เฉลย แบบฝ กห ด 11.2 เคม ม.6 เล ม 5

เฉลย แบบฝ กห ด 11.2 เคม ม.6 เล ม 5

แชร์งานครู Teachers Sharing Download

  • Publications :0
  • Followers :0

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมเคมี5

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมเคมี5 คู่มือครู รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5

ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท เพิ่มเติมเคมี5

สารบัญ บทที่ หน้า เนื้อหา บทที่ 10 กรด-เบส 1 ผลการเรียนร ู้ 1 การวิเคราะห์ผลการเรียนร ู้ 2 ผังมโนทัศน์ 6 สาระสำ�คัญ 7 เวลาที่ใช ้ 7 เฉลยตรวจสอบความรู้ก่อนเรียน 8 10.1 ทฤษฎีกรด-เบส 10 เฉลยแบบฝึกหัด 10.1 14 10.2 คู่กรด-เบส 15 เฉลยแบบฝึกหัด 10.2 18 10.3 การแตกตัวของกรด เบส และน้ำ� 19 เฉลยแบบฝึกหัด 10.3 36 10.4 สมบัติกรด-เบสของเกลือ 44 เฉลยแบบฝึกหัด 10.4 48 10.5 pH ของสารละลายกรดและเบส 50 เฉลยแบบฝึกหัด 10.5 57 10.6 ปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดและเบส 62 เฉลยแบบฝึกหัด 10.6 63 10.7 การไทเทรตกรด-เบส 64 เฉลยแบบฝึกหัด 10.7 81 10.8 สารละลายบัฟเฟอร ์ 86 เฉลยแบบฝึกหัด 10.8 92 10.9 การประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับกรด-เบส 94 เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 97 10 กรด-เบส pH

Made with FlippingBook

RkJQdWJsaXNoZXIy NzMxODQ4

เคมี เล่ม 5 บทที่ 13 | พอลเิ มอร์ 137 แบ บฝึก หัดท้ายบท 1. เขียนโครงสรา้ งพอลิเมอรท์ ี่ไดจ้ ากมอนอเมอร์ต่อไปน้ี พรอ้ มทั้งระบุวา่ ปฏกิ ริ ิยาการเกิด หนา 33 พอลิเมอรเ์ ปน็ แบบใด 1.1 CH₃ CH₂ CH CH₂ หนหาหนนา3า3333CH₃ CHCH2CCHH3 CH₃ CH3 CH2 CH CH2 CH CH2 n CCCปHHHฏ2กิ₃₃ ริ ยิCCCาHHHกCCCCา₂HHHHรCC32OเHHกCCCCCCิดCC2HHHHพHHHH2CCCอ323HHHลCCCC3ิเ23nHHnHมH23₃อ₂nรn์แCCCCบHHHHบC3322เHตCCิมC3HCCHH3HHC22HCCC2HCOHH2CHCNCCHHHHC322HC2H2 1.2 OHCHC3 HCC3HH3C3 HC3H3 n กCCบั HHC32HCCC3HCHH3CH2 HC2 CCHHHC2 HCCHHC3HC3H3 CHC₃H3CCHH₂CCHOCOCHCHHCHHCCHCHHn₂ nO HO OCC ปHCHฏ₃2กิ CิรCยิ HCHาH2การCCCOเHHกH22ดิ2 พCCอCCHHลHH32ิเ₃ม2 CอรHC์แ3กHCบับH2บก2เับตกCับมิCOCHHCO2HHCC2HCH2C2HCN2HH2 2 CH2 CH2 CH3 CH2 NH2 CHH2N2 CH2 H1หหHO.รร3OOืออืหCOCรHหCCอื HHC2รHือOHOC3CCOCCCCC3HCHOHHHHHHHC2HH2CCCH22222CHHOCC2COCCCOCC22OHHCCCCCCCHOHHHHHHHH22CCHHHHH2CCHCCCClH2222222HHCCCHHHHCCCCmmOCHHHCCCCC2222HHHHCCCCHC3mCHHHHH2222CCHHHHCHCCC2H22mก222HH33H33HHH2CCCับ2C22CCC3222HHHCCCHCHHHCHHCHCCC2222CHCCCCก333CHHll2H22ับHHHH2CCHC22C22233HHnn2HHCCCH33nn2C2HCHOn2COCHOH2O2OnnHH2HOหหnCCCรHรCOlHืออืหHรหือNรOCOCอื HHO2C2CCCNOllHHHCCCC222OHCllHCOCCC2H2CCHNHH2HHC2CCCCN22lHlCHHCCmmCHC22HHHmCH222CCCHm2HHHC2CC222HHCH2C2HCC3HCHH2 C3H22HC3nn2H2nCHnC2 HN2 HN2 H2 ปฏิกCริ Hยิ Cา2HกCา2HCร2เHกCิดHCพOCHอHOลC3เิOมHCอ3HรC์แก3Hบบั 3กบับเกHตับ2ิมCH 2H C 2C C HCHCCHCNCHON2HN2H2 HO Cl Cl OH Cl Cl CCl Cl CH2 CH CHC3H2 C CH2 CH CH2 C Cl m Cl Cl n สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Cl Cl Cl Cl

CCHH₃₃ CCHH₂₂ CCHH CCHH₂₂ เคมี เลม่ 5 138 บทท่ี 13 | พอลิเมอร์ CCHH₃₃ CCHH CCHH CCHH₃₃ CCHH22 CCHH22 OO 1.4 CCHH22 CCHHหนO�าO34หCหCนHHนา� 3า�33ก34บั 4 CCHH22 CCHH CC NNHH22 CH₃ หCหนOHOนนH�าH₂า� �า333C44C4HH3 CCCOHHH3₂ 3 NH2O NNCHH2 2 CH3 CCOHH3 3 NH2O NNCHH2 2 HHO11OHO..CH65CCOCOCHC OCHHCCCCC COH HHC2HCCOHหHCHHHปปCC₃₃HHHCCCHC2H2CCHOCOCHHH3รOHHC₃ฏฏ₃₃H22HCHOCHOOCHHHอืC33HCCOOO2222ิิกกCOHHCOOOHC233CCHOOCHCC2CHH₃₃OCOOCCO3OิริรCCCCCHCCHCHCCHH3CCCOOHHHCHHHCHCCC2ยิิยHCCCH₂HCCOCOHHHHOCCOHHO2HHHOCCHHHHC₃₃CHHCาา22HCCHHH2HH₂CHHOCCO3OH2COCCHกก3CCOOHCOCC33OHHCCCCC2CCO33OCHCOHHO33OC2CHOCCาาOHHCCHOCOH2mHHHO₂CHHCCmHOHCHHCOรรmHHHCCHCOHH2O3HH3CCHCCCO2CCHHHH2CCCH2เเ3HHHCCCCHOHCCHHO2กกHHH₂CHH3OlHHCCH22O2HOCCCCOCHClHHHHOC2CO3ิดิดCOOCCOCmH22COCOO2HHCCCOCOH23OOCH2HHC3HOH32HพพCOHCCOCHOCCCOCH2CHHHHHC2OOCOHHCC2C3CCHCO3₃CC2HCCCCH2HHCออHHnCNC2OCHOCCH₂2HH33CHHCnCNC22HHOHCCHHHHHnCHNC2CC2HลลC₃HHHHCH₃CCCNCC3OCC33H3H2₂CHCCHO33NCCHHH2เิิเ2HH2C3OCCHCNC2HCCmH2H2HHHมมOCCHHHC2nCNC22H3mH₃HCCHHHO2H32H22HCออ₂CHHC22HnHCC2HC3CCCHCHCCHCC22CC222H2CCOHCรรCHHn2222HHHn₃llOHC2nC2HHH₂llOCC2แ์แ์CHH2C2C2OC2C2H2nH2OHnบบ222CHCCCn2OH2หHCHCC2CnCNC2CบบHHC2HC2OรHO2HC2nหCCnCONC2หHHOCHCCHHอืHเคCC2H2CHHCHOCHH2รHตO2รHHOH2O2C2ห2Hว2COC2HือHHือ2Cมิ2CHOCO2HH2บ2รO2HO2CnOC2HHCCCอืCHC2แCCOCnOCHCห2OOCHln2COOCHนCHlCHHHNรOnHNOCOOH่น2Hอืห2COHHN2CCHOHห2HHก2NรC2COCCHHอืHHOC2บัรCกHHOCHือHC2lNCO2บัCก2CกC22CH22กCHHNOบัHlับHNlบัHNOCOC23OHC2OCCCCCO2NHCCCO2OHCmHOHCHHllNHHHHOCllH2CHH22H3C2CH32NHN2กNNCCm2HlHmm2CกCบั2NCHHN2ับCl2HOOHlCC22CCCHH2CC2HCHHHNHHC2HHCNCCHN222OHO2Cm2HO2NH2H2m2H2C22CC2CNCHCCCnHNCCHCHH2HHN2HHOH2C2222HCH222nหHnC2CรnC2CnCือHNHHHห2NCHห2ร22nหHHCอื รCnCรNCือHN2HnHCอื HHH22nห2CHN222หรNH2HNCือรNH2NCอื2HHHN2HH222NH22HN2N2HH2 2 HOHO HO C OCปOHฏCCCH3ิกOCCOHCCHOCCOริ HHHCl3Hยิ2lOCOCOOHHา2CHHCOกC2OmCHCHmOาHCCHOO2ร2OHlHC22เOกHCCCCHCHิดHHHH2HOCHCพO33O22HH2nอnC2C2ลCCHCCHเิCCHHHม2CCHC2CHH3อ32llH2CCC33CรCC2HHHCCHแ์CHCH333OบHH2H2CCHH3Cบ322HH2COCค33CCHOวOCOCCCHOบH3NHlCCO3แOHCCNHHNHนHHH33HHน่ CC33CHlH2COC2OOCHHCCCH22llOCOClHOHl CO2NHOC2ONCOHCHCHH2l CC2CNHHHH222 n n NH n CHC2 H2NHN2 H2 NH 1.7 HHOOCC OClCC COOCCHCCHH2lHCC33CCHHCCCHHll33HC3HC2CCHCCCHHH3HHCC2C23ll32OCCCHCOHlOCOH3HHO3n2nCกHOCOCCบั 2lH CCl OOOOHHCOCl n HOHCOH2 CCHH2 CClCCHnlC2 CCClnCl O Cl Cl OO CCCHHH3 33 OO OOn COlOCHCm2 H2CCOOlHCClHnCHOOC2 HCCOOH2CCHl33CClCHC2 HOO2CCHl CCOOlHCHCCC2 H2CCnnl Cl C ปCฏl ิกCOิรmิยาCกOClารเmOกnิดพCCอHHลิเ3มnCอCl รHC์แl2บบOควบแนน่ Cl Cl สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี n O O O OCH3 CH3

3 OCHH3CHCOOH CH3CเคHมCี เOลOม่ H5 บทที่ 13 | พอลเิ มอร์ CH2 NH2CH12 3N9H2 HOOCHOCOHC2 CCHH22 CCHH22 CCHH2 2 CCOHO2H COOH H2N CHH22N CH2 HOOC CH2 CH2 CH2 CH2 COOH H2N CH2 CH2 NH2 CH3 CH3 OO เขียHนHOโคO หรนงHส�า รO3้า5งมอนCอCHเH3ม3อรC์ขHอ3งพอOลOHิเHมอร์ตO่อHไปClนClี้ C CCll C Cl 2. O พรC้อมทClั้งระบุว่าปฏิกิริยาการเกิด พอลเิ มอร์เป็นแบบใด CH3 หหนน�า�า 333C555lCl Cl หนา� ClCl Cl CCll Cl CCl l Cl C 2.1 ปCฏHกิ 2CิรCHCิยCHCCC2HาHก2HHH2าCC222CรCCHClเHHlCCCCCกHก2ิดHHlllHบั CพCHCCอCCCCHHH2ลHHHH2เิ2มC2222CอClCCCCCรHllCCCCCCCl์แlllll2CCบCHClCCCบH2CHC2HHHเ2lต2222ิมCCHCCCCCCCCHlHHHHlllH2CCHCCCCHCH2HHH2H2222CCCClCCCCCCCCCClllHlllll 2 Cl CCCHHH222 CCHHCCll กกัับบ CCCHHH222 CCCCl CCClll222 Cl CHCl กับ 2.2 Cl m n m n n O Cl m C Cl O 2 .3HหหปCHหหหHหHหหรรOฏCCCืืออรรรรรรHOOOกิCืออืืออือืือHHHCCOิรOlOCCCCCCOิยlOHOOOCCCCCCClllาHHHOmCCCCกOOlCOCCCCOCOOOCCCOOOาlllOCCCHOCOOCCOClllรCOHHHCOOOC2เOOOCCCOOOOกOOOCCC222OOOกOOOHOOOิดOกกกCบัHHHOCOOOCพOOOCCCCCบัับับOOOCCCnOCCอCCCCCHHCแCmmmCCHHOลHHHHHOCCCแแแล3HOCCCHHlOOOเิ3Oลลละ333HHHมClll23ะะะCอCCCC222OHCHCCCCCรHHHHHCHCCC2HHHแ์HHHHHOCCCHH3OHH2222บOOOOOHHH333O2C3CบOOOCCCCCCCCOHHเOHตCCCCCHHHCHHHOHH3O2nHHHิมOHHHHHH333222nnnnnn3nOOOOO2333nCOOOHCCCCCHHHHCCCCCHOHHHHO2HHHHH3222333OCnOOOHCCCHOCOCCHHHHHH2 222 OH OOHH OH ปฏกิ ิริยาการเกดิ พอลเิ มอรแ์ บบควบแนน่ (นอกจากนอ้ี าจมมี อนอเมอรท์ ม่ี โี ครงสรา้ งเปน็ วงซง่ึ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอร์ แบบเปดิ วง) สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทที่ 13 | พอลเิ มอร์ เคมี เล่ม 5 140 OO CH3 หนหา� Cน3า� 63C6 O CH CH2 O n O O O OO 2.4 OO O OO OO O OO ClCl OO O OO OO HOHO OHOH หรอื HOHO หรหอื รือ ปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลิเมอร์แบบควบแนน่ (นอกจากนอ้ี าจมมี อนอเมอรท์ ม่ี โี ครงสรา้ งเปน็ วงซง่ึ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอร์ แบบเปดิ วง) 3. พอลเิ อทลิ นี 3 ชนิด มีโครงสรา้ งดังรูป A B และ C A B C จงเรยี งล�ำ ดับความหนาแนน่ ของพอลิเอทลิ นี ท้งั สามชนดิ น้ี พรอ้ มอธิบายเหตุผล ความหนาแนน่ ของพอลิเมอร์ C > B > A เนือ่ งจากพอลเิ มอร์ C มีโครงสรา้ งแบบเส้น สายโซ่พอลิเมอร์จึงจัดเรียงตัวอยู่ใกล้กันได้มากท่ีสุด ทำ�ให้มีความหนาแน่นมากท่ีสุด ส่วนพอลเิ มอร์ A และ B มีโครงสรา้ งแบบกง่ิ โดยพอลิเมอร์ A มีกง่ิ ยาวกว่าพอลเิ มอร์ B สายโซ่พอลิเมอร์ A จึงจดั เรยี งตัวได้หา่ งกว่าและมคี วามหนาแน่นน้อยกว่าพอลเิ มอร์ B สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 บทที่ 13 | พอลเิ มอร์ 141 4. เหตใุ ดฝ้ายซง่ึ เปน็ เซลลโู ลส สามารถดูดซับนำ้�ได้ดกี ว่าพอลเิ อทิลนี เทเรฟแทเลต (PET) ซ่งึ เป็นพอลเิ อสเทอร์ ฝา้ ยเปน็ เซลลโู ลส ในสายพอลเิ มอรม์ หี มู่ –OH ซงึ่ สามารถเกดิ พนั ธะไฮโดรเจนกบั น�้ำ ได ้ ท�ำ ใหด้ ดู ซบั น�ำ้ ไดด้ กี วา่ เสน้ ใยสงั เคราะหซ์ ง่ึ สว่ นใหญท่ �ำ มาจาก PET ทส่ี ายพอลเิ มอรม์ หี มู่ O R C OR' 5. พอลิแลกติกแอซิด (PLA) โครงสร้างดังรูป สามารถเกิดการย่อยสลายด้วยปฏิกิริยา ไฮโดรลซิ สิ ไดส้ ายพอลิเมอร์ท่ีส้ันลง O O O OOO O OO OO 5.1 ระบปุ ระเภทของ PLA ตามหมฟู่ ังกช์ นั PLA เปน็ สารประเภทเอสเทอร์ O OH O OH C 5.2 ระบุตCำ�แหน่งของพนั ธะที่แตกออกเมอื่ มีการย่อยสลาย CH2 CH CH2 CH CH2 CH CH2 COH O O C CO O O O O OO HO O O O CH2 HO CH2 C CH2 OH 6. ไฮโดรเจล (hydrogel) เปน็ พอลเิ มอรท์ บ่ี วมน�ำ้ แตไ่ มล่ ะลายในน�้ำ สามารถใชท้ �ำ ผา้ ออ้ ม สำ�CเรH็จ2รูป ดินวิทยาศาสตร์ ไฮโดรเจลชนิดหนึ่งได้จากปฏิกิริยาระหว่างแอลกอฮอล์กับ O พอOลิอะคOริลกิ แอOซHดิ มีโครงสรา้ งOดังแสดงO H O OH C C CC CH2 CH CH2 CH CH2 CH CH2 CHCH2 CH CH2 CH CH2 CH CH2 CH C C C C HO O OO OO HO O CH2 HO CสHถ2าบนั Cสง่ เสรCมิ Hกา2รสอOนวHทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี CH2

OO O O O O บทที่ 13 | พอลิเมอร์ เคมี เล่ม 5 142 O O O OH O OH C หน�า C3ห8นา� 38 CH2 CH CH2 CH CH2 CH CH2 CH O O OH OCH OH OH O OC C CO O C HCO O CH2 CCHH2 CCHH2 CCHCH2H2 CCHH2 CCHH2 CCHH2 CCHH2 CH HO CH2 CC CCH2 OH CC HO HO O O COH2O O O O O CHO2 CH2OH HO CHCHO2 CCH2 CCHC2 COHH2 OH CH2 CH CH2 CH CCHH22 CCHH2 CH2 CH C C HO O O O O OO O OCHO OH O C C C 6.1 ไฮโดรเCจHล2นเ้ี CปCHน็ Hพ2 อลCCเิ HมHอ2รท์Cม่ีCHีโH2ครงCสCHรHา้ 2งแCบCHบH2ใด CCHH2 CCHH2 CH พอลิเมอร์มีโคCรงสรC้างแบบรา่ งแห CC HO HO O O O OO O 6.2 เขียนโครOงสHร้างขอOงHแอลกOอฮHอลแ์ ลOะHพอลอิ ะคริลกิ แอซิด OH OH HO HO O O CH2 CH2 CC HO HCOH2 CCH2 CCH2 COHH2 OH CH2 CCHH2 CH2 CCHH2 CH CH2 CH2 OH OH CC O OOH OH OH CแHอ2ลกCCอHฮHอ2 ล ์C H O พอลอิ ะคริลกิ แอHซดิ CC B- O H O OOHOH OH O O H HO O H O สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี OH

HO O OO เคมี เลม่ 5 OH O บทท่ี 13 | พอลเิ มอร์ O 143 HO OC O O O OCH2 O O O O HO CHO2 C CH2 OH CH2 CH CHO2 CH เขยี นโค รงสรา้ งของมอนอเมอรข์ CอHงพ2 อลอิ ะครลิ กิ แอซดิ 6.3 และระOบปุ รCะเภOทHของ ปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลเิ มอร์ OH O C COHH2 CH O OH C C CH2 CH OCH2 COHH CH2 CH CH2 CH CC ปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์แบบOเตมิ O HO O CH2 6.4 ระบปุ ระเภทของปฏกิ ิรยิ าHรOะหวC่างHแ2อลCกอฮCอHล2ก์ ับพOอHลอิ ะคริลิกแอซิด ปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอรฟิ เิ คชันหรือปฏิกริ ิยาการควบแน่น CH2 6.5 เหตุใดไฮโดรเจลจงึ บวมนำ�้ แต่พOอลอิ ะคOรลิ กิ แOอซิดทO่เี ปHน็ สารต้ังต้นละลายนำ�้ เนื่องจากไฮโดรเจลมีหมู่ –OH ในCสายพอลิเมCอร์ จึงเกิดพันธะไฮโดรเจน กบั น�ำ้ ได้ นอกจCากHน2 ้ยี งั CมHโี ครCงสHร2้างCแHบบรCา่ Hงแ2 หทC�ำHให้ไCฮHโด2 รเCจHลไม่ละลายน้ำ� แต่จะอุ้มน้ำ�ไว้ได้ ส่วนCพอลิอะคริลิกแอซิดมีโครงสร้างแบบCเส้นตรง มีหมู่ –COOH จึงเกิดพHันOธะไฮโOดรเจนกับน้ำ�ได้ และไม่มีส่วนขOองโครOงสร้างแบบ รา่ งแหจึงละลายในน้ำ�ได้ 7. พอลิไวนิลแอลกอฮอล์ (PVA) ซงึ่ เป็นสว่ นประกอบในกาวน�้ำ มโี ครงสรา้ งดงั นี้ OH OH OH OH เมอ่ื เตมิ สารละลายบอแรกซซ์ ง่ึ ประกอบดว้ ยบอเรตไอออน (B(OH)4-) ลงไปจะไดส้ ไลม์ (slime) ซงึ่ เป็นพอลเิ มอรท์ ่มี ีโครงสรา้ งดังน้ี OH OH OH O B- O H H O HO O H O สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลOยี H

บทที่ 13 | พอลิเมอร์ เคมี เลม่ 5 144 OH OH OH OH OH OH OH O B- O H H พันธะไฮโดรเจน O HO O H O OH เหตุใดการเติมสารละลายบอแรกซ์ลงไปในกาวน้ำ�จึงทำ�ให้กาวน้ำ�เปลี่ยนเป็นสไลม์ที่มี ความแข็งมากขน้ึ PVA มีโครงสร้างแบบเส้นตรง เมื่อใส่ B(OH)4- ลงไป ทำ�ให้มีการเชื่อมขวางระหว่าง สายพอลเิ มอร์ ไดพ้ อลเิ มอรท์ ม่ี โี ครงสรา้ งแบบรา่ งแห พอลเิ มอรท์ ไ่ี ดจ้ งึ มคี วามแขง็ มากขน้ึ 8. พอลิเอทิลนี ความหนาแน่นต�่ำ แบบเสน้ (linear low density polyethylene, LLDPE) เปน็ พอลเิ มอรแ์ บบสมุ่ ระหวา่ งเอทลิ นี กบั แอลคนี โซต่ รง ถา้ LLDPE ชนดิ หนง่ึ มโี ครงสรา้ ง ดงั แสดง —(CH2CH2)0.75 — (CH2CH)0.25 — C2H5 n แอลคีนโซ่ตรงท่ีใช้ในการเตรียม LLDPE ชนิดนี้คือสารใด และควรใช้แอลคีนโซ่ตรง ก่ีกิโลกรัมหากต้องการเตรียม LLDPE น้ีปริมาณ 1 ตัน (กำ�หนดให้ มวลต่อโมลของ C = 12.0 กรมั ตอ่ โมล และ H = 1.0 กรมั ตอ่ โมล) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 บทท่ี 13 | พอลเิ มอร์ 145 จากโครงสรา้ ง LLDPE ทก่ี ำ�หนดให้ แอลคนี โซ่ตรงทใี่ ชใ้ นการเตรยี ม คือ but-1-ene หรอื 1-butene ส�ำ หรบั การค�ำ นวณมวลของ but-1-ene ทใ่ี ชใ้ นการเตรยี ม LLDPE ปรมิ าณ 1 ตนั เปน็ ดังนี้ จากโจทย์กำ�หนด มวลตอ่ โมลของเอทลิ นี (C2H4) = (12.0 2) + (1.0 4) = 28.0 g/mol มวลตอ่ โมลของ but-1-ene (C4H8) =(12.0 4) + (1.0 8) = 56.0 g/mol จากสูตรโครงสร้าง มวลตอ่ โมลของ LLDPE = ((มวลตอ่ โมล C2H4 0.75) + (มวลตอ่ โมล C4H8 0.25))n = ((28.0 0.75) + (56.0 0.25))n = ((21) + (14))n = 35n g/mol ดังน้นั 14n g/mol 1000 kg 35n g/mol 1 ton มวลของ but-1-ene ทีใ่ ช้ = 1 ton = 4 102 kg ดังน้นั การเตรียม LLDPE ปริมาณ 1 ตัน ตอ้ งใช้ but-1-ene เทา่ กับ 4 102 กโิ ลกรมั 9. ในการสงั เคราะหพ์ ลาสตกิ ของโรงงานแหง่ หนง่ึ มกี ารท�ำ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิ มอรข์ อง ของผสมไวนลิ คลอไรดก์ ับสไตรนี แต่โรงงานอีกแหง่ หนึง่ ทำ�ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ ของไวนลิ คลอไรดแ์ ลว้ จงึ เตมิ สไตรนี เพอ่ื ท�ำ ใหเ้ กดิ เปน็ พอลเิ มอรต์ อ่ จากสายพอลเิ มอรเ์ ดมิ พลาสติกท่ีได้จากโรงงานท้ังสองแห่งน้ีมีสมบัติเหมือนกันหรือไม่ เพราะเหตุใด เขยี นโครงสรา้ งของพอลเิ มอรท์ ไ่ี ดจ้ ากปฏกิ ริ ยิ าดงั กลา่ ว โดยใชส้ ญั ลกั ษณ์ V และ S แทน ส่วนของมอนอเมอร์ที่มาจากไวนลิ คลอไรด์และสไตรนี ตามล�ำ ดับ พลาสติกที่ได้จากโรงงานท้ังสองแห่งน้ีมีสมบัติแตกต่างกัน เพราะพอลิเมอร์ท่ีได้จาก โรงงานแห่งท่ี 1 เป็นโคพอลเิ มอรแ์ บบสมุ่ เชน่ -V-S-S-S-V-V-S-V-S-V-V-S-V-S-V- หรอื -(V)m-(S)n- แตพ่ อลเิ มอรท์ ี่ไดจ้ ากโรงงานแหง่ ที่ 2 เปน็ โคพอลิเมอรแ์ บบบลอ็ ก เชน่ -V-V-V-V-V-V-V-V-V-V-V-V-V-S-S-S-S-S-S-S-S-S-S-S-S-S-S- หรอื -[V]m-[S]n- สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทที่ 13 | พอลิเมอร์ เคมี เล่ม 5 146 10. พอลิฟีนิลนี ไวนลิ ลนี (poly(phหeนn�าyl4en0e vinylene)) มีโครงสรา้ งดงั แสดง n พอลิฟนี ิลีนไวนลิ ลีน เพราะเหตุใดพอลเิ มอร์นจี้ ึงนำ�ไฟฟ้าไดด้ ีข้นึ เม่ือทำ�ปฎิกิรยิ ากับตวั ออกซิไดส์ เพราะพอลหฟิ นนี �าลิ 4นี 1ไวนลิ ลนี มโี ครงสรา้ งทป่ี ระกอบดว้ ยพนั ธะคสู่ ลบั กบั พนั ธะเดย่ี ว ดงั แสดง หน�า 41 หน�า 41 เม่ือเติมตัวออกซิไดส์จะทำ�ให้เกิดประจุบวกบนสายพอลิเมอร์ ประจุและอิเล็กตรอน สามารถเคล่ือนบนสายพอลเิ มอรไ์ ด้ดี จึงนำ�ไฟฟา้ ไดเ้ พม่ิ ข้ึน 11. พอหลนิ-า� เม4ต1า-ฟนี ิลนี และพอล-ิ พารา-ฟีนิลนี มีโครงสรา้ งดงั แสดง พอลิ-เมตา-ฟนี ลิ ีน พอลิ-พารา-ฟนี ิลนี 11.1 เขยี นเสน้ ล้อมรอบแสดงพนั ธะคู่สลบั เดยี่ วอยา่ งต่อเนอื่ งของพอลิเมอร์ ทัง้ สองชนดิ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 บทที่ 13 | พอลิเมอร์ n 147 11.2 เมือ่ เติมตัวออกซิไดส์ พอลเิ มอร์ชนิดใดน�ำ ไฟฟ้าไดด้ กี วา่ เพราะเหตใุ ด พอล-ิ พารา-ฟีนลิ ีนนำ�ไฟฟา้ ได้ดีกว่าเนือ่ งจากมโี ครงสรา้ งท่ีประกอบด้วยพันธะคู่ สลบั พนั ธะเดย่ี วอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจากปลายดา้ นหนง่ึ ไปยงั ปลายอกี ดา้ นหนง่ึ ในขณะท่ี พอลิ-เมตา-ฟีนิลีนมีโครงสร้างที่ประกอบด้วยพันธะคู่สลับพันธะเด่ียวไม่ต่อเนื่อง ตลอดท้ังสาย 12. พอลิบวิ ทิลนี ซักซิเนต (poly(butylene succinate)) เปน็ พอลิเมอรท์ ีย่ ่อยสลายได้ทาง ชีวภาพ มีโครงสรา้ งดังแสดง O O O หนา� 42 On พอลบิ ิวทลิ ีนซักซเิ นต O ในกระบวนการยอ่ ยสลายทางชวี ภาพOพบว่า นอกจากคาร์บอนไดออกไซด์และน�้ำ ยังมี ผลติ ภณั ฑท์ เี่ กดิ ขน้ึ Oจากปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเอสเทอร์ ซง่ึ มมี วลโมเลกลุ ประมาณ 90 O 118 และ 190 จงเขยี นโครงสร้างของผลติ ภัณฑท์ ง้ั สามชนดิ นี้ n OO OH HO HO OH HO OH O OO มวลโมเลกุล 90 118 190 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 5 148 ภาคผนวก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 ภาคผนวก 149 ตวั อย่างเคร่อื งมือวัดและประเมินผล แบบทดสอบ การประเมนิ ผลดว้ ยแบบทดสอบเปน็ วธิ ที น่ี ยิ มใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายในการวดั ผลสมั ฤทธใิ์ นการเรยี น โดยเฉพาะดา้ นความรแู้ ละความสามารถทางสตปิ ญั ญา ครคู วรมคี วามเขา้ ใจในลกั ษณะของแบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของแบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือเลือกใช้แบบ ทดสอบให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของ แบบทดสอบรูปแบบตา่ ง ๆ เป็นดังน้ี 1) แบบทดสอบแบบทีม่ ตี วั เลอื ก แบบทดสอบแบบทม่ี ตี วั เลอื ก ไดแ้ ก่ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ แบบทดสอบแบบถกู หรอื ผดิ และ แบบทดสอบแบบจบั คู่ รายละเอยี ดของแบบทดสอบแตล่ ะแบบเป็นดงั น้ี 1.1) แบบทดสอบแบบเลือกตอบ เปน็ แบบทดสอบทมี่ กี ารก�ำ หนดตวั เลอื กใหห้ ลายตวั เลอื ก โดยมตี วั เลอื กทถ่ี กู เพยี งหนง่ึ ตวั เลอื ก องคป์ ระกอบหลักของแบบทดสอบแบบเลอื กตอบมี 2 ส่วน คอื ค�ำ ถามและตัวเลือก แต่บางกรณอี าจ มีส่วนของสถานการณ์เพิ่มขึ้นมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบ แบบเลอื กตอบค�ำ ถามเดยี่ ว แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถามชดุ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถาม 2 ชั้น โครงสรา้ งดงั ตวั อย่าง แบบทดสอบแบบเลอื กตอบแบบค�ำ ถามเดีย่ วทีไ่ ม่มสี ถานการณ์ ค�ำ ถาม……………………………………………………………………. ตวั เลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 5 150 แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเด่ยี วทีม่ ีสถานการณ์ สถานการณ…์ …………………………………………………………...................... ค�ำ ถาม…………………………………………………....................…………………. ตัวเลือก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบค�ำ ถามเป็นชุด สถานการณ…์ …………………………………………………………...................... ค�ำ ถาม…………………………………………………....................…………………. ตวั เลือก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ ค�ำ ถามท่ี 2 …………………………………………………………….................. ตัวเลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 ภาคผนวก 151 แบบทดสอบแบบถกู หรอื ผิด ค�ำ ส่งั ให้พจิ ารณาว่าข้อความตอ่ ไปน้ีถกู หรือผิด แลว้ ใส่เครื่องหมาย หรือ หนา้ ข้อความ ………… 1. ข้อความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 2. ข้อความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 3. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 4. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 5. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... แบบทดสอบรูปแบบน้ีสามารถสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และครอบคลุมเน้ือหา สามารถตรวจได้ รวดเรว็ และใหค้ ะแนนไดต้ รงกนั แตน่ กั เรยี นมโี อกาสเดาไดม้ าก และการสรา้ งขอ้ ความใหเ้ ปน็ จรงิ หรอื เปน็ เท็จโดยสมบูรณ์ในบางเนือ้ ทำ�ได้ยาก 1.3) แบบทดสอบแบบจบั คู่ ประกอบด้วยสว่ นทีเ่ ป็นคำ�ส่งั และขอ้ ความ 2 ชดุ ท่ใี หจ้ บั ค่กู นั โดยข้อความชดุ ท่ี 1 อาจเป็น ค�ำ ถาม และขอ้ ความชดุ ท่ี 2 อาจเปน็ ค�ำ ตอบหรอื ตวั เลอื ก โดยจ�ำ นวนขอ้ ความในชดุ ท่ี 2 อาจมมี ากกวา่ ในชุดที่ 1 ดังตวั อยา่ ง แบบทดสอบแบบจับคู่ ค�ำ สงั่ ใหน้ �ำ ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความในชดุ ค�ำ ตอบมาเตมิ ในชอ่ งวา่ งหนา้ ขอ้ ความในชดุ คำ�ถาม ชุดค�ำ ถาม ชุดค�ำ ตอบ ……… 1. ………………………………… ก. ………………………………… ……… 2. ………………………………… ข. ………………………………… ……… 3. ………………………………… ค. ………………………………… ง. ………………………………… สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 5 152 แบบทดสอบรูปแบบนี้สร้างได้ง่ายตรวจให้คะแนนได้ตรงกัน และเดาคำ�ตอบได้ยากเหมาะ สำ�หรับวัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำ�หรือข้อความ 2 ชุด แต่ในกรณีท่ีนักเรียน จบั คูผ่ ิดไปแลว้ จะทำ�ให้มีการจับคผู่ ิดในคอู่ ืน่ ๆ ด้วย 2) แบบทดสอบแบบเขียนตอบ เป็นแบบทดสอบที่ให้นักเรียนคิดคำ�ตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน ความคดิ ออกมาโดยการเขยี นใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ โดยทวั่ ไปการเขยี นตอบมี 2 แบบ คอื การเขยี นตอบแบบ เติมคำ�หรือการเขียนตอบอย่างสั้น และการเขียนตอบแบบอธิบาย รายละเอียดของแบบทดสอบท่ีมี การตอบแต่ละแบบเป็นดงั นี้ 2.1) แบบทดสอบเขียนตอบแบบเติมคำ�หรือตอบอย่างสั้น ประกอบด้วยคำ�ส่ัง และข้อความที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งจะมีส่วนท่ีเว้นไว้เพื่อให้เติมคำ�ตอบหรือ ขอ้ ความสนั้ ๆ ทท่ี �ำ ใหข้ อ้ ความขา้ งตน้ ถกู ตอ้ งหรอื สมบรู ณ์ นอกจากนแี้ บบทดสอบยงั อาจประกอบดว้ ย สถานการณ์และคำ�ถามที่ให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แต่สถานการณ์และคำ�ถามจะเป็น สง่ิ ทกี่ ำ�หนดคำ�ตอบใหม้ คี วามถกู ตอ้ งและเหมาะสม แบบทดสอบรปู แบบน้ีสร้างได้ง่าย มีโอกาสเดาได้ยาก และสามารถวนิ จิ ฉัยค�ำ ตอบทน่ี กั เรยี น ตอบผิดเพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่องทางการเรียนรู้หรือความเข้าใจท่ีคลาดเคล่ือนได้ แต่การจำ�กัด คำ�ตอบให้นักเรียนตอบเป็นคำ� วลี หรือประโยคได้ยาก ตรวจให้คะแนนได้ยากเนื่องจากบางครั้งมี คำ�ตอบถูกตอ้ งหรอื ยอมรบั ได้หลายคำ�ตอบ 2.2) แบบทดสอบเขียนตอบแบบอธบิ าย เปน็ แบบทดสอบทีต่ อ้ งการให้นักเรียนสรา้ งคำ�ตอบอย่างอสิ ระ ประกอบดว้ ยสถานการณแ์ ละ คำ�ถามท่สี อดคล้องกนั โดยคำ�ถามเปน็ คำ�ถามแบบปลายเปดิ แบบทดสอบรปู แบบนใ้ี หอ้ สิ ระแกน่ กั เรยี นในการตอบจงึ สามารถใชว้ ดั ความคดิ ระดบั สงู ได้ แต่ เนอ่ื งจากนกั เรยี นตอ้ งใชเ้ วลาในการคดิ และเขยี นค�ำ ตอบมาก ท�ำ ใหถ้ ามไดน้ อ้ ยขอ้ จงึ อาจท�ำ ใหว้ ดั ไดไ้ ม่ ครอบคลมุ เนอ้ื หาทง้ั หมด รวมทง้ั ตรวจใหค้ ะแนนยาก และการตรวจใหค้ ะแนนอาจไมต่ รงกนั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 ภาคผนวก 153 แบบประเมนิ ทักษะ เมื่อนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจริงจะมีหลักฐานร่องรอยท่ีแสดงไว้ท้ังวิธีการปฏิบัติและ ผลการปฏบิ ตั ิ ซงึ่ หลกั ฐานรอ่ งรอยเหลา่ นนั้ สามารถใชใ้ นการประเมนิ ความสามารถ ทกั ษะการคดิ และ ทกั ษะปฏบิ ัติไดเ้ ปน็ อย่างดี การปฏบิ ตั กิ ารทดลองเปน็ กจิ กรรมทีส่ �ำ คญั ทใี่ ชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ โดยทว่ั ไปจะ ประเมิน 2 ส่วน คือ ประเมินทักษะการปฏิบัติการทดลองและการเขียนรายงานการทดลอง โดยเครือ่ งมอื ท่ใี ช้ประเมินดงั ตวั อยา่ ง ตัวอย่างแบบส�ำ รวจรายการทักษะปฏบิ ัติการทดลอง ผลการส�ำ รวจ รายการท่ตี อ้ งสำ�รวจ มี ไมม่ ี (ระบุจ�ำ นวนครง้ั ) การวางแผนการทดลอง การทดลองตามขั้นตอน การสงั เกตการทดลอง การบนั ทกึ ผล การอภปิ รายผลการทดลองกอ่ นลงขอ้ สรปุ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 5 154 ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ทกั ษะปฏบิ ตั กิ ารทดลองทใ่ี ชเ้ กณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบแยกองคป์ ระกอบยอ่ ย ทักษะปฏิบตั ิ 3 คะแนน 1 การทดลอง 2 ก า ร เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เครือ่ งมอื ในการทดลอง เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง ทดลองไดถ้ กู ตอ้ งแต่ ทดลองไมถ่ กู ตอ้ ง เหมาะสมกบั งาน ไม่เหมาะสมกับงาน การใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ใช้อุปกรณ์/เคร่ืองมือ ใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ในการทดลอง ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ ในการทดลองได้ถูก ในการทดลองไม่ถูก อ ย่ า ง ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว ตอ้ งตามหลกั การ ตอ้ ง แ ล ะ ถู ก ต้ อ ง ต า ม ปฏิบตั ิ แต่ไม่ หลักการปฏิบัติ คล่องแคล่ว การทดลองตามแผนที่ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ก�ำ หนด แ ล ะ ข้ั น ต อ น ที่ แ ล ะ ข้ั น ต อ น ท่ี แ ล ะ ขั้ น ต อ น ที่ กำ�หนดไว้อย่างถูก กำ � ห น ด ไ ว้ มี ก า ร กำ � ห น ด ไ ว้ ห รื อ ต้อง มีการปรับปรุง ปรับปรงุ แก้ไขบา้ ง ดำ � เ นิ น ก า ร ข้ า ม แก้ไขเปน็ ระยะ ขั้นตอนที่กำ�หนดไว้ ไ ม่ มี ก า ร ป รั บ ป รุ ง แกไ้ ข สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 ภาคผนวก 155 ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ทกั ษะปฏิบัตกิ ารทดลองทใี่ ชเ้ กณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบมาตรประมาณคา่ ทกั ษะท่ีประเมนิ ผลการประเมนิ ระดับ 2 ระดับ 3 ระดับ 1 1. วางแผนการทดลองอย่างเป็น ระดบั 3 หมายถงึ ระดบั 2 หมายถงึ ระดบั 1 หมายถงึ ขนั้ ตอน ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 3 ขอ้ ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 2 ขอ้ ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 1 ขอ้ 2. ป ฏิ บั ติ ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ อ ย่ า ง คล่องแคล่ว สามารถเลือกใช้ อุปกรณ์ได้ถูกต้อง เหมาะสม และจดั วางอปุ กรณเ์ ปน็ ระเบยี บ สะดวกต่อการใชง้ าน 3. บันทึกผลการทดลองได้ถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์ ตวั อย่างแนวทางการให้คะแนนการเขยี นรายงานการทดลอง คะแนน 321 เขียนรายงานตาม เขียนรายงานการ เขียนรายงานโดย ลำ � ดั บ ข้ั น ต อ น ทดลองตามลำ�ดับ ลำ� ดับข้ันตอนไม่ ผลการทดลองตรง แตไ่ มส่ อ่ื ความหมาย สอดคล้องกัน และ ตามสภาพจริงและ ไมส่ ื่อความหมาย ส่อื ความหมาย แบบประเมนิ คุณลกั ษณะด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำ�ได้โดยตรง โดยท่ัวไปทำ�โดยการตรวจสอบพฤติกรรม ภายนอกท่ีปรากฏใหเ้ ห็นในลกั ษณะของคำ�พดู การแสดงความคิดเห็น การปฏบิ ัตหิ รือพฤตกิ รรมบ่งชี้ ทส่ี ามารถสงั เกตหรอื วดั ได้ และแปลผลไปถงึ จติ วทิ ยาศาสตรซ์ งึ่ เปน็ สง่ิ ทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ประเมนิ คุณลักษณะด้านจติ วิทยาศาสตร์ ดังตัวอย่าง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 5 156 ตัวอย่างแบบประเมนิ คุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ คำ�ชแี้ จง จงทำ�เคร่ืองหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกับคุณลักษณะท่ีนักเรียนแสดงออก โดยจำ�แนก ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออกเปน็ 4 ระดับ ดงั น้ี มาก หมายถงึ นกั เรียนแสดงออกในพฤตกิ รรมเหล่านั้นอย่างสมำ่�เสมอ ปานกลาง หมายถึง นกั เรยี นแสดงออกในพฤติกรรมเหล่านัน้ เปน็ ครั้งคราว นอ้ ย หมายถงึ นักเรยี นแสดงออกในพฤตกิ รรมเหล่าน้นั น้อยคร้งั ไมม่ กี ารแสดงออก หมายถึง นักเรยี นไมแ่ สดงออกในพฤติกรรมเหลา่ น้ันเลย ระดบั พฤติกรรมการแสดงออก รายการพฤติกรรมการแสดงออก มาก ปาน น้อย ไมม่ กี าร ด้านความอยากรู้อยากเหน็ กลาง แสดงออก 1. นักเรียนสอบถามจากผู้รู้หรือไปศึกษา ค้นคว้าเพิ่มเติม เม่ือเกิดความสงสัยใน เร่อื งราววิทยาศาสตร์ 2. นักเรยี นชอบไปงานนทิ รรศการ วิทยาศาสตร์ 3. นักเรียนนำ�การทดลองทส่ี นใจไป ทดลองต่อทบ่ี า้ น ด้านความซอื่ สตั ย์ 1. นักเรียนรายงานผลการทดลองตามท่ี ทดลองได้จริง 2. เมอ่ื ท�ำ การทดลองผดิ พลาด นกั เรยี นจะ ลอกผลการทดลองของเพ่อื ส่งครู 3. เมอ่ื ครมู อบหมายให้ท�ำ ชน้ิ งาน ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ นักเรยี นจะ ประดิษฐ์ตามแบบท่ีปรากฏอย่ใู น หนงั สือ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 ภาคผนวก 157 ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออก รายการพฤตกิ รรมการแสดงออก มาก ปาน น้อย ไม่มกี าร ดา้ นความใจกว้าง กลาง แสดงออก 1. แมว้ า่ นกั เรยี นจะไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การสรปุ ผลการทดลองในกลุ่ม แต่ก็ยอมรับผล สรุปของสมาชกิ ส่วนใหญ่ 2. ถา้ เพอื่ นแยง้ วธิ กี ารทดลองของนกั เรยี น และมีเหตุผลท่ีดีกว่า นักเรียนพร้อมที่ จ ะ นำ � ข้ อ เ ส น อ แ น ะ ข อ ง เ พื่ อ น ไ ป ปรับปรุงงานของตน 3. เม่ืองานท่ีนักเรียนต้ังใจและทุ่มเททำ� ถูกตำ�หนิหรือโต้แย้ง นักเรียนจะหมด ก�ำ ลงั ใจ ด้านความรอบคอบ 1. นักเรียนสรุปผลการทดลองทันทีเม่ือ เสรจ็ สน้ิ การทดลอง 2. นักเรียนทำ�การทดลองซำ้� ๆ ก่อนที่จะ สรปุ ผลการทดลอง 3. นักเรียนตรวจสอบความพร้อมของ อปุ กรณ์ก่อนท�ำ การทดลอง ดา้ นความมุง่ มน่ั อดทน 1. ถึงแม้ว่างานค้นคว้าท่ีทำ�อยู่มีโอกาส ส�ำ เรจ็ ไดย้ าก นกั เรยี นจะยงั คน้ ควา้ ตอ่ ไป 2. นกั เรยี นลม้ เลกิ การทดลองทนั ที เมอื่ ผล การทดลองทไ่ี ดข้ ดั จากทเี่ คยไดเ้ รยี นมา 3. เมื่อทราบว่าชุดการทดลองท่ีนักเรียน สนใจต้องใช้ระยะเวลาในการทดลอง นาน นักเรยี นก็เปล่ยี นไปศึกษาชดุ การ ทดลองทใี่ ชเ้ วลานอ้ ยกวา่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 5 158 ระดบั พฤติกรรมการแสดงออก รายการพฤตกิ รรมการแสดงออก มาก ปาน นอ้ ย ไม่มีการ เจตคติท่ีดีต่อวทิ ยาศาสตร์ กลาง แสดงออก 1. นักเรียนนำ�ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา ใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจ�ำ วันอย่เู สมอ 2. นกั เรยี นชอบท�ำ กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั วิทยาศาสตร์ 3. นั ก เ รี ย น ส น ใ จ ติ ด ต า ม ข่ า ว ส า ร ที่ เกีย่ วข้องกับวทิ ยาศาสตร์ วิธกี ารตรวจใหค้ ะแนน ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑโ์ ดยกำ�หนดน�้ำ หนักของตวั เลือกในชอ่ งตา่ ง ๆ เป็น 4 3 2 1 ข้อความทม่ี ี ความหมายเปน็ ทางบวก กำ�หนดใหค้ ะแนนแต่ละขอ้ ความดงั นี้ ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 นอ้ ย 2 ไมม่ กี ารแสดงออก 1 ส่วนของข้อความท่ีมีความหมายเป็นทางลบการกำ�หนดให้คะแนนในแต่ละข้อความจะมีลักษณะ เป็นตรงกนั ขา้ ม การประเมนิ การน�ำ เสนอผลงาน การประเมนิ ผลและใหค้ ะแนนการน�ำ เสนอผลงานใชแ้ นวทางการประเมนิ เชน่ เดยี วกบั การประเมนิ ภาระงานอื่น คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย ดังราย ละเอยี ดตอ่ ไปน้ี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 5 ภาคผนวก 159 1) การใหค้ ะแนนในภาพรวม เปน็ การใหค้ ะแนนทต่ี อ้ งการสรปุ ภาพรวมจงึ ประเมนิ เฉพาะประเดน็ หลกั ทสี่ �ำ คญั ๆ เชน่ การประเมนิ ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา ความรแู้ ละการประเมนิ สมรรถภาพดา้ นการ เขียนโดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบภาพรวม ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้ ตัวอยา่ งเกณฑ์การประเมนิ ความถูกต้องของเน้ือหาความรู้ (แบบภาพรวม) รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ เน้อื หาไมถ่ ูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ตอ้ งปรบั ปรุง เนอื้ หาถกู ต้องแต่ใหส้ าระสำ�คัญน้อยมาก และไมร่ ะบแุ หลง่ ที่มาของความรู้ เนอ้ื หาถกู ตอ้ ง มสี าระส�ำ คญั แตย่ งั ไมค่ รบถว้ น มกี ารระบแุ หลง่ ทม่ี าของความรู้ พอใช้ เนอ้ื หาถกู ต้อง มสี าระสำ�คญั ครบถ้วน และระบุแหล่งที่มาของความรู้ชัดเจน ดี ดมี าก ตัวอย่างเกณฑก์ ารประเมินสมรรถภาพดา้ นการเขยี น (แบบภาพรวม) รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ เขียนสับสน ไม่เป็นระบบ ไม่บอกปัญหาและจุดประสงค์ ขาดการเช่ือมโยง ตอ้ งปรับปรุง เนื้อหาบางส่วนไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสมและสะกดคำ� ไม่ถกู ต้อง ไม่อา้ งอิงแหล่งทีม่ าของความรู้ ขียนเป็นระบบแต่ไม่ชัดเจน บอกจุดประสงค์ไม่ชัดเจน เนื้อหาถูกต้องแต่มี พอใช้ รายละเอียดไม่เพยี งพอ เนื้อหาบางตอนไมส่ ัมพันธ์กัน การเรียบเรยี บเนือ้ หา ไมต่ อ่ เน่อื ง ใช้ภาษาถูกต้อง อา้ งอิงแหล่งท่มี าของความรู้ เขยี นเปน็ ระบบ แสดงใหเ้ หน็ โครงสรา้ งของเรอ่ื ง บอกความส�ำ คญั และทม่ี าของ ดี ปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักไม่ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญท้งั หมด เน้อื หา บางตอนเรียบเรียงไม่ต่อเน่ือง ใช้ภาษาถูกต้อง มีการยกตัวอย่าง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อา้ งองิ แหลง่ ทม่ี าของความรู้ เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเรื่อง บอกความสำ�คัญและที่มา ดีมาก ของปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักได้ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญท้ังหมด เรียบเรียงเนื้อหาได้ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง ชัดเจนเข้าใจง่าย มีการ ยกตัวอยา่ ง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อ้างอิงแหล่งที่มาของความรู้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 5 160 2) การใหค้ ะแนนแบบแยกองคป์ ระกอบยอ่ ย เปน็ การประเมนิ เพอื่ ตอ้ งการน�ำ ผลการประเมนิ ไปใช้ พัฒนางานให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ และพัฒนาคุณภาพให้สูงข้ึนกว่าเดิมอย่างต่อเน่ือง โดยใช้เกณฑ์ ยอ่ ย ๆ ในการประเมินเพ่ือทำ�ให้รู้ท้ังจุดเด่นที่ควรส่งเสริมและจุดด้อยท่ีควรแก้ไขปรับปรุงการทำ�งาน ในสว่ นนัน้ ๆ เกณฑ์การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบยอ่ ย มีตัวอย่างดังน้ี ตวั อยา่ งเกณฑ์การประเมนิ สมรรถภาพ (แบบแยกองค์ประกอบย่อย) รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ ดา้ นการวางแผน ตอ้ งปรบั ปรงุ พอใช้ ไมส่ ามารถออกแบบได้ หรอื ออกแบบไดแ้ ตไ่ มต่ รงกบั ประเดน็ ปญั หาทตี่ อ้ งการ ดี เรียนรู้ ดมี าก ออกแบบการไดต้ ามประเด็นส�ำ คัญของปญั หาเปน็ บางส่วน ต้องปรบั ปรุง พอใช้ ออกแบบครอบคลมุ ประเดน็ ส�ำ คญั ของปญั หาเปน็ สว่ นใหญ่ แตย่ งั ไมช่ ดั เจน ดี ดีมาก ออกแบบไดค้ รอบคลมุ ทกุ ประเดน็ ส�ำ คญั ของปญั หาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนทช่ี ดั เจน และตรงตามจดุ ประสงค์ท่ีตอ้ งการ ดา้ นการด�ำ เนินการ ดำ�เนินการไม่เป็นไปตามแผน ใช้อุปกรณ์และสื่อประกอบถูกต้องแต่ไม่ คลอ่ งแคลว่ ดำ�เนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์และส่ือประกอบถูกต้องแต่ไม่ คล่องแคลว่ ดำ�เนินการตามแผนท่ีวางไว้ ใช้อุปกรณ์และส่ือประกอบการสาธิตได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ และเสรจ็ ทนั เวลา ผลงานในบางขน้ั ตอนไมเ่ ปน็ ไปตามจดุ ประสงค์ ด�ำ เนนิ การตามแผนทว่ี างไว้ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละสอื่ ประกอบไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ และเสร็จทันเวลา ผลงานทกุ ขนั้ ตอนเป็นไปตามจดุ ประสงค์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 ภาคผนวก 161 รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ ด้านการอธิบาย ตอ้ งปรบั ปรงุ พอใช้ อธบิ ายไมถ่ ูกต้อง ขัดแย้งกับแนวคิดหลกั ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี ดมี าก อธิบายโดยอาศัยแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ แต่การอธิบายเป็นแบบ พรรณนาท่ัวไปซึ่งไมค่ �ำ นงึ ถึงการเชอ่ื มโยงกบั ปญั หาทำ�ให้เข้าใจยาก อธบิ ายโดยอาศยั แนวคดิ หลกั ทางวทิ ยาศาสตร์ ตรงตามประเดน็ ของปญั หาแต่ ขา้ มไปในบางขน้ั ตอน ใชภ้ าษาไดถ้ กู ตอ้ ง อธิบายตามแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหาและ จดุ ประสงค์ ใชภ้ าษาไดถ้ ูกตอ้ งเขา้ ใจง่าย สอื่ ความหมายไดช้ ดั เจน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บรรณานกุ รม เคมี เลม่ 5 162 บรรณานุกรม กรมโรงงานอตุ สาหกรรม. (2558). คมู่ อื การจดั การสารเคมอี นั ตรายสงู ไวนลิ คลอไรดม์ อนอเมอร.์ กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สบื คน้ เมอ่ื 12 มนี าคม 2563, จาก http://php.diw.go.th/safety/wp-content/uploads/2015/01/Vinyl-chloride-monomer. pdf. กรรณกิ าร์ บตุ รเอก. (2555). มารจู้ กั ไวนลิ คลอไรดม์ อนอเมอร์ กนั เถอะ. วารสารกรมวทิ ยาศาสตร์ บรกิ าร. 189. สบื คน้ เมอ่ื 12 มนี าคม 2563, จาก http://lib3.dss.go.th/fulltext/ dss_j/2555_189_60_p20-21.pdf. กองอตุ สาหกรรมออ้ ย น�ำ้ ตาลทรายและอตุ สาหกรรมตอ่ เนอ่ื ง กลมุ่ สง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมชวี ภาพ พลาสติกที่สลายตวั ไดท้ างชวี ภาพ. (2562). Polylactic acid (PLA). สืบคน้ เมือ่ 30 พฤษภาคม 2562, จาก http://www.ocsb.go.th/upload/bioindustry/fileupload/9757-9874. pdf. คมสนั ตนั ยนื ยงค.์ (2543). เรอ่ื งนา่ รเู้ กย่ี วกบั ตวั ท�ำ ละลายอนิ ทรยี .์ วารสารกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร. 48(152), 12–16. ไซโต คะสึฮโิ ระ. (2557). สารประกอบอนิ ทรีย์มีประโยชน์ ฉบับการ์ตนู . บงกช บางย่ขี ัน, ผแู้ ปล. กรุงเทพฯ: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี ุ่น). ธนาวดี ล้ีจากภัย. (2544). เรยี นรโู้ พลเิ มอร์จากการทดลอง. กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและ วัสดแุ หง่ ชาติ (เอ็มเทค). ศุลพี ร แสงกระจา่ ง ปทั มา พลอยสว่าง และปริดา พรหมหติ าธร. (2556). ผลกระทบของพลาสตกิ ตอ่ สขุ ภาพและสงิ่ แวดลอ้ ม. วารสารพษิ วทิ ยาไทย, 28(1). สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2563, จาก http://www.thaitox.org/media/upload/file/Journal/2013-1/04aricle.pdf. สถาบนั พลาสติก. (2560). โครงการเพม่ิ ศกั ยภาพฐานขอ้ มลู อตุ สาหกรรมฐานชวี ภาพ: บทท่ี 9 รายละเอยี ด ขอ้ มลู พลาสตกิ ชวี ภาพประเภท พอลบิ วิ ทลิ นี อะดเิ พท-โค-เทเรฟทาเลท. สืบค้นเม่อื 12 มีนาคม 2563, จาก http://asp.plastics.or.th:8001/files/article_file/20180624234830u.pdf. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2559). คมู่ อื ครู รายวิชาเพมิ่ เติม เคมี เล่ม 5. พมิ พค์ รงั้ ที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2559). หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่มิ เติม เคมี เล่ม 5. พิมพ์คร้งั ท่ี 8. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. ส�ำ นกั งานราชบณั ฑติ ยสภา. (2560). พจนานุกรมศพั ท์พอลิเมอร์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา. พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. นครสวรรค์: บรษิ ัท เดอะ เบสท์ เพรส แอนด์ ครีเอช่นั จ�ำ กัด. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 บรรณานกุ รม 163 Baird, C. & Gloffke, W. (2002). Chemistry in your life. New York: W.H. Freeman and Company. Bruice, P.Y. (2004). Organic Chemistry. 4th ed. New Jersey: Pearson Education, Inc. Burdge, J. (2020). Chemistry. 5th ed. New York: McGraw-Hill Education. Burrows A. & other. (2009). Chemistry3 introducing inorganic, organic and physical chemistry. New York: Oxford University Press Inc. Cann, P. & Hughes, P. (2015). Cambridge International As and A Level: Chemistry. London: Hodder Education. Chang, R. & Overby, J. (2019). Chemistry. New York: The McGraw-Hill. Derraik, J.G.B. (2002). The pollution of the marine environment by plastic debris: a review. Marine Pollution Bulletin 44. Retrieved March 12, 2020, from https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0025326X02002205. Eugene, L.Jr. & other. (2000). Chemistry: Connections to Our Changing World. 2nd ed. New Jersey: Prince-Hall, Inc. Fahlman, B.D. & other. (2018). Chemistry in Context: Applying Chemistry to Society. 9th ed. New York: McGraw-Hill Education. Farre, H.A. & Powell, W.H. (2013). Nomenclature of Organic Chemistry: IUPAC Recommendations and Preferred Names 2013. Retrieved July 3, 2019, from https://pubs.rsc.org. Hutchings, K. (2000). Classic chemistry experiments. London: The Royal Society of Chemistry. Jenkins, F. & other. (2003). Nelson Chemistry 12. Ontario: Thomson Nelson. Leja, K. & Lewandowicz, G. (2010). Polymer biodegradation and biodegradable polymers-a review. Polish Journal of Environmental Studies. 19(2), 255–266. McMurry, J. E. & other. (2016). Chemistry. 7th ed. Essex: Pearson Education Limited. Merline, D.J. & Vukusic, S. & Abdala, A.A. (2013). Melamine formaldehyde: curing studies and reaction mechanism. Polymer Journal. Retrieved May 27, 2019, from https://www.nature.com/articles/pj2012162. Mohammad, F. (2001). Handbook of Advanced Electronic and Photonic Materials and Devices: Chapter 8 - Stability of electrically conducting polymers. San Diego: Academic Press. Polymer Properties Database. Retrieved June 2, 2019, from https://polymerdatabase.com/ home.html. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บรรณานกุ รม เคมี เล่ม 5 164 Seymour, R.B. & other. (1989). Karl Ziegler Father of High Density Polyethylene. Pioneers in Polymer Science. Retrieved May 27, 2019, from https://link.springer.com/ chapter/10.1007/978-94-009-2407-9_20. Shukla, P. & Sharma, A. (2017). Food additives and organic chemistry perspective. MOJ Bioorganic & Organic Chemistry. 1(3). 70–79. Silberberg, M.S. (2013). Chemistry: The Molecular Nature of Matter and Change. global edition. New York: McGraw-Hill. Singh, M. & other. (2015). Challenges and opportunities for customizing polyhydroxyalkanoates. Indian Journal of Microbiology. 55(3), 235–249. Skotheim, T.A. & Reynolds, J.R. (2007). Conjugated polymers: theory, synthesis, properties and characterization. Florida: CRC Press. Smith, K. & Evans, D. & El-Hiti, G. (2008). Role of modern chemistry in sustainable arable crop protection. Philosophical transactions of the royal society B. 363. 623–637. Solomon, T.W. & Fryhle, C.B. (2011). Organic Chemistry. 10th ed. New Jersey: John Wiley & Sons, INC. Šprajcar, M. & Horvat, P. & Kržan, A. (2012). Biopolymers and bioplastics: plastics aligned with nature; informational – educational material for teachers and laboratory assistants of chemistry at primary and secondary schools. Retrieved May 20, 2019, from https://www.umsicht.fraunhofer.de/content/dam/ umsicht/de/dokumente/ueber-uns/nationale-infostelle-nachhaltige-kunststoffe/ biopolymers-bioplastics-brochure-for-teachers.pdf. Stevens, M.P. (1999). Polymer chemistry: an introduction. 3rd ed. New York: Oxford University Press, Inc. Wan, M. (2008). Conducting Polymers with Micro or Nanometer Structure. Beijing: Tsinghua University Press. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 5 คณะกรรมการจดั ทำ�คมู่ ือครู 165 คณะกรรมการจดั ทำ�คูม่ อื ครู รายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี เล่ม 5 ตามผลการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานพุทธศักราช 2551 คณะท่ีปรึกษา ผู้อ�ำ นวยการสถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และ ศ.ดร.ชูกจิ ลิมปจิ ำ�นงค ์ เทคโนโลยี ผชู้ ว่ ยผูอ้ �ำ นวยการสถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร ์ ดร.วนิดา ธนประโยชนศ์ กั ด์ ิ และเทคโนโลยี คณะผ้จู ดั ท�ำ คู่มอื ครู รายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคม ี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เล่ม 5 ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินทิ ธิ์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั นายณรงคศ์ ลิ ป์ ธูปพนม ผ้เู ช่ยี วชาญพเิ ศษอาวโุ ส ผศ.ดร.จนิ ดา แต้มบรรจง สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสาวศศนิ ี อังกานนท์ ผชู้ �ำ นาญ นางกมลวรรณ เกยี รตกิ วนิ กุล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นางสุทธาทพิ ย์ หวังอ�ำ นวยพร ผูช้ �ำ นาญ นางสาวศิริรัตน์ พริกสี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.สนธิ พลชยั ยา ผชู้ ำ�นาญ สาขาเคมีและชวี วิทยา ดร.วชั ระ เตียทะสินธ์ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ชำ�นาญ สาขาเคมแี ละชวี วิทยา สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผชู้ �ำ นาญ สาขาเคมแี ละชวี วทิ ยา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผู้ช�ำ นาญ สาขาเคมีและชวี วทิ ยา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นักวชิ าการ สาขาเคมแี ละชีววทิ ยา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คณะกรรมการจัดท�ำ คูม่ อื ครู เคมี เล่ม 5 166 คณะผู้รว่ มพจิ ารณาคมู่ อื ครู รายวิชาเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี เคมี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เล่ม 5 (ฉบบั ร่าง) ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินิทธิ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ผศ.ดร.วราวฒุ ิ ต้งั พสธุ าดล จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผศ.ดร.นวพร วนิ ยเวคนิ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั นางสาวนนั ทน์ ภัส วิรัตนภ์ ัทธริ ากร โรงเรียนสารวิทยา กรงุ เทพมหานคร นายอัครพงษ์ ธิติพงศก์ ร โรงเรียนเทพศิรินทร์ กรงุ เทพมหานคร นายอัครวชิ ญ์ พวิ งษง์ าม โรงเรยี นไตรมิตรวทิ ยาลยั กรุงเทพมหานคร นางสาวนิลาวลั ย์ งา้ วกาเขียว โรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 กรงุ เทพมหานคร นางสาวกนกวรรณ มะลิลา โรงเรยี นเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร นายชัยพร มติ รพิทกั ษ์ โรงเรียนหอวัง กรุงเทพมหานคร นางวาสนา กซุ ัว โรงเรียนมธั ยมวัดหนองแขม กรุงเทพมหานคร นางสาวกัลยาณี พันโบ โรงเรียนสตรีนนทบุรี จ.นนทบรุ ี นางลดั ดาวรรณ เหลา่ เกยี รติกลุ โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศกึ ษานอ้ มเกลา้ นนทบรุ ี จ.นนทบรุ ี นางสาวปรวรรณ คารวะวชิ ยั โรงเรยี นอ่างทองปัทมโรจน์วทิ ยาคม จ.อา่ งทอง นางวรรณนภา ธุววิทย์ โรงเรียนอ่างทองปทั มโรจนว์ ทิ ยาคม จ.อ่างทอง นางพนารัตน์ เอกปจั ชา โรงเรียนเบญจมราชูทศิ จงั หวัดจนั ทบุรี จ.จันทบรุ ี นางสาวจฑุ ารตั น์ ใจงาม โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลยั ปทมุ ธานี นางชวนช่นื มลิลา โรงเรียนแก่นนครวิทยาลยั จ.ขอนแกน่ นางรกั มณี วรรณดัด โรงเรียนท่าโพธศิ์ รีพิทยา จ.อบุ ลราชธานี นางสปุ ราณี ชนะโชติ โรงเรียนจอมสุรางคอ์ ุปถัมภ์ จ.พระนครศรีอยุธยา นางสาวณฏั ฐิกา งามกิจภญิ โญ นกั วิชาการอาวุโส สาขาเคมแี ละชีววิทยา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดร.ปณุ ิกา พระพทุ ธคณุ นกั วชิ าการ สาขาเคมีและชีววิทยา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นายกฤชพล นิตนิ ยั วินิจ นกั วชิ าการ สาขาเคมแี ละชวี วทิ ยา สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะบรรณาธิการ ศ.ดร.มงคล สขุ วฒั นาสินทิ ธ์ิ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ผศ.ดร.วราวฒุ ิ ตัง้ พสุธาดล จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ผศ.ดร.นวพร วินยเวคิน จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั นายณรงคศ์ ิลป์ ธปู พนม ผู้เชย่ี วชาญพิเศษอาวโุ ส สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผศ.ดร.จนิ ดา แต้มบรรจง ผชู้ ำ�นาญ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางกมลวรรณ เกยี รติกวินกลุ ผชู้ ำ�นาญ สาขาเคมแี ละชวี วิทยา สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี