2024 ทำไม epacket ไปรษณ ย ไทย เช คส นค าไม ได

อีกหนึ่งปัญหาของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะคนที่ขายของผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line รวมทั้ง Instagram จะต้องประสบพบเจอปัญหาชวนปวดหัวนี้และต้องหาทางจัดการอย่างวุ่นวาย ยิ่งถ้าหากเป็นการขายของออนไลน์โดยส่งของแบบ COD หรือเก็บเงินปลายทางด้วยแล้วล่ะก็ หาก ของถูกตีกลับ นั่นหมายความว่า เงินที่คุณคาดว่าจะได้รับจากการขายสินค้าชิ้นนั้นก็หลุดลอยไป และสินค้าก็กลับเข้ามาอยู่ในสต็อกเหมือนอย่างเคย หลายคนที่อาจจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่จะต้องเข้าใจเรื่องสินค้าถูกตีกลับเป็นอย่างดี เพื่อจะได้หาทางรับมือได้โดยไม่เกิดความผิดพลาด ซึ่งในวันนี้เราจะไปศึกษารายละเอียดพร้อม ๆ กัน

Show

สาเหตุที่ ของถูกตีกลับ มีอะไรบ้าง

1. ชื่อและที่อยู่ของผู้รับไม่ชัดเจน

สาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้พัสดุถูกตีกลับ ส่วนใหญ่เป็นเพราะจ่าหน้าซองชื่อที่อยู่ของผู้รับไม่ชัดเจน ซึ่งอาจเกิดได้จากทั้งการที่ลูกค้าแจ้งชื่อที่อยู่ไม่ถูกต้อง บ้านเลขที่ผิด หมู่ผิด ซอยผิด และเกิดจากที่เราเขียนชื่อที่อยู่ของลูกค้าไม่ถูกต้อง หรืออาจตกหล่นที่อยู่ส่วนที่สำคัญไป

2. ไม่มีผู้รับปลายทาง

กรณีนี้เกิดจากที่บุรุษไปรษณีย์หรือพนักงานส่งของนำพัสดุไปส่งถูกต้องตามชื่อที่อยู่ของลูกค้าแจ้งไว้ แต่ไม่มีผู้รับของ หรือไม่มีคนอยู่บ้าน บางกรณีไปลูกค้าเราอาศัยอยู่ห้องพักหรืออพารต์เม้นท์ที่ไม่มีนิติบุคคลช่วยรับของไว้ให้ ซึ่งถ้าหากเป็นไปรษณีย์ไทย ก็จะมีใบนัดรับพัสดุเพื่อแจ้งให้ลูกค้าไปรับด้วยตนเองที่สาขา หรือถ้าหากเป็นกรณีส่งสินค้าแบบ COD เมื่อพนักงานส่งของไปส่งพัสดุแล้วไม่มีผู้รับหรือติดต่อลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ไม่ได้ ก็จะไม่มีผู้ชำระค่าสินค้า ทำให้ ของถูกตีกลับ มายังร้านค้าผู้ส่งนั่นเอง

3. ลูกค้าปฏิเสธรับของ

กรณีนี้ส่วนใหญ่มักเกิดกับการส่งสินค้าแบบ COD หรือเก็บเงินปลายทาง โดยลูกค้าอาจจะปฏิเสธการรับของและไม่จ่ายเงินให้กับทางเรา อาจจะเป็นเพราะว่าลูกค้าตรวจสอบแล้วว่าไม่ได้ของตรงตามที่สั่งซื้อ หรือลูกค้าเปลี่ยนใจไม่อยากซื้อของจากร้านของเราแล้ว ของถูกตีกลับ โดยขนส่งจะนำพัสดุหรือสินค้ากลับมาคืนเรานั่นเอง


รับมือ ของถูกตีกลับ อย่างไรเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดขึ้น

เมื่อเราทราบแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ ของถูกตีกลับ เป็นเพราะอะไรบ้าง ต่อไปคือการหาทางรับมือและป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และเกิดความเสียหายต่อร้านค้า ต่อธุรกิจของเรา

1. ตรวจสอบชื่อที่อยู่ของลูกค้าให้ถี่ถ้วน

โดยทางร้านจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า ชื่อและที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งมา ถูกต้องและครบถ้วนตามหลักการส่งของหรือไม่ เช่น ลูกค้าบางคนไม่ได้แจ้งบ้านเลขที่ หรือไม่ได้แจ้งชื่อตำบล ทำให้ขนส่งไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าที่อยู่ของผู้รับคือที่ไหนกันแน่ ซึ่งเมื่อเห็นความผิดพลาด เราจะต้องแจ้งลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าช่วยทวนซ้ำอีกรอบ หรือแจ้งลูกค้าเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งวิธีการที่แน่นอนมากที่สุด คือให้ลูกค้าแจ้งตามรูปแบบของทางร้าน ก็จะช่วยลดความผิดพลาดจากกรณีจ่าหน้าซองไม่ชัดเจนได้ นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญสำหรับการส่งแบบ COD และการส่งอื่น ๆ คือต้องมีเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า เพื่อให้พนักงานขนส่งติดต่อลูกค้าได้

2. สอบถามลูกค้าเกี่ยวกับการรับพัสดุ

ทางร้านสามารถสอบถามลูกค้าได้เลยว่าสะดวกรับพัสดุหรือไม่ หากสินค้าถูกนำส่งในวันดังกล่าว โดยเราอาจจะคาดการณ์วันที่ลูกค้าได้รับสินค้าให้กับลูกค้าเลย เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัสดุที่เราจัดส่งจะมีผู้รับแน่ ๆ โดยหากคำนวณแล้วแต่ลูกค้าไม่สะดวกในวันที่คาดว่าลูกค้าได้รับของ อาจแจ้งให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงที่อยู่ที่สะดวกที่สุดก็ได้ สำหรับลูกค้าที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเม้นท์ หรือคอนโด เราต้องสอบถามลูกค้าว่ามีผู้รับแทนหรือนิติบุคคลช่วยรับแทนหรือไม่ เพื่อลดโอกาส ของถูกตีกลับ เพราะไม่มีผู้รับพัสดุนั่นเอง

3. ส่งสินค้าให้ตรงตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ

สำหรับการจัดส่งแบบ COD การตรวจสอบว่ามีผู้รับสินค้าและผู้ชำระค่าสินค้าให้วันที่ไปส่งเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ที่สำคัญกว่าคือการส่งสินค้าให้ตรงตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ เพราะถึงแม้ว่าการที่ลูกค้าปฏิเสธรับของ ลูกค้าจะมีความผิดทางกฎหมาย แต่ถ้าหากลูกค้าได้รับของไม่ตรงตามคำสั่งซื้อ ลูกค้าก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการรับสินค้าได้ และไม่เพียงแค่การส่งแบบ COD เท่านั้น ไม่ว่าจะจัดส่งในรูปแบบไหน การส่งสินค้าตรงตามคำสั่งซื้อของลูกค้า จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ร้านค้าออนไลน์ของเราเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น

4. มีระบบตรวจเช็คสถานะพัสดุ

การติดตามสถานะพัสดุไม่ได้สำคัญเฉพาะลูกค้าเท่านั้น สำหรับทางร้านเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากร้านของคุณมีระบบตรวจเช็คพัสดุที่รวดเร็ว ทันใจ และใช้งานอย่างสะดวกสบาย จะช่วยทำให้เราแก้ปัญหาการส่งสินค้าให้กับลูกค้าอย่างทันท่วงที และลดปัญหา ของถูกตีกลับ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แม้ปัญหา ของถูกตีกลับ จะเป็นปัญหาระดับชาติของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ แต่ถ้าหากร้านของคุณมีการจัดการและการรับมือที่มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ลดโอกาสการเกิดปัญหานี้อย่างเดียวเท่านั้น ยังช่วยทำให้ร้านค้าหรือธุรกิจของคุณดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่สะดุด การนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยบริหารจัดการเรื่องดังกล่าวนี้ จะยิ่งทำให้กิจการของคุณเดินหน้าต่อไปได้อย่างก้าวกระโดด

เพราะ FastShip เราคือผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศที่มีบริการหลากหลาย และถ้าคุณมองหาบริการส่งพัสดุระหว่างประเทศที่ราคาไม่แพง มาพร้อมกับความคุ้มค่าก็อยากแนะนำบริการส่ง ePACKET หากกำลังสงสัยว่าบริการนี้คืออะไรมาทำความเข้าใจพร้อมกันเลยค่ะ

ส่ง ePACKET คืออะไร ?

สำหรับบริการส่ง ePACKET อ่านเป็นภาษาไทยว่า “อีแพกเกต” ซึ่งจะเขียนในรูปแบบที่หลากหลายค่ะ เช่น E-Packet หรือ ePACKET ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบริการแบบเดียวกัน โดยบริการดังกล่าว เป็นส่งพัสดุระหว่างประเทศที่มีราคาย่อมเยาว์ ไม่แพงมาก ค่าบริการคิดตามน้ำหนักจริง ส่งประหยัดระหว่างประเทศ

จัดว่า การส่งแบบนี้ถูกใจคนขายของออนไลน์ที่ต้องส่งของระหว่างประเทศ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 159 บาท ปัจจุบันการส่ง epacket นอกจากจะสามารถส่งได้ที่ไปรษณีย์ไทยแล้ว FastShip ของเราก็มีบริการเช่นกัน ซึ่งข้อดีของการส่ง epacket กับเรา มีสรุปเอาไว้ดังนี้ค่ะ

1.ส่ง ePACKET กับ FastShip สามารถตรวจสอบได้

เช็กสถานะ Tracking Realtime ได้ การส่ง ePACKET ที่ FastShip สามารถเช็กสถานะพัสดุ และออก Tracking Realtime โดยคุณสามารถเลือกส่งของได้หลายพิกัดครอบคลุมปลายทางสำคัญ 46 ประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส บราซิล อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ ฯลฯ เห็นไหมว่าสะดวกกว่าเห็น ๆ ค่ะ

2.ไม่ต้องเครียด เพราะ FastShip มีบริการรับพัสดุถึงที่ ทั่วไทย

ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเหนื่อย อยู่ที่ไหนก็ส่งพัสดุไปต่างประเทศได้ เพราะ FastShip เรามีบริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน (Door To Door Service) ทันทีที่คุณกดยืนยันให้เราเข้าไปรับพัสดุ จะมีเจ้าหน้าที่ไปรับถึงที่ภายในวันเดียวค่ะ

3.ไม่ต้องกังวล เพราะ FastShip มีประกันพัสดุ

การส่ง ePACKET กับเราคุณไม่ต้องกังวล เพราะเรามีประกันพัสดุสูญหาย สูงสุด 1,000 บาท ภายใต้บริการ FastShip ค่ะ

4.เคลมง่าย ติดต่อสะดวก ไม่ต้องรอนาน

ส่ง ePACKET กับ FastShip นั้นอุ่นใจสุด ๆ เพราะเรามีทีมงานพร้อมดูแลให้คำปรึกษาค่ะ แบบเคลมง่าย ติดต่อได้ทันที ไม่ต้องรอนาน และยังตรวจสอบสถานะจนถึงปลายทางได้ด้วยนะคะ

พัสดุแบบไหนเหมาะกับการส่ง ePACKET

จะบอกว่า เหมาะกับการส่งของขนาดเล็ก บริการส่ง ePACKET รองรับพัสดุหรือของได้ถึง 2 กิโลกรัมค่ะ หรือถ้ายังไม่ชัวร์อยากอ่านเพิ่ม จะข้อมูลเกี่ยวกับบริการส่ง ePACKET ได้ที่ส่งกับ FastShip Standard & E-Packet นะคะ

อยากส่ง ePACKET กับ FastShip แล้วใช่ไหม?

อ่านมาถึงตรงนี้และกำลังสนใจบริการส่ง ePACKET ทั้งผู้ประกอบการหรือบุคคลทั่วไปที่มองหาบริการส่ง ePACKET นึกถึง FastShip “รับทั่วไทย ส่งไกลทั่วโลก” เราพร้อมให้บริการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ โทรสอบถามที่เบอร์ 02-080-3999 รวมทั้งแอดไลน์ @fastship.co หรือจะสมัครใช้บริการกับ FastShip เพื่อเช็กราคาค่าส่ง ePacket เช็กราคาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย