คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันให้มากความครับ เพราะ Note 8 มีความสวยงามเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว การออกแบบภายใต้กระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากให้ความสวยงาม ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วน ใครเห็นก็อยากจับต้อง Show
หน้าจอแบบ Infinity Display หรือแบบไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม ยังเป็นลักษณะเดียวกับ Galaxy S8 / S8 Plus แต่หากนำมาเปรียบเทียบกันจะสังเกตเห็นว่าขอบบนและขอบล่างของ Note 8 เหลือพื้นที่น้อยกว่า S8 / S8 Plus นั่นเป็นเพราะการใช้พื้นที่ของหน้าจอเพื่อการใช้งานมากขึ้น ประกอบกับเป็นวิธีหนึ่งที่ไม่ทำให้ตัวเครื่องใหญ่จนเกินไป ขอบจอโค้งทั้งสองข้างที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเฉยๆ ไปแล้ว ซึ่งผมเองขอเกริ่นสั้นๆ ครับว่า ใน Note 8 สามารถเรียกใช้เมนูได้จากทางขอบโค้งด้านขวา หรือง่ายๆ เลย มันคือ เมนูลัด ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดรายชื่อ, แอพที่ใช้บ่อย เพื่อเรียกใช้งานได้รวดเร็วกว่าปกติครับ อีกจุดหนึ่งด้านข้างตัวเครื่องที่อยากบอกเล่าให้ผู้อ่านได้รับทราบ เพื่อป้องกันความสับสน คือ ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ที่จะอยู่ขอบขวาของตัวเครื่อง ส่วนปุ่มที่ขอบด้านซ้ายอยู่ถัดลงมาจากปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง จะเป็นปุ่ม “Bixby” ไว้เรียกใช้ผู้ช่วยฉลาดของ Samsung แต่หากใครอยากใช้จริงๆ ในตอนนี้ยังรับไม่กี่ภาษา แน่นอนว่าภาษาไทยยังไม่สามารถใช้งานได้ครับ ตำแหน่งปุ่มต่างๆ ขอแนะนำคร่าวๆ ดังนี้
S Pen คู่กันแล้ว ยังไงก็ขาดไม่ได้สิ่งที่เติมเต็มให้เป็น Note 8 อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ S Pen ซึ่งในเวอร์ชั่น 2017 นี้ S Pen มีการปรับขนาดหัวปากกาให้เล็กลงเหลือเพียง 0.7 มิลลิเมตร รองรับแรงกดในระดับ 4096 ซึ่งมากกว่า S Pen บน Note 5 นั่นทำให้การขีดเขียนลื่นไหลไปตามการเคลื่อนไหวของมือได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับใช้การปากกาหรือดินสอร่วมกับสมุดโน้ตทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามด้วยขนาดของ S Pen ต้องยอมรับว่าเล็กและมีลักษณะเหลี่ยม มีผลต่อการหยิบจับของผู้ใช้งานบางรายบ้างเหมือนกันครับ Screen Off Memo ฟีเจอร์การจดแบบเร่งด่วน ดึง S Pen ออกมา จดได้ทันที ด้วยจุดเด่นของ Note 8 ที่มี S Pen ช่วยลดการใช้กระดาษไปได้เยอะ แม้ S Pen จะกันน้ำได้เช่นเดียวกับตัว Note 8 แต่ก็ต้องยอมรับว่านอกจากฟีเจอร์ Live Message และ Translate ที่เพิ่มเข้ามา ดีไซน์ของ S Pen แทบไม่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก ซึ่งผมเองก็หวังว่า S Pen ใน Note รุ่นหน้าจะได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่บ้าง Live Message ลูกเล่นเพิ่มสีสันให้กับภาพอย่างที่กล่าวไปเมื่อสักครู่ครับว่า ใน Note 8 มีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Live Message เข้ามาเพื่อการใช้งานร่วมกับ S Pen โดยเฉพาะ การเรียกใช้งานทำได้เพียงถอด S Pen ออกมา และเรียกเมนูผ่าน Air Command หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถเขียนประโยคต่างๆ ได้ตามใจ ทั้งเขียนเป็นข้อความเพียวๆ หรือเขียนเป็นภาพน่ารักๆ ลงบนภาพได้ ซึ่งข้อความที่เราขีดเขียนขึ้นจะมีแสงสีในลักษณะวิ้งๆ เมื่อทำการเซฟสิ่งที่เราสร้างขึ้น ภาพนั้นจะถูกแปลงให้เป็นไฟล์ GIF พร้อมแชร์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ด้วย แม้ Live Message จะเป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น
ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอยากที่เราทราบๆ กันดีว่า ด้วยปริมาณการใช้ข้อมูลที่มากขึ้นจนเรียกว่าทะลักล้น การปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้แม้แต่น้อย ซึ่งใน Note 8 มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีแอพ Secure Folder ที่ใช้สำหรับปกป้องไฟล์, แอพ, ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญ โดยแอพนี้จะสร้างบางแอพขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เช่น รายชื่อ, รูปภาพ, อีเมล์, แอพไฟล์ และ Samsung Notes รวมไปถึงการสร้างแอพอย่าง Facebook และ LINE ตัวที่สอง สำหรับแยกใช้งานที่แตกต่างจากปกติ เพื่อเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างที่เป็นส่วนตัว ผ่านการใช้งานร่วมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสแกนลายนิ้วมือ, สแกนม่านตา หรือสแกนใบหน้า เพื่อให้เจ้าของเครื่องสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้เพียงผู้เดียว ครั้งแรกของกล้องหลังคู่บน Note 8เป็นจุดแข็งที่ผมเองค่อนข้างชื่นชอบเป็นพิเศษ ซึ่งใครที่ใช้สมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ก็น่าจะเห็นด้วยกับผมนะครับ สำหรับกล้องหลังคู่บน Note 8 ขอเล่าสเปกให้ฟังอีกสักครั้งครับ กล้องหลังคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ระบบกันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์ มาพร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel, ระบบโฟกัสภาพ PDAF, ระดับการซูม 2X โดยไม่เสียความละเอียด, เลนส์ตัวแรกมีค่ารูรับแสง f/1.7, เลนส์ตัวที่สองมีค่ารูรับแสง f/2.4 สามารถบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 2160p ที่ 30fps ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (UI) ของกล้องหลังถือว่าเรียกใช้ง่ายครับ ในขณะเปิดกล้องเพียงปัดไปด้านข้างก็สามารถเข้าถึงโหมดต่างๆ รวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา คือ Live Focus หรือตามศัพท์ชาวบ้านๆ “การถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ” ซึ่งในฟีเจอร์นี้จะแสดงเป็น UI หลักของกล้องหลังตั้งแต่เริ่มแรกครับ การเริ่มใช้ฟีเจอร์นี้เพียงแตะที่ตัวอักษร หลังจากก็เริ่มใช้งานได้ทันที แต่ก่อนจะลงมือกดชัตเตอร์ เราสามารถเลือกจุดต้องการโฟกัสเป็นพิเศษ และปรับระดับความเบลอของจุดไม่ต้องการได้ รวมไปถึงมีข้อความแจ้งเตือนระยะห่างที่เหมาะสม (Live Focus Available) สำหรับใช้ Live Focus หากไม่มีข้อความดังกล่าวภาพที่ถ่ายออกมาจะไม่เป็นลักษณะหน้าชัดหลังเบลอครับ ซึ่งหลังจากถ่ายภาพแล้วเรายังสามารถย้อนกลับมาปรับความเบลอของภาพที่ภ่ายไปเมื่อสักครู่อีกครั้งได้ หลังจากถ่ายภาพด้วยโหมด Live Focus หากต้องการปรับความชัดเบลอเพิ่มเติม เพียงเข้าไปที่ภาพถ่ายล่าสุด แล้วเลือกที่เมนู “adjust background blur” จากนั้นจะมีแถบ Background blur เพื่อปรับระดับความชัดเบลอได้ตามความเหมาะสมครับ นอกจากนี้ภายใน UI ของกล้องหลัง ยังมีเมนูการถ่ายภาพพร้อมกันสองเลนส์ ซึ่งการถ่ายภาพในลักษณะนี้จะทำให้เราได้ภาพสองแบบ แบบแรกเป็นภาพสัดส่วนปกติ แบบที่สองจะเป็นภาพในมุมกว้างครับ ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังภาพในโหมดปกติภาพถ่ายในเวลากลางคืน โหมดปกติภาพถ่ายด้วยโหมด Live Focusภาพถ่ายด้วยโหมด Proการใช้งานอื่นๆ ที่น่าสนใจความบันเทิงด้วยสเปกระดับไฮเอนด์ขนาดนี้ เล่นเกมได้ลื่นอย่างไม่ต้องสงสัยครับ แต่ทั้งนี้ภาพของการแสดงผลในบางเกม หรือแม้กระทั่งการชมภาพยนตร์บางเรื่องจะแสดงผลไม่เต็มอัตราส่วน 18.5 : 9 ซึ่งอนาคตเชื่อว่าเกมต่างๆ จะพัฒนาได้ตามอัตราส่วนใหม่ที่มาถึงครับ (ชมตัวอย่างจากวีดีโอได้เลยครับ) Gallery รูปภาพ สร้างวีดีโอให้อัตโนมัติเรื่องนี้อาจจะส่วนตัวหน่อยนะครับ ฮ่าๆ !! แต่ผมก็เชื่อว่ามีหลายคนที่ชอบฟีเจอร์นี้ ซึ่งภาพที่เราถ่ายไว้ ระบบใน Gallery จะทำการคัดแยกภาพตามช่วงเวลาให้อัตโนมัติ พร้อมนำมาเรียบเรียงเป็นวีดีโอให้เราอัตโนมัติ เมื่อเราเข้าไปที่เมนู “เรื่องราว” จะสังเกตเห็นว่าระบบได้จัดทำวีดีโอจากภาพถ่ายตามช่วงเวลาให้โดยอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราสามารถเข้าไปแก้ไข ปรับเปลี่ยนธีม เสียงดนตรี ได้ตามที่ต้องการ เพื่อส่งเป็นของขวัญเล็กๆ ในโอกาสสำคัญได้ครับ รีวิว Samsung Galaxy Note 8 กับบทสรุป น่าซื้อหรือไม่ ?จากฟีเจอร์หลักๆ ของ Note 8 ที่ผมได้ทดลองใช้ บอกได้เลยครับว่า “สอบผ่าน” เกือบทุกด้าน S Pen ยังเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ Note ยังเป็น Note ถึงทุกวันนี้ และเป็นข้อได้เปรียบที่ iPhone ไม่มี !! จะมีขัดใจบ้างก็เป็นเรื่องของ Live Message ที่เหมือนว่าพัฒนาออกมาได้ไม่สุด ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 3300mAh อึดน้อยกว่า Galaxy S8+ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้งานทั่วไปเท่าใด สำหรับคนที่อยากได้ แต่ติดเรื่องราคา แนะนำว่าลองเช็คกับเครือข่ายมือถือทั้ง 3 เจ้า ว่ามีโปรโมชั่นร่วมอะไรบ้าง เผื่อได้ราคาที่ประหยัดและคุ้มค่ามากขึ้น ทั้งนี้ รีวิว Samsung Galaxy Note 8 โดยแอดมินชัชในครั้งนี้หวังว่าจะเป็น Buyer’s Guide ประกอบการตัดสินใจให้กับทุกๆ คนที่สนใจสมาร์ทโฟนขีดเขียนได้รุ่นล่าสุดว่าควรซื้อหรือไม่ซื้อ ลองถามใจตัวเองดูครับ ซัมซุงโน็ตใส่ได้กี่ซิมรองรับ 2 ซิมการ์ด รองรับการเพิ่มความจำด้วย MicroSD Card. กล้องหลัง 4 ตัว แบบ Dual Pixel ความละเอียด 12MP (f/1.5) + 16MP (f/2.4) + 12MP (f/2.2) รองรับ OIS รองรับ HDR10+ รองรับ Ultra Wide Lens และ Tele Photo 2 เท่า และ 3D ToF Camera. Note 9 ใช้ 2 ซิมได้ไหมกล้องดิจิทัลหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงแบบปรับระดับได้ระหว่าง F/1.5-2.4, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ Dual Pixel PDAF, ระบบซูมภาพแบบ Optical Zoom 2X และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS. รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) แบบ nanoSIM. พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C. Note 10 Lite ใส่SD Card ได้ไหมหน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 128 GB. - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุสูงสุด 1 TB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2) หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB. |