอฟต์แวร์สามารถถูกเรียกใช้งานจากที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งบริการ Software as a Service ที่เป็นที่รู้จักและใช้งานอย่างแพร่หลายก็คือ GMail นั่นเอง นอกจากนั้นก็เช่น Google Docs หรือ Google Apps ที่เป็นรูปแบบของการใช้งานซอฟต์แวร์ผ่านเว็บบราวเซอร์ สามารถใช้งานเอกสาร คำนวณ และสร้าง Presentation โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องเลย แถมใช้งานบนเครื่องไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ แชร์งานร่วมกันกับผู้อื่นก็สะดวก ซึ่งการประมวลผลจะทำบน Server ของ Google ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่มีที่มีกำลังประมวลผลสูงหรือพื้นที่เก็บข้อมูลมากๆในการทำงาน 2. Platform as a Service (PaaS) คือการให้บริการสำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น โดยผู้ให้บริการจะให้บริการพื้นฐานทั้ง Hardware, Software, และชุดคำสั่งในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น โดยผู้ใช้บริการสามารถนำไปพัฒนาต่อเพื่อให้ตรงตามความต้องการ ทำให้ลดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาซอฟท์แวร์อย่างมาก ตัวอย่าง เช่น Google App Engine, Microsoft Azure 3. Infrastructure as a Service (IaaS) เป็นบริการให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์อย่าง หน่วยประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย ในรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization) ข้อดีคือองค์กรไม่ต้องลงทุนสิ่งเหล่านี้เอง, ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบไอทีขององค์กรในทุกรูปแบบ, สามารถขยายได้ง่าย ตามความต้องการขององค์กร ลดความยุ่งยากในการดูแลเพราะหน้าที่ในการดูแลจะอยู่ที่ผู้ให้บริการ ตัวอย่างความสำเร็จขององค์กรที่ใช้งาน Cloud Computing เช่น สายการบินไทยสไมล์ และนกแอร์ ได้นำเอา Cloud Computing เข้ามาใช้ช่วยในการลดต้นทุน ช่วยประหยัดเวลา ลดความยุ่งยากทั้งในเรื่องของเงินทุน และระยะเวลาในการลงทุนอุปกรณ์เอง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ เพราะการซื้ออุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การอัพเดตซอฟต์แวร์ และการอัพเกรดระบบ ต่างมาพร้อมกับต้นทุนและต้องการการบำรุงรักษาในระยะยาว ในขณะที่องค์กรเอง ก็ต้องการความยืดหยุ่น และไม่ยุ่งยากในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์, ระบบเครือข่าย รองรับการขยายตัวของธุรกิจ และปรับตัวเข้ากับอนาคตได้เร็วกว่าคู่แข่ง แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents การประมวลผลข้อมูล 8 เทคโนโลยีด้านการแสดงผล (Display Technology) การแสดงผลผ่านอุปกรณ์ต่างในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแสดงผลมีความสมจริงสามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ เป็นรูปภาพ พิมพ์ออกมาที่กระดาษ แสดงเป็นเสียง วีดิทัศน์ เป็นต้น ตัวอย่างอุปกรณ์ด้านการแสดงผล
เทคโนโลยีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีการพัฒนาความก้าวหน้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เฉพาะด้านมากขึ้น ในด้านของซอฟแวร์ระบบ ระบบปฏิบัติการ (Operating System หรือ OS) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน คือ ยูนิกซ์ (Unix) แมคโอเอส (Mac OS) และ วินโดว์ (Window) แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านซอฟแวร์ระบบเน้นที่การพัฒนาด้านความรวดเร็ว การเชื่อมต่อ และความปลอดภัย ผลจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครือข่ายในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆเข้าไว้ด้วยกันส่งผลให้ความปลอดภัยของข้อมูลต่างๆก็ลดน้อยลงไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหลายบริษัทที่พัฒนาซอฟแวร์ระบบจะเน้นไปที่ระบบของความปลอดภัยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่เน้นความปลอดภัยในการป้องกันไวรัส มัลแวร์ และสปายแวร์ที่พบในอีเมลล์ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ระบบคลาวด์ และเว็บไซต์ สำหรับแนวโน้มการพัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) ในปัจจุบัน มีการพัฒนาซอฟแวร์ประยุกต์ที่รองรับความต้องการเฉพาะด้านมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น นอกเหนือจากนี้ซอฟแวร์ประยุกต์ เทคโนโลยีเครือข่าย เทคโนโลยีการเชื่อมต่อของสรรพสิ่ง (Internet of Thing หรือ IoT) แนวคิด Internet of Things ถูกคิดค้นขึ้นโดย Kevin Ashton ในปี 1999 ซึ่งเริ่มต้นจากโครงการ “Auto-ID Center” ในมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology จากเทคโนโลยี RFID ย่อมาจากคำว่า Radio Frequency Identification เป็นระบบที่นำเอาคลื่นวิทยุมาใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองชนิด ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบไร้สาย ต่อมาในยุคหลังปี 2000 เทคโนโลยีต่างๆ ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เริ่มมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นจำนวนมาก และสามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยอาศัยตัว Sensor ในการสื่อสารถึงกัน โดย Kevin ได้ให้นิยามไว้ว่า “Internet-like” ต่อมามีคำว่า “Things” เข้ามาแทนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ความหมายของ IoT หมายถึง การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการเกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น IoT มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับเครื่องมือต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เทคโนโลยี IoT มีความจำเป็นต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประเภท RFID และ Sensors ซึ่งเปรียบเสมือนการเติมสมองให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ขาดไม่คือการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อให้อุปกรณ์สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ เทคโนโลยี IoT มีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่ดีพอ ก็อาจทำให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาขโมยข้อมูลหรือละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราได้ ดังนั้นการพัฒนา IoT จึงจำเป็นต้องพัฒนามาตรการและระบบรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่กันไปด้วย ตัวอย่างของการใช้ระบบ IoT ในปัจจุบัน
แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จาก https://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents การประมวลผลข้อมูล 9 ผลกระทบของเทคโนโลยีทางลบ การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขีดความสามารถในการใช้งาน เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันก็มีราคาถูกลง มีการประยุกต์ใช้งานอย่างกว้างขวาง จนกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในอดีต สหรัฐฯ เป็นประเทศเกษตรกรรม มีผลผลิตทางด้านการเกษตรเป็นสินค้าหลัก ต่อมา เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตเป็นประเทศอุตสาหกรรม ปริมาณสัดส่วนของสินค้า ด้านอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในปัจจุบันโครงสร้างการผลิตของสหรัฐฯ เน้นไปที่ธุรกิจการให้บริการ และการใช้สารสนเทศกันมาก ทำให้สัดส่วนการผลิตสินค้า เกษตรลดลงไม่ถึง 5% ของสินค้าทั้งหมด ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมก็มีมูลค่าน้อยกว่า อุตสาหกรรมบริการ ซึ่งใช้ข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหลัก หากมองภาพการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารทั่วไปของโลก ปัจจุบันมูลค่า ของสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเทศที่พัฒนา แล้ว 10 ประเทศมีสัดส่วนการใช้คอมพิวเตอร์มากถึงกว่า 90% ของปริมาณการใช้ คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ประเทศที่พัฒนาแล้ว 10 อันดับ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และแอฟริกาใต้ ถ้าพิจารณาบริษัทผู้ผลิตสินค้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศพบว่า ประเทศผู้ผลิต เพื่อส่งออกขายมีเพียงไม่กี่ประเทศ ประเทศเหล่านี้ส่วนมากมีเทคโนโลยีของตนเองมี การค้นคิด วิจัยและพัฒนาสินค้าให้ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา จากความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มี ขนาดเล็กลง แต่มีความสามารถเพิ่มขึ้น และมีราคาถูกลงจนผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อมา ใช้ได้ จนแทบกล่าวได้ว่าบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามามีส่วนในทุกบ้าน เพราะเครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ และระบบ สื่อสารอยู่ด้วยเสมอ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้สร้างประโยชน์ อย่างใหญ่หลวงต่อวงการทางธุรกิจ ทำให้ทุกธุรกิจมีการลงทุน ขยายขอบเขตการให้บริการ โดยใช้ระบบสารสนเทศกันมากขึ้น กลไกเหล่านี้ทำให้โอกาสการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ กว้างขวางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้สังคมโลกเป็นสังคม แบบไร้พรมแดน การใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ตมีอัตราการขยายตัว สูงมาก จนกล่าวได้ว่าเป็นอัตราการขยายตัวแบบทวีคูณ จนเชื่อแน่ว่าภายในระยะเวลาอีก ไม่นาน ผู้คนบนโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้หมด ผลกระทบในทางบวก ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคมในทางบวกหรือทางที่ดีมีดังนี้
แหล่งที่มา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทีและการจัดการยุคใหม่. กรุงเทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. พลพธู ปียวรรณ และสุภาพร เชิงเอี่ยม. (2555). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. สมุทรปราการ: ออฟเซ็ทพลัส. IT24Hrs. Cloud Computing. [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562. จากhttps://www.it24hrs.com/ Rainer, K. & Watson, H. (2012). Management Information Systems. NJ: Wiley. Return to contents รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท. สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล ลิขสิทธิ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา เทคโนโลยี ดูเพิ่มเติม |