กล มหน าท ของจ ต กล ม structuralism

พฤตกิ รรม (Behavior) คอื การกระทาหรือการแสดงออกต่างๆ แบง่ เปน็ 2 ประเภท 1. พฤตกิ รรมภายนอก (Overt Behavior) 2. พฤตกิ รรมภายใน (Covert Behavior)

1. พฤตกิ รรมภายนอก (Overt Behavior) แสดงออกมาใหส้ งั เกตเห็นเครือ่ งมือตรวจสอบได้ แบง่ เป็น 2 ลกั ษณะ 1.1 แบบโมลาร์ สังเกตดว้ ยตาเปล่า ยืน นงั่ เดนิ นอน 1.2 แบบโมเลควิ ลาร์ ใช้เคร่อื งมอื ในการตรวจสอบความดันคล่ืนสมอง คลื่อหวั ใจ การเตน้ ของชพี จร

2. พฤตกิ รรมภายใน (Covert Behavior) การบวนการทางจิต (Mental Process) ไม่สามารถสงั เกต ได้ด้วยตาเปล่าหรอื ใช้เครอื่ งมอื เชน่ ความรูส้ ึก อารมณ์ ความจา การคิด การวิเคราะห์ หาเหตุผล ประสบการณ์ *** พฤตกิ รรมภายนอกสมั พนั ธก์ ับพฤติกรรมภายใน *** พฤติกรรมภายในกาหนดการแสดงออกพฤติกรรมภายนอก

แนวความคดิ จิตวิทยากลมุ่ ต่างๆ 1. กลมุ่ โครงสรา้ งนยิ ม (Structuralism) กลมุ่ โครงสรา้ งจิต = วิลเฮลม์ แมกธ์ วนุ ต์ (บิดาแห่งจติ วิทยาการทดลอง) แนวคิด การสัมผสั + ความรสู้ ึก + จนิ ตนาการ (การสัมผสั ใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ เกิดความรู้สึกทาใหเ้ กิดจติ นาการ)

แนวความคดิ จิตวทิ ยากลุม่ ต่างๆ 2. กลมุ่ หนา้ ทจ่ี ติ (Functuralism) = จอร์น ดวิ อ้ี + วลิ เลียม เจมส์ + วดู้ เวิรธ์ (เน้นการศกึ ษาเกี่ยวกับกระบวนการเรยี นรู้ของมนุษย์) จอรน์ ดวิ อ้ี มีความเช่ือวา่ การเรยี นรเู้ กิดขึ้นได้จากการกระทา (Learning by doing)

แนวความคดิ จิตวิทยากลุ่มต่างๆ 3. กลุม่ พฤตกิ รรมนิยม (Behaviorism) = วัตสัน+ พาฟลอฟ + ธอร์นไดค์ (พฤติกรรมที่สงั เกตเหน็ ได้ สาเหตมุ าจากสงิ่ เร้า) วัตสนั = พฤติกรรมที่แสดงออกมา เกดิ จากการตอบสนอง ตอ่ สงิ่ เรา้ พาฟลอฟ = การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมกระทาได้โดยวธิ กี าร วางเง่ือนไข ** นักจติ วทิ ยากลุม่ น้ใี ช้สตั วใ์ นการทดลอง **

แนวความคดิ จติ วิทยากลุ่มต่างๆ 6. กล่มุ มนุษยน์ ิยม (Humanism) = คาร์ล โรเจอร์ + มาสโลว์ มาสโลว์ ความตอ้ งการพ้นื ฐานของมนษุ ยเ์ ป็นสญั ชาตญิ าณทมี่ ีมาแต่ กาเนดิ มอี ยู่ 5 ขน้ั ตอน เริม่ จากขนั้ ต้นไปถึงขนั้ สงู สดุ 1. ร่างกาย อากาศ อาหาร เครื่องนุ่งหม่ การพักผ่อน การขับถ่าย 2. ความปลอดภัย การไดร้ ับการคุมครอง ความมั่นคง 3. ความรกั ต้องการความรกั อยากใหต้ นเปน็ ทร่ี กั 4. การยอมรบั นบั ถอื การเคารพนบั ถอื จากผอู้ ่นื 5. ความสาเร็จ เปน็ ความตอ้ งการสูงสุด