เอกสารที่จะได้รับ : ใบแสดงสัดส่วนพื้นที่ในคอนโดฯ ที่ชาวต่างชาติครอบครองกรรมสิทธิ์ได้ (Foreigner Quota) เพื่อเป็นการยืนยันว่าชาวต่างชาติสามารถครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องได้ ซึ่งจะได้จากทาง Developer หากซื้อโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ถ้าโครงการที่สร้างเสร็จแล้วจะได้ใบนี้จากนิติบุคคล 3.วางเงินจองห้องและทำสัญญาจะซื้อจะขาย หลังจากเลือกห้องที่ถูกใจได้แล้ว ผู้ซื้อควรทำการจองห้อง โดยการวางเงินจอง ซึ่งปกติจะชำระเงินประมาณ 50,000 – 150,000 บาท* เพื่อเป็นการยืนยันว่า ห้องที่เราเลือกจะไม่หลุดไปเป็นของผู้ซื้อคนอื่นอย่างแน่นอน เอกสารที่ต้องใช้ในการจอง : Passport ตัวจริง เอกสารที่จะได้รับ : เอกสารการจอง ใบรับรองการชำระเงินหรือโอนเงิน และใบเสร็จรับเงินจากการจ่ายเงินจอง (OR : Original receipt) หลังจากนี้ประมาณ 1 สัปดาห์หรือบางที่อาจจะทำทันทีเลย* ทาง Developer หรือผู้ขายจะเชิญผู้ซื้อเข้ามาเซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย (SPA) ซึ่งในสัญญาจะระบุรายละเอียดของห้องที่เราเลือก และจำนวนเงินที่ต้องชำระทั้งหมด หากมีงวดผ่อนดาวน์ก็จะมีระบุไว้ในหนังสือสัญญานี้ด้วย ดังนั้น ก่อนเซ็นสัญญาผู้ซื้อจะต้องอ่านสัญญาและตรวจความถูกต้องของห้องที่จะซื้อโดยละเอียด เพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง เอกสารที่ต้องใช้ในการทำสัญญา : Passport ตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ เอกสารที่จะได้รับ : สัญญาจะซื้อจะขาย (SPA) 4.ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ ในกรณีซื้อคอนโดฯ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 1 เดือน* ทางโครงการจะมีจดหมายหรืออีเมล์เชิญผู้ซื้อให้เตรียมตัวโอนกรรมสิทธิ์ห้อง ผู้ซื้อที่ต้องการที่จะโอนให้เตรียมเงินเอาไว้ โดยอาจจะเป็นเงินก้อนที่มีอยู่แล้ว หรือถ้าต้องการกู้ สามารถเริ่มทำเรื่องกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ในช่วงนี้เลย แต่ถ้าในกรณีซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว ผู้ซื้อต้องทำการนัดแนะกับเจ้าของห้องเรื่องการชำระเงินและการโอน จากนั้นจึงเตรียมเงินก้อน หรือเริ่มทำเรื่องกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้เช่นกัน และเมื่อโครงการสร้างเสร็จพร้อมส่งมอบให้ผู้ซื้อแล้ว ทางโครงการจะเชิญเจ้าของห้องโดยการส่งจดหมายหรืออีเมล์แจ้งผู้ซื้อให้เข้ามาตรวจดูสภาพห้องว่า อยู่ในสภาพดีพร้อมโอนหรือไม่ โดยในขั้นตอนนี้ ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติต้องนัดวันเวลาในการเข้าตรวจห้องกับเจ้าหน้าที่โครงการก่อนถึงจะสามารถเข้ามาตรวจห้องได้ โดยการเข้าตรวจรับห้องนี้สามารถเข้ามาตรวจเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลหรือบริษัทเข้ามาตรวจห้องได้ แต่ต้องมีใบมอบอำนาจจากเจ้าของห้องมาด้วย ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติท่านใดกำลังมองหาบริการแบบครบวงจร ทางบริษัท ดิเอเจ้นท์ มีบริการ Tenancy service ที่จะช่วยดูแลห้องแทนคุณอย่างมืออาชีพ ด้วยบริการตรวจรับห้อง ตกแต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่จัดชุดมาอย่างเหมาะสมกับขนาดห้อง บริการหาผู้เช่า และบริการอื่นๆ อีกมากมายหากสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.theagent.co.th/th/news/detail/1276 เอกสารที่ต้องใช้ในการเข้าตรวจรับห้อง : ใบมอบอำนาจ (POA : Power of Attorney) หากให้บุคคลหรือบริษัทเข้ามาตรวจห้องแทน ในการโอนกรรมสิทธิ์ ชาวต่างชาติสามารถมอบอำนาจให้ทาง Developer หรือ Agent ที่ดูแลผู้ซื้อไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินแทนได้ แต่ผู้ซื้อควรมาเตรียมเอกสารในไทยด้วยตนเอง เนื่องจากในการทำธุรกรรมมีเอกสารที่ต้องใช้จำนวนมาก และหลายเอกสารยังต้องใช้ลายเซ็นของผู้ซื้อโดยตรงด้วย แต่สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่สะดวกเดินทางมาประเทศไทย สามารถนำเอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมดไปแสตมป์ตรา Notary Public ที่สถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ เพื่อรับรองเอกสารว่าเป็นของจริงแล้วจึงส่งเอกสารทั้งหมดมาที่ Developer หรือ Agent ประเทศไทย เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ต่อไป เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน : 1. สำเนา Passport พร้อมลายเซ็น จำนวน 4 ฉบับ (ถ้าเดินทางไปเอง อาจนำ Passport ตัวจริงติดตัว ไปด้วย) 2. สำเนาหน้า Immigration stamped จำนวน 2 ฉบับ 3. ใบรับรองการโอนเงินจากต่างประเทศทั้งหมด อาทิ ใบรับรอง FOREX/FET หรือใบ ธ.ต.3 หนังสือรับรองจากธนาคารที่รับรองการโอนเงิน (กรณีโอนเงินมาที่ไทยน้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ) 4. เอกสารการซื้อตามเงื่อนไขการซื้อของแต่ละบุคคล** อาทิ หนังสือมอบอำนาจ (POA) ตัวจริง 4 ฉบับ โดย 2 ฉบับใช้สำหรับกรมที่ดินและอีก 2 ฉบับ ใช้ในการขอมิเตอร์ไฟฟ้า ในกรณีที่ชาวต่างชาติ ให้โครงการหรือ Agent ผู้ขาย ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินให้ 5. ข้อมูลผู้ซื้อที่ติดต่อได้ เช่น เบอร์ติดต่อ ชื่อบิดามารดาของผู้ซื้อ เอกสารเพิ่มเติม กรณีที่ชาวต่างชาติสมรส ต้องเตรียม : 1. หนังสือให้ความยินยอมคู่สมรส ตัวจริง จำนวน 2 ฉบับ 2. สำเนาใบทะเบียนสมรส จำนวน 1 ฉบับ 3. ทะเบียนสมรส ที่แปลโดยสถาบันแปลพร้อมตราประทับจากสถาบันตัวจริง จำนวน 1 ฉบับ 4. สำเนา Passport ของคู่สมรส จำนวน 2 ฉบับ 5. สำเนาหน้า Immigration stamped จำนวน 2 ฉบับ หลังจากทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ห้องแล้ว ประมาณ 2 สัปดาห์** ผู้ซื้อชาวต่างชาติจะได้ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด และ หนังสือสัญญาซื้อขาย จากกรมที่ดิน เพื่อแสดงว่าผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นเจ้าของห้องคอนโดฯ โดยสมบูรณ์เรียบร้อย! การชำระเงินของชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดฯ ในไทย หลังจากเข้าใจขั้นตอนการซื้อคอนโดฯ ในประเทศไทยของชาวต่างชาติแล้ว เราควรจะต้องทำความเข้าใจกับขั้นตอนและรูปแบบการชำระเงินของชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดฯ ในประเทศไทยให้ดีด้วย ซึ่งหลักการง่ายๆ ของการชำระเงินของชาวต่างชาติคือ เงินในการชำระทั้งหมดจะต้องมาจากต่างประเทศ โดยขั้นตอนการชำระเงินของชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดฯ ในประเทศไทย มีดังนี้ 1. วางเงินจอง จากที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น จะต้องชำระเงินจองเพื่อยินยันการจองห้อง โดยปกติจะต้องชำระประมาณ 50,000 – 150,000 บาท* โดยสามารถชำระผ่านทางบัตรเครดิต หรือโอนเงินจากต่างประเทศได้ เอกสารที่ต้องใช้ในการจอง : Passport ตัวจริง เอกสารที่จะได้รับ : เอกสารการจอง .ใบรับรองการชำระเงินหรือโอนเงินและใบเสร็จรับเงินจากการจ่ายเงินจอง (OR : Original receipt) 2. ผ่อนดาวน์รายงวด ผู้ซื้อจะต้องผ่อนดาวน์ตามจำนวนงวด ยอดชำระและระยะเวลา* ซึ่งในแต่ละโครงการอาจระบุเงื่อนไขการชำระเงินแตกต่างกัน เช่น บางโครงการให้ผ่อนดาวน์ 2 งวด โดยงวดแรกชำระ 10% ของราคาห้อง และงวดที่ 2 อีก 10% ของราคาห้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่อยู่ต่างประเทศแต่ต้องการซื้อคอนโดฯ ในประเทศไทย ทั้งนี้ จำนวนการผ่อนดาวน์โดยปกติแล้วจะคิดเป็น 20-30% ของราคาห้องทั้งหมด ซึ่งเงินผ่อนดาวน์ในแต่ละงวดนั้นต้องโอนเงินมาจากต่างประเทศทีละงวด ด้วยสกุลเงินต่างประเทศเท่านั้น เอกสารที่จะได้รับจากการผ่อนดาวน์ในแต่ละงวด : ใบรับรองการโอนเงินจากธนาคาร ใบเสร็จรับเงินจากการจ่ายเงินดาวน์ (OR : Original receipt) |