ใบงาน การเขียนโต้แย้ง ม. 3

1. "ความคิดเห็นทั้งหมดที่คุณศักดิ์เสนอมานั้นนับว่ายอดเยี่ยมมาก สามารถนำ
    
ไปปฏิบัติได้และจะเห็นผลได้อย่างทันตา ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนเป็น
    
อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามผมคิดว่าความเห็นของคุณพงศ์น่าสนใจกว่า"
    
ข้อความข้างต้นเป็นการใช้ภาษาแบบใด
    ก.
การแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง             ข.การแสดงความคิดเห็นเชิงสนับสนุน
   
ค.การแสดงความคิดเห็นโน้มน้าว          ง.การแสดงความคิดเห็นเชิงอภิปราย

2. "คุณคิดอย่างไรดิฉันไม่สน ขอเพียงคุณฟังความคิดของฉัน" ข้อโต้แย้งนี้มี
     
น้ำเสียงและความหมายตรงกับข้อใดมากที่สุด
     
ก.ดิฉันมีความเห็นต่างจากคุณ                ข.ดิฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ
     
ค.ดิฉันคิดอย่างนี้ใครจะทำไม                ง.คุณอาจคิดอย่าง ดิฉันคิดอย่าง แต่คุณควรฟังดิฉัน

3. ข้อใดแสดงว่าผู้พูดรู้จักใช้ภาษาในการโต้แย้ง
     ก.ตามที่คุณกล่าวมานั้น ผมไม่เห็นด้วย ผมว่าเราควรจะ........
     ข.ตามที่คุณกล่าวมานั้น ผมมีความเห็นต่างไปว่า เราควรจะ........

     ค.ที่คุณกล่าวมานั้นคงไม่ถูกนัก ผมว่าเราควรจะ.........
     
ง.ที่คุณกล่าวมานั้นก็ถูกอยู่หรอก แต่ผมกลับเห็นว่าเราควร.......

4. ข้อใดเป็นการพูดโต้แย้งได้นุ่มนวลที่สุด
     
ก.ที่คุณพูดมานั้น ผมเห็นด้วยในหลักการ แต่คิดว่าคงทำยาก ผมจึงขอเสนอความคิดใหม่
     
ข.เก็บความคิดของคุณไว้ก่อน มีเพียงบางคนที่ทำได้อย่างนั้น น่าจะทำตามข้อเสนอของผมมากกว่า
     
ค.ความคิดของคุณก็ถูก แต่เหมาะกับบางสถานการณ์ ดังนั้นจงเลิกความคิดของคุณเสียเถิด
     
ง.ความคิดของคุณดี แต่บางเรื่องก็ไม่เหมาะ อย่างผมจะดีกว่าไหมครับ

5. ข้อใดเป็นลักษณะการพูดโต้แย้งที่นุ่มนวลที่สุด
   
ก.ผมเห็นว่าความเห็นที่เสนอกันมายังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมเท่าไร
   
ข.ผมว่าที่หลายๆ ท่านวิเคราะห์ปัญหามายังไม่ตรงจุดนัก
   
ค. ถ้าแก้ไขปัญหาตามวิธีที่หลายท่านเสนอมาผมเกรงว่าจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
   
ง.ในประเด็นนี้ผมมีความเห็นที่ต่างออกไปจากท่านอื่นๆ

    ข.ไข่กับไก่ อะไรเกิดก่อนกัน
   
ค.สงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดขึ้นเมื่อไร
   
ง.เราน่าจะพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศหรือไม่

7. "พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็นผู้นำทางการเมืองแบบชุมนุมตั้งค่ายที่เหมาะแก่
   
สภาพการจลาจลบ้านแตกสาแหรกขาด"
    
การแสดงทรรศนะเกี่ยวกับข้อความข้างต้นควรนิยามกลุ่มคำข้อใดมากที่สุด
   
ก.ผู้นำ                                     ข.การเมืองแบบชุมนุมตั้งค่าย
   
ค.สภาพจลาจล                        ง.บ้านแตกสาแหรกขาด

8. คำนิยามต่อไปนี้มีข้อบกพร่องอย่างไร "สเปกโทรสโคป เป็นเครื่องมือที่ใช้
    ศึกษาวิเคราะห์สเปกตรัม"

    ก.ขาดความขัดเจน                    ข.พายเรืออยู่ในอ่าง

    ค.เข้าใจได้ยาก                           ง.ไม่สมเหตุสมผล

9. สารที่ผู้ส่งมีเจตนาจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวผู้รับ เรียกว่าสารประเภทใด

    ก.การแสดงเหตุผล

    ข.การแสดงทรรศนะ

    ค.การโน้มน้าวใจ

     ง.การโต้แย้ง

10. ข้อใดเป็นลักษณะการพูดโต้แย้งที่นุ่มนวลที่สุด

       ก.ผมเห็นว่าความเห็นที่เสนอกันมายังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมเท่าไหร่

       ข.ผมว่าที่หลายๆท่านวิเคราะห์ปัญหามายังไม่ตรงจุดนัก

       ค.ถ้าแก้ไขปัญหาตามวิธีที่หลายท่านเสนอมาผมเกรงว่าจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

       ง.ในประเด็นนี้ผมมีความเห็นที่ต่างออกไปจากท่านอื่นๆ

 เฉลย

1. ง   2.    3.   4.    5.     6.   7.    8.   9. ค 10. ง

บทที่ 2 เรื่อง การโต้เเย้ง

1. ข้อใดเป็นการใช้ภาษาที่มีน้ำเสียงโน้วน้าวใจ

     ก.อ๊ะ! อ๊ะ! อย่าทิ้งขยะ "ตาวิเศษ" เห็นนะ

     ข.โปรดทิ้งขยะลงถัง ฝ่าฝืนปรับ 100 บาท

     ค.ผู้มีวัฒนธรรมเท่านั้น ที่ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด

     ง.ทิ้งขยะเกลื่อนกลาดบ้านเมืองจะสะอาดได้อย่างไร

2. ในการเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ สารในข้อใดจะโน้มน้าวใจให้ผู้รับสารปฏิบัติตามมากที่สุด

     ก.จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์

     ข.จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาอนุเคราะห์

     ค.หวังว่าคงได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดี

     ง.คงได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดีจากท่าน

3. ข้อใดเป็นหลักภาษาที่มีลักษณะโน้มน้าวใจเด่นชัดที่สุด

     ก.ขับช้าๆ อันตราย

     ข.ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

     ค. เท่อย่างมีท่า ไม่พึ่งพาบุรี่

     ง.ไม่มีท่านเราอด ไม่มีรถเราเดิน

4. ข้อใดไม่เป็นสารโน้มน้าวใจ

     ก.จะขับให้เร็วเท่าไรก็เชิญเถิด ว่าแต่คุณจองวัดไว้แล้วหรือยัง

     ข.ขอเชิญทุกท่านทางนี้และกรุณาเข้าแถวด้วย เพื่อความเป็นระเบียเรียบร้อย ขอขอบพระคุณ

     ค.ขอเชิญคุณแม่บ้านยุคใหม่มาใช้บริการของเราได้

     ง.ขอเชิญลองสวมแว่นตาที่จะสะท้อนจินตนาการอันระเอียดอ่อนบริสุทธิ์ ควรค่าสำหรับคุณ

5. ข้อความใดเป็นสารโน้มน้าวใจชนิดโฆษณาชวนเชื่อเชิงการค้า

     ก.เก็งแนวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลาย พพ.ศ. พร้อมเฉลยและแนวคิดเพื่อพิชิดข้อสอบ

     ข.อาคราพานิชย์บนทำเลทองเช่นนี้ ยิ่งตัดสินใจเร็วเท่าใด คุณก็มีโอกาสเลือกทำเลที่เหมาะสมที่สุดใด้มากขึ้นเท่านั้น

     ค.คุณเป็นคนสำคัญเสมอไม่ว่าจะอยู่มุมใหนของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพกบัตรเครดิตของเราติดตัวไปด้วย

     ง.หมดปัญหาเรื่องอ่านหนังสือไม่ทันสอบ เพราะวิเคราะห์ข้อสอบเก่าและและแนวการทำโจทย์ต่างๆ รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้เพียงเล่มเดียว

6. ข้อความนี้โน้มน้าวใจด้วยวิธีใด

    ก.การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า

    ข.การอ้างบุคลหรืสถาบัน

    ค.การแสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกของผู้เขียน

    ง.การแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย

7. "ถ้าหากแม้ว่าตัวข้าพระเจ้านี้มีอันต้องล้มตายจากท่านทั้งหลายไป เพราะด้วยสาเหตุรับใช้ประเทศชาติข้าพระเจ้าก็ไม่เสียดายชีวิต ข้าพเจ้าภาคภูมิใจ ทุกๆ หยาดหยดของโลหิตจากร่างกายข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเชื่อมั่น เหลือเกินว่าจะถูกอุทิศให้เพื่อความเจริญสถาพรของประเทศนี้ และเป็นสิ่งที่เสริมสร้างประเทศนี้ให้เข็มแข็งและทรงพลัง"

ข้อความข้างต้นนี้เป็นการโน้มน้าวใจด้วยวิธีใด

     ก.การอ้างบุคลหรือสถาบัน

     ข.การแสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกของผู้เขียน

     ค.การแสดงให้ประจักษ์ตามกระบวนการเหตุผล

     ง.การกล่าวร่วมๆ ด้วยถ้อยคำหรูหรา

8. "ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องรับทุกทรมาน บางคนถูกข่มขืน บางคนถูกสามีทำร้ายหรือทอดทิ้งการปล่อยให้เขาหล่านี้แก้ไขปัณหาด้วยตนเอง แทนที่สภาพเขาจะดีขึ้นกลับจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมนานาประการตามมา คณะกรรมการจึงจัดตั้ง "บ้านพักฉุกเฉิน" สำหลับคนเหล่านี้ขึ้น 

เพื่อช่วยแก้ปัณหาต่างๆดังกล่าวการที่ท่านมีเมตตาบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ "บ้านพักฉุกเฉิน" นอกจากจะเป็นการช่วยดับทุกข์ทาง

ใจให้แก่เขาเหล่านี้แล้ว ยังเป็นการช่วยให้เขามีอาชีพเลี้ยงตนเองได้ในอนาคตอีกด้วย"

ข้อความข้างต้นนี้ไม่ใช้กลวิธีใดในการโน้มน้าวใจ

      ก.การแสงให้ประจักษ์ถึงเหตุผลและความจำเป็น

      ข.การแสงให้ประจักษ์ถึงอารมรณ์ร่วมและเหตุผล

      ค.การแสดงให้ประจักษ์ถึงเหตุผลและทางเลือกทั้งดีและเสีย

      ง.การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้าและกาแสดงให้ประจักษ์ถึงเหตุผล

9. "สิ่งที่ดีในชีวิต คู่ควรสตรีเช่นคุณ" ภาษาโฆษณาดังกล่าวโน้มน้าวใจผู้อ่านอ่านด้วยวิธีใด

      ก.ใช้วลีสั้นๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที

      ข.ชี้ให้เห็นความดีของสินค้า

      ค.ใช้ถ้อยคำเร้าอารมณ์ความรู้สึก

      ง.ให้ความสำคัญแก่ผู้ใช้สินค้า

10. ข้อใดไม่ต้องใช้หลักการโน้มน้าวใจ

       ก.การโฆษณาสินค้า          ข.การหาเสียง

       ค.การประกาศแจ้งความ    ง.การปราศรัย

เฉลย

 1. ข   2.ก   3.ข   4.ก   5.ค   6.ง   7.ก   8.ค   9. ง   10.ค

บทที่ 3 เรื่อง การเเต่งฉันท์

1. ข้อใดคือ “คณะ” ของอินทรวิเชียรฉันท์ 11

     ก.บท มี ๒ บาท ๔ วรรค

     ข.บท มี ๒ บาท ๘ วรรค

     ค.บท มี ๔ บาท ๔ วรรค

     ง.บท มี ๔ บาท ๘ วรรค

2. อินทรวิเชียรฉันท์ 2 บท มีกี่วรรค

    ก.6 วรรค

    ข.8 วรรค

    ค.2 วรรค

    ง.4 วรรค

3. อินทรวิเชียรฉันท์ 1 บท มีกี่คำ

     ก.6 คำ

     ข.11คำ

      ค.5 คำ

      ง.22 คำ

4. ฉันท์ชนิดใดถ้าไม่นับครุ ลหุ จะมีลักษณะคล้ายกับกาพย์ยานี ๑๑

     ก.วสันตดิลกฉันท์

     ข.ภุชงคประยาตฉันท์

     ค.สาลินีฉันท์

     ง.อินทรวิเชียรฉันท์

5. “เหง่งหงั่งระฆังเสนาะสนั่น     ระยะพรรษวัสสา”  คำประพันธ์ข้างต้นมีครุและลหุตรงกับข้อใด

      ก.คราวชอบประกอบกุศลบุญ    วรคุณพิสุทธิ์ใส

      ข.ฟ้าไห้พิรุณดูดุจไห้                  ชลไหลฉะอ้อนดิน

      ค.ยอกไม้ก็เอนประดุจดัง            ทลายโค่นถล่มลง

      ง.หรีดหริ่งระงมระดะระรัว        ประดุจพิณประโลมใจ

6. ข้อใดคือความหมายของ “คณะ”

     ก.ลักษณะบังคับให้มีตำแหน่งเอกหรือโทเท่านั้นคำ

     ข.แบบบังคับว่าคำประพันธ์แต่ละชนิดจะต้องมีจำนวนวรรค จำนวนคำ เอก โท ครุ ลหุ ตามที่กำหนดไว้

     ค.จำนวนคำของแต่ละวรรคว่ามีเท่าไร ห้ามเกินหรือขาด

     ง.ลักษณะของเสียงหนักหรือเสียงเบาของแต่ละวรรค

7. คำประพันธ์ต่อไปนี้มีจำนวนตามข้อใด

        ควรชนประชุมเช่น                คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม                                     ภนิพัทธรำพึง

      ก.1 บาท

      ข.1 บท

      ค.2 บท

      ง.2 วรรค

8. ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ ๒๑ – ๒๒

     บงเนื้อก็เนื้อเต้น     พิศเส้นสรีร์รัว ทั่วร่างและทั้งตัว       ก็ระริกระริวไหว แลหลังละลามโล-            หิตโอ้เลอะหลั่งไป เพ่งผาดอนใจ                     ระกะร่อยเพราะรอยหวาย

     ข้อใดไม่ใช่สัมผัสระหว่างวรรค

      ก.โล – โอ้

      ข.เต้น – เส้น

      ค.ไป – ใจ

      ง.ไหว – ไป

9. ข้อใดเป็นสัมผัสใน

     ก.ไหว – หวาย

     ข.เพ่ง – เพราะ

     ค.ผาด – นาถ

     ง.โอ้ – ไป

10. ข้อใดไม่ใช่สัมผัสบังคับ

       ก.สัมผัสระหว่างบท

       ข.สัมผัสระหว่างวรรค

       ค.สัมผัสนอก

       ง.สัมผัสใน

เฉลย

1.ข   2.ง   3.ง   4.ง    5.ก   6.ข   7.ข   8.ง   9.ค   10.ง

 บทที่ 4 เรื่อง การอธิบาย การบรรยาย เเละการพรรณนา

1. ข้อใดเป็นความหมายของการพรรณนา

    ก.การชี้แจงรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ

    ข.การบรรยายรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ

    ค.การกล่าวถึงรายละเอียดของเรื่องราวเพื่อใหผู้อ่านสนใจอยากติดตาม

    ง.การกล่าวถึงรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ เกิดจินตนาการ

2. การพรรณนาต่างกบัการบรรยายอย่างไร

    ก.การบรรยายใหร้ายละเอียดไม่มากจึงไม่เห็นภาพเหมือนการพรรณนา

    ข.การพรรณนามีการดา เนินเรื่องโดยใหร้ายละเอียดชัดเจน แต่การบรรยาย

ไม่มีรายละเอียดชัดเจน

    ค.การพรรณนาไม่มีการดำเนินเรื่องเหมือนการบรรยายแต่เป็นการใหร้ายละเอียดของ

สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อใหเกิดภาพ เกิดอารมณ์คลอ้ยตาม

    ง.การบรรยายไม่มีรายละเอียดเลย ส่วนการพรรณนามีรายละเอียด และมีการดำาเนินเรื่องด้วย

3. ข้อใดไม่ใช่วิธีการพรรณนา

     ก.ชี้ลักษณะเด่น

     ข.ชี้ลักษณะด้อย

     ค.ใช้ถ้อยคำ

     ง.แยกส่วนประกอบ

4. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

     ก.การพรรณนาโดยใช้ถ้อยคำ ผู้พรรณนาต้องรู้จักคำมากพอ

     ข.การพรรณนาโดยชี้ลักษณะเด่น เป็นการพรรณนาวิธีเดียวที่ดีที่สุด

     ค.การพรรณนาโดยใช้ถ้อยค า ผู้พรรณนาต้องรู้จักเลือกใช้สัญลักษณ์รวมทั้งการอุปมาด้วย

     ง. การพรรณนา เป็นการมุ่งให้ผู้อ่าน หรือผู้ฟังเห็นภาพอย่างละเอียดชัดเจน แจ่มแจ้ง เกิดจินตนาการร่วม

5. เนื้อหาของเรื่องใดควรใช้การพรรณนา

    ก.การเดินทาง

    ข.ประวัติของสถานที่

    ค.ความรู้สึกเมื่อสูญเสียสิ่งที่รัก

    ง.ความหมายของคำว่าสัญลักษณ์

6. ข้อใดเป็นลักษณะของการพรรณนา

     ก.การบอกให้ผู้อื่นเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ให้ตรงตามที่ต้องการ

     ข.การบอกเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เรียงลำดับ ต่อเนื่องกัน

     ค.การกล่าวชี้แจงเรื่องราวเปรียบเทียบให้เห็นจริง หรือเข้าใจแจ่มแจ้ง

     ง.การขยายความให้เห็นลกัษณะที่ละเอียดลออและเด่นชัดของสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าที่จะคำนึงถึงเรื่องราว หรือเรื่องที่ดา เนินไปอย่างมีลำดับ ต่อเนื่องกัน

7. เนื้อหาของเรื่องใดควรใช้การบรรยาย

    ก.นกกระทาทุ่ง

    ข.กินอย่างไรให้ผลดีต่อสุขภาพ

    ค.ผาชนะได ความงามที่ประทับใจไม่รู้ลืม

    ง.ความเป็นมาของการแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี

8. ข้อใดไม่ใช่การเขียนแบบพรรณนา

     ก.แดดกล้าเริงแรงเหมือนจงใจจะแผดเผาทุกชีวิต ให้ไหม้หม้อดจนสิ้นซาก

     ข.ในคืนเดือนเพ็ญแห่งฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานเลื่อนในห้องนอนเข้ามาให้แสงสว่างจางๆ กลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ยามฤดูใบไม้ผลิโชยมาตามลม

     ค.น้ำตาที่ไหลลงอาบสองแก้ม สะท้อนประกายท่ามกลางแสงจันทร์ บนพื้นห้องปรากฏลำแสงแนวยาวดุจดังทางเดินเป็นเส้นตรงแลดูคล้ายจะเรียกร้องให้ฉันออกไปนอกห้อง

      ง.ธรรมชาติอันสวยงามแทนที่จะทำให้อารมณ์ฉันเคลิบเคลิ้ม กลบักระตุ้นความรู้สึกบางอย่างยากจะอธิบายขึ้นในใจฉัน มิใช่ความรู้สึกเป็นสุขหรือเศร้าหมองแต่เป็นความกระวนกระวายที่ซ่อนลึกอยู่ในใจฉัน

9. ข้อใดไม่ใช่การเขียนแบบพรรณนา

     ก.ตั้งแต่จักรพรรดิลงมาถึงยาจกล้วนได้รับความทรมานจากม่านตา ซึ่งไม่ยอมปิด และหัวใจซึ่งยอมระงับ ในเวลาซึ่งงธรรมชาติต้องการให้เรานอน

      ข.ถ้าต่างคนต่างแผ่เมตตาให้ผิวโลกพรำด้วยละอองแห่งเมตตาจิต โลกก็จะประสบสันติสุขโดยแท้จริง

      ค.เมื่อปลาเสือมองเห็นแมลงเล็ก ๆ เกาะนิ่งตามใบหญ้า มันจะเป่าฟองน้ำา เหมือนเด็กเป่าไม้ซางไปที่นกตัวเล็ก ๆ

      ง.งานส่วนหนึ่งของสุนทรภู่ เป็นกลอนบทละครแต่สุนทรภู่ก็มิได้เขียนขึ้นเพื่อการแสดงเสมอไป หากมุ่งให้อ่านมากกว่า

10. ข้อใดไม่ใช่การเขียนแบบพรรณนา

       ก.แสงโคมประทีปทองส่องสว่าง กระจ่างจับบไม้ไพรระหง

       ดอกพะยอมหอมหวนลำดวนดง   สายหยุดประยงค์โยทะกา

        ข.เลิศล้วนมวลมาศฉลุลาย เทพประนมเรียงราย

        รับที่บัลลังก์เทวินทร์

        ค.ครั้นอรุณเรืองแรงแสงทอง ให้ลั่นฆ้องสำคัญหวั่นไหว

        ทัพหน้าดำเนินธงชัย คลายเคลื่อนพลไกรจรจรัล

        ง.พระชี้ชมศิลาปะการัง ที่เขียวดังมรกตสดสี 

        ที่ลายคล้ายราชาวดี แดงเหลืองเลื่อมสีเหมือนโมรา

เฉลย

1.ง   2.ค   3.ข   4.ข   5.ค   6.ง   7.ง   8.ง   9.ง   10.ค

บทที่ 5 เรื่อง การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์

1. ข้อใดควรเป็นคำนำของบทความเรื่อง “การเลือกใช้คำในการสื่อสาร

     ก.ในการสื่อสาร ผู้ใช้ภาษาต้องรู้จักเลือกคำมาใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีความหมายตรงกับความที่ต้องการสื่อ

     ข.คำที่นำมาใช้ในการสื่อสาร ผู้ใช้ต้องรู้ว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร เหมาะสมกับข้อความหรือไม่ เพื่อให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ

     ค.เมื่อต้องการสื่อสาร ผู้ส่งสารควรมีความสามารถในการเลือกใช้คำให้มีความหมายชัดเจนและสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ด้วย

     ง.ภาษาไทยมีคำต่างๆ ให้เลือกใช้มากมาย จะเห็นได้ว่าหากผู้ใช้ภาษารู้จักเลือกคำมาใช้ได้ในที่ที่เหมาะสมก็จะสื่อสารได้ตามต้องการ

2. ข้อความใดเป็นประโยคไม่สมบูรณ์

     ก.ถนนดินสีแดงค่อนข้างขรุขระ มีแอ่งน้ำเป็นบางตอน สัญจรไปมาลำบาก

     ข.หนังสือที่จะช่วยให้เข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้ของเด็กได้มากกว่าที่เคยอ่านมา

     ค.รถเข็นที่ทำด้วยไม่มีสองล้อจอดคอยรับจ้างขนของอยู่ตรงปากทางเข้าตลาด

     ง.เขาเอาตะกร้าหวายที่ซื้อมาจากงานแสดงสินค้าขึ้นวางบนตะแกรงท้ายรถ

3. ข้อใดใช้ภาษาได้กระชับชัดเจนที่สุด

     ก.ในการนำมะกรูดมาเพื่อใช้สระผมนั้น จะต้องมีกรรมวิธีการนำมาใช้ที่เหมาะสม

     ข.มีความเชื่อมาแต่โบราณมานานแล้วว่า ต้นตะเคียนทองที่มีอายุมากจะมีรุกขเทวาอาศัยอยู่

     ค.หน่อไม้ผ่าบงเป็นหน่อไม้ชนิดหนึ่ง มีรสหวาน หน่อไม้นี้นำไปปรุงอาหารรับประทานได้หลายอย่าง

     ง.เฟิร์นใบองุ่นมีขอบใบหยักถี่ๆ คล้ายขอบชายผ้า เนื้อใบหนาดคล้ายหนัง ใต้ใบมีเกล็ดและขนปกคลุม

4. ข้อใดไม่เหมาะสมที่จะเป็นคำขวัญ

     ก.ครอบครัวเข้มแข็ง ประเทศชาติเข้มแข็ง

     ข.อาหารไทยมีชื่อ เลื่องลือไปต่างแดน

     ค.สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง

     ง.ปฏิบัติตามกฎ ลดปัญหาจราจร

5.ข้อความใดเป็นประโยคไม่สมบูรณ์

ก.ถนนดินสีแดงค่อนข้างขรุขระ มีแอ่งน้ำเป็นบางตอน สัญจรไปมาลำบาก

ข.หนังสือที่จะช่วยให้เข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้ของเด็กได้มากกว่าที่เคยอ่านมา

ค.รถเข็นที่ทำด้วยไม่มีสองล้อจอดคอยรับจ้างขนของอยู่ตรงปากทางเข้าตลาด

ง.เขาเอาตะกร้าหวายที่ซื้อมาจากงานแสดงสินค้าขึ้นวางบนตะแกรงท้ายรถ

6. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปที่สอดคล้องกับข้อสนับสนุนต่อไปนี้ “ประชากรโลกเพิ่มขึ้นพร้อมกับการขยายตัวของเมือง”

     ก.ความต้องการอาหารก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

     ข.การค้าพืชผลทางการเกษตรก็จะขยายตัวตาม

     ค.เกษตรกรจะมีอำนาจต่อรองทางการค้ามากขึ้น

     ง.ความเปลี่ยนแปลงด้านอาหารและการเกษตรของโลกจะเกิดขึ้น

7. คำขวัญในข้อใดมีการแสดงเหตุผล

    ก.เตือนตนให้มีวินัย เตือนใจให้มีวัฒนธรรม

    ข.สาธารณสมบัติของชาติ คือเงินทุกบาทของท่าน

    ค.บ้านสะอาด เมืองสะอาด คนในชาติมีความสุข

    ง.สร้างสรรค์ในบ้าน สร้างวิมานในครัวเรือน

8. กลวิธีการเขียนตามข้อใดไม่ปรากฏในข้อความต่อไปนี้ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเดิมเป็นวัดเล็กๆ ที่สร้างในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ ณ ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชนชาติไทยมาช้านาน พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์ได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วิหาร กุฏิ และสร้างพระเจดีย์ พระมณฑป ตลอดจนประติมากรรมต่างๆ ขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก วัดนี้นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมแห่งศิลปะและศาสตร์หลายแขนง ทั้งด้านสถาปัตยกรรมจิตรกรรม และประติมากรรมทั้งยังเป็นอาศรมทางปัญญาที่ถ่ายทอดวิทยาการด้านตำรายาและการแพทย์แผนโบราณของไทยด้วย”

     ก.การบรรยาย

     ข.การอธิบาย

     ค.การใช้ตัวอย่าง

     ง.การใช้ความเปรียบ

9. ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ 9-10 “(1) เป้าหมายของโครงการบ้านมั่นคง คือ การแก้ปัญหาชุมชนแออัดอย่างยั่งยืน / (2) โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการแก้ปัญหากันเอง / (3) การแก้ปัญหาไม่ใช่แค่การสร้างบ้านให้เท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวใหม่ที่ชุมชนเป็นผู้กำหนดและรับผลแห่งการพัฒนาอย่างครบวงจร เช่น สร้างบ้านตามแบบที่ชุมชนกำหนดเอง มีระบบกองทุนภายในกลุ่มออมทรัพย์ / (4) โครงการแล้วเสร็จเมื่อใด ชุมชนก็จะมีแต่ความสะดวก ปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมที่ดี” ผู้กล่าวข้อความใช้กลวิธีใดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์

      ก.แสดงให้ประจักษ์ถึงข้อเท็จจริง

      ข.แสดงให้ประจักษ์ถึงความน่าเชื่อถือ

      ค.แสดงให้ประจักษ์ถึงข้อดีเพียงด้านเดียว

      ง.แสดงให้ประจักษ์ตามกระบวนการเหตุและผล

10. ข้อความส่วนใดเป็นข้อสรุป

       ก.ส่วนที่ (1)

       ข.ส่วนที่ (2)

       ค.ส่วนที่ (3)

       ง.ส่วนที่ (4)

เฉลย

1.ค   2.ข   3.ง   4.ข   5.ข   6.ค   7.ค   8.ค   9.ง   10.ง

บทที่ 6 เรื่อง การสื่อสารในสังคมเครือข่ายสังคมอินเทอร์เน็ต

1.ข้อใดเป็นประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต

    ก.อ่านข้อความหรือเรียกดูภาพที่ไม่เหมาะสม     ข.การเล่นเกมส์คำศัพท์ภาษาอังฤกษ

    ค.การแอบดูข้อมูลเพื่อน                                      ง.ค้นหารูปภาพดารามาเป็นภาพประจำตัวในเฟสบุ๊ค

2. ข้อควรปฏิบัติในการใช้งานอินเทอร์เน็ต

     ก.บอกข้อมูลส่วนตัวในเฟสบุ๊ค                                           ข.นำข้อมูลของผู้อื่นมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหาย

     ค.ไม่ใช้คำหยาบคายและสนทนากับคนอื่นด้วยคำสุภาพ     ง.อ่านข้อความและดูรูปภาพที่ไม่เหมาะสม

3. ข้อใดคือเว็บไซต์ สำหรับค้นหาข้อมูล

     ก.www.google.com              ข.www.hotmail.com

     ค.www.facebok.com            ง.www.youtube.com

4.ข้อใดไม่ใช่การบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ถูกต้อง

    ก.การซื้อขายสินค้า                 ข.การจองตั๋วเครื่องบิน

    ค.การเผยแพร่ภาพความลับ    ง.การค้นหาที่ท่องเที่ยว

5. เว็บไซต์ในข้อใดจัดอยู่ใน การบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์

     ก.www.facebook.com         ข.www.google.com

     ค.www.thairath.co.th           ง.http://www.digitalschool.club

6.ใครในข้อต่อไปนี้ใช้ อินเทอร์เน็ต ได้เหมาะสม

    ก.น้ำผึ้งส่งภาพลามกให้มานี ทางอีเมล์                                               ข.สายฟ้าเข้าไปคอมเมมภาพของเพื่อนด้วยคำหยาบคาย

    ค.ชูใจล็อกอินเข้า facebook ด้วย User และ Password ของโจ            ง.ต้องตาค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเพื่อทำรายงาน

7. ข้อใดคือความหมายของนามสกุลเว็บไซต์ .go.th

      ก.บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย      ข.มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

      ค.เกี่ยวกับทางรัฐบาลไทย                                                 ค.องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

8.นามสกุลเว็บไซต์ในข้อใด เกี่ยวกับการศึกษาไทย

    ก. .ac.th    ข. .or.th

    ค. .co.th    ง..go.th

9. www.google.co.th  ในที่นี้ .th  มีความหมายคืออะไร

    ก.ตัวย่อของเมือง        ข.ตัวย่อขององค์กร

    ค.ตัวย่อของประเทศ   ง.ตัวย่อประเภทบริษัท

10. อินเทอร์เน็ตมีลักษณะสำคัญอย่างไร

       ก.เป็นเครือข่ายสาธารณะซึ่งสามารถใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานรูปแบบต่าง ๆ ได้

       ข.เป็นเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมมวลชนในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

        ค.เป็นเครือข่ายภายในองค์กรซึ่งสามารถใช้แจ้งข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ได้

        ง.เป็นเครือข่ายเฉพาะซึ่งผู้เข้าใช้งานจะต้องมีการลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้ง

เฉลย

1.ข   2.ค   3.ก   4.ค   5.ก   6.ง   7.ค   8.ก   9.ค   10.ก