Show
1. ชื่อ - นามสกุล 2. ที่อยู่ 3. หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ อย่างน้อย 2 เบอร์ 4. ตำแหน่งงานที่จะสมัคร 5. รูปถ่าย 6. ลงลายมือชื่อกำกับบนชื่อของเราในตอนท้ายของจดหมายข้อควรระวังในการเขียนจดหมายสมัครงาน 1. การสะกดชื่อบริษัทผิด2. ควรใช้กระดาษ A4 ไม่ว่าจะใช้ลายมือตัวเองในการเขียน หรือจะใช้การพิมพ์จากคอมพิวเตอร์รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ด้วย และกระดาษไม่ควรมีลายใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นการสมัครงานบางประเภทเช่น สถาปนิก กราฟิก วิศวกร ซึ่งอาจต้องมี Portfolio เพื่อเป็นการโชว์ผลงานบ้าง3. ควรทำ Resume ทั้งแบบภาษาไทย และภาษาอังกฤษ4. รูปถ่ายควรจะถ่ายแบบสีและใช้ขนาดตามที่บริษัทนั้น ๆ กำหนด ควรติดรูปไว้มุมขวาบนของ Resume และไม่ควรเอารูปใส่ซองไว้ เพราะอาจตกหล่นได้ ที่สำคัญไม่ควรแต่งภาพจนโอเว่อร์เกินตัวจริง เพราะจะทำให้คนที่จะเรียกเราสัมภาษณ์นั้นเกิดการผิดหวัง 5. เมื่อเอกสารครบแล้ว ควรตรวจทานอีกครั้งก่อนส่ง รูปแบบการจัดเอกสารคือ จดหมายนำ ตามด้วย Resume และ รูปถ่าย และจัดขอบให้ตรงกันให้เรียบร้อย และไม่ควรพับใบสมัครลงในซองจดหมาย ควรที่จะหาซองที่สามารถใส่เอกสารขนาด A4 ได้ แต่ไม่ต้องใหญ่เกินไปเรียนรู้เทคนิคการเขียน Cover Letter ที่ทำให้การสมัครงานของคุณดูเป็นมืออาชีพ จะสมัครงานที่ไหนก็รอด ถ้าเขียนจดหมายสมัครงานแนะนำตัวเองเป็น Cover Letter หรือ จดหมายหมายสมัครงาน แต่เดิมทีถูกใช้เขียนปะหน้าส่งไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ เพื่ออธิบายที่มาที่ไป ทำไมเราถึงสมัครในตำแหน่งนี้ รวมถึงการฝากประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ดึงความสนใจ HR ซึ่งถ้าหากสนใจก็สามารถดูเรซูเม่ที่แนบมาด้วยได้ทันที อย่างไรก็ตาม ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ Cover Letter ถูกลดความสำคัญลงและถูกนำมาประยุกต์ใช้เขียนเป็นอีเมล์สมัครงานแทนโดยเฉพาะกับการสมัครงานในประเทศไทยที่ HR มักจะขอดูแค่เรซูเม่เท่านั้น (บางบริษัทยังใช้ Cover Letter อยู่ แต่เป็นส่วนน้อย) ดังนั้น วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการประยุกต์เทคนิคการเขียน Cover Letter ดั้งเดิม มาเขียนเป็นอีเมล์สมัครงานแบบเป็นทางการแทน แต่ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบที่เหมือนกันและมีความยาวไม่เกิน 1 หน้า A4 เลือกอ่านเฉพาะหัวข้อส่วนที่ 1 ข้อมูลติดต่อแน่นอนว่าเริ่มต้นการเขียนจดหมายใดใดก็ตาม คุณจำเป็นต้องระบุตัวตนของคุณเสมอว่าคุณเป็นใครมาจากไหน และต้องการส่งอีเมล์นี้ถึงใคร (จะได้เปรียบมากถ้าคุณทำการบ้านจนทราบว่าใครคือผู้รับผิดชอบดูแลตำแหน่งงานที่คุณสมัคร) โดยเขียนเป็นลำดับขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1.1 ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ปัจจุบันของคุณ1.2 วัน เดือน ปี ที่เขียน1.3 ระบุชื่อและที่อยู่ของบริษัทที่คุณสมัครงาน1.4 ขึ้นต้นด้วยประโยคทางการอย่าง Dearตามด้วยชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง หากไม่ทราบชื่อสามารถใช้เป็น Sir/Madam (สุภาพและเป็นทางการมาก) หรือ All concerned แทนได้ ตัวอย่างการเขียนส่วนข้อมูลติดต่อ Nongluck
Kaewkrittiya 13 June 2021 Find Your Job Co., Ltd. Dear Sir/Madam นางสาวนงลักษณ์ แก้วกฤติยา วันที่ 13 มิถุนยายน พ.ศ. 2664 บริษัท ไฟนด์ ยัวร์ จ็อบ จำกัดมหาชน เรียน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 2 เนื้อหาในส่วนของเนื้อหานั้น การเขียนหัวข้อทั้งหมดให้อยู๋ภายในย่อหน้าเดียวจะทำให้การนำเสนอโปรไฟล์ขาดความน่าสนใจ ประกอบกับ HR ที่มีเวลาแสกนเนื้อหาไม่ถึง 10 วินาที อาจมองข้ามจุดสำคัญต่างๆ ที่เราพยายามจะนำเสนอ คุณอาจแบ่งการเขียนออกเป็นย่อหน้าเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน แยกเป็นหัวข้อชัดเจนเหมือน Bullet Point ช่วยให้ HR สามารถโฟกัสได้ดียิ่งขึ้น แบ่งเป็น 2.1 ย่อหน้าที่ 1 เกริ่นนำเริ่มต้นส่วนของเนื้อหาด้วยการบอกจุดประสงค์ของการเขียนจดหมายครั้งนี้ให้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็เป็นการจั่วหัวที่น่าสนใจชวนให้อ่านต่อจนจบ โดยมีการระบุตำแหน่งที่คุณสนใจจะสมัครงานร่วมด้วย เช่น
เมื่อแจ้งความประสงค์ในการสมัครงานแล้ว ควรเริ่มต้นแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ กล่าวถึง ชื่อของคุณ สถาบันที่จบ ไปจนถึงงานในตำแหน่งปัจจุบัน โดยอาจเน้นย้ำเหตุผล ว่าทำไมคุณถึงสนใจในตำแหน่งงานนี้
2.2 ย่อหน้าที่ 2 ไฮไลท์ทักษะที่คุณมี/ ประวัติทำงานแบบย่อเป็นส่วนที่คุณต้องใช้เวลาที่สุดในการเขียน เนื่องจาก HR มักจะกวาดสายตาอ่านตรงช่วยกลางของจดหมายเพื่อหา Keyword (คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง) คุณจึงต้องอ่านรายละเอียดประกาศรับสมัครงานเพื่อดึงเอาคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาใช้ให้มากที่สุด เช่น ทักษะหรือโปรแกรมเฉพาะด้านที่พวกเขาต้องการมากที่สุด อาจรวมไปถึง เหตุผลว่าทำไมเราถึงเหมาะสมกับตำแหน่งงานดังกล่าวด้วยการนำเสนอผลงานเป็น Bullet Point ให้เห็นตัวเลขชัดเจน
ในการแยก Bullet Point ควรเลือกเฉพาะผลงานหรือทักษะความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครเพียง 2 – 3 หัวข้อที่คุณมั่นใจ เพราะการเสนอจุดแข็งหลายจุดทำให้ HR สับสนและไม่เปิดรับกับข้อมูลที่มากเกินไป (Overwhelming) 2.3 ย่อหน้าที่ 3 Call-To-Actionในย่อหน้านี้ HR จะทราบว่าพวกเขาต้องทำอย่างไรต่อไป หากสนใจในตำแหน่งงานของคุณ อย่าเขียนเรื่องที่น่าสนใจโดยไม่มีตอนจบและทิ้งผู้อ่านเอาไว้กลางทางโดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อเป็นอันขาด คุณควรเขียนบอกว่า คุณแนบเรซูเม่มาเพื่อการพิจารณาเพิ่มเติม หรือให้ข้อมูลติดต่ออื่นๆ ร่วมด้วยในกรณีที่ต้องการเรียกไปสัมภาษณ์
ส่วนที่ 3 ลงท้ายจดหมายหลังจาก HR สละเวลาในการอ่านจดหมายสมัครงานมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย คุณควรขอบคุณเขาและจบด้วยประโยคสุดคลาสสิคอย่าง Thank you for your consideration. Keep me informed of any updates. หรือเป็นภาษาไทยสวยๆ ว่า ขอขอบคุณสำหรับการพิจารณา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบกลับ โดยเมื่อเขียนส่วนเนื้อหาซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามรูปแบบการเขียนจดหมายทั่วไปนั้น ต้องไปลืมปิดท้ายด้วยคำว่า
จากนั้นจึงตามด้วยชื่อของตัวเองเสมือนเป็นลายเซ็น หากใครที่รู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าถ้ามีเอกสารไม่ครบขาด Cover Letter แล้วจะมีผลกับการสมัครงานอย่างบริษัทต่างชาติที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบอนุรักษ์นิยมและเป็นทางการมากๆ ก็อาจเพิ่ม Cover Letter ลงไปในเอกสารแนบ (Attachment Files) ไปด้วยเพื่อความสบายใจ
Jitkarn SakrueangritGraphic & Web Designer, Content Creator, คุณน่าจะชอบเรื่องเหล่านี้ 15 มิถุนายน 2021
6 กันยายน 2021 |