ก มบะ โอซาก า โจฮอร ดาร ล ท กซ ม

See other formats

ชื่อนาคพันธ์ปริวัตรํ่ พระ มหา โชติปณใณ (ใจ ยโสธรรัตน์) วคบรมนิวาส ผู้รวบรวมต้นฉะบ , บเดิม สงวนลย&โธิไ)'คามพระราชมัฒูณูค 'ซี)' ‘■'ว ^ 0 คานา หนงสือสมถะและวีบ้สสนาชองเก่าหลายสำนวน ไค้มาจากค่างกินค่างทาง คือไค้มพาก จํงหวคอุบลราชธานี ซึ่งเบนของเนื่องมาแค่นครเวียงจนทร์ .อาเพระเถระเจาทงหลายชาวนคร เวียงจนทรีแท่โบราณกาลไค้รจนาชนไว้บาง ไค้า!าจากจงVเวคลพบุราภง ไคมาจากทางพระนคร กรงศรีอยุธยาบ้าง ไค้ที่พระนครกรุงเทพๆนื่บ้าง หนงสือปวงาเ พระมหาโชคปผฺโฌป•๔' น.ธ. เอก (ใจ ยโสธรรคนื่) วคบรมนิวาส ฌนผู้รวบรวมจัคการพิมพิชนไว้เบนหน่ง์ลึยหก' 1 ย สิบยก ท่านที่ประกอบค , วียครท่ธาไค้สลาทรพย์เกอกุลแก่กิจน . 1ห้สำเร็จควยความเลอมใลเพอ เบนการรกษาเบนแบบฉาบบสำนวนโวหารชองเกรไว้ ทงนจคเบนบุญญเขคคอนปราเลรฐลรน หนึ่ง ก็แหละหนังลือปวงนื่ พระมหาโชคปฌฺโผ ไค้ส่งมาให้ข้าพเจำฅรวจคูบ้างบางคยนื่ เท่าทีไค้ครวจคเห็นชนเชิงเบนหลายนย จงาเาไหสนนบฐานเหนว 1 ทานโบราณๆจารยผูรจนI สมถะและวีบ้สสนาปวงนื่ มมุ่งเพี่อจะให้คองอุปนิลส่ยของกุลบุครทุกชนทงปูนคาปูมสูร เบน ธรรมิกอุบายให้กุลบุครผู้สำเหนียกไค้คูคคึ่มรคแห่ งธ รรม โคยลำคบกาดมิไค้จืคจางเบอหน่ายใน ทางสมมาปฏิบค คือว่าให้ไค้คื่มรสแห่งธรร!)ลุ่มลึกไปโคยลำคบ เพราะฉะนน ท่านที่อ่านที่พี่งสมถะและวีบ้สสนาป'รงน จงวิจารณ์ควยบญญาให้ถ่อง แท้ แล้วเลือกเก็บส่วนธรรมเหมาาแก่อั ธ ยาค'ย เหมือนนายมาลาการผู้ฉลาคเลึอกเก็บค 0 กโมิ ฉ •'นน ก็จะไค้ประสพอฎฐวี.มลยผลโคยควรแก่กาวณเค้พี่เคยว พระพรหมมุน (ติสฺโส อวน) เจาอาวาส วิดบรมนิวาส วนที่ ©๗ กรกฎาคม พ•ค. ๒๔๗' ' 4 -- ' . 1 แปมาจารย ฟืวํดบรมนิฑฟ แรรษ่า ๙๖!! 4

  • , ฒ฿ ฒเ V • -- . - & / ^ . 1 -‘V'. 'นุ่ *'* • X \ ■ 1 V '- พา:!ทสพลญาณมหามุม สถคย์ผ&พา•ะชุโมสถ วดบามมาาส พา*นคา หนงส์อพระ:ฟัมถวึบสิฒาแบบใบราณ ม่คคปาลมุดดกของนำปราชญโบราณ ยุคกรุงศรสดคนไคณมุด 1 (เายงชินทร์ )
  • สมเด็จพระส'ง์ฆราชาอมด เชิ)ศราสทอโสมพรไหมณไ- ข ารย์ 0า กา ^ สมเด็จพระมหาาชยอายุราชมหามุน ๓ พระมหาเถระมุทอร่งส บารมุน้ญาณ ยกกโง/17อ?)ธยา (กรงเก่า)
  • ท่านท่ศาปาโมกขไชิารย์ *๖ คน ?เกกโงธนบุโแสะ:กรงเทพมหานกร อมรโกนากสินทโ
  • สมเด็จพระอรยางษญาณปรยัคารา ส’ง์ฆราชาธบค ศรสม- ฌุคมใปรนายก (สมเดีชิพระสํง์ฆราช ไก่เถอน) ๒ สมเด็จพระค่ง์ฆราช ค่อน (าำมหาอายุ) ๓ พระอุบไลยุณูปมาชิไรย์ ญาณาสุทอปรณายกดรบฎกคณา- ล'งการ นานาสถานราชคมนย์ สาธการธรรมไกร สนทร¬ สลาอขนอ (สรชินฺโท จนทร์) วคบรมนาใส พระมหาโชดปฌโณ (ใ ยโสธรรำน์ ป. ๔ น.ช. เอก) มุ ราบรามคนฉะบมและชิดการพมพ์ เพอไาเบนทระลกในกาลผูก พำ1ชสมาวำสร่างโศก อำเภอยโสธร ชิ. า. อุบลรไชอาน ((เงวนกร•รมสิทชิไวำามพร:ราช ม้ญข้ คิ) ชื่อนาคพันธปริวัตร พระมหาโชติปฌฺโณ (ใจ ยโสธรรัต'นิ) วดบรมนิวาส ผู้รวบรวมต้นฟิะบับเดิม สงวนลิยสิหธิไตามพระราชมัเพู่วุ่เต จํฑไนณ็น กรวมฐาน เบนหลักหนึ่งแห้งกาวปฎบํกไนทางพุทธกานา แสกงปริยก ปฎบก ปฎเวธ กิอกิล สมาธิ บญญา กนถธุระ วิบสสนาธุระ บกกหะ นิกกหะไปพรอม ๆ กน ท่านจำแนกเบน ๒ กือ สมถกรรมฐาน ® วิบสสนากรรมฐาน © มีประวกสืบมาแก่กร่งพุทธกาล ปรากฏในลัมภิร์ แลปกรณ์อนเกี่ยวในทางพุทธากาสนาเบ็นอนมาก เบีนทางกำเนินให้เกิดบุญกุศล ปฎิบํกเพื่อขก เกลาชำระลางฟอกอธยากไ]และจริกจึกกสนกานให้สอากผ่องแผ่ว ปรากจากรากิมลท้นโทษ พุทธ- กาลนิกชนท่งผ่ายบรรพชิฅแลผราวาส ได้สนใจเการพนบถือในการปฎิบกกามแลพรํ่าสอนกนสืบ มา มีผู้อุสาหเอาใจใส่ฅง๎กนอยู่ในฐานะเบนกรูอาจารย์ เมื่อกวามเจริญกำเนินผ่าวหนำขยายเขกริ แผ่ไปโกยลำกบกวามที่กรอาจารย์กองมีมากขน ย่อมเบนเงากามกำมาขางหลัง อนกรูอาจารย์ เหล่'ไนน ย่อมมีอุปนิสลัยแลจริกก่าง ๆ ลัน การพร์าสอนก็กองอนุวกกามแนวของกนแลหมู่ชน แก่จะอย่างไรก็กามกงมุ่งลงในจุกที่หมายอนเกียวกน กิอกงหว‘งจะให้ผู้พ่งรู้ยีงเห็นจริงในธรรมที่ กวรรู้กวรเห็น กามนยทางพุทธกาสนา ลังนนจึงจำกองหาเหกุผลพรอมท , งอภินิหารพระธรรมมา แสกงประกอบในการพร่าสอนเพื่อปลูกกรทธากวามเซึ่อมน ชํกิจูงให้เกิกกวามอุสาหองอาจกลาหาญ ปราโมทย์แลกวามใกร่ก่อธรรม โดยกวรเหมาะแก่กาละเทศะแลอุปนิสลัยจริฅของบุกกล ณ ถืน นนๆ ลังนน ลัมภีริพระกรรมฐานจึงมีอุปเทห์ก่างๆ แซกแชงอยู่เบนอันมาก เช่นวิชาอากม เวทมนก์กาถา เสน่ห์ ปลุกเสก เบาพ่น เลขอันก่ก่าง ๆ เบนกน มีนั้งลังหารบองกนรกษาปลูก กวามนิยมชมชอบแลกวามองอาจ มีหดกการและวิธีการก่าง ๆ สมแก่ยุกสมไ]นิยมนน ๆ กรนกาล ล่วงมานาน กาละเทกะยุกสลัยนิยมย่อมม่านไป แม้อุปนิสสไ]แลจริฅความรู้กวามฉลากของหมู่ชนก็ เปลยนแปรไปไม่กงที่ ถืงอย่างนนก็กี แก่กำราพระกรรมฐานซึ่งมีอุปเท่ห์แซกแซงรกรุงร'งอยู่ อย่างนั้นแหละ ไม่เบนของล่วงสมไ) เบนกำราที่ใหม่เอยมทนสมไ]อยู่ทุกเมื่อ มีได้เปลี่ยนแปรไป คามกาดะเทกะยุกสมไ)แลบุทกลเลย ลังภาษิกว่า ธรรมของสกบุรุษย่อมไม่ถืงฃ็งกวามเบนของ กรากร่าลังนึ่อังเบนกำรากวรแก่ผู้ที่หนกในเหกุผดใกร่ก่อธรรมกวรวิจารณ์อยู่โกยแท้ เพราะมี ๔ กลเม็อกอร์ปอ้วยเหกุผล ซึ่งเบ้นของกวรร้กวรเห็นกวรสนใจอยู่ในนนเบ้นอนมากส่วนผู้ไม่หนำ ในเหกุผลแม้มีกวามใกร่ก่อธรรมอยู่ ถ 1 าอ่อนฅ่อญาณเกรึ่อง'วิจารณ์แล่ว ย่อมรู้ไม่เท่าเอาไม่ทน กีอหย่งรู้เห่กุไม่ถึงผดหรือหย่งรู้ผลไม่ถึงเหกุ เพราะที่หย่งรู้ไม่ถึงท่ง ๒ นื ย่อมท่าให้เข่าใจผิอถนอ ถลำเข่าไปจนถอนคนไม่ออก พลิกกำกลบไปไม่ไหวไม่ทนก็มือยู่มาก อือพวกที่เชืองมงายก็หลงอือ อยู่จนง'อม ส่วนพวกที่มีทิฎฐิมานะเบ้นเจ่าเรือน กีไม่ยอมเชื่อเอากํ้อ ๆ เบนเหกุให้ทงสองผายค่าง เสีย่คสีกุหมีนข่มขี่ประหำประหารทีมแทงกนแถกนอวยสากราวุธกีอปากและลูกนยคาพรอมทงกาย ทำสงกรามกนอยู่เรื่อย ๆ ยกเอาศีลธรรมขี่นเบนข่อพิพาท มีพุทธภาษิกเบ้นเกรื่องเอือนใจอยู่ว่า “ผู้ โอเบ้นกนพาล แค่ริกนอย่ว่าเบ้นพาล อ้นนมืโอกาสกลบเบ้นบณฑิคไอ้ส่วนผู้ใอเบ้นพาล แค่กล'บเวิกใจลำก'ญ์ฅนว่าเบ้นบ่ณฑิก ผู้นใเไม่มีโอกาสกลบเบนบ'ณฑิกไอ้เลย ,, อีกขอหนงว่า “คนไม่เบนกนคามออให้ท่ากนเบนเสมือนกนกาบออ ไม่เบนกนหหนวก ให้ท่ากนเบนเสมือน กนหหนวก ไม่เมงเกนใบ้ ให้ท่าคนเบ้นเสมือนกนใบ้ , ' อ้งน นกปราชญ์ท่านกล่าวอนุโลมคาม พุทธภาพิกน'ว่า “ผู้ใอม'ๆรู้สึกกนเบ้นกนโง่เขลา ผู้นนเบ้นกนอ้อยฉลากขนบ่างแส่ว, ให้ท่าเวลา ที่กำลำอื่นๆ อยู่นให้เบ้นเสมือนเวลานอนหลบอย่างไม่ผน ,, อำนๆ เมื่อเทียบเกียงกบอุปเท่ห์แห่ง พระกรรมฐานท่งทลายแลว จะเห็นว่าไม่ส้ห่างไกลกนควรเบ้นของเพื่อพิจารณาของผู้หนํก์ในเห่กุ ผ่ลทงนน แม้ค่าราพร่ะกรรมฐานพรำ}]ท่งอปเท่ห์โอยปริยายค่าง ๆ มากมายนน มีหลกการแลวิธี การกอร์ปอวยเหกุผล น่าให้วิจารณ์อย่เหมือนกน ไม่ใช่เบ้นของไร้จากเหกุผลเสียทีเกียว เพราะ ย่อมมีศีลธรรมอนเบ้นอจหล่ำชยในทางพุทธคาสนาเบ้นแกนใน กุจเพิชร์เบ้นแกนในของหินแร่ ฉะนนโอยฉะเพาะอย่างยีงกีอไครสรณากง]อ้นไอ้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แลไกรลำษณ์ อ้นไอ้แก่ อนิจจํ ทกขํ องเกกา อ้นเบ้นหลำสำก'ญกอร์ปอำยเห่กุผลในทางพุทธคาสนา ย่อม มือยู่เบ้งเแกน'ในแห่งอปเท่ห์น่น ๆ อำนนการพอใจเชื่อถืองมงายห่ลงอืออยู่ก็ไม่ชอบ การมืทิฎฐิ- มานะกระอ้างเกลียกชำไม่ยอง]เชื่อเสียเลยก็ไม่ชอบ เพราะการเชื่องมงายอืออยู่เบ้นสสสฅทีฎฐิ การ กระอ้างไม่ยอมเชื่อเกลียอชำเบ้นอุจเฉททีฎฐิ อ้งเทิฏฐิท่งสองน ไม่คองคา}]มอืนิยมในทางพุทธ¬ กาลนา ๆ เมื่อพิจารณ์คามเหฅผลในเรื่องค่าราพระกรรมฐาน โกยถ่องแท้แลว จะเห็นกวามอย่าง แจงชกว่า เบนเพียงประวฅศาสกร์แห่งการปฎิบฅในทางพุทธศาสนาชนหนงเท่านน เพราะเบน เพียงเครื่องส่องให้หดังทราบซงลีงอธยาดัยจริกแลจรรยาของพุทธศาสนิกชนในยุกนน ๆ เบนประ- หนึ่งกระจกเงา เบนประโยชน์เกอเาลแก่พุทธกีาสนิกชน ณ ภายหดังไม'ใช่เรืองที่จะหลงเชอโกยงม งายจนคิกถอนไม่ออกแลไม่ใช่เรื่องที่จะอิกเออนเกลียดชงจนเก๊กท้ฎฐิมานะกระกางกหมีนเสียกสีข่ม ขี่กนเพราะศีลธรรมให้ขึงไปกว่าเหคุผลสภาวธรรมชาคิ ความจริงย่อมรกษาความจริงไว้เสมอ คือ เบนการสกวกกายในขอพิสูจน์ว่า หดักการแลวิธีการ แห่งการปฏิบกในทางพุทธศาสนาในยุกใค เบนอย่างไรเพียงใก ในการที่จะเลือกกกเอามาปฎํบํกโกยจำเพาะ ให้เหมาะแก่กาละเทศะแล อธฺยาศยจริก ไม่กองเสียเวลาใน เพราะการคนคว้าหรือทคลอฺง ส่วนการหลงมวเมาคิกอยู่ก็คื การสดักออกหลุกพนไปก็คื ไม่ไก้อยู่ที่หดักการแลวิธีการแห่งกำรา ขอสำคัญอยู่ที่บุทกลผู้ปฎิบก เท่านน เพราะฉะนนพืงเห์นอุปเท่ห์แห่งพระกรรมฐาน กลายกบละอองหินดันละเลียกเกาะจบ ห้มกอนเพีชร์ปกกลุมนั้าเนึ่อรสมีของเพีชร์อยู่ฉะนั้นเทอญ ๆ พระญาณรกขิต (มยธโร ท/ง) รองเจ ,, าอาวาส วดใเรมนิวาส ท ©๗/๔/๗๙ ท้'!ดกิงมณชลซใ'!ชิ จงใงวดลพ ‘ลุวิ ถืงพระมVIาใจ ใ). ๕ น.ธ. เอน วดบรมนวาส VIระนคร ควยเรื่อง หนัง สิ0แบบพระก้มมฎ;ฐานะบ่บ่น เอํมเมอ พ•อ ๒๔ ' ข™IVเไค้ปว™ จะทำกมืมฏฐาน จีงมีมู่บอกเล่าว่าที่บานมัวกัก อำเออวาว่าเบา ขว* นุบ'' ผูเ®เาบอุกเอาอุบ มาว่ามีพาะเถาะผ้หนื่งเบนผ้ปาะ 1 ข')ที่ขอบ'นพ" , ะกํม์มํ85าน มาจากเาอาขาเบา เบนกุมวกากาเ งามมีคนนิยมนบ'ถือมาก ไค้ถืงมามณกาพที่นน แลยัามืแบบพาะกัมมัฏฐานขาาอุ่ว่อ''บ 6 ™ อุ 0 มูก ที่ทานเะามาควยกกกางอยู่ที่กักนน เหคุน็ที่าาแกัเกุณพาะฒุาถือุ)“บ่ 1 ™' 1 1 ( จันทร์) จีงไค้ให้ข้าพเจ่าไปขอยมมากาวจคูเมึ๋อา(อบ‘'ขขากัก 1 กา''ข้ เมีอกาวขคุเห็นว่าเบีน' 1 ' , ™ พอจะฌืนบางปฎํบกึก่อใป ทํ้งบางสี]ก็จังเหถือกำกังกวาม"'ม 1 'ขอ'ของ'ลนอยู่มากขึงไก้นำ 1 ™™ วขาาณ์ก่อใปน็ บคนัเธอไค้ยืมมาพิขาาถ่เกุบอกว่ามีความเออม'"อินอี แลจะขออนุญากพิมพ เที่อเที่กเกยฌนล่วนธาามทานกังน้ ข้าจัเข้ามีความวู้ถืกมีความอํนกีเอิบอีมป™'ข'บ็นกัน ,,1 ' 1 ฉะนิข้เพเท้จึงอนุญาคมอบกันฉะบบ'ห้คามปา™นา และขอเธอขงข่ว!(แก้ที่""บ™’อ" , 1! น" 5 คคที่ข้าซากหาอทํ่มีปาะโยขน์นอ!เออ"เอ' 1 พิมพ์คามความปาะ' 1 งก์ จะไค้เบ็นธา’มบานขนเอ" ของจีกกส่วน . จะไค้ข้ายาแบบโบาาเแให้กาวาส่วน ข จะไค้เบ๊นกที่ทางค่าเนินของบู้"อง" 1 ’ ธรรมปฎิบ่กส่วน © ควยอำนาจแห้งเจกนาที่เบ็นธาามทานค’าวน้ ข้าพเข้า ขอ อนุโมทนาเบืน‘ข่า ของ"' , น บุญน พระครศถวรคุถเ เจ 9 าคฌะชิรรนยุต 0 า จ.ว. ถVIIเร วดมณ่ชลขนธ ๘/©/๗ต’ สำนกบำเพ็ญสมณธรร?} จงหวดนครราชส์มา มายงพระมหาใจ ป. ๕ น.ธ. เอก วคบรมนิวาส กรุงเทพ ๆ ท่านมหาขอความเห็นในทางสัมมาปฎิบคนนมืกวามยินกิ ขออนุโมทนาในการท่ท่าน มหา ๆ อุส่าห็รวมรวมแบบพระกมมฎฐานกราวนิ แลไค้เขียนความเห็นถวายมาอนุโมทนาควย 4 .. . . 1 ..... เรองทร ะสท ธรรม ๓ ประการ ในเรึ่องพระสัทธรรม ๓ ประการ ที่พระสังคีติกาจารย์เจ่าไค้จารีกเบนอกษรบรรจุไว้ ในฑู้พระคมอีร์นน สัวนเบนอุบายแก้ทุกข์ควยกันหมคทั้งสน แค่ค่างกันคนละชน คีอพระปริยก สทธรรมเบนพุทธโอวาทที่พระองค์ทรงส'งสอนให้ศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้รู้จกเรีองแห่งกองทุกข์ อย่างหนึ่ง แลให้รู้จกเรึ่องของท่านที่ปฎิบคพนทุกข์มาแลวอย่างหนึ่ง แค่หากว่าผู้ที่เรียนรู้ ก็เบน แค่เพียงส'กว่ารู้ เมื่อยงไม่ไค้บำเพ็ญพระปฎึบคติส่ทธรรมอยู่กราบใค ก็ยงไม่เบนไปเพีอความ'พน ทุกข์อยู่คราบนน ส่วนพระปฎิบคติสัทธรรมนน เบนพุทธโอวาทที่พระองค์ทรงส่งสอนให้ลงมือกระทำ พิธีแก้ทกข์ที่เคียว คีอทรงส'งสอนให้บำเพ็ญคนคำเนินกรงห่อหนทางแห่งอริยมรรค คลอกจนไค้ สำเร็จอริยผลเบนอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาจริง ๆ พระปฎิเวธธรรม เบนพุทธโอวาทที่พระองค์ทรงชส่วนผลที่ผู้ปฎิบคไค้บรรลุแลร คีอ มรรค ผล นิพพานนนเอง ในพระสัทธรรม ๓ ประการเหล่านิ ลวนเบนสัทธรรมที่บรรจุอยู่ในเบญจขนธ์ทั้งสน ไม่จำเบนกองไปแสวงหาที่อื่นอีก ท่านพุทธบริษทผู้ใคไค้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยกสัทธรรมโคย สมควรแก่ภาวะของคน ๆ แดว ทราบว่าพระสัทธรรมทั้ง ๓ ประๆารเหล่านิ มือยู่ในคนของคน โ 11 แลว ไม่ปฎิบกก็ไม่พนจากทุกข์ในวฎฎสงสาร ก็ควรบำเพ็ญพระปฎิบคติสัทธรรมให้ถงพรอม บริบูรณ์ควยศีล สมาธิ บญญา ศึอกระทำความเพียรควยการรกษาศีลให้บริสุทธ นงสมาธิ เกิน จงกรม ภาวนาทุกวนเรื่อยไป ทงเวลาเข่าเวลาเย็น เวลากลางวน เวลากลางกืน ไม่ทอคธุระ สกเวลา จนกว่าจะพนจากทุกข์ในวฎฎสงสาร วิธีนื่งสมาธิ เบ๊นวิธีรวมจิกก่ให้เข่าถงกวามเบนหนง แลวกงสกเขาประกบประอ่อง จิกก่น , นให้ฅง์ม่นเบํนสมาธิ และประชุมเบ็นเอกจิกก่จริง ก็ชอว่าเบนประชุมอริยมรรก ๘ ประ- การ หรือโพธิบกขิยธรรม ๓๗ ประการลงพรอมในขณะจิกก์เกึยวกน เรืยทว่ามรรกสามงกี กอน ทหนึ่งน็ให้ชำนาญกล่องแกล่ว แลวเจริญกายกกาสกิก'มม่ฎฐาน กือเพ่งพิจารณากาย ให้แกก ฉานจนชำนาญกีเรียบรอยแลวิเจริญวิบสสนากมมฎฐานสืบไป วิธีเจริญวิบสสนากไเมฎฐาน เบนวิธีฟอกจิกก์ให้บริสุทธปราอ่จากอุปาทานขนธ กวาบ ถือมนในขนธี ๕ เสียไก เมี่ออุปาทานสืนไปแล*วิ ภพและชากิก็ย่อมกบไป ไม่เกึก, แท่, เจ็บ, กาย, ก่อไปอีกก็เบนอนพนทุกข์ในว่ฎฎสงสาร ก่วิยประการฉะน
  • . I || เ. . I 1 . 1 พระมหา!]น ปฌฺถเาพโถ ป. ๕ น.ธ.โท สำ นกบำเพ็ญสมณ ธรรม, นคร ราชสมา ■•วิ!-- คำปรารภ พระพุทธศาสนาเฆนพระลํทธิประคบประคาไปควยน , ยอนสุขุมกมภีรภาพโคยอเนกประ- การ ควยว่าองค์สมเก็จพระบรมศาสคาจารย์ผู้ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา อนประกอบไปควย สมมาสมโพธิญาณที่ยอคเยี่ยมน , น พระองค์เบนเอกอครมหาบุรุษในคำนานแห่งความคิคความเห็น ทางใจจนแจ่มแจง, เบนองค์ควรไค้รบความรกความเคารพ แสสักการะบูชาอย่างเอก เบนองค์ ผู้ทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ แลมีพระทยเมคคาเอ็นคู แก่สัฅว์โลกทงปวงอย่างย็งทวสากล จนหา ผู้ใคในประวคแห่งผู้ทรงไว้ซึ่งความคิก ความวิจารณ์ทางใจมาเสมอเหมือนพระองค์มิไค้ ถึงแม้ ว่าพระคมภีร์ที่งหลายที่เกี่ยวควยเรื่องพระพุทธศาสนา จะมีน'ยิพย่ญชนะแลสัคถรสแคกฅ่างก’นบ 1 ไง เฉพาะในพลความบางขอ หรือค่างเรื่อง'ซึ่งกระทำ'ให้เบนมลทินมวิหมองแก่พระศาสนา อนเคิค จากบทประพนธ์ประคิษฐ์ อ็ไม่มีบพพะใค สักชระใคที่อาจทำให้ปาพจน์นน ๆ เสื่อมเสียแม้แค่ นอย โคยกวามจริง ความบริสุทธิสันสคใสร่งเรืองอย่างยีง (อมคธรรม) ย่อมลอยเค่นแผ่พระ รสมีสร่านไปในที่ทุกสถาน ที่งปรากฎกงที่อยู่ในสภาพแห่งกวามบริสุทธิแจ่มใสค'งเค็ม โคยพระ บารมี ๓0 ทศของพระศาสคาจารย์แลพระโพธิบกขิยธรรม ๓๗ ประการ สังเบนกำแพงกางกน อย่างมนกง จึงไม่หนำวิคกวิจารณ์ใน “วิ สุทธิธรรมแลญาณรสมี” ว่าจกเสื่อมสูญโคยประการ ทงปวง ๆ ว่าจกเสื่อมสูญโคยประการทงปวง ๆ เพราะมีสุนทรพจน์ของนกปราชญ์กล่าวไว้ว่า หนำที่ของศากปุฅคิวงศ์ ย่อมคำรงอยู่ในนิสสัยเคิมเบนนิคยี่ คือรู้จกบงกับจึฅค์บ'งก'บอนทรืย์ที่ง ภายในแลภายนอก ยินค็ในธรรมที่พระอริยเจ่าประกาศแลว คงใจบำเพ็ญพรฅบุ่งสนคิวรบทแค ความบริสุทธิทางใจ ไม่ถือโทษเพราะมีหิริโอคกัปปะ มีความซึ่อครง เพราะมีการวะธรรม มี บญญาญาณเบนเกรื่องกำหนคในทางสัมมาปฎิบํค แลเสื่อมใสในคูณพระรคนคร่ยิคามวิสัยของ บ'ณฑฅทุกเมื่อ ๆ การที่ข่าพเจ่าไค้คงใจพยายามรวบรวมหนงสีอสมถะวิบสสนาก 'มิ มฎฐานขนในสมย บจ- จบนน์ ชนเค็มเคยไค้ยินพระเถรานุเถระผู้เบนครุฐานียบุกกลกสัาวสรรเสริญ แลแสคงเหคุผล แห่งการเจริญเมฅคาภาวนาว่ามีผลานิสงส์เบนสันมาก เพราะฉะนนในวนบรรพชาพระอุบชฌายะ จึงไค้ผะเค) 1 ]สอนคจบญจกก)เมฎฐานเบนกจเบชงคน เพอจะให้กุลบุครให็สำเหนียกไว้เบ็นหลก ๑๐ ของจิกค์ ส่วนหลกฐานที่สำคญย็งก็ศีอการบำเพ็ญ ศีล สมาธิ บญญา ให้บริบูรณ์ให้เบนอธิศีล อธิจิกค์ อธิบญญา ควยกวา;)ไม่ประมาท รวมเบนยอกขององค์พระกมมฎฐาน ฯ แก 1 ยงมีแบบ ของท่านเกจิอาจารย์ ผู้เกยประพฤกิกีงาม ท , งไค้รบผลกือกวามสุขกายสบายจิกค์เบนส่กขีพยาน แลไค้มีเมกฅาจิฅฅ์วางแบบแผนไว้เบนหลกฐาน เบนสาธารณะประโยชน์แก่กุลบูฅรในภายหลง, มีกลเม็กเพ็ชรพรายแลนยก่าง ๆ เบนธนมาก ส่วนผลที่รวมก็มุ่งเพื่อจะท่าจิกค์ให้เบนสมาธิเบน จุกอนเกียวกน, ขาพเจ่ามีกวามเลื่อมใสในปฏิปทาของปวงปราชญ์กร , งโบราณ, แลเการพนบถือ สกการะบูชานาจิฅค์เมกฅาของท่านเหล่าน , นโกยเจกนาอนบริสุทธิ ยีง กิกว่ากำไค้รวบรวมแบบ ก่าง ๆ พ็มพไว้เบนฉบบเกียวกน จกอำนวยประโยชน์ให้แก่ท่านที่สนใจในทางธรรม เบนสง่า ราศรีแก่พระพุทธศาสนา จึงไค้พยายามสืบกนหามาเบนลำกบ เมื่อไค้ยินกำบอกเล่าจากท่าน พระกรูสีควรกุณ ไค้ฉวยโอกากขอกนฉบบทนที ท่านมีกวามยินกีขออนโมทนากวย วนที่ © มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ไค้รบหน'งสือจากท่านกมภีรีหนึ่ง เบนจำนวน ©๐ ผกกํวน ท่านแนะ นำว่าพระกมภีรนเจ่ากุณพระกุบาลีกุณปมาจารย์ (สิริจุนโท จนทรี) ไค้บญชาให้นำมาจากจงหว‘ก กุบล ฯ มาเก็บไว้ทีวคสิริจุนทรนิมิกรี (วกเขาพระงาม) จง่หวกลพบุรี นานประมาณเถือบถืง ๔© บเศษแลว เล่ากนสืบมา ว่าชนเกิมไค้มาจากกรุงกรีสกกนากณทุก (เวียงจนทรี) กำบอกเล่า นึ่มีเหฅุผดแวกลอมเบนหดกฐาน เมื่อขำพเจ่ากกลอกพบรายชื่อของพระมหาเถระ ๓ รูปปรากฏ ว่าเบนผู้รจนา แก่กร ะ งเมืองเวียงจ''นทรีย'งเบนเอกราช ๆ รายนามพระมหาเถระกือ ะ- ๑ สมเด็จพระส่งฆราชาธิบต็ เจาศรีวิสุทธิโสม ฯ ๒ สมเด็จพระมหาวิชํยธาตุราชมหามนึ่ ศ ๓ พระมหาเถรพุทธร 0 งษ บวรมุนึ่ ฯ พระเถระองค์ที่ ๓ นึ่สถิกย้ที่วกบาแกงหลวง ๆ ส่วน ๒ องค์นนไม่ปรากฎนามวก กวาม ขอนจะมีกวามจริงเพียงใคน 1 น พนวีส'ยที่ขำพเจ่าจะพึงเฉลย แลวแก่นกปราชญ์จะพิจารณา, กรน ขำพเจ่ากกลอกเสร็จแล้วไค้นำกวา ม ประสงค์ขนกราบเรียนปฏิบํกิ ท่านเจ่าคณพระพรหมมุนี (กิสฺสฅฺเถโร อวน) ขอพิมพ็หนงสือนึ่ ท่านมีกวามพอใจ อนุโมทนาควย ๆ วนที่ ©๗ พฤศจกายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ไค้ออกไปสู่สำนกท่านพระกรูสลวรกุณ ที่ว่กมณีชลขํนธ์ จงหว่กลพบุรี เพอขอหารอแลชอกนฉบํ'บก่าง ๆ ทีย'งกกกาง ท่านรวบรวมให้อก กราวนึ่ไค้แบบของท่าน ๑๑ อาจารย์พิสาปาโมกช วัคประดู่โรงธรรม (กรุงเก่า) มาก่ายว วันที่ ® ๕ รัน วาคม ๒๔ ^ ๘ ไค้แบบ 1 ว้บสสนา'จากคุณหญํงผู้'ห้นึ่งเบนแบบโบรา]ณมีนามปรากฎในห , นังลือ'สมุกข่อยน , นว่า เบน แบบของเจาคุณพระมหาพฤฒาจารย์ (แกว) นำมาจากกรุงศรอยุธยา แบบนมรูปภาพปรก 0 บ วิจิฅร์พิสคารถง ๖ 0 รูปพรอมทั้งคำอธิบาย ส่วนรูปนนไค้เลือกคคแกะบล๊®กแก่ที่สำก่ญ เ ชํน รปพระยานากแลรปคอกบ'วบานเบีนก่น าน ท ® ๕ พฤบมาศม พ•ศ- ๒๔๗๙ ไครบแบบวิเอง สมเก็จพระสังฆราช (ไก่เถื่อน) จากเวัาคุณพระญาณรักขิก (บียธโรหรัง) ท่านไค้มาจากพระ- อาจารย์อินทโชคิ (พรง) วัคบางปะกอกอกก่อหนี่ง แก่แบบนเผอิญกรงกันบางแน่งกับแบบที่ คุณหลวงพิศาลดรุณกรณ์ พิมพิไว้บำงแลว ขาพเจาจึงไค้ไปท่าศวามกกลง เพอทากวามเขาไจ ให้ถูกกอง, ท่านผู้นก็ไม่ขคของกลบแสคงศวามยินดี ขออนุโมทนาสาธุการควย แลอนุญาดี มอบแบบบล็อกรูปกาง ๆ หลายสิบบล็อกให้อีก เบนการแสคงไมกรีจิกก์จริง ๆ โดยที่ขาพเจ่าไม่ กัองเสียเวลาแลราคาแกะบล็อกอีก จึงขอขอบคุณไว้ในที่นควย วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ-ศ- ๒๔๗๙ ไค้แบบสมถะวิบีสสนาเบีนสมุกข่อยจากพระอา จ ารย์ อินทโชกิ (พร’ 3 ) แลท่านไค้บอกเล่าว่า เบีนแบบที่สืบเนึ่องมาแก่ศรีง๎สมเดีจพระกัง ฆ ราช (ศ 0 น) ๆ ประวกการกันแบบจบเท่าน ๆ แบบพระล่มมฏิฐานทไครวบรวมมาน มทมามากแหงควยกนคงนน ขาพเจาจงไค พยายามชำระสอบทานก่นนะบ'บให้สงรอยกน- จากพระไกรบฏิกบาง คมภรพระอมธรรมมกก' สังคหะบาง คมภีรีวิสุทธิมรรคบาง สรุปสรรพกิจทั้งปวงจำเดิมแก่กันหาแบบแผนกัศสอก ชำระ สอบทาน แลจกการพมพ์สำเร็จเรียบรอยบริบูรณ์นับแก่ วันที่ ๑ มิถุนายน พ•ศ- ๒๔๗๘ จ นกิ’ 3 วันที่ ๒ 0 สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗ รวมเบีนเวลา 9 บี ๒ เดือน ๒๐ วน ๆ คำราความดิค ความรู้ แลการปฎํบกชอบ ของนักปราชญ์ศรีงโบราณ ผายมรรก ปาลืมุฅกกะ ซึ่งล่วงมาหลายรอยบ ไค้มาประมวญ ณ ที่แน่งเดียวกันในบีจจุบนน. ในบีชวศ เดือน ๑ 0 ชน ๓ กาวนพฤหสบดี ว วิกติโชติ กล่าวโคยศวามบริสุทธิ ขอกวามแลพิธีก่างฺ ๆ ในหนังสอเลมน มหสก ฐานกรณีย์แวคลอมจากที่มาทุก ๆ แบบ ข , าพเ วัาไ ค้พลื กำสังกาย กำสังศวามดิศ กำสังบีญญา แลทุก ๆ อย่าง รวบรวมแบบแผนของนักปราชญ์โบราณไว้เบีนศกังแน่งการบ่ป้บํกิ ชอบ ศ' 1ม กำ ลง ก ๑1® สามารถเพื่อทำกิจพระพทธศาสนา, ควยเจคนา 0 นบริสุทธิเท่านน ซงหวงใจ 0 ยูวาจกอำนวย ประโยชน์แก่ผู้สนใจ ถึงไม่มากก็พ 0 จะเบนแนวทางแท่งความคืคความรู้ไค้แบบบนง เพ'วาะม็คคิ ที่ท่านผ้ร้กล่าวเทือนว่า “อย่าคถกทำรา อย่าคิคทำรา ทำราไม่ใช่ยา ไข้ไม่ไค้หายเพราะยา แท่ ท่องรปทานยาไข้จึงหาย คงน, เมื่อไคร่ครองคูควยสคิบญญาก็อาจรู้ความจริง คือ ควยาก็ไม่ใช่ ทำรา ถึงทำราน 1 นเล่าก็ไม่ใช่ก้วยา นึ่ชนหนึ่ง ฯ ฝอยบอกสรรพคุณของยา ก็ไม่ใช่ท่วิยาจรงแล ไม่ใช่ทำราผสมยา นึ่เบนความ , รเช่น!สอง เมือแพทยผู้รู้จริงเห็นจริงแลทำจริง รวมสงเหลานลง เบนเอกไค้ ว่ฅถธาคนนทรงไว้'ชงอำนาจอนศกคสิทธ® , แคบนง ในการระงบสรรพโรคทงบ่วง ให้หาย ๆ ที่ค , งของโรค, กไม่ใช่ฅวโรก ถึงเชอโรกกไม่ใชสมุฏฐานข 0 งโรค นเบนความรู®น VIนึ่ง อาการของโรคคือทกขเวทนา กวามกระสบกระส่ายคาง ๆ กไมใชควโรคแลไมใวิเสมุฏฐาน ของโรค แค่การจะร้โรคไค้ก็ไม่ใช่คืนไปจากสิงเหล่าน ย่อมมเหคุผลเบนอคพลวบจจยเน 0 งคน ปกบกซ'บ'ซอนอยู่'โกยถึกลบ นเบนความรู้ชนสอง ๆ เมื่อแพทย์ผ้สามารถครวจสีงท , ง ๒ อย่างรวมเบนเอกไค้แลว กวางยาคูกค 0 งกบโรค ถึงอย่างนนก็มืกลเม็กอีกชน ® ก 0 โรคจะหายเรวบร 0 ชำนนแพ 1 ายบงคบค า ม®ศบไไนไ ® อ น แลวแค่ยากบโรคจะแค้กนเอง แลหายจากโรคเอง ความหายจากโรคนนเบนของเบนเคง ทา น จึงกล่าวว่า ไข้ก็ไม่หายเพราะยา ยาก็ไม่ไค้แค้โรคให้หาย แค่คองรปทานยาใหคูกสมุฏฐาน®อง โรค โรคจึงหายคังนึ่ แม้เนึ่อกวามในเรื่องสมถะวิบสสนากมมฏฐ' 1 น ซงว่าควยพิธีค่าง ๆ ไอย อเนกน์ย ก็มีนํยเช่นถ้นนึ่ ถ้าจะเชึ๋องมงายก็เห็นจกไร้ผล, ถาไม่เชอเสยเลยกค 0 งเบนคนจน เพราะไม่กลาทำอะไรลงไค้, หากเบนกนเค้กเกี่ยวกล่าไค้กถ้าเสียอาจจกมองเท่นผสสํ' 1 ไค้บ"' 1ง อย่างที่มืภาษิกว่า “ถ้ากล่าแลว อย่ากล่ว ถ้ากลวแก้ว อย่ากลา เพราะผิกก็เบนครู คูกกเบน กร กีก็เบนกร ชํวก็เบนกร ยงไม่ถึงคราวรู้จริงกค 0 งพง 0 ว®®าไปพล' 1ง กอน กรนรูจรงแลวก ท่องย้อนพึ่งวิชชา, เบนอกกาทีปา อกคสรณา แก่คนท่อไป คงนนธรรมกามบุคคลผูมุงผลแบง ความสข ก็ท่องเบนคนจริง, พิจารณาคูควยความจริง คามสภาพแหงความเบนจรง จงจะเบน ของจริง, กามจุกที่มุ่งหก้งคงใจจริง เพราะว่าธรรมวิเศษที่สูงสุคยีง ไม่เบนสิง 0 นบุคคลจะพิง บรรลุไค้ง่ายคาย, , แท่ก็ไม่ใช่เบนสีงเหลือวิล่ยช 0 งมนุษย์ เมื่อใคจิคค์สมปยุคค่ว่ย ศีส ส ม' 1 ธิ บญญา ค้แล่ว เบนคองเท่นควงแก้ว คือ พระพุทรคน พระธรรมรคน พระอริยก้งฆรคน แลอมฤคธรรมโกยเที่ยงธรรม ฯ ๏0า ว่ภูต สฤษดิ หนำสืยิเล่มนืสำเร็จเรียบรอย, - เพราะอาศยกำลังท่งั้ ๒ ทางอุปถไ๓ คีอ © ผายบรรพซิก ไค้รบเมคฅาแลการสงเคราะห์จากพระเถรานุเถระ ซึ่งเบึนที่สกการะบูชาย็ง ฉะเพาะขำพเจ่า บางเหล่าไค้ช่วยกนหาแบบแผฺนให้ บางเหล่าไค้มอบกนฉะบบให้ บางท่านคง เมกคาจึฅก์แนะนำในการเรียบเรียงหนำสีอ กอยกักเคือนเสมอ เพื่อมิให้ประมาท, เกรงจะพลาค ไปทางหายนะ นบว่าเนีนพระเคชพระทุณเบนที่ยีง ๆ ส่วนพระภิกษุสามเณรทงํ้หลายทิมีสมมา- การวะในขำพเจ่า ค่างก็มีจึคค์ยินคีพยายามประกอบกิจที่ขำพเจ่าประสงค์ให้สำเร็จเรียบรอยทุก ประการ จึงขอขอบกุณไว้ในที่น้ควย ๆ ผายกณะลัปปุรุษพุทธบรีษทท่งหลาย ก็ไค้มีกรีทธามาลา การ บรีจากทุนทรีพย์กามสคีกำลังของกน โคยมีเจกนารวมเบนเอกฉันท์อนเคียวกน คีอมุ่งจะ ให้สำเร็จเบนส่วนพุทธบูชา ธมมบูชา ลังฆบูชา เบนการช่วยเชิคชูทางสมิมาปฏิใโก , ให้เจริญ งอกงาม ในพระบวรพุทธคาสนาของพระฉัมมาสมพุทธเจ่า คำนนขำพเจ่าจึงไค้บอกกวามประ- สงค์ให้ทราบทุก ๆ ท่าน เพื่อจะขอรายนามแลจำนวนทุนทรพย์ที่บรีจากลงไว้ที่ทำยหนำสีอนื เพื่อเบนการเซิคชูเกียรคีกุณของพระพุทธศาสนาก่อไป ๆ ปุญณท่ศสฤษค สพเพ สกกา สรรพสกว์ผู้ไม่ริษยาก่อสรรพลักว์ท่งํ๋หลาย มี เมกกากรณาโกยแท้ปรากจากอหำการมมำการประพฤคีสม่าเสมอในทุกข์แลสุข กอยแค่จะให้อภย ก่อกัน ไม่ยินคี ไม่ยินราย ไม่เกรำโศก ไม่จำนงผิค ไม่คีคกวามคีแลความไม่คีมีกวามชื่อลักย์ ก่อคนเองเบนนิกย์ อเวรา ชื่อ'ว่าผู้ไม่มีเวร ขำพเจ่าขอร่วมส่วนบุญ แลขออุทิศบุญกุกล'ให้ เสมอภาค ควยจิกค์กันบริสุทธ๊ ๆ ส พเพ สตตใ สรรพส'กว์ท่งหลายผู้มีความสนโคษเนืองนิคย์เบนกลยาณมิครบงคบ- จึฅค์กนอยู่ มีความกงใจมนกง แลมีบญญาแน่นแพื่นในกักคะวางคนเบนกลาง ไม่มุ่งก่อโลกา- มิสใค ๆ มีนืาใจบริสุทธิดวน ๆ มีความบากบนก่อกวามคีม่นกง กำรงคนอยู่ควยอเบกขา พน ความกลัวเพราะไม่ไค้ท่าเหทุแห่งความกลัวไว้ สละการปรารภลามกที่งปวงเสียไค้ มีความชื่อสกีค้ย ท่อกนเองเบนนืกย์ กัพยาบชฌา ชื่อว่าเบนผู้ไม่เนียคเนียนคนแลผู้อึ่น ขำพเจ่าขอร่วมส่วนบุญ แลขออุท้ศส่วนบูญกุกลให้เสมอภาค ควยนืาใจอนบรีสุทธิ ฯ ลัพเพ ลัคคา สรรพสกว์ทงหลาย ผู้วางคนเสมอในสกรูแลมิกรในการไค้รบความสรรเสวิญเ 1 สคูกทุ ห มี น มีความสม่าเสมอในความ หนาว รอน สุข ทุกข์ เวนเสียจากการกสุกคลีในหมู่คณะจนเกินส่วน วางคนไว้เบนกลาง ๑๔ รกษาใจให้มีนาหนกเท่าก่นในนินทาแลสรรเสริญ มีกวามบุหณีภาพไม่ฅิกที่อย่ มีกวามเห็นม่น กงควยเนบกกะบญญา ฯ แลโลกย่อมไม่เกือกรอนจากผู้ใก ผู้ใกย่อมไม่เกือกรอนจากโลก ผู้ใก พนจากกวามยินกียินร่าย พนจากกวามทอถอยพนจากกวามกลว พนจากกวามเกือกรอน สุขี อๆฅานํ ปริหรนฺฅุ ผู้นนชื่อว่าบริหารกนให้มีกวามสุข ๆ นบว่าเบนวิธึบำเพ็ญกวามสุขให้แก่กน แลบุกคลผู้อื่น ขาพเจ่าขอร่วมส่วนบุญ แลขออุทึกบุญกุศลให้เสมอภาก ควยนาใจอนบริสทธ บุก ๆ ท่านเทอญ ๆ วนที่ ๒๐ สิงหากม พ.ศ. ๒๔๙๙ อ. อกษร ยโสธร รตน์ ว , ดบรม นิวาส คำอุทิศ ท ๕/๔/๗๙ 1 ในการสร่าง หน , งสึอ สมถวิบิสสนาก้มมีฎฐาน เล่ม น ขำพ เจ่ามี ศรทธาบริจาคทุนทรพย์เบินจำนวนเงิน @๕๐ บาท เพื่อบำรุงพระพุทธ¬ กาลนาให้เจรญรุ่งเรืองก่อไปสนกาลนาน ขำพเจ่าขออุทิศส่วนกุศลทุญ- ราศรืให้แค่ท่านบิคามารคาแลทุกรบุฅรื ซึ่งล่วงลบไปแลวยงปรโลก มี นายพนครื หลวงท่ศไนยนิยมศึก (ทศนย มิฅรภกกี) ผู้บงกบกองพน ทหารมีาที่ © ร้กษาพระองค์เบินทน คลอกถึงท่านท่งํ๋หลายพื่นบถือ พระพุทธศานนา จงท่วก้นเทอญ ๆ ลงนาม คุณทญิงนรินทรราชเสน (เจิม มิตรกกดื) กวยกุศลเจกนาทื่ข่าพเจ้า ไก้บริจากทุนทรพย์เบนจำนวนเงิน ๕ 0 บาท สำทรบสร่างหนงสือเด่มนไว้ในพระบวรพุทธศาสนา ขาพเจา ขออุทิศกุศลบุญนฤธึน ให้แก่ นายเกเถา ผู้สาม ซึ่งล่วงลบไปแลวยง ปรโลก ขอจงกลบ'นกาลให้ไปสู่สุกทิสถาน สมคามมโนรถกวามปรารถนา ขอ่งข่าพเจพงทุกประการ เทอญ ๆ ประไพพิศ เค. เถา. คาอุทศ ก่วยเกชะผลานํสงท์พื่ข่าพเจ่าไค้บริจากทรพย์เบํนจ์านวนเงิน ๑๗๐ บาท และนางสาว รสสุกนธ์ สาริกานนท์ บุกริ เบนเงิน ๑0 บาท สร่างหนง'สอน เพื่อบำรุงธไ)มานุธมมปฎิบก ขออุทิศส่วนบุญให้สำเร็จอฎฐวิบูลย์มนุญญผลแก่ พระยาชนินทรภกกี (เปลี่ยน หัสกิเสวี) บํกา สวน หัสกิเสวี มารกา ผู้ล่วงลไม่ไปแลวยงปรโลก แม้วิญญาณของท่านจะสถิกย์ณะสถานพื่ใด ๆ ก็กิ เมื่อไค้รบบกกานุโมทนามยบุญกริยาวกถุนแลว ขอให้ประสพกวามสุขกวามเจริญในกกิภพ นน ๆ สมก่งเจกนาของข่าพเจ่าทุกประการเทอญ ๆ ตาม ใ!สติเสว นางสาวรสสคใ!ธ สาริกามนท์ ใ!ตริ คาอุทศ ข่พเจำบริจาคทร่พย์สร่างหนงลีอเบินจำนวนเงิน 0๐ บาท เพีออุทิศส่วนกุศลให้แก จีบ บุ 1 ?าริ ผ้ล่วงลบไปส่ปรโลกแลวฅามวิสยของส่งขาร ควยปุญญาภินิห'!รน ขอจงส่าเรจสุขสมทค อนไพนลย์แก่บฅริของข่าพเจำในสคทิภพนน ๆ สบคงเจศนาทุกอย่าง'กุกปวก''ว ว แข ปริกสุวรรถเ ข่พเจำสละทรพย์เบินจำนวนเงิน ๒๐ บาท สร่างหน'งสือสมถวิบสสนานใว้ในพระ'' พุทธศาสนา ขออทิศส่วนบญน่ให้แก่ คส่าย บิคา เกลียว มารคา เบิยบ บิคา ทิม มารคา เยอน เล็ก ภรรยา แลพระภิกษบุญพี่ชาย ๆ คำยเคชะบุญญาธิการพี่ข่าพเจ่าไค้อุทิศให้น ขอจงสำเร็จ ผลบนกลบนคาลให้ท่า!'แหล่าน , น ประสพแก่สุขสมบค อนน่าใคร่ น่าพึงใจ ในสุกคิภพนน ๆ ฅามปรารถนาทุกประการเทอญ ๆ นายจอย นางสง่า หน่อสุวรรณ คำอุทิศ ข่าพเจำขออุทิศจำนวนเงิน ๘0 บาท เพื่อสร่างใบพทธเสมา ๘ ใบสำหรบพระอุโบสถ วิคสร่างโศก อำเภอยโสธร ควยอำนาจกุศลน ขอจงสำเร็จอิฎฐวิบูลย์มนุญญผล แก่นายคั๊พุน พนพนิช บิกา นางบุญรอด พนพนช มารกา สมก่งความปรารถนาของข่าพเจ่าทุกประการ เทอญ ๆ นางสาวกิมล บุตร นายเคยนเฮง บุตร ข่าพเจำขออุทิศเงิน ๕0 บาท สรวิหน'งสือพระก้มมฎฐาน ขออุทิศส่วนกุศลนืให้แก่ เจาราชวงศ์ พระธำมรงค์ภบาล (ท่าวผายมหานาม) นางไเ นางเ^เอง ผายวงศ์จนทร์ กวน เมืองแพนพลแสน บิคา กรรมการเมือง นางอบ าเางพงิเ มารคา แลนายหมมื ผายวงจ*นทร็ ผู้สามี ขอให้สำเร็จศุภผลก้นเบนส่วนสุขสมบก แลโสกภิภาพในภพนน ๆ เทอญ ๆ แกว, ผายวงวนทร์
  • รๅยนามผู้บริจาคทร่'เข์สร่างหนํงสอน ©. คุณหญิงทิม ๒. คุณใบ ๓. คุณเบิล ๔. คุณหญิงส}]บุรณ ๕. คุณหญิงสรราชภกิคี (5น) ๖. นายจำลอง อาจหาญณรงค์ ๗. คุณแม่ (กำปล่องสุกนธวค) ๘. นายพนโท พระเสนาภ'กิค V คุณนายเฮง เสนาภกิคี ( ๙. หม่อมเทึยบ \ เชเยม มารกา / ๑0. คุณนายปริก ปฎิกรบรรณสาร ©๑. นางแปลก 0๒. นางจอน ©๓. เชอ ©๔. นางสาวฉลวย ©๕. คุณหญิงแช่}] •๖. คุณนายเลื่อน ©๗. นายแมน รกโ'นบล ©๘. หลวงพิพิธสุพรรณภ}] ©๙. คุณนายกิ}]เก่า ๒๐. นางชน พรจันทร์ ๒®. นางมา ๔๐ บาท พระนคร ๒๐ บาท พระนคร ๒๐ บาท พระนคร ©๐ บาท พระนคร ๘ บาท พระนคร ๕ บาท พระนคร ๕ บาท พระนคร ©๐ บาท พระนคร ๖ นาท พระนคร ๑๐ บาท พระนคร 011 บาท พระนคร ๒ บาท พระนคร ๑ บาท พระนคร ๐ 'ชุ ๐ บาท พระนคร ๔ บาท พระนคร ๑ บาท พระนคร ๕ บาท พระนคร ๒ บาท พระนคร ๑ นาท พระนคร ๑ บาท พระนคร ๐. .๕๐ บาท พระนคร ๒๒. นางผาค ® บาท พระนคร ๒๓. นางเนย หลมเจรญ ๕ บาท คาบลคลาคนอย ๒๔. นางสาวประภา ๑ บาท คำบลคลาคน 1 อย ๒๕. นางสาวประไพ ๑ บาท คำบลฅลาคน'อย ๒๖. ประพนธ์ ๑ บาท คำบลคลาคน 1 อย ๒๙. นางสมบูรณ์ คระเาลเผึอก ๑ บาท ธนบุรี ๒๘. นางเสงื่ยม 0 บาท พระนคร ๒’. นายยม ควงเลขา ๑ บาท พระนคร ๓๐. นางโหมค พกอุคม มารคา 1 นายลอม นางเสน 1 ©๐ บาท บางปะกอก ๓©. นายทิม นางสํง์ข์ รอคประเสริฐ ๕ บาท บางปะกอก .-๒. นายครำม นางคาค นส:ครำ.
  • เ1 1‘ท
  • 4# 1 . ' —* -. . 1 .-.-. นา:รน ร ;ร่น. , ว'ร: รึ ‘ รึ - X
  • . แ ~ 1 ๓๔. นายผง เอยมโค มี ๕ บาท บางปะกธก ๓๕. นางทิพ กรีสขนนท์ ๒ บาท บางปะกอก ๓๖. นายเอง นางเหม ๑ บาท บางปะกอก ๓๗. นายถนอม นางถม พวงสวรรณ์ ๑ บาท บางปะกอก ๓๘. นางปลีก ๑ บาท บางปะกอก ๓’. นายสง่า นางเออน ลบคุ้ม ๑ บาท บางปะกอก ๔๐. นายวอน นางพรอม ลีมทองจีน ๑ บาท บางปะกอก ๔®. นายบุญนาค นางสำเภา ม‘งกลี ๑ บาท บางปะกอก ๔๒. นาง Vเง ๑ บาท ราษฎร์บรณะ ๔๓. คณะรวม ๑.๑ ๙ บาท ราษฎร์บูรณะ ๔๔. นางวาค ๑ บาท ผงธนบุรี ๔๕. นายอวค ๒ . บาท ผงธนบุรี ๔๖. นางคฤงฆารยุทธกิจ (ยวง) ๕ บาท พระนคร ๔๗. นางธานีสากรารกษ์ (เชอ) ๒ บาท พระนคร ๔๘. หม่อมสมจีน ๔๙. นางเครือ ๕๐. ถนอม รกแค่งาม ๕©. นายมา ผาพันธ์ ๕๒. นางอุ่น ผาพันธ์ ๕๓. นางชิค จงกลแพทย์ ๕๔. นายอวน ภูสาร ๕๕. นางเขียว ๕๖. นางเปลี่ยน ๕๗. นางบวรรฐนิคิ (สกอินทร์) ๕๘. นางสาวสำเนียง แพทยานนท์ ๕๙. นางสาวทิพย์ ทบกลาย ๖๐. นางสาวเลี่ยม ปีนคระทูล ๖©. นายคิริ ปีนคระทูล ๖๒. นายแคม ทบคลำย ๖๓. นางเนย ๖๔. นางลวน ๖๕. นางสมบูรณ์ ๖๖. นางบุญเกิค โภคา ๖๗. นางเยอน ๖๘. นางปริก ๖๙. นางชุบ ๗๐. อุบาสิกาสมบูรณ์ ๗©. นายกำคา นางคูณ ผาพันธ์ 01๒. พระเสนางควิจารณ์ ๗๓. หลวงชาคิจคูรงค์ ๒๐ มาท พระนคร ๒ บาท พระนคร ©๐ บาท พระนคร บาท พระนคร ๕ บาท พระนคร 0 บาท พระนคร ๑ บาท สามเสน ๑ บาท สามเสน ๑ บาท สามเสน © บาท กำบลส์พระยา ๕ บาท คำบลลี่พระยา ๔ บาท คำบลลี่พระยา ๓ บาท คำบลลี่พระยา -

    บาท คำบลลี่พระยา © บาท คำบลส์พระยา © บาท คำบลลี่พระยา ๐ & ๐ บาท คำบลลี่พระยา ๐. ๕๐ บาท คำบลลี่พระยา ๑ บาท คำบลลี่พระยา ๐.๒๘ บาท คำบลลี่พระยา ๐.©๐ บาท คำบลลี่พระยา บาท คำบลลี่พระยา ๑ บาท คำบลลี่พระยา ๒ บาท ลุมพุก ๖ บาท พระนคร ๒ บาท พระนคร ๗๔. นายเหดือ เปรียญแซ่กรู ๑ บาท ยโสธร ๗๕. นางทองพล แซ่กรู ๑ บาท ยโสธร ๗๖. กุณนภา ๑ บาท พระนกร ๗๗. นางเถา บาท พระนกร ๗๘. นางบุญธรรม ๑ บาท ไชยนาท ๗๙. อุบาสิกาเขมา เนกขมมาภรมย์ ๕ บาท ไชยนาท ๘๐. นางสาวหอมกรวย ๑ นาท ไชยนาท ๘®. นายกวง นางสมบูรณ์ กรีมสกุล ©๕ บาท เสาชิงซ่า ๘๒. นางเพไล้ ๒.๕ 0 บาท สพานหน ๘๓. คุณนายสินธุ ๑๐ บาท สำเพ็ง ๘๔. เยอน สุนวฅร์ ๑๐ บาท สำเพ็ง รายขอพู่วยขวนขวายในการสรๅงVIนงสือน็

    . พระมหาหรา ปณฺฑิโก ป.๕ น.ธ. ไท ๒. พระมหาเงิน อินฺทวงไส ป.๕ น.ธ'. เอก ๓. พระมหาผุย วุฑฺฌสาโร ป.๓ น.ธ. เอก ๔. พระมหาภู่ กมฺภีโร ป. ๓ น.ธ. โท ๕. พระคลาย นารโท น.ธ. เอก ๖. สามเณรกวี กวีวงโส น.ธ. ฅร ๗. สามเณรวีๆารย์ ตุริยวงโส ยโสธรรํคน์
  • สารบาญ ทนา เข;]ถรถเก!]นกถา ๓๓ นิสสํยประเภท ๓ ฅรวรีปุพพนิสสย ๔๔ ฅรวรีศีล ๔ ฅรวจเนกขัมม ๔ ฅรวรีบญญา ๔ ฅรวรีวิริย, ขนกิ, สํรีรี, อธิษฐาน ๔๗ เมฅกาและอุเบกขา 4 ๗ พุทธน้สสย ๔ ๘ อุบชฌายารีารยนิสสํย ๔๘ วิธีเจริญสมถะ ๔ แส่คงวิบสสนาภูมิ ๖ 0 วิธีเรียนสมถะวิบสสนา ๖๗ ภาค ® เบญจขนธ์ ๖๗ ภาก ๒ อายฅนะ ©๒ ๗ 0 /ไา๓ ใ)า5ไ ๑๘ ๗๒ นิทานมารีากมโนสารนิเทศ ๗๓ อนุฎีกามโนสารนิเทศ ๗๔ ภาค ๔ อินทรีย์ ๒๒ ๗๖ ภาค ๕ อริยส้รีรี ๔ ๗๘ ภาค ๖ อวิชชา ๘® ปฏิรีรีสมุปบาท ๘๒ นิทานของเก่า ๘๖ 1^๖ แบบสมเคจพระมหาส่ง , มราชาเจ่า สทธิโสมVาราVIมณาจุเารย์ ปุพพาภิส่งขาร ๗ สุกรพรหมวิหารบ , นกน ชมาพระใครรฅนแบบพกคารแล!]ฏิญาณก่ฏพร"รกหใกร คำสมาทานธรรมหองที่ ๑ ขนทองที่ ๒ ขนหองที่ ๓ ขนหองที่ ๔

    ฃนหองที่ ๕-๖ แผนที่ภาวนาในทองเมกกาพรห 3 ]ริ หาร ขนโองการที่ ๒ กรุณา แผนที่หองกรุณา ขนโองการบิ ๓ มบิกา แผนที่ภาวนาหองมุบิกา

    ■ 1 ร ' ม่ ขนเองการอุเบกขาท ๔ แผนที่ภาวนาห , องอุเบกขา หลกคุณธรรมพิเศษในสมถะและริบสล นา ยาการเกิกของบกิ ๕ อานิสงสของบกิ และอุกกลธรรม ' 0 พระมหาส่กษณะบกิทา เ1 รปแเๅน วิธีภาวนา หองท ๒ ว่าควยบิ 1 กิท่า 0 ? แคะโกยวิธีสบในบิกิท่า หองบิ ๓ ในอุกกลธรรมท่า V, หองบิ ๔ ว่าควยสุข พระอานาปานุสสฅ ร' หนา ๘๘ ๙๕' ๙๗ ©๐๐ ©๐๑ ๑๐๑ ๑๐๒ ๑๐๓ ๑๐๓ ๑๐๔ ๑๐๖ ๑๑๐ ©๑๒ ๑๑๖ ๑๑๘ ๑๒๐ ๑๒๒ ๑๒๒ ๑๒๓ ๑๒๖ ๑๒๗ ๑๒๘ ๑๒๙ ๑๓© ๑๓๒ I เ2) 0ว่) หนา หองที่ ๖ ว่าควยอรูปฌาน @๓๔ หองทื่ ๗ ว่าควยวิบสสนาภูม @๓๔ หองที่ ๘ พระสพพญญุคญาณพระวิบสสีสมมาส้มพุทธเจ่า @๓๖ อภิส้มโพธิญาณของพระส้พพํญณพุทธเจ่า @ 5 ;® พระพุทธอุทานกาถา @ 5 ;๖ หล'กธรรมประจำ'จคฅ์ @๔๙ หวใจพระพุทธศาสนา @๔๙ พระมหาเถรพุทธรํงษีบวรมุนี ๑๔ 0 โลกุคกรฌานแลมรรคญาณ ๔ @๔ 8 ผล ๔ อิทธิ ๖ @๔๒ ถฟิณ ©0 @๕๒ อศฺภ ©๐ และกายกฅาสกิ @๔๔ 1 : 11 .11 พระอนุสสคธรรมเจาทง ©๐ @๔๔ พรหมวิหาร @๔๔ กรุณาพรหมวิหาร ©๔๖ พระอานาปานสสฅ ©๔๖ ขนมรรค ๘ ©๕๗ วิสทธิ ๗ ©๕๗ ศีลวิสุทธิ ๔ ฌาณ ๔ ©๕๘ 1 ^' .. , ” สกปฎฐาน ๔ ©๕๘ ส้มมไเปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ ©๕ต' อินทรย์ ๕ ©๕๙ โพชฌงค์ ๗ 1 ©๖๐ ญาณ ๕ อรูปฌาน ๔ ©๖๐ ปฏิส่มภิทา ๔ ©๖๐ 1ด7๘ V หนา วิชชา ๓ มหาปาทล่กษณะ ๑๖๑ กาถาเกินจงกรม ๑๖๔ กาถาเมื่อจะเข่าบา ๑๖๔ กาถาออกบา, สมาทานแลปลงจงกรม ๑๖๔ ปลงอาบกิพระกิ:-เมฏฐาน โองการพระไกรสรณากมน์ ๑๖๕ ขนบริกรรมภาวนา ๑๗๐ โพชฌงกปริฅกิ ๑๗© หองที่ ล เข่าอนุโลมแลปฏิโลม ๑๗๑ ท่องที่ ๒ วิธีเข่ากิ!! ๑๗๒ ท่องที่ ๓ เข่าสวิง ๑๗๓ ท่องที่ ๔ เข่ารวบ ๑๗๔ ท่องที่ ๕ เข่าส่งกฎ ๑๗๕ ท่องที่ ๗ เข่าวกร ๑๗๖ พระมหาปาทลกษณะวรสิทธิ ๑๗๗ คนพยญชนะ ๘๐ ©๗๘ มหาปุริสลกษณะปริกกหกวินิจฉย ๑๗๙ พระธรรมโอสถแบ! เส:)เก็จพระมหา , วิข่ยธา 1 ทุม'หานุนิ ๑๘๑ แกลมกำเริบในขณะเจริญสมถธรรม ๑๘๒ วิธีเขาลวิ)ษณะ.ธรรมแลวิสุทธิ ๙ สลบธรรมญาณ ๑๘๓ แก้กวามร้ชนวิบสสนา ๑๘๔ ธรฺรมปฏิรปอนกล่าแข็1 ๑๘๕ !เกิณณก!ภส่ชํช ๑๘๖ แก้โรกลมรอยแปก ใขมอา;! เรร่อนหนาวจก ๑๘๗ แก้ปฎภาค ๑๘๙ แก้พิคส่ควิที่ง๎ปวง ๑๙๐ I 1^1)0 ห'}ภ หองระงบโรคตม ©๙๐ เภสชชในอาการ ๓๒ ©๙๒ กถาว่าควยอาการ ๓๒ ๑๙๙ สมถวิบสสนากมมฏฐานมกค1เาฒุก แบบสมเก็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน ๒๐๒ อาราธนาพระก'มม่ฏฐ าน ๒๐๒ มากิกาสมถกมมฏฐาน ๙ 0 ๒๐๓ อธิบายสมถก'มมฏฐาน ๒๐๔ วิธีเจริญพระวิบสสนากวิเมฏฐาน ๒๐๘ แก้ไนวิสุทธิ ๗ ประการ ๒๐๙ สักษณะพระบกิ ๕ ประการ- ๒©๔ พระบกเจาทง ๕ จคฌนธากุ ๒©๔ วํค์ถุ ๖ ประการ ๒®๔ ปกิรณกกถา ๙ ที่แตะวิธีรกษาคันอง ๒©๖ บาปธรรม ๙ คัว ๒®๗ ฌาณโตกุคร 9ช! ๒๓๘ คราสุกิฅฅิมา ๒๔๓ ทำวกรพระ ๒๔๗ ล'กบณะบกิ ๕ และยุคคล ๖ ๒๔© ชาน'เปาใเสสก ๒๔๓ กายคคาสกิ ๒๔๔ กสิณสัน ๒๔๕ อคุภกมมฎฐาน ๒๔๔ อนุสสกิ ๒๔๗ เมคฅาพรหมวิหาร ๒๔๘ เมกคาข้างนอก ๕ รอบ ๒๔๙ ๓0 หน 9 า กรณาขำงนอก ๔ รอบ มทิคาขำงนอก ๔ รอบ อุเบกขาขำงนอก ๕ รอบ อรูปฌานสมาบท เจริญพระวิบสสนา กำอธิบายของหลวงวิทาลอ 7 ธเก 7 คราสรคะพระพุทธอุณ แบบขนพระกมม้ฎ์ฐานหํกิงพุพธอุ ณ ธ7ร มอุ ณ สงฆ อุ ณ พระพุทธอุแเ ๕๖ ฅราสรฅะพระธรรมอุณ แบบขนกํมม่ฏ์ฐานหํกํงพ 7 ะพุทธอุ ณ สรคะพระธรรมอุณ ๓๘ คราสรคะพระสงฆอุธเ แบบขนพระกมมฏฐานหอวพ 7 ะส งฆ อุ ณ สรคะพระสํงฆอุณ ๕ บรพกิจของกมมฏฐานแบบย่อ วิธิขVเกัมม'ฎฐานและคาร'วะพระ'รคน , ใ'อ 7 อารธนาพระธรรม กำสมาทาน'พระ'ธร 7 ม กัม))ฏฐานแบบพ 7 ะธรรม ๓ ไอ 7 แบบคงสมฎฐานของลมหำวิออให’ , บมลบ าธ แบบคํงธาอุของเกวิอาวา 7 อ แบบเคินธาอุทำวิคคให้เบนลมาธิ แบบเคินธาอุในหองพ 7 ะเวิา ๕ พระอนา ก))ม 4 ฏิฐา'แแบบเกสาของเกวิอาวิา 7ย แบบเกินธาอุเกิคอิทธิพล , ท่า' 3 ๆ V)ระกมมฏิฐานม 77 อบาลมุอ 7 )อลมลอพระลา , 'ม 7 าข’ทอน ๒๖๐ ๒๖๐ ๒๖® ๒๖๒ ๒๖๔ ๒๖๗ ๒๖๘ ๒๗๐ ๒๗๕ ๒๗๖ ๒๗๗ ๒๘® ๒๘๒ ๒๘๔ ๒๘๖ ๒๘๗ ๒๘๘ ๒๘๙ ๒๙๓ ๒๙๕' ๒๙๗ ๒๙๙ ๓๐๐ 01๐๔ ๓๐๙ ๓๑ หน 9 า คาถาพระเจ่าเบคโลก ๓๐๙ พระบฅิและยุคกลธรรม ๓๑๐ กส์ณ ๐ อคุภ ซิ๐ (1•เ๏๒ อนุสสติ ๓©๓ เมฅฅาพรหมวิหาร ๓©๔ กรุณาพรหมวิหาร ๓๒๓ มุทิตา อุเบกขา พรหมวิหาร ๓๒๓ อรูป ๓๒๙ พระศีลวิสุทธิ ๓๒๙ พระวิบสสนาญาณ 0 ๓๒๕ พระอานาปาณ ๓๒๘ แบบเทียนสํงกฎใ นหองพรหมวิหาร ๓๓๐ ออกทีคอนนฑข์กร'วาพ ๓๓๒ ออกทิศใหญ่ในห , องอนนฅจ่กรวาฬ ๓๓๔ ออกทิศ ซิ0 ในพรหมวิหาร ๓๓๖ ชมฌานในคอกบวบาน ๓๓๘ เข่าฌานนากพนธ์ในพรหมวิหาร ๓๔๐ อาสพพโตนากพนธนาพรหมวิหาร ๓๔๒ แบบมงขมุพรหมวิหาร ๓๔๔ ชื่อมงขมุพรหมวิหาร ๓๔๖ ปฤษณาธรรมของเก่า ๓๔๘ บนทีกปฤษณาธรรมทางวิบสตนาญาณ ๓๕๗ อุปเทศพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สง‘มคุณ ๓๖๙ ยปเทศและอานิสงส์ในรตนมาสา ๓๗๐ อปเท่ห์ธาฅ ๓๗๔ ๓เต หนา กถาว่าควยเสขิยว่กร์ ๓๘๓ กถาว่าควยสมาทานธุคงควํคร ๓๙๐ กถาว่าควยธุคงค์ ®๓ ๓๙๓ กงกคุถเของผู้เจริญสมถวิบสสนาทีมมฎฐาน ๓ ®’ ๘ กถาว่าควยปลิโพธ ๑0 ประการ ๔๐๐ กถาว่าควยอัปปนาโกศล ๑0 ประการ ๔๐๐ กถาว่าควยอนนุรูปวิทาร ๔๐ ® กถาว่าควยอสไเปายฐาน ๗ ประการ ๔๐๒ กถาว่าควยวาทของสมณะที่กวรกล่าว ®0 ประการ ๔๐๓ กถาว่าควยอธรรมที่หำมคุณความคีทางวิคคํ ๕ อย่า'’ ๔๐๓ กถาว่าควยอนุสยซึ่งนอนเนยงอยู่ในจคคํ ๗ อย่าง ๔๐๓ กถาว่าควยอธรรมที่นกพรทควรสนใจอย่างย็ง ๙ อย่าง ๔๐๔ กถาว่าคํวยอธรรมที่ครอบงำจิคฅ์ ๙ อย่าง ๔๐๕ กถาว่าควยการทำอธยากโ)ให้บริสุทธึ้ ๖ อย่าง ๔๐ กถาว่าควยวิหารที่นกพรฅควรอย่ ๕ ประการ ๔๐๖ กถาว่าควยจริฅ ๖ ประการ ๔๐๖ กถาว่าควยกามาทีนพโทษ ®๓ อย่าง ๔0๗ วิธีทำจฅค์ใทสงบและแก้อกกหนิมิคค์ปฎิภาศนิมิคค์ ๔๐๘ เขมสรณคมนกถา เจ 4 าพระคุณพระอุบาลคุถุเปบาจารข(สริจา!ไท จนทร์) วดบวรนิวาสแสดง ใ!โม ดสฺส ภควโต อรใ!โต สมมาสมฺพุทธสส โย จ พุทุธณฺจ ธมฺมณจ สงฆญจ สรณั คโฅ จตฺฅตาริ อรยสจฺจานิ สมมปา]เไ]ฌาย า]สสต็ ทุกฺฃํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ ทุกขสส จ อดึกกา] อริยฌฺจฏฐงฺคกั มคเคํ ทุกขูปสมคานิน์ เอตํ โข สรถ! เขา] เอตํ สรณมุตตา] เอตํ สรณมาคาบุ] สา!พทุกขา ใ]มุจฺจต ต บ'กน้จะแสคงเขา]สรณคา]น์ คาม , แยมโวหารว่าถึงที่พึ่งอินประเสริฐกำจคภยไค้จริงคงน้ ก็แคเนอกวามแห่งพระคาถาน มอรรถธรรมอินเรียบรอยไม่นไ}ยไม่มาทไม่ยากไม่ง่าย พอสมควร แก่บญญาของผู้ที่ประสงค์ สมควรเบนพุทธสกแท้ ถากรองไค้ความชกใจจริง ก็อาจเบน , ที่พึ่ง กำจกทุกข์ภยไค้จริงควย แปฅเน้อความกามคาถาว่า บุคคลผ้ใคมาถึงพระพุทธเจ่าและพระธรรม พระสงฆ์ ว่าเบนที่พึ่งที่ระลึกกำจ่ค่ภโ]ไค้จริง แลเห็นอริยส'จจทง ๔ ควยบญญาโกยชอบ คือเห็น ทุกข์ แลเห็นมรรคามีองค์อวยะ ๘ เบนอุบายทางปฏิบฅให้ถึงความพนทุกข์นนและณนทีพึงอิน เกษมประเสริฐ นนแลเบนที่พึ่งอินอุกมสูงสุก ผู้ถึงที่พึ่งนนแลย่อมพนจากทุกฃภยทงสั้นไค้กงน ก่อไปน้จกอธิบายเพื่อเบนทางกำริของผู้ที่เดี่อมใสควยพระคาถาน้ มีผู้จ่าทรงที่งอรรถ ท 1 งแปลไค้มาก หากจะมีผู้คกก , านว่า สรณคมน์เราก็ถึงแลว อริยสจจ์เราก็ไค้ร้ไค้เห็นไค้จำทรง ไว้แลว ก็ไม่เห็นจากทุกข์จากภยอะไรไค้ ถามว่า การถึงพระพุทธเจ่านน จะถึงอย่างไร ทำไฉนจะร้อิวของเรา ว่า เบนผู้ถึงพระ พุทธเจ่าแลว ? ๓๔ แก้ว่า ท่องเขวิใจพุทธภมิก่อนจึงจะรู้ไก้ แท้จรงพระพุทธภูมินน มมากเทลอกำลง บญญาที่จะยกมาพรรณนาให้สั้นสุกไค้ แค่จะย?)มาแสกงเล็กนอยพอแก่บญญาชองคน เราทวิ)หลายพึงเขวิใ.จเก๊กว่ากวามจริงนนแ ห ดะ เป็นพระพุทธภูมิพระพุทธเจาของ เรา ท่าน'ให้กวาม'จริงกั้งอยู่แล 1 วใน , พระองค์กวามจริงเบนส่วใเชยง 1 ใจ เบนธรรมอนไม่คาย พระพุทธ¬ เจ้าเป็นผู้พ , ใเจากทุกข์ เพราะพนจากการแก้ไขเหคุกวามจริง ชวิคจะเบนอยูทริอจะท่บ ไป ท ไม่ท่องแก้ไข กวามไม่เที่ยงแปรผไเก็ไม่มิในพระพุทธเจ้า กวามเก๊กและกวามคายก็ไม่มิ , ใ นพระ พุทธเจ้า ชีวิคไม่มิอำนาจที่จะนำกวามเคีอกรวิ)นให้;ก๊กแก่พระพุทธเจาไค้ พระองกจงเบน อเนญโช กวาง]ทุกข์มิมาพระองกก็เบนสุข กวามคายมิมาพระองกกไม่ท่องคาย สภาพของใจ แห่งพระพุทธเจ้าเป็นของบริสทธไม่ร้จ้ก๊คาย จกพุ โสก ฆานะ ซิวหา กาย มนะ ของพระ' องอํก็ย้งมิไม่วิกาล รป เส?!ง กลใเ รส เกริกงส่ม่ผส่ ธรรมารง]ณ สวนกนาพงใจ นาคอง การก็ยํงมิ ส่วนช่วน่าเกลียคเป็นที่ไท่พอใจก็?]งม ท่ม่ผสกวามกระทบถกคองกยงม วิญญาณกวาง] ร้พิเศษรู้คามเหคุแห่งสวิ]?]สน่น ๆ ก็ยวิม แค่เป็นธรรมกาพุทธภูมิย่อมพนจากการคอสูนกใ ข กอ อายฅนะภา?]นอก ?ง้เทฅุคีและชำก็ที่งอย่กาง]หนวิที่ของกน อา?]คนะภายในผู้ผลกคงอยูคาบหนาที่ ของคน ส่วนใจ?ว้เสวยบริสุทธก็คำอยู่คาง]ทนวิที่ของคน ไม่ปะปนกนพระองกจึงเบนฉพํงอุ 1 ' บก ข’ 1 คือไม่หวนไหวค่คอารมณ์ที่ง ๖ เพราะกวาง]จริงอย่างเคียว อีกน่ยทนึ่ง ธรรมคาพุทธภมิ ย่ามรู้จกทุกข ย่ๆมรู้จ้ก๊ความกบทุกชทงเหทุทงบจจย เพราะเหคุมิอาสว่กขยะญาณ รู้กวา}]สนอาสวะ ๆ นนใช่อื่น คือวภอุภา?]นอก ๖ ประการนาแอง กวามที่ไม่รู้เท่าคา}]กวาร]เป็นจริงอย่างไร เป็นกำโมหะบกทางบญญา จึงเก๊คอวาง]ละโง]ภ ยก เขวิมา เหนึ่ยวเช่ามา สะสมหง]ก๊ทมกไวิท้ใจจึงเก๊คธาคุบูก ธาคุเปรยว ธาทุเมาหขนจงมนาม สมง]คิกคาง]อาการแห่ง.เมา , ทนน่ ๆ ว่ากาม ภวะ ที่ฏฐิ อวิชชา ท่านจึงเทยบกว?]ของคอง ใหชอ ว่าอาสวะ เพราะอาสวะน่า.แบนเทคุ เมอวิกาลไปใไเส่วนกา] 1 กให้เก๊กรกใคร่ยินกขอบใจบางสง ให้เก๊กกวามโกรธแกนเกลียกชํงเศรวิโศรทเสยใจบางอย่าง พระพุทธเจาทานมอาสวกขยะญาณ คือ ควงบญญา ริจ้ก๊เหกบจจยว่าอายคนะภายในภายนอก กลบกลอกผลกเปล?]นชงกนและกน เป็นเหคุเป็นผลวนเวียน เป็นวฏฎะหาที่สั้นสุกมิใค้ เมือท่านจบเหคุไก้แดวกคงกวาง]เพยร แก่ ที่เหคุจนท่วิเหคนน ๆ กลายเป็นผลไปที่งส่น เพราะความจริงเมอมแค่ผดกอท่บ 1 ’หคุไคแสจ สง ๓ &. สมยทวคถุภายในภายนอกเหล่ๅนน ๆ เถึควิบคไปคา)]ธรรมภาชองคน ‘I ใครจะเบนผ้รบกวาม เกราโกรกเสยใจ เพราะมีแค่ผลอย่าง,ค้ยวทวไป เมื่อบญญาครวจจ้บเหตุแก้เหตุอยู่นนเรียกว่ๅ มรรคสมาธิ เมื่อผลปรากฏ?]ใแคึมทแ ■ดา เรียกว่า ผลสมาธิ ป็ากยผคสมาธิเกดแล่วจึงมีอาสวก- ขยะญาณ บญญา ซี่งเจืออยู่ไนสมาธิมีคาการบังน ทา)แสดงมาน ประสงค์จะไหเข่าใจไนพุทธภูมี[คิยสงเขปพอสมควรที่ผ้ป ฏิบค จะ ตรอง คามไค ไม่รู้ลึกซงเหล่อเกิน เมีอเขไใจส่วนไค้แล่ว พุกซภ)]ล่านอนกกงจะเข่า'ใจไค้ คามที่ ไค้ยินไคพงค่ป๋ ๆ ไป การกลาวถึงVIเระพุทธเจ้านน คอแปลงใจของเราให้เสสชาคคงคางจ้นทรี ที่ไม่มี มลทินฉายเงามาแค่กวามจริงให้เบนไปคามพุทธภูมิ การที่จะแปลง'ใจ'ให้ 1 ใสนน ก้คยงให้ครอง คามคำสอนของพระพุทธเจไคืชให้คูในบัวเรานเอง พุก ๆ สงอะไรเบน'ของสมทิคสมประสงค์ มี แค่ความแปรบันกล่บกลาย'อยู่ทุกสงทุกอย่าง มี!".วามเจรีญขนและเสื่อ)]ไป มีควา)]รวบรวมกน มีความเกคและกวา)]คบ มีแค่คว])]เอะอะวุ่นวายขน ๆ ลงๆ ทว'ไป'ให้กวามปรารถนาขดของ อยู่ทุกเงื่อน แม้จะมีความรื่นเริงสมหวงบางก็เบนของไม่ยํงยืนแน่นอน และมีกวามปรารถนาล่น ไม่สมประสงค์ คงเปลวเพลงเผาผลาญอยู่เบนน้คย์น่าเบื่อน่ารำคาญจริง ๆ ความจริงและกวา)] สวยงามของโลกไม่ทนนาน ฟรียโ]บังพลุและฅะไล ไค้กำล่งแค่เข้(อแตะไฟ ก็มีสสุก'ใสร่งเรียง น่าคูน่าช]] บัดเค่ยวใจพอสื่นกำล่งของเข้ไงและไฟแล่วํก็ร่วงโรยล่นฅรธานไป สงทงปวงเบนของ ไม่เที่ยงกลบก,ทยทวไป เมื่อครวจคูห้แกวามไ]ธิที่ยงของโลกชคใจแล่ว บั:งกลไ]พิจารณาคคำ สอนของพระพุทธเจ้า อะไรเบนของไม่เที่ยงไม่บังมีอยู่';เรื่อ ? สงที่เห็น'ว่า'ไม่เที่ยงแปรบัน , ไป นนและคำสอนของกระพุทธ•เจไไม่แปรบันไปกาม เที่ยงบังขืนอยู่เบนน่คย์ เบนคนว่า กล สมาธิ นญญา ซี่งเบนคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็:/มีน , .เองเที่ยงของจริงยยืนอยู่ บนน่คขํเมื่อชคใจว่า ศีล สมาธิ บญญา เบนคำสอ]เขอิงพระพุทธเจ้า!]]!เข:;งเที่ยงข'องบังยั๋งยิ' แอ ยู่ทุกเมื่อแล่ว ก็พิง แปลงกายแปเ.งวาจาแปลงใ ,ของคโเให้เบนคือ ให้บนสมาธิ ให้เบนนญญา ให้เบนของเที่ยง ของจริงไปตามคำส่งสอนของพระพุทธเจไนนเถึค สงที่เราเห็นว่าไ]!เที่ยงที่งสั้]เนน และของเที่ยง แอบแนบอยู่ควย ของที่เห็นว่าไม่เที่ยงนนฉายเงามาแค่ของเที่ยง ของไม่เที่ยงไม่จริงแสคงฅว ไม่ไค้ ของเที่ยงของบังจืงแสคงบังให้เห็นไค้ ;บนแค่:โคูไม่.ข่เาโจเยาแค่ชองไม่:ที่ยง'ไม่จริงไปคู 1 ๓๖ คึอเอาส , ญญาเก่า'ไป'กจึงเห้ , นแท่ของไม่เที่ยง'ใม่จรืงคามเรื่องสญญานัานห่งคน 1 ท่ านน เ บื อ อย' ากจะ ของเที่ยงของจริง พงแปลงใจของคัวให้รู้คักทุกข์ ให้ร้จาไกวามคับทุกข์ท้งเหๆทงบจคัย อะไรพนทุกข์ V เราและเบนทุกขุ อะไรเบนเรา ? ใจและเบนเรา อะไรเบนใจ ? กลางและเบนใจ อะไรเบนกลาง ? ระหว่างขนธ์ ธาคุ อายอนะ อินทรีย์อริยสัจ'1 ปฎํจจสมูปบาท กึอกวาบร้นนและเบนกลาง คัาอย่างนนควาบรู้นน หรือเบนทุกข์ จ๊ะ I กวามร้นนแหละ เบนทุกข์ควยเบนสุขคัวย เบนไม่ทุกข์ไม่สุขคัวย หบายเวทน' 1 อะไรพนเหคุเบนบจคัย ให้กวาบร้เบนทุกข์เบนสุขเบนใม่ทุกข์ ไ ม่สุ ขเ ก่' 1 - กา ห จมูก ลน กาย รูป เสียง กสีน ว 1 ล เครื่องคับคัล เบนเหคุคัวยเบึน บจคัยคัวย ให้กวามร้เบนทุกข์เบ๊นสุขเบนใบ่ทุกข์ใม่สุข หมา!ชเวทนาเก๊กแค่อามส คือวคถุภาย นอกเบนเทคุ ชื๋อว่าอามิสทุกข์อาบิลสุข ทุกข์สุขมินาหนักเท่ากน ราคาเคืย'วกน ผู้ปรารกนา พุทธภูมิ ไม่คัองการอามิสทุกข์อามิสสุข มิใจกวาบว่า เมิอรปเส็ยงกลีนรสเครืองลบกลเบน 11 '’ 1 ทุ ฅา ทุ จ ทุ ก ลน กาย ฅอง ญืน™ แลวกดับพนเททุ ใจเบืนผก ให้ทุกข์สุขอุเบกขาบ่ข”พีใจ เพราะใหอบาแก่เหทุ จ็ร กลา!!เธนธรรบารบณ์ทุ่ขอรใจก่อใป เพราะทุกข์สุขเป็นเจาขอ) แห่) ใจใบ้ แอ ว ใจจึรกดับเบํนเหทุ อก คือเป็นจ่ว่ต่'ณหาอุปาทานทีเกีย'ว ฅา บู่ จมุก ลน กา!) ก้อ รเบื แผอ แลวกดับเบืนเหทุ ไห้ รูป เลี!!ร กลีน' รล เกรือรดับ!ฒ้ป็นบอวนกนอยู่อข่า)”ใบ่บ่ร่า , ’” 1 !! , แบ้จะกาบกนหา เรือนพอ)ดันและเบํก)ปลา!เก)จะใบ่™ จะพบอยู่ก์เพี'))ทุกข์เห่าน” ใจ”นและให้บิ’แาพํ95 เข™าพ็นเจ้าข.อ)ใบ้ ก็อกวาบใบ่รุ้เห่าอารบ“น”เอรชึ๋"ว่าบํจอาพี95 ใบ้แก่ดัวดัพาเก่ากอ!)ปไร กอ!!กระซืบ!'ยู่ , ■ล’)อๆ บ่ก!ก!)วเห็นลี)นนพี ลี)””ใบ่ก็ ลีรนนชอบใจ ศรนนไบขอบใจ ผูนน งํป็บู่บู่,งํบ้ หุน 1 นเบนบิกร รณเป็นหา ร์แบิน•แร’ เราใช้ เราเจ็บ เราก่ เรา , ร เรา ,, ร 0 เรา งำ!! เราใบ้ เราเลีย เราจักหา!) เราจักกา!) เหถ่าน เบืนเรือรกวาบหอ)ไปกาบดัญญวเก่าขอร- ทนเบืนํบํรบู่าพีป็จุ่ดั)น'.ธนศบุพ้ย ดั)เหทุให้บอเป็นทุกข์ก้)ล” กวาบรุ้อข่า)นัชอว่ารุ้ทุกข์บ่)เหทุ ทงบจจัย ขอว่ารู้ความคนทุกข์ท ะ งเหตุท^บจพันนเบนไฉน ? กวามรู้ความเห้'นอนสมปยุฅร็ควยสไเมาท้ฏฐญาณท้ส่สVเะเบนญาณของพระพทธIจ่า อย่างเคียว ผู้อื่นรู้ไม่ไค้สอนไม่ไค้เบ๊นแค่ร้คาม เห็นคาม ส่งสอนไปคาม ปฏิม่ฅไปคาม ไห้ ฅรงค่อขอแนะนำคำสอนของพระพุทธเจ่าเท่านน ในวิภ่งืค์แห่งสมมาทิฏฐิว่า “ทุกเข ญาณํ ทุกฺขสมุทเย ญาณํ ทุกฺขนิโรเธ •ญาณํ ทุกขนิโรธ คา มน ปฏปทาย ฌๅ ถ?’ ความรู้ทุกข์ รู้ทุกขสมทย ร้ทุกขนิโรธ รู้ ปฏิปทาเพึอถึงนิโรธ ความรู้ความเห็น อย่างนิขี&ว่าส้มมาคีฏิฐิ ความร้กวามเห็นก่นส่ง]ปยคร์ ควยสมมาทิษฐินนเองชื่อว่ารุกวามคบทกข์ท ะ งเหตุท ะ งบจุพั ค่อน็จะอธิบายคามเงาซึ่งฉายมาแค่พระพุทธภาส่ฅนน พอเบ็นทางคำริแห่งพุทธบริษํทํ ผู้ใคร่ท่อความจริง เพราะคำที่ว่ารู้ความคบทุกข์ท่งเหคุท่งบจพันินนเ,บนฃชงลส่บ เหตุบจุจ่ย่ ของความคบทุกข์นนคือองค์มรรค์ท่ง ๘ ง]รรค์นนแปลว่าทาง ทางนVไม่ใช่ทางเค้นควยยานควย เทา เบนทางปฎบฅควยกาย วาจา ใจ แค่ก็ไม่มอาการไปแสะอาการม1 จะว่าส่ง]มาคีฏิฐเบนคน เบนทางกายวาจาใจเบนผู้เค้นกชือว่ามอๅการไป ไม่ขอบ จะว่ากายวาจาใจก็ไม่ไค้ไป ไม่ไค้เค้น เบนแค่ทำให้Vมมาท้ฎฐิเบนคนมามีขนเบนข้น ชื่อว่ามีอาการฺมา ก็ไม่ชอบ ควาง]เบนจริง ทุกข์ สมุท่ย นิโรธ แค่ละอย่างย่อง]เค็ม'โลกควยกัน ส่วนความเห็นผิคและความเห็นซอบแค่ละอย่างก็ เคมโลกควยกใเ ใครจะไปจะมาไม่ไค้ เหตุกใเโลกอยู่ควยก่น เพราะเหคนนิ พระโยคาวจรเจ่า ผูแสวงหาของจริงเหล่าน จงโม่คองไปเคียวหาในประเทคค่าง ๆ ท่านอย่ที่ไหนก็หาเอาในที่นนิ คอหาเอาคน 1 ,อาคีฅวนนเอง ศวเราอยคีไหนอริยส้จจ้ก็อย่คีนน คคใแความให้สนกออย่ที่ใจ สง] กบพุทธภาสิควา ง]โน ม่เนฺางฺคมา ธ]]ง]า มโนเสฏงุ่]า ง]โนง]ยา’’ ธรรมที่งหลายมีไจ ถึงก่อน มีใจประเสริฐสุคสำเร็จควยใจก่งนิ แค่ผู้อ่านอย่าเผลอ ใจนนเบนไปใน ๔ ภูมิ ในที่นิ พุคถึงอริยส้รีจ์หมายธรรมคีเคียว คีอหมายความ'ที่ , ใจรู้จ*ก'ใจ ความที่รู้ว่าความบริสุทธเบนส่วนของไจ ความที่รู้จัก'ว , คถุน 5 น ๆ เบนเหตุเครื่องเกี่ยวเกาะของใจ ความที่ร้การเกี่ยวเกาะเบนคำส้งโยชน์
  • ๓๘ กวามที่รู้กวามุขากแห่งส่งโยชน์ กอขากแห่งกวามเกี่ยวเกาะปรุงแก่งเบนกวามบริสุทธ ของใจ กวา} งที่รู้ากิส่วนของใจ ใจ ก็หยุ กนงสงบเงยบเบนปกกิขากอายกนะที่ก่อหรือขากส่ง- โยชนกวามเกี่ยวเกาะ ทงภายในและภายนอก ก็ร้สีกก่กิเองว่าเบ๊นผบริสุทธึ้ และร กา ห จม!) ลน กาย ว่าเบนของบริสุทธกวย และรู้ รูป เสียง. กลีน รส เครื่องส่มผํส. ว่าเบนของ บริกุทธควย กอเหนจริงเหนทามกวามเมนจริงทุก ๆ อย่าง กวาง)ไม่เที่ยงไม่จริงก็อไเก!ธานหาย ไปหง)ค ไค้กวามลมก่บที่มาว่าทุกข์จะกับก็เพราะกวามกับแห่งเหกุ แก่กวามกบใณั้ไม่ไค้สญกือ กลายเมนผลไป ไค้แก่เบนของบริสุทธไปก'วยกัเก่งสนนนเอง ซงกวามไม่เทยวไม่จริงแสกงก่ว่ไก้อย่น , น ก็เพราะกัวของเรากังไม่กี่งกวามเที่ยงกวๅม จริง ทุกข์จะ ก , ง์อยู่ไค้ก็เพราะเรากังเบนกวทุกข์ อน์กํกาจะปราก ฎ ไค้แก่เรา ก็เพราะกัวเรากังเบน อนกกาอย่นนเอง ถาเรากี่งกวามเที่ยงกวาง)จริงไค้แลว ทุกข์ก็กับอนทกาก็กบ กงเหลออย่แก่กวามเที่ยง ความจริง ซงเ บนส่วนพุทธภูมิ ฉายมาแค่ส)'มากิฎฐิเท่านน ข์ขิว่าร้กวามกบทุกข์ก่งเหกุก่งบจจุริ) ไค้ใจกวาง) ก่งที่บรรยายมาน ญาณทลสนะกวาง)รู้กวาง.แห่น ซึ่งทุกข์และกวาม.กบทุกข์ทกัหกุก่งบจจริ]น์และชื่อว่า ส่มิมาทิฏฐ๊ เม,จสมมากิฎฐิมีขนแก่ท่ 1นผูใก แม้ท่านผู้นนจะกำริสีงใคก็เบน สบมาสงก!]โป ท่านจะว่ากล่าวสงใกก็เบน ส))มาวาจา ท่)นจะประกอบทายกรรมสีงใก ก็เบน ส))มากมฆนโต ท่านจะเลยงชพควยอาการใก ก็เบน สมุมาอาชโว ท่านจะพากเพียรในกิจการสีงใก ก็เบน สมุมาวายาโม ท่านจะก่งั้สกิในอารมณ์ใคก็เบน ส))มาสติ ท่านจะก่งจิทค์ในอารมณ์ใคก็เบน ส)มุ)าสมาธ เบนอริยมรรกปฏิปทา เมี่อคำเนินกๆมองค์แห่งมรรคอยู่แลว กวาง)ทุกข์จะเกิคมี มาแก่สิงอนใค ผ้ทรู้ทุกข์รู้กวามกบทุกข์ก่งเหกุก่งบจจริ)ไค้แส่กิ นนแหละชื่อว่ากังกนให้เบนกด สมาธิบญญาไค้แส่ว่ จึงชอวกิเบืนผู้ก็งพระร?)นกรํย เบนเชมสรณกมน์กรงที่เกี่ยว เมือรู้กนว่าเบนศีลสง)ไธับญญาชกใจแลว ใกรจะแก่ใครจะเจึบไข้ ใกรจะกาย กวาง) จริงจะแก่ไข้เจ็บกายไค้หรือ ศีลสมาธิบญญา จะแก่ไข้ เจ็บ กายเบนหรือ บญญาความริกวาม เห่นซงทุกข์และกวาง)กบทุกข์ก่งเหกุก่ง!?จจริกเนและ,.บนพุกธกุเ)เ กัวทุกข์และกวามกบทกข์ I ๑)๙ ท่งเหทุทง์บจจ่ย่น 1 น์และเบนพระธรรมคุณ ความปฏิบ‘ค?าามจน๓คความรู้ความเห็นคามพระบรม- พุทโธวาทไค้นั้แเละเบ็นพระสงฆคุณ พระรคน?ารำจึงชื่อว่าเนื่องเบนอไแคียวก่นสมควยวกกสิ- สฅรว่า “โย ธมมํ ปสสติ โส มํ ปสสสิ ,, ความ'ว่าผู้'ใ•ก!ห็ใเธรรม ?ผู้นนเห็ในราคํงนื่ ผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงข์ ค่ว์ยความรู้กวามเห็นอย่างนื่นนแหถะจึงควรนบ ว่าผู้ถึงเขมสรณคมน์ เบนที่พี่งพนจากทุกข์ภำไค้จริง คาง]พุทธภาสิคนื่ และสมควยท้ง]าแห่ง สรยธนะคาถา เบนส่วนแสดงอริยทรพย์สี่ประการว่า “ยสฺส สทฺธา ตถาคเต , ’ เบนคน ใจความว่าผู้มีกวาง]เชื่อมนไนพระใ']ทธเจ่า ต ผู้มีศีล'น่ารฑัน่าสรรเสริญของพระอริยเจ่า ช ผู้มี ความเลื่อมใสในพระสงฆ ส ผู้เห็นฅรงในธรรง] ย้ ว่าเบนอริยทรํพ่ย์อํนประเสริฐ เพราะความ เชื่อในพระพุทธเจ่าเบ็นเหทุ ศีลของท่าน? , ]นั้นจึงเบนอริยกนฅะศีล เพราะศีลเบนของน่ารกน่า สรรเสริญนนเบนเหทุ และไค้ประสพกวาง]สำราญควยคน เพราะไม่มีเหทุเกรี่องเคีอครอน จึง เกิคกวา!]เลื่อมใสในพระสงฆ์ คือ สุปฏิปใ!โน เพราะความเลื่อง]ใสในพระสงฆ์ใ] , นเมนเหทุ จึง เบนผู้เห็นฅรงในพระธรรม กวาง]ทิเห็นครงในพระธรรมนณเหละจึงชื่อว่าเบน?ผู้เห็นทางขอาคน ไค้แลว เบน?ผู้เชื่อคำเองไค้แลว เบนผ้สนกวาง]สงสำไใเกำสอ1เของพระพุทธเจ่าไค้แลว ท่าน จึงสรรเสริญผฺนนว่า “อพลทโทติ ต อาหุ อโมฆนตสฺส ซวิติ’ , บุคคลผู้นั้นเบนผู้ไม่ยากไม่ จใเ ซีวิคความเบ็นอย่ของผ้นน เบีนชีวิฑไม่เปล่าจากคุณจากประโยชน์คํงนื่ เอวิก็มีควยประการฉะนื่ นง]ฅคุ รฅนคยสเสว สํริจ นุโทฅิ นามโก นิสฺสยเภทํ ปวกขามี สิสฺสานํ สุขโพธิยา บดนื่จะแสคงนิสสํยประเภท พอเบนทางศึกษาแห่งภิกษุสามเณรชงบรรพชาอุบ่สมบท ใหม่ เมื่อเข่าใจแลวจะไค้ปฏบ'คกาม กำ'ทว่านิสสย ๆ นใแบนของละเอียดสุขุมยากท่จะเข่าไชไค้ ในพองคนควรศึกษาพทธ‘แสสำก่อน ควย'.ราบรรพขาอุปสมบท ย่อมเพ่งเฉพาะพระพุทธ พระ ธรรม พระสงฆ์ หรืออุทิศก่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สาม'รก'นะ'ว่าเบนทิพ็ง แค่พุทธ ใโสำนั้นเบึนของละเอียดสุขุมคมภรภาพ เหลือบญญาของพวกเราทิเบนปุสุชนจะพรรสเนาไค้ จะ พรรณนาไค้ก็แค่เพียงทำล้งกวามรู้ของคนๆ รู้มากพรรณนาไค้มาก รู้นอยพรรณาเาไค้นอย ทจะ ให้สนสุคนนเบืนอนเหลือวิสำ ’4 ^ ๐ ที่จะแสกงฅ่อไปน ในส่วนที่เบนมุขปฎิบก พอทีจะฅรองทามไค้ เพราะเบนบุรพ นิสสํ ย บุรพนิสไ]นนมี ®ว ประการ ๑ ทาน การไท้การสละ; ๒ ศีล การระ'!งอ , นทรี? , 1 ๓ ฌกข่ม นะ การออกจากกาม ๔ ฆญญใ เจกสิกธรรมเกรื่องรู่จริงทามสภาพ ๕ วริ?.เะ การอาจหาญท่อกวามเพีอร'ไม่ลุอำนาจแห่งโกส , "ริ , ขะ ๖ ขนติ การอคทน ๗ ส่ปีจะ การประพฤทิจริง ๘ อธฏฐานะ การที่งจึทค์มน ๙ เทฅฅา การเผอแผ่กวาะ]สุขท่วไป ๑0 อฌกขา การ;.บนกลางก่ออารมถเท่วไป ธรรมประเภท ๑๐ อย่างน พระพทธเจาไค้ทรงปาเพญมาเกมท ออ อยางอ า อ ย า ง กลาง อย่างอุกฤท จึงมีนามปรากฏว่า พระบารมี ๓๐ ท่อ เมีอเข่าใจว่าพระบารม ๓๐ ท่อน มในพระพุทธเจาจรง กจะรูจกนสสยของพ ร ะพุทธ เข่า เมี่อร้ชคว่าพระพุทธเข่ามีนิสสไ]อย่างน ปรารถนาจะถอนิสสยของพระองก กกองทาทาม อย่าง กือทำใท้นิสสไ]น 1 ใ.เๆมีในคน ถาทำไค้เพยงอย่างทาอย่างกลางก็เบนแอใพ ธ สอ•อ ถาทา ทาม'ไค้อย่างอุกฤฅก็กงเมนพุทธทามพระองค์เรียกว่าสาวก'พุทธ กวาะ]เบนจริง ๑๐ ประการน่ ย่อะ]เบะเอญญมญณบ 1 าจย เกํอกลอุคหนุนซงกนและ;กน เบนองค์อวไ]วะแห่งพระอริ?]มรรค ใช่อน กอ ศีล สมาริ บญญ'' นนเอง ทานอลกงยนสงIน กีลข่นธ์ วิริยะ ข่นฅิ สจจะ อริฎฐานะ เมทคา อุเบกขา กงยนลงในสมาธขนธ เนกขมมะ บญญา คงย่นลงในบญญาขนธ เมี่อเข่าใจว่า ศีลข่นธ์ สะ)าริขนธ บญญาขนธทง ๓ นเบนขนธของพระพุทธเจา ท น่นก็จะร้ว่า ศีล สมาริ บญญา นนเองเบนนิสสยของพระพุทธเจา ปรารถนาจะกอพุทธนสสย ก็ก่ค้งทำกายวาจาใจของทนให้เบน ศีลข่นธ สะ!าริขVเธ บญญาขนธ I ๔๑ 1มือบญญาเจฅสิก อนสมปยุอค์ ควิยสมมาทีฎฐิญาณท''สสนะบวิ!เกิกขนวินิจฉวิเกวเอง ไค้ว่า ศีลขนธ์ สมาธิขนธ บญญาขนธิ ซงเบ่นของเนื่องมาแก่พระพทธเจ่า ไค้มาส่กาย วาจา ใจ ของคนแลว ทีนนก็จะรควยกนว่า นิสตยของพระพุทธเจ่าไค้ศีคแก่อนแลว กนไค้ขนธ์ของ พระพุทธเจามาไว้เบนทีพงแลว เบองหนาแอ่น 1 นื่ไป ก็ฅองก ะ งใจรวิ!ษาขนธิทงํ๋ ๓ ซึ่งคนไค้มา ควยกวามลำบากนน ให้เบนปกศีอามสภาพ ใน้เบ่นสปฎิบ่นโนบกกลไป การทีจะอรวจอรอง นสสยพระพุทธเจานนเบนของยๅกยงนก เพราะนิสยของพระพุทธเจ่าละเอียก นิสสยของเราหยาบ เหคุนน จง กองศกษากรวจกรองกามนิสสยทีจะ พอ แลเห็นกๅยง่าย ค''งที่แสคงมาแลวมีบารมี ©0 เบนกน จนถึง ศีล ส}!าธิ บญญา คลขนซ ก่าจคโลภโกรธหลง ซงเบนอกุศลมลถึเลสอย่างหยาบ มีการฆ่าสอว์เบึนก่นิ ออกจากกายวาจาใจไค้ สมาธขนธ ก่าจคโลภโกรธหลง ซงเบ่นอกลมถกิเลสอย่างกลาง มีกา}เฉ'นิท์''.บนกน ออกจากกายวาจาใจไค้ บญญาขนไ! กำจคโลภโกรธหลง ซงเบนอกุศลมลกิเลสอย่างคะเอียก ขอองเสยซึ่ง กามนอนอย่ในขนธส'นคาน ออกจากกายวาจาใจไค้ เมีอกรองกามเห็นความจริงช''คใสขนสนสงสวิ!เห็นอำนาจแห่งอธิศีล อธิจิกอ์ อธิบญญา ว่าเบ่นเกรึองกำจกกิเลสทำให้ขนธสนคานของพระพุทธเจ่าถึงกวา})บริสุทธื้ไค้จริง เมื่อชกใจอย่าง นแลว พระคุณนา}!ทง (X ประ:การมีอรหวิ)เบนกน ที่เกยเล่าบ่นไหว้พระสน ๆ ก่นมา ก็จะส่อง เนื่อกวาม ช พยานขน ใน กน ควิ)กำว่า “อิติ บโสภควา อรห’ พระกู่มีพระภากเจ่ ไนน , พระองค์ เบ่นพระอรหไเก์ผู้ควรเการพ หรือผู้กวรร''บการเการพ แม้เหกุนื่ ศีอก่เว้ย ศีล สมาธิ บญญา นเบนเหคุ ทำกายวาจา'ของพระองกให้ถึงกวา}เบริสุทธ กือให้เบนพระอรห' ง คํง่นื่ ที่นนก็จะรู้ว่า อรห'ง่นื่เบนวิสุทธนิสสวิ)ของพระพุทธเจ่าส่วนVIนึ่ง เพราะวิสุทธนิสสวิ)ศีออรหวิ) มีในพระองกํๆจีงทรงพระนามว่า “สมมา สมพุทโธ” ผู้กร'สรู้อริยสํจ่ธรรมควยกนเองไคยชอบที่นนก็จะรู้ว่า สมมาส''มพุท่[ธนื่เบ่นบญญานิสสวิ)ของพระ พุทธเจ่าส่วน ๑ เพราะบ่ญญา นิสสวิ)คือ สไ)มาสไ)พุทโธ มีในพระองค์ ๆ จึงทรง พระนามว่า “วิชชา จรณสมฺ ปน โ ใ)” ผู้ถึงพรอมแล่'วควยวิชชา มีปุพเพนิวาสเบ่นกน และจรณะมีศีลส่งวร ๔เส) ฌนฅน ท้นนก็จะรู้'ว่า'วิชุ'ชาและ'จ'รณะน่ ก็;บินบิญญาน้สสไ)ของพระพุทธเจ้าส่วน ๑ เพราะบญญา นิสสยกือวิชชา และจรณะมีในพระองค์ ๆ จึงทรงพระนามว่า “สุคโต” ผ้คำเนินควยกายวาจาใจ ฅรงคแลว ท้นนก็จะร้ว่าสุกโคนเบนบญญานิสสํยของพระพุทธเจ้าส่วน © เพราะบญญานิสส่ยกือ สุกโฅ มีในพระองค์ๆจึงทรงพระนามว่า “โลกวท” ผ้รู้แจ้งซึ่งขํนธาทิโลก ท้น , นก็จะร้ว่าโลกวิพุ นฌ่นบญญานิสสยของพระพุทธเจาส่วน © เพราะบิญญานิสสไ)คือโลกวิทมีในพระองค์ ๆ จึงทรง พระนามว่า อนุฅฺฅโรปุรสทมฺมสารถ ’ คงนายสารลีทรมานบรษส?ารี , ให้เรียบรอยไม่มีสารถีอื่น จะยงกว่า ทนนก็จะรู้ว่าปุริสทํมมสารกิ น์ก็เบินบิญญานิสสไ)ของพระพุทธเจ้าส่วน ๑ เพราะบิญญา นิสสยคือปุริสทมมสารกิมีในพระองค์ ๆ จึงทรงพระนามว่า “สตถา เท-ว มนุสสานิ” ผ้ศาสคา ของเทพยคามนุษย์ทงหลาย ท้นนก็จะรู้ว่า สกฺถา เทวมนุสสานํนิ ก็เบนบิญญ'านิสสย่ของพระ- พุทธเจาสวน ๑ เพราะบญญานิสสํย่ คือ สคฺถา เทวมนุสสานิ มีในพระองค์ ๆ จึงทรงพระ นามวา พุทฺ 1ธ บุเบิกบานแลวควยพุทธกิจเค็มท้ ท้น , นก็จะรู้ว่ๅพุทโธนเบินกรุณานิสสไ)ของพระ พุทธเจาสวะเ ๑ เพราะกรุณานิสสย คือพุทโธนมีใ'นา , เระองค์ๆ จึงทรงพระนามว่า “ภควา ’ พระผูมพระภาก กอมธรรมสำหรบแจกจ่ายแก่สควโลก ท้น , นก็จะร้ว่าภกวานิเบินกรณานิส่ยของ พระพุทธเจาส่วน © เมอเขาใจนิสสยของพระพุทธเจ้าทง ๙ ประการฉะน ก็จะเห็นว่าพระพทธเจ้า มนิสสยมาก พนบญญาท้เราจะพรรณา แค่กงย่นลงพอครองคามไค็เพียง ๓ ประการ คือวิสทธ- นสสย ® บิญญานิสสย ® กรุณานิสสํย © เท่านน เมอกรวจคเขาใจ ชก; จน'ใน พุทธใ เสส ยเห ส่านิแลว ประสงค์จะคือนิสสํยของพระองค์ก็จง ทำกายวาจาใจของกนให้บริบูรณ์ควยวิสุทธ•และบิญญๅ และกรุณานิสส่ยท้ง ๓ นนอย่างพระองค์ เมอบญญาเจ กสิ กส่มมาท้ฏฐญาณสมปยุครบุคขน'ในขนธล่นคๅน วินิจฉไ)คนของกนไค้ว่านิสสไ) ของพระพุทธเจา ไค้มาสูกายวาจาใจของคนแลๅควยคื แค่นนพีงค , งใจร , กิษานิสสไ)ของพระองค์ ให้สำเร็จประโยชน์เบินสุปฏิบินโนบุคคลไป เมอกุลบุก รม าศีกษาพุทธนิสสย ให้เข่าใจชคเจนแลว ก็จะร้จ้กิพระธรรมในพระ ธรรมกุณ กามบทบาลีที่ไหว้กนอยู่พุกวน มีบทว่า “สวากขาโตภกวตาธมโม” เบินก่น ซึ่ง มเนอกวามวา ธรรมพระผู้มีพระ ภาคครสแล่ ว่ก่วยคื คือเบินของจริง ไม่ เหลวใ หล มีพยานใน คน ไค้แกศล สมาธิ บญญา ส่วนศีล สมาธิ บิญญาเล่า ก็ไม่ใช่อื่นจาก กาย วาจา ใจ ส่วนกาย วาจา ใจเล่าก็ไม่ใช่คืนจากเบ็ญจุเข'แธ์ ส่วนเบ็ญจข่นธเล่าก็ไม่ใช่อื่นจากนามรูป ส่วนนามรปเส่า ๔๓ ก็ไม่ใช่อึนจากาน เพราะชฅนกอชสาย วาจาใจVIรอเบญจขVเชิเ หรอนามรบ่ห'รอชาก ซรา มรณะ ส่วนที่เบนของจรง กือเบนทวบจจุบนธรรมใหช่อใจ เมอหนกาอ จาจา ใจ เบนกน มธรรมขน เมึอไร ก็เบน สฬทฏิ 5ไ1า เหนเองหรอเหนกวยกน เพราะกนซงเบนธรรมนนเบนขอมออู จึงเบน สนทิฏฐิโก ไค้ เพราะพระธรรบเบน สนฺทฏฐโก ไค้'นนเอง จงเบน อกาถโก ไม่อ่างกาล ควยว่าคนเบนเบนของมอย่ทุกเมือ จงไมฅองเลอกเวลาเหน เพราะเบน อกาลโก น , นเอง จึงเบีน เอหปสสโก ควยชคนซงเบนของมอยูไมไคชของเบ่ลา จงควรกลาววาทานจร มาคูไค้ เพราะเบืน เอทิปสสโก นนแหละจึงเบน โอ ปนยิ โก ควรจะนอมธรรมนนมาสู่คนไค้ ไม่ไค้น้อมธรรมไปไว้ท้อื่น เพราะเบน โอ ปน ยโก นนแหละ จงเบน ปจฺจตฺส เวทตพุโพ วฌฌทิ ผ้ร้ท , งหลายพึงร้แจ่งจำเพาะคน คอกลบรู้คนเหนคน ไค้ใจความวาคนเบนธรรม ๆ เบน คน แค่พึงเข'าใจวาคนชนอวิชชา 1 ••บแบํจจยนน เมออวชชๆคบคนชนนนกคองคบไบ่ควอ แค บจจํคอ่ง อ่ฅคะ ในท้นคเหมือนท่านจะหมายเอาคน ทมวชชาเบนบจจย สวนช เค ชรา มรณะ มือวิชชาเบนบจจํย คงเมอพระยงกไค้เหนอราว เมอยงเบนพระโพธสควอยูนน พออวชชาดบ ชาติ ชรา มรณะ ชํนน่นั้กคบไปควยก่น โคยเนอความในนโรรวารแหงบ่ป็จจสทุบ่บา , ก สรน ชาติ ชรา มรณะ ทวชช'แบนบจจย กบ่รากแขนเบนควทุกขสจจเบนธรรมทเคยร เมอเหน ชาติ ชรา มรณะ เบนธรรมไค้แลวกสนสงสย ในกำสอนของพระกุมพระค 1 ก อาทวา อตฺตา ทิ อตฺตโน นาโถ หรือ อตตทิปา หรือ อตฺตสร ณา หรือ อด คมนา เด กกฺไเ หรือ บจจฅน้ง หรือคำที่พระผู้มืพระภาคเจ่าครสแก่ภํท่ทวจึไคียกุมาร ซึ่งคามคนหาสฅรืแพศยา ณ บา ไร่ผาย ในอรงปฐมพุทธกาลว่า “ท่านทงหลายจะคามกนหาอ่วิคี หรือจะคามกนหาสครืนนคีเล่า ,, คังน้ กำทงหลายเหลานจะเบนพยานน้องบอกรบสมอ , าส่นคํว่ยศั 11 ที่นVมมสกกาญาณก็จะชคใจ เมื่อเห็นธรรมชํค้ใจแลวก็จะคอารู้จ่กกุณ พระ ส คาบ ทม าว่า สุปฎปกฺไ น กุบ่ฎิบคค อุชฺปฏิปนฺโน ผู้ปฏิบคครง ณาย ปฏป น .ไ น กุ้ปมีปติเพอจะรู้ สาบ์จิปฏิปนฺโน กุ้ปฏํบคชอบ ติง เพราะท่านรฺจ่กของจริงสนสงสยว่าคีชวเบน ขอ3 ๆ ค น ชริง สุขทุกข์จะมืบาเพราะค น เบ นเห กุ แน่แท้ เมื่อเห็นจริงคามควาบเบนจรืาอย่าานนเ 1 สร จะอาจทำชรไค้หรือ เมื่อเห็นคนแลรจะไบ่ รก คนมือยู่หรือ อาศัยวิชชากวามรู้จริงนนเองเบึนหลกศค ท่านจึงปฏํปคค้ครย กาย รุ' 1 ชร เพราะท่านืเห็น กาย วาจา ใจ เบนมรรกาแพ้ ล่รนกาย ราชา ไช ซงเบนบรรคานนเล่' 1 กี น I (2 (X ของมีชํ้พยานในควของท่าน. เพราะเหกุน , น ท่านจึงรู้วิสุทธิ}]รรกา เมีอรู้จกวิสุทธิ}]รรกาแลวจะ ไม่เคิใเกา}]'จะ'วิงหนีทางใ-เริสทธิเขา , ใปเหยียบข'วากเหโยียบ'หน'พ , ]!ะน'อยู่หรีอผู้เห็'นกุณพระสง'ฆ์ ขก'ใ , อย่างนแล , วิ ก็จะมีกวามเลื่อมใสในพระสงฆ์อย่างยีง แลวพึงรู้ว่ากุณพระสงฆ์มี บุบ่ยึบ่นุโ น เบ่นกไณ , นไค้มีขนแล้วิในกน หรึอกนไค้ถึงคุณแห่งพระสงฆ์แลว นรามิสสุขกนไค้คมแลว กน เบนที่พึ่งแก่กนไค้แล้วิ ไ}'เก , คงเชื่อแก่ผ้อื่นในกำสอนของพระพุทธเจาเลย จึงชึอว่าเบนผมไกร- สรณกมใเ อันไค้แล้ว อนถึงแล้วิ กวา}]รู้กวา}]เห็นอย่างทีบรรยายมาน ล้าเบนบจจกขสิทธกจะ ส'แกวา}]สงอัยทีเคียว เบ่นแก่อนุมานสิทธิก็อังคี แก่ไม่สนกวา}]สงสย ก่อไปนิจ ะ อธิบายวิธีบ่จจเวกขณญาณ กรวจพุทธนิสสยอีกวาระหนง กืคเมอกุลบุกรผู บวชควยศรทธา ไค้กรวจกรองในเรื่องพุทธนิสสย เห็นชักควยญานจกบุ จนเกิกศรทธากวา}]เชีอ กวามจริงใจสนกวา}]สงอัยลงแล้ว แก่นนพึงกรวจนสอัยของกนสอบอับนิสสยของพระพุ ทธ เจ าเพอ จะไค้ร้นิสสยอใเใคกรงอันแล้ว นิสสโ]อันไคอังไม่กรงกน เพอจะไค้แก้ไขให้กรงกนกามส}]กวร แก่วาสนาของกน จนสนกวา}]สามารถ ให้ตรวจไปแต่ปุพพมสสืขดํงนะ- ทาน การให้การสละคีอการบำเพ็ญจากจิกก์เบนพุทธนิสสยท่านไค้ทรงบ่าเพญมา ม มหาบริจาก ๕ ประการเบ่นปรม'กถทานเบนที่สุก นบควยโกฏิแห่งกลบ่เบ่นอนมาก เพราะจาก จิกค์ที่พระองค์เกยอบร}]บ่มกวงจิกก}]าชานานเบนเหกุเบนบจจย มกำลงกลา กรนมาถงบจฉมขาก พระองค์จึงสละกา]]สุขริกนะนารี และโภกทริท่ย์ทงอีศรียยศปริวารยก ซงโลกกวรนิยม ออกประ- พฤกิพรกวิสทธิพรหมจรรย์เบนจากอย่างเอกอย่างสุง ยากทีสามญบุรุษในโลกจะประพฤกไคเมอ ทรงบรรพชาแล้วก 1 องอาศย่ภกขา'จาร คีอเที่ยวขอทานผู้อีนเลยงชพกามอริยยาจนวิสย แสคงให้ ปรากฎ แก่ โลกว่า ทานเบ่นของเลิศเบ่นของประเสริฐจริง ถึงการขอทานนนเล่า ก็เพราะจากจิกกที ทรงบำเพ็ญ}]าน่นหากอปถ']]ว่า จึงให้การเลื่ยงชีพสำเร็จโกยสะควกไค้ เมีกไค้กวามฉะนแลวพง กรวจกูในกวิของเราว่า บ'กนิเราสละกิเลสกา]! พสกกา}]ไค้แลวหรอ ? เรายินคีในการให้การบริจากอยหรอ? อาจที่จะขอทานผ้อีนเลยงชพกา}]สมณะวิสยไค้อยุหรอ ? เม่อเหนวาสิงใคยงบกพรองอย ยงไมเก}] บริบูรณ์ก็รีบแก้ไข ให้กรงพุทธนิสสโ]ขน (2. & ตรวจศล ศล การส่งวรอินทรีย์ ให้กงตามสภาพ ไม่ให้สญญาวิปลากพคพาไปไค้ ให้ กาย วาจา ใจ ค้ารงอยู่ควยสติทุกเมื่อ ขอนเบึนพุทธนิสสโ] เพราะกีลนิสตโ]มีในพระองค้ทุกเมื่อ กรง จะตรีส์เทศนาพระธรรม-จก้ร์ พระองกจึงตรํสแนะนำให้เบ็ญจว้กกีย์ชึ่งยํงไม่เชื่อพระญาณของพระ- องค์ระลึกเหตุหนหด้งว่าวาจาอย่างน คีอที่กล่าวว่า อมตาธคม อลมรยะญาณทสสนะ เรา ไค้ลึงแลวอย่างน้ ในทารก่อนท่านทงหลายเกยไค้ยินไค้พิงเรากล่าวบางและหรือ ? เหล่าท่านเบญจวกคีย์ตอบว่าไม่เกยไค้ยินไค้พิงคงน ขอนยกง]าชื่ให้เข้าไจว่าพระพุทธ¬ เจ้าของเรามีไกรทวารบรีสุทธิ มีไค้พิรุธวิการเบนชาติศีลอยู่ทุกเมื่อ ก่อนไค้กรีสร่มาทีเคียว เมื่อตรวจคูรู้ศีลนิสสโ]ของพระพุทธเจ้าแดว ให้ตรวจคูศีลของตน ด้ายงไม่บริบรณ์ ควยข่อใค ก็รีบแก้ไขให้มีให้เมนขั้นตามพระองค์ ตรวจฌกขมมะ การออกจากกามควยการ ออกจากกา}]ควยใจเบนใโสสโ]ของพระพุทธเจ้าแค้ กามหมาย สีงค้ใคร่ของใจ ลึงที่ยวยวนใจสีงที่อาบใจ สิงท่ซาบสร่านใจ กือรุปเสียงกล็นรสเครีองสมผล 5 อย่างนเบนวกถของกาม ด้ายนคีในว่ตถุ ทํง๎ 5 นก่วิยจ้ก่ บุ สม้ผส โสตสไ] ผํสิ ฆานสมผ ‘สิ ชิวหาสมผส กายสมผ้สิ ชื่อ'ว่าผ้ติคกามควยกาม ผู้งคเวนหลีกละไม่เกี่ยวเกาะอยู่ในวฅถุทง 5 นั้น ควยอำนาจ แห่งสญญา ส่วนธรรมารมณ์คู่ของใจก็ชื่อว่าผู้ย์ง์ติคกาม อยู่ คำยใจ ผู้สกคกนสีงนั้ง 5 นน ออก จากใจหรือสกคก่นใจออกจากสงทง 5 นั้นไค้ ชื่อว่าผ้ออกจากกามควยใจ การออกจากกามควยใจ นั้น เบนเนกขโ]มะนํสสโ]แห่งพระพุทธเจ้าแค้ เมื่อทราบพุทธนํสสโ]ฉะนึแด้วิ ให้ตรวจคูนิสสโ]ของตน ด้าเห็นว่ายงติคกามอยู่ แม้ อย่างตาเพียงแต่ใจเท่านั้น ก็จะพิงตคสินตนไค้ว่าตนยำเบนกามสตว์อยู่ ส่วนรุปาวจร อรุปาวจร ก็ย่งด้าวไม่ถึง ส่วนเนกขโ]มะพุทธนิสสโ]นเบนโลกุตตระ เรายำห่างไกลกบพุทธนิสสยมาก ก็เร่ง รีบบำเพ็ญเนก 1 ข มมะตุณตามเสคีจ้ให้เค็มความ 1 สามารถ ตรวจบญญา บญญา นิสด้ยิของพระพุทธเจ้านั้นเบนของลึกชงสุขุมยากที่เราจะรุ่ไค้ เพราะภูมี วาสนาผิคก่น ส่วนพระองค์เบ็นพุทธภมี ส่วนเราเบนแต่สาวกภมิ เพราะเหตุนน จำกองตรวจ (^๖ ครองคูคามที่ท่านแลคงไว้ในที่มาค่าง ๆ ชนโลกียบญญา บญญาชนโลกีย์ท่า ๆ คงเมื่อพระองค์ยง เบนพระโพธิส่ท่ว์กรองสุขลมบํคอยู่ เมื่อไค้ทรงเห็นกนชรา กนอาพาธ และกนฅายไค้ทรงพระ ดำริห็ว่า ของเหล่านิเบนเพลิงของรอนเผาคนและส่กว์อื่นอยู่เบนน้คย์ จะว่าเบนของน่ารกิน่าชง ก็ไม่ชอบ ทำไฉนเราจะพนไค้ ธรรมเกริองกู่กือไม่ท่องชราอาพาธและไม่ท่องคายกงจะมีเบน แน่แท้ เพราะของไนโลกย่อมเบนกู่ ๆ กน คงรอนและเข็นมืคและสว่างเบนคน ท่ากระไรเรา ไค้บรรพชาเพก ถึงกายวิเวกจิคควิเวกเมื่อใด เรากงจะประสพธรรมที่ไม่แก่เจ็บคายเบนมนกง พระองค์จึงออกพิเนกษกรมบำเพ็ญวิชชาและจรณะให้มีขน ส่วน'โลกุฅคระบญญาอย่างสูง ๆ ท่งที่ท่านแสดงไว้ในปฏิจจลมุปบาท ส่วนนิโรธ'วารว่า อวิชชาคบส่งขารวิญญาณ คลอดถึงชรา มรณะ ส่วนที่มีอวิชชาพนบจจโดฯไปคามกนหมด ดง ที่มาในพระธรรมจกิกโ]ปวคคนสคร คำปฏิญญาณผกาภูคญญาณทสสนะ ซึ่งมีแส่วิใน , พระองค์ว่า “อิทํ ทุกขํ อริยสจจนต เม ภิกขเว” เบนคน มีใจกวามว่า ชาคิชรามรณะเบนคนน เบน ทุกขอริยส่จจ็ พระองค์ไม่เกยไค้ยินไค้พ็งม เแท่กาลก่อนเลย เบนญาณจ'กิษุบญญา วิชชากวาง) รู้แจงแสงสว่างไค้บงเกิดขนแลวแด่พระองค์ อธิบายกวามว่า บญญาที่เห็นชาฅิ ชรา มรณะแท่ เมื่อยงพนพระโพธิส่ฅว์นน พนแท่บญญาของอวิชชาเท่านนไม่ไค้ความจริง ส่วนบญญาที่เห็น ชากิชรามรณะในสมโที่ดร’ส่รู้แลว ท่งที่ทรงปฏิญญาณในพระธรรมจกิร์ว่า ชาคิ ชรา มรณะเบน ทุกขอริยส่จจ็ นิพนบฌญาของวิชชาไค้กวามจริง เพราะเห็นควกีอบจจุบนธรรม ชากิ ชรา มรณะ ส่วนอวิชชาพนบวิจโนน ถึงเราจะครวจครองคูอย่างไรก็กงจะไม่เห็น เพราะเบนของ อน่จจํ ทุกขํ อนตตา ท่าเราจะคูชากิ ชากิก็ฌนอค้ภไป กรนจะคูชรามรณะ ๆ ก็เบนอนาคค ไป จะเห็นไค้ก็พนแท่ยึดเอาของกนอื่นเขาเข่ามาไว้คเท่านน ท่าใปว่นกบเรีองกนอื่นแลวจะท่อง โดนทุกข์สมทโ)ทกที ส่วใเชากิ ชรา มรณะที่มีวิชชาเบนบจจโนน อาจที่จะครองให้เห็นไค้เพราะ เบนของจริง ของเที่ยง เบนคว อมตะ มีอยู่ที่กนไม่ท่องไปยึดเอามาแท่ผู้อื่นจึงพน ปจฺจตฺตํ ไค้ ท่า-จะมีกวามสงสโ'ว่า ปิตตา ที่ไหนมี แบบแผนท่านว่า “สพเท ธมฺมา อนตุตา” ทงนน ท่องรบว่าจริงแท่เบนอนฑคาของเรา หาพนอนคฅาของธรรมไม่ เมื่อเข่าใจบญญานิลสโของพระพุทธเข่าคามที่มาค่าง ๆ อย่างนิแลว พ็งฅรวจคูบญญา ของคน ย'งฅกอยู่ในภูมิไหน ในภูมิอวิชชาหริป๋ภูมิวิชชา เมื่อเห็นว่ายงพร่ยงอยู่ควยอาการใคก็รีบ บำเพ็ญเพียรให้เทมือนบญญานิสสโของพระพุทธเข่าขน คามกำส่งกวามสามารกแห่งฅน บญญา I ๔๗ นิสสยเบนของเสอ็ยคจริง แค่ถึงอย่างน 1 นทีเราจะทอคธุระเสียว่าช่างเกอะอย่างนก 1ม่ขอบกล กา หากว่าธรรมชาทิเหลือบญญาของมนุษย์จริง ท่านแค่ก่อนทำไมท่านจึงไค้เบนสาวกะพุทธกนคง หมื่นคงแสน ขอให้พิจารณ์คูให้ซง ตรวจ วริข ขมติ ส 0 จจะ อธิชิฐานะ นสส'ย ๔ อย่างน้ เบนอญญมญญบจจ'ยยาก'ย'ซึ่งก้นและกน ถาวิริยทีในทีใค ขนกิ ส่จุจุ อธิฎฐาน คอิงมีในคืน 1 น จึงสำเรจเบนอิทธิบาท มีนท'สสนะนย คงเมอวนพระพุทธเจา ของเราจะไค้ฅร'สร้พระอนุคคระส่ง.เมาส'มโพธิญาณ ณ วิสาขปุรณะที เวลาเย็นทรงนิสทนาการ ควยบดลงค์สมาธิบนกองกา ณ โคนโพธิผินพระภกครสู่บูรพทิค ทรงคงจิตฅอธิษฐานวา กา 1 -วา ไม่ไค้ฅรํสร้อมคะธรรมคราบใค เราจกไม่ลุกขนจากอาสนะอนนเลย ถึงแม้เนอและเลอค กระคูก และเอ็นจะเทือกแห่งย่อยย์บเบนผยผงประการใค ก็คามเถิก แลวกทรงสำเวจอิริยาบท อนเคยว คลอคคืนย'งรุ่ง ในทื่สุคแห่งบจฉิมยามวนนนพระองกก็ไค้ครสรู้ พระอนุคคระสมมาสมโพธิญาณ สำเร็จเบนวิสุทธขนธสนดาน ความคั้งจึกค์มนว่า ถวิเราไม่ไค้ครส่รู้อมคะธรรมจกไม่ลุกขนเบนอธิฎฐานะ ควาบ น'งจริงจนไค้ครสร้เบํนสจจะ ควาง อคทนไม่เกียวของควยความเหนจเหนอยนน 1 'บ'แข'แก ความ กลาไม่ท , อิถอย จนให้กิจสำเร็จไค้เบนวิริยะ เมอพระองคเบนโพธิสควอยูก็มีธรรม ๔ อยางน เบนนิสส'ยอย่ทกเมึอ ถึงเมือพระอ งกไค้'ครสรูแลว ทรงบาเพญพุทธกจท ง ปวงกบธรรม ๔ อยางาเ เบนนิสส'ยอย่พุกเมือ จึงให้กิจน , น ๆ สำเรจบริบูรณไค้ เมอดรวจคูเขาใจคามไดแลว สอบ นิสสยของค , แค ถายงไม่ครงควยขอไค กรบแกไข ให่ครงคามพุทธนสสยขน ใหยกกายวาจเใจ ขนสุ่ภูมิธรรมโดยลำดับ ส่วนเมฅฅาและอเบกขา ๒ นิสส่ยน เบนของเลเอยคและมอยูในพระองคทุกเมอ การ'ก ทรงบำเพ็ญนิสส'ยอื่นๆ นนก็มื นิสดัยท , ง ๒ นเบนเหคุ ควยเมคคาอุเบกขาทา ๒ นมในพระ•องค คือพระองค์ไค้รบความสขความเย็นเพราะพระดัยเบนกลาง ควาง)สุขความเย็นมีในพระองคทุกเมอ จึงชึอว่าพระองค์ประกอบควยพระเมคคาพระกรุณา คือทำเพลิงราคะ เพลิงโทสะ เพลงโมหะ ให้ดับไปจากพระสนคานไปดัายอริยง)รรคบญญา ส่วนเพลิงขากิ เพลิงชรา เพลิงมรณะนงเ I ๔๘ กลายเบ่นเพลิงสภาพมีจำเ?\าะแค่ป้จจุบนไม่มีพิษ เผาพระองค์ให้รอนไม่ไค้ พระองค์จึงชื่อว่า เบนผ้จืคสนิทเย็นสนิท เพราะคุณสมบกนน ๆ มีในพระองค์ พระองค์ จึง เบนผู้สามารถแจก แบ่งเผื่อแผ่คุณส?]บกนน ๆ มีกวามสุขกวา)แย็นเบนกนท้วไปไค้ สำเร็จควยอำนาจศีลสมาธิ บ่ญญา คือบารมี ต๐ ประการคงบรรยายมานิ เมือกุลบุกรผู้มีศรทธา กรวจฅรองคุในพุทธนิสสยก , งั้แก่เบ่องกนจนถึงวิสุทธนิสสโ) บ่ญญานิสสย กรุณานสสย ชกใจสนความสงสโ]แลว ก่อไปพิงพากเพียรแก้ไขนิสสโ)ของกน ให้ กรงกามพุทธนิสสยจงทุกประการ กามกำลํงกวามสามารถแห่งกน พอถึงพุทธนิสส โ]ไค้ เพียงชนใด ก็ชื่อ ว่าถึงพระไกรสร ณ คมน์เบ่นที่พึ่งในชนนน เพราะว่าผู้ใครจกพุทธนิสสโ] ชื่อว่าเบ่นผู้จโๅพระพุทธเจ่า ผู้ถึอนิสสํยพระพุทธเจ่าชื่อว่าผ้ถึง พระธรรม เพราะพระธรรมนนเองเบ่นนิสส โ] ของพระพุทธเจ่า ผ้ถึงพระธรรมคือผ้ถึอนิสส โ] ของ พระพุทธเจานนเองขอว่าพระสงฆ์ เพราะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ค่างกนโดยวฅถมี เนอกวา?]เบนอนเคียวก'น คงพีมาในรกน'กกยปภาวาภยาจนคาถา ท้าย ๗ กำนานว่า “พุทโธ ธมโม สํโฆ จาต นานาโหนุตมุบ วตถุโต อถ!ญมถ!ถภ วิโยคาว เอกภูตม ปนตฺถโต พุทฺโธ ธ?]มสส โพเธตา ธมโม สํเฆน ธาริโต สํโฆ จสาวโก พุพุธสฺส อจฺเจกา พุพุธเ?]วทํ , คงนิ กล?]กรผ้บรรพชา อา.!สม?]ท ประพฤกพรกพรห?] จรรยทุกหมู่เหล่า พิงมีสกิอำรงอยู่ควยบ่ญญา บำรุงบ่จจเวกขณญาณให้รู้ทนอยู่ทุกเมื่อ ว่าเรา ไค้ละกามารมณกิจออก?]านิ อุทศฉะเพาะพระพทธ พระธรร?] พระสงฆ์ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะ?]า ลุ่มหลงอยู่ควยหมู่คณะลทธิท้ฏฐิค่าง ๆ กามอย่างของบุทกลนนๆ จะไม่ชอบกล กวรจะกรวจกรอง คุธรรมวินโ]ชงเบ่นพุทธน้สสยให้เหมาะแก่จิกค์ของก?เ ท้งเบ่องกนท่า?]กลางที่สคอย่า'ให้เสียที ที่ เราเกิด?ภเบ่นมนุษย์บุรุษสฅรี และไค้ประสพพบพระพุทธศาสนาควยคี พิงยงกนให้มีพุทธน้สสโ] เบนเขมสรณคมน์ จงทุกเมื่อเทอญ บคนจกแสคงลกษณะถึยนิสสยอุบ่ชถ]ายะอาจหิย์ค่คไป ควยกลบุกรผู้จะอุปสมบทใน พระพุทธศาสนา ก , องแสวงหาอุบ่ชฌายะอาจารย์ผ้กวรรไ]?โสสโ]มีพรรษาแค่ ๑ 0 ขนไป มีใจ กวามกามทิมาแห่งพระวินโ]ว่า เมือกุลบุฅรจะถึอนิสสโ]อยู่ในสำ?เกท่านผ้ใค ใจึงไปอย่ปฎิบํคีท่าน ผู้นนโดยเออIV เย สอบสวนคูจนเกิดควา?]เลิฒใส แลวจึงขอ?เสสโ)อย่ควย ส่วนผ้จะเบน อุบ่ชฌๆยะหรืออาจาริย์เล่า ก็ท้องส่งเกกสอบสวนผู้จะเ?บ่นสทธิวิหารกหรืออนเกวาสึก ให้เห่นว่า โจอจะแนะนำส่งสอ?เไค้จึงค่อยรบ เมอรโ]แลวท้องเอาเบนภาระแ?.เะนิาส่วิสอนจรืง ๆ ส่วนสทธิ ๔๙ วิหาริก หรืออนืเ ทวาสิก เมื่อไค้ริบ!โดีส่ยอยู่กไ]ท่านผู้ใทแลว ก็ทองปฎิบฅท่านผู้นนไห้คูกกองคาบ นิสสริ]ของท่านทกอย่าง จนท่สคท่านผ้อบชฌายะอาจาริย์ไม่ชอบกบบุคคลผู้ใท 1ม่ควรทำสาบจิ กรรบกบบุคคลน , น ไค้ใจความโคยย่อทามวินผานุญาฅคังน ท่อไปนเบนกำอธิบาย โคผมกิของกนพอเบนทางกำริ.ห์แห่งกุลบุครผู้มีทรทธฺา ไทริ ท่อการศึกษาสืบไป จิกบรรยายนิลสริ]!)ระเภท กำท่ว่านิดส้ย ๆ นนเบนภาษามคธถือเอาเนอกวาบไค้ทวย ยาก ถ่าจะให้ไค้กวา}]กามสยามภาษาแล้ว ฅชงแปลว่าอธยาทรยหรือนาใจหรือใจคอหรือความ ประพฤกิเบนเครื่องอาทรริ]ของทน ซึ่อว่ไนิสสริ] เมื่อไค้เนอกวา}]คังนแล้ว ประสงค์จะถืออยู่กบท่านองค์ไท ซึ่งคนเห็นว่าเมนกรุฐานียะ ควรเการพ ก็พึงไปสอ!]สวนค เมื่อเห็นนิสสริ)ของท่านเบนทีชอบใจของคนจงขอรไ]นิสล้ยอยูทวย นิสสริ]นนมีอาการหลายอย่างค่าง ๆ ก'!} 'จะยกมๆชพอเบนทวิอย่าง บางท่านมีศึลวิสุทธิ เบนนิสสริ] คือพอใจศึกษาสอบสวนทามวินยานุญาคเขาใจแลวก็ปฏิบกคาม มกเห็นภย์ในโทษมี ประมาณนอย ประกอบค้วิยอินทรียสงวร มริไพอใจประพฤกิอยู่แท่เพียงศีลสกขา บางท่านมีสมาธิ คือ จิกควิสทธิเบนนิลสริ] คอ พอใจศึกษาทางสมถะทำขณกส}]าธ อปจารสมาธิ อไ)ปนาสมาธิ ให้เกิคให้มีพอใจในขอวกรนอยใหญ่ มกเห็นภยในโทษมประมาณ นอย ประกอบคัวยอินทรียสงวร มกพอใจประพฤทอยู่แท่เพียงจิกทสิกขา บางท่านมีบญญาคือทีฎฐิวิสุทธิเบนนิสสผ คือ พอใจศึกษาทางว!]สสนา กรวจครอง พิจารณานา!] รป ขนธ์ ธาทุ อายกนะให้เห็นจริงคา}]สภาพ งเกพอใจชยูควยควา]]'►มประ]]าาา มกเห็นภริ]ในโทษมีประมาณ!เอย ประกอบควยอินทรียล้งวร มไพลใจประพฤคอยู่แท่เพียงษญญา สิกขา ' บางท่านมีราคะเบนนิสสริ] คือจะทำสิงใทก็มกแค่สรวย ๆ งา}] ๆ อวท ๆ โกง ‘ใ แ กะ มีความเการพท่อธรร})วินริ] มริามีสิงทำจิกกิให้เพลคเพลินเบิ}แคริองอยู มกเหนภยในโทษม ประมาณนอย ประกอบควยอินทรียส"ง่วร ง]กพอใจอยู่คัวยกวามไม่ประมาท บางท่านมีโทษะเบนนิสสย กอ ทำสงใคชอบจุจจุกจิก ดุก!เโนนทาคนน พยาบาท ผูกเวรแก่กนโนนกนน มกยอคัวข่มท่านชอบเพ่งโทษของผู้อื่น ส่วนคัวก็ไม่บำรุงให้เกิททวามสุช I ความเย็น แท่มกเห็นภยในโทษมีประมาถเน่อย ประกอบควยศีลสงวร มกพอใจอย่ควยความ ไม , ประมาท บางท่านมีโมหะเบนนสสย จะทำสิงใคมกพลง ๆ เผลอ ๆ หลง ๆ ลืม ไม่ชอบกวาม สอาค มกขเกยจขกร่าน แท่มกเห็นภ'ย์ในโทษมีประมาณนอย ประกอบควยศีลสงวร มกพอใจ อยู่ควยกวามไม่ประมาท บา•‘•ท่านมีศรทธาเบนน้สสย กอ เบนกนเช๊อง่าย ไค้ยิน!.ชาพกอ?]างไรก็เชื่อ ไค้เห็น แบบแผนตำราว่ากระไรศีเชือ ไม่พอใจครืกกรองให้เห็นควยบญญาแห่งคน บางท่านมญาณะเบนนิสสย กอไค้เห็นไค้ยินไค้พงอะไร ๆ มกสอบสวนให้เห็นจริงควย บญญาของกนก่อนจึงเชื่อ บางท่านมีวิกกเบนนิสสํยิ ศีอจะทำสิงใคม่ดไม่แน่นอนแก่ใจสงสยสิงนนสงส?]สีงนึ่ อย่างนนก็จะไค้อย่างนก็จะไค้ ไม่ค่อยจะเบนหนึ่งลงในส็งอะไรไค้ จะบรรยายเรืองนิสสยของบุทกลแน่าก็มาทอย่างค่าง ๆ [ค้น เมื่อจะย่นลงให้สนแลวก็กงมี ๒ อย่าง ศียิบ'ณฑิฅนสส'ย ® พาลใเสส'ย ® เท่านน ผ้ลอำนาจแห่งโลภะ โทษะ โมหะ มก ประพฤกิพุจริกควยกายวาจาใจ ไม่เการพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่เการพท่อไกรสกขา และอปปมาทธรรร! เหนแก่กวามไค้กวามมีกวามศีกวามชอบในษจุ)จุ!]น ผ้ประกอบค่วยอกกล ค่าง ๆ อย่างนเมีนนิสส'ย เรียกชื่อว่าพาลนิสสืย ผ้ไม่ลุอำนาจแห่งโลภะ โทษะ โมหะ ศีอ พอใจประพฤกิสุจริฅควยกายวาจาใจ มี ความเการพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เการพท่อไกรสิกขาและอ!]ปมาทธรรม ผ้มีอัป- บจฉกาและสนกุฏิฐิกาเบนวิหารธรรม เห็นธรรมวิน''ยเบนสรณะอยู่พุกเมื่อ ผู้มีลุคลเบนนิสสย อย่างนึ่ เรียกชื่อว่า บณ , ทิกนิสส'ย เมือเวิกใจนิสสยทง ๒ อย่างนนแลว เราชอบใจพาลนิสสํ'ยก็ท่องไปขออย่ก'บท่านผ้เบน พาลนิสส่ย เมืออยูในสำนกของท่านแลว ท่องปฎิบ'กให้ทรงก'บนิสส'ยของท่าน ท่านประพฤกิ อย่างไรเรากองหคประพอุกกาม ให้กรงกบนิสส่ยของท่านพุกลืงพุกอย่าง เวนแท่ลืงที่เหลือวิสย่ จะทำไค้ ท่าแกล , งไม่ทำกามอุบชฌายะอาจาริย์ควยขอใก นิสส'ยิข่อนนศีขาค ไม่อาจจะฅิคท่อ กนเร่!ไค เมื่อชอบบณ , คิก นํสสไ]ก็กองไปขออยู่กบท่านที่เบ๊นบไแฑิฅนิสล่ย เมื่ออยู่ในสำนกของ ท่านแล่ว ล่องปฎิบกกามให้กรงกบนํสล่ยของท่าน เบนล่นว่าท่านไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ท่าน มีความเพียร กวา]]หม่นในข่อวกรและกิจงานการอนใค ที่หาโฑษมิได้ เราล่องหดประพฤกกาม อย่างน 1 น ให้กรงกไ]นํสสไ]ของท่านทุกสีงทุกอย่างเวนแก่ลืงที่เหลือวิสไ]จะท่าได้ ล่าไม่เหลือวิสไ] ล่องท่ากาม ล่าแกล่งไม่ท่ากามอุบชฌายะในข่อใค นํสล่ยขอนนก็ขาก เพราะที่มาในพระวินไ] แสคงองค์อุณไว้แก่ล่ทธิวิหาริกและล่นเฅวาสิกผู้ควรแก่นิสล่ย ๕ อย่างล่งน “อธิบตฺตํ เปม่ โนติ อธิ ม ต'โต ปสาโท โใ!ต อธิมตฺตา หริ โใ!ติ อธิมตโต คารโว โหติ อธิมตตา ภาวา!า โนติ” กวามว่า รํก่ย็งนก เสื่อมใสยีงนไ) ละอายยีงนก เการพยีงนก เจริญเมฅฅายงนก ในท่านผู้เบนอุบขฌายะอาจาริย์ เมื่ออุลบุกรศึกษาเข่าใจประเภทแห่งนิสล่ยอย่างที่แสคงมานแลว เมื่อรบนิสสไ]อยู่ใน สำนกท่านผู้ใค พึงประ พฤฅิ ปฎิบกโกยเออเโร่อกามวินยานุญาฅล่งมืก่อไปนทุกประการ เทอญ ในอุบชถกยะวกค์กวามว่า ภิกษุผู้เบนล่าธิวิทาริก พึงปฏิบไเชอบในอุบชฌายะ ความ ปฏิบฅชอบอย่างน ล่ทธิวิหาริก ศึอ ภิกษุและสามเณรพึงลุกขนแล่เข่า ถ'าสรว!]รองเล่าจงกรมอยู่ พึง ถอครองเท่าเสีย ท่าผ่าห่มเฉียงบ่าข่างหนึ่ง พึงให้ไม้สีพึนให้นาล่างหน’าบวนปากแลวปูอาสนะไว้ ข่าวกไ]มืพึงล่างภาชนะนำขาวกไ]น’อมเข่าไปให้ อุบชฌายะฉนข่าวล่]]แลวพึงถวายนา แลวรบ ภาชนะข่าวกไ]มา ท่าโกยเการพอย่าให้กระทบครูคล ล่างเก็บเสียควยก เมื่ออุบซฌายะลุกแล่ว พึงริอเก็บอาสนะเสีย ถาอบชฌายะใคร่จะเข่าบ’านไซร้ พึงให้ผ่านุ่งและรบผ่าเปสื่ยนุ่งพึงให้ประกกเอว พึง ซอนล่าอกกะราสงค์กบผ่าล่งฆาฎิเบนสองชนให้ พึงล่างบากร์และให้ท่งนาควย ถ’าอุบชฌายะ จำนงจะให้เบนบจฉาสมณะกา!]หล่]ไปควยไซร้ พึงบกกายให้มี]]ณ'ทลสาม นุ่งให้เบนปริมณฑล แตะกากประกกเอว ซก่นผ่าให้เบนสองซนห่แคลุ!]กลไเร่งกุ]]ล่างบา'/าร์ถือเอาบากรแลว เบนบจฉใ- สมณะไป ภายหล่งแห่งอบชฌายะ อย่าเกนไป'ให้ไกลใเไเ อย่าให้ใกล้นก คะเณพออุบชฌายะ เหลืยวมาพกควย กาวไปล่เวุหนื่งสองกาวก็ถง 1]ากร์อุบชฌายะรอน หรืณก็]]ควยข่าวกไ]หรือ ข่าวสวย พึงรํบบาฑร์อุบชฌายะ เปลี่ยนบาฅร์ของกน'ไห้อุบ'ชฌายะ , เมืออุบชฌายะพูกอยู่ อย่า กล่าวกำสอกแซกขนในระหว่าง ๆ เมืองอุบชฌายะกล่าวกำใกล้ล่ออาบก ก็ท่าอุจถามว่ากล่าวเช่นน ควรหรือไม่ เบนอาบกหรือไม่หามเสีย อย่าห่ามควยกำกระโชกกระชาก เมือจะกลบจากห่าน พึงกลบก่อนแล , วิปอาสนะไว้ ฅงนาด่างเทากงรองเท่ากระเบองเซอเทาไวทานสว ลุกไปรบบาทร จีวร พึงให้ผ่าผลกนุ่งรบผ่านุ่งมา ถ้าจีวรชุ่มอวยเหงื่อไซร้ พึงทากเสียในทีรอนอรูหนง แท่อย่า ทากที่งไว้ในทีร่อนให้นาน แลวพึงพบเสีย เมอจะพบจวรพงเหลอมมุมขางหนงใหเกนมุมซาง หนึ่งสก ๔ นึ่ว แลวจีงพบ อย่าให้หกกลาง พึงทำประกทเอวไวในขนอจีาร ถ้าบีณฑบาทมือย่อนชฌๆยะใคร่จะฉนไซร้ พึงให้นาแลวพึงนอมบิ 0 'ทบาทเซาไบ่ พ ง ถามอบชฌายะกว้ยนึ่าฉํน อบชฌายะฉ'นแลวิพึงให้นาแลวพึงรบบาทร่มาทำไท้อา อยาใหครูอส ด่างเสีย ทำให้หมกนาควยอีแล'วิจีงกากไว้ในที่รอนครู่หนง แท่อย่าทากบาทรทงไว้ใาเทวอนไห นาน แด่วิพึงเก็บบาฅร่จีวรเสีย เมอจะเกบบาทรและจีวร พึงเกบถ้งกลาวแลวไนเสนาสนะวอร นึ่นึ่เถิค เมี่อฃบชฌายะลกแด่''ง พึงเลิกอาสนะเกบนาลางเทาองรองเทากระเบองเซอเบาเสย กาบ นนรกทวยอยากเยื่อไซร้ พึงกวาทแผวเสีย ถ้าอบชฌายะใคร่จะอาบนาไซร้ พึงทกแท่งนาอาบให้ ถาทองการทวยนาเยน จง กกแก่งนึ่าเยใเ , ให้ ถ้าถ้องการทวยนาร่อนพึงอกแท่งนึ่ารอนไท้ ถาอุบชก)ายะใคร่จะเข่าเรอนไฟ ไซร้ พึงบกจถเแช่ทินทาหนาไว้แด่วิ ถือทงสำหรบเรือนไฟอามหลงอุบซก 1 ายะไบ่ แลวใหทงรบ จีวรมาเก็บไว้ท้สมกวรข่างหนง พึงใท้จณให้ทินทาหนา ถาอุกสาหะอยพงเขาไปในเรอนไฟควย เมื่อจะเข่าไป พึงปฏึบกกงกล่าวแลวในชนทาคาระวทอ 1 •ถค พึงทำบรกรรมบบนวอไหอุบซก' 11 ย ะ ในเรือนไV) เมือจะออกมาพึงปฎิบทองกล่าวแลวในชํนทาคาระวอทํเกค พงทาบรกรรมขอสให อบชฌายะในนึ่า ถ้วยอาบนาแลวพึงขนโ)าก่อน ทำกวของทนใหหมกนาแลวจงนุง ผ า แสวพ') เซ็กนาที่ทวิอุบชฌายะ แด่ว้พึง'ให้ผ่านึ่งให้ผ่าสงฆาฎิแลว พึงถือเอาองสำหรบเรอนไฟมาองไกกอน พึงที่งนึ่าด่างเท่าท่งรองเทากระเบองเซ็กเบาไว้ท่า พึงถามอุบซก)ายะควยนา ฉ น ถ้าใกร่จะเรืยนบ")สี กพงให้อบชก)ายะแสองบาลขน ถาใครจะไทถามเรยนออกก 1 ก พึงไก่ถาโ)เรียน อบชฌายะอย่ใใเวิหารกุฎใอ ถาวิหารกุฏีนนรกอวยอยากเยอ ถาอุกสาหะอยูพงซาระ บทกวาคเสีย เมือจะชำระกฎี พึงปฏบทคงกล่าวแลวในเสนาสนะวอทจงทุกบ่ร"กา' 5 จนถงอกนา ไว้ในหมอชำระเถิก ถ้าทวามกระสลิเฐ์ไม่ยินอี1นพรหมจรรย อยากสกเกกขนแกอุบซก)ายะไซร ไหสบ ธ วิหาริกพึงพาไปเที่ยวในที่อึ๋น หรอวานภิกบอนให้พาไป 1 '■•วเสย หรอทาคารวะนมทอไน 5 รรมกกา น่าวหน่วงไห้อุบชฌายะหายกระสณฐ์ ถ้ากวามราคาญรงเกียจสงสยเกิดชนแก่อบขฏฦยะ ให้ส'ทธิ- วิหาริกพึงบรรเทาเสีย หรือวานภิกษุอีนให้ช่วยบรรเทาเสีย หรือทำธรรมนิมิฅค์ในธรรมกถาให้ อุบชฌายะระงบเสีย ๓ทิฎฐความเห็นผิดเกิดขนแก่อุบชฌายะไซริ ให้สทธิวิหาริกว่ากล่าวให้สดะ เสย หรอวานภิกษุอีนให้ว่ากล่าวให้สละเสย หรือทำสนกินิมิกกในธรรมกถาให้อบชลฦยะระงบ เสีย ถาอุบชฌายะกองกรุธรรม คึออังรกท้เสสเบนผู้ควรปริวาสหรืออยู่ปริวาสทอวถ้นํทราบท เบนผู้ควรมูลายะปฎิอัสสนะ หรืออยู่ปริวาสแลวเบินผู้ควรมานทค์ หรืออยู่มานกค์แอัวเบินผู้ควร อัพภานะกรรม กิจเหล่านให้อัทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวายว่า ไฉนสงฆ์จะพึงให้ปริวาส และ มูลายะปฏิก่สสนะ และมานฅค์และอัพภานะ แก่อบชฌายะอังนิ ๓สงฆ์ ใกร่ จะอั ชชนิ ยกรรม หรือนิยสกรรม หรือบพพาชนิยกรรม หรือปฏิสาระณียะ- กรรม หรออุก เข ปนยกรรมสิง ใด สงหนง แก่อุบ ชถ) ายะไซริ ให้สทธิวิหาริกพึงทำความขวนขวาย ว่า ไฉนสงฆ์จะไม่ทำกรรมแก่อุบิชถ)ายะ หรือจะน่อ์มไปเพื่อเบนกรรมเบา อังนิ ถ้ากรรมนน สงฆทา แก อุบชฌายะแลวไซร ใหสทธวหาริกพงทำความขวนขวายว่ๅ ไฉนลบขถฦยะจะพึงปฏิบท ชอบสงฆ์จะพึงระ งบ กรรมนน ให้ อังนิ ถ้าจีวรแห่งอุบชถกยะจะทองซก หรือจีวรอุบชฌายะจะทองทำ หรือน่ายอมอุบชถกยะ จะกองกม หรือจีวรอุบชฌายะจะกองยอม กิจเหล่านิให้สทธิวิหาริกพึงทำให้ หรือสทธิวิหาริก พึงทำความขวใเขวายไนกิจเหล่านิ เพื่อจะอัอมจีวรแห่งอุบซเ•มายะ พึงยอมพลิกกลบไปกลบมา ดวยดึ เมือกากแถวน่ายลมในจีวรอังไม่ขาคอย่าเพ่อหลีกไปเสีย เผาอย่ก่อน ไม่บอกอุบชฌายะก่อน อย่าให้บากร์ให้จีวรให้ปริกขารและโกนผมให้ และทำบริกรรม ให้ และทำความขวนขวายให้แก่คนบางกน และอย่ารบบาทร์ริบจีวรริบปริขารกนบางกน และ อย่าอังกนบางกนให้โกนผง)ให้ ๆ ทำบริกรรมให้ ๆ ทำความขวนขวายให้แก่กน และอย่าเบน บจฉาสมณะ กามหอังกนบางคน อย่าถอเอากรเบางกนมาเบนบๆฉาสมณะ อย่านำบิณ-ทบากร ไปให้แก่กนบางคน อย่าให้กนบางคนนำบิณ•ทบากรมาให้ ซึ่งว่ากนบางคนนน ประสงค์เอาคน ที่เบนวิสภากไม่ซอบแก่อุบซถ)ายะ กองบอกอุบชถกยะก่อน จึงทำการเหล่านิได้ และไม่บอกลาอุบขถกยะก่อน อย่าพึงเช่าไปบ่าน อย่าพึงไปบ่าชำ เพื่อจะอย่หรือจะค อย่าพึงไปล่ทิกใคร่จะเช่าไปบ่เนหรือบิณ , ทนากร หรือควยกิจอื่น พึงบอกอุบชฌายะก่อนจีงเช่าไป & ( 2 . ๓อุบชฌายะปรารถนาจะลุกขนแก่เข่า ไป ย งที่ภิกขาจารไกลไซร้ อุบชฌายะก็พึงบอกว่าภิกษุหนุ่ม จงเข่าใปบิณฑบาทเถิด กํงน์ก่อนแล่ 1 วจึงเข่า'ไป เนย , ไม่บอกคร้นแล , วิไปเสีย สทธิวิหาริกไปที่ บริเวณไม่เห็นอบชฌายะจะเข่าไปบานก็ควร กํท่ธิวิหาริกใกร่จะหลกไปยิงทิศที่อื่น พึงบอกแลว ออนวอนลา ๒ กรง กำอุบชฌายะอนุญาฅเบนความที่ กำไม่อนุญาฅแลวไซร้ แม้เมื่ออาศรย อบชถกยะอย่อุท.ทสหรือปริปุจฉา หรืยกมมฎฐานหรือปรารภกวามเพึยรเหล่านไม่บริบูรณ์ อุบช- ฌายะเบนพาลไม่ฉลากเบนแท่ไม่ยอมให้ไป ควยใกร่จะให้อยู่ในสำนํกํฅนอย่างเที่ยวเท่าน , น อุบช- ลกยะเช่นน์แม้ห่ามอยู่จะไปก็ควร กำอบชอกยะเบนไข้ไซร้ พึงอุปฐากกลอกชีพ พึงกอยท่าอยู่กว่าจะหายไข้ อย่าพึงไป ในที่ใก กำ ภิกษุ ผู้อุป ฐาก อื่นมีอยู่ไซร้ พึงแสวงหายาให้ไว้ในมือภิกษุนนแลว บอกว่าเธอองศ์น จะอุปฐากแลวจึงค่อยไป สท่ธิวิหาริกจะพึงปฎิบตกีในอุบชฌายะทงหลายอย่างไร น์แลเบนอุบ'ช¬ อกยะว'ฅศ์แห่งกํทธิวิหาริก กํงน็แล อุบชฌายวกกํง จบ ในอาจริยวกศ์ กวามว่า อนเกวาสิกผู้ถอนิสสํยอยู่กวยอาจาริย้ พึงปฏิบ‘กชอบใน อาจาริย์ กวามปฏิบทชอบในอาจาริย์เหมือนอุบชถกยะวฅศ์ทุกประการ อาจาริยวกกํง จบ ว!แจรญสฆถะ เมื่อพุทธบริบท ไค้ศึกษากรวจกรองเข่าใจในไกรสรณกมน์โกยน ยก งบรรยายมานแล , วิ ปรารถนาเพื่อ ลจลศรทธา กวรศึกษาในวิธีสมถะและวิบสสนาก่อไป ประเภทแห่งสมถะท่าน แสกงไว้ใน ก' มภิริวิสุทธิมรรคถง ๔ 0 ประการ มีกสิณบริกรรมเบนกน พุทธบริบทก็เกยไค้ยินไค้ พึง'ไค้เข , าใจกนอยู่โกยมากแล , วิ จะแลกงแก่ย่อพอแก่กวามชอบใจของกน เห็น'ว่ามากน'ถมก'ให้พึน เผอทำสึงเที่ยวแก่ให้จริงกงเกิดผล เพราะสมถะก็มีประสงศ์เอกกกการมณ์เบนข่อสำกญ แก่ เอกกกการมณ์มีเบน ๒ เงื่อน เอาความว่า มีอารมณ์เบนอนเที่ยวเงื่อน ๑ มีอารมณ์รวม เบนอนเที่ยวเงื่อน ๑ การทำสมถะชอบใจอยากให้ทำลทิบฎฐานเท่านนควยโนสกิบฎฐานปาฐะชี ความอยู่วา “เอกายโน ภิกฺขเว อขํ มคฺโค” เบนทน และในพุทธปริวิกก ซึ่งโปราณาจารย์ ยๆพระมหากรุณาธิคุณขนสู่บุกคลาธิฏฐาน เปรียบกงพรหมมาร'1เส:มอ่างกํยทรงพระ'พุทธปริวิคก •I ๕๕ ท่านผูกเบนกำฉันท์ไว้ เพึ๋อให้จ่าทรงไค้ง่ายว่า “เอกาขา! ชา?เขยาเตทสฺส์ มคคํ บ่ซาท™ หิตานุกฺมบ เอเตใเ มคฺเคาเ ตริสุบ่พฺเพ ตริสฺสเรเจา ดรนุ*โ™' อังน ไวความร่ ' 1 ทางกวามบริสทธสนภพสน'ช'าคีข้ามโอฆะของบัคว์ทั้งหลาย สอิหิฏฐานทางเคยาเท์ าน ท่านผูขาม แล่วิในอคีค 1 หรือท่านผู้จกข้ามในอนาคอ หรือท่านผู้ข้ามอยู่ไนมจจุบันท่อา 1 ท่านก็ข้ามไอร 3 ะ บัวํยสกิบฏฐาน , ทางเคียวนเองบังน ถึงในที่อื่น ๆ ซึ่งพรรณนาคุณสอบฎฐา'นน' มาก' มา!ย'นก ที่ชอานิสงส์ในท่ายสอบฏฐาน ว่าผู้เจรืญสคบฏฐานอย่าง่ข้า ๙ วน ทรอ ๗ เคอํน หริอ ๗ บคงสำเรืจ ในพุทธคุณก็พรรณนา ว่าพระองค์คำรงจอค์ในสอบฏฐาน บังโพขอ!งอ ฝ ไหเออไหแขน คุคุปเทคพรรณนาคุณสอ' บฏฐานนบากมายนัก กวรเชื่อพ งเอาเบนจริงไอ้ เพราะพระพุทธเข้าเบนบัแพทย์ผู้ขำนหส ะ ส โ1ศร คือความสงบัยของโลกออกไอ้ จะทั้งคุปมาบญหา'ไว้ ท่างว่าเรามโรคสำบัญเกคในอัว ไอ้ข้งเทุกขเวทนาเคือคริอ้นมา หลายบแลว รบประทานยามาก็มากแลวอาการของโรคก็บัเอ่อร 3 บั บท วข นเ ท่' 1น ม ภายห สท่ 1 อ้ พบหมอวิเศษ ควรนับถือ หมอนนไอ้บอกว่าโรกนเราไอ้เหินมาก่อนแส‘ว เราไอ้ยาขนานนมา รบประทานโรคของเราก็หาย เราไอ้ให้ทานแก่ผู้อื่นชื่งเหินโรคอย่า' 3 เอียวบันเขํนนรมท่ร ะทานโ ริ หาย นับควยรอยบัวยพนเหินบันมาก ท่านออสาท์พั!บ่ระอานยาขนานน' 1 ท่ เ ส ค บัส ๗ ว น ริ จะหาย ถ้าโรคบันกินลึกถึงสมองกระคูกแบัว ท่านรบประทานยานไป ๙ เ คื อ น บัทำ ๗ ท กง หายขาคทีเคียว เมื่อเบนอย่างนเราจะควรท่าอา 3 !กำบังข 3ง หม ธ1; 'ริสไม่ สคีบฎฐานนนแปลว่าที่ทั้แห่งสอ่ สคีคีอความระลึก ระลึกที่กายชื่อร่ากายานุบ่สสนา ระลึกที่เวทนาชื่อร่าเวทนานุหิสสนา ระลึกที่จ๊คค์ชื่อร่าจิออานุหิสสงเา ระลึกท็ธรรมข่ อภธ ร รม ก นุบสสนา ระลึกที่สงอื่นไปจากน ไม่นบร่าเหินสอํบฏฐาน แสคงสอิบฏฐานไนที่อ่าง ๆ บัสมี โคยมากว่า “กาเยกายานุบ่สฺส เวทงกสุ เวทนานุบ่สฺสื จิต.เตจิต.ตานุบ่สส ธม - เ ทสุ ธมมานุปสส ผู้บักคามเหนชื่ง!กยในกายเหนชื่งเวงางเาไนเวท นาทะงหลาข เห่นชื่งวิคอ่ไท™ส์ เห่น ซึ่ง ธรรมในธรรมท , งหลาย ’ องน ถ้าจะแท่งกายนอกกายใน เวทนานอกเวทงเาไน จิออ์นอกจํออ์ไน ธรรมนอกธรรม ใน เป็นการสำบาก กบัวจะ ยุ่ง แก่ผู้ปฎิบคจะ?พอให้เห่นว่าเหินการยาก กำที่ร่ากายนนหม™คา สกลกายทั้งสนเพราะเหคุนน จะซึ่เอากายคนอนเหินกายนอก กายของเราเหินกายไนก็คูส ปี''" I ๕๖ สกดกายท , งกอ่นนืพ , !เกา!‘เนอก เอกเทศของกายกอลมหายใจ หรอส่วน-ของกายมีผมขนเบนคน เบ๊นกายในก็ถูก รปา.เอกกอมหาภกรูปเอาเบนกายนอก รปอาศไ'ก็ออุปทายรูปเอาเบ๊นกายในก็ถูก หรือบรรกากองรูปคือสกลกายที่งสีนของกน หรือของผู้อื่นก็กามเบนกายนอก กายที่อยู่กบใจจะเบน กายของกนหรือกายของผู้อื่นก็กาม ซึ่งหล"บกาเสียแล้วก็ยงเห็นไค้นนเบนกายในก็ถูก ส่วนเวทนา และจิกก์และธรรมก็มีประเภทค่าง ๆ อย่างเกียวกน จึงเห็นว่าเบนการยากจะพาให้พ่นเผอ วิจิกิจฉา จะข่มเหงมากไป ให้คือเอาในที่ว่าสกลกายหรือรูปกายที่งสีน พองกาแค่พินเทาขนมาเใ)องบน แค่ศีรืษะ:ลงไป ชื่อว่ากายนอก กายนอกที่งปวงใเนเมื่อกุลบกรกรวจคูให้เข่าใจฒัษณะประเภท อาการสีล้ณฐานชกใจแล้ว รปเหล่านนก็เข่าไปกงอยู่ที่ใจ เมื่อเราจะเพ่งคูรูปกายเทล้านน ก็ไม่ ก’กงไปเพ่งกในที่อื่นคูอยู่ที่ใจเท่านนก็อาจจิกเห็นรูปกายที่งปวงไค้ ก็งหล"บกาเสียเพ่งคูก็อาจจิก์ เห็นรปกายที่ง์ปวงไค้ เพราะเบนรูปกาย , ในแล้ว การที่พิจารณาเห็นรูปกายซึ่งมีอยู่ท้ใจอย่างน ชื่อว่าเห็นกายในไค้ในบทว่า กาเยกายานุปสฺส ผู้มกกามเห็นซึ่งกายในกาย ส่วนเวทนานอกนน หมายเอาเวทนาเกกแค่เหฅุกีอล้ม่ผืสีเพราะ สุข ทุกข์อุเบกขาจะมีขน กองอา ศ"ย เทคู ๓ กีอใจ ซิ กา, ห, จมก, ลน, กาย ซิ รูป, เสียง, กล็น, รส, เย็นรอน, อ่อนแข็ง ซิ, ประชุมกนเข่าชื่อว่าส"มผํส สุขทุกข์อุเบกขาเกิกแค่ล้มผํสที่งั้สน ชือว่าเวทนานอก เวทนานอกที่งปวงน , น ย่อมเข่าไปกงอยู่ที่ใจไม่ก’สงอาศยส"มผ"สภายนอก เมื่อเพ่งคูที่'ใจก็อาจจิกิ เห็นเวทนาท"งปวง ซึ่งมีอย่ที่ใจอย่างนชื่อว่าเวทนาใน ไค้ในบทว่า เวทนาสุ เวท‘นานุม่สส ผู้มกทามเห็นเวทนาในเวทนาที่ง์หลาย ส่วนจิฅฅ์นอกนน หมายเอาจิกก์ที่รู้ไปในอารมณ์ค่าง ๆ คือรู้สกลกายมีผม ขน เล็บ พ่น หน"ง เบนกน หรือรู้ กา หู จมูก ลน กายใจ หรือรู้ท’วไป ณ ภายนอก กีอ รูป เสียง กลน รส เกรื่องส"มผ"สธรรมารมณ์เบนกน หรือรู้เวทนาที่งปวงเหล้านเบ็นก'น ชื่อว่าจิกก์นอกกวาม รู้สึกที่งป'วงเหล้านนย่อมเข่าไปกงอยู่ที่ : จิทก์ คือกวามกิกกวามนก เมื่อเพ่งอย่ที่จิกฅ์อย่างเคียว ก็จ"กเห็นจิกก์ที่งปวงมารวมที่จิฅก คือที่รู้กีคร้นึกนนเอง อย่างนชื่อว่าจิกค่ใน ไค้ในบทว่า จิตเต จิตุฅานุม่สฺส ผู้มกกามเห็นซึ่งจิกก์ในจิกค่ ( 2.0) ส่วนธรรมนอกน่นไค้แก่อ , ,เบสสนาทง ๓ กอ รูปธรรมไคแกกายาหุบลลน 1 นา'มธราเม ไค้แก่ เวทนาหุบสสนา จึฅคาหุบสสนานนเอง ชอว่าธรรมนอกเพราะกายและเวทนาแ ล ะจึคค เหด่านยงเบนรปนามส่วนหยาบอยู่จึงชอว่า ธ รรมนอก ธรรมนอกทงปวงยอมรวมเขาปขุม ท โ จุ ส่วนหยาบคบหมคไปคงเหลืออย่แค่ส่วนละเอียค คือกวธรรมคาเท่าหนอยางนขอว าธ รรม ในไคใน บทที่ว่า ธมพ สุ ธมมา นุปสส ผู้'มักคามเห็หซี่งธรรมใาเธรรมท้' 3 หลาย การแสคงสคินฎฐาน ๔ ให้เบน ๔ ส่วนอย่างน ย่ง์เบนทางออมห่างเหินคอความเบน , ' 1 รง เพราะสคีมือย่างเคียว มธรรมเบนประธาห ส่วนจึคค์เบนจึคค์ ส่วนเวทนาเบนเซคสิก ส่วนทาย เบนรูปจิคค์ เจฅสิกรูปฉายมาแค่ธรรมซึ่งเบนประธาน เพราะเหคุนนเมื่อสคิคงอยู่ที่กาย เวท น า และจคคีก็ฅ้งอยู่ที่กายควย เมื่อกายนอกซึ่งเบนส่วนหยาบคบไป คงเหลืออยู่แค่กายในชี่งเบน ส่วนละเอียค คือแสคงอาการเย็นรอนอ่อนแข็งไค้จึงนบเบนเวทนา เมือสคิคงอยูที่เวทนา , ' 1 คคแก ะ เวทนาและกายส่วนละเอียคก็คํงํ๋อยู่ที่เวทนาควย เพราะเหคุหห เวทนาหุบตสนาซะหบวาอรูป' กรรมฐานที่เคียวยงไม่ไค้ จะว่ารูปกรร 3 ]ฐาหที่เคียวกีไม่ควร ควยอชฌคคีกสุขุครูบ่ ปราก ป็ อ ยู่ แค่ละเอียคเหลือเกน ควรจะเรียกว่าโคครภูจึคที่ของอรูบ่กรรม1า น ไค้®ยู่ เมืออชฌัคคิกลุขุมรู 11 คบ กงเหลออยู่แค่จคค์ คือกวามรู้คืค รู้นก เมื่อสคิคงอยู่ที่จิคค์ส่วหรูปคบหมคไม่ ปราก ป้ ควรน อรูปกรรมฐานแท้ แค่ลืงอย่างน้ห ส่วนรูปที่ละเคียค เห่องมาแค่กายและเวทบากคงอังมี®ยู่ แ ค่ไม่ ปรากฎท่านจึงไม่นบว่าเบนรูปกรร 3 'ฐาบ เมื่อจึคค์หอกที่เห่อง 3 'าแค่เวทบาอั บห ม ดไป กงเ ™ อ อยู่แค่ธรรม เมื่อสคีคงอยู่ทธรรมคือค้งอยู่ที่มัวประธาบเคิ 3 'ชี่®'ง่าอั ม}1า ที่ สสนา ก็ 1 ที่นบว่าเทบ อรูปกรรมฐานอยู่ เพราะนา 3 ]ธรรมส่วนละเคืยคอังบ่รากฏ®ยู่ แค่ลืงอย่างหนชม 31 าบุห่ สลน า®อั' 3 ม่ แงมาน จะนบว่าเบนอุฎฐานะคามืห่ว่ห่ลลนาทชี่®โคคร®ที่®® วร เพราะเห่น®งที่นับบ าส คื แลว ส่วนที่ควรนบน่าสคิบฎฐาน แท้ ไค้ในอหุบสสนาทง ๒ เบ® งนั น คือกายานุบ สสน า เวทนาหุบสสนา อาการแห่งสคิขบให้เห็นบนกายนอกกายไน เวทฺนานอกเวทนาใน เทียงเท่าน ควรนบวาสคิบฎฐาน เพราะเห็นสภาพเห็นปกคิควรนับว่าคว®คื ลแ ที่ เมื่อลืงจึคคาหุบสสนา แก ว อารมณ์ 3 กกมารว 3 ] ลง ในที่ แห่ง เคียว จึงควรนบว่าสคินัมโพขน 1 ง® เพราะอารมณ์รวมจึงเบนเทลุ ๕๘ ให้กรสเกว'รน'บไค้-ว่า เบนควฺอ?รึคค์แห้ อร'น็ถึง™)ภนุบีธสนา รึงน''แร่าเบีแองค์ แห่งตัมแาสคิ มฺรรกส.ภ? คัวยอ?ป๋ญญๅค,งท่เคื 0 ร แสกงสศึบี 4 ,ฐานน- 0 บี ผู้บีงงงไห่เร่'ๅใ, การไห่เร่าไ,น'’น ก็เพราะกวามเห็แเคํแร่™?เบี ฏฐ ๅแบี 3 , 0 ร่าง ๔ หแรก ๕ ก- 011 กา, 110 กงแ 1 บีไห่'ไห้,,แ 18 กร ๅม อย่างนน ห.)ายกวา,,ร่า ธร,,ง, รึคศึ, เวทหา, กา 0 , เบีาเอัน 1 ™รกแก-อแเกี 01 วท่น์ 15 ,แห่ห่ เบีนประธานแายออก,ภเป็แรึกห้ เบีแเวทแา เแนกา 0 เบีนตัว 11 "งรา, เพราะเบ็นตัง,เๅ,นนเ 0 ง ?งคับไค้ ไห่ะคับ'ไปบีไหแ กา 0 คับค้เบีนเรทแา ๆ ก-แค้เห้แรึกค้ รึกค้ก-แค้เบีแ 1 ,,แ เห่ 0 เบนอรร.)แส่'วไห่2อาการคับ เพราะเบีแคัววิตังรา, คับไค้แห่ตังรา,อ,,แห่วแเค้ 0 ว ก 1 แบ่’ ควยพุทอภาษิกร่า สพุเห สง'ขารา อาเหฺๅ สพฺเพ สงขารา ทุกฺขา ส พเพ ต งฺแา อ.ณฺตา” คัวตังขารน'VIแองเบีแห่ร่อแกกา 0 แก-แห้แาร่า '' 0 ท,ๅขฺร่ ท” ทุ ฤข ” ” ทุทุ ' ส์ อนตฺตา” รึตังรา, ไ แท่'ห่แ,ะ,ห่แร่าเห่แ 0 แ- ก 1 ก-รแค้กร, แห่ไนร่แแาแห้ 88 นา บี ไก,บ่กแ 0 ; เกนกึงโกกูรภุรึกค้เท่าแ'ห่ เพราะ 0 -งเห้แ ตังรา, เห่อโกค,ภรึกค้เแ 1 กงตัวเห้แ 0 แ-กกาแตัาค้บีแ 17อง1ฅรลโ)ษญ, ทอนน'! ป ไทII'รุ)สห้จุ)') 7 )) 77 ^ อฅฺตทปา • 5 อฅฺตสรณา บน ธมฺมทปา / เบ๊น ธรรม ธรรมนิยาม เบน อชาต อชรา ธมุมสรถก ) พยาธึ อมต 0 นิพฺภย 0 คตา สมกบกำว่า “เฅส๊ วู 1 ] ส 1 ม สุโ ข ’ แสองประเภทแห่งสกํบฏฐา น พอเบนแผนที่หรื 0 ภูฏกาสฑว่จุ, องสกลกาย11 ล บุ ฅ7 ใกร่ห่อการศึกษาโก 0 ตังเรปเท่ 0 งเท่าบี ห่อบีาะแสกงรึ?เ ,?( 118 ท่ห้ ฏฐ าแเฐแทางบ่-แ•ค้, 0 ’กุก่ทุ ก’ ผุ้หวํ'งห่อกวา.,สนทุก,',?ง เห่อไค้ม่ระสพหน-งค้อบีแตัว,.ไค้ก,กง ม่ ฐห้ค้กาแ เห่ 0 ห่กุป่ห้ 88 - 0 แสกตากระไค้แร, 80 ,,แาค้สแ•(เร่;แเกท.ไค้กาแทุ 115 กา-ก เห่อกุสบุค,กุ้ห่ก,-ท,งา ปรารกนา,ะเ,รึญสแกะก-ว 0 รึ? 8 ท่ห้ 413 าแ ศึ 0 ตักทำสค้ ตักง บ่ารุฑู้รํยะ ทัเติ ส่จ์, อ?ฎฐาน 1 * อย่างบีไห้เ 8 แอก-น คือให้ห่อ? 4 )ฐานคราแก , ’งไ,ร่าเราตักทำ สกํคือฺกวา,,รุ้อยุ่บีกา 0 บีไ, คือให้กรว,กุสกสกา 0 ไค้แห่ 01 กา, ๓๒ ค้ 0 ผ แ ขน 1511 ท่แ"บ่ 1 เนอ เอ็น กระกุก เห่อในกระกุก แ-าแ เบี 0 ตัรไ, ตัแ ตังค้ก ไก 1 ) กก ไ 5 ไท 11 ! 8 า 0 ,-ไ 5 ข ราก นากี นาเสดก นาหนอง นาเลอก นาเหงอ นาหนวิ)น นาก'! นาหนเหลา นาลาย นามูก นาไขขอ นามูกร สมองในคีรืษะ เหล่านึให้เขวิใจที่อยู่และกลีนสึลัณฐาน ลักษณะ อาการ ว่าสงนึกง๎อย่ทํนึ มกลนและสอยางน หสณฐานสนยาวในญเลกอารน หลกบแเะอาการ อ่างกนกับสีงนนอย่างน ๆ เมื่อฅรวจไกักวาหชคใจแลวพงทำกาาหรู้สึก®ยู่ที่ ไจุจะ น ง น 0 น ยืน เกิ 1 น หรือประกอบกจใก ๆ กกาห หรอาฑถุภายนอกจะเหนอะไรกกาม ธยาปลอยใจใหหกาาหาสก อย่ที่ใจเสหอไป อย่ากลบเอากาเข่าไปเพ่งใจ มนจะเกิกพาหิระล)าณไหกอรการ ใ.VIเอาใจรูใจ'รูกาย อย่เสมอ ให้พรอมอ่ายวิริยะ ข่นกิ สจจ อธีฏฐาน จะรูจะเหนอะไรกกาหอยาย'แก ไหทาคาาหรู อยูที่ใจที่กายเท่านน กัาอยากจะบริกรรมก็ให้นึกว่าให้ใาอยู่ที่^ ให้ใจอยู่ที่กาย ทำอย่างนึราไป เมื่อเบนสกบฏฐานขนเมื่อไร จักรู้ควยกนเอง แสก งวิธี ทำสกิไวเพียรเท่านึ อาศัยความเชื่อ ลับ กวามจริงเบนกำลัง กงสาหางอย่าแคลงใจ จบส?งถะวิธ . จกแสดงวิบสสนาภูมิต่อไป ขนธ ๕ รูปกฺขนุ่ โธ ทอง รูป ๒ส 1 มหาภูครูป ๔ อุปาทารูป #๔ เวทนากฺขนฺโธ เวทนา ๕ สฌฺญากฺขนฺโธ ด้ญญา ๖ สงขารกฺขนฺโธ ด้งขาร ๓ วิญญาณกขนโธ วิญญาณ ๖ อายตนะ ๑1?5 จกขวายดนํ อายคนะ คือ จักษุ รูปายตนํ 99 99 รูป โสตายตนํ 99 9 1 โสค สทฺทายตนํ 99 99 เสียง ฆานายตนํ 99 99 จมูก คนฺธายตVI 99 • 9 กสีน '‘ะ 0 X ชวนายตน 99 19 ลน รสายตนํ 99 99 รส กายายตนํ 99 99 กาย โผฎฐVเพายตนํ 99 99 เครื่องด้มผัส มนายตนํ 99 99 ใจ ธมมายตนํ 99 99 ธรรมารมณ์ จกฃุธาตุ รูปธาตุ ธาตุ *๘ ธาฅ คือ จํกษุ รฺป 99 *9 จกฺขุวิญฌาณธาตุ ธาตุ ' คือ จกษุ่วิญญาณ โสตธาตุ ห 99 โสฅ สทฺทธาตุ 91 99 เสียง โสตวิญญาณธาตุ 99 99 โตฅวิญญาณ ฆานธาตุ 99 99 จมูก คนฺธธาตุ
  • 9 99 กลีน ฆานวิณฺญาณธาตุ 99 99 ฆานวิญญาณ เ/ ชิวหาธาตุ 99 99 ลน รสธาตุ 99 99 รส ชิวหาวิญญาณธาตุ 99 99 ชิวหาวิญญาณ กายธาตุ 99 9* กาย โผฏฐพฺพธาตุ 99 99 เครื่องสมผ้สี กายวิฌญาณธาตุ 99 9* กายวิญญาณ มโนธาตุ 99 99 ใจ ธมมธาตุ 99 99 ธรรม มโนวิญญาณธาตุ 99 99 มโนวิญญาณ อินทรย์ ๒๒ จกขุนทฺริย อินทรื่ย์ คือ คา โสตินุทฺรยํ 99 99 หู ฆานนุทฺริยํ 99 99 จมูก ชิวหินุทฺริยํ 99 99 ลน กายินุทฺริยํ 99 99 กาย มนินุทฺริยํ 99 99 ใจ อิตฺถนุทฺรยํ 99 99 หญิง ปุริสินุทรยํ 99 99 ชาย ชวิตินฺทฺริยํ อินทรีย์ ก!! 1 ชีวิฅ สุขินทริยํ 99 99 กวามสุข ทุกขินทุริยํ 99 99 กวามทุกข์ โสมนสฺสินฺทฺริยํ •9 99 กวามยินคึ โทมนสฺสินฺทฺริขํ 91 99 กวามเกรำโกก อุเปกขินฺทริยํ 99 99 กวามเพกเฉย สทฺธินทฺริยํ 99 99 กวามเชึ่อ วิริยินฺทฺริย็ 99 99 กวามเพียร สตินฺทริยํ 99 99 สฅิ สมาธิน.ทฺริยํ 99 99 สมาธิ ปฌญินฺทริยํ 99 99 บญญา อนฌญตณฺญสฺสามีตินทริยํ ,, 99 โสกามรรก อณุญินฺทฺยํ 99 99 โสกาผลอิงอรหกกมร-รก อณุญาตาวินทริยํ 99 99 อรหกกผล อริยสํจจ ๔ ทุกฺขํ อรยสฺจจํ อริยสำข์กอทุกข์ ทุกขสมุทโย อริยสจจํ อริยสำข์กึอทุกข์สมุทย ทุกขนิโรโธ อริยสจจํ อริยสำจ์กือทุกขนิโรธ ทุกขนโรธคาบินปฏิปทา อริยสจฺจํ อริยสำจ์กือทุกขนิโรธกาม่นิปฎิ' ปฎจจสฆุ บาท ๑15) อวิชฺชา กวามไม่รู้ ๘ สํขาร ความปรุงแก่ง ๓ วิณุญาณ กวามรู้วิเกษรู้กามเหทุแห่งสมผส ๖ นามรป นาม ©รป® อายตน อายกนะ ๖ ผสฺส ผลสะ ๖ เวทนา เวทนา ๖ ตณหา กณหา ๖ อุปาทาน อุปาทาน ๔ ภพฺ ภพ ๒ ชาต ชาก ๒ ชรามรณ ชรา ๒ มรณะ ๒ โพธิบ๊กขิยธรรม ๓ต่เ สติบฏฐาน ๔ กายานุบสสนา ® เวทนานุบสสนา ® ะ!!!!, จฅฅานุบสสนา ® ธรรมานุบสสนา ® สใ)นโเปชาน ๔ เพยรละอกุศลที่ยงไม่เอิกไม่ให้เอิกขนไอ้ ® เพึยรละ อกุศลที่เอิกแล่วไม่ให้เอิกไอ้อีก ® เพึยรทำกุศลที่ยงไม่เอิกให้เอิกขน ® เพึยรทำกุศลที่เอิกแลวให้เจริญ ® อิทธิบาท ๔ ฉันท อิทธิบาท ® วิริย อิทธิบาท ® จิฅก อิทธิบาท ® วม่งืสา อิทธิบาท ® ๖๔ อินทรย์ ๔ สัทธินทรีย์ วิรียินทรีย์ สฅนทรีย์ สมาธินทรีย์ บญญินทรีย์ สัทธา พละ วิริย พละ สฅิ พละ สมาธิ พละ บญญา พละ สฅิ ธไเม'วิจ?! วีรีย บคํ บสสทธิ สมาธิ อุเบกขา สมฺมาทิฏฐิ สมุมาสงกป(โป สมฺมาวาจา สมฺมากมุมนฺโฅ สมมาอารึโว ๑ ๑ ๑ ๑ ๑ พละ ๕ ๑ ซิ ซิ ๑ โทชฌงค์ ๗ สมโพชฌงก์ อฏฐ่งอิกมรรค ๘ กวามเห็นชอบ กวามคำริชอบ เจฅนาพนเทคุกล่าวชอบ เจกนาเบนเหคุทำกาวงา'^อา- 1 เจกนาเบนเทคุเลยงชีพชอบ ๖& สมมาวายาโม เจฑนาเบนเหฅุพยายามชอบ สมฺมาสฅิ สติชอบ ' สมมาสมาธิ สมาธิชอบ วิธิเรียนสมถะวิบ่สสนา คามคติโบราณาจารย์สืบ ๆ มามี ๒ อย่างเรียกว่าเรียนสนโคษ อย่าง ® เรียกว่าเรียนอัแคบอย่าง ๑ เรียนสนโดษนั้น คือพระอาจารย์ชำนาญในพระกรรมฐาน อันโคเบนคนว่า กสืณ หรืออนุสสติหรืออสุภหรือบ่ติหรือพรหมวิหารอย่]งหนึ่งอย่างใหฺ ก็คงํ๋ บอกฅงํ้เรียนในพระกรร)]ฐานนั้น ๆ คามความถนคของคน ๆ อย่างนึ่ชื่อว่าเรียนสนโคษ เรียนอันคมนั้น บางท่านก็ถึอว่าเรียนบ่ติ ๕ ยุคละ ๖ ถึงสุขสมาธิเรียกว่าเรียนอนคบ บางท่านก็ถึอว่าเรียนพรหมวิหารครบท , ง ๑0 ทิศ ไค้เรียกว่าเรียนอนคบ แค่)]คิของพระอาจารย์ หนึ่งชวิธีเรียนอันคนไว้อย่างนึ่ เรียกว่าอันคบ ๕ 6) อุบคกรร}] ๒ ปหานกรร)] ๓ ปฎิโ.เฅติกรร}] ๔ ภูมิกรรม ๕ เทศนากรรม อุบคติกรร)]นั้น คือสอนให้ศิษย์ครวจความเถึคแค่ประถ)]ปฏิสนธิวิญญาณ}]าจนถึงรู้ กวา)]จำไค้ ความสุขความทุกข์เกคขนอย่างไรบาง ความดีกวามชวเกิดข้นอย่างไรบาง บุญบาป เกิคขนอย่างไรบาง กวา))รู้ความฉลาดเกิคข้นอย่างไรบาง แค่เกิดมาจนถึงบดนึ่ บุญกุศลเกิดมี ข้นแก่เราคืออะไรบ่าง สอนให้คิกให้ครองอย่างนึ่ ชื่อว่าอุบคติกรรม ปหานะกรรมนนคือสอนให้ฑรวจการละให้ครวจ}ภแก่เบ่นเด็กรู้ศวาบบาจนบ่ดน เรา ไค้ละความช'วออกจากกายวาจาใจไค้แล้วคืออะไรบ่าง ครวจดทุกขยทุกวยจนถึงบ่จจุบ่น ส®}}ไห้ คิดให้กรองอย่างนึ่ชื่อว่าปหานกรรม ปฏิบคติกรร}]นั้น คือสอนให้ครวจขอปฏิบค ให้ ครวจมาแก่เบนเด็กมาจนบคน ว่า เราไค้ศึกษาเล่าเรียน ประกอบอุณกวามคืปฎิบคให้เกิดให้มีขนทิเรามี ศีล ล}]าธิ บญญา เบน คนคืออะไรบ่าง กรงไรอย่างไร ๆ อย่างนึ่เบ่นคน สอนให้คิดให้ครองอย่างนชึอว่าปฏิบคติกรร}] ภูมิกรรนนั้น คือสอนให้ร้อักวิบ่สสนาภูมิ คือสอนให้รู้ชํนธ์ ๕ อายคนะ ®๒ ธาอุ ®๘ อินทรีย์ ๒๒ อรียสจจ์ ๔ ปฏิจจสธุบาท ©๒ ให้รู้อักประเภทลกษณะอาการให้ชักใจ สอนให้คิด ให้กรองอย่างนึ่ชื่อว่าภูมิกรรม 1 ๖๖ เทศนากรรมนน คือสอนให้ศึกษาในโพธิบกขํยธรรม ๓๗ ให้ขนใจ คอสทบฏฐาน ๔ สมม่ปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค ๗ อฎฐงคิกมรรค ๘ ใหเ๚าใจ ประเภทลํกษณะอาการจำไค้ชไคบอกไค้ สอนให้ คิก ให้ครองอยางบ ชอวาเทสนากรม เมื่อลกศิษย์เรียนจบอนคบ ๕ นโกยชคเจนแลว คองยกไครสรณคม'แใบ 11 บบออบ ผู้อื่นค่อไป วิธีโบราณท่านแสคงไว้อย่างน ผู้เล่าเรียบจะชอบสบโคษ หรืออนคบก็สุคแค่คจ' 1 ม พอไจ เทอ ๆ I หนํงสือวิบสสนาภูมิ ของเจาพระคุณพระอุบาลคุณูปบาจารย์ (สิริจบฺโท จนทร) บกนึ่จกแสดงวิบ่สลนาภมี กามนยปาฐท่สวกมนกล่นอยู่กามวก หรอสวกในราชการ ท่านจกไว้เบน ๖ ภาก กีอขนธ์ ๕ หนึ่ง อายกาเะ ©๒ หนึ่ง ธาทุ ©๘ หนง อินทรย ๒๒ หนึ่ง อริยขัจจ์ ๔ หนึ่ง ปฎจจสมุปบาท ๓๗ หนง อนนนบว่าเบนหวใจของวิบสสนา ล่าศกบา เข , าใจกีนั้ง ๖ ภากนึ่ เห็นว่าพอเบนที่พึ่งได้ ๆ ภาค ต ปณจ กขร เธา ขมธ์ & ท 8 ง หลาย รปกขนฺโธ รูปขนธ ® เวทนากฺขนโธ เวทนาขนธ์ © สญฺญากขนโธ สญญV ขันธ์ © สงขารกฺขนโธ ขังชารขันธ์ © วิณญาณกุขนฺโธ วิญญาณขันธ์ © ๆ บกนึ่จกอธิบายกำที่ว่า “ปฌจกฺขนฺธา ขันธ์ ๕ ที่ง๎หลาย แบ่งเบน ๒ ศพที่ดงน ปฌฺจ ศพที่ ๑ แปลว่า ๕ ขนธ ขัพท้ © แปลว่าขัอน, หมวก, กอง, ผสม ๕ กบขนธ เขา อันจึงเบ่นขันธ์ ๕ กำที่ว่าขันธ์นั้นหมายสกลกายอันนึ่ เพราะสกลกายอันนึ่มีกอนเกียวหริอหมวก เกียว หริอกองเกียวเท่านึ่ ไม่:วิ ๕ ที่ขัคขินเบ่น ๕ นั้นเพราะอาการกีอรูป ® เวทนา © ขัญญา ® ขังขาร © วิญญาณ © อาการนั้ง ๕ นึ่มีประจำอยู่ที่ขนธ์นึ่กรบที่ง ๕ เสมอ จึงกองเรียกว่าขนธ์ ๕ อธิบายว่าข'นธ์มีอาการ ๕ กีอขนธ์อํนเกียวนั้นแหละแค่มีอาการ ๕ อย่าง ขอทวารูปนน ทาน หมายดิน นึ่า ไฟ ลม อากาศ ชื่อว่า รูป ในสกลกายนฺมีดรบนั้ง ๕ อย่าง ดินนนหมายลืง ที่ขนแข็งอังผมขนเบ่นกน นั้านนหมายสีงอิเหลวทอ่อนทิซึมซาบกงนาเลือกนาลายเบนกน ลม นนหมายสีงที่พคข็นพกลงอยู่ในกายมีลมหายใจเบ่นกน ไฟนนหมายสงทอบอุนในกายอยูเสมอ ล่ากำเริบท่าให้อัวร่อนจดข็นเบ่นก่น อากาศน , นหมายช่องว่างในสกลกายท่ให้เลอกให้ลมเดินไก ล่าไม่มีอากาศในร่างกายเลือกลมเดินไม่ได้ พงเขาใจอย่างน หาอยาง•นเบนลกษณะอาการของรูป ในขนธ์อ*นนึ่เต็มไปกวยอาการของรูป'ที่ง บริบูรณ์ จึงได้ชือว่ารูปขนธ ฯ ขอท่ว่าเวทนานน ท่านหมายสุขทกข์มธย'สถ์ สขนนหมายความสบายกายสบายใจ ทุกข์นะเหมายกวามเจ็บกายไม่ ๖๘ สบายจึฑก์ มธยสถนนเฉย ๆ ไม่ปรากฏสุขหรือทุกขเอาการของเวทนาที่ง ๓ น มีอยู่ในขนธ์น้ เสมอ ไม่สุขกิทุกข์ไม่ , กุกข์กิมธยสถ์เท่าน , น เพราะเหกุนน ขนธ์อนิน้ จึงไค้ชื่อว่าเวทนาขนธ์ ฯ ขอทีว่าสญญานน ท่านหมายกวามจำ กวามหมาย ไค้แก่ชื่อค่าง ๆ ในสกลกายน กงศีรีษะมือเท่า คน นา ไฟ ลม กา หู วมก ลน กาย ใจ เป็นก่น บรรกาชื่อเกรื่องหมายร้ในสกลกาย น้ท้งสิน' เป็นดกษณะอาการแห่งสญญา เพราะเหกุนน ขนธ์อนน้จุงไค้ชื่อว่าส่ญญาขนธ์ ๆ ขอ ที่ว่า สงขารนน ท่านหมายกวามกิกนึกปรงแก่งบรรดาชื่ยิที่ปรากฏแก่สญญาเทีมไปในสกลกายน้ นบในพวกส่งขารทงสน' สญญาเป็นแค่จำหมายเท่าน , น แค่ส่งขารท่านจุกไว้ทลายประเภท จุก เป็นกายสงขารบาง วจีสงขารบ้าง มโนสงชารบ้ไง กงลมหายใจุเขำออก ท่านจกเป็นกายส่งขาร วิกกวิจารณ์ท่านจุกเป็นวจีสงขาร สญญาเวทนาท่านจุกเป็นมโนส่งขาร ส่วนเจุฅสิกธรรมท่านจุก อีกแผนกหนึง ให้ชือว่า ปุญญาภิสงขาร อปุญญาภิส'งืขาร อเนญชาภิสงืขาร ส่วนโสภณเจุฅดิก ๒๕ กวง ท่านให้ชื่อว่า ปุญญาภิสงขาร ส่วนอกุศลเจุฅดิก ®๔ กวง ท่านให้ชื่อว่าอปุญญาภิ- สงขาร ส่วนอญญสมานาเจุกดิก ®๓ กวง ท่านให้ชื่อว่าอเนญชาภิส่งขาร ย่นเน้อกวามลงให้สน บรรกาสงขารเหล่านนทงสน ม่อยู่ทีสกลกายอนน้ เพราะเหกนน ขํนธ์อ'นน้จึงไค้ชื่อว่าส่งขาร ขนธ์ ๆ ขอที่ว่าวิญญาณนน ท่านหมายกวามรู้กามเวทนาสญญาส่งขารชื่อว่า วิญญาณ ก'งกวอย่าง จกขุวิญญาณ โสกวิญญาณเป็นกน กอกวามรู้ยอมมีประจำเกมไปทวสกลกายฺอยู่เสมอ เพราะ เหกุนน ขนธ์อนน้จึงไค้ชื่อว่าวิญญาณขนธ์ ๆ ค่อน้จุกอธิบายเบ็ญจขนธ์พอเป็นทางวิบสสนา เมี่อเรียนเบ็ญจุข'นิธ์รู้กีแล่วชื่อ'ว่าเรียน ผูก ส่วนวิบสสนานเรียนแก้ กือเราเรียนเป็ญจุขนธ์เขำไว้เก็มฅวแลว กลายเป็นอุปธิกิเลสเสีย แลว ท่านจึงเรียกว่าอุปาทานขนธ์ ให้พิจุารณาพรากส'งขกธรรมออกเสียให้เหลอแค่อส่งขอ- ธรรม .ส่วนใดเป็นสมมฅิส่วนนนเป็นสงขกธรรมส่วนใกที่เป็นเองพนสมมกิ ส่วนนนเป็นยิส่ง- ขกธรรมฺ เบ็ญจุขนธ์กือ รป เวทนา สญญา ส่งขาร วิญญาณ ที่กวสมมกเป็นสญญานาม ธรรม ; เป็น อน้จฺจํ ทุกฺขํ อนตตา เป็นสภาว เป็นธรรมฐีกิธรรมนึยามชนส่งขารธรรม ให้ เพิกออกเสีย 'ส่วนร'มสมมก ว่ารป ว่าเวทนา ว่าส่ญญา ว่าส่งขาร ว่าวิญญาณ นนเบนวิส่ง- ขาร เป็นของจุริง ยืนค่วอยู่ อย่าเขำใจุว่าวิส่งขารเบนนิพพานแค่อย่างเทียว เป็นสภาว เป็น ธรรมฐีกิ. ธรรมนิยามชนวิส่งขารธรรมเท่านน ส่วนวิส่งขารที่เป็นพระนิพพานนน กงพระบาลี ว่)'วิสํขารคตํ จิตฺตํ ; กณฺห'านํ ขยมชฺฌกา จิฅกอีงวิส่งขาร เพราะอีงกวามสีนไปแห่งกณทา I ๖ ที่งหลาย เมื่อแยกสงขารและวิสังขารไค้แล้ว จะมีประโยชน์คุณอย่างไร ? ขอนพืงเขาใจว่า ม คุณหาที่:เคมีไค้ คือพ่นทิฏฐิวิปลาส ๒0 ประการ ทิจคว่าเบนอออานุทิฏฐิ จะยกเรองจุ'ศเวทลล สูฅร์มาแสคงแค่'โคยย่อ ให้เห็นประโยชน์คุณในการรเท่าเบญจขันธ์ พระใเางธรรมทินนาเถรีไค้ แสคงแก่วิสาขอบาสก ท่านชื่เบญจข'นธ์ว่าเบนส่ก่กายสมุทย คือเห็นว่าเบ็ญจชนธเบนอร หรอ เห็นว่าอัวเบนเบ็ญจขันธ์ หรือเหนว่าเบญจข้นธ์อยูในอัว หรืณหนวาดวอยูในเบญจขน® เบน ทิฎฐิวิปลาส ๒0 ประการ เบนอ'วิอออานุทิฎฐิ เบนสกกายสมุบ'ย สวนส'ก่กายนโรธนน บาน หมายเบ็ญจขนธ์ทิบ เพราะเบญจขันธ์เบนแท่เพียงสงขอธรรมเบ่านน เมีอเห็นอสงขอธรรมชอ ขนแล้วิสังขอธรรมก็ทิบไปเอง คือทิฏฐิ ๒0 น1นแลทิบไป ข้อว่าเบนผละสกกายบฏฐไอ ลาน วิจิกจฉานน หมายกวามสนสงสัยในอคือ อนาออ บจจุบน คือรู้เท่าเบญจขันธ์ เห่นข้อว I เบญจข้นธ์ เบนสญญาอคือไม่มีจริง ส่วนอนากอกเบนของยงไมมาถ’ 3 กเบนอนไมมจรง บมบ เบนปรากฎในบจจบนนน กีคือสญญาอคือนนเอง เมอถอนไคอวยกวามรูเบา ชอวาเบนผุสน สงสัยทงใน ๓ กาล ชื่อว่าเบนผู้ละวิจิกิจฉาไค้ ส่วนศีลพ่ออปรามาสนน เกิอ เวบนา อ ณห า อปาทาน สงสัยในศีลและวัอร ไบ่อองลูบกดำว่าอะไรหนอ ๆ คือเชื่อทิอไอรสิกขาทิอนไค้ 11 ร ะ ' พฤติมาแล้ว ให้สำเร็จเบนผลขนอย่างน์ กาทว่าวอร นั้น ก็คือความประพฤอิ กวามทำของอน ให้เบนศีล เบนสมาธิ ณนบญญา ชื่นนั้นเองเชื่อศีลและวอรในอนขอวกนเ®ง ไม่อองเชื่ออ่อ ศีลและว*อรภายนอกอนออกไป ก็เบนอันสนสงสัยในพระพุบ® พระธรรม พระสงข้เข้อว่าเบน ผ้ละศีลพ่ออปรามาส’ไค้ ผัขักลูกสรคือกวามอังวลทง ๓ ประการนออกจากใจเสียไค้แสว ช่อ ว่' 1 เบนผู้กกกระแสร็โลคุออร®รรม เบนสุปฏิบน'โนบุบกล การแสดงมานํเบนบางวิบสสนาสก ษณะ พอเบนทางอำเนินของผู้ม่งหวั 5 ท่อสัจจ®รรม 1 'อ่' 1 นั้ น ผู้มุ่งหวังทิอสจจธรรมอย่ามีกวามประมาบ จะเห็นอามไค้เพียงที่แสองมาน ก็ไม่ใช่เบนของง่าย ถากส สมา® บเษเ!)า ไมบรบูรณ จก เห็นไม่ไค้เลย ฯ 4
  • ภาค ๒ ทวาทสายตนใน อายตนะ ๑๒ ทงทสาย จกขวายตนํ อายฅนะคือ จกษุ ๑ รูปายตนํ อายฅนะคือ รูป 6 โสตายตนํ อายกนะคือ โสด ชิ สททายตน์ อายฅนะคือ เสียง ชิ ฆานายตนํ อายดนะคือ จมูก ชิ คนฺธายตน์ อายดนะคือ กลีน ชิ ชิวหายตนํ อายฅนะคือ ลั้น ชิ รสายตนํ อายฅนะคือ รส ชิ กายายตนํ อายดนะคือ กาย ชิ โผฏ!พพายตนํ อายดนะคือ วํฅกุ'ที่ถูกดองกาย ชิ มนายตนํ อายกนะคือ ใจ ชิ ธมมายตนํ อายดนะคือ ธรรมารมณ์ ชิ ฯ อายดนะท่านแปลว่าที่ก่อบ่าง แปลว่าบ่อเกิดบ่าง แบ่งเบนภายใน ๖ คือ จํกษุ โสด ฆาน ชิวหา กาย มนะ ภายนอก ๖ กอ รูป เสียง กลีน รส เครื่องฒัผสกาย ธรรมารมณ์ ถ้าวกถภายในคือดากบวกถภายนอกคือรูปก่อกนเข้าเมื่อใด ก็เรียกว่าอายฅนะเมื่อนน เพราะเบน บ่อเกิดแห่งผ , สสวิญญาณ เกิดเวทนา ฅณหา •อุปาทาน เกิดรก เกิดชิง เกิดด เกิดชิว้ ลาม ปามไปเต็มโลก ท่านจึงให้ชื่อว่าอายดนะ โสดกบเสียง] ฆานะกบกลีน ชิวหากบรส กายกบวฅกุ สมผํส มนะกบธรรมารมณ์ ก่อกนเข้าก็เบ่นอายฅนะแด่ละอย่าง ๆ ให้เกิดอารมณ์ขนได้ดามหนำ ที่ของฅน ๆ ถ้าไม่ก่อกนเข้า ก็เรียกว่า ดา หู จมูก ลีน กาย ใจ ฯ รูป เสียง กลีน รส โผฏฐพพะ ธรรมารมณ์เฉยๆไม่เรียกว่าอาย/านะ อายฅนะท่ง ๖ ที่มีอยู่ในดนของเรานํ้ ในกมภีร์ อภิธรรม ท่านให้ชื่อว่าวดกุ ๖ ก็ใด้กวามด กำที่ว่าวดกุก็คือเบ่นของสำหรํบ่ใช้นนเอง คือดา สำหรบใช้ให้ดูรป หูสำหรบใช้ให้พงเสียง จมูกสำหรบใช้ให้รู้กลีน เลีนสำหรบใช้ให้รู้รส กาย ๗๑ สำหรบใช้ให้ร้โผฎฐ'พพะ คือว'กิถทีมาถกกองกบกาย ใจสำหรบใชให้รูธรรมารมณ คออารมณท เบนอคีฅอนากกและบจจุบน อายฅนะภายในเบนวกถสำหร'บบริหารสกลกาย กำวิการแก่อย่างเคียวก็หากวามสุข'โม่ ไค้ คือกำกามืคมว หคีงหนวก จมกไม่รู้กลีน ลีนไม่รู้รส กายไม่รู้สมผส ใจกลุ้มกลง เสยนก อย่างเคียวก็ขากกวามสขในโลก ส่วนอายกนะภายนอกนนไม่ลุ้เบนบญหา เขามอยูอยางนนเกม โลก ไม่มีที่สนสุก ทางวิบสนาท่านให้รกบาแก่ภายใน เรียกว่าอินทรียสงขร คือให้คูให้รู้ให้ เห็นปกกิของใจ กำใจอย่างเคียว ไม่มีเกรื่องคู่ จะเบนอย่างไรก็เฉย ๆ อยู่เท่านน ส่วนคาถาไม มีรปมากระทบก็เฉย ส่วนหูกำไม่มีเลียงมากระทบก็เฉย ส่วนจมูกกำไม่มีกลีนมากระทบก็เฉย ส่วนลีนกำไม่มีรสมากระทบก็เฉย ส่วนกายกำไม่มี'ว่ฅสุมาคูกฅองก็เฉย อาการทีเฉยอยูกามธรรมกา ของเขาน 1 นแล ชื่อว่าปกกิ ถึงอายกนะภายนอก ธรรมกาของเขาก็เบนปกกิอยู่อย่างนนเอง ทีจ ะ เลียปกกิก็เพราะการผสม คือใจละปกกิของกนเลีย ส่ายออกไปทางฅาคูรูป ส่ายออกไปทางหูพง เลียง ส่ายออกไปทางจมกกมกลีน ส่ายออกไปทางลีนลีมรส ส่ายออกไปทางกายเพ่งส'"มผส ทน ก่างสิงก่างก็เลียปกกิไปหมก ใจเสียปกกิอนเคียว ก็พากนเลียไปกามกนหมก ชนแฅอายกนะ ภายในภายนอกก็พลอยเลียไปกามกนกวย ทางวิบสสนาให้คูปกกิของใจและปกกของวกสุภา ย ใ น ภายนอกเท่านน ให้มีทีงร้ให้มีท่งเห็น รวมเบนเอกธรรม จึงเบนก'วญาณท'สสนะ เมอรูเมอเหน แลว ให้ร้ทุกข์ที่ว่กถเบนปกกินนให้รู้สมุท่เย ทีไม่รู้วกสุทงหลายเบนปกกินน ให้รูนโรธ ท ความไม่ร้ปกกิของวกถนน ๆ ก'บไป ให้รู้มรรกทีรู้สมูท่ยรู้นิโรจนน ไห้กรงก'บนเทอแหงสมมา' ที่ฎฐิที่ว่า “ทุกเข ฌาณฺ ทุกขสมุทเย ฌาณํ ทุกขนิโรเธ ฌาณํ ทุกขนโรธคามน- ปฏิปทาย ญาณํ อยํ วุจฺจติ สมมาทีฎ?’ กังน ๆ เาใค ๓ แสดง ธาตุ ๑๘ อฎฺชิารสธาตุโย ธาตุทงVIถาย ๑๘ จกฺขุธาตุ จกษุธาตุ 4 รูปธาตุ รูปธาตุ ๑ จกขุวิญุญาณธาตุ จักษุ 1 วิญญาณ ธาตุ ๑ โสตธาตุ โสกธาตุ ๑ สทฺทธาตุ สท่ทธาตุ ๑ โสตวิญญาณธาตุ โสฅวิญญาณธาตุ 4 ฆานธาตุ ขานธ ,ตุ 4 คนฺธธาตุ กนธธาตุ ๑ ฆานวิณฺญานธาตุ ขานวิญญาณธาตุ ๑ ชวฺหาธาตุ ชิวหาธาตุ ® รสธาตุ รสธาตุ ๑ ชิวหาวิณฺณาณธาตุ ชิวหาวิญญาณธาตุ 4 กายธาตุ กายธาตุ® โผฎฐพฺพธาตุ โผฏิฐพพธาตุ® กายวิญณานธาตุ กายวิญญาณธาตุ® มโนธาตุ มโนธาตุ 0 ธมมธาตุ ธรรมธาตุ ® มโนวญญาณธาตุ มโนวิญญาณธาตุ 4 ๆ การททานแสคงธาตุทง ๑๘ โนทีน เข'ใใจ'ว่าท่านจะขยายอายกนะ ©&, ให้ก '7 างยิยิก'โป สำหรบ จะใหเขาใจงาย เพราะอายกนะ ๑๒ ประการนเองเบนของสำกํญในทางวิบสสนๅ กิอเบนกิลควยเบน สมาธควย เบนบญญาควย กำทึว่าธาตุนนเบนแท่สญญานามธรรบเ 1 ทีๅนน จะไก้มีเนอมีหนํงหามิไก้ เบนแกชอเปลา ๆ วาธาตุ เอาจกขุมาใส่เข่าก็เรียกกามจ, 0 งใส่ เข าว่ๅ ธ าตุ ท า ธาตุรป ธาตุวิญญาณ ฅา ธา ธาตุเสยง ธาตุวิญญาณห ธาตุจมูก ธาตุกล็น ธาตุวิญญาณจมก ธาตุลน ธาตุรส ธาตุวญญาณลน ธาตุกาย ธาตุเกรีองสมผลกาย ธาตุวิญญาณกาย ธาตุใจ ธาตุธรรมารมณ์ ธ บฑญญาณใจ เรยกไปกามของใส่ของปรากฏ เพราะเหตุนนกำว่าธๅกจงไม่มีทื่สนสุก กํงที่เรา เขาใจ เขาใจกนวาธาตุนา ธาตุกิน ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาก ธาฅวิญญาณ ธาคเงิน ธาตุทอง ธาตุเปรยว ธาตุหวานเบนกน กง ๘๔ 0 00 ธาตุ เพราะเหตุนน จึงสมกบพระพุทธภาษิห ขอหนง ซงมกวามวา ธาตุโย สุณฺญโต ปสฺส ท่านจงเห็นธาตุทงหลาย โคยกวามเบนของ สญเถค คงน ถาหมายกวามกามพุทธภาบิกนกฏงว่ากรธๅสุไม่มิ มีคูย่แท่ชื่อเท่านน ๆ การแสกง อายกนะ กลาวแกกากบรูป หูกบเสียง จมูกกบกลีน ลนกบรส การกบเครื่องสมผํส ใจกบ ธรรมารมณ กรนนาถงวารแห่งธาตุ จึง เพีมวิญญาณชื่นกิๆให้ 1 บน ๓ พึงเห็นกวามในกํๅที่ว่าท่อเอิก คอวญญาณขน อากรยวญญาณกบสมผสผสมกนเขาก็เกิก!,รทนๅ กํณหๅ อปาทาน ท่อ ไป การทใหพจารณาโกยฐานะเบนธาตุนน ถมกวามประสงกจะให้กํนหาเหกหาผลกามหลฦที่ว่า โย ธมฺ มา เหตุปปภวา” ธรรมที่งหลายมีเหตุเบนแกนเอิก กํอเกิกแท่เหตุ ถวิจะให้ผลกบ กองใหรูเหตุใหคบทเหตุ อายกนะ ®๒ ก็เบนกวเหตุ ธาตุ 8 ๘ ก็เบนก , วเหก ส่วนเวทนๅ กณหา อุปาทาน กวผล ถาจะใหคบกองไปคบทเหตุ แสคงธาตุ 8 ๘ พอไกใจกวามไว้เพึยงเท่าน ๆ] ตอน็น็ทานมาจากมโนสารนิเทศ พคแก่เรื่องธาฅุๆข'นธๆเบื่อหเนื่อฅาเค็มทนแลว ถาอย่างนน 1 จะเล่านิทานสูพงสกเรือง หนึ่งเพื่อแกวรำกาญ อึร กังไก้สคบมา อึมสมี ปจุจุปนฺนสมเย ในสมยอนเนนบจจุบนกาล01นิน เอโก จกกวฅฅิราชา ยงมีพระเจ้าจ้กรพ'คราธราชพระองค์หนึ่ง มโนจิฅฺฅราชา นาม ทรง พระนามว่าพระเจ้ามโนเจกกราช พระองค์เบนพระราชาที่น่าอกจรรย์ เบนบุรุษก็ไค้เมนสกรืก็ไค้ อมสุม กายนกเร รชชํ กาเรนเก เสวยราชสมปกอยู่ในกายนกรอนน ซงเบ่นพระนกรอน สมบูรณ์ไปควยมนุษย์สมบกและเทวสมบก สารพุกแล่วิแก่จะเลือกสรร ส่วนพระเจ้ามโนเจกกราช นน มีจกรร'ตนะสำหรบพระองค์ ๗ ประการ คือจกรแกวสำหรบนำเสด็จไปสู่ทิศานุทิศไค้กาม พระราชประสงค์ กล่าวคืออึ?ยาบถที่งํ๋สี่หนึ่ง มีช่างแกวม่าแก่วิกู่หนึ่ง สำหรบเบ็นราชพาหนะ นำเสด็จไปไค้กามพระราชประสงค์ กล่าวคือเทาที่ง๎สองหนึ่ง มีขุนกลงแกวกู่หนงสำหรบประมูล พระราชทรพย์ทางน่าและทางบกมาบรรจุลงท , องพระคด'งหลวงไห้เขินชาค กล่าวคือมีอทงสอง หนึ่ง และมีขุนพลแกวค่หนึ่ง สํ าหร'บร้ข่าวกราวช่าคืกทางใกล้และทางไกลมีกำลงนอย หรือมีกำสง มาก กล่าวคือหที่งสองหนึ่ง และมีรกนะมณีกู่หนึ่ง สำหรบล่องทิมืคให้สว่าซี กล่าวคอจก ษ ท ะ งสองหนึ่ง และมีปรินายกแกวกนหนึ่งสำหรบว่าราชการแผ่นดินแทนพระองก กล่าวคอมูช ทวารหนึ่ง และมีนางแกวอไเอคมควยรุปสมบกมาแก่อุครกุรูทวีป ทรงพระนามว่านางสกลกายา ราชเทวี บำรุงพระราชสามีให้เบื่นที่พอพระราชหฤท'ยทุกประการหนึ่ง ส่วนพระเจ้ามโนเจกกราช นน ทรงสถกย์สำราญอยู่ในมโนวิมานกลอคกาลเบื่นนิกย์ ส่วนนเบนมนุษย์สมบก ยงไค้เสวย เทวสมบกอึก คือมีนางอบ่ษรเทพกัลยามาจากฉกามาพจรสวรรกชนละนา' 3 นางทิเบนประลมเบน พระมเหษเอก มาจากช , นปรนิมมีฅว่สสวค ทรงพระนาม ว่า นางมโนธรรมมาร มล เรา ช เทว สลกย อย่ในมโนวิมานร่วมกบ่พระเจ้ามโนเรกกราช กอยบำเรอพระราชสามีควยเบญจกามารมถเกลอค ที่งกลางวนและกลางคืนมีไค้ขาก อึก ๕ นางให้อยู่ภายนอก คือให้อยู่ปราสาทองค์ละหลง นางทิสอง มา จากชนนิมานรดิทรงพระนามว่า นางกายส'มผํสสาราชเทวี ให้สถ๊ฅย์อยู่ในกายปราสาท นาง ที่สามมาจากช่นคสิกเทวสถาน ทรงพระนามว่า นางชิวหารสาราชเทว ใหสถกยอยูในชวหา ปราสาท นางที่สี่มาจากชนยามา ทรงพระนามว่า นางฆานกันธาราชเทวี ให้สถกย์อยู่'ในฆาน ปราสาท นางที่หามาจากชนคาวดิงส์เทวโลก ทรงพระนามว่า นางโสกสททาราชเทวี ให้สถิกย์ ๗๔ อยู่ในโสคปราสาท นางทีหกมาจากชนจากุมมหาราชิกา ทรงพระนามว่า นางจกขรปาราชเทวี ให้สถิฅยอยู่ในจกขุปราสาท ส่วนพระบาทสมเก็จพระเจ่ามโนเจคคราชบรมจโๅรพคราธิราชผ้กรอง พระนกร ทรงเสวยมนุษย์สมบฅและเทวกามารมณ์ที่ง ๖ ชน ทรงล่มหลงอยู่กบควยนางมโน- ธรรมารมณ์ราชเทวีเบนอย่างมาก ส่าอยากจะชมเชยโผฏฐ'พพารมณ์ ก็เสก็จออกไปสู่ปราสาทนาง กายสไ)ผ"สสาราชเทวีชมเชยคามพระราชประสงก็ อยากจะเสวยรสารมณ์ ก็เสก็จออกไปปราสาท ทางชิวหารสาราชเทวี ทรงเสวยคามพระราชถ้ธยากโ) อยากจะทรงกนธารมณ์ ก็เสก็จออกไป ปราสาทนางฆานกนธาราชเทวี ทรงชมเชยกลีนค่าง ๆ คามพระราชประสงก็ อยากจะทรงสคบ สททารมณ์ ก็เสก็จออกไปปราสาทนางโสคส"ททาราชเทวี ทรงสคไ)ศพท้สำเนียงเลียงค่าง ๆ คาม พระราชประสงก็ อยากจะเชยชมรปารมณ์ ก็เสก็จออกไปปราสาทนางจกขุรปาราชเทวี ทรง ชมเชยสรรพรูปค่างๆ คามพระราชย์ธยากโ) คือ นางเทพถ้ลยาที่ง ๕ องก็นีน กรนสมเก็จพระ- ราชสามีเสก็จมายงปราสาทของคน ก็ถ้งพระท์ยบำเรอบำรุงให้เก็!!ทามพระราชประสงก็คามหนำที ของคน สมเก็จพระเจ่ามโนเจฅคราชทรงเพลิค'.พลินล่มหลงอยู่ส่วยมนุษย์สมบ'คสวรรก็สมน่ฅเห็น ปานนํน ก็สมควรอยู่แส่วที่จ่กประมาทเบนธรร?]คา เพราะเหกุนนพระเจ่ามโนเจคคราชมิไค้ เหลียวแลราชกรณียกิจนอยใหญ่ คลอคถึงการปกกรองพระนกร จงเบนโอกาสแก่ราชสครู คือ เจ่าพระยามฤคยุราช ในที่สุคก็เลียพระนครและทรพย์สมบฅที่งสั้นแก่เจ่าพระยามฤคยุราช ถ้า พระเจามโนเจคทราชมิไค้[พลิคเพลินเหลีอเกิน มิไค้เมาเหลีอเกิน มิไค้ประมาทเหลือเกิน เมื่อ ทรงเห็นกำส่งของคนว่ากงจะสู้พระยามฤคยุราชไม่ไหว ก็กงจะรวบรวมทรพย์สมบํฅสรรพวคถุ ทงปวงผงเลียในที่อนใกร ๆ ไม่สามารถจะนำไปไค้ ทีงแค่เปลือกเมีองไว้แก่เจ่าพระยามฤคยุราช จะเบนการอนสมกวรยีงนก เอวํก็มีควยประการฉะนี ฯ อนุฏืกา นาง?)โนธรรมารมณ์ราชเทวีซึ่งมาจากชนปรนิมมิคว'สสวก็ เบนนางสำกญนก พระ- โบราณาจารยผู้รจนาก?)ภีร์พุทธประวคอย่างเก่าในกถเณ์มารวิชโเไค้แสคงไว้ว่า โนวนที่พระผ้มี พระภากเจ่าของเราจะไค้ครสรู้พระอนุกกรสไ)มาสโ)โพธิญ .•ณในคอนบ่ายวนนน พระยามาราธิราช ทรงเห็นว่า พระมหาบุรุษราชเจ่าจกพนจากกำแาจของกนเสียแลว จงใช้ให้พระราชธิคาที่ง ๓ กืธนางรากานางกณหานางอรก็ มาจากซนปรนํมม่กวสวกี ให้มา!กมเส่าพระมหาบุรุษราช,จ่า '9 ควยทิพยกามารณ์ แค่หาสมประสงค์ไม่ พระเจ่ามาราธิราชทรงพระพิโรธนก จึงไค้ยกพลนิกาย ลงมาจากชนพิา อนมีนามว่าปรนิมมีดว่สสวค็ มากระทำยุทธสงกวามกบควยพระมหาบุรุษราชเจ่า แค่ก็ถึงปราชยืไปเอง ๆ ผู้พิงควรจะเฉสียวใจว่า เอ๊ะ I ชนปรนิมมีฅว่สสวคีนนชรอยจะเบนชน ใจนิคอกกระมํง ? ความจริงพระก็อยู่ชน?มารก็อยู่ชนนิ จึงเห็นความว่า ชนปรนิมมิค'วสวคีนิ เบนเทวโลกชนสูง สำคํญกว่าชนอื่น ๆ เพราะในชนนิสมบฅทงปวงผู้อื่นนฤมีฅรให้ทงํ๋สีน ใคร เบนผู้นฤมกร 1 ให้ พิงเข่าใจว่า ธรรมคาของใจรู้เห็นอะไรไม่ไค้ ทองอาศ , ยทา, หู, จมูก, ลน, กาย เบนผู้นฤมีฅรให้ ใจเบนผู้เสวย สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ถ , าผู้พิงเข่าใจไค้ว่า ทวของเราเค็มไปควย มนุษย์สมบทสวรรค์สมบท ทำให้เราฅิคให้เราเพลินอยู่คลอคกาลเบนน้ฅย์ กีคขวางท่อทางสมมา- ปฎิบ่คอย่างสำกญ ล่ารู้แลวบางทีจะมีทางแก้ไค้ ถึงหากว่าแก้ยํงไม'ไค้ ก็กงมีทางหว่ง คงคีกว่า ผู้ไม่รู้แน่น่อน ในที่สุคเมื่อเห็นพระนครของคนจะเสียแก่พระยามจจุราช ก็คงเก็บรวบรวมทรพย์ สมบฅผงเสีย ทั้งเปลือกเมืองไว้แก่พระยามจจุราชเท่านน เอว่ก็มีควยประการฉะนิ ๆ ภาฅ ๔ 0นทรย็๋ ๒๒ พาวี'สตินทริยานิ อนทรย์ทงทลาย ๒๒ จกฺขุนทฺริยํ อินทรีย์จํกบุ 6 โสสินทรยํ อินทรีย์โสฅ ๑ ฆานินทฺริยํ อินทรีย์- ฆานะ ๑ ชิวฺหนทฺาริยํ อินทรีย์ชํวหา ๑ กายินทรยํ อินทรีย์กาย ๑ มนินทริยํ อินทรีย์มนะ ® อิตฺถินุทฺริยํ อินทรีย์หญิง ๑ ปุริสินุทริยํ อินทรีย์บุรุษ 0 ชวิตินทริยํ อินทรีย์ชีวฅ ชิ สุขินุทฺริยํ อินทรีย์สุข ชิ ทกฺขินทริยํ อินทรีย์บุกข ชิ โสมนสสนทรยํ อินทรีย์โสมนส ชิ โทมนสฺสินุทฺริยํ อินทรีย์โทมนส ๑ อุเปกธินหริยํ อินทรีย์มธยสถ์ ๑ สทธินทฺรยํ อินทรีย- ศรทธา ๑ วิ?ยินุทฺริยํ อินทรีย์กวามเพียร ชิ สตินทริยํ อินทรีย์สฅิ ชิ สมาธินทฺริยํ อินทรีย์สมาธิ ชิ ปณฺญินุทฺริยํ อินทรีย์บญญา ชิ อนฌ ณตณ ฌฺสสามสินทริยํ อินทรีย์พระ- โสคามรรค อฌฺฌินุทฺริยํ อินทรีย์พระโสคาผล สกิทากามรรค สกิทากาผล อนาคามรรค อนาคาผล อรหกคมรรก ๑ อฌฌาตาวินทรยํ อินทรีย์พระอรห็ฅกผล ๑ ๆ กำที่ว่าอินทรีย์น อธิบาย'ไห้เขาใจยาก เพราะเบน อพยากตธรรม กํออินทรีย์ ๒๒ นิค่องเขาใจว่าเบนของมีอย่ แถวในสกลทายของเรา เพราะเราไค้สรำสมมาแลวแค่เอนกชาอิ แก่บางอ่อนบาง คามแค่ อุปนิสํยของคน จะเห็นไค้ก่อ!,]1ยไค้อารมณ์เครื่องคู่มาล่อให้กรงกบอินทรีย์นน ๆ อินทรีย์นน ๆ ก็ยึ่นออกมาร๚แสคงกำให้ปรากฏขน กำที่ว่า อินทรีย์ หมายกวามว่า เบนใหญ่ในหนาที่ของ คน ๆ เหมือนจกขุนทรีย์เบนใหญ่ในการคู กองมืรปมาล่อ โสฅินทรีย์เบนใหญ่ในการพีงเสียง กองมีเสียงมาล่อ ฆานินทรีย์เบนใหญ่ในการ?]มกสีน กองมีกสีนมาล่อ ชวหินทรีย์เบนใหญ่ในการ สมรส ฅํอิงมีรสมาล่อ กาอินทรีย์เบนใหญ่ในกายสโ]ผส กองมีเครื่องสโ]ผสมาล่อ มนินทรีย์เบน ใหญ่'ในการร้ธรรมารมณ์ กองมีธรรมารมณ์มาล่อ อิกอินทรีย์ 1 ในกำผู้ , หญิง กองมีทงหญิงทํ้งบุรษ อยู่ควยกน เบนใหญ่ในกิจหญิง กิจบุรุษ ๓กิจการงานของหญิง]]าล่อ อินทรีย์หญิงก็ออกรบ ล่ากิจการงานของบุรุษมาล่อ อินทรีย์บุรุษก็ออกรบ ปุริสนทรีย์ในกำบุรุษ กองมีที่งบุรุษที่งหญิง เหมือนกน เบนใหญ่ที่งในกิจบุรุษกิจหญิง ล่ากิจการงานของบุรุษมาล่อ ปุรีสินทรีย์ก็ออกรบ ถากิจการงานชองหญิงมาล่อ อิฅถินทรีย์ก็ออกรม ชีวิอินทรีย์เบนใหญ่ในกวามสคชื่นเบนอย่ ๗๗ ท่องอาศํยอาหารเบันเครืองล่อ สุขินทรยเบนใหญ่ในความสุขคองมอฎฐารมเาแบนเกร 0 งส 0 อุก' ขินทรีย์เบันใหญ่ในทุกข์ คองมอนิฏฐารมณ์เบนเครื่องล่อ โสมนัสสินทรีย์เป็นใหญ่ในโสมนัส มีอํฏฐารมณ์เบนเครื่องล่อ โทมนัสสินทรีย์เป็นใหญ่ในโทมนัส ทองมีอนิฏฐารมณ์เบนเครื่อง'ล่อ อุฟกขินทรีย์เบันใหญ่ในการอัธอัสถึอัองมืมข ฌ ค่คารมณ์เบนเกร 0 งล่ 0 สทธนทรยเบนใหญใน ความเชื่อ ท่องมีอารมณ์ควรเชีอมาล่อ วิริยินทรียเบนใหญในความเพยร คองอาศยสทธนทรย วิรํยนทรีย์จึงกล่าหาญในกิจการงานน , นๆ ไค้ สคินทรีย์เบันใหญ่ในสคิ ท่องอาคย ครทธา วรยะ ช่วยอุคหนุนควย สมาธินทรีย์เบันใหญ่ในสมาธิ ท่องอาท่ย์ ศรทธา วิรืยะ สคิ ช่วยอุคหนุนควย บัญญินทริย์เบันใหญ่ในบัญญา คองอาศยศรทธา วิริยะ สคิ สมาธิ ชวยอุคหนุนควย อนฌฌตฉุ)ฌสสามติ'แทรีย์ เบันใหญ่ในโสคาบัคคิมรรค คองอาศย ศรทธา วิริยะ สคิ สมาธิ บัญญา เบนเครื่องล่อ อณุณินุทรืย็๋ เบันใหญ่ในโสคาผล ถึงธรหัคคมรรคกิอัองอาศย ครทธา วิริยะ สคิ สมาธิ บัญญา เบันเครื่องชักนำเหมือนกน ถึง อณุณาตาอินทรอ เบันใหญ่ในอรหฅคผลกิท่องอาลัยพละ ๕ อินทรีย์ ๕ เหมือนกนจีงเกิดขนไค้ ๆ กำทีว่าอินทรีย์ นนก็เบันแค่ล่ญญานามธรรมเหมือนกนกบธาคุ ถาจะชหนาคาจรงจง 0 นทรยกสูญไบ่เทาน'แ ถา จะถือเอาอาการทีเป็นใหญในหนาทอํนหนง 1 เรยกวาอนทรย คามนยอนทรย 1*3๒) ใเ อVเทรย ก็ใม่มีทีสนสคเหมอนก่นก่บธาคุ เหมธนอยางความโลก ความโกรธ ความหลง ความรก ความชัง อจฉา พยาบาท เบันคน กิจะท่องเรียกว่าอินทรีย์ไค้แค่ละอย่า ง ๆ เพราะเบนใหญ่ ในหนาที่ของคน คามที่ประสพท่ออารมณ์ซึ่งเบันเครื่องคู่ขอาคน ๆ ท่องถือเอาเนอความว่า อินทรีย์ท่ง๎หลาย เบันสกาวธรรมอันหนึ่ง ๆ เบันชาคิกายสิทธสีงหนึ่ง ๆ ท่องมีเค็มสกลกายอันน หรือจะเห็นว่าเค็มโลกกิไค้ เพราะเบนขาคิกายสิทธ จงโมเบยคกนไมคบกน เบนอพยากคธรรม ควย จะเป็นกุศลอกคลแล่ว์แค่อารมณ์เครืองล่อ สำเร็จเบันอินทรีย์นน ๆ คามอารมณ ทาง วิบสสนาท่องครองครวจเขำไปจนเห็นแจงเห็นจริงทามเบั น ^ รง0ยา ง'โ 5 อนทรยใคทมโทษควรละ เวนกิเกิบเสีย'ไม่ค , อิง'ใช้ อินทรีย์ใคที่มีคุณควรอบรม กิรีบอบรมบ่มให้มีกำลังขน จะไค้เป็นพาหนะ นำคนให้ถึงสุนทรสถานสมอังความมุ่งห 3ภย ข 0 งทน คามสมควรแก่อุบ่นิสสยสามา รถ ๚ แสคงอินทรีย์ไว้พอเบันทางกำริแก่โยคาวจรเจาก้เพ่ง ท่อทางวิบัสสนาเพียงเท่าน ‘า 1 ! ภาค ๕ อริยสจขิ ๔ จตุตาริอรยสจุจา?! อริขส่จจทงทลาข ๔ ใากฺขํ อริยสจฺจํ คือทุกขอริยส่จจ์ ๑ ทุกฺขสบุทโย อริยสจุจํ ทุกขสมุทัยอริยส่จึจุ 9 ทุกขนโรโธ อรยสจฺจํ ทุกขนิโรธอริยสํจจ์ 9 ทกขนิโรธกาบินปฏิปทา อริยสจจิ ทุกขนิโรธคามินิปฏิปทาอริยส่จึจ์ ๑ ๆ อรยสจ'จิ ท่านแปกว่า ชองจริงของพระอริยเจาบ่าง ของ จริงท่าปุถุชนให้!บนพระอริยเจาบาง ของจริงหาขาคึกมิไค้บ่าง ถพะคือเอาเนิอกวามท่องแปลว่า ของจริงทำผ้ร้ผู้เห็นให้หมกขำคึกภายในเบนเหมาะ ๆ คอนจกขยายความในสจจทง ๔ นนให้ชกขน ทกขสํจจ์นน'ท่านหมาย ชากิ ชรา มรณะ ว่าเบนฅวทุกข์ สมุทัยนนท่านหมายทัณหา ๓ คือ กามท่ณหา ภวทัณหา วิภวทัณหา นิโรธนนทานหมายกวามกบโคยไม่เหลือแห่งท่อ.เหา , นน มรรคน , นิท่านหมายอ , ฏิฐํงกิกมรรค แสคง อย่างนิเบ่ใเท่นิสรุปกวามให้ส1นิ เบนธรรมาท่ฏิฐาน ๆ ท่อนิจะแสคงโกยบุกคลาทึฏิฐาน ยกบุทกลขนเบนที่ท่ง์ ทุกขสจจนน ท่านหมายสกล กายของเรานเองว่าเบ่นควทุกข์ เพราะสกลกายนิเกมไปควย ชากิ ชรา มรณะ เค็มท่ ให้กำ- ทนคชากิอย่างนิชากิแปลว่าความเกิค ความเคืคน่หมายกง?นิเแท่ประถมปฏิสนธิวิญญาณมา กราม เท่ๆคืงกายสนลมทายใจชอว่า ชากิ เพราะธรรมคาของสฟ้ผู้มีภพกอกวามเบนกวามมีแลว ก , องมี ชากิคือความสืบก่อไปให้ภพสเทย ถาขากชากิ ภพก๊กงอยู่ไม่ไค้ ท่องสลายไป ให้กำหนกชากิ ควยกวะพิงทาราหาร ผสลาหาร มโนสญเจกนาหาร วิญญาณาหาร ส่วนกวะพิงการาหาร มี ขำฟ้าเบนฅนท่เราบริโภคอยู่ทุกวนนิ ให้เกครูปธรรม ส่วนอาหาร ๓ พองปลายนนใท้เกิกนาม ธรรมพึงเขาใจว่าถาอาหารท 1 ง ๔ นิองมีเบนบ่จฬัอยู่กราบโก สกลกายนิก๊ชื่อว่าเคืคอยู่เสมอกราบ นน ให้กำทนคชากิความเคืค ท่งท่นิแก่แรก!.กิ?เมา จนคืงวนิกายเบนท่สคว่า ชากิ ทังนิ .และให้ กำหนคชราโกยนยเคียวกนิ คือให้กำหนกวนแก่แรกเกิคมา ชราความแก่ก็กิกคามมาควย แก่กาม วนคืนไปโกยลำกบ แก่เร็่ธยไปจนถงวนิกายเหมีอนกนิสกลกายนิจึงชื่อว่า ชรา และให้กำหนค มรณะความ?เายโกยนยอนิเคียวกนิ คือกำที่ว่ากายนนหมายอาการที่สนไป. สญไป คบไป แท่ ง สกลกายน จ"กชื่ฅ"วอย่างให้เห็น เหมือนอย่าง กสละ อมพุ’.าะ ฆนะเปสิคบเสยแลว แคอยูใน กรรโภทรของมารคา ส่วนเมนเด็กเบนรุ่นหนุ่มสาว กคบไปตามหนาบขลงคน ๆ อาการทคม'ใป สญไปนนแหละ!,บนสกษณะอาการ 1 ของมรณะ พึงเขวิใจว่าสกลกายนคายอยู่เสบอ ค 3 แค่วนแรก เกิคมา รนถึงวนคายเบ็ 1 นพึสค สกลกายนจงขอว่ามรณะ ใหบณร:เฅพงกาหนคพุกขควยอาการ อย่างน ชื่อว่าพุกขปริญญา ฯ สมุท่ย่อริยสจจนน ก่คองยกสกลกายนขนเบนทด’ 3 เพราะสกสกาย นิเคึมไปควยค่ณหา คือ กามคณหา ภวค่ณหา วิภวคณ์หา ฅณหานอาศยเหพุภายใน คอ คา ห จ่มก ลน กาย ใจ อาศ"ยเหพุกายนอก คือ รูป เสียง กลน รส โผฏฐํพพ ธรรมารมณ สไเผํสส์กินรีงเกิดขน ถวิอารมณ์ใดเบนที่พึงปรารถานา ชือว่าอฎฐารมณ ให้.กอกามคณหา อารมณ์ซึ่งเบนของมีอย่แล่วิ เบนที่พอใจ กอยากให้มราไป ดงสกลกายของคนทมอยูแลวอยาก ให้มีอย่ริาไป หรือว่ฅถภายนอกก็เหมือนกน สิงใคทีมีอยูแลว กอยากให้มอยูราไป อยางนเบน อักษณะ'ให้เกิดภวคณ , ทา อารมณ์ใคเบนที่ไม่พึงปรารถนา ชื่อว่าอนิฏฐารมณ์ ให้เกิดวิภวคณหา ฅํซเหา ๓ ประการน เบนของเห็นไค้ควยยาก เพราะเบนฅวของเราอยูพุกเมือ การรูควเหนคว ย่อมเบนของเห็นยากอย่เบนธรรมคา ถวิจะชแจงค่ณ์หาที่เบนทัวสมุท่ยนให้ข่ดขน 0 กหน อย โห ฅรงกิบที่ท่านแสคงไว้ว่าพุกข์อ"เใคสมุทัยก็กินนนคงน กคือความไม่รู้ดํวิว่า 1 บ่นพุกขสจจ ค 0 ไบ รู้'ว่าคำเบนเกิดเบาแเก่เบนคายอย่เสมอ ฅวรีงเบนสพุท่ย เบนดวิดํณหา ๓ อยูเสมอ บณกดพง พยายามละความไม่ริควว่าเบนคณหา ต ออกเสยจงจกใดขอวา สมท.ยปหานาม นโ)'ธสจจนน ก หมายสกลกายนเหมือนกิน แค่หากว่าไค้แสคงสมุทยวารมามากแสว นโรธจงไมฅองแสคงมาก เพราะเบนผลเผล็ดมาแค่สมุทัเน่Vแอง คอเกิดวิชารู้ค่วิขน ความไมรุ[ชงเบนคณหา ๓ กคบไป เบนอักษณะของนิโรธให้บ"ณที่ดพึงทำให้แจวิให้ม่ 0ง ใส จงจกไค้ชือว่านิท พ านส่วินิกริยา ฯ มรรค อัจจ์นํน ก็หมายสกลกายนเหมือนกน เพราะสกลกายนเบนควมรรค พระอฏฐงกกมรรคทง ๘ น่นเบนอาการของมรรค คืออาการของสกลกายน วชาความรูคววาเบนพุกข เบนสมุทย เบน นิโรธเบนมรรค นเบนคำสมมาทิฎฐิ ทิจดเบมสมมาทิฏฐไค้ก็อาคยอาการขอ ง บรร กทง ๘ นน สามคืคื!กิน อาการของมรรคที่ง ๘ อย่าง มืสมมาท้ฏฐิเบนคน มืสมมาสมาธเบนทสุดเบนบร' 3 'ค ภาวนา ทำมรรคให้เกิดมืขน บ"ณที่ฅพึงท้าให้เกิดให้มืขนเสีย จ"กไค้ขีอว่า มรรควิภาวนา ๆ แสคงอริยส่จจ์น"ยนเบนอริยสำจ์ ๔ ใน ๑ คือ สกลกายนม ® เทานน สมกบททานแสด' 3 ไววา พุกข์อันไคสมทัยก็อันนน สมุทัยอันใคนิโรธก็ 0 นนน นิโรธอันใดมรรคก็อันนนอั■น ๆ ! ๔ ในธรรมจิกรก"ไ]ปว่ท่นสคว ท่านจิคเบนปริวอวกะ ๓ ในสจจอนหนง ๆ จงเบนอากาว ๑๒ ชือว่าธรรมจิกร ปริวฅร ๓ นินคือ สํจจญาณ ต กจจญาณ กฅญาณ ® จคเบนอากาวองห ทุกขเบนของจริงอย่าง ซิ สมุทัยเบนของจริงอย่าง ซิ นิโรธเบ็นของจริงอย่าง ซิ มรรก ฌนของ จริงอย่าง ซิ อนนชือว่าสจจญาณในทุกข์ ในสมุทย่ ' ในนโวธ' ในมววอ ๆ ทุกขเบนของอววอา' หนคร้ สมทไแบนของควรละ นิโรธเมนของกวรท่าใหแจง มรรคเบนของควรบาไหเออใบ 5 ' , อํนนชื่อว่ากิจจญาณ ในทุกข์ ในสมุบย่ ในนิโรธ ในมรรค ก ทุกขไคกาหใเครูแลว สมุทยไค ละเสียแลว นิโรธไคท่าให้แจงแลว รไรรกใค้ท่าให้เกิคให้มแลว อนนเบนกอญาณ ใ'แทุอข ใแ สมุทัย ในนิโรธ ในมรรค ๆ ในสัจจบง ๔ นาเท่านเปรียบกวาไ!ไว้ว่า ทุกขส่จิจ์เปรียบเหมือน หาบอำ■เหนิก สมทยเปรยบเหมอนยกหาบอนห'นิอใลบาหาไ- , ใว!วาง มรรคสจจเปรยบเหว!อนห า อบายวาง หา บอ ไ!VIนกนน นิโรธสจจเปรยบเหมอน^วางหาบอนห'นกนนเสยแลว ภาค ๖ อวิชชา อวิชชา ปจจยา สงขารา สำ ขารท ะ ง หลายมีเพราะอวิชชาเบนบจจ โ) สงฺขารปจฺจยา วิณณาณํ วิญญาณมีเพราะ ส' งขารท่งหลายเบนบจจ โ) วิฌุญาณ ปจฺจ ยา นาม รู!! นามและรูปมี เพราะวิญญาณเมนบจจโ) นามรูปปจฺจยา สทกยตนํ อายคนะ ๖ มีเพราะนามและรูปเบนบจจย สฬายตนปจจยา ผสโส ผลสะ ๖ มีเพราะอายคนะ ๖ เบนบจจโ) ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนามีเพราะผัสสะเบนบจจย เวทนาปจจยา ฅณฺหา ค'ณหามีเพราะเวทนาเบนบจช้ย ฅณฺหไ- ปจจยา อุ ปาทานํ อปาทานมีเพราะค'ณหาเบนบจจ่ย อุปาทานปจฺจยา ภ โว ภพมีเพราะ อุปาทานเบนบจจโ) ภวปจจยา ชาติ ชาฅิมีเพราะภพเบนบจจ'ย ชาติปจจยา ชรา ชรามี เพราะชาฅิฌ็นบจจโ) ชรา ปจจยา มรณํ มรณะมีเพราะชราเบนบจจโ) ๆ ค่อนคัวผล “โสกปริเทวทุกขโทมน สุสุ ปายาสา สมกวน ดี ทุกข์ทั้งหลายคือความแหำใจเศร , าใจ ความ บ่นพิรพิไร ความลำบากเหลือกลนเหลือทน ความค่าใจนอยใจ กวามกบแคบใจ กมีพรอมเพราะ มีมรณะเบนบจรเย “เอวเมตสส เกวลสฺ ส ทุก/ ขกฺข นฺธสฺส สมุท โย โทต” เมื่อบจจยาการยัง เบนกำลงอคหนุนซึ่งกนเบนไปอย่อย่างนิกองทุกข์ทั้งสนกเกิคชนพรอม ๆ ส่วนนเบนสมุทยวาร คำ ที่ว่า “บจจโ]” น , ใ.เไน่ใช่เหค เบนแค่ผ้อคหนุนเหอุให้เบนไปเท่านน ส่วนอวิชชา สงขาร วิญญาณลืงชรา มรณะ’ น , นค่วเหอุคือคำสมุทโ]นนเอง คือแสคงเหอุควยบจจยควย ฯ ผายนิโรธวาร แสคงอย่างน “อวชชายเตฺวว อเสสวราคนโรธา สงขารนโรโธ สง์ขารกบโคย’ไม่เหลือ เพราะกวามกลายความคบโคยหาเศษมฺไคี แห่งอวิชชานนลืงเคียว ‘ สงฺชา ร นิโรธา วิฌญาณนิโรโธ ,, เพราะสงขารคับวิญญาณก็คับ ‘‘วิณฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ เพราะวิญญาณคํบนามรปก็คับ ‘‘นามรูปนโรธา สฬายตนนโรโธ เพราะนามรูปคบสทายคน® ก็คับ สฬายตนนิโรธา ผสสนิโรโธ ,, เพราะสพายฅนะคับคัสสะก็คับ “ผสฺสนิโรธา เวทนา นิโรโธ” เพราะคัลสะคบเวทนาก็คบ “เวทนานโรธา ตณฺทานิโรโธ เพราะเวทนาคบ คัณหาก็คับ “ต ถ!หานิโรธา อุปาทานนิโรโธ” เพราะคณหาคับอุปาทานก็คับ “อุปาทาน' นิโรธา ภวนิโรโธ ,, เพราะอุปาทานคํบ่ภพก็คับ “ภวนิโรธา ชาตนโรโธ เพราะภพคับ 9 ๘!00 ชากิกีค่บ “ชาตินิโรธา .ชรานิโรโธ” เพราะชาฅิคบชราก็กบ “ชรานิโรธา มรณนิโรโธ” เพราะชราคบมรณะกีดบ “โสกปริเทวทุกฺขโทมนสสุปายาสา นิรุชฺ ฌนุ ติ” ทุกข์ ทง ๕ ประการ ซึ่ง เบนควผล กือโ ครก และรํ่าไ ร ทุกข์โทมนสอุปายาสกีคบคามกนไปหมก “เอวเมตสฺส เก วลสฺ ส ทุกฺขกฺขนฺธสส นิโรโธ โหสิ” ครณมื่อเหคุและบจจยก'บไปหมกแลวควยอาการ อย่างน กองทุกข์ท้งสนกีคบไปโคยไม่เหลือเท่านน •ใ] อวิชชาปจฺจขา สงฺขารา สงขารปจุจยา วิณฺณาณนสิ บกนิจะไค้วิส่ชชนาปฎิจจสมปบาท บจจยาการซึ่งเบนทางวิบสสนานย คามปาฐะที่ไค้ ผกขนในฌํ้องคน คามที่ว่ามา อวิชชา ชิ สงขาร ด วิญญาณ ® นามรป ๑ อายฅนะ ® ผํสสะ ชิ เวทนา©ต'ณหาชิอุปาทาน©ภพ®ชาคิชิชรา0มรณะชิเบนอาการชิ๓ แค่ท่าน รวมชรากบมรณะ ชิ จึงเบน ชิ๒ เพราะท่านน'บอวิชชาเข‘าควยว่าเบนอาการ ถายกอวิชชาออก ให้เบนประธานเสีย นบแค่สงขารวิญญาณไปให้เบ็นอาการ กีกงไค้อาการ ©๒ ไม่คองรวมชรา มรณะ เหมือนอย่างกายท่านยกให้พนประธาน เกสา โลมา ถึงมคถลุงกง ๓๒ เบนอาการของกาย ฉนใค ส่านบแค่สีงขารไปถึงมรณะเบน ©๒ ให้เบนอาการของอวิชชา จะเหมาะคีฉํนนนทีเคียว ๆ บ'คนิจกจำแนกอวิชชาและสีงขารเบนคนท่อไป อวิชชา ๘ สีงขา'ร ๓ วิญญาณ ๖ นามรป ๒ อายฅนะ ๖ ผสสะ ๖ เวทนา ๖ กณหา ๖ อุปาทาน ๔ ภพ ๒ ชาคี ๒ ชรา ๒ มรณะ ๒ ๆ บกนจกจำแนกอวิชชา ๘ คามที่มาว่า อวิชชา อฏฺฐวตฺถุกา อวิชชามืวคถ ๘ ปุพฺพนุเต อณาณํ ไม่รู้จ'กเงื่อนพองคน ชิ อปรนเต อฌานํ ไม่รู้จักเงื่อนพองปลาย ชิ ปุพฺพนุตาปรนฺเต อณาณํ ไม่รู้จักที่งเงื่อนพองคนและเงื่อนพองปลาย ชิ ทุกฺเข อณาณํ ไม่รู้จกทุกข์ © ทุกขสมุท เย อณุาณํ ไม่รู้เหคุย'งทุกข์ให้เกิคขนพรอม ชิ ทุกขนิโรเธ อณาณํ ไม่รู้จกความคบทุกข์ ชิ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา อฌาณํ ไม่รู้จักทางปฎบคให้ถึงความคบ ทุกข์ ชิ ปฏิจฺจสมุปปาเท อถภณํ ไม่รู้จักปฎิจจสมุปบาท คือธรรมอนอาศรยซึ่งกนและกน เกกขน ชิ อยํ วุจฺจติ อวิชฺชา อนนิแลท่านกล่าวว่าอวิชชา มีสีกษณะอาการ ๘ ประการคงน ฯ บกนิจ'กอธิบาย ลกษณะอวิชชาท่ง ๘ ไว้พอพนทางคำริห์ แห่งโยกาพจร ผ้หวงก่อทาง วิบสสนา ส่าผู้ใกครองไค้ความชกขนแลว จักไค้รบความสบายใจขนมาก เพราะสนวิจิกิจฉาใน
  • ๘ต)
  • ทาง น ขอที่ ® ซึ่งว่า ไม่ รู้จักเงื่อนฌองฅนกือ ไม่ รู้จกชาคิความเกิด คือ รู้จัก แค่ อปฺปฏิจฺฉนนชาติ คือความเกก'ที่ใม่ปกบก ไค้แกกำเนิค ๔ กอฟ้อ ขณะย่ง์เ บน กะละละ อัมพุทะอยู่ ท่านให้ซึ่อว่า อังเสทชะกำเนิดเมื่อขณะเบนฆณะเปสิ ท่านให้ชือว่า อัณฑชะกำเนิด เมอแฅ กบ ญรีสาขา คอ คืร์ษะแขนขาพรํอมแลว ท่านให้ชอว่า ชลามพุชะกำเนิด เมอคลอคออกมาแลว ทานใหชอวา อป!}าฅิกะกำเนิด (ลอยเกิด) เบองหนาคลอดไป คงไค้ชอวาอุปปาคกะเรอยไปจนกงวนคาย กาเนด ท่ง ๔ นิแลพนเงื่อนพองคน เบนอัก์ษณะของชาคุ , ทุกข์ เบนทุกขสจจ์ พึงเข่าใจว่าพนบจจย อยู่ทุกเมื่อ ปฏิจฉนนชาติ นิพนวิชชาที่ ® ๆ อัอที่ ๒ ซึ่งว่าไม่รู้จักเงื่อนพองปลายนิน๎ หมายความว่า ไม่รู้จักมรณะความคาย รู้จัก แค่อ'!}ปฏิจฉินนมรณะ คือความคายทไมปกบด ไค้แกสนลมหายใจแลวคองเขาใลงเทานน คาย อาการนิเบนอนากก เบนกคิของสมุท่ย เบนวภวคณหา รแคอปปฏจฉนนมรณะน ชอวาไมรูจก คาย คือไม่ร้จํกเงื่อนพองปลายของคน เบนอวิชชาประการ ® สวนปฏจฉินนมรณะนน ไดแก ความคายที่ปกบด พนบจจุอันคายอย่เสมอทุกขณะลมหายใจเข่าออก คือเกิดขนวนใด คายกม มาแค่วไเนิน ไค้แก่กวามหายไป คือเค้กหนุ่มสาวในควหายไปนนเองเบนเกรองหมายให้รูวาคน มีมรณะอยู่เสมอ ปฏิจฉนฺนมรณะ นิพนพองปลายของคนเบนวิชชาที่ ๒ ๆ ขํอ์ที่ ๓ ที่ว่าไม่ร้จํกท่งพองค"น ทงพองปลายของคนนน หมายความวา ไมรูจก ท่ามกลาง คือไม่รู้จักความแก รู้จักแค่ อปฺปฏิจฺฉนฺนชรา ความแก่ที่ , ไม่ปกบืด คือผู้ก้งอยู่ใน บจฉิมว'ยมีผมหงอกพึนอัก เบนคน ความแก่อาการฺนเบนอนาดค เบนกฅแหงวภวคณหาเหมอน กัน เบนสมุทัย ร้แค่กัปปฏิฉันนชราเพึยงเท่านิ มีชื่อว่าไม่รู้จักชรา เบนอวิชาประการ ® ส่วน ชราที่พนกคิของวิชชานนหมายเอาความแท่ชงเบนบจไบน เรียกข่อวา บ่ฏจฺนมฺาเชรา ความแก ปกบคที่คือแก่อย่เสมอทกขณะลมหายใจเขาออก ไค้แก่กวาม 1 แปร'ไปข'องราง , กาย คอความขยายให ร่างกายผิดเก่าอย่เสมอ ก 1 ง๎แค่ประถมปฏิสนธิมาคราบเทาวนคาย นแหละเบนทามกลางของเรา เบนคํวอปทาขณะ ฐีคืขณะ ภงกขณะ คอรูทงพองคนคอเกด รูทงทามกลางคอแก รูทงพอง ปลายคือคาย รวมอย่ในทอนเดยวกนเบนควบจจุบนทุกเมอ เบนวชชาท ๓ ขอที่ ๔ ซึ่งว่าไม่รู้จักทุกข์นน' ก็คือ'ไม่รู้'จักิชากิ*ชรามรณะ'ซี่งพนบ 1 จจุบ , น.'ชี่ 0 'ว่' า ใ บ่รู้™ ทกข์ เบนอวิชชาประการ ® ถ'าร้แลวกพนอนกำหนดทุกชใด จงเบนวชชาท ๔ 'า
  • ๘๔ ขอทีกำรบ ๕ ชงว่าไม่รู้จุก',หกุยงทุกข์ให้เ ถึก ขนพร อม น , น หมา ยก วามว่า ไม่ร้จุ' กชา กิ 1 ชรามรณะชงเบนอคีกอนากก ซงฅนรู้อย่นนว่าเบนฅวสมุทย คือเบนกามกณหา ภวฅํณหา วภวคณหา กอทเขาใจวา ชากิเบนอคืฅ ชรามรณะเบนอนากก ก'วซึ่งเบนบจจุบนน วางจากชากชรามรณะ กลายเบน,กวกลเหาไปไม่รสกกว ชื่อวาไม่ร้จุกสมุทย เบนอวิชชาประการ © อวามทมารูจกชากชรามรณะทเบนอกิกอนากกนนว่ๅเบนสญญๅขกวใสก ชื่อว่าร้จุกสมทใ) เบน ว่ชชาที่กำรบ ๕ ๆ ขอท ๖ ชงวาไมรูจกกวามกบนน กอไม่รู้จุกหนากาของกลเหาคือชๅกิชรามรลเะทีญ น อกกอนากก เบนกามฅณหา วภวกณหาก วที ว่างจากชากิชรๅมรลเะ กลายเบนภวะกณหาไปไม่ร้ ฅว แกหนากาของกณหาผูจะกบก็ไม่รู้จุกเสียแลว เบนอนชื่อว่าไม่ร้จํกทุฤขนิ!รธเบนอว๊ชาประ- การ ๑ เมอธรรม , ชงเบนบจจุบน คือชากิชรามรณะซึ่งเบนของจริง อนพระโยกาพจุรเห็นแจ่ม แจุงในกนแลว ชากชรามรณะชงเบนอกกอนากกชงเบนกกิของสมห็ย กอ กามกใแหา ภวกณหๅ วิภวกณหา ก็กบไป ชื่อว่าทุกขนิโรธ เบนอนชือว่า รู้จุกกบกวามทุกข์ เบนวิชชาที่ ๖ ๆ ขอที่ ๗ ซึ่งว่าไม่รู้จุกปฏิปทาอนจุกให้ถึงกวามกบทุกข์นน หมายกวามว่า ไม่รู้จุกชากิ ชรามรณะ อาการนเบนทุกข์ อาการนเบนสมุทย อาการนเบนนิโรธ อาการนเบนมรรก ชื่อ ว่าผู้ไม่รู้ปฏิป'ทา , ให้!ถึงกวา!.เกบ'ทุกข์ เบนอวิชชาประการ © เมื่อมารู้ชกเจนว่า ชากิ ชรา มร ณะ ชงเบนบรีจุบน เบนฅวทุกขสจุจุะ ส่วนชากิชรามรณะที่เบ๊นอกิฅเบนอนๅกกเบนกกิของสมุ ท ใ)ก็ กบไป กวามกบแห่งสมุทยนนแล ชื่อ'ว่า ทุก ขนิโรธ บญญ าที่ริ จุกทุกข์ รู้จุกสมุท ใ] ร้จุกนิโรธ นนแลเบนองค์ สมมาทิฏฺชิ เบนมรรก เบนอนรู้ปฏิปทาไปสู่กวามก'บทุกข์ เบนวิชชาที่ ๗ ๆ ขอที ๘ ชงว่าไม่รู้จกธรรมเบนบจุจุใ]อาก'ยซึ่งกนและกนเถึกขน คือไม่รู้จุกปฏิจุจุสมุป- บาทนน หมายกวามวา ไมรูจกวากวเบนอวิชฺชา ฅวจงกองกลายเบนสงขารไป อากใ]สงขารนน เองจึงกองมีชื่อมากขน คือเบนวิญญาณ เบนนามรูป เบนอายคนา เบนผลสะ เบนเวทนา เบนฅ้ณหา เบนอุปาทาน เบนภพ เบนชากิ เบนชรา เบนมรณะไป เมื่อกนย*งมีกวามเห็น กวามรู้กวามเข่าใจอยู่ว่า คัวของก’วเบนสวิขาร วิญญาณ เบนชรา เบนมรณะอยู่กราบใก ก็ชื่อ ]] อาการแหงอวชชายงมอยในกวกราบนน พงรเกกวา กนของเราเบนอวชชาแท เพราะธรรม ๏๒ ประเภทน ท่านแสคงว่า เบนอาการของอวิชชาเบนคัวส’ญญาอกิก เบนชากิสมุทใ)ทง๎นน ทานจงกลาววาไมรูจกปฏิจุจสมปบาท เบนอวชชาประการ © เมอพระโยกาพจรเขามากำหนกริ
  • ต่ กกิของสังขารทํ้งหลาย คือท่านหมายปุญญาภํสังขาร อปุญญาภ๊'ส่ง , ข' 1 ร อเนเะษ'ช้าภิสงขาร ได้แก่ เจตสิกธรรมท , งหลาย ปญญาภิสังขารหมายโสภณเจกสิก อปุญญาภสงขารหมาย 0 ทุกลเจ ฅ สก อเนญชาภิสิงขารหมายอญญสมานาเจกสิก ส่วนวิญญาณ ๖ หมายชกขุวญญาณเบนกน นามวูบ่ ๒ หมายนาม® รูป ® อายฅนะ ๖ หมายจกขวายกนะเบนกน ผสสะ ๖ หมายจักขุสมผสเบนกน เวทา ๖ หมายเวทนาเกิกแท่จักขุสัมทัสเบนกน ฅณหา ๖ หมายกณหาทีอากรยจกขุสมผสเกกขน เบนท่น อุปาทาน ๔ มีกามุปาทานเบนทัน ภพ ๒ หมายกรรมภพ อุปบกกิภพ ® ชากิ ๒ หมายปฎิจฉินน 1 ขากิ ® อํปปฎึจฉ่นนชากิ ® ชรา ๒ หมายปฏจฉนนชรา ® อปปฎจนนนชรา ๑ มรณะ ๒ หมายปฎิจจฉันมรณะ ® ทัปปฎึจฉันนมรณะ ® กวามจริงสมุทัยธรรมท™สาย ท' 3 ก่น แท่ อวิชชาถึงชรา แล มรณะเหด่านเบนสภาพ แห่ ' 3 ส' 3 ข ฅธรรมท 'งสน เบนแกเพยงสมมก ใหรู กน เท่านํน เบนสภาพธรรมทีเบใเวิสงขารกอเบาเชรรมฐด้®'รรมนยามชนวสงชาร สวนสภาพธรรมท เบนสิงขารท่ง๎ปวงน , น เบนอนิท่กาไม่ใช่กว ถารูเทาแลวกกบไป กงเหลออยูแกสวาเทเบาเสภาพ ธรรมที่เบนวิสังขารเท่านน ถาจะกของจรงกามทางพระอรยสวิ 1 วิ'แสว กเหนอยูแกทุกขเทานาเ ๓จะคของจริงทางพระนิพพานแล้ว ชากิชรามรณะ ทีสมมกิว่าทุกข์ถึไม่มเสียอภ เพราะชากชรา มรณะเบนกกิของสังขาร เมื่อรู้เท่าสังขาร ชากิชรามรณะก็ทับไป กงเหลืออยู่แท่โลอุกกรธรรม ๒ส่วนเทียว ท่านผู้รู้ทงหลายก็อาทัยใช้บญญํทีพูกไปกามโลกไม่ข'ด้โส ก ทั วขคง ห่ าน ชี่ อ ก่ า วิ ชชา อาการของอวิชชาท 1 งหลายมีสังขารวิญญาณเบนล้นก็กมไม่ 1 ' 1 เท'นน'โร' ธธรร ม ชอวาวชชาท ๘ ควยประการฉะน ๆ เมื่ออวิชชาสังขารถึงมรณะเบนบจจย อากยชงทันเบนไปอยู ขอวากระแสรสมุทยยง เบนไปอยู่เบึ นก วเหทุ ผลของสมุทัยทีอก้วทุกข์ได้แก่โสกะก วา มแหงไจก รลบ๓ วิ ฒ บ่วิ เทวะ ความบ่น!พอราไร โทมนัสกวามกาใจน้อยใจ อุป•เยาสกวามทับแกนทัภอนทันใจ สทฺภวนฺติ ก็มี พร้อม เพราะทุกข์เหล่านมีสอุทัยเบนเหทุ เมีอกระแสร์ของสมุทัยมีอวิขขาเท'แไม่โ คย ไ มเหลอเชอ ว่านิโรธ สภาพททังเหลึออยู่ชอว่าวิชชา เบนมรรคทีอกัวเหทุ ผล ข อ3 วิชช' 1 ทีอกวา 3 'ทับทุกข์ ได้ แก่โสกะปริเทวะโทมทัสอุปายาส นิรุชฺฌนฺดิ ก็ทับไปโคยไม่เหลือ เพราะทุกข์เหด่านทับไปโกย ไม่เหลือ มีวิชชากอมรรกเบนเหทุ ได้อธิบายประเภทแห่งปฎิจจสมุปบ าททะงส อุ ทยวารแล ธ ' วาร พอเบนทางคำริห์แห่งพุทธบริทัท ผ้อุ่งท่อทางวิบสสนา พอเบนนิทัสสนอุทาหรณ์’ไว้Iที่ย' 3 เท่า น ๆ) ๘๖ นทาน บคนิจนิเส่านิทานของเก่าสู่พง กิ' คงไค้สคบมา ในอคคกาลยงมบุรุษเคย จุก บุ ๖ กน เป็น 8หายก้น วน.หา! ง- ปรึกษาเกน-ว่า’ ทำ เอ!™ไ-รเราจ ะ: ไห้ๆช้าง สัก ที ถีง คา๓ไม่เห็นกล่าหูกฺทุค้ เทมือนกัน กนทนํ่หูหน'ว่าเขาบอถจ่า ช้างพลายของคากำนันแกวเป็นช้างไชคี เค็กเล็กชีนุ่นสุคู หัว!เคหางก็'ไม่เป็นอะไร มาไปควยก้นเถอะ ว่าแก้วก็ชวนกันไก่ กร™งบอกเช่าของเขาแก้ว ก็ I บนวาระก้นเช้าไปกล่าคุกนละกราว กนที 0 ไปกล่าถูกงวงก็กล่าชีน , 'ลำลงช , คล®คงวง*ล้' 1 ก็' 1๓ มา คนร่า ๒ เช้าไปกล่าถูกงาก็กล่าไปกล่ามาชนสุกงาแก้'’ก็ออก ,1 า ก , " ๓ เขาไปกล่ากุ"ไ 11 หุ ก็กล่าไปกล่ามาชนคลอกกัชุแล้’ก็ออกบา กน" ๔ เช้าไปกล่าถูกนางก็กล่าไปกล่าบาชนกล®กุ ,115 แก้วก็ออกมา กนร่า ๕ เช้าไปกล่าถูกขาก็กล่าไปกล่าบาชนคลอกชาแล้'’ก็®®กบ 1 ก ,1 " ๖ ชำบ กล่าถูกลีช้างก็กล่าไปกล่ามาชนกลอกลีช้างล้วก็ออกบา กรนก้วค่างกนค่างก็คีไชถู 8 ก้ , ว่า ป็า บุญของพวกเราพึงไค้รุ้ก้กช้างว่น์นเอง แก้วก็พากนกล้บก้าน กรนมากึงบานแก้วบานง‘'น'านาก้แ ถงเร์องไปกล่าถูช้าง ไกรเห็นเป็นอ!)างไรลองเล่าลู่ก้นพึงถูชะนม่อนก้นนา®ไบ่ กน™'ล่ากุกฺงคู 1 ง บอกว่าคามทืนันกังเกทเช้าไชว่าช้างเนม่อนกับคั'’ปลงน'นอง เป็นแก่ว่าไหบา™™ว่าบากน่ากุ" คนทีกล่าถูกงาบอกว่าเพึอนเลาอะไรบา'ชุก ฉนเช้ไชว่าช้างบันเป็นกลบ ๆ เหมือนไบ้กระบอกเป็น แค่มันเรียวมากเท่านน คนทีกล่าถูกไบหุบอกว่า'พึอนล®งก , นื'ชุกชาบ่าชำร 11 ไบ่* 0 ว ล้ , นุ่ก้ กังเกกแน่นอน ช้างนนบันเป็นรุป''แบน ๆ เหมือนพักก , 'าบชีวรานเอง เป็นแก่หนามากน่านน กนทีกล่าถูกทางบกกว่านายลาบกนนไปอาอะไรบา'ชุกนล'’ ๆ ไ , 'ล า ฉนไค้ลงเกคแน่น®น*ลา ช้างนนมนเทม่อน'ไม้กวากทีเราก'วากแร®น’แอ-ง เป็นแค่ก้ามบันยาว™หน่อ 8 น่านน ก , '" 1 อลุ่คู ถูกขาบอกว่านายก้งลีน้กํยุ่งเลียอีกแก้วไปอาอะไรบา'ชุก ก้นกล่าชีนอล่าลงชนกึง™ ลังกุค'ไค้ แน่นอนว่าช้างนนม่นิไทมือนกับสูบที่เขาสูบคฺเหล็บไ รอง เบนแค่ย'ไวหน่อยเค่'ไนน กนทค า ถูกสีข้างรองขนว่า พท โธ่ ๆ ! เพอนข้กนนไปทลำไอ'ไ® รเวิ กิ าแ ค่ก่ ไม่ ถูก ทัวช้งเสีย แน่ ละ กนคลำเสียจนเหน็คจนเทนบย เกือบจะนับเสนขนไค้ และไค้สงเกคไว้แน่นอน ช้างนนเบน แผ่น ๆ แบน ๆ เหมือนพรมที่เราปเรอนน่เองไม่กิทเ ล ย บุรุษทาบอกทง ๖ ทน ทลำขางทวเทยว กนกวามเห็นแคกค่างไม่ลงลอยก้น ยกวากะของคนชีนช่บคนก็" ว่าพวกแกมนหลวไหล"งนน ส่วนฅนคลำถกอะไรและไค้หมายไว้ว่'ไเหบือนทับ 0ะ ไ ร กืยทสีงนนขนว่าขางม ใแ บนอยางน ๆ มนเหมือนสีงนิ ๆ ค่างหาก พวกแกใช้ไม่ไค้ทงนนค่างกนค่างว้วาทกัเกันผู้ที่ไม่คงทวาบเน็นทับ ๘๗ ควยกน ในเรื่องนก็น่าขนกวามจริงก็ถกข้างควยก่นพงหกกน'ไม่มไก' 3ผ พ 1,ลย เบนแคถกโคย เอกเทศ คือถกไม่เค็มควนนเอง จึงเบึนเหคุเกิคมปากเถียงกนชน จนถงแกววาพกน ถาถูกเคม ก้วควยกนแลว ก็ไม่ก้องวิวาทก่นเลยขอนิฉํนไค แม้ในหมพุทธบรษพพปร"พฤคแล ะส งลอน ธรรมก่นอย่ทุกวนนิ กกดายก่บกนคาบอคคลาชาง'เนนน เพราะรธรรมไมเคม'ท รูแคเพยง เอกเทศของธรรม เพราะธรรมเบนของกลางไครเห็นอย่างไรก็ไม่ รบ ไม่บ่ป็ เสธ ผู'*VIนอยางใคก ยคเอาเบนถกของคนอย่างนิน จะยกทวอย่าง คงพวกบิถอนามรูปกยกนามรูปเบนพพง พ วกถ อ ขํนธ์ ๕ ก็ยึคข้นธ์ ๕ เข้าไว้เบ็นทพง พวกนิยมธาทุกยคธาทุเขาไว'“บนพพง พวกถออายคนะก ย์คอายกนะเข้าไว้เบนที่พึ่ง พวกถือ อนิจจํ ทุกข์ อนักคา ก็ยึคเข้าไว้เบนบิพง พวกถอ พุทุโธ ยิรหํ ก็ยึคเข้าไว้เบนที่พึ่ง คลอคไปถงพวกแบ่งกถีลเค่างก็ยกเชาไ ววาเบ นพพง ขย้ ง น ‘ใ ลาไก ร ถือไม่ฅรงกบคน ก็เบ่นกนเห็นผิดถือผิคไปหมค ถูกแค่ควคนเคียวเพ่านน แลวสงสอนถูกกบย กามลัทธํของกน ผายลูกศษย์นั้นไค้ความคามอาจารย์ชองคน พลอยไปคีพวกอื่นเชาพ วย ยกแ ค่ อาจารย์ของคนว่าเบนผู้รู้ถกรู้คีพงนั้น ส่วนพวกอืนผิคนมก จึงค , องวิวาทกํบผู้บิมความเนนไมพอง กันคน บางพวกที่กังงมงายมากถืงกบโกรธหรือเกลียกเนัผู้'ไม่ลงก วามเ บิ นกบภวยคน เพ ราะคว าม เห็นธรรมของคนเบนเพียงเอกเทกเพ่านน ถ้าหากเห็นพระธรรมเค็มโลกพ่ว่ยกนแล้ว่ก็พม วาท เท่านั้น กิคคูก็ขน ๆ กนหคี ฅาคี กลายเบ็นเหม่อนกนคาบอกกล้าข้าง' ไ บ่'ไก้นิ าสงเวช ไ' 3น ~ ก ความจริงผู้ประพฤคิธรรมถูกถ้วยกันท , งนั้น ไม่มีผู้ไดผิคเลย เบินแค่ถูกโกยส่วนมาก หรือถูกโกย ส่วนนอยเท่านั้น เอว่ก็มีควยประการคงน ‘ธ แบบสมเด็จพระมทาสงฆราชาเจ'' สุทธิโสมพราหมลเาจารล์ ๑๒ ก! (เมองเวยงขินน ร ) นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺทุทฺธสฺส 1 ดรุนฺตมูลํ นวปตฺตเมกํ ทฺวพฺกรํ สตฺต 1 น "บ่บ่" ชานา " โข ลุ่’บ่.บ่ กวท . าสาขํ ชานาด ปายตตมเสสโต ๆ ตรุนฺตํ่มูตน. 5 ' บ่’'” 1 บ่.".' กใ ต ว " ถ . ” วปด - - น่า ร, 1 ปตฺฌดฺสิใ ยน่ ทฺายงฺกุรนฺสิ สํ■ห’" สศ."’บ่'!ๆลุ 1 :; น่ปุ่ปฺน่นฺสิน่อาปตฺสิสมุอฺพนาบ่ ทาบ่.บ่"™. 1 " สตุตอ™.";'บ่บ่ 01 บ่ 1 ™" โลกํวซฺชปณฺณดตวชฺชสพฺาตํ 1 เห่! "โลุ" บ่".® , 1 ." ™ ย ' 5อ " ฯ ณสสไต ^ ชาน่าต ส, สิ, 0, 5. พ โพ. นา." ส่คฺ"คุ*โพบ่จุน*นุ' 1 " โ"." 1 โย ชานาติ ฯ โส นิพพานสฺเสว สนฺคิ เก ฯ ส จตุตาโร สติปฏฺ , บ่านา ฯ ส จตุตาโร สมมปุ่ปธานา 1 ติ จตุตาโร ติทธิปาทา ฯ ติ ปณฺจินฺทริยานิ จ ฯ พ ป จ พลานิ 'โ โพ สตต โพชฺฌงฺคานิ จ ค ม อฏชิงคิโก นคฺโค ฯ สวิอ เมก รุสุทุเธา ‘า ส สมถกมุมฏฺชิานานิ ฯ วิ วิปสฺสนาก มุม อฺขิานานิ ฯ อ อฏฺชิ านุสฺสติโย พุทธ'ไท'โข 1 1 อ อสุสาสปสฺ[สาสานิ จ ฯ เม จตฺตาโร พรหฺมวิหารา เมตตาทโย 1 ก ทส กสีณกมฺมานิ ฯ รุ จดตาโร อรุปาวจรานิ จ *1 สุ อสุภกมฺมานิ ๆ ท ทวดฅสกมมฎฐานานิ 1 ว ทส วิปสสนาญาณานิ ฯ นมานิ รดนตฺตยํ 1 สมลวิปสสนานํ กาวนานมโด ปรํ กมมฎฺขิานํ ปวกขาม ทุวิธมฺบ ยถากกยำ *1 ๕ เขำคบอนุโลม \ฮ เขไคบปฎโลม ๗ เข้เววมอนุ!ถม ๘ เข้'!รวบปฏีโลม ? ,๒ เข’ ๅฆญจ!ขใงไนปฎโ ©๑ เขใบญจะข'^ไบอนโลน เขาเลยบภูม'ในหองเมดดา 6๓ เขาสกดขำงในอนุโลม © 1 * เข้ไสกดข้างในปป็โลม แบบเวึ๋ยงจํนทร แบบตงแผนทพรหมาหารทง ๘ ท้ศ พินผาใชสขาวลวน บูรพา ทจกบ ๙๔
  • เวลาเข'าทบริกรรมว่า เอกิสฺสํ ทิสายํ วิสติ อ!)!}นํ กตุวา ฯ เอกิสสํ ทิสายํ, อฎฺ!กสติ อปฺปนํ กตุวา ฯ ๒. เวลาแผ่ออกทิศ ให้บริกรรมว่า อเวรา อพยาปชฺฌา อนฆา สุข็ อตตานํ ปริหรนฺตฺ ฯ ๓. เวลาจะแผ่ให้ถิงทบริกรรมว่า “สตคา สุข็” ฯ ๔. เวลาจะหยุดบริกรรมวำ “สตว็๋สุข สตวํ่ ๆ ๆ” ฯ ๕. เวลาจะละข*างในกลบคน(ข’าทิบริกรรมว่า “สุข็โหนตุ” ค ๖. เวลาสถิตย็๋มนคงทอยุ , บริกรรมว่า “อตตสฺข” ๆ วิธเข'าพรหมวิหารเจ้าให้เบนอนุโลม
  • เมตตาพรหมวิหารเจ้า มรสมืขาว ฯ ๒. กรุณาพรหมวิหารเจ้า มรสมแดง ฯ ๓. มุทิตาพรหมวิหารเจ้า มรืสมเหลอง ฯ ๔. อุเบกขาพรหมวิหารเจ้า มืรสมเขยว ฯ ตตฺล สมถสงคเท ตาว ทส กสณานิ ทส อสุภา ทส อนุสุสติโย จตสุโส อปฺปมณฺณาโย เอกา สณณา เอกํ ววตถานํ จตตาโร อรุปปาเจติ สตตวิเธน สมถกมุมฎฺฐานสงฺคโห ฯ ? ๙๕ ราคจริดา โทสจริตา โมหจริตา ส ท. ธาจริตา พุทธิ จริตา วิตกกจริดา เจติ ฉพฺพิเธน จริตสงคโห ฯ ปริกมุมภาวนา อุปจารภาวนา สปฺปนาภาวนา เจติ ติสฺ โส ภาวํนา ปริกมุมมิมตุดํ ปฏิภาคนมตตณเจติ ด™ ติมิด.ด' 1 นิ เวทิดพุพานิ ฯ ดตุถ สมถกมุมฎฺรานานิ วณฺฌยิส.สามิ 1 สมจตุตาพสกมุมฎฺจานานิ สมถสงฺคเห โห , มุติ ด คตุถ พุทฺธามุสฺสตกมุมฎจานาน ตาว วณุณธิสฺสามิ ด ปริกมมปจารภาวน' , ' ,4 จ พุทธานุสฺสตกมุฎฺจาเน โหน.ติ ๆ) ในกรรมฐานเจาทํ้งนวสน มธรรมคต ๔ ประการ ค 0 ปุพพาภิสงขาร ® ธมุมยาจนา ® ธมุมววตุสาน ๑ ธมุม วกุพุ พนา ® ฯ ปพพากสงขารม ๗ ประการ ภ® ส์ลวใส!นา 0 อพฺยเทสนา ปลฺลา.กาเกฺช'นา อตฺตสน.น้ยาหนา ห'!- ปรายนดา ® จตุรงคาธิฎฺจานา ® ดทธิมุตตา ® ๆ) สึดวิไส , ธแา โต้แกกรยายนพรโยคาวจรเจาจาร"®รดส ®- บ่ร'การ มบ่ามิไมกรเ , งวร คแบนคน ๆ อจจยเทสนา ไต้แก่กิริยาอนพระไยคาวจรเจำ แค่งยงเครคงดัมมา ๔ ไกมิ5 าสแลว สมมาคารวะแค่1พระแกวIVาทิงํ้ ๕ ๆ ปลฺลงกามุขนา ไต้แกกรยาอนพระไยคาวจรเจานงพ บพะ แนงเชง ๆ อตตสนมิยาตา ไต้แก่กิริยาอนพระไยคา , วจรเจ่ามคมเวรคนไน้แก่พ 72 นก วทง ๕ ๆ ตปฺปรายนดา ไต้แก่กิริยาอนพระโยคาวจรเจา เอาพระแกวทง ๕ เมนคพง *1 จตุรง.คาจป็จานา ไค้แก่ส่รํยาอ่น่พ!ะใข๓วหเท้ กธ่ฎเนย! 0 !ก่พะยาน •ะ ป!ะ'"’ ๆ หท!':!หฺต' ก่นพ!ะโยกาว!!เจ่า ให้!กค์ใ!นัฒล!ไนกุยเพ!ะแก้วเจ่'ท้' ก้วธลานา!ลป!''”'“เยะ'ท"'’'’ ■า อน้งสึก’วิไล!นาน 1 น ไค้นก่ปา!ลุท!ที" •ะ ป’ะ ลา’ ที" ปาฎใ'เก!เส!'”สส กน ท!ยํ่สงว!ศส กาชวปา!สุท!ศล ป้กจ่ 11 สนนืสสดศส ท ‘ที 0 ว่าปา ฎํโนก’'"!” ทียนึ ๒ 1 ]ก-!')กึก กา!หุหสีส วา!ตุดสืส จา!หฺตสึล นน ไค้แก่ที"ท! หลาย ยัน‘นที 0, 'ก ปาฎํโนห์ลั!ว!ที" กึยไค้แก่รุทนานชุททกวัก’น 00 ให‘แ ลนค''!เก่ายันพ’ะเยัาเทกแา” 'กทํ ๙๖ กคฺตพฺพํ อทํ การตฺคพฺพํ" ค้ฟ้ วารตศสืล น'น ใกิแก่อาฟ้, 00 ชัน; ๕ และอาบ่; 0 กชัน; ๙ อ่น์พระเร่าเทศนาในปาฎฺโ))ห์ทว ๒ ร่า “3หํ น กตฺตทฺพํ อทํ น การตฺตทฺทํ’' 0 -,ป็ ๆ ล',น อินทรีย์สังวรศีลนน ไก้แก่กํรียา 0 'นกิกยุ,กยๅย่' 0 ฐนท ๖ ป็ชักยุเป็น 0 -น ล), 0 -, 00 ๅ 0 น หระเร่าเทศนาร่า , •ก;เม ภกฺ,เว ผสฺสา 0 ตม 1 สุทนฺตา ธุทุตฺตา” 0 ,!;เป็น 1 แล., อา ชึวปารสุท;ศล น"น ไ 0 แก่! 0 นํใล),นลํก 1 , 0 นลํกยุแล่,,หา 0 -)ป็, ช10 ๔ ป7 . 013 ควยกำลังเพียรเชอบแล-ว และบริโภคแล ๆ บึา)าพุ่(นมสสตศึ 0 นนใ 0 แก่กิริยาอันกิกยุ 3 ' 1 , เอายงบชร่ย่ชาคท, I ป,ะกา,อันชอบแล่วี พึงหิชา,[เทโคย!ยนิโลมนลิกา,ก่อนแลวีริ,บริ! 00 คมควยคำก่น่หระเร่)เทศนามา!น แอัง 0 ลุ 0 ,และชัน 0 ปม ลุ 07 แ 0 . วินัย ฐ 20 1 -•[ 11111 , 11011 ,,” 111 โพนแล ๆ ? ขนสตรพรหมวิหารบ่นตน นโม ตสส ภควโต อรหโต สมุภ สมุพุทุธสฺส ฯ อุกาส วนฺทิดวา สิรสา พุทฺธํ ธมุมํ สงฺฆฌฺจ่ อุตุต* เทย . ย ภาสาย ป)กุขามิ กมฺมฎฺฐานํ ทุวิทุกนฺติ ฯ อุกาส ยุตติโอกาส อหํ อันว่าข้า วนทิตวา มักว่า อภิอาทเรน วน.ทิตุ วา ข้าพเข้ากราบไหว้มัวย สกกจจํ เการพโคยเออเออย่างย็มันกาลมัคน พุมุ! ม กว่า สพ . พณ / ฌุตฌฺญาณํ ซึ่งพระพุทธเข้าผู้ครสร้ซี่งเญคยธรรบทาปวา อุตุ ต บํ อนสุค 5 อ มุตุ ต อนห า บุกกลและเทวคาท่งหลายจักยอคมัยมไปกว่ามิไค้ อนํ อนว่าว่าขาพเจา วนทา ย่อมกราน ไหว้พระพุทธเข้พระองค์นนโสคร์ สิรส' 1 มัวยเทียรเกข้า เ แห่าข้าพเข้มันกากมักน จ มกว่า น เกวลเมว พุทฺธํ อภิวนฺทิยามิ ใช่ว่า ข้าพเข้าข้กกรานไหว้นะเพา ะ พร ะ มุ! ทธเจุ า' พระองค์เทียวเท่านนจกเสรจกิจ 1 สน อาเวาขา วนทต'วา มกวา อกอาทเรน วนุทตุวา ข้พเข้กราบไหว้ควยสกกจจะเคารพโคยเออเพ่ออยางยง ธนุ มกวา ธมุม นวโสกุตุตร ธมมํ ทสวิธํ ปริยตติยาสน ซึ่งพระนวโลกุคครธรรมเข้าเข้าบ่ระการ ® ๐ กับทงพระไครบป็ก เข้ท , ง ๓ อันเกิคแก่พระโอษฐ์ของพระสพพญฌูโคคมเข้า ๆ สวากุาาโ ต ภควตา ธม .โ ม และพระธรรมเข้นนโสคร์ พระผู้มีพระภาคเข้าทรงแสคงคีแลว ขาพเข้าย่อมกราบโหว ซ งพ ระ ' ธรรมเข้านน สิรสา ควยเทียรเกลา ฯ เ แห่งข้าพเข้าไนกาลมัคน ๆ จ มก ว้า น เกวล เม ว พุทธิ ธม จ อภิวาทิยามิ, มิใช่ว่าข้าพเข้าจักไหว้แค่พระพุทธเ จุ าแ ละ ทร ะธรรม เข้,เทานนแ'ละ'จกสำเรจฌนอันที ๆ อหํ อันว่าข้าทเข้า วนทิตุวา มั ก ว้า สสิ 0าทเร วนทิตวา ข้พเข้กราบไหว้ควยสกกจจะ 1 เคารพโค 1 ยกวาม 1 เออ 1 เฟ่ออยางยมันกาส'นคน ก สงุ^ มักว่า อฏฺฐ นฺนํ อริ ยปุกุ คลานํสนุ หํ ซึ่งอันประชุมนุมแห่งพระอริยสุคคส 1 ข้าท งห าย๗ค จาพวก ๆ * สุปฏปน.โน ' ผูปฏิบคทีแมัว อุชุปฏิปนฺโนผู้ปฏิบ่ทีครงแลว ฌายท่อิปน.โน ผู้ปฏบคเพึ๋อรู้แข้ง สามจิปฏปน.โน ผู้ปฎิบคชอบ พระอริยบุคคลเข้าทสายเทส่า น น] สฅ อุตุต'โม อนอุคมเบนผู้บรรเทา , เสยซึ่งความมิคมนค์อนธการ กล่าวที 0 อ วิ ชชา ต " ณห ะ า อุปาทาน กรรม ไค้ขาคแมัว ๆ อห้ อนว่าข้าพเข้ย่อมกราบไหว้ซี่งพระอริยบุ คกณ ข้า ทะง หลาย แปค จำพวกนนโสคร์ สิรสา ควยเทียรเกลา ฯ เ แห่งข้าพเจาในกาลบคน ว ๙๘ ฅทนฺตริ ถดนนไปภายหนา ขไพเจ่าจกกระทำมนะอนอ่อนนอมนมสการ อุทิศฅ่อ พระพุทธรฅนะพระธรรมรกนะ พระสงฆรฅนะท , ง สามประการควยดี ๆอหํ อไเว่าขำพเจไปวกฺขามิ มกว่า ปริยิสฺสามิ จ่กเร็ยนเอาซึ่งพระกไ)มฏฐาน ทวิทกํ ม'กว่า สมถวิปสสนาสงฺขาตํ ทฺวิทุก อนมีหมวดสองประการ กล่าวดือ สมถะกไ)ม'ฏฐานและวิบสสนากไ)มฏฐาน และพระ ก'มมฎฐานเจ่าเหล่านนโสกร์ พุทฺธํ มกว่า ปจเจกสมฺปตติ ยงเบนศริอริยสมบกของพระพุทธเจำ และพระบจเจกพุทธเจ่า จตุตฺถอริ ย สมปตุต ย'งเบนอริยสมบกด้นพึงพอใจแห่งพระอริยสาวก เจ่ากู่เการพส็่ ฯ อนึ่งกำล่ง้สอนของพระพุทธ เจ ไนน นกปราชญ์ทีงหลายปริยายไว้โดยภาษาบาลี ในทนึ่จํกกล่าว เทยฺยภาสาย ด้วยภาษากำไทย เพื่อจว้าได้จำทรงไว้ควยง่าย กำสอนของพระ พุทธเจ่าทรงแสดงไว้ทุก ๆ ประเภทก็เพื่อ จ' กหว้าเสียจกทำลายเสียซึ่งขไเธ์ทงหำ ดือ รูปขนธ็่ เวทนาขนธ็๋ สญญาขํนธ็๋ ส่งขารข่นธ็๋ วิญณาณขนธ็๋ ทรงชของจริงทีงสี่ ดือ ทุกข็๋ สมุท่ย นิโรธ มรรค ลงในขํนธ์ทงห่านึ่ เมื่อรู้แจ้งแทงกลอดด้วยวิบสสนาญาณของกนเบน อริยธรรมแลวก็จ่กนำกนให้วิมุกกิหลุดพนไปจาก อวิชชา, ต ,, ณหา, อุปาทาน, กรรม, นำกน เขำ สู่เมืองแกวอ'นนกปราชญ์กล่าวแลวดือพระนิพพาน กามโบราณพระขีณาสพเจ่าท , งหลายแก่ใน กาลปางก่อนโพนแล ๆ อุกาส ยกกิ (ยกิ) โอกาสนึ่ ขาแก่พระแกวเจ่าทงมวญมืพระวิบสลีสมมาล่มพุทธเจ่า เบนกนเบนปฐม มืพระบรมสพพญญโกดมเจ่าเบนบจจุบน อไแบนดวงประทีปแกวส่องโลกทงสาม ให้สว่างกระจ่างแจ่งโดยทางธรรม ขำพเจ่าทงหลายผ้ที่มาประชุมในทีนึ่ก็ดี มิได้มาก็ดี แก่ มีอุศลเจกนาฉนทะเบนด้นเดียวกน กระทำสว้าการะบูชาการวะ ทงภายในและภายนอก ส่วนที เบนภายในมืขนธ์ทีงหำพรอมทีงสไ)มาปฎิบกในธรรมานธรรมะ ลีลาจาริยวกริ ฯ ภายนอกมีขำ'ว กอกดอกไม้และธูปเทียนเบนกน ฝูงขไพเจไทงหลายทีได้ขวนขวายมาถวายอุทิศฉะเพาะไญยย- ธรรมโดยชอบ จึงนอบนอมนำมาสู่สถานทีนึ่ ได้มีศรทธามาดากาลอธิษฐานไว้ในใจ กระทำไว้ ให้เบนสองโกฎฐาส ดือปฐมโกฏฐาสนน จกขอบูชาสไ]มาซึ่ง สลาทิคุณ สมา?อุณ บญญา นิคุณ วิมุติคุณ ซึ่งเบน่อริยธรรมนำสรรพล่กว์ให้พนจากล่งขารธรรมล่งขารโลกโอฆะสงสารดง สจจะปฏิญานนึ่ ขอจงเมนเหทุเบนพลวบจจ'ยให้ได้สำเร็จแก่พระนิพพาน โดยสมกวรแก่บารมี ธรรมในอกภาพชากินึ่เทอญ ๆ แม้ยกิเจ่ากนใดกนหนึ่งพึงปรารถนาเอายงพระโพธิญาณนนก็ดี 66 ขอจงให้เบนเหคเบนบจจ่ย ช่วยอปถํมภ์บำรุงให้กงยอคบญญาอํนชอวาสพพญญุคญ' 1 ®เอนวกน ' 1 สรรพสํฅ์ว์ฟ้าส่พระนฤพานคาม*โบราณประ'.'พณีแห่งพร : ะทุทธเจำ'ทงบ่'วงใ'เนเทอญ ๆ ทุคยโกฏิฐาส คำรพสองนน ช่าพเจ่าทั้งหลายจกนอมนำมาประคํษฐานไว้ในที่ฉะเพาะพระพกฅร์ แห่งพระทุทธ- รปพระสถปพระเจคย่และไมพระศรมหาโพ® ขอบูชาสมมาการวะชงพระนวโลกุคคร®รรมนาม บญญํกิทั้งมวญ ชำพเจ่าทั้งหลายซึ่งม๊ไค้รู้จกและไค้ประมาทพลาคพทั้ค่อพระนรโลอุคร®รร มเจุ, า นึ่นมิไค้มีสมมาการวะคํวยทวารทั้งสามและอิริยาบกทงสิอนไคอนทนงกค จำเคิมแคชากถอยกลบ ไปหนหลังทั้ง ธนนก ชา กิ สงสารอันหา เก้าหามูลบ่อมิไค้ ฝูงขาพเฑ้ทั้งหลายก็ รู้แก่ใจในบคนว่า เบนบาปพน โทษเบืนอนมาก และโทษทั้งหลาย เหล่านนคือ โมโหอหิริกํ อโนตฺตป!] อุทฺธจฺจํ ราโค ทิฏชิ มาโน โทโส กิจุนา มจุนริยํ ถนหิทุธํ กุกุจุจํ วิจิกิจฉา อวิชชา ตณหา ฯ เพราะบาปธรรม ©๔ กวน หากมาบนคาลให้มีคมนค์อน®การควยอำนาว อวิชชา ติณหา อุปาทาน กรรม หากมากรอบงำในวิคกิ ลันคานมิให้ร้จกของวริงทงสิ คือ ทุก ข สมฺทย นิโรธ มรรค ซึ่งเบนของประจักษ์ในเบ็ญจขน®แห่งอาคมะน จึงไค้มีจึคค์เบนมิวฉา ไม่รู้ละอายก่อบาป ไม่สคุ้งกลัวก่อบาป ไม่ยินกิก่อสาสนธรรมคำส่งสอนของพระทุท®เจ้า ขอ พระพุทธเจ่าทั้งหลายวงไค้มีพระหฤทํยอัววโยโทบให้คืว้ยพ ,3 ะกโ ณา ทิกุ ณ โค ยทางสมม กิ ธรรม นก่^ รบเอาเกรื่องลักการะอามิสบชาอันเบนส่วน®รรมบร รณาการ แห้ งร ก้พ เ ทั้ า ที่ 3หลาย โ น๓ลบ 'กิที่ ฯ กิ ก ประการหนึ่งขอพระคุณทั้งสาม กอพระกรุณาคุณ พระบญญาคุณ พระวสุทธคุณ ซงเบน ธรรมอนบริสทธคจพระอาทิคย์อํนทรงกลค และพระจนทรในวนเพญ จงสองแสงสวางกระวาง แจัง ช่วยคำจัคโทษและความมีคออกวากวคค์สนคาน กระทำให้เบนอโหสิกรรม ก่าจัคเสียก้ง เสีย เผาเสียนำเสียซึ่งปาปให้เสีอมสูญ ควยคอังกปหาน วขมภนปหาน และสมุจเฉทปหาน ขอ ให้ก้พเจ้าทั้งหลายนึ่ เบนผู้บริสุทธพนจากโทษทั้งมวญ ประคุจเรินเสียงแตะทองคำเสียงอนสุกไส จากมลทินรากิโทษ จากกะกวและทองซึ่นเบนอัน ฯ อีกประการหนึ่ง ขอให้ขำพเจ้าทั้งหลายเบน ผ้บริสุทธจากโทษนนอังพระจันทร์และพระอาท้คย์ อันเสค็จขนมาเหนือจอมเขายุอันทร เข' 1 พระสุ 1 เมรุราช อํนํปราศจากเมฆหมอก และมีสีอันเลื่อมประภัสสรฉนนนเทอญ ขออย่าให้เบน นิวรณธรรมผายลักคาวร มรรคาวร อันจักหามภูมิทั้งสาม คือกามาวจรกุศลภูมิ รูปาววรกุศล- ■I- ©00 ภูมิ อรูป'■เวจรกุศลภูมิ และ'โลกุฅฅรภูมิ ซึ่งยอกเยี่ยมกว่าภูมิทงปวง ฯ อีกประการหนึ่งข้าพเจ้า อังหลายจไปรารถนาภาวนาพระสมถะอัมมฏฐานเจ้าสีงใคลืงหนึ่งก็คี อังกนแก่พระวิเทฺทกบกิและ มีพระอสุภกไมฏฐานเจ้าเบนปริโยสาน ขอให้ไค้สำเร็จพระอุกกหนึ่มิฅร์ พระปฏิภาคนิมิกร์ (พระอนิมิกนิมิฅร็เจ้า) จงมาสกิกย์อยู่ในจิกค์สไคาน ฅลอคทุกสรรพท้พารากรีกาลอย่าไค้ขาค ๆ ประการหนึ่งขอให้ไค้พระอุปจารสมาธิ พระอัปปนาสมาธิเจ้าจงทุกอไขระทุกพยญชนะอย่าให้เหลือ อย่าให้ขาก แม้อักปรารถนาภาวนาวิบสสนาบญญาแห้งพระอัพพญญโคกมเจ้าลืงใกสงหนึ่งก็กี กง กนแก่ , พระสีลวิสุทธึ้เบ็นประธาน พระอโลมิกญาณเจ้าเบนปริโยสาน ขอ'ไห้'ไค้ยงสกิ ธมมวิจยะ อัมโพชฌงค์ อันอักเบนองค์คำเนินขนสู่อธิสีลสิกขา อธิจิกคสิกขา อธิบญญาสิกขา อันอุปมา ควยคาบอันกมกล่า จกไค้เบนเครื่องปร ะหารกิเลสมารและอาสวะธรรมอังปวงให้ขาคไป ไค้ญาณ ทสสนะสองส่อคคูพระอักษณะ มนสิการะในรูปธรรม นามธรรมเบนส่วนอนิจอัง ทุกขง อน่กกา ให้เสื่อมสูญไป ไค้เห็นอันกิธรรม วิสุทธิธรรม วิมุกิธรรม มรรคธรรม ผลธรรม นิพพาน ธรรม นิากนให้พนไปจากอัฏฏอังสาร สมอังมโนรถจงทุกประการเทอญ นพVทน ปจฺจโย โหตุ ฯ ขนขมาพระไตรรตน์แบบพิสดาร อุกาส อจจโย โน ภนเต์ อชฌคฺคมา ยถาพาเล ยถามุฬฺเห ยถาอกุสเล เย มขํ ภนเต ทุฏฐจิตตา ปมาทจิตตา อคารวา อสมปดติโย เต ติสุ พุทฺธาทืสุ รตนตเยสุ กาเยนวา วาจาย วา มนสา วา ปมาทํ อกริมหา ตสฺส เม ภนฺเต พุทโธ ธมโม สงโฆ อจจยํ อจฺจยโต ปฏิคณฺทาตุ อายติ สํวเรยุยาม กายกมฺมํ วจิกมมํ มโนกมมํ สพพปาป จินสสต ฯ คำปฏิญาณสตย์ต่อพระรตนตรย อุกาส ยฅกิโอกาส ข้าพเจ้าอักปฏิน่กบูชากามคำสอนพระสพพญผูโคดมเจ้า อัน ประกอบควยพระมหากรุณาธิกุณ จำเกิมแก่วนนึ่ ข้าพเจ้าขออังสกยาธิษฐานมอบถวายกายวาจา จํกค์ อุทิศให้เบนพุทธบูชา ธรรมบูชา อังฆบูชา กลอกชีวิก จะขอก่งอยู่ในพระไกรสรญากม ๑๐๑ ควยหลกธรรมท ะ งฟ้าประการคือ ศรทธา วิ?ยะ สติ สมาธิ บญญา เบนหลกของใจ กล่าว โคยฉะพาะ จ่กคำเนินในพระปาฏิโมกข์ส่ง'วรศล อินท?ยะส่งวรศล อาชวปา?สุทธิศล บชจยสนนิสุสิตศืล อนนิให้เบนนิกย์ คราบเท่าสนชีวิกแห่งอากมา (สำหรบฆราวาสให้ว่า ศีลห่าหรือศีลแปคหร็อกรรมบถสิบ ควเบนสามเณรให้ประกาศศีลสิบคามเพศของคนนนเทอญ) โคยสฅยาธิษฐาน น้จจํ วุฑฺฒิ จงทุกประการ เทคญ ๆ คำสมาทานธรรม บคนิขาพเจ่าจกก่งฟ้องพระสมถะอนบ'ณฑิกนบว่าเบนเรือนแกว ศีอ เสกุขธรรมฟ้า ประการ ส ทธา ความเชื่อ ® ห? ความละอายฅ่อบาป ๑ โอตใ) ป ความสทุ้งกล'ว่ค่อบาป © วิ?ยะ ความเพียร © ปถ]ถเา ความรอบร ® พระธรรมฟ้าประการนิให้เบนกำล'งของใจ ไค้ นามว่า สมถะพลธรรม แดวจ่กก่งใจภาวนาในพรหมวิหารเจ่า ๔ ประการ มีเมคคาเบนคน กรุณาเการพ ๒ มุ'ดิคาเคารพ ๓ อุเบกขาเคารพ ๔ เพีอจะขอเอาพระอุปจารสมาธิ อปฺปนา- สมาธิธรรมเจ่านิให้เบนที่พึ่งของใจ ขอพระธรรมเจ่าทง์หลายจงมาประดิษฐานอยู่ในจีฅคสนคาน แห่งขำพเจ่าโคยเร็วพลน ขอพระอริยะส่งฆคุณเจ่าทงั้หลาย จำเดิมแค่พระมหาอญญาโกผุฑญผุ เถระเจ่าจนถึงส่งฆสมดิสงฆ์ จงมาบนดาลเบนกำแพงแกว ๗ ชน บองกนสรรพอุปทวนคราย อย่า ให้มากรากรายในกายทวาร วจีทวาร มโนทวาร ขอคุณพระอาจารย์เจ่าผู้ส่งสอนพระกมมฏฐาน และขอองค์พระคุณพระกใ]ใ]ฎฐานเจ่า จงมาเบนควงประที่ปแกว ส่อง'จีฅค์'ให้ผ่องแผ่วปราศจากใ]ล ดินทุกเมื่อ เทอญ ‘ใ อกาสะ ยุคดิโอกาส ในบคนิข่าพเจ่าจกกระท่าปฏิบคบูซาคามคำส่งสอนของพระสหเ- พญฌเจ่า ขำพเจ่าจกขอเอาพระอุปจารสมาธิ พระอปฺปนาสมาธิธรรมเจ่า ในฟ้องเมคฅาพรุห}]วิหาร จงมาบ'นคาดให้บงเกิคแก่ขำพเจ่า ควยคำว่า อติบ โส ภคว 1 ฯ เม่ ฯ พุทฺโธ ภควาต็ สมมา อรทํ ๓ ที่ อรหํ สใ]มา ๓ ที่ฯ จบหองท่ ๑ ข์นห , อง I® อุกาสะ บคนิขำพเจ่าจกกระท่าปฎิบคบูชาคามคำส่งสอนพระสพพ'ญผูโคคมเจ่า ขำพเจา จกขอเอาพระอุปจารสมาธิ และพระอปฺปนาสมาธิธรรใ]เจ่า ในฟ้องเมคฅาพรหมวิหาร จงมา 4 ๑๐!ซี) บนคาดให้ปงเกิคแก่ขำพเจ่า ควยกำว่า อหิ สุขโตโหมิ๓ท สุขโต โหม๓ท สุข® ท ฯ ขำพเจาจกขอแม่กุศลผลบุญให้สำเร็จผลแก่สรรพสคว์ทงหลาย จนถึงอเวจีอนนคจกรวาฬ อกนิฏฐพรหม ขอจงมาช่วยเพึมเค็ม?)งกุศลบุญให้เค็มเบี่เยมในหองบารมีธรรมลำเร็ชค งม ไ นรถ กุ ก ประการเทอญ อหิ สุขิโต โหมิ ๓ ท ฯ ขำพเจาจ่กอุทิศฉะเพาะอังกุศลผลสุวริคธรรม ศื 0 ให้ขพเจ่ามีความ สุข เสมอคํวยสรรพสํคว์ ท , งหลาย และให้สรรพสคว์ทงหลายพนเลย ว วกกุก ขทง บ่ ว,] จำเคิมแก่อเวจีอนันคจํกรวาฬ อกนํฎฐพรหม จงมีความสุขกุกคน ๆ เทอญ สุขิโตโหหิ ๓ ท ว ขำพเจ่ามีความปรารถนาใคร่ก่อกุศลผลสุวริคธรรม นำความสุขให้เทิคร)นนกคน ในมนษ?)โลก เทวโลก และนิพพาน ค่วยอาการฉนใค ขอให้สฅว์ทงทลายวงเบนผู้เค็มเปยมไบ่คว?)กุ?ช 1,1,ละ กุศลในมนษย์โลก เทวโลก และพระนิพพาน ฉนนน กุกรูป กุกน')ม คว?)ศ' 1 ว' 1 สพุIพ สตตา สขิตา โหนตุ ๓ ท ฯ จำเค็มแก่ส้ค'ว'ทงหลายอนมี'ในสกล.'กา?) มหนอนเบนคน ขอ โ ห 1 " "‘ไ3 4 มกวามสุขกุกคน ๆ เทอญ สุข ๓ ท ฯ จบห'องท ๒ ขนห’อง ๓ อกาสะ นัคนขวิพเจ่าจกกระทำปฎิบคกุชาคามกำสอ น พร ะ ลพพโช^ไ กคมเจา จกขอ เอาพระอบ่จารสมาธิ พระอปปนาสมาธิธรรม 1 เจา ในหองเมคคาพรหมวหาร จงมาประคษฐาธ อยู่ในจกขุทวาร มโนทวาร กายทวาร ในขณะเมื่อขำพเจ่านงภาวนา และยงมิไค้บ 1 'เสุลมหิ สองประการในหองเมคคาพรหมวิหาร แม้เนอขำบก (จกเห?)ว) เลอคขาวกแหง เอนจกข'ฬ 1 สนหลงค่อม หนังปกกระดูกค็คี ถาว่าชีวิฅแห่งขำพเจ่านยงจ่กกำรงเบนโป 0 ยู่ ขำพเว่าวกเพี?)? พยายามเจริญสมณธรรม ยคเอาสมาธิทงสองประการนโหวงโค และในขณะเมอชาพเวานงภาวาเ 1 ควยกำสฅย์อนไค้คงไว้แลวน ขำพเจพว้าบริกรรมก่อไปว่าอตฺต พุ®พวนถึงรอยทิ พนพีว ขำพเจ่าจ่กทอคสฅิไว้ในหทยวคถ แล , วจกเพยรพยายามพวารณาดูยงธรรมากุธรรม'บ่มีาาค อ ^ เกิคอ?)ในชํนธ์ทํงห่าแห่งขาพเวาคอ อาวชุชนวส การชานาญในความเพง สมาป่ชฺชหาส ความชำนาญในการเช่า อธิฎฐานวสี กวามชำนาญในการคงวิคค์มน อุอฺฐ านวส กวๆม ชำนาญในการออก ปจจเวกฺขณวสี ความชำนาญในการพฺวารณาเหคุผล และวกพยายา’) พิจารณาดูยงนักษณะ รสสะ บจจุ’บฏฐาน ปทัฎฐาน อันว่าพระอุปวารสมาธิ ในห่องเมฅคา
  • ®0๓ พรหมวิหารในกาลบคน ขำพเจ่าจกภาวนาขอเอากังธรรมานุธรรมะปฏิบ่ที อนิแกวนสุขุมาล (อน สูงสุค) ขอคุณพระสพพิญญุฅญาณเจ่า จงปรากฏแก่ใจในกาลบดนิ นิพุพาน ปจจโย โทตุ ฯ จบหืองที ๓ ขนหอง ๔ อุกาสะ บนนิขำพเจ่าจกกระทำปฎิบคบชา คามคำส'งสอนของพระสพพญญโกคมเจ่า จกขอเอาพระปฐมฌาณอ'!เปนาสมาธิในห้อ0เมฑคาพรหมวิหาร จงมาบนิดๆลให้เกิดอยู่ในจกิขุทวาร มโนทวาร กายทวาร ในขณะเมื่อนงเจรญภาวนา ถ่าย'งมไค้ปฐฺมฌานอปปนาสมาธิ ในหอง เมฅคาพรหมวิหารน ถาเนิอเหืยวเลือดแห้ง เอ็นขาก สนหลงค่อม หนิงปกกระกกอยู่ก็คี ถามี ชีวิฅคำรงเบนไปอยู่ ขาพเจ่าจกพยายามยึดเอาปฐมฌานกัปปนาสมาธิ ในหองเมคคาพรหมวิหาร นให้จงได้ ควยคำสฅย์นิ ขำพเจ่าจกพยายามบริกรรมไปว่า อตตสุข ๓ ที จนถึงรอยทีพ'นที และจกพิจารณาดูยงธรรมานุธรรมะปฏิปที อนิประดิษฐานอยู่ในขนิธ์สนิกานทีงห้า คือ อาวชุ ชนวส สมาปชุชนวส อธิฐฎานวส อุฎชานวส ปจจเวกขณวส์ แลวจ่กพิจารณาดูกัง ลกษณะ รสสะ บจจุบฏฐานะ ปท'ฏฐานะธรรม คือรปาพจรปฐมฌฺาน ในห้องเมคฅาพรหม วิหารมีองค์ห้า คือ วิตก วิจาร บติสุข เอกคคตา บนินิขำพเจ่าจ'กิภาวนา ยึดเอายงธรรมานุ ธรรมะปฏิบต อนิปราณีคสุขุมาล ขอจงมาบนิดาลให้เอกสญญาณแก่ขำพเจ่าให้รู้โกยพลน เทอญ จใ]Vเองท ๔ ขนใเอง ๕ ฅ่อนิไปให้ขน อุกาสะ ๆ เป ๆ นิVเพานบจจโยโหตุ เหมือนกัน คงแค่ทุติยะฌาน ฅคิยฌาน จคุดถะฌาน มีโองการเช่นเดิยวกนิกับปฐมฌานทฺขนมานิ เบนแค่ให้เปลี่ยนว่า ทุติย- ฌานมีองค์ ๔ คือ วิจารบติ สุข เอกกกตา ๆ ตตึ ฌานมีองค์ ๓ คือ บติ สุข เอกคุกตา ๆ จคุฅถฌานมีองค์ ๒ คือ สุข เอกคุกตา ๆ บญจมฌานมีองค์ ๒ คือ เอกคุกตา อุเบกขา ๆ จบหืองท ๕ ’ ขนใบ้)ง ๖ อุ กา สะ บดนิขำพเจ่า จก กระทำ ปฏิบ้ ทีบชา คามคำสอนพระสพพ ญผูโ กก มเจ่า ขำพเจ่า จ่กเขำอุปจารสมาธิ อปปนาสมาธิ ในห้องเมฑคาพรหมวิหาร จงมาเกิด'ใน จิฅค ๑0๔ สินกาน เมื่อไค้แลวรีณขำเอกกุกกา ขะบวนคนที่สอง ขะบวนคนที่สาม ขะบวนทนทิสึ เมือ ไค้เขำชำนาญแลว รีกเขที่ลำคบให้เบนอนุโลมและปฏิโลม รีกเขำสิบให้เบนอนุโลมปฏิโลม รีก เขที่คืบให้เบีนอนุโลมปฏิโลม รีกเขำว'กรให้พนอนุโลมปฏิโลม เมื่อชำนาญคืแลวจกเขที่สกคะ- บ'ญญทให้เบนอารมณ์'ว่า สตโต สิคว์ ๆ ๑ ปุรตุถมาย ทสาย สพุเพ สตฺตา อเวรา โทนตุ ฯ ๒ ปจฉมาย สิสาย สพุเพ สตตา?)เวรา โทนตุ ฯ ๓ อุตุตราย ทิสาย สพเพ สตฺตา อเวรา โหนตุ ฯ ๔ ทๆขีณาย สิสาย สพุเพ สตตา อเวรา โหนฺตุ ฯ ๕ ปุรตสิมาย อนุสิสาย สพเพ สตตา อเวรา โหนฺตุ ๆ ๖ ปจฺฉิมาย อนุสิสาย สพเพ สตตา อเวรา โหนตุ ฯ ๗ อุดตราย อนุทิสาย สพุเพ สตุตา ณวรา โหนุตุ ๆ ๘ ทกฺขิณาย อนุทิสาย สพุเพ สตตา อเวรา โหตุ ฯ 6 เหฏ?มาย ทิสาย สพุเพ สตดา อเวรา โหนตุ ฯ ๑0 อุปริมาย ทิสาย สพุเพ สตตา อเวรา โหนตุ ๆ ปุรตุ' สิมาย ทิสาย สพุเพ สตตา อพุยาปชฺณา โหนตุ ให้ว่าลำคบสินไปรีนกรน ®0 ทิศ ๆ ปุรตุสิมาย ทิสาย สพเพ สตตา อนืฆา โหนฺตุ ให้ว่าลำคบไปรีนกรบ ®0 ทิศ ๆ ปุรตุ- สิมาย ทิสาย สพเพ สคฺตา สุข็ อตตานํ ป?หารนฺตุ ให้ว่าลำคบไปรีนกรบ ®0 ทิศ ๆ ขำพเจ่กรีก , ขอเข่าพระอุป'จารสมาธ และพระอ'ปปนาสมาธิ ในหองเมคคาพรหมวิหาร จงมาผคขนในรีทฅสินคานแห่งขที่พเจำ เมื่อไค้แลวรีกเข่าวครไว้ในกาย รีกเขำเอกกุกคา ขะบวน กนที่ ๒ ขะบวนฅ่นที่ ๓ ขะบวนทนที่ ๔ เมื่อไค้แลวจํกเขำลำคบให้เบนอนุโลม และปฏิโลม ๆ จํกเขที่สสิบให้เบนอนโลและปฏิโลม ๆ รีกเขำคืบให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ๆ รีกเขำรวบให้เบน อนุโลมและปฏิโลม ๆ แผนทกาวนา ฉากตน ® อเวรา ๒ อพยาปชฺฌา ๓ สพฺเพ สตุตา โหนุตุ ๔ อนืฆา ๕ สุขี อตุตานํ ปริหารนุตุ อเวรา อพุยาปชฺฌา สพุเพ ปาณา โหนฺตุ อนฆา สุขี อตุตานํ ปริหารตุ ๑๐4 ฉากสอง ๑ อเวรา ๒ อพฺยาปชฺฌา ๓ สพเพ สตตา โหนุตุ ๔ อนืฆา & สุขี อตตานํ ปริหารนุตุ ' อเวรา อพฺยาปชุณา ^ สพเพ ปุคฺคลา โหนุตุ อนฆา สุขี อตฺตานํ ปริหารนุตุ ฉากสาม ๑ อเวรา อเวรา 1® อพยาปชฌา อพฺยาปชฺฌา ๓ สพฺเพ 0ดุเตภาวปริยาปนนา โหนตุ ฯ สพฺพา อิตุถิโย โหนุตุ ๔ อนฆา อนฆา & สุขี อตฺตานํ ปริหารนุตุ สุขี อตฺตานํ ปริหารนุตุ ฉากส์ ๑ อเวรา ๒ อพยาปชฺฌา ๓. สพฺเพ ปุริสา โหนุตุ ๔ อนฆา ๕. สุขี อตตานํ ปริหารนุตุ อเวรา อพยาปชฌา สพเพ อริยา โหใ1ตุ อนฆา สุขี อตุตานํ ปริหารนคุ ฉากหา ๑ อเวรา ๒ อพยาปชฌา ๓ สพฺเพ อนริยา โหนุตุ ๔ อน้ฆา ๕ สุขี อตุตานํ ปริหารนุตุ อเวรา อพฺยาปชฺฌา สพเพ เทวา โหนุตุ นุ่ อใ!ฆา สุขี อตตานํ ปริใกรนุตุ ๑©๖ ๑ อเวรา ๒ อพฺยปชฌา ๓ สพุเพ มนุสสา โหนตุ ๔ อนฆา ฉากหก อเวรา อพุยาปชฺฌา สพเพ วินิปาติกา โหนตุ อนฆา สุขี อตตานํ ปริหารนุตุ & สุขี อตุตาน์ ปริหารนตุ ~ นิพุพาน ปจฺจโย โหตุ ขนโองการทสอง กรุณา บคนขำVงเจาจ , กภาวนาพรหมวิหารเจ่ ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพือ จก ขอเอาพระอุปจารส?}ๅธิ และพระก่ปปนาสมาธิ ขอพระพุทธคุณ พระธรรม¬ คุณ พระสงฆคุณ และองค์พระกไ)มฏฐาน เบนสรณะของขำพเจ่า อุกาส บคนืขํพเจ่จ่ ก กระทำปฏบคคิบูชา ฅามกำสอนพระสํพพญญุโกคมเจ่า จ่กขอเขํอุปจารสมาธิ และอปปนาสมาธิ ในหองกรุณาพรทมวิหาร จงมาบนคาลให้เก๊คแก่ขํพเจ่ก่ๅยทำขำ อิดึบ โส ภควา ฯถๆ พุทโธ ภควาต ๆ สมฺมา อรหํ ๓ ท ฯ อุ กาส บคน้ขํพเจ่จ่กกระทำปฎิบฅคิบชาคามทำสอนของ พระสพพญญูโกคมเจา จกขอเขาอุปจารส?,เาธิแล;อไ)ปนๅสมาธิ ในห้องกรุณาพรหมวิหาร จง บนคาลให้เก๊คแก่ขำพเจ่าควยทำว่า อา! ทุกขิโต ปมุฌจา?! ๓ ทิ อหํ ปมณจา?! ๓ ทิ ปมุญฺจาม ๓ ท ฯ ขำพเจเจกขอแผ่ส่วนคุกลผลสุจริค ย์นขํพเจ่ไค้พนจากทุกข์ให้แก่สรรพ- สควทงหลาย จนถึงอเวจีอนนคจุกรวาพ อกนิฏฐพรหม ให้มาเพีมเค็มคุกีลผลสุจริฅแห่งขํพเจ่ และขอให้สกวทงมวญจงเบนผู้พนจากนุ?ๅขํ นุกรูปนุกนามเทอญ ๆ อหิ ทุกขโต ปมุฌจามิ ๓ ท ขํพเจ่มีความปรารถนา'ในกองการคุกลผลสุจริค เพื่อกวามสุขในมนุสสโลก เทวโลก และพระนิพพานควยอาการฉนโค ขํพเจ่ขอให้สรรพสกว์ทงมวญมีส่วนคุกล ทำคนให้พนจาก ทุกข์ เพีอไค้เสวยกวามสุข ในมนุสสโสก เทวโลก และพระนิพพานควยอาการฉนนน ทกรป ทุกนาม ควยทำสฅย์ขำ ะ- สพุพ สตุตา ทุกฺขา ปมุณฺจนฺตุ ๓ ทิ จำเค็มแค่สฅว์ทิงหลาย อนมในสกลกาย เบนกนขำหนอนก็คื ขอให้มีส่วนคุศด ทำคนให้พนจากทุกข์ท , งมวญเทอญ ๑๐๗ ปบฌจามิ ๓ าา อุก าส บคนิขวิพเช่าจํกเขำกระทำปฏิบคติบูชา คามกำสอนพระสพพญญู โคกมเช่า ช่าพเช่าจกเช่าอปจารสมาธิ อไ]ปนาสมาธิ ในหองกรุณาพรหมวิ'หาร จงบ'นกาลให้ เกิดอย่ในช่กรุ)ทวาร มโนทวาร กายทวาร ในขณะเมือนึง์ภาวนา ด่าขาพเจามิไค้อุปจารสมาธิ ในหองกรุณาพรหมวิหารน แม้ว่าเนิอช่กิเหี่ยว เลือกจกแหง เอ็นจกขาก สนหลงก , อม หนง ปกกระกกอย่อ็ติ เมื่อชีวิตยงกำรงอยู่ช่กิเพียรพยายามกระทำอุปจารสมาธิ และอปปนาสมาธิ ในห , องกรุณาพรหมวิหารนิให้จงไค้ ควยอำนาจสช่จะวาจานิ ข่าพเจาจกคงใจบริกรรมไปว่า อาโ ปมุฌจามิ ๓ ที จนถึงรอยทีพนที และช่กิฅ ะ งลติไว้ในหทยวคสุ กระทำมนสิการในธรรมา¬ นธรรมะปฎิบค อนเกิดอยู่ในขนธ์ท่งห่า คือ อาวชุชนวส สมาม่ชุชนวส อธิฏฺขิๆนวส วุฏขิกนวส์ ปจจเวกขณวสิ แด่วจะพิจารณาคูยงด่กิขณะ รสสะ บจจุบฏฐานะ ปทฎฐาน- ธรรม สำหรบอุปจารสมาธิและอปปนาสมาธิ ในห 1 องกรุณาพรหมวิหาร ฯ บดนิข่าพเช่า , จกภาวนา ธรรมานุธรรมะปฎิบค อนประณีกสุขุมาลนิ จงบนกาลให้ส'ญญาณ ให้รู้แจงในกาลบ'กนเทอญ นิพพาน ปจจโย โหตุ ๆ อุกาสะ บดนิขำพเช่าช่กิทำปฎิบคติบชา ตามกำสอนพระสพพญญโกคมเช่าจกเช่า ปฐมฌานอไเปนาสมาธิธรรมเช่าในหองกรุณาพรหมวิหารเจานิ จงมาบนกาลให้เกิดอยู่ในช่กขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งขำพเช่า ในขณะที่นงภาวนานิ ขาพเช่ายงมิไค้ปฐมอปปไเาสมาธิธรรม เช่าในหองกรณาพรหมวิหารนิ แม้ว่าเนิอจะเหี่ยว เลือกจะแหง เอ็นจกขาด สนหลงจกค่อมหนงขา ปกกระกกคย่ก็ติถ่ายง์มืชีวิตดำรงอย่ ข่าพเช่าจกิเพียรพยายามยึดเอาปฐมอปปนาสมาธิเช่าในหอง กรณาพรหมวิหารนิให้จงไค้ ก่วยอำนาจแห่งกำสติย์นิแลวจกตงบริกรรมไปว่า เ อนิ ป่มุญฺจาม ๓ ที รอยที พนทีเสร็จแลว ข่าพเช่าช่กฅ่งสค้ไว้ทีกลางหทยวฅถโห้เทียงควยกีแลวจกพจารณา กย้งธรวมานุธรรมะปฏิบทติบํติ อ'นเกิดกงอยู่ในขนธ์ทง ๕ อาวชุ ชน วส สมา บ่ชุชนวส อธิฏขิกนวสวฏฺจาน-วสิ ปจจเวกฺขณวสิ เสร็จแด่โวจกก่ง , ใจพิจารณาคูล'กิษณะ รสสะ บจจุ บฎฐานะปทฎฐานํธรรมอัน'ว่ารูปาวจรปฐมฌาน'ในหอ-งกรุณา , พรหมวิหาร'น , ปร:ะกอ , บดว!ยอง'ค์ท็ง3 คือ วิตกวิจารบติ 1 สุข เอกคคตาบ , ค้นิขำพเจ , วิ'จกภาวนานอมเอายงธรรม'านุธรรมะ , ปฏินิด อน ประณีทสขุมาลนิให้จงไค้ ขอพระธรรมนจงมาสญญาณให้ขาพ-จารู้แจงเทอญ นพ พาน ใ]จจฺ[โย โหตฺ ๆ อุกาส ในบกนิ ข่าพเช่าจะทำปฏิบชาตามกำ สอน ของพระ สพพ ญณูโก'อมเจ' 1 ฃาพเช่า จก เขา ทุติย ฌาน อัปปนาสมาธิธรรมเช่า ในหองกรุณาพรหมวิหารเช่า จงมาเกิดอยู่ ใน ช่กิขุทวาร • 9 . มโนทวาร กายทวาร แห่งขำพเ'จำ , โน'ขณะเมื่อ 1 ขำพเจ 1 าน'งภาวนาและยงมิไค้'บรร'ดุ , ทุกิ!ยอ'ป'ปน' 1 สม' , 'ธิ ธรรมเจ่าในหองกรุณาพรหฺมวิหารน แม้ , ว่าเนํ้อจ่กเหี่ยว เลือกจกแหง เอ็นจกขาก หลงจกก่อม หนังปกกระคูกอยู่ก็คึ ล่าชีวิกยงกำรงอยู่ จกเพียรพยายามยีคเอาทุกิยอวิปนาสมาธิธววมเจ่าใน หองกรณานให้จงโก้ ในขณะเมื่อขำพเจ่านงภาวนาอวยกำสกย์อนน จกบริกรรมไปว่า อห ปมุฌจามิ ,, ๓ ที รอยที พนที แล่ว ขำพเจ่าจะก , ง์สกิไว้ในท่ามกลางหท่ยวกสุ แลวจกพยายาม พิจารณากูแห่งธรรมานธรรมะปฏิท่กอ'นอยู่'ใน , ขน'ธ์ท่ง์! ๕ แห่งขำพเจาอือ อาวชุชน สมาปชุชน อธิฏจาน วุฎขึกน V ปจจเวกขณวสี แลวจ่กพิจารณากูย'งลกขณะ รสสะ บจจุบฏฐานะ ปนัฏิฐานธรรม รปาวจร ปฐมฌานในหองกรุณาพรหมวิหารน ประกอบกวยวิกก พระอาจารย์ กล่าวไว้ว่า ย'งหยาบนักชื่อว่าเบนโลกิยธรรม รู้หาย รู้กาย รู้เกิก ๆ บคนขำพเจาจํกกำหน ก ภาวนาเอา ทุกิย ฌานอนปร'"ออบกวยองกหง ๔ กอ วจาว พ ต สข เอกคคตา บกนขำพเจ่าภาวนายึกเอาธรรมะปฏิบกอวิเปร"ณกสุขุมาสนใหวงไก ขอเจากูจง มาสญญาณแก่ขำพเจ่าให้รู้แจ้งเทอญ นิพฺพาน ปจุจโย ในทุ อกาส นักนขำพเจ่าจกท่าปฏิบกบซากามกำสอนพระสพพวิ!)ณูใกกมเวา ขาพเจาจก เขำกกิยฌานอัปปนาสมาธิธรรมเจ่าในหองกรุณาพรหมวิหารเจ่านํ้ จงมาบนกาลให้เอิกอยู่ในวอขุ- ทวาร มโนทวารกายทวาร ในขณะเมอขาพเจาน์งภาวนา ถายงมไกบรรลุกกยอปปนาสมาธธรรม เจ่า ในหองกรุณาพรหมวิหารเจ่าน แม้ว่าเน็อจกเหี่ยวเลือกจกแหง เอ็นวกขาก สนหลงจกก่อม หนํงขาปกกระกกอยก็กถาวาขวิกยงกำรงอย จกเพยรพยายามเขากกยอปปนาสมาธธรรมเจาในห®ง กรณาพรหมวิหารเจ่านใท้จงไก้ ในขณะเมอขาพเจานงภาวนากวยอาสกยอนมน ขาพเจาจกกงใจ บริกรรมไปว่า อหิ ปมุฌจามิ ๓ ทีและรอยที พนที แลวจกกงสกิไว้ในท่ามกลางหท่ย์วกสุ แลวจกพยายามพิจารณากูยงธรรมานุธรรมปฏิบก อวิแกิออยู่ในขนธิ ^ แห่งขำพเจ่า อือ อา- วชุชนวสื สมาปชุชวนสี อธิฏฺรานวสี วุฏฺรานวสี ปจฺจเวกขณวสี สำเร็จแลวิขำพเจ่า จกพิจารณาค ยงล่กษณะริสสะ บจจุบฏฐานะ ปทฎฐานะธรรมเจา อนว่ารุปาวจรทุกยฌานใน หองกรณาพรหมวิหารเจ่าน ประกอบควยวิจาร พระอาจารยเจากลาววายงหยาบนก ขอวายง เบนโลกิยธรรม ร้ฉิบหาย ร้กาย ร้เกิก บกนขาพเจ่าจกกำหนกหมายอวยอวามกงใจจรงแลวจา ภาวนาขอเอากกิยฌาน อนประกอบ คว ยองกทง ๓ กอ บต สุช เอกคคฺตา ฯ บกนขาพเจา ©๐๙ จกภาวนาขอเอาธรรมานุธรรมปฏิบก อนประณ์กสุขุมาลนิให้จงไค้ ขอพระธรรมเจาจงมาสญญาณ แก่จ่พเจ่ให้รู้แจง์ในบคนิเทอญ นิพุทาน ปจฺจโย โหตฺ ฯ อุกาส บคนิขำพเจ่จ่กทำปฏิบกกบูชากามกำสอนของพระสพพีญญูโคคบเจา ขำพเจา จ่กเข’าจกุกถะอ!)ปนาสมาธิธรรมเจ่ ในหองกรุณาพรหมวิหารเจ่าน จงมาเกิคอยู่ในจกขุทวาร มโนทวารกายทวารแห่งขำพเจ่าในขณะเมื่อน , งภาวนานิ ถ'าขำพเจายงม้ไค้ จกุกถะอัปปนาสมาธิ ธรรมเจ่าในหองกรุณาพรหมวิหารเจ่านิ แม้ว่าเนิอจกเหี่ยวเสือกจ'กแห้ง เอ็นจกขากสนหลงจกค่อม หนงปกกระคูกอยู่ก็ดีถ'าชื่วิกยงกำรงอยู่ ขำพเจ่าจกเพียรพยายามเข่าจกุกถะอัปปนาสมาธิธรรมเจา ในห้องกรุณาพรหมวิหารเจ่านิให้จงไค้ ในขณะเมื่อขำพเจ่น'งภาวนาควยกำสกย์นิ ขาพเจาจกกงใจ บริกรรมไปว่า “อหิ ปมุณจานิ ,, ๓ ท รอยที พนที เสร็จเรียบรอยดีแลว ขำพเจ่าจกกง สฅิไว้ณะทำมกลางหทํยวกกุ แลวจกพยายามกูย'งธรรมานุธรรมปฏิบกอันเถิกอยู่ในขนธิ™ ๕ แห้ ง ขาพเจ่า คือ อาวชฺชนวสื สมาปชฺชนวส อธิฏฺธานวส วุฎฺซิานวส ปจฺจเวกฺขณวส สำเร็จเรียบรอยดีแลวจ่กพิจารณาคูอักขณะ รสสะ บจจุบฏฐานะ ปอัฏฐานธรรม อนว่ารูปา- วจรฅฅิยะฌานในห้องกรุณาพรหมวิหารเจ่านน ประกอบควยบกิ บคนิพระอาจารย์เจ่ากล่าว'ว่ายง หยาบนก ชื่อว่าเบนโลกยธรรม รู้ฉิบหาย รู้กาย รู้เกิค บคนิขำพเจ่าจกกำหน ค หมายกงใจจริง ภาวนาเข่าจกฅถฌานอนประกอบควยองค์ทงั้ ๒ คือ สุ‘ย เอกคฺคตา ๆ บคนิขำพเจ่าจกภาวนาขอเอา ธรรมานุธรรมะปฎิบก อนประณีกสุขุมาลนให้จงไค้ ขอพระธรรมเจ่าจงมาสญญาณแก่ขำพเจ่าให้รู้แจ่าในบคนิเออญ นิพพาน ปจฺจโย โหตุ ฯ อุกาส บคนิขำพเจ่จกทำปฏิบ 'ก บูชาคามกำสอนพระอัพพญนุโกคมเจา ขาพเจ่าจก ขอเขำพระอุปจารสมาธิ และพระอปปนาสมาธิธรรมเจ่า ในห้องกรุณาพรหมวิหารเจ่านิ จงมา บนดาลให้เกก เมื่อไค้เจ่คูแล่วิจะขอเขาพระเอกกกกาเจา กระมวนกนที ๒ กระบวนกนที ๓ กระบวนตนที่ ๔ เมื่อเข’าเจ่กูไค้แล’วิจกเขำลำคบให้เบนํอนุโลมปฏิโลบ จ'กเจ่สลบให้เบนอนุ- โลมปฏิโลม จกเจ่คืบให้เบนอนุโลมบฏโลมจกเจ่รวมให้^บนอนุโลบบฏโส 1 ' 1 จกเขาวกรให้เบน อนุโลมปฏิโลม ขำพเจ่จกขอเข’าอักกบ'ญญกเบนอารบณ์ว่า “สตุ- โต ,, ส*กว์ๆๆๆๆ ๑. ปุรตฺถิมาย ทิสาย สพเพ สตตา อลาภา ปมุฌฺจนต ๆ ปจฺนิมาย ทิสาย สพุเพ สตตา ปมุญฺจนฺตุ ๆ อุตุตราย นิสาย สพเพ สตฺตา อลาภา ปมุณฺจนฺตุ ๆ
  • ๑๑๐ ทกฺขิณาข ทิ สาย สพฺเพ สต.ตา อสาภา ป??ณ.จนุตุ ๆ อนุทิสำย สพฺเพ สดดา อลาภา ป??ณ.จนุตุ ๆ ปจฉิมาย อนุทิสาย สพ.เพ สตตา ป??ณ.จนุตุ ๆ อุตตราย อนุ'ทิสาย สพเพ สตฺตา อลาภา ปมณ.จนุตุ ฯ ทกขิณาย อนุทิสาย สพเพ สตฺตา อลาภา ปมณ.จนุตุ ๆ เหฏ?มาย ทิสาย สพฺเ พ สตฺตา อลาภา ป??ณ.จนุตุ ๆ อุปรมาย ทิสาย สพฺเพ สต.ตา อลาภา ป??ณุจนุ ตุๆ I®. ปุรดถิมาย ท สาย สพฺเพ สต.ตา อพฺยาปชฺฌา ป??ฌฺจนุตุ ๆ ให้ เข 1 าไปโคยลำคบ'จนครบสิบทีค ๆ ๓. ปุ่รตถิมเย ทิสาย สพฺเพ สตฺตา นินุ'ทา ปมุณฺจนุตุ 3 ให้ว่าไปโคยลำกับจนครบสิบทีค ๆ ปุรดสมาซ ทิสาย สพฺเพ สต.'ตา ทุก'จา ปนุล!จนุตุ ๆ ให้ว่าไปโคยลำคบจนกร บ สิบทีค แลวภาวนาว่า กัคว์ๆๆๆ ๓หน ๆ ข่าพเจาจกขอเข่าพร"อปจารส?)าธิ และ พระ อปปนาสน'าธธรรนเจา ในหองกรุธเา พรหมวิหารเจาน็ จง?ภบ่งเกิคแก่ 1 ข่าพเจา เมือไค้เจากูจกขอเจาวคร เจากูไวในสกลกายแลวจก ขอเอาพระเอกกกคาเจา กระบวนคนที ๒ กระบวนคนที ๓ กระบวนคน'ค ๔ เนอไคเจากูเรยบ ร , อ์ยกงที่คีแล 1 จกเข่าลำ ค บให้เบน อนุ โลนปฏิโลม จกเขาสลบไหเบนอนุโลนบ่มีโลน จกเขากน ให้เบนอนุโลมปฏิโลม จกเข่ารวบให้เบนอนุโลนปฏิโลน จกเขาวคร์ให้เบนอนุโลนบ่มิโลน เมอ เสร็จเรียบรอยกงที่คีแล'? จกภาวนาว่า สคา ๆๆ ๓'ค ๆ แผนทห 5 องกรุณา ๑. อลาภา 1®. อยสา ๓. สพเพ สต.ตา ปมุณ.จนุตุ ๔. นินุ , ทา ๕. ทุกขา อลาภา อยส่า สพเพ ปาณา ปมฌฺจนุตุ นินฺ'ทา ทุกฺขา หลกฉากท ๒ ๑. อลาภา อภาลา ๒. อยสา อยสา ๓. สพฺเพ ภูตา ปมฌ จนตุ สพเพ ปุคคลา ปมุฌฺจนฺตุ ๔. น้นฺทา นินทา ๕. ทุกฺขา ๑๕ ทุกขา 4 หลกฉาก ท ๓ ๑. อลาภา อลาภา ๒. อยสา อยสา ๓. สพฺเพฺ อตฺตภาวปริยาปนนา ปมุณฺจนตุ ฯ สพฺพา อตฺถิ โย ปมณฺจนุตุ ' ๆ *

    ๔. นนทา นนฺทา ๕. ทกขา ทกฺขา ๙ 4 หลกฉาก ท ๓ ๑. อลาภา อลาภา ๒. อยสา อยสา ๓. สพเพ ปริสา ปมูญจนฺต สพเพ อริยา ปมุฌฺจนฺตุ

    ๔. นนฺทา นนฺทา ๕. ทกข่า 1 ทกขา •/ 4 ทลกฉาก ท ๔ ๑. อลาภา อลาภา ๒. อยสา อยสา ๓. สพฺเพ อนริยา ปทุฌฺจนตุ สพเพ เทวา ปมุณฺจนฺตุ ชิ®!® หลกฉากท & ๑. อลาภา อลาภา ๒. อยสา อยสา ๓. สพฺเพ มนุสสา ปมุณุจนุตุ สพฺเพ วินึปาติกา ๔. นินุ'ทา นินุทา ๕. ทก 1 ขา ทุกขา จบห็องกรุณาพรหมวิหาร ปมุณุจนุตุ ขนโองการทสาม มุทิตา บคนขาพเจาจกภาวนาพรหมวิหารเจ่า ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทตา อเบกขา เพื่อข้าขอเอาพระอปจารสมาธิ และ พระอ'ใ]ปนาสมาธิ ขอพระพุทธกุณ พระธรรม V ’11 11 111 '“ 1 '.111,111.11- คุณ พระสงฆคุณ และองกํพระกรรมฐานจงมาเบนสรณะของขาพเจ่า อกาสะ บ'กนขำพเจ่าจ'กกระทำปฏิบคคิบูชา คามกำสอนพระสพพญณูโกกมเจา จา ขอเข’าอปจารสมาธิ และอ'ปปนาสมาธิในหองมุทิฅาพรหมวิหาร จงมาบนดาลให้เกิคแก่ขาพเจ! ควยกำว่า อิต็บ โส ภควา ฯเป่ฯ พุทโธ ภควาติ สมฺมา อรหิ ๓ ท อ , 5ม ๓ ท ๆ อกาสะ บคน็ขำพเจาจ่กกระทำปฎบํคืบชา คามกำสอนพระสพพญณูโกคมเจ่า ขำท- เจ่าจกขณขำอุปจารสมาธิและอ'ใ]ปนาสมาธิธรรมเจ่า ในหองมุทิคาพรหมวิหาร จงมาบนกาลให้เกส แก่ขำพเจ่ากำว่า อหํ ลทุธา มา วิคจฉามิ ๓ ทิ อหิ มา วิคจฺฉามิ ๓ ท มา วิคจฉามิ ๓ ทิ ๆ ขำพเจ่าข้าขอเอาข้งกุศลผลสุจริกธรรมสํงสมก■ร'รมให้เบนบาวมีทูมิ คื 3 กย่า ให้พลกพรากจากเจฅนาสมบคือนจกเบนส่วนบคคืทานมย แผ่อุทิศให้ไปสำเรจแคสรรพสควท! มวญคลอคถึงอเวจีอนนกจกรวาฬ อกนิฎฐพรหม ขอให้สรรพสควผูสิงสถคยอยูในสถานถนา! นั้น ๆ ผู้ถึงแลวซึ่งความทุกข์ ก็จะพนเสียจากทุกข์ ผู้ถึงซึ่งภยและเวร ก็จงพนเสียจากภยและเวร ผู้ถึงแลวซึ่งความเศร้าโศกก็จงพนไปเสียจากความเศร้าโศกทงมวญ ให้ไค้ประสบแค่ความสุขความ เจริญ ผู้ไค้เสวยความสุขคือยู้แลว ก็ขอให้เจริญสุขสถาพรยีง ๆ ขนไปคลอกรอยเท่าพนทา จงทุกรปทุกนามควยสจจ'ภจาว่า อหิ ลทฺธา มา วคจฉาม ๓ ท' ว
  • ๑51๓ ขาพเจ่าจักอทีกีฉะเพาะกศลผลบุญใ 1 ห้แก่สร'รพสฅวทงหลาย คงแกอเวจอนนฅจกรวาฬ กลอคถีงอกนิฎฐพรหมเบนเการพ ๒ ค , วยส'จจวาจาว่า อหิ บา วคจุสาบ ๓ ท ข่าพเจามเจคนา สมบกประกอบค , วยกุกลผลสุจริกธรรม มิความจำนงค่วยสมบก ๓ ประการ คือมนุษย์สมบก สวรรค์สมบก น้พพานสมปก ควยอาการฉนใค ขอให้สรรพสกวทงมวญจงเบนผู้มสวนแห่ง สมบคนน ๆ ควยส'จจวาจาเคารพ ๓ ว่า สพุเพ สตฺตา ลทฺธา บา วคจุสาบ ๓ 'ส อ กาสะ บคนข่าพเจำจักกระทำปฎิน่คบุชา คามกำสอนพระสพพญฌูโกคมเจา ข่าพเจำจํกขอเข่าพระอปจารสมาธิธรรมเจ่า ในหองมุท้คาพรหมวิหารนให้จงไค้ ในขณะเมอนง ภาวนาควย[จฅนาสมปคสจจวาจานแลวจักอธิษฐานใจบริกรรมไปว่า อหิ บา วสจฺ สาบ ๓ พ จนรอยทีพนที เสร็จเรียบรอยคืแลว จกคงสที’ไว้ ณะท่ามกลางหทย'วัคกุ เมื่อสคิก'บใจกงเทียง กรงเสมอกนคืแลวิ จกพิจารณาคย , งธมมานุธมมะปฎิบคอนเกิคอยู่ในเบญจชนธทง ๕ ควยธรรม คือ อาว ชชน วส์ สมา ปชช นวส์ อธิฏ ชาน วส์ วุฏฺ ฐาน าส์ ปจฺจ เวกฺขณว ส เมอเสร็จ ควย กีแล่ วิ จักกรวจคูพลธรรมคือลกษณะ รสสะบจจุบฏฐานะ ปทฎฐานะธรรม ให้กรงควยค ทางกายวาจาจิฅค์ อํนว่าอปจารสมาธิธรรมเจำในหองมุทีกาพรหมวิหารน ประกอบควยองก & คือ วิตก วิจาร บติ สุข เอก คฺค ตา ๆ บคนข่าพเจำภาวนา เอายง่ธวิเมา'นุธมมปฎิบก อนประณีกสุขุมาลนให้จงไค้ ขอพระ ธรรมเจานจงมาสญญาณ โคยมโนทวารเชาวนวิถี ให้ขาพเจารแจ่มแจงโคยพลนเทอญ ก นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ ๆ อุกาสะ บคน็ข่าพเจำจํกทำปฏิปคบชาคามคำสอนพระสพพญณูโกค มเจุา ขาพเจ' 1 ชอ เข่าปฐมอ!)ปนาสมาธิธรรมเจ่า ในหองมุทีกาพรหมวิหาร จงมาบง์เกิคอยู่ในจักขุทวาร มโนทวาร กายทวารแห่งข่าพเจำในขณะเมื่อน , ง้ภาวนาน แคนใคกำยงมิไค้ปฐมอปปนาสมาริ ธรร ม 1 'จ" 1 โนทอ' 3 มุทิฅาพรหมวิหารน แม้ว่าเน็อจกเทียว เลือกจกแหง เอนจกขาก หลงจะคอม หนงปกกระอุก อยู่ก็คื กำว่าชีวิคยงคำรงเบนอย่จักเพียรพยายาม ขอเอาปฐมอปปนาสมาริธรรมเจา ในหองมุท คาพรหมวิหารนให้จงไค้ ในขณะเมื่อนงภาวนาควยส'จจวาจา ขาพเจาจกกงใจบริกรรมไปว่า '‘อหิ มาวิคจสาบิ ,, ๓ ที จนรอยที พนที แลวขาพเจาจกคงสคิไว้ในท่ามกลางหทยว่คิสุ ให้ จิก ค์กํงั้มนเทียงครงเสมอส่วนกนกบสคิ เมิอจิคคกงทีแลวจกพิจารณาคูยงธมมานุธมมปฏิบค ’9 ๑๑ อ*นเกิคอย่ในเบ็ญจขํนธ์กอง ๕ คือ อ เวชชนวส สมาบ่ชุชนวส อธฎฺชานวส วุป็ฐานร ปจจเวกขณวสื เสร็จเรียบร 1 อยคืแลว จ!ก'พิจารณาคูยงลกษณ" รสส" บจจุบฎฐา'แ" บ่ ท มิฐา' แะ ธรรม อันว่ารปาวจรปฐมฌาณ ในหองมุทิคาพรหมวิหารน ประกอบควยอ’ 3 ค'ค' 3 ^ ค 0 ว? ‘'น วิจาร บติ สุข เอกคคตา บคนขำพเจ่าภาวนา ขอเอายงธมมานุธมมปมิกค อันประภเค , สุวิ} มาลนให้จงไค้ขอพระธรรมเจ่าจงมาสญญาธเแก่ขำพเจา ให้รู้แจ่มแจ 3 โคย''กั- 1พ สน , - ท01 นพุนาน ปจจโย โหตุ ฯ อกาสะ บ*ค้นขำพเจ่าอักปฎิบฅคามกำสอนพระส'พพญผูโคคมเจ่า ขาพเจาจกขอเขา ทุคิยะอัปปนาสมาธิธรรมเจ่า ในหองมุทิคาพรหมวิหาร จงมาบนคาลให้เกิคอยูใ , แจ่กจุ ท วาร มโนทวารกายทวาร แห่งขำพเจาในขณะเมอนงภาวนานแคนใคลาย’ 3 ม'โคกรรสุสุคย’' 0 บ่บ่น มาธ ธรรมเจ่า ในห่องมทิคาพรหมวิหารน แม้เนอจกเหยว เลอคจกแห่ง เอนจกขาค สนหลงจก ค่อม หนํงปกกระคกอย่กคื ถาชีวิคยงคำรงเบนไปอยู่ จกเพียรพยายามขอเขาอุคยะ 0 ปบ่น’ 1สมา ธิธรรมเจ่า ในห่องมทิคาพรหมวิหารน ให้จงไค้ในขณะเมอน'งภาวนาควยสคยาธ ษ ฐ’ ,น อนค' 3 ม'นอย่ในจิคค์สนคานน จกบริกรรมไปควยสจจวาจาว่า อน นา วก จุ' กาน ๓ พ จนรอยท พนที เมื่อสำเร็จคืแลว ขำพเจ่าจกค 1 งสคืไว้ ในท่ามกลางหท่ยวคลุ เมอจคคกบสคคงมนสมสวน เที่ยงครงคืแลว จ่กพิจารณาคูชํงธ'มมานุธมมปฎิบํค อนเกิคอยู่ในเบ็ญจขนธ'ค’ 3 " ค 0 อาว ชุชกวส สมาปชชนวส์ อธิฏฐานวสี วุฏฐานวส ปจจ เวกฺ ขณวส เมอเสร็จเรยบร 0 ยคแสา อักพยายามพิจารณาคู อังล้กษณะ ร่สํสะ บจจุบฏฐานะ ปทฏฐานธรรม อนรูปาวจร ปฐมฌาณ ในห่องมทีคาพรหมวิหารเจ่าน ประกอบควยวิทก บคนพระอาจารยเจากลาววา ย'งหยาบยีงน้ก ยงฌนโลกิยะธรรม รู้ฉิบหาย รู้คาย รู้เกิค บคนขำพเจาอักกำหนคหมายมนสการ ไว้ในใจ แลวิภาวนาขอเขาอุคิยะฌาณอนประกอบควยอ’ 3 ค ๔ คือ ว จ จร น อุ 1 เอกคุกตาจ บ'ค้นขำพเจาจ่กภาวนาขอเอาอังธมมานุธมมปฏิบค อนประณคสุจุมาสนใหจ' 3 'โค ขอ พระธรรมเจ่าจงมาให้สญญาณแก่ขำพเจ่าให้รู้แจ่มแจงโคยเรีวกสน , -ก 0 ญ กพุ'กาก บ่จุขิโ 0 'ในสุ 1 อุกาสะ บค้นขำพเจ่าอักกระท่าปฎิบคคืบูขา คามกำสอนพระสพพญนุ)โคคม , -จา ขำพเจ่าจ่กขอเขาฅคิยะอปปนาสมาธิธรรมเจาในห 0 ' 3 มุทีคาพรหมวิหารน จงมาบงเกคอยูใน จกขทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งขาพเจ่าในขณะเมอน' 3 ภาวนาน แคนใคลายงมไคคคยะ' ’ 9 - (3)๑^ อไเปนาสมาธิธรรมเจ่า ในหองมุพีคาพรหมวิหารเจ่าน แม้ว่าเนอจกเหยว เสือคจกแหง เอ็นจก ขาค สัน หลงจกค่อม หนังปกกระคูกอ็คี สัาชีวิคอังอำรงเบนไปอยู่จักเพียรพยายามเขำคคิยะ อไ)ปนาสมาธิธรรมเจ่า ในน่องมพีกาพรหมวิหารนให้จงไอ้ ในขณะเมอนงภาวนา ควยสกยาธิษ ฐานนื จกิบริกรรมไปควยสจจวาจาว่า อห ปา วตจฺ นาม ๓ ท .จนรอยพนทแลว ขาพเจาจกคง สกไว้ในท่ามกลางหทไ)วคถ ก , งสคิกบจกกให้มส่วนเสมอกน เพียงกรงคแลว จกพิจารณาคูยง ธมมานุธมมปฏ บก อัน เกิก 'อยู่ใน ฌ็ญจ ขํนธ์กอง ๕ คือ อาว ชุ ชนวส สมาปชุชนวส อธิฏุฐาน ว สืวุฎฺ ฐานวส ป จจเ วกขณว ส เสร็จเริย บ รอยคืแล ว จกพิจารณาคู ยงลกษณะ รสสะ บจฺจุบฏ- ฐานะ ปทัฏฐานธรรม อนว่ารูปาวจร ทุคืยะฌาณ ในหองมุทิคาพรหมวิหารน้ประกอบควยวิจาร บคนพระอาจารย์เจ่ากล่าวว่ายง์หยาบนกิ ยงเบนโลกิยะธรรม รู้ฉิบหาย รูคาย รู้เกิค บคน ขำพเจ่าจกกำหนคหมายในใจโกยมนสืการแลว จกภาวนาขอเขํคกิยะฌาณอันประกอบควยองค์ ๓ คือ บติ สุข เอก คคตา ฯ บ คนขำพเจ่าจกภาวนา นอมเอาอังธมมานุธมมปฏิบคอนสุขุมาล ประ0เคนให้'จง'ไอ้ ขอพระธรรมเจ่าจงมาให้สญญาณแก่ขำพเจ่าให้รู้แจ่มแจ , งในนัคนเทอญ นิพฺ- พาน ปจฺจโย โหตุ ๆ อุกาสะ บคนั้ขำพเจไจกิกระทำปฎิบคคิบูชา คามอำสอนพระสพพญฌโกคมเจา ขำพเจ่าจกขอเขำจฅคถะอํปปนาสมา®เจา ในหองมุพีคาพรหมวิหาร จงมาเกดฺอยูในจกขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งขำพเจ่าในขณะเมื่อน'งภาวนาน แคนใคถายงมิไอ้จกุคถะอปปนไ- สมาธิธรรมเจ่า ใน ห องมุพีคาพรหมวิหารน แม้ว่าเนอจ่กิเหี่ยว เสือคจะแหง เอ็นจกขาค สนหลง จะค่อม หนังปกกระคูกอยู่ก็คี เมื่อชึวิคอังอำรงเบนไป®ยู่ ขำพเจ่าเพียรพยายามชอเขำจคุคถะ- อัปปนาสมาธิธรรมเขำ ในหองมุพีกาพรหมวิหารนให้จงไอ้ ในขณะเมื่อนงภาวนาควยสักยาธิษฐาน แลวจกบริกรรมไปควยสัจจวาจาว่า อหิ มา วิคจฺนามิ ๓ พี จนรอยพี พนพีแดว ขำพเขำ จักคงสคิไว้ในท่ามกลางหทัยวกอุ ใท้สคิกบจิคค์มีส่วนเสมอกนเพียงกรงคืแลว จักพิจารณายง์ธม- มานุธไ)มปฏิปคิ อํนเกิคอย่ในเบญจขนธกอง ๕ ๆ กอ อาวชุชมวส สมาปชุชนวส อชป็' ฐานวสื วุอฺฐานวส ปจจ เวกฺขณวส์ เสร็จเรียบรอยคีแลํวิจักพิจารณาคูอังสักษณะ จัสสะ บจจุบฏฐานะ ปทัฏฐานธรรม อันว่ารูปาวจรคกิยะณาณในหองมุพีกุาพรหมวิหารน ประกอบควย บคิ บคน็พระอาจารย์เจัากล่าวว่าอังหยาบนัก อัง เบนโลกิยะธรรม รู้ฉิบหาย รู้คาย รู้เกิก บกน ขำพเจ่าจกกำหน ค หมายไว้ในใจโคยโยนโสมนสการ จักภาวนาขอเอาอังธมมานุธมมปฏิบก อัน ' 9 . ซี}®๖ ประณีกสุขมาลนไห้'จง'ไค้ขอพระธรรมเจ่าจงมกส , “ญญ'าณเนห่า , พเจ'าให้รู้บัคนเ'กอญ นิพฺพาน อุกาสะ บคนขาพเจ้าจักทำปป็บคคํบูชา ฅามกำสอนพระสพพัญผูโกคมเจา ข่าพเจา จักขอเข่าอุปจารสมาธิธรรม และอัปปนาสมาธิธรรมเข่า ในห้องมุห่า พรหมวิหารน จงมาบง๓คแก่ ขาพเจาเม!0ไคหากุแล่ว์ จักเจัาเอกกกคา กระบวนคนที่ ๒ กระบวนคนที่ - กระบวนห่ที่ เมื่อ , ไค้,แล้ว-จักเจัาลากับ'ไห้เบืนอนุโลมและ'ปป็โลม จักฟ้าสบให้เบนอนุโลม และปฏิโลมจกเข่า ภบให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ข้าเข้'ารวบไท้เบนอนุโลVIIเละปฏิโลม ทุ่แท้วํค่ค์ให้เป็นอหุโ™ และปเฎ่ใลมเแต่'ว่จัาภ'ๆวน"ท่า'ว์ ๆๆ ๆ ข“าพเฑ้หัขอเข่าฒัะ!)ญํฅั!ภเบื™า-!•ฒ์ว่า า .. ปุ,ดฺตืมา 0 ท้สาย สทฺเพ สต.ตา ลทฺาเสมฺป่ตต โต มา วิค'!สมฺตุ ให้ว่าไปโคย ลาคํบจนศรบสิบทิศ ๒ . ปุ,ตุ?:มาย ทสาย สทฺเพ สด.ตา ถท.ธขสโต มา วิค'!สมตุ ให้ว่าไ™คำ™ จนกรบสิบทิก ๓ . ปุ่รดถ มาย ทืสาข ส™ท สตฺตา ลทฺาเปสํสโต มา วิค')สฺมฺตุ ให้ว่าไป™คำ™ จนครบสิบทิศ 0 ,. ปุ,ตถมาย ทิสาย ส™พ สด.ตา ลทฺสุขโต มา วิส'!'สม.รี ไห้'ว่า'โป''าม"'าต่ม์ จนกรบสิบทิศ ฯ ข้าพเข้จักขอเข้เอุป'ทร™'าธํแ1ละ'อัปป'มาสเมาหำห)มเข้ ใอหัองมุ™''’™าา จามา บันคาลให้ข้คแก่ข้พเข้ เมือ'ไค้เข้™เล■'ว จักเข้วัคร์ไว้ใ'เลกลกายวักเข้เย'*’า ขบว ™เ 1 ท ๒ ขบวน™ท ๓ ขบวนค้นทื ๕ เมือไค้เข้กูแล , 'วจักเข้คำคบ ให้เบนอนุโลมและปอํโลมวั" 1 .ข้าจับ ให้เบืนอนุโลม'จักเข้™'ให้เป็น'อมุ!ใลม'แล:ะปชํใ!ลม จักเข้รวบใสเบืออนุโลมและป!)โอ" จกเข่าจักรให้เบนอนุโลม และปฏิโลม แลวจกภาวน าวา สคว ไ ไ จบหองมุทิคา แผนทภาวนาห , องมุทิตา ๑ ลทธา สมบ่ตฺติ ลท . ธา สม .บ่ ต . ต ๒ ลทธ ยส ถท . ธ ยส 4 ๑®๗ ๓ ส,พุเพ สตตาเ โต มาโคจฺฉนฺตุ สพุเพ ปาณา โต มา วิคจฺฉนุตุ ๔ ลพุธา ปสํสา ลทฺธา ปสํสา & ลทธา สุขา ลทธา สุขา หลกฉากท ๒ ๑ ลทธา สมปตฺติ ๒ ลทฺธ ยส ๑) สพุเพ ภูตาโต มาวิคจฺฉนฺตุ ๔ ลทธา ปสํสา & ลทธา สุขา ลทฺธา สมฺปตฺติ สทฺธ ยส สพเพ ปุคคลา โต มา วิคจุฉนฺตุ ลทธา ปสํสา ลทธา สุขา หลกฉากท ๓ ๑ ลทธา สมปดติ ลทฺธา สมปตฺสิ ๒ ลทธ ยส ลทธ ยส ๓ สพุเพ อตตภาวปริยาปนนาโต มาโคจฺฉนฺตุ สพฺเพ อิตฺถิโย โต มาโคจฺฉนุตุ ๔ ลทฺธา ปสํสา ลพุธา ปสํสา & ลทธา สุขา ลทธา สุขา หล , กฉากท ๔ ๑ ลทฺธา สมปตฺติ ๒ ลทฺธ ยส ๓ สพุเพ ปุริสา ๔ ลทฺธา ปสสำ
  • ลทฺธา สุขา ๑ ลทธา ๒ ลทธ ยส ลทธ สมปตฺติ ลทฺธ ยส สพุเพ อริยา โต มา วิคจฺฉนฺตุ ลทฺธา ปสํสา ลพุธา สุขา หลกฉากท ๕ ลทธ สมปตตึ ลทฺธ ยส ! ®๑๘ ๓ สพฺเพ อนริยา โต มาวิคจฺฉนตุ สพเพ เทวา โต มา วิคจฉนตุ ๔ ลทฺธา ปสํสา ลทธา ปสํสา & ลทฺธา สุขา ลทธา สุขา จบ แผนที่ มุติตาพรหมวิหาร ข็นโองการทองอุเบกขาท ๔ บคนืข่าพเฑ้จ , กกงสํฅยาธิษฐาน ภาวนาในพรหมวิหา7เข่าทง ๔ ประการมีเมคคาเบน ทํ 0 กรุณาเบนที่ ๒ มุทิคาเบน'ที่ ๓ อุเบกขาเบนที่ ๔ เพื่อข่กขอเอาพระอุปจารสมาธิ และพระ อปปนาสมาธิธรรมเข่าน ให้มาประติษฐานอยู่ในกาย วาจา ใจ ให้จงไค้ ขอพระพทธเข่า พระธรรมเจา พระอริยส่ง'ฆเข่า และองค์พระกํมมฎฐานธรรมเข่า ที่งมวญจงมาเบนสรณะแก่ ข่าพเข่าบคนเทอญ ๆ อุกาสะ บคนืข่าพเข่าจกกระทำปฎิบคคิบูชา คามกำสอนพระสพพญญูโคกมเข่า ข่าพเจาจกขอเข่าอุปจารสมาธิ และอไ]ปนา สมาธิธรรมเข่า ในหองอุเบกขาพรหมวิหารน จง มาเกิคแก่ข่าพเข่าควยกำว่า อิสิบิ , โส ภควา ๆ เป ฯ พุทโธ ภควาติ สมมา อรVI ๓ ที่ อรห 0 *4 ง ' . ๓ ทๆ อุกาสะ บคนข่าพเข่าจกทำปฎิบคฅิบูชา คามกำสอนพระสพพญฌูโกกมเข่า ข่าพเข่า จกขอเข่าอุปจารสมาธิ และอไ]ปนาสมาธิธรรมเข่า ในหองอุเบกขาพรหมวิหารนื จงมาเก๊กแก่ ข่าพเข่าควยกำว่า 011 กมฺมสฺสโก โทมิ ๓ ที่ กมฺมสสโก โท มิ ๓ ที่ๆ บคนขำพเจำจกขอเอาย่งกุศลผลสุจริกธรรม สิงสมกรรมให้เบนบารมีภูมี คืออย่าให้ พลคพรากจากเจทนาสมบก พรอมกบสรรพสคว์ที่งหลาย จำเติมแค่อเวจีอนนฅจกรวาฬ จนถึง อกนิฎฐพรหม จงมาเพืมเติมยงกุศลกรรมแห้งข่าพเข่าน็ ให้เค็มเ!]ยม และขอให้สรรพสคว์ที่งํ๋ปวง ซงสิงสก๊ฅย์อยู่ในที่นน ๆ จงพนเสียจากทุกข์ที่งปวง ทุกรูปทุกนามเทอญ โกยสำ}จ'วาจา'ว่า อหิ กมฺมสฺสโก โทมิ ๓ ที่ ข่าพเข่าจกอุทิศฉะเพาะซึ่งกุศลกรรม ให้แก่สรรพสิฅว์ที่งหลาย คงคนอเวจีอนนคจกรวาฬจนถึงอกนิฏฐพรหม เมื่อทราบว่าข่าพ!,ข่าไค้อุทิศส่วนบุญกุศลถึง พากนที่งใจอนุโมทนา แลวผู้มีทุกข์ก็จงพนเสียจากทุกข์ ผู้มีก'วาม สุข ก็'จงมีกวามสุขเจริญยง ๆ ขั้น ไปทุกรูปทุกนามเทอญ กมฺมสฺสโก โทมิ ๓ ที่ ข่าพเข่ามีกวามปรารถนาแสวงหากุศลสุจริก 9 ๑๑๔ ธรรม ล่งสมกรรมเพื่อกวามสุข เพื่อมนุสสโสก เทวโลก และพระนพพานกวยสกยา 5 ' ษ 5านใน พระไฅรสรณาคมน์ฉํนใก ขอให้สฅวทงปวงทุกกวน'พนา จงเบนผุมกวามปรารกนาสุขสมมก ในมนุสสโลก เทวโลก และพระนิพพาน เหมึอนกันฉันนนเทอญ โกยสจจ'ราจาร่า ส นุ^' 1 สตุตา กมมสสกา ๓ ท อุกาสะ บกนิขาพเจ่าจ่กทำปฏิบกกิบ'ขา คามกำสอนพระสพพญเยูโออมเจ" , บ อน ขา ฯ จกขอเขาอปจารสมาธิธรรมเจ่าในหองอุเบกขา พรหมวหารน จงมาบนกาลให!'กก 1 1 กขา พ เกัา เมื่อไก้เข้ากูแลว กักเขาวฅกํไว้ในสกลกายแห่งกัาพเกัา และกักขอเข้าเจากูอยู่นาน ประมาณ เกยวหมาก (กินหมาก) กำหนงจก แลวขาพเจ่าจกออก ขอเจากูจงมาสญญาณแกขา ข ใน! แจ่มแข้งในบกนิเทอญ นิV] พาน ปจฺจ โย โน ตุ ๆ อกาสะ บคนิข้าพเจ่ากักทำปฎิบคกิบูขา คามกำสอนพระสพพญลรูโออมเจ"' ขาน''จา กักเขาบญจมะสมาธิธรรมเจา ในหองอุเบกขาพรหมวิหารน จงมาเกกแกขาพเจา เมอไกเจากู แลว จ่กเข้เว่ฅรเจาก ไว้ในสกลกาย แลวจกขอเขาเจากูอยนาน ประมาณหมากเอยวอานน' 1 จ แล่ ว จกออก ขอเจ่ากจงมาสญญาณแก่ขาพเจาให้'รูแจมแจงโนกากมกน'' , ออญ พนุพ"'น ใ]จฺจโย โหตุ ๆ อุกาสะ บคนิข้าพเจากักทำปฏ๊บคกิบูขา คามกำสอนพระสพพัญผูโออม เ ข้' ข้ 1พเ กั' 1 ขอเข้าอุปจารสมาธิ และกัปปนาสมาธิธรรมเข้าน ในหองบญจมะอุเบกขาพรนมวิ หาจุงมา เกกแก่ข้าพเข้า เมื่อไก้เข้ากูแลวข้กเข้ากักรเข้ากู ไว้ในสกลกาย แล ‘วิ กักเข้าเข้ากูอยู่น บ่^' มาณหมากเกยว (กินหมาก) กำหนิงจกแล , วิกักออก ขอเข้ากู'จงมากัญญาลเแ 1 ร่ข้ , พ 1 เข้ 1 เใน้รู้แจ่มแข้ 1 ในบคนิเทอญ นินุพาน ปพุ่โย โนตุ ภาวนาร่า กักว์ ๆๆ -พื่ ข้าพเข้ากักขอเข้ากักกกัญพ้ มาเบนอารมณ์ร่า กักว์ กักว์ สกว์ ๓ พี 1 ๑. ปุรต ถิมาย ทิ สาย สนุเพ สตุตา กมุมสสโส ว่าฅามลำกับไปจนกรมสิบพิก ๆ 1®. ปุรต ลิมาย ทิสาย สพุเพ สตฺตา กมฺมพายาโน ว่าไปกามดำกับจนอรมสิบทํอ ‘ร ' ®1®๐ ๓. ปุรพุสิมาย สิสาย สพฺเพ สตตา ก มุม โยสิ ว่าคามลำคบไปจนกรบสิบทิศ ๆ ๔. ปุรตสิมาย สิสาย สพุ เพ สฅฺตา กมุม พนฺธุ ว่าไปคามลำจคจนครบสิบทิศ ๆ ๔. ปรตสิมาย สิสาย สพุเพ สตฺตา กมฺมปฏิสุสรโณ ว่าไปจน ครบ ทั้ง สิบ ทิศ ๆ ขำพเจ้าจ้กขอเอาพระอปจารสมาธิ พระอปปนาสมาธิธรรมเจา ในหองบญจม" อุเบกขาพรหมวหารเจ้านึ่ จงมาบง๓คแก่ขำพเจา เมื่อไค้เจ่ากูแลว จกขอเข่าเจ้ากูยยูนาน ประมาณ หมากเกยว (กินหมาก) กำหนึ่งจืคแลว ขำพเจ่าจึงจกออก ขอเจากูจงมาสญญาลแเยขา พเ วิาใ ห รู้แจ่มแจ้งในกาลบคนึ่เทอญ สิพุ พาน ปจุจโย โหตุ ๆ แผ'บทภาวนาอุเบกขาทลก ต ๑ กมุมสสกา กมุมสุสกา ๒ กมมทายา กมุมทายา ๓ สพเพ สตตา กมมโยสิ สพุเพ ปาณา กมุมโยสิ ๔ กมมพนธุ กมุมพนฺธุ ๔ กมมปฏิสุสรณา กมุมปฏิสุสรณา มลกฉากท ๒ © กมมสสกา ๒ กมุมทายา ๓ สพเพ ภูตา กมุมโยน ๔ กมุมพนฺธุ ๔ กมุมปฏิสุสรณา กมฺมสุสกา กมมทายา สพเพ ปุคฺคลา กมุมโยสิ กมมพนธุ กมุมปฏิสุสรณา หลกฉากท ๓ ๑ กมุมสสกา กมุมสุสกา 1® กมุมทายา กมุมทายา ๓ สพเพ อตฺตภาวปริยาปนนา กมมโยนิ สพฺพา อิตฺถิโย กนมโยนิ ๔. กมุมพนุธุ กมุมพนฺธุ ๔ กมุมปฎิสุสรณา กมุมปฏิสุสรณา ทล่ก์ฉากท ๔ ๑ กมนสุสกา กมุมสุสกา 1® กมฺมทายา กมุมทายา ๓ สพเพ ปริสา กมนโยนิ สพเพ อริยา กมุมโยนิ ๔ กมมพนธุ กมุมพนุธุ ๔ กมฺมปฏึสุสรณา กมุมปฏีสุสรณา หลกฉากท & ๑ กมุมสสกา กมุมสุสกา ไซี) กมนทายา กมุมทายา ๓ สพเพ อนริยา กมุมโยนิ สพเพ เทวา กมุมโยนิ ๔ กมุมพนฺธุ กมุมพนฺธุ ๕ กมุมปฏีสุสรณา กมุมปฏิสุสรณา หลกฉากท ๖ 9 ก มุมสสกา กมุมสุสกา 1® กมุนทายา กมุมทายา ๓ สพฺเพ มนุ สุสา กมุมโยนิ สพเพ วินิปาตกา กมุมโยนิ ๔ กมุมพนุธ กมุมพนฺธุ . ๔ กมุมปฏิสุสรณา กมุมปฏีสุสรณา จบแผนทกาวนาหองอุเบกขา ๑1®1® หลกคุณธรรมพเศษในสบสนถะวบสสนา ฌานโดยจตุกุนย ปฐม ๑ วิตก ๒ วิจาร ๓ บติ ๔ สุข & เอกคค 1 ดา ทุติย ๑ บสิ ๒ สุข ๓ เอกกุคตา ตติย ๑ สุข ๒ เอกคคตา จตุตฺถ ๑ เอกกุคตา ๒ อุเบกฺขา ฌานโดยบญจกนย ป3ม ต วิตก ๒ วิจาร ๓ บสิ ๔ สุข & เอกกุคตา ทุติย ๑ วิจาร ๒ บดี ๓ สุข ๔ เอกกุคตา ตติย ๑ บติ ๒ สุข ๓ เอกคฺคตา จตุตุถ ๑ สุข ๒ เอกคคตา ปฌฺจม 6 เอกกุกตา ๒ อุเบกุขา มติ ๕ ๑ ขุททกาบติ 1® ขณิกาบติ 05 โอกฺกนุติกาบสิ ๔ อุพุเพงคาบ ต ๕ ผรณาบลิ ธรรมชาคิที่ย่งืกายยํงจฅก์ให้อีมให้เฅีมชี่อว่าบศิ อาการทบติเกิดดงน ® ขุทท กาบ ติ เมื่อเกิคขน โลมหํสมตเมว กโร ต ย่อม กระทำ ให้ขนพยงส®ยง เกลำ ๓คขํ้นในขณะเจริญเมกกาภาวนา หรือสคํบพระสทธรรมเทศนา ๒ ขณิ กาบ สิ นน เมื่อเกิคขน วชชุลตา วย เบน ประ หนงว่าสายพาแลบ สาย พาแลบฉว่ศเฉวียนในประเทศอากาศน , นเห้นปรากฏนํนใศ พระขณกาบศนเมยเกศใน 11 ศกสนศาน แดวก็ปรากฏฉนนน
  • ๑!ชิ)๓ ๓ โอกกนติกาบติ เมื่อเก๊กขน สมุทฺทตรํ วิย มีกรุวนาล่งว่าลูกคลื่นกระทบผ้ง ผงน่านนถูกนากระฉ่อนฉ่าเขามากระทบแลว ก็อนกรธานหายไปฉนใดก็คี พระโอกุกใ}สิกาบสิ นน เมึ่อล่ง:สู่กายแลว่ก็ให้ปรากฏเนึน ค 4 ง่นน เมื่อนง ๆ อยู่แลวฉ่าเขที่มาล่งละลอกซดกองแล่วก็ อนิฅรธานหายไป อย่างนเบนล่กษณ์?แห่งโอกุกใ}ติกาบสิ ๔ อพฺเพงฺคาบลิ เมื่อ เก๊ค ขน แก่ กล่า แล ว กายํ อุทฺทคุคํ กโรติ ย่อม ทำให้ กายนน ลอยไปในอากากี หรือลอยขนจากที่น่งไปสู่พองบน เมื่อก , งสกิมนไว้ที่จึกค์ ก็กลบลอยลงมาสู่ ที่นงอีก ล่าเบนส่วนอ่อนก็ทำให้ล่วใหว โยก โกลง เหมีอนลมพดฅนไม้ให้กวคแกว่งโอนไป โอนมาเท่านน บางกรง์ก็ทำ'ให้กายหกกะเมนถลำกวไปก็มี ที่เบนล่งนเพราะไม่มีสทกุมกำล'งใจุ ไว้พอ ๕ ผรณาบสิ นน เมื่อเก๊คขน อนผริปฺผชํ ก็ให้แม่สรที่นเยือกเย็นไปทํวสรรพางค์ กาย สงบไปเบนพกๆ--๓คขนใรเขณร:'ๆ“ล่าคไสล่ไว้ที่รีฅค์ไก้มนกงแลว ก็มีสนค็สุขอย่างเคียว เรียกว่าสุขในบค็ อานิสงส์ของบสิ © ผู้เจริญเมหฅาภาวนา ควรรู้จกบค็ที่ง๎ ๕ ให้แน่นอนชคเจน อย่าทำใจให้ง่อนแง่น คลอนแคลนโคคหนที่โดคหล่ง เมื่อกนไค้กนก๊งแลว ก็ให้รู้จกว่ากนไค้กนก๊ง เมื่อไม่ไค้ไม่ก๊งก็ อย่าอวคคี มีทิฏฐมานะ พยากรณ์ว่ากนไค้กนก๊งควยอำนาจแห่งสญญาจกกลายเบนทิฎฐิวบฅ เมื่อ ไค้จริง ๆ ก๊งจริง ๆ ก็จงทำให้ชำน่ชำนาญทำให้มาก เจริญให้มาก ทำโกยอนุโลมกามไป ทำ โดยปฏิโลมถอยกลบกามหลกคีอ อวชฺชน สมาปชุชใ} อธิฏฺขิกน วุฏฐาน ปจจเวกุขณ ทำให้คล่องแกล่วกามหลก ๕ ประการนให้เรียบรอยในบกิที่ง์ ๕ นนแค่ละอย่าง ๆ เมื่อทำไค้บืค็น ย่อมกระทำให้กาย และจึกค์นนอีมเจริญขนไปเบนผล ในชนเค็มเบนเหกุ เพราะกองล่าเนินอยู่ เมื่อเจริญก๊งที่สุคก็กลายเบนผล อธิบายว่าบกน ล่าบงเก๊คกล่าหาญชำนิชำนาญกงที่คีอยู่แลว ก็ ยงเจฅสิกธรรมท , งปวง คือ กายปสฺสทธิ จิตฺตปสฺสกุธิ ให้บงเกิดขนในสนคาน เกิดต่อจาก สมุฏฐานกือบค็ที่ง ๕ นเอง เพราะฉะนนบกิ ๕ จึงชอว่าเบนสมุฏฐานแห่งยุกฺคลธรรมโดยกรง จบมติเพยง}ท่าน ๑!ซี)๔ ขนยุคคลธรรม ๖ ประการ ๑ กายปสสทธิ จิตฺฅปสสทธิ ๒ กายลหุตา จิตฺฅลหุตา ๓ กายหุทุตา จิตฺตมุทุตา ๔ กายกมมณณตา จิตฺตก!เมญณฺตา ๕ กายปาคุณณตา จิต[ตปาคุณณตา ๖ กายุชุคคฅา จิตตุชุคคตา รวมเบน ยุคคลธรรม ๖ ® พระยุคกลธรรม คือ กาย ปสสทฺธิ แปลว่ากวามสงบกาย .เมื่อเกก'ขนกระทำ ให้กายระงบกวามกระวนกระวายฅ่าง ๆ และอนทรธานหายไปไม่มีกวามเคือกรอนทางกาย ๑ จิตตปสสทฺธิ แปลว่า กวามสงบ'จิกก เมื่อเกิกขน ระงบกวามแข็งกระก้าง และกวามรุ้เงสรำนของจิกค์ อาการเหล่านอนกรธานไปจากจิฅค์ นี่เบํนยุกฺกลธรรมกู่ที่ ® ๒ พระยุกกลธรรม คือ กายลหุตา แปลว่ากวามเบากาย เมื่อเกิกขนย่อมบนเทา กวามหนกกาย กวามรำกาญทางกาย ๒ จิตตลหุตา แปลว่ากวามเบาจิกค์ เมื่อเกิกข็นย่อมบนเทากวามหนกจิฅค์ บด อารมณ์ผ่ว่ยข่วไม่ให้เข่าไปสิงอยู่ในใจ นเบนยุกกลธรรมกู่ทื่ ๒ ๓ พระยุกฺกลธรรม คือ กายมุทุตา แปลว่ากวามอ่อนโยนแห่งกาย เมื่อเคืกขน ย่อมบไแทากวามกระก้างแห่งทาย ๓ จิตตมุทุตา แปลว่ากวามอ่อนโยนแห่งจิฅค์ เมื่อเกิกข็นบนเทาเสีย ซี่งกวาม กระก้างแห่งจิฅค์ กรน กายมุหุตา และ จิตตมุหุตา เกกรวมเบนเอกธรรมแลว กวาม กระก้างอไแคืคในกายและจิฅฅ์นนก็อ่นฅรธานหาย มีนาใจหน'กแน่นในการเจริญพระสมถ และ วิบสสนาภาวนา นี่เบํนยุกกลธรรมก่ที่ ๓ ๔ พระยุกกลธรรม คือ กายกมมณฺถฺเตา แปลว่ากวามที่การงานกวรแก่กาย เมื่อ เกิกข็นเบนพน'กงานที่จะบำรุงกายให้กงที่ไม่หวนไหว ๔ จิตตกมมฌฌตา แปลว่ากวามที่จิฅฅ์กวรแก่การงานทางจิฅค์ เมื่อเกิกข็นย่อม ทำจิกค์ให้มีกำล่งกม'นในองค์พระก'มมฏฐานเมื่อรวมเบนเอกธรรมแลว จิฅค์ย่อมก้งม่นและเจริญ อยู่ในม'กกภาวนาโกยกำค'บทก ๆ ขณะจิฅค์ นี่เบนยุกกลธรรมกู่ที่ ๔ ๕ พระยุกกลธรรม คือกายปาคุณฌตา แปลว่ากวามกล่องแกล่วแห่งกาย เมื่อ เกิกข็นย่อมบนเทาเสียซี่งกวามกำบากทาย มีกายกล่าหาญ มีกำล่งกายสมบูรณ์ ๑เข้) & จิตตปาคุญฺณตา แปลว่าความคล่องแคล่วแห่งจิกก เมื่อเกิคขนย่อมกันเทากวาม ลำบาก ความขคของทาง ใจ เสยไค้ เมื่อธรรมทงสองอย่างน่เคืคขนรวมเบนเอกธรรมแลว จิกก์ เบนธรรมชาทีมกำกังเคืมที่ บรรคาอุปกักกันกรายก่าง ๆ ย่อมอนกรธานหายไปจากจิกก์ นเบน ยุคฺกลธรรมคู่ที่ ๕ ๖ พระยุกกลธรรม คือ กาอุชุคุคตา แปลว่ากวามกรงแห่งกาย เมื่อเคืค'ขนย่อม ทำกายให้กรง คือลกษณะของกายและลกษณะของวาจากรงกันควยที ๖ จิตตุชุคคตา แปลว่ากวามกรงแห่งจิฅก์ เมื่อเกํคขนเบนพน'กงานประกบประคอง พิก์ให้กรงอย่เบนนิกย์ คือกรงในการที่จะคำเนินในหองสมถและวบสสนาอย่างแน่นแพ้น เมื่อ ธรรมทั้งสองอย่างนรวมเบึนเอกธรรมแลว ย่อมไค้รบผล คือ กายวิเวก ปรากฎเค่น จตตฺวิเวก ปรากฏโกยสภาพกลางน่เบนยุคกลธรรมค่ที่ ๖ 1 นุ่ จ...,...,^*3 จบเนอความไนห้องอุคคลธรรมเพยงเทาน จะแสคงพลความโคยเหกุผลและบจกัยธรรมที่เน่องก , แกงก่อไป‘น ความว่าการเจริญพระกมมฎฐาน กองมีคืลบริสุทธเบนภาคพ้นของกายวาจาใจ ขอน เบนหลกชํยทีจะเว่นเสยไม่ไค้ แลว พง ทราบ วตก วจาร นต สุาเ เอกกคุตา และยุกุกล ธรรมทั้ง ๖ กังกล่าวมาให้แน่นอน บทีมืกักษณะ ๕ ย่อมมึคืลเบนมูลราก เมื่อกังเกํคกลาหาญ อย่ในสนคานแลว ก็กังพระยุคคลธรรมอนเบนปฐม คือ กายปสฺสทฺธิ และ จิตตฺปสฺสทุธิ ให้ กังเกกขน เมื่อธรรมสองอย่างน่ทั้งมนแกัว ยุคกลธรรมอึก ๕ คู่ก็เจริญขนโกยลำกับกัน เมือ ยุคคลธรรมทั้ง ๖ ทั้งมนเบนภาคพ้นคืแล่วิ สุขํ อุปาเทติ ย่อมกังสุขให้กังเกิคขน สุขกังเกิค ขํ่นแลว กายก็เบนสุข จิกฅ์ก็เบนสุข เมื่อสุขทั้งมนในกายและจิกก์คีแลว ก็เบนเหกุให้เกกสมาธิ ๓ ประการ คือ ขณิกสมาธิ ® อุปจาร สมาธิ ® อปป นา สมาธิ ® ฯ 9 ขณิกสมาธิ นน คือน่าจิกก์กันทั้งกันไค้แก่เพียงช'วขเแะไม่ยาก แก่มากรว่าชาง ฅบห หริองแลบลนเท่าน่น เคืกขนไค้ในขลเะพงธรรมเทคแา หรอเจรญภาวนาชนแรก ๒ อุปจารสมาธิ น 1 น ไค้แก่น่าจิกก์ที่ทั้งลงกันในเวลาใกล้จะไค้ ปฐมฌาม ทุติ' ยณาาเ ตติยฌาน จตตฺถฌาน ปณจมฌาน อยู่แลว ใน ขณะที่จิกก์ทั้งกันลงไค้ นน เบน I ซิ V) เวลาจวนหรือเฉียดเช่าไป พคสนว่าจิกกผ่านเช่าไปประสพ แก่มิไค้พำนกอยู่ได้โดยมนดง ยงมี อาการไปลังมีอาการมา เรียกว่า อุปจารสมาธิ ๓ อปปนาสมาธิ น , น ได้แก่น์าจิกกหยื่ง์ลงทันในองดปฐม ฌา '''•เมมด 1 'เ มมญจม' ฌานเบนที่สุด นาจิฅฅที่กงอยู่ไนฌานไม่มอาการไป ไม่มอาการมา ช อ'งา อปฺปหาสมา® ก็สมาธิ ๓ ประการน์จะเกิดขนก็อาศัยแก่ดวามสุร , เมนพน กวามสุขจะบงเกิดได้ ก อากยแก่ยกกลธรรม กอบฟิสทธิเบนพน บสสทธจะบงเกดขนได กอากียแกบกเบนพน มด จะเกิดขนได้ ก็อาศัยศีลเบนพิน ศีลจะเกิดขนได้ก็เพราะอาศัยสคิสมปชัญญะประดมประดอ' 3 ดวงจํทฅ ดังนั้นจึงได้ใจกวามว่า สกิลัมปชญญะสองประเภทนเอง เบนหลักสมถและวิบสสนา จบนองพระบติ พระยุคคลธรรม พระสมาธธรรม โดยขอเทาน นองท ๑ กถาว่าควยพระมน เถ่กษฌะบ่สิทํง & รูปฌาน ๑. พระ , โยกาว'จรเจ , ๆช่กิล่งสอนพระสมถก'ม่ทัฏฐาน 1 เช่า ๔๐ ทัด พระโพธิบกขิยธรรม เช่า ๓๗ ประการ พระวิบสสนาเช่า ๕0 พํงกระทำกามพระอาจารยเจากล่าวไว้ทุกประด' 1 รนน เทอญ ๆ อธิบายว่า กิจพองกนให้รกบาศีล ๕ ศีล ๘ จทุปาริสุทธิสงวรศีลให้บริสุทธเรอมรอ ย ศีแลัา จึงจะฌใเความวทฌจำเริญแก่พระอาจารย์และศีมยทงนล' 1 งเม น คู จะ! ดก ษานน ๆ เมื่อจะเรียนน์นให้วิดเทยน ^ เล่ม ธป ๔ เลม ขาวกอกดอกไมวิดเมนกระพง เม'''เ เครื่องธรรมบรรณาการถวายพระแกวเช่าทีง๎ ๕ พระอง่ศี ศีอพระพุทธเจา พระธรรมเจา พระ' อริยลังฆเช่า พระอาจารย์เช่า และองก์พระกมมฎฐานเช่านั้งมวญ จึงกงนโม ๓ ที พระไกร- สรณคมน์ ๓ กรง นอมถวายดอกไม้ธูปเทยนดวยดำว' 1 •— อคคิ พน ปุพผํ สิเน ทคุวา อสืติกปฺปโกฏิโย อสิรูโป มหาปณุโก 1 ธาเรนโต บฏกฅตยํ นพพ'านํ ปรมํ สุขํ ฯ แลวก ราม ถุง ต ดรง จึง สุก ยืนขนทำวกร์ ว่า:- อุกไส วVเทามิ ภVแต สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภมุเต ๆ ปฏิญญาณว่า:- สาธุ อนุโมทามิ แล่วกลบน่งลงกล่าวว่าะ- สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนุเต ๆ อุสาส ทวารตเยน กตํ สพพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต ฯ อุกาส วนุทามิ ภนุเต ๙ ! แล่ว กราบลง ๓ ท้ จงลุกยืนขํ้นว่าะ- วนทามิ ภนฺเต สพุพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต ปุสเสเ มยหํ กาตพฺพํ อนุโมทามิ ฯ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ กราบลง ๓ ที แลวน , งอยู่ โคยปกที ประณมมือ เจริญว่าะ- นโม ฯปฯ ๓ ทีว่าะ- ไครสรณคมน ๓ จบ เจริญพระ- พุทธคุณว่า:- อฺสิบ โสฺ ภควา ฯปฯ พุทโธ ภควาติ หบอบลง'ว่า:- พุทธิ ชวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ ธมฺมํ ชวิตํ ยาว นพพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ สงฆํ ชวิตํ ยาว นิพพฺานํ สฺรณ์ คจฺฉามิ ฯ แลำจึงดงคำให้กรงกล่าวว่า สวา ก ขาโต ภคว ตา ธมฺ โม ฯปฯ วิณฌู หต แลว หมอบ ลงว่า ทติยม บ่ 1 พุทธิ ฯปฯ นุตยมบ ธมฺมํ ฯปฯ นุตยมบ สงฆ ฯปฯ แลำกง์กำให้ครงว่า:- สปฏิปนโน ฯปฯ โลก สสาต หมอบลงว่า ะ- ตตยมุบ พุนุชิ ฯปฯ ตติย มุบ ธมมํ ฯปฯ ตติยมบ สงฺฆํ ฯปฯ แลวจงกงคำให้ครงค ะ งใจอธิษ- ฐานอาราธนาพระกมมํฏิฐานเจำว่า อุกาส ชำพเจาจกขอเอาพระอุปจารสมาธิ พระอปปนาสมาธ และพระโลกกดรสมาธิธรรมเจ้า ในหองขุททกาบทีเจ้า อํนเกดแค่พระพุทธเจา พระบจจเจก- โพธิเจ้า พระอรห!สิาขึณาสพเจาทงหลายอนเสดจดบขนธพระปรนิพานไปแสวมากกวาเคษเห®ค’ ทรายท , ง ๔ มหาสมุทร ขอให้พระธรรมเจ้าจงมาบงเกิควิคถารกวางขวางอยู่ไนข น ธิ ท ง ๕ แน่ง ข้าพเจ้าในกาลบคนืเทอญ ฯ แลำกราบลง ๓ ที. . : 1 ) ■-- วธืภาวนา ให้นงข้คสมาธิ ค่ง์กายให้ครง มือขวาทับมือซ้าย เทาขวาทับเท้าซ้าย ทำให้หนายก เยี่ยงพระพทธรปน่ง้สมาธิ เมือเรยบรอยดแล่ว ให้คงสคไว้ทครงหทยวคลุกงกสางกก ถอนใจออก จากอารมณ์ค่าง คุ วางดาระทเกยวกํบใจใหไดท็แลว แลวกาหนดคงสคดงทกสางนาด (สดอ) ท้งล่าง ๓ น้วนอกเน็อในหนง นอมใจระล่กลงพระคุณว่า:- พระอรบํ ไปรอยกรงหรอท้น -. ๑!®๘ กร 1 ง เมื่อ'จิกคสงบเพราะไค้ , เสกิ'สมาธิธรร3งเ 1 จำอันบริสุทธเรี!ย'มรอยคืแลว พิงกำหนครู้ว่าจึคค์ใค้ พระกมม่ฎฐาน 1 ห่องที่ ®. ขนหอง'ท ๒ ว่าด วขน สิทั้ง ๕ เมื่อจะขนในห้องพระขุททกาบอิทํ® ให้อาราธนาในหองพระ ขุทฺทกาบต ขณกาบต โอกกนติกาบติ อุพเพงคาบสิ ผรณาบติ โคยลำคบกน จงกำหนคให้ทราบว่า พระ- ขุททกาบสิ (สีเหลือง) ® พระขณกาบต (สแคง) ® พระโอกุกนุตกาบต (ส'ขา'ร) ® พระอูV'แพงคาบติ พระผรณาบติ (สีเหลืองอ่อน) หรือสีแสค ® เมือจำพระลกบลเะบค ธรรุมเข้าทั้ง ๕ นิไค้แน่'นอนแลว จงคงใจเจริญเข้าไปโคยลำคบให้เบนอนุไลบบ่มี ม ทั้ อ พยายามทำให้ชำนิชำนาญเบน อาวชฺชนวสี ชำนาญในการเพ่งบอินน สมาปชฺชนวชำนาญ ในการเข้าบอินึ่าน อธิฏขิ!าน วสี ชำนาญในการบงคบจึคค์ให้คงบนในบอินน 1ป็5 านวส ชา นาญ ในการออกจากบอินน ปจฺจ เวกุ ขณวสี ชำนาญในการพำ)ารณาในบอิทั้ง ๕ นนแค่ละอย่าง ๆ ขอบธรรมคแลว นบวาลำเรา)บคหองท ® ในบคทง (จคคบบค ^ เบนกกบา) ทองท ๒ ในนสิทั้ง ๕ โดยพิธืเขาสน อ่อนไปให้เจริญเข้าออกสลบกนโคยปฎํญญาถเว่า ข้าพเข้าจักขอเข้า พระ'ขุทฺทกา'บฺด คอพระโอกุกนุตกาบสิ ฯ แลวอ่อพระผรณาบติ พระ ขณิ กาบติ ฯ แลวค่อพระอุพฺเพงฺ- คาบสิ พระผรณาบติ ฯ แลวค่อโอกุกนุตกาบสิ พระขุทฺทกานต *1 สลบอนุโลบ (คอเขา คามไป) VIระอา'แพงคาบ่ต พระ 1 ขเขกาบต เจาให้เบนอนุโลบและบ่ฝ็โลบ ว อ่อจากนิให้เข้าโคยวํธีคืบว่าะ- ข้าพเจัาจักเข้าคืบในห้อง พระขุทฺทกาบติ โอกุกมุ¬ ติกาบติ ผรณาบสิ รวบ ๓ องค์นิเบนองค์’อันหนึ่ง ๆ พระ'ขณกาบค พระอูพฺเพงุคาบติ ๒ องค์ นิ เบนองค์อันหนึ่งๆ พระ ผรณ าบสิ พระโอกุก มุติ กาบ สิ พระขุทฺทกาบติ๓นิเบนองค์ หนึ่ง ๆ พระ อูพฺเพงคาบติ พระขเมกาบต ๒ องกนเบนองกอาเหนง ๆ รวบเบน ๔ องอ ให้เข้าเบนอนุโลมและปฏโลบคาบองค์นน ๆ ให้ชำนิชำนาญเรียบรอยเบนอันคืแลว จึงเข้าโคยพํธี รวบยอคว่า:- จัาพเข้เาจก , ขอเข้ารวบใน'ห 1 อิงพระขุกุทกาบ 1 'สิ พระขณิกาบติ พระโอกุกบต- กาบสิ พระอูVแพงูคาบติ พระผรณาบสิ ๕ องก รวมเบนองคอนหนง ๆ พระผรเมาบต ๑ I® 6 พระอุพเพงคาบต พระโอกกนติกาบติ พระขณิกาบต พระขุทฺทกาบสิ ๕ องค์เบนองค์ อันหนึ่ง ๆ ให้เบนอนุโลมปฏิโลมแลว ๆ จึงเขำส้งืกฎว่า ข่าพเจาจ่กขอเขาสงกฎในหองพระ- ขททกาบติ พระ'ขณิกาบติ พระโลกกนฺสิกาบดี พระอุพฺเพงฺคาบ่สิ พระ{เรณาบ่ติ ๆ พระผรณาบดี พระอุพฺเพงคาบสิ โอกกนฺติกาบสิ พระ ขณิ กาบสิ พระขุทฺทกาบ่ดีเอัา ให้พนอนุโลมและปฏิโลม. ในวาระนึ่ พึงก่งพิธีอังฅ่อไปน:- ให้อังกฎเทียน ๕ เล่มบกลูกอังกฎและเล่มละ ๕ หน่วย (ลก) เขาอังกฎแล่วจีงเข่า ว่ฅร ว่า ะ- ข่า พเจ่า อักขอเข่า ว่ฅรํ ในห , อง พระ ขุทฺทกาบ สิ พระ ขณิกาบติ พระ โอกกนสิกาบติ พระ อุใ'}เพงคาบสิ พระ ผรณาบ่ดี ๆ และพระ ผรณาบ่ดี พระ อุพเ พง คาบ สิ พระ โอกกนติกาบ ติ พระ ขณิกาบ สิ พระ ขุทฺทกา บ่ดีเ จ้า ให้เบนอนุ- โลมปฏิโลม จนเบนวสี ๕ ประการอั]โวหารทีกล่าวมาแอัวนั้นก่งมนเบนปกคิกงที บน่เฑิคพึง ทราบ กถาว่าอัวยหองพระ บคิท ง ๕ ว่าจมลงเพียงเท่านึ่ ๆ ขนทองท ๓ ในอุคคลธรรมใาง ๖ วิธีขนให้ฅกแก่งข่าวคอกดอกไม้อย่างละ ๕ กระทง ธูปเทียนอย่างละ ®0 เลมถวายแค พระแก่'วิเจ่าทง ๕ และพระอาจารย์ผ้เบนครอังสอนประสิทธประสาทพรให้ แลวจงอาราธนาจา ในหองพระยุคคลธรรมท , ง ๖ คือ ชิ. พระกายม่สฺสทฺธ จตุตปสฺสทุ'ธ ๆ ๒- พระกายลนุตา จิตตลหุตา ๆ ๓. พระกายมทตา จิตตใ!ทุตา ๆ ๔. พระกายกมุมผุณตา ฯ จิต.ตลนุ' มณฺณฺตา ๆ ๕. พระกายปาคุณฌตา จิตตปาคุผุณตา ๆ ๖. พระกาขุชุคฺคตา จิตฺตุชุคุ¬ กตา ๆ ก่อนึ่ให้ฅ 1 งั้สฅิไว้ทีจีฅค์' และก่งอัฅยาธิษฐานไว้ทีจิคค์กำหนดลกบณะทีจะเขาพระยุคคส ธรรม ๖ อังก่อไปนึ่ คือ พระกายปสสทส จตุตปสสทุธ มในหองนอกนนปรากฏเบนสขาจ 1 พระกายลหุตา จิตตลหุตา ในแดงนอกเขียว (มีในวงแดงนอกนั้นปรากฏเบนเขียว ๆ) พ ระ “ กายมุทุตา จิตุตมุทุตา ในเขียวนอกแคง (ในวงเขียวนอกสีแคง) ๆ พระกายกทุมผุฌตา จิต ตกใ]มณณตา ในเขียวนอกเหลอง (ในวนขียวนอกสีเหลือง) ๆ พระกายปาคุณณตา จิตตปาคุผุณตา ในเหลืองนอกขาว (ในวงเหลืองนอกสีขาว) ๆ พระกาอุชุคฺคตา จตุตุชุ¬ กคตา ในขาวนอกเหลือง (ในวงขาวนอกสีเหลือง) ๆ- - ส๓๐ เมํ่อไ .ห้ลั ก' ษะพระยุค คล ธรร■แห่ท้ท่ง็ ประการนิแล้') จึงฟ้า โค! เล่าฒุ้ชำ ล้™ เจ ’' 1 จักขอฟ้าลำคับในห้อง พระกายปสฺ.สทุ® จิต.ตปสฺสกุ 5 1 พระกาย®กุตา จิต.ต®' 1 !ต'' ฯ พระกายมุกุตา จลต]ก]ตา ฯ พระกายกกุม®!®เตา จตุตก'))]®] 0 เตา ต พร))กา') าคุตุ ผฺผํตา จตุค'ปาคุ®]®!คา ฯ พระกายุชุก.คตา จิต.ตชุคตตา ก น"™ พระกา!')คุตต'’ จิตํตุชุคฺคตา ฯ พระกายปากุ®).®เตา จิตตปาคุ®]®เดา ก พระกา'เกกุ]งอ!®เตา จิต.ตกมุ' ร)ถ]ถ]ตา ก พระกาย]]กุตา จตุตกุกุตา ก พระ)กายกา!ตา จตุตกกุตา รู พก ก่ก่ช่ จตุตปสฺส™ ฯ ’ ไห้.บิน!!นุโยมแยะปฏํโ®)) เบํนวสีชำนาญล้ง)ง®'กื®ป®กํกี เฟ้วใน ธรรมท'ง ๕ ศ็อ อาวา)ชน สมาป่พฺร! 9 ล จิอ5า น 9 าอฺ 5าน 9 ป' 1 !’' 1 ากฺ ขณ ฯ ก่อไปนิ จึง'ข้าพ้ทึพั (สล้าย) ชำ ข้าพฟ้าจกขอฟ้าล้มโน™)] กายปเส.ส'กุ® จิต.ต' ปสฺสทฺจิ 9 ฯ พระกาชกุกุตา จิต.ตมุกุตา 9 ก พระกายปาคุ®!®เตา จิตุตปาคุ®]®เตา 9 ฯ พระกายลกุตา จิตตลกุดา 9 ก พระกายกกุ]]อ]®เตา จตุตก)!]]®!®เตา 9 ก พระกายุชุคุกตา จตุตุพุ.คตา 9 ฯ แล้วเข้าพระกาย.ชุคุคตา จิต.ตุพุ.คตา 9 ก พระกายกกุ]]®!®เต 1 จิต.ต' ถมมฌฌตา 9 ก พระกายลา!ตา จตุตกกุ 1 ตา 9 ก พระกายปาคุ®!®เตา จตุตปาคุ®!®เต 1 ฯพระกาย)]ทฺตา ใตุฅกุกุ่ตา 9 ก พระกายกายปกุสกุจิ จิตฺ[ตปฺสฺสกุจิ 9 ก รู่™ 'บินอนโลม"ละปฎิโล)) เมอชำนาญกา)]อง® ช พกลาวมาแลวนน'บนลา'รจโนา 5 ®’] !ล" 1 ' ' ก่อ นิใป จึง ฟ้าวิธีคืบชำ ข้พฟ้จักขอ ฟ้คืมโน ห้อ)พระกายบ่กุ 1 ’’'' •จิ จิต•ต 1 บ่ 1 กุ' ส™ 9 ฯ พระกาย)]กุตา จิตุตมุกุตา 9 ‘1 พระกายปาคุ®!®)ตา จิต.ตปาคุ®'.®เตา 9 ฯ ๓ องอ์นิเบินองก์อนหนํ่งฯ พระก่ายลหุตา จิต.ตสกุตา 9 ฯ พรูะกายกกุ]]ต' 1 จิตตกกุม®)®เตา 9 ฯ พระกาย,พุ.คตา จิต.ตุ'พุกตา 9 รู"' องค์ นิ 1 •บิน องค์อัน"นง ๆ พระกายปาคุฌฺ®]ตา จิคฺตปาคุ®!อ]ตา 9 1 พระกายกุกุตา จิตฺต)]กุตา 9 ก พระกรูยปส 1 ส™ จิตุตปสฺส ทุ; 9 ก ๓ 'อง'ค์นิ'' บิน องค์ อัน" นิ] ย โข้ฟ้ 'บิน อนุโลม"ละปยํโล)’ 'ม 0 จิ 1 นิ ชำนาญอามองก์ ๕ ทื่กล่าวแล้วนน'บินลำ'ร็จโนาธีกึม ก่อนิใป] จึง ฟ้ว้ธี รวบยอ อ' ว่า ข้พ เข้จัก ขอ ฟ้า รวง] โน ห้อง พระ กายบ่กุ®'กุจิ จิต•ต' ปสฺสทุ ; 9 ก่ พระ กายลหุตา จิต.ตลกุตา 9 ก พระ กายกุกุตา จิต.ตกุกุตา 9 ก กา¬ กาย่กกุม®!ถ)ตา จิตตก)]ม®).®เตา 9 ต พระ กายปาคุ®!®เตา จิต.ดปาคุ®!®เตา 9 ต พร ะ กาย ชคค ตา จตกชกคตา ๑ 'า ๖ องกนเกนองคอนหนง ๆ ๑๓๑ พระกายุชุก ค ตา จิตตุชุคฺคตา ® ฯ พระกายปาคุณกเตา จิตฺตปาคุฌฺณตา ® ฯ พระกายกบมณฌตา จิตตกมมฌณตา ด ฯ พระกายมุทุตา จิตุตมุหุตา ด ฯ พระกาย¬ ลหุตา จิตตลหุตา ๑ ฯ พระกายปสฺสทธ จตุตปสฺสทฺธ ด 1 ๖ องกนเบนองคอนหนง ให้เข้าเบนอนุโอบและปฏิโลม เมื่อชำนาญฅาบองก ๕ ทีกล่าวบาแลวน'น นบว่าสำเรจในวธรวบ ยอด ฯ ก่อนึ่ไปจึงเข้าสงกฏเทียน ๖ เล่ม ในเทียนเล่มหนงมีลูกสงกฎ ๖ ลูก ก เมอเขาให้นบ ๓ องค์เบนองค์อนหนึ่ง (อธิบายว่ารวมวิธีสลบวิธีกบ วิธรวบยอด นบเบน ๓ วิธ จงรวมลง เบนองค์หนึ่ง) ฅ่อนึ่ไปให้ดำเนินขนไปอีกว่า ข้าพเจาจกขอเข้าสงกฎในหอง พระกายปสฺสทฺธ จิตตปสสทธิ ๑ ฯ พระกายลหุตา จิตตลหุตา ๑ ฯ พระกายมุทุตา จิตุตหุทุตา ๑ ฯ พระกายกมมณณตา จิตตกมมฌฌตา ๑ ฯ พระกายปาคุฌุฌตา จิตุตปาคุฌฺฌตา ๑ ฯ พระกายุชุคคตา จิตตุชุคฺคตา ๑ ฯ พระกายุชุคคตา จิตตุชคคตา ๑ ฯ พระกายปาคุฌฺณตา จตุตปาคุฌฺฌตา ๑ ฯ พระกายกมมณฌตา จิตตกมมณฺฌตา ๑ ฯ พระกายมุหุตา จิตุตมุหุตา ๑ ฯ พระกาย- ลหุตา จิตตลหุตา ๑ ฯ พระกายปสสทธิ จิตตปสฺสทฺธิ ๑ ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ๆ ก่อไปนึ่จึงเข้าวดรว่าะ- ข้าพเจ , าจํกขอเข้าวดรในหอง พระกายปสฺสหุธ จตุตปสู- ตทธิ ๑ ฯ พระกายลหุตา จิตตลหุตา ๑ ฯ พระกายมุหุตา จิตตมุหุตา ® ฯ พระกาย- กมมณณตา จิตตกบมฌฺฌตา ชิ ฯ พระกายปาคุฌฺฌตา จิตุตปาคุฌฺณตา ๑ ฯ พระ- กายุชุคคตา จิตตุชุคคตา ๑ ฯ พระกายุชุคคตา จิตุตุชุคคตา พระกายปาคุฌุณตา จิตตปาคุณฺณตา ๑ ฯ พระกายกมมฌุณตา จิตตกมุมณฺฌตา ๑ ฯ พระกายมุหุตา จิสุ¬ ดมหุตา ชิ ฯ พระกายลหุตา จิตตลหุตา ๑ ฯ พระกายปสฺสทฺธิ จิตุตปสฺสทฺธิ ชิ ฯ ให้ เข้าเบนอนุโลมและปฏิโลม เมื่อทำให้บาก เจริญ ให้มากชำนิชำนาญดงมนเบนปกดเรยมรอยดแลร นิบว่าสำเร็จในหองพระยุคกลธรรมทงั้ ๖ ประการ จิฅค์ได้อุปจารสมาธิและอปปนาสมาธิในหอง ยุคคลธรรม บ'ณฑคพืงทราบกถาว่าควยยุคกลธรรม จบลงแก่เพียงน
  • ขนหอง ๔ ว่าดวยสุข วิธีขน ให้ดกแก่งข้าวดอกคอกไม้อย่างละ ๕ กระทง ธูปเทียนอย่างละ ®0 เล่ม ถวาย 9 ๑๓1๑ แต่พระแกวเจ่าท่ง ๕ พระองก กงสกิให้มน พึงกงั้ล่กยาธิษฐาน อาราธนาว่า ในห 1 องพระกาย สุขํ จิกกสุขํ พระพุทธานุสสกิ อุปจารสมาธิธรรมเจ่า อนมีลกษณะ ๒ ประการ คือ (เหลือง) องคืหนึ่ง (ขาว) องคืหนึ่ง ๆ เมื่อไค้พระธรรมเจ่าทํงสองนึ่แลว จึงอาราธนาว่า ขำพเจ่าจกขอ เข่าลำคบ เข่าสบ (สลไ)) เข่าคืบ เข่ารวบ ใน ห อง พระกายสุข, จึฅฅสุข, พระพุทธานุสสกิ/ อุปจารสมาธิธรรมเจ่า, ให้เบนอนุโลมแลปฏิโลม ๆ แล'ว์จึงเข่าสงกฎ'ว่า ข่าพเจ่าจกขอเข่าสงกฏ ในหองพระกายสุข จิฅกสุข พระพุทธานุสสกิ อุปจารสมาธิธรรมเจ่า ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม วิธีเข่าให้ฅกแต่งข่าวฅอกคอก ไม้ อย่างละ 8)0 กระทง และธูปเทียนอย่างละ ๒อ เล่ม ลูกสงกฎเล่ม หนึ่ง ๕ ลูก แลวจีงอาราธนาเข่าวกค์ว่า ข่าพเจาจ่กขอเข่าในหองพระกายสุข จิฅฅสุข พระ- พุทธานุสสกิ อุปจารสมาธิธรรมเจ่า ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม เมื่อทำไค้ชำนาญโคยประการที ข่าพเจ่ากล่าวไว้แลวนไ)ว่าสำเร็จพระกมมฏฐานในห , องที ๔ คือ พระกายสุขํ ไค้แก่กายเบนสุข จีคฅสุขํ จิฅค์เบนสุข ฯ จบพระก , มฆ ฏ ฐาน ๔ ทองเพึยงเท่าน ขนทระอานาป ฌุสสต พระโยกาวจรเจ่า ฅนจ่กจำเริญในพระอานาปานุสสกิกไเมฎฐานเจ่า ให้ซกผไยอมผา ให้สอาค ค่ค่เลืบม้อเลืบเท่า ปลงผมโกนหนวค ชำระขคลีร่างกาย'ให้สอ'าค ปราศจากกลืนโสโครก ท่งมเวญควรแก่พระธรรม แลว'ให้กงใ'จร'ก่ษาสง'วรศีลท่ง ๔ ให้บริสุทธี นึ่เบนภาก พึนของกาย วาจา จิกค ท่าเบนสามเณรมีศร’ทธา ให้ชำระร่างกาย เครื่องอุปโภคบริโภคให้สอาคเช่นเคียว- กไเแลว ก็ให้รกษาศีล ๑๐ ประการ'ให้บริสุทธีเสียก่อน ท่าเบนคฤหสถ คือ อุบาสก อุบาสิกา ก็ไห้รกษาศีล ๕ ประการ ศีล ๘ ประการ หรือกุศลกรรมบถ ©๐ ประการให้บริสุทธีเบนภากพึน ของ กาย วาจา จิฅฅ์ เรียบรอยคีงามก่อนแท่วจีงเรียนพระกมมฏฐานจีงจ่กจำเริญคามพระพุทธ ประสงค์โคยสควก ๆ เมื่อจะขนพระอานาปานุสสฅิเจ่า ให้กกแต่งข่าวกอกคอกไม้ ธูป เทียนอย่างละ ๓ อ เล่ม ถวายพระแกวเจ่า และพระอาจารย์ผู้ล่งสอนพระกมมฏฐานโกยสกกจจะเคารพ ปฏิญญาณ กนถึงพระไกรสรณาคมน์คลอกชีวิฅ ชีวิฅเบนของรกฉนใก ก็ให้ทำความรกพระพุทธเจ่า พระ- ธรรมเจ่า พระล่ง'มเจ่า เท่ากนกบชีวิกของกนฉไเนน ยอมพลีชีวิฅถวายพระรกนกรยให้เหมือน ! V ๑๓๓ อย่างพระพุทธเจ่าปฏิญาณพระองค์ เพื่อพระสพพญญุดญาณ ณ ภายใต้ควงไม้มหาโพธในวนที , !เะ กรสรู้'ร่า เนอจกเหี่ยวไป เลือดจกแห่งไป เอ็นจกขาดไป หนังจกเทียวแหงปกคลุมดีดกระดูกก็ดื พระองค์ไม่ทรงละบ'ลส่งก์ จนกว่าจะไต้ดร'สเพระสพพญญุฅญาณฉะนน แลวยึดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระส่งขคุณเบนที่พื่งพำนัก ประหนึ่งว่าทีเรือนเงิน เรือนทอง เรือนแกว เบน ทอยู่ ดือให้ส่งวทธยาย พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระส่งฆคุณ เบนทีพกของใจ เมือใจ ไค้หี่พกอนไม่มืขำกึกเช่นนึ่แลว จีงด 1 งส่ดยาธิษฐานว่าในหองพระอุคหนิทีดค์ อานาปานุสสดิเจา ให้กำหนดลมดังต่อไปนึ่ เมื่อหายใจออก คนลมอยู่ทีกลางนาภี (สดือ) ๓ นึ่ว นอกเนอ ในทน'ง กลางลมอยู่หี่ฅรงหนาอกกึ่งกลาง ปลายลมอยู่ทีริมผปากหรือจมูกเมื่อหายใจเข่า ฅนลมอยู่ทีริม ผปากหรือปลายจมูก กลางลมอยู่กลางอก ปลายลมอยู่ทีนาภีดามทีกำหนดไว้ แล'วจีงภาวนาดงสดื ไว้ทีใจให้มืสดีเบนพื่เลืยง กำหนดลมหายทีออกไปประมาณชวสุดแขน แลวจีงพิจารณา อสสาสะ บสสาสะ ดือลมหายใจเข่าออกไปว่า 0. ๒. ๓. ๔. ๕. เบนอนุโลมปฏิโลม ไต้รอยทีหรือพ'นที เมื่อไต้พระอุกห , นทีดค์ เบนรูปองค์พระพุทธเจ่าอันขาวบริสุทธ ประมาณเท่ารูปพระทองคำแล่ว้ จีงคงสดีให้มน ให้เอยู่ทีใจ ให้เห็นอยู่ทีใจ ให้ 1 ไจเบนผู้เผู้เห็น แล่ว้ให้ดงสดืเบนปฏิโลม เข่ามาสู่ผุฏฐา ฐานะ (ทีดงแห่งการสม้ผ'ส) แห่งนาสิกไต้มนคงเบนสว้ามาสดิสมาธิธรรมเจ่าอ'"น ประเสริฐแลวเมื่อใด จีงขอพระปฏิภาคนิทีกค์อาราธนาว่าในห , องพระปฏิภาคนิมิดค์อานาปานุ สส ต้ เจ่า เมื่อทำชำนิชำนาญแลวก็จะกาวขนส่ภูทีแห่งฌาน ๆ ปสุมฌาน มุกฺขวณฺณํ ทีสีขาวดงแกว มุกดา ๆ ทุติยฌาน ผลิกวณณํ มืสีเขียวดังแกวผลก ๆ ตติยฌาน สงฺขวณฺณํ มืสีอนขาว ดังหอยส่งขอนช่างชดดืแลว ฯ จตุตถฌาน สุริยวณุณํ มืสีเพียงดังแสงพระอาท้ดย์ แรกอุทัย และทรงกลด ๆ ปญจมฌาน สุวณฌวณฺณํ ทีวรรณะเพียงดังทองคำอันสุกใสงามหนักหนาหา ทีจะอุปมาฟรืยบเทียบทีไต้ ๆ แลวจีงกลบเข่าฌานท่ง ๕ รวมให้เบนองค์อนเดียว ทำให้เบน อนุโลมและปฏิโลม ชำนาญในฐานะธรรมท้ง ๕ ดือ อาว , ชุชน การเพ่ง สมา ปชฺชน การ เข่า อธิฎฺ จาน การดงอยู่ วุฏ จาน การออก ปจฺจเวกฺขณ การพิจารณา พระโยคาวจรเจ่าผู้ประกอบคุณธรรมพิเดษ ดังพรรณนามานึ่ชื่อว่าบรรลุหองบญจม- ฌาน อันทีพระอานาปานุสสดืเบนบทฐาน จบพระอานาปานุสสติสมาธิท่องที & เพื่ยงเท่าน ! ๑๓๔ ขนหองท ๖ ว่าดวยอรูปฌาน พระโยคาวจรเจ่าผ้จะเจริญอรปฌาน ให้คกแก่งขาวคอกคอกไม้ ธปเทยนอยางละ ๒ 0 เล่ม บชาพระแกวเจ่าท , ง ๕ และกรูบทยาจารย โคยสกก จ'จะเคารพแล'ว’ จ' 1 อาราธนา'งาใ' หองอากาสาน่ญจาน่ญจายคนะปฐมอรูปฌานสมาบคํเจา คงสคืไว้ทีใจให้มน แลวบรกรรมวา “อากา โส อนน โฅ” ๓ ที “อากาสํ อนนฺ ด , ๓ ที (กำหนคลีเหลือง) ในหองวิญญานญ จายคนทุฅยอรปฌานสมา เบ้ คบจ่า บริกรรมว่า “วิฌฺ ญานํ อนนฺ ตํ ,, ๓ ที (กำหนคลีขาว) ใน หองอากิญจ่ญญายคนคคิยอรปฌานสมาบ้คเจ่า บริกรรมว่า นตฺถ กสเจ ๓ ท (กำหนคสแคง) ในหองเนวสญญาณาสญญายคนจคุคถอรูปฌานสมาปคเจา บริกรรมว่า เอตํ สหฺ ต เอต ปณืตํ” ๓ ที (กำหนคลีเขียว) เมื่อไค้บรรลุพระธรรมเจาทง ๔ องกนแลว จึงเขาฌานทง ๕ ให้เบนอนโลมและปฏิโลม แลวขนสู่อรูปฌานทง ๔ ให้เบนอนุโลมปฏิโลม ทำ ให ชำนชำนาญ คามฐานะธ-,รม ๕ ประการคงกล่าวมาแลว บณฑิคพึงทราบกถาพรรณนาอรูปฌานว่าจบลง เพียงน จบใ!องอรูปฌาน ขนหองท ๗ ว่า โดย วิบสสนาภูมิ พระโยกาวจรเจ่า ผ้จะเจริญวิบื่สสนาค่อไป ควรเพ่งสมาบคทง ๘ ทีคนไค้บรรลุ แลวนน ให้เบนส่วนโลคุคกรฌานควยคำว่า โลกุตฺตรํ ฌานํ คํงน แลวคงสมมาทีฏฐิเบ็น หลกในวงแห่งพระไครลํกษณ์ คือ พระอนจจํ ทุกขํ อนตฺตา แลวคำเนินในองกแห่ง วิบสสนา ไค้แก่ธรรมเครื่องครสริ ๓๗ ประการ มีลคิบฏฐาน ๔ เบนคน มีพระอฏฐงคิก มรรค ๘ เบนปริโยสาน เมื่อยกคุณธรรมเหล่านขนพิจารณา แม้แค่เพียงหมวดหนงก็ใช้ไค้ ขอสำกญให้มีความเบื่อหน่ายกลายละริแจงควยใจ แทงคลอคในเรองสงขารควยบญญาคืพอไนที น ท่านวางลำคบไว้ว่า มรรค ๘ เบนบนไคเชีอมสมาบค ๘ ขนสูวิบสสนาญาณ แคคอขน1ปแฅ (เชื่อม) ปฐมฌานจนถึงบื่ญจมฌานโคยบริกรรมว่า โลกุตฺตรํ มคคํ ฌานํ คงน เพรา ะ คุณธรรมขอนิเบนเครื่องกำจคบาปธรรม ©๔ คว คือ โมโห มีลกษณะมคคำคงเมฆอนแนนหาก อหิริกํ ใจกระคางแข็งลีเหลืองผสมคำ เมื่อบงเกิคให้ริาพึงภาวนาไปยินคืไป ในคลองวฅรอัน เบนบาป อโนตตปไ] ลีคำแกมเขียว เมื่อเกิคขนไม่กล , วบาป คืงไปในมิจฉาทิฎฐิค่คกำลงแห่ง ๑๓& สมมาท้ฎฐิ อุทฺธจฺจํ สีกำแกมแคง เบนประคุจุคำเปลวไฟ เมื่อลมพคแรงกล้า ทำจึฅค์ให้ พิงสร่าน คํคคำลำสมิมาสกิ โลโภ ใจมืคคำเหมือนคำสีกราม คคคำลำสมมาสำกไ]โป ท้ฏซิ ใจสีคำแกมขาวเหมือนคำพระจุนทร์ชำงแรม ๘-' กา ต่คกำสังสมมาวาจุาสัมมากนมนโฅ มานะ ใจสีเหลืองแกมคำ คดกำลำล้มิมาอาชีโว โทโส ใจุสีเขียวแกมคำ ' ฅคกำลำสมาธิ อิจฉา ใจ สีเหลืองแกมขาว มจฺฉรยํ ใจสีคำแกมแดงและขาวรวมกน คดกำลำสัมมาวายาโม กุกกุจจํ ใจ สีคำขาวเหลือง ถนํ ใจสีคำแกมขาว นิทธํ ใจสีคำแกมขาว ๓ นึกำจุดคำลำแห่งสมมาท้ฎฐิและ สมมาสงกปโป วิจอิจฺฉา ใจสีเหลืองขาวคำ อวิชชา ใจมืดคำ ตณหา ใจคำเหมือนนามน งา เคราหมองควยสีคำ กำบำ ญาณ และ วิชชา บาปธรรม ต่วน คำลำอริยมรรค ประหารให้เบาบางลงไค้ เมื่อมรรคฅง๎มนแลว จุกค์สงบบริสุทธิ มือิทธิฤทธิอิทธิพลเบนอย่างกิ เปรียบเหมือนแม่ท , เพที่เกรียมคาสคราอาวุธยุทธ/!เ];4ๆๆ กองสะเนียงกำลำพลบริบูรณ์แล้วฉะนน คือหมายความว่ามรรคท , ง ๘ รวมลงเบนมรรคสามำคื มรรคมือย่างเคียว อาการของมรรคมี ๘ เมือรวมลงเบนหนงเรียกว่าเอกธรรม คือญาณ'ทํสีสนะ เมื่อคำเนีนกระแสจิคฅ์มาถึงภูมินแล้ว่ให้ ทำโลกุคครฌานและโลกุ?าครมรรคฌานให้,บนอนุโลมและปฏิโลม เมื่อทำให้เบนวสีชำนาญคีแลว จึงซนหองริบสสนานาณเจุ , าท , ง ๑0 พระองค์ มีธูปเทียนอย่างละ ๕อ อาราธนา ในห่อง'พระล้มม่เส¬ ด น ญาณ ะ- ๑ พระสมมสสนญาณ ปรีชาคำนึงเห็น ปรา อปฺรา ๒ อุทยพฺพขานุปสสนาญาณ ปรีชาคำนึงเห็นท 1 งดวามเกดความคบ ๓ ภงคานุปสฺสนาญาณ ปรีชาคำนึงเห็ใเกวามคบ ๔ ภยตุปฏฺฐานญาณ ปรีชาคำนึงเห็นสำขารปรากฏเมนของน่ากลว & อาทนวานุปสสนาญาณ ปรีชาคำนึงเห็นโทษ ๖ นิพพิทานุปสฺสนาญาณ ปรีชาคำนึงถึงควยความเบื่อหน่าย ๗ นุจจิตุกมยตาญาณ ปรีชาคำนึงควยใคร่จะพนไปเสีย ๘ ปฎิสงขานุปสสนาญาณ ปรีชาคำนึงควยพิจารณาหาทาง 6 สงขา รุ เปกขาญาณ ปรีชาคำนึงควยความวางเฉยเสีย ๑๐ สจจานุโสนิกญาณ ปรีชาเบน ไป โดยสมควรแก่กำ หนํค รู้อริยสัจจเมื่อ สำ กฎในริ- บสสนาญาณทํงํ๋ ®0 ไค้ แน่ นอน แล้ว จึง สำ กฏ นรี กรรม ว่า “อนิ จฺจํ” ๓ ที แลวบริกรรมฅ่อไป ว่า “ทุก ขํ ,, ๓ ที แลวจึง บริกรรม ต่อ ไปว่า “อนุตตา” ๓ ที บริกรรมไปจนกว่า ญาณทสสนะ 4 ๑๓๖ จะเกิคปรากฏขนที่จิกก อไเจะเบนควงแกวฉายแสงคูอริยสํจจ์ที่งั้ ๔ ประการ คือ ทุกขสจจ สมุทยสจุจ นิโรธ สจจ มรรค สจฺจ ผู้บำเพ็ญในห่องวีบสสนาญาณน สามารถไค้บรรลุมรรค ผลฅามอุปนิสส'เย , วาสนาบารมีของฅน ๆ จบทองวิบสสนาญาณโดยข่อ ขนหอง ๘ ว่าดวยท ระ สพพ 0 ญณุตญาณของ ท ระ วิบสส์สมมาสมพุท®' 8 า พระโยกาวจรเจา พ็งพิจารณาคูพระรอมแห่งแกร ๓ ประการไวเบนนถกใ'วิ ในทุ ณ ธรรมเครื่องทรสรู้ก่อไป ขำพเจ่าจกพรรณนากถาว่าควยปฎิวิวิสมุบาบ ® ๒ ประการ อนเบนพระ พทธสพพญญุกํญญาณของพระวีบสสบรมโพธิสควิเจา ซงมมาในมหาปทานสคร ทขนกายมหา วรรค โคยใจกวามย่นย่อพอเบนเครื่องเคือนคาใจคงค่อไปน พระมหาสมณโกคมครถว่า คูก อน ภิกษุทง์หลาย ขณะเมื่อพระวีบสสีโพธส*ฑวีเจ่า ทรงเรนอยู่ในทลบทรงรำพิงในพระห่ยขนอย' 1งน ว่า “โลกนยากที่จะรทวถงไค้ ย่อมเกิค, แก่, ค''ย, เวียนคาย. เวยนเกิก, กถาบุกกลไมรูแวิง ซึ่งการออกจากทุกข์ คือกวามแก่และความคายนน การออกจากทุกข กอกวามแกและกวามคาย นนจ่กปรากฏไค้อย่างไร” คกรภิกษทงหลาย กรงนนแสพระวิบสสโพธิสควิเจาไค้ทรงกำรอยางนวิวิ เมออะไา หนอเกิคข์น กวามแก่และกวามกายจงเกิคขน กวามแก่และกวามคายมขนเพราะอะไรเบ นเห ค วิ คกรภิกษที่งหลาย ขณะนนแลพระวีบสสโพธิสควเจาไกครสรูกวิยพระบญญา เพราะมาทรง พิจารณาเห็นว่า เมือกวามเกกแลมอย กวามแกและความคายจงมกวามแกแลกวิามคายบา'แพรา' กวามเกิคเบนเหค ฯ กกรภิกษุท่งหลายกรงนนแล พระวีบสสโพธสกวิเจาไกทรงการอยาง'แาา เมื่ออะไรหนอเกิกขํ้น กวามเกกจึงไค้เภิกขน กวามเกิคเกกขนเพราะอะไรเบนเบนเหทุ วิ คูอ 7 ภิกษที่งหลาย กรงนนแล พระวีบสสโพธสควเจา ไคครสรูควยพระบญญา เพราะมาทรง พิจารณาเห็นว่า เมื่อภพแลมือยู่กวามเกคก็ย่อมมืขน กวามเกิกมีขนเพราะภพเหทุ วิ คูกร ภิกษุที่งหลาย ขณะน้นแล พระวีบสสีโพธิสควีเจ่าทรงกำริอย่างนว่า เมื่ออะไรหนอเกิกขนภพ จึงเกค ภพเกดขนเพราะอะไรเบนเหทุ วิ คูกรภิกษุทงหลายกร 1 งนนแล พระวีบสสีโพธิสควีเวิา ๑๓๗ ไค้ฅรสรู้ควยพระบญญา เพราะมาทรงพิจารณาเห็นว่า เมออุปาทาน๓ค ภพจึงเกิค ภพเกคขั้น เพราะอุปาทานเบนเหอุ ๆ คูกรภิกษุทั้งหลาย ขณะนนแลพระ วิบส สีโพธิสํกว์เจ่า ไค้ ทรงคำร อย่างนืว่า เมืออะไรหนอเกิคขั้น อุปาทานจึงเกิค อุปาทานเกิกขั้น เพราะอะไรเบนเหอุ ๆ คกร ภิกษุทงหลาย กร , ทั้เณเลพระวิบสสีโพธิสกว์เจวิไค้กร'สีวิคํวยพระบญญา เพราะมาทรงพิจารณา เห็นว่า เมือดณหาแลมือยู่ อุปาทาน’จึงเกิด อุปาทานเกคเพราะคณหาเบนเหอุ ๆ ฅกรภิกษุท 8 ง หลาย ขณะนนแล พระวิบสสีโพธิสกว์เจวิได้ทรงคำริอย่างนว่า เมืออะไรหนอเกิคขั้น คณหา'จึง เกิด กณหาเกิดขั้นเพราะอะไรเบนเหอุ ๆ คูกรภิกษุท , งหลาย กรงํ้นนแล พระวิมสสีโพธิส'ฅว์ เจ่า ไค้ครสรู้ควยพระบญญา เพราะมาทรงพิจารณาเห็นว่า เมือเวทนาแลมือยู่ กณทาจึงเกิดขั้น ฅณหาเกิคขั้นเพราะเวทนาเบนเหอุ ๆ คูกรภิกษทํ้งั้หลาย ขณะนนแล พระวิบสสีโพธิ สก ว่เจวิไค้ ทรงคำริอย่างนว่า เมืออะไรหนอเกิคขั้น เวทนา’จึงเกิค เวทนาเกิคขั้นเพราะอะไรเบนเหอุ ฯ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ขณะนนแล พระวิบสสีโพธิสกว่เจวิ ไค้กรสีรู้ควยพระบญญา เพราะมาทรง พิจารณาเห็นว่า เมื่อผํสีสะมือยู่ เวทนาจึงเกิค เวทนาเกิคขั้นเพราะผสีสะเบนเหอุ ๆ คูกรภิกษุ ทั้งหลาย ขณะนนแล พระวิบสสีโพธิสกว์เจวิไค้ทรงดำริอย่างนว่า เมืออะไรหนอเภิคขั้น ผสีสะ จึงเกิคผสีสะเกิดขั้นเพราะอะไรเบาแหอุ ๆ คูกรภิกษุทั้งหลาย กรงํ้นนแล พระวิบสสีโพธิสีกว่เจวิ ได้กรสีรู้ควยพระบญญา เพราะมาทางพิจารณาเห็นว่าเมืออายฅนะทั้งหกแลมือยู่ ผสีสะ'จึง๓ค ผ'สีสะเกิคขั้นเพราะอายกนะทั้ง ๖ เบ็นเหอุ ๆ คูกรภิกษุทั้งหลาย ขณะนนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์ เจ่าไค้ทรงดำริอย่างนว่า เมืออะไรหนอเกิคขั้น อายฅนะทั้ง ๖ จึงเกคอายฅนะทั้ง ๖ เกิกขั้นเพราะ อะไรเบนเหอุ ๆ คูกรภิกษุทั้งหลาย พระวิบสสีโพธิสฅว์เจวิไค้กรสีรู้ควยพระบญญา เพราะมาทรง พิจารถเาเห็นว่าเมือนามและรูปมือยู่ อายฅนะทั้ง ๖ จึงเกิค . อายฅนะทั้ง ๖ ๓คขั้นเพราะนามรูป เบนเหอุ ๆ คูกรภิกษุทั้งหลาย กรงํ้นนแล พระ วิบสสีโพธิสฅว์เจ่าไค้ทรงดำริอย่างน็ว่า เมืออะไร หนอมือยู่นามรูปจึง๓คขั้น นามรูปเกิคขั้นเพราะอะไรเบนเหอุ ๆ คกรภิกษุทั้งหลาย กรงั้นนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์เจ่าไค้กรสรู้ควยพระบญญา เพราะมาทรงพิจารณาเห็นว่า เมือวิญญาณแลมือยู่ นามรูปจึงเกิด นามรูปเกิคขั้นเพราะวิญญาณเบนเหอุ ๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กร 1 งนนแล พระ วิบสสีโพธิส'กว์เจ่าไค้ทรงดำริอย่างนว่าเมืออะไรหนอมือย่วิญญาณจึงเกิควิญญาณเกิดขั้นเพราะ อะไรเบนเหอุ 4 ๑๓๘ กูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแล พระวิบสสีโพธิสกว์เจำได้กรสริกวยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณ')เห็นว่า เมือนามรูปแลมีอยู่ วิญญาณจงเกิก วิญญาณเกกขนเพราะนามรปเบนเหตุ กูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแลพระวิบสสีโพธิส้กว์เจำทรงกำริอย่างนว่า เวิญญาณนแล หมุนเวยนมาแก่นามรูป หาใช่อืนไม่ ควยเหตุเพียงเท่าน บุกกลจึงเกก หรือแก่ หรือกาย หรอเวียนกาย หรือเวียนเก่ก เหมือนอย่างวิญญาณย่อมเกิกขั้น เพราะนามรปเบนเหตุ นามรป ยอมเกก เพราะวิญญาณเบนเหตุ อายกนทง ๖ ย่อมเกิดเพราะนามรปเบืนเหตุ ผ'สีสะย่อมเกิด เพราะอายฅนทง ๖ เบนเหตุ เวทนาย่อมเกิด เพราะผํสีสะเบนเหตุ กณหาย่อมเกิดเพราะ เวทนาเบนเหตุ อุปทานย่อมเกิด เพราะฅณหาเบนเหตุ ภพย่อมเกิด เพราะอปทานเบนเหก ชาฅฺยอมเกิด เพราะภพเบนเหตุ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทกขโทมน'สี อปายาส ย่อมเกิด เพราะชากิเบนเหตุ สมุทํ ย แห่งกองบุกข็นั้งสีนนย่อมเกิดกๆยประการกํงน กูกรภิกษุทงหลาย พระวิบสสีโพธิสคว์ทรงบงเกิดดวงกา ญาณ บญญา วิชา แสงสว่าง ในธรรมที่ไม่สกํบแลๅว่ๅ “สมุทโย สบท่ย” กงน กูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแล พระวิบสสีโพธึสทว์เจำทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไรหนอ จงจะไมมชรา และมรณะ เพราะดบอะไร จึงเบนอนชราและมรณะดบ กูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแล พระวิบสสีโพธิสีกิวีเจำ กรสีร้ด่วิยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นว่า เมือชากิไม่มื ชราแลมรณะกไม่มื เพราะชากิกบ ชราเพมรณะก็กบไป กูกรภิกษุทงหลาย กรงั้นนแล พระวิบสสีโพธสกวีเจำ ได้ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไร จงจะไม่มชากิ เพราะอะไรกบ ชากิจึงกบ กูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแล พระวิบสสีโพธิสกิว์เจำ กรสีรู้ก‘วิยพระบญญา เพราะมา ทรงพิจารณาว่า เมื่อ'ไม่มี/)พแล ชากิก็ไม่มื เพราะภพกบไป ชากิก็ดํบ กูกรภิกษุทงหลาย กร 1 ง็นนแล พระวิบสสีโพธสกวีเจำ ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไรหนอ จึงไม่มภพ เพราะกมอะไรภพจึงกบ ดูกรภิกษุทงหลาย กรงนั้นแล พระวิบสสีโพธิสกวีเจำ กรสีรู้ก่วิยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีอุปาทานแลภพก็ไม่มื เพราะอุปาทานกบไป ภพก็คบ ^๓๙ คูกรภิกษุก 1 ง์หดาย กร 1 งนนแล พระวิบสสีโพธิสทว์เจำ ไค้ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไร จงจะไม่มีอุปาทาน เพราะอะไรคบ อุปาทานจึงคบ คกรภิกษุท่งหลาย กรง๎นนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์เจำ ฅร‘สีควยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นวา เมื่อไม่มีฅณหาแล อุปาทานกีไม่มี เพราะฅณหาคบไป อุปาทานก็ คบ คูกรภิกษุทงหลาย กรงนนแล พระ วิบสสีโพธิสฅว์เจำ ไค้ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่ มีอะไร จึงจะ ไม่ มีฅณหา เพราะอะไรคบ คณหาจึงคบ คกรภิกษุท , งหลาย กรงั้นนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์เจำ ฅริสีรู้ควยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีเวทนาแลฅํณหาก็ไม่มี เพราะเวทนาคบไป คณหาก็คบ คูกรภิกษุท 1 ง๎หลาย กร 1 งนนแล พระวิบสสีโพ!)สฅว์เจำ ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไร จึงไม่มีเวทนา เพราะอะไรคบ เวทนาจึงคน คูกรภิกษุท ไ 5หลาย กรง๎นนแล เพราะวิบสสีโพธิสฅว์เจำ ครสรู้ควยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีผ‘สีสะแลเวทนาก็ไม่มี เพราะผสสะคบไป เวทนาก็คบ คูกรภิกษุทงหลาย กรงํ้นนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์เจำ ไค้ทรงดำริอย่างนั้ว่า เมื่อ ไม่มีอะไร จึงจะไม่มีผสีสะ เพราะอะไรคบ ผ‘สีสะจึงคบ

    คูกรภิกษุท 1 ง็หลาย กรงนนแล พระวิบสสีโพธิสีฅว์เจำ ฅร‘สีรู้ควยพระบญญา เพราะมา ทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีอายคนะทง ๖ แลผ‘สีสะก็ไม่มี เพราะอายฅนะท่ง ๖ คบไป ผสสะก็คํบ คูกรภิกษุทงหลาย กรง๎นน แล พระริบสสีโพธิสคว์เจำ ทรงดำริอย่างนว่า เมื่อไม่มี อะไรหนอ อายคนะทงํ้ ๖ จึงจะไม่มี เพราะอะไรคบ อายฅนะทง๎ ๖ จึงคบ คูกรภิกษุท่งหลาย กร 1 ง๎นนแล พระวิบสสีโพธิสฅว์เจำ ฅรสรู้ควยพระบญญา เพราะมา ทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีนามแลรูปอายฅนะท , ง ๖ ก็ไม่มี เพราะรปนามคบไป อายฅนะทํง์ ๖ ก็คบ ไป คูกรภิกษุทํงหลาย กรง๎นนแล พระวิบสสีโพธิสคว์เจำ ทรงดำริอย่างน เมื่อไม่มี อะไรหนอ นามรูปจึงไม่มี เพราะอะไรคบ นามรูปจึงคบ คูกรภิกษุทํงหลาย กรงนนแล พระริบสสีโพธิสคว์เจำ ฅรสรู้'ควยพระบญญา เพราะ มาทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีวิญญาณแล นามรปก็ไม่มี เพราะวิญญาณคบไป นามรูปก็คบ

    ๔๐ / คูกรภิกษ™หลาย กรงนนแล พระ วิบสสีโพธิสีฅวเจ่า ทรงคำริอเางนิว่า เมอไม่ มีอะไรหนอ วิญญาณจึงไม่มี เพราะอะไรคบไป วิญญาณจึงคบ คกรภิกษุท่งั้หลาย กร 1 งนินแล พระวิบสสีโพธิส'คว์เจ่า ไค้ฅรสรู้ 1 ควยพระบญญา เพราะมาทรงพิจารณาเห็นว่า เมื่อไม่มีนามรูปแลวิญญาณก็ไม่มี เพราะนามรูปคบไป วิญญาณ ก็คบ คูกรภิกษุทั้งหลาย กรงนนแล พระ วิบสสีโพธิสกวเจ่า ไค้ทรงคำริอย่างนิว่า หน ทางเพื่อครสรู้อนนิแล เราไค้บรรลุแลว เพราะนามรูปคบ วิญญาณก็คบ เพราะวิญญาณคบ นามรปก็คบ เพราะนามรปคบ อายคนะทั้ง ๖ ก็คบ เพราะอายคนะทง ๖ คบ ผสสะก็คบเพราะ ผสสะคบ เวทนาก็คบ เพราะเวทนาคบ ฅณหาก็คบ เพราะคณหาคบ อปาทานก็คบ เพราะ อุปาทานคบ ภพก็คบเพราะภพค'บ ชาฅิก็ค่บ เพราะชาติคบ ชรา มรณะ โสก ะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนฒ อุปายาส ก็ย่อมคบ ฉนใค ทุกข์ ทั้งสื่นนิ ย่อมคบไป ฉนนน คกรภิกษุทั้งหลาย พระวิบสสีโพธิสควเจ่า ทรงบงเกิคควงคาญาณ บญญา วิชา แสงสว่างในธรรมทไม่ไค้ทรงสคบแลวว่า ‘นโรโธ นิโรธ” คงนิ คกรภิกษุทั้งหลาย กรนโคยสมยอื่น พระวิบสสีโพธสฅว์เจาทรงพิจารณาเหนความ มงเภิคชนแลกวามเสื่อมไปในอุปาทานขนธ์ทง์ ๕ ว่า รูปเบนคงน เหตุก่อให้เภิครูปเบนคงน กวามแปรแห่งรปเมีนค้งนิ เวทนาเบนคงนิ เหตุก่อให้เกิคเวทนาเบนคงนิ กวามแปรแห่งเวทนา เบนค้งนิ สญญาเบนค้งนิ เหตุก่อให้เกิดสญญาเบนคงนิ กวามแปรแห่งสญญาเบนคงน สงชา' 3 ' เบนคงนิ เหตุก่อให้เกิคสงขารเบนคงนิ ความแปรแห่งสงขารเบนคํงนิ วิญญาณเบนคงน เหคก่อให้เกิควิญญาณเบนคงืนิ ความแปรแห่งวิญญาณเบนคงนิ เมีอพระองกทรงพิจารณาเห็น กวามบงเกิคขน แลกวามเสื่อมไปในอุปาทานข'นธ์ทั้ง ๕ อยู่ไม่นานนก จึคค์ไม่ถือมนแลวพน จากอาสวะท , งหลาย คงนิแล ๆ จบหอง ๘ ทเบนโลกุตตรสมบตของพระพุทธเจ 9 าแส / อภิสมโพธิญาณของพระสพพญฌูพุทธเจา ทรงบำเพ็ญวิเวก ๓ บริบูรณ์ ๑. กายวิเวก เมื่อ เบ็ญ จวก คืย์ห ลก หนีไป เสียจาก พระองค์พระมหาบุรุษ เจิา ก็ ทรง- สง'กกวิยกายวิเวกมีคืลอนบริสุทธ ๆ 1®. จิตตวิเวก พระองค์ทรงบริหารสุขภาพ บำรุง ให้ พระกายมีกำลงกำรงเบนปกติ ทรงสืบก่อพากเพียรพยายามในฌาณสมาบํฅมีไค้ชา อาศร'ยประโยคสมบกอ'นชอบ กระทำในกิจ โกยชอบ พระองค์ไค้ละนิวรณ์ท่ง์ ๕ คือ กามฉนท กวามพอใจในกาม พยาบาท จิฅค์- ปองร , าย ถนมิทฺธะ ง่วงเหงาหาวนอน อุทธจจกุกกุจจ จิฅค์หุ้เงสรานรำคาญ วิจิกิจฉา ความสงสย ไร้ เหกุผลให้ปราศไปโกย วิ ขมภนปหาน บรรลมหรกกรปาวจรฌาณทง ๔ คือ ป ฐ ม¬ ลกณ ความเพ่งที่ ๑ มีองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร มติ สุข เอกคคตา ทุติยฌาณ ความ เพ่ง ที ๒ มีองก ๓ คือ บต็ สุข เอกคฺคตา ฯ ตติยฌาณ กวามเพ่ง ที่ ๓ มีองค์ ๒ คือ สุข และ เอกคฺคตา จตุ ตถฌาณ กวามเพ่ง ที่ ๔ มี องค์ ๒ คือ อุเบกขา และ เอกคคตา แกล่วกล่องชำนาญ ก , วิยคื เบนจิคศ'วิเวก เบนสี"มมาสมาธิอนบริสทธ ๆ ขอนีควรเบนมาทแห่ง ฉฬกิฌฺลเาคุณ เบนจรณใกล้ก่อวิชชา ๆ ขอนีไค้ในนามธรรมบญญกว่า “จิตตวิเวก” ฯ ๓. อุปธิวเวก เมอมหามงกลสมย วิสาขปุรณมีติกิเพ็ญพระจินทรีเสวยวิสาชนกขกร- ฤกษ์แลวล่วงเข่าเวลารากรี จำเติมแก่พลบค์า พระมหาบุรุษเจณสก็จน'งกวยบ''ลล'งก์อนเคียว ณะภูมีสถานลากควยติณชาติ พนบํจจิกถรณ ณะภายใค้ไม้อํสสีกถพฤกษ์มหาโพธิสถาน ผง แม่นาเนรญชราผนพระพกิกรก่อกานบุรพาทีสาภาค ทรงพระอธิษฐานความเพียร จากรงกมหา- ประธานมีองค์ ๔ อย่างกง์มนพระหฤทยว่า หน'งและเอ็นและอฐและม'งสะโลหืกในกายจงเหือดแห่ง ไปเถิก กุณพีเศษอนลาเลิศใก ทีเบนวิสียืบุทกลจะพิงไค้กวยเรียวแรง และความเพียรแห่งบุรุษ เมีอไม่ไค้บลสุถงคุณพีเศษนน จิกไม่สละกวามเพียรเสีย จิกค์เรายงไม่วิมุติหสุคถอนพนพีเศษไป จากอาสวะท , งหลาย ไม่ถึอมนก’วิยอุปาทานเพียงใคแลวิ เราจิกไม่ทำลายบลลงค์นงข่คสมาธิอนนี เลยเพียงนน ทรงกิงจากุรงกมหาประธานกวิยคุศลฉํนทํอ่นก ล่า หาญฉะนิแลวิ จิฅค์พระองค์ฅง๎มน กวยจกุฅถฌาณแลว เบนจิกค์บริสุทธผ่องใสไม่มีอง่กณะปราศจากอุปกิเลสแลวิ เบนจิกค์อ่อน

    ควรแก่ภาวนากรรมเบนจิกก์หยุกมน ถึงซึ่งความไม่หวนไหวก่วิยนิวรณ์ท , ง ๕ และ วิตก วิจาร ' 9 . ๑๔๒

    บติ สฃ แล 8 ว ประหนงทองกา'ท๊หลอม , ไล่ไห้สนโทษมล'ท'ไI ไม' V จอปนควยVงVIIIละ!.Vเลกทอ-}แ^ ส
    งกระสีคีบกแล้ว นายช่างอาจนํอมนำไปเบนเครืองประตบหลรสต่รง ๆ ไคตามปรรรสนร ฉ ะ น น พระมหาบรษเจวิจึงนอมจิตตไปฉะเพาะหนำ IVเอ ปุพเพนวาสานุสสฟิญาณ บญญาตามระลก ขนธล้านคาน'ที่ตนไต้อาซิยอยู่แล้วณะกาลก่อน ๆ ก็'ไค้ , บดสุ ปุพุเพนวาสานุสสตญาณ นน คามปรารถนา พระองกมาตาม , ระลก'ไคชงชนธลมตาม”ค'ไตอาตยอยุแ'ลวณะกาลกอน มประเภท เบนซินมาก ตงแฅชาติหนง สองชาติ สามชาต สชาต หาชาต สบซาต ยสบชาต สามสบชเท สีสิบชาติ รํอยชาติ พนชาติ แสนชาติ จนสงวฏฏกปป ววฏฏิสบ่บ่ เบนอนมากรูแชงประชสน ช่คว่าเราไค้เกิตณะทในน มชอและโคตรแสะไ! , รรแเสกายอยางน ๆ มอาหารอยางน เสวยสุ21' ทุกขอย่างน มีที่สุดสายเพียงเท่า'น จทิจากภพนนแลวไค้เกิคคโนน มชอและโคตรและพรรนแ' กายและยาทารและสุขและทุกข์อย่างน ๆ มีที่สุตอายุเพียงเท่าน ๆ ต่อๆ มาจนถึงบจฉิมชาติ เบนพระย์งคีรสล้กโยรสบคนเบนคสุค แจงชโาสว่างแกจตตทุกประการ กาชค อวชชา 1บหะ อนบค ปุพเพนิวาส นนเสียให้พินาศไป วิชชา คือ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ น!บน วิชชาปฐม พระมหาบรษเจวิไค้บลลถึงกระท้าไหแชงแลวน!'ะปฐมยรมวมตรารรตา ว พ?"องท ไค้ทราบแจํงช่คซึ่งจติและเกิคแห่งพระองคในกาลกอน และประวตกาลบจชุบนบคน 1 เละ'ครา!! แจํงซึ่งความที่แห่งพระองค์เขาไปลงอวามสุชความทุกช คามสมควรแกกรรมทคและชวลนสงส! 1 ในสนคานคน ควยกำลัง ปุพ เพนิวาสาใ เส สติญาณปฐมวิชชา ฉะนแล้ว ลำคบนนประสงค์ จะใคร่ทราบชค ซงจตและบ่ฏิสนภ3บตแหงสตวคงหลาบ ไมมทสุคใมมประมาณแหล!อน ‘1 จง ไเอมจิทต์ไปฉะเพาะหนวิเพื่อ จุฅุปปาตพาณ บญญาที่รู้แจํงในรุติและเกคแห่งลัตว์ทงบสาบ น็ บํลลถึงทพย์จกษอนบริสทธล่วงสามเ1)มน!บยจกบุวสย พระองคใคเหนแลว'ชงสตวคงหล เยคจวน จะจติและเติคขนณะคแไคนน ไคเหนสภ'วคงทลายทตาชาและประเนต มพรรณสกายงามแนะ พรรณทรพล ถึงชงความสข กงชงความทุกข ใคหยงทราบแลวชงสตวคงหลาบอนเชา โปสงสุ , !! และทุกขตามควรแก่กรรมแจํงประจกษ์ว่า อ'ม วต โภนฺโค สตดา ลัฅว์คงหลายเหล้านหนอ ไค้ประกอบแล้วควยทุจชริตในกาย วาจา ใจ ติเตียนพระอริยเชวิและมีคฏฐิคารม เ ห็ น ติ ค ส3] ร- ทานซึ่งทจจริตล้ายมิจฉาท้ฏฐิเบนคิตง์ กรนกายแฅกฌยงหนาแตร!รณะใคเชาไปสงชง ตราร’ร ทคคติ วินิบาต นรก กา!ใเด เคยรฉาน เปรต วสย อ!น วา ปพ โภนฺโค สาตา ก็แลล้าว์ทงํ้หลายเหล่านหนอ ไคประกอบควยสุชรตในกาย วาชา ใจ แกว ไมคเคยนพระอรแช! ๑๔๓ และพํนผู้มีท้ฎฐิความเห้นชอบ ไม่วิปริคจากทางกรรมจากทางผดมาเฌาทานก่อมนซึ่งสุจริคทุกล หวยสมมาทิฏฐิเบนที่,ๆง สฅว่เห, , ก่นนครนทำลายช่นธ์ส้นชีพแล่วิ ไค้เช่าไปกึงสุคติภพโลกสวรรค์ พระองค์ได้ทราบซึ่งสํคว์ที่งหลายอื่น อนเช่าไปกึงความสุขและความทุกข์สมควรแก่กรรมโดยประชัาษ ควยกำลง จุสู ปปา ตญาณวิชชา ควยประการฉะน ๆ จุด ปปา ตญาณวิชชา นพนวิซชาที่ ๒ พระองค์'ไค้ปลดกึงกระหำ'ไห้แว้ง!แก่วิ ณ มชก!มยา)] ส่วนท่ามกล่างแห่งราฅริกำจค่ อวิชชา โมา!ะ อนปกบค จุติปฎสา!ย แห่งสฅ่วิอื่แนนให่ท่ไแกไปฯ พระมหาบุรุษเจาพรลมควยวิชชา ที่งสองควรเบนที่คงแห่ง วิบสสนา ซึ่งพระองค์ไค้กระทำให้แจวิควยประการคงน็แลว ล่วงข่าม ความสงสไ)ไค้ที่งในสนคานดนแสะผู้อื่น แสวิควรจะเริมเจริญวิมสสนาเพ้อ อาสวกฺขยณาฒ ฯ แสะพระมหาบุรุษนน ไค้กร;,ทำความส้งเวชสดคจคค์ ปรารภ ชรา พยาธิ มรณะ อน!ดเบน อารมเแปฐร)เหทุ จงไค้เลค้จออกจากฆราวาสสุขสง.เปค้แลวิ ทรงบรรพซาออกมทาภิเนษกรร] แสวง , ทาส!นฅวรมท ท)งกวาร!ระงบอ้ใเประเดรฐครง'แน เมื่อพระองค์ทรงกระทำในจ?!ค์ซึ่งช่อํ สงเวชเดิมนน ทรงปรารภซึ่งโลกคือหม่ด่ค้าที่พระองค์กระทำไห้แจวิค่วิยวิชชาที่งสองแลวนน เบนอารมณ์ ทรงพระดำริว่า โสกคือหมู่สฅว่'แหนค มาถึงแล')ซึ่งกร เมผาก ย่อมเกิดควยแก่ควย มรณะทำลาย'รนธ์ควย จติเคลอใเจา?)ภพควย อุบฅเช่าไปถึงภพถือเอาความเกดอีกควิย ก็แค่ สค้ว์โลกมาถึงความย'เกยย่อย่างน้ นาร้แจวิประจ์กิษ์ถึงกวาบที่ที่จะคไ]ทุกข์ คือ ชรา มรณะ น ให้ออกไ!)เสียไค้ไม่ เมื่อไรเด่าหนอ น้สสรณะความขมไล่ทุกข์คือ ชรา มรณะ นออกไปเสียไค้ จกปรากฎมีผู้ปฏิบคจกรู้แจวิประจกษ์ ไค้ ๆ พระม เกบุรุษ เจาทรงดำริแสวงหาบจจํย่แห่ง ชรา มรณะ ว่า เมื่อมีอะไร ฒุ่ห นอ ชรา มรณะ จงมี ชรา มรณะ มีเพราะอะไรเบนบหย ๆ อาศไเพระมหาบุรุษทรงทำในจิคค์โดยแยบคายอุบายที่ช |บ ก็เกคอภิสมไเกวามกรสรู่พรอ!)ฉะเพาะ ควยบญญาว่า เมื่อ ชาติ ความเกิดมีอยู่แลวิ ชรา มรณะ ก็ย่อมมี ชรา มรณะ มีเพราะ ชาติ ความเกิดพนบจจย ฯ แค่ , นนพระมหา!เรษเจ่าก็ก่น'หฺาบ'จจยแห่ง ชา ต เบนตนคามลำคบก่อไป อาศไ)ทำในจิฅค์โดยอบายซอ!! ก็!.ถืดอภิส ง) ยฅรสรู้ควิฒญญาว่า เมื่อภพคือกรรมเครืองเกดและ อปบํค คือขันธ์ที่เช่าไปถึงมีอย่ ชาติ ความเกดก็ย่อมมี ชาติ มีเพราะ ภพ เบนบจจไ) เมีอ อุปาทาน ความยึดมนมี ภ''/! ก็ย่อ!)มี ภพ มีเพราะ อุปาทาน เบนบ))จข เมือ ตณ หา สิง สภาพที่เกิดในจิฅค์ให้สค่ว์ดนรน มีลยู่ แลวิ อุปาทาใ! กวาง)ยึดมนก็ย่อง)ม อุปาทาน มีเพราะ ติณหา เบนบจจไ) เมื่อ เวทนา ความประสมเสวยอารมณ์ม่อย่แด่วิ ติณ หา ก็ย่อมเกิดมี 9 ต 0 ณหา เกิคมีเพราะ เวทนา เบนบจจ้ย เมื่อกวามททวารและวิญญาณมากระทมกมอ' 1รมณ ชื่อว่า ผ่สสะ ผสสะ มีอยู่แลว เวทนา ก็ย่อมมี เวทนา มีมาเพราะ ผ่สสะ เบนบห'ย เมื่ออายฅนะ ๖ ประการคือ จิกทุ โสต ฆาน ชิวหา กาย ใจ มีอยู่แลว ผสสะ ก็ ย่อมมี ผ่สสะ มีเพราะอายกนะ ๖ ประการเบนบจจ้ย เมือ นามรูป มีอยู่แลว อายตนะ ๖ ประการ ก็ย่อมมี อายตนะ ๖ ประการ มีเพราะนามรูปเบนบจจ้ย เมื่อ วิญณาณ มีอยู่แลร นามรูป ก็ย่อมมี นามรูป มีเพราะ วิญญาณ เบนบจจย เมื่อพระโพธิส'กวีทรงทำในจึกก์โกย อุบาย , ชอบเก๊กอภิสม , ยควยบญญาอย่างนแลวิ ทรงแสวงหาบจจยแห่งวิญญาณว่า เมีออะไรมอยูเล่า หนอ วิญญาณ'จึงมี วิญญาณ มีเพราะอะไรเบนบจจ้ย ทรงทำในจิฅท์โกยแยบคายก็เกิกก™ ฅรีสรู้ควยบญญาว่า เมื่อนามรูปแลมีอยู่ วิญญาณ ก็ย่อมมี วิญญาณ มีเพราะ นามรูป เม่น บจจ้ย ๆ กรงนนก็ทรงสนนิษฐานว่า วิญญาณ นย่อมกลบเวียนขนมาแท่นามรูป หาพนไปแห่ นามรูป ไม่โคยกวามเบนไปเพียงเท่าน สฅวิโลกพีงเกิคปาง พึงแก่ปาง พึงมรณะ'ทำลายขนธบาง พึงจุฅิบาง จะพึงอุบ ท บ่าง กวามเบนไปนน คือ วิญญาณ มีเพราะนามรูปเบนบจจย นามรูบ่ มีเพราะวิญญาณเบนบ่จุจไ) อายตนะ ๖ ประการมีนามรูปเบนบ่จจย อายตนะ ๖ ประการ เบนบ่จจ้ย่แห่งผํสสะ ผสสะเบ่นบ่จจยแห่งเวทนา เวทนาเบ่นป๋จจไ)แห่งตณหา ตณหาเบน มจจไ)แห่งอุปาทาน อุปาทานเบนป้จจยแห่งภพ ภพเบนบจจํงแห่งชาติ ชรา มรณะ อน เมนนิยฅทุกข์ความโคกและราไร ทุกขโทมนส อุปายาสทงหลายเหล่า ปกิณณกทุกข ก็ย่อม เกิคมีพร 1 อม เพราะชาติความเก๊กเบนบ่จจไ) ขอซึ่งกองทุกข์ท 1 งสนมาเก๊กขนพรอม ย่อมมีย่อมเบน ควย , ประการฉะน ฯ จกษุญาณ ปรีชารู้แจ้งชกสว่างว่า สมุทโย สมุทโย เก๊คขน'พรอม เก๊กริ)น พรอม คํงน็ ไค้เก๊กขนแลวแก่มหาบุรุษเจ้าในธรรมทงหลายทพระองกไม่ไค้ยินไค้พงมาณ"กาลก่อน เลย ฯ กรงนนพระมหาบุรุษทรงท1กวามกไวสนิทแห่ง ชรา มรณะ นนฅ่อไปว่า เมืออะไรไม่ม เล่าหนอ ชรา มรณะ จึงไม่มี เพราะกบไม่เหลือแห่งอะไร ชรา มรณะ จึงจะคบไปโคยไม่ เหลือ ทรงทำในจิกก์โคยอุบายชอบ ก็เก๊คกวามกรสรู้ควยบ่ญญาว่า เมอชาตก'วามเก๊คแล'ไมม แลว ชรา มรณะ ก็ไม่มี อาศไ)ชาติกบสนิท ชรา มรณะ จึงจะกบสนิทไค้ โคยนไ)ที่ทรง กนหาแลวฅรสร้ชค ควยบญญาทามล่ากบไปว่า เพราะภพกบสนิท ชาตจึงจะกบสนิท ไค้เพราะ อปาทานคบสนิท ภพ จึงจะคบสนิท เพราะ ฅณหา คบสนิทลง อุปาทาน จึงคบสนทไป เพราะเวทนาค'บสนิท ต , ณทาจึงจะคบสนิทไค้ เพราะผํสสะกบสนิท เวทนาจึงจะคบสนิท I 6)0 เพราะอายตVIะ ๖ ประการควิงสนิทละ ผสสะ จึงจะคํบสนิท เพราะนามรปคบสนิทลง อายตนะ ๖ ประการจึงจะคไ]สนิทไค้ เพราะวิญญาณดวิเสนิท นามรูป จึงกบสนิท ๆ กรน พระองกกรสรู้กามลำคไ]มาฉะนิแลวทรงพิจารณาว่าเมื่ออะไรไม่มีเล่าหนอ วิญญาณ จึงไม่มี เพราะอะไรกบสนทไป วิญญาณ จึงจะดวิ]สนิทไค้ ๆ อาควิ]ทำไนจิกค์โกยอบายซอน กเกิด ความฅรสรโกยบญญ'าว่า เมื่อ ใท]งรูปแลไม่มี วิญญาณ จึงไม่มี เพราะนามรูป กบสนิท เสียไค้แลว วิญญาณ จึงจะควิ]สนิทลง ๆ กรนเกกความกรสิรู้ฉะนิแล่วิ ก็ทรงสไเนิบฐานว่า อธคโต โข มยายํ มคฺโค โใาธาย มรรคาเพื่อจะฅรสิรู้นิเราไค้รู้แจ่มแจังแลว ขอซึ่งธรร]] ทเบนบจจยด่ไเสนิทลงแล่วิ ธรรมที่เกิก'ขนแล่วิ เพราะบจจวิ]นนจึงดไงสนิทไป ควิเนเบนหใเทาง เพื่อจะตรัสรู้ ๆ เพราะนามรูป ควิ]สนิทลง วิญญาณจึงจะกบสนิท เพราะวิญญาณกบสนิท นามรูปจึงจะควิเสนิท เพราะนา]]รูป ดไ)สนิท อายตใ!ะ ๖ ประการ จึงจะคนไปโดยไม่ เหลอ เพราะอายตนะ ๖ ประการกไ!สนิท ผสสะจึงจะคบสนิทลง เพราะ['เสสะก่บสนิท เวทใเา จึงจะกวิ]สนิทไค้ เพราะ เวทใ!า ดวิงสนิทไป ติณหา จึงจะดไงไปโดยไม่เหลือ เพราะ ตณหา ควิ]สนิทไม่เหลือ อุปทาน จึงจะกไเไปโกยไม่เหลือ เพราะอุปทานคบสนิท ภพ จึง จะกบสนิทไป เพราะ ภใา ดวิงสนิท ชาติ จึงจะควิ]สนิทตง ชรา มรณะ และความโคก และราไรและ ทุกขโทมนส อุปายาส ท , งหลาย ย่อมดวิงโกยไม่เหลือ เพราะดวิงสนิทลงแห่ง ชาติ ขอซึ่งกองทุกข์ท ะ งสนมาดไ]สนิทไป ย่อ}]มีย่อมเบนควยประการฉะนิ ๆ จํกษุญาณ ปรีชา รู้แจงชดสว่างว่า นิโรโ0 นิโรโธ คบไม่เหลือคงนิ ไค้เกิด'ขนแล่วิแก่พระโพธิสดวิโนธรร]! ที่งหตายที่พระองค์ไม่เคยไค้ยนไค้พิง]]าณะกาลก่อน ๆ ดร , นพระมหาบุรุษไค้ฅริสิรู้แจงใน สมุ ท'ขนิโรธ ไค้มรรคาเพื่อจะกร'!สรู้ฉะนิแล่วิจึงนอ]] , จิกค์เพื่อ อาสวกขยฌาณ ทรงเจริญ วิบสตนา พิจารณาซึ่งกวามเกิดขนและความเส์อมแสะความฺดํบ ในอุปาทานขนิธ์ทง ๕ ค้อ รูป เวทนา สิญญา ล่งขาร วิญญาณ อยู่ควยไม่ประมาทและกวา]]เพืยรอนกลำหาญ ไม่เออ IV เอ' ก่อกายและ'จิกค์ หจังก่ออภิสมวิ]เบนพองหนำ ก็เกิคธรร]]จักษุญาณปรีชาหย่งทรามอริยสจจึ ๔ แจงประจกษ์ฅาม'จริง'ว่า อิทํ ทุกุขิ อนข้ทุกข์ อยํ ทุทฺขสบุทโย อ นินิเหฅุใหผลเกด ขนพรอมแห่งทุกข์ อยํ ทุกุขนิโรโธ อนินิธรรมเบนที่คบไม่เหลือแห่งทุกข์ อยํ บุกฺนิโรธ คามนิปฏิปทา อไเนิข , อปฎิบกมรรคา , ให้ผ้ปฏิบกลึงธรร]]ที่ดวิงทุกข์โคยไม่เหลือ ๆ ทรงทราบ อาสวะแจงประจักษ์กามจริงว่า อเม อาสรา เหล่านิยาสวะกิเลสกองสนคานสกว่ กิเลสสรนา
  • ■&' ๑๔๖ ทวไป อยํ อาสวสมุทโย อนนิเบนสมทยเหคุก่อให้เกิกผลแห่งอาสวะ เหคุย'งอาสวะให้เกก ขน อยํ อาสวนโรโธ อนนิเบนธรรมที่กบสนิทกบไม่เหลือแห่งอาสวะ อยํ อา สวนิโรธ- คามนปฏปทา อนนขอปฎบกมรรกาให้ผ้ปฏิบก ถึงธรรมที่กบแห่งอาสวะโกยไม่เหลือนน ๆ เมอพระองค์ทรงทราบชกอยู่อย่างนิ จิกก์พระองค์ก็พนแล่วจุากอาสวะท 1 งํ๋หลาย อือ กานาสวะ ภ วาสวะ อวิชชาสวะ ฯ เมื่อจุฅกพนพิเศษจุากอาสวะแลว ก็เกกญาณหย่งทราบว่าจุ๊ฅค์พน พิเศษแลวกงน แลวเกด บํจจเวกขณะญาณ หย่งทราบชกว่า ชาติ กวามเกิคสนแล่ว พรหุนจรรย ไค้อยู่จุบแลว กิจุที่จุะก‘องทำไค้ทำเสรจุแลว กิจอื่นอีกย่งเบนอย่างนิไม่มี จุบกิจุ มญญาศณูพองน ฯ วมุตต ความทจกฅพนพเศษแหงเรา ไม่กำเริบไมกนกลายชาดิกวามเกิก แห่งเราชาดินมีณะพิสุก บกนิกวามเกิก'ไม่มี ๆ พระองค์เกิก บจจเวก ขณะญาณ หย่งทราบ กวยประการฉะน ๆ อาสวกฺ ขยฺ ญาณ ปรีชาหย่งทราบรู้ณะกวามสืนอาสวะนิเบนวิชชาที่ ๓ พระองค์ไค้บลสุแลวณะบจุฌิมยา 3 เที่สุก แห่งรากรีวิสาขปุรณะมีมงกลสม่ย ๆ ขอนได้นามบญญตว่า อุปธิวิเวก ทระพุทธอุทานคาถา คราวเสด็จประทบ01ะควง'ไม้นทาโพธิ อเนกชาติ สํสาริ สนฺธาวิสสํ อนิพฺพิสํ คหการิ คเวสนฺโต ทุกุขา ชาติ ปุนปฺปุนํ คหการก ทิฏโ 5สิ ปุน เคทํ น กานสิ สพฺพา เต ผาสุกา กกคา กหกูฏํ วิสํขตํ วิสํ 1 ขารคตํ จิตติ ตณหานํ ขยมชฺฌาคาติ ฯ แก่กถากกท่องเที่ยวมาในชาดิสงสารประบาลแบนอนมาก ลืบเสาะแสวงหาช่างอน กระทาเรอน กลาวกอกณหาก่อสร่างนามรูป กมิไค้พบพานทรมานเสวยชๅดิทนทุกข์ลำบากแล่ๅ ทุ เลา ทุ กูกอนกณหาผูเบนชางกระทำเรือนให้กถากก กาลบกนกถากกพบท่านแล่วเห็นกํวท่าน แลว ฅงแก่นลืบไปในพองหนำ ท่านมีไค้กระทำเรือนให้กถากกสืบไปอีกแลว และกลอนเรือน ทงปวงของทาน กถากกกภนทนาการหกทำลายเสยสนแล่ว ฉอพาเรอนของท่านกถากกก็ประหาร ๑๕๗ ขจคขจายสั้นแลว และจิคก็ของคถากฅก็ปราศจากส่งขารที่ง์ ๓ ซึ่งจะกกแก่งให้บํงเถึกในไฅรภพ สืบไปนนหามีไค้แลว และสนคานแห่งศถากฅ ฒงซึ่งสั้นสูญจากคโแหาเบนนิราวเสสโคยแท้ ๆ' อธิบายว่า เราไค้คำรง ชึวิค ของเรามาประสพกบความเบนไปที่งปวง 1 เพีอกนกว่าหา ให้รู้ว่าไกร เบนผู้สร่างหวงแห่งกงวลให้แก่กวามรู้สืกค่าง ๆ ที่ฅองทุกข์ทรมาน เราไค้ผจญกบ กวามยากลำบากมาแทบไม่สั้นสุก แค่บกน เจ่าเอ๋ย เจ่าผู้สร่างหวงหรือห่วงนน เจ่านนแล เรา รู้จกเจ่าแลว เจ่าจะสร่างกํใแพงแห่งกวามทรมานอยู่ภายในนนไม่ไค้อีกแลว เจ่าจะเผยอหวออก อุบายของเจ่ามไค้แลว และเจ่าจะรากเหนียกินเหนียวนีมีไค้อีกแลว เรือนของเจ่าถูกทำลายและ ขื่อก่นสำกโ^หกสะบนดงแลว คือมายานนแหละที่ไค้สร่างเรือนนีขื่นคงแค่บ'กนีไป จ่กต์ของเรา ถึงพระนีรวาณแลว เราจะเกินไม่หยุค เพื่อให้บลลุถึงซึ่งการที่ช่วยส่กว์โลกทงปวงให้พนทุกข์ไค้ พระพุทธอุทานคาถาในยามทง ๓ แห่งราตรืตรสรู้ ยทา หเว ปาตุภ!ใเด ธมมา เมื่อไกธรรมคือโพธิบกขิยะทง์หลาย ก่นให้กวามแทงคลอก ซึ่งบจจยาการโกยอนุโลม สำเร็จ ย่อมมาเบนชก คือเถึกขื่นนโ)หนี่งธรรมที่งหดาย คืออริยสจจที่ง ๔ ย่อมมาเบนชค คือประกาศชกเจนปรากฎฺกวยอภิสมโ) อาตาบโน ฌายโต พุราหุมณสฺส แก่ พราหมณ์ผู้มี ความเพียรเพ่งอย่ ก่วิยอารโ)มณปนีชฌาน และส่กขณปนีชฌาน อถสฺส กงฺขา วปยนุต สพพา เมื่อนนกวามสงสโ)ท , งปวงแห่งพราหมณ์มน ย่อมฉิบหายพินาศไป ยโต วิชานาต สเหตุธมฺมํ เพราะพรฺาหมณ์นนมารู้แจ’งซึ่งธรรม คือกองทุกข์สั้น มีสงขารเบนคน กบทงเหทุอวิชชาเบน คน ๆ กร่ง๎นน สมเก็จพระผู้มีพระภากทรงทำในใจซึ่งปฏิจจสมุปบ''ทเบนอนุโลมปฏิโลม คลอก มช่ฌิมยาม ส่วนกลางแห่งราครืแลวเปล่งออกซึ่งอุทานนณ่ะเวลานนว่า ยนา นเา ปาตุภวนุต ธมมา อาตาบโน ฌายโต พุราหุมณสฺส เมื่อใดธรรมทงหลายมาปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มี เพียรเพ่งอย่ก่วยฌานและบญญา อถสส กงฺขา วปยนุต สพพา เมอนนกวามสงสยทงปวง แห่งพราหมณ์นน ย่อมพินาศอนครธานไป ยโต ขยำ ปจฺจยานุ อเาท เพราะพราหมณ น , นร้แจ่งแลวซึ่งกวามสั้นไปแห่งบจจยทงห่ลาย ๆ กรงนนสมเกจพระผูมพรกาก ทรงทาในใจชง ฏิจจสมุปบาทเบนอนุโลมปฏิโลม ■คลอกบจฌิมยามส่วนที่สุกแห่งราครีแลา เปล่งออกชงอุทานน 9 ในเวอานนว่า ขทา หาว ปาตุภวนุต ว”ใว'า อาตาขโน ณายโต ทฺรานุ’!ณสฺสฺ พึ๋อใกธรรมนั้งนลาย"าปวากข้แก่พวา’ 1 "™ ผู้"กวา"เพียรเพ่งอยู่กวย ลเาแแล 5 "'!™’ ว ?*] ย ติฏฺธติ หารเสา! พรานม™นั้เย่อ"กำจ่กเอนา"’วเลยโ 11 พ”’' 1 โล่ คารงออก!!ปร 5 ก’'5’นุ อยปรีชาชชวาล สูใรว โอภาเสย 1 มนุตสกฺขํ ประนนืงพร 5 '”ทํกย์ อันให้อากากทองท่’ สว่าป็อย่กวยรสมึฉะนน 8 พระทุทซอุทาบคาค 1 คราวเสด็จประทบ ณ กายใฅ้อซบาคบโคา 1 ' พราหมณ์ทูลถา:]ว่า บุทกลอื่นชึ่อว่าเบนพราหมณ์ก่ว่?แหทู].พึยท่า อน-:ธรรบท'’ หลายเหล่าไรเล่า ทำบุทกลให้เบนพราห:] ณ ท งน ๆ พระผู้มีพระภาคเจ่าทรงเปล่าอุทาน“ว่า โย ทุ’าหฺหโณ พาห"ปาปนุ'โป หวา™™ ผู้ใกก็บาปธร่ร่"อั;ออยเชียแล้' หห:ห'โก หนุ"•'วโ'' ""นุโ" โล่™เลล'ชีงเป็นเก™จุ่เ™ วาหึๆ เป็นคำทอาบ แอะก็กิเออวกจิกก็™นาปาก แอ 5 "กนอำวา"แลว!'' 11 ห. ต ใ! โ™ หฺรหฺ มจริ โข อึงซีงพึอุคจบเวท บัล ลุ อุ™ท่เค" คือ ปพเทน วาสานุสุพตญ''กุ'นุ'] , ]’’ 1 ' ญาณ อาสวกขอญาณ จบใครวิชชานแล้ว ก็พร 5 พวน"จรวย์โค้อยู่''"แล้ว เลว่จกํจทกววล่ว 5 กอบ ธมเมน ใส" พฺราทุมวาทํ วเทยฺย ผู้นั้นพึงกล่าวโค้ใ ค ข 1 'วว"โ''' 1 ™ห .'ง" ตู่' 1 ว่ , อนเป็นพร่านณ์ เป็นผูพอกพุนคนค''วยล้""าปยํ"ค ตุ!'"" หนุ 2 นุ 2 ! 2 โ , " เกร่องฟุซินชองท่านผู้ไรเล่าใล่ป็ในโลกอันนนืงเลยคังน้ ว อ"เก็จพูระผู้"พระกากเปล่งอก™ อุทานแอกงชี™าอวบุทํคลว่าเพึนพราน"นั้ อรีย"รวก™ •ง เป็นธรร"อันทำนุทกลเท่ ’"’ 1 พราหมณ์ ควย ประการกฺงืน ก พระทุทคาถา คราวเสด็จประพหถ ''ปโล่''] , ’ 'นุ , ' , '’ ห’' 1 สโข วเวโก ตุฏฺสุส สุคธมฺมสฺส ปสฺสโต ควา!!องกเป็นลุทองนุทกลผู้ยํนกีแล้ 1 5™ร"อ้นใกอกับแล้ว เธน่กุเห็นอยู่กวยยก’กุกญ™'ก่'"ล” 1 งรุ้เพึแอรรพอังชาวกา"เป็แววํงอย่’ง 1, อทฺยา ปชฺณํ สุข โถเก ปา ณภูเตสุ สณฺณ'โห กรา"เป็นบุทคลไล่ป็กวา"เป็ยกเป็“แก่’งา ร)(&& กอกวา:]สำรวมในส่ฅว์ท , งหลาย เบนสุขในโลก สุขา วิรา คตา โลเก กามานํ สม ติกุกโม กวามที่สวิเว์เบนผู้มืราคะอนปรากแลว คือกวามล่วงกามทงหลายเสียไค้ควยประการนั้งปวงเบน สุข ในโลก อสนิมานสส วินโย เอตํ เว ปรมํ สุขํ ขอน , นคือความนำเสียซึ่งอสมิมานะให้ ทินากไค้เบนสุขอย่างขึง .กังน ๆ] หลกธรรมประจำจิตต์ มโน ปุพฺพํคมา ธมฺมา มโใ! เสฏฐามโน มยา มนสา เจ ปทุฏฺเซิน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทุกขมใแวติ จกกํว วนโต ปทํ มโน ปุพพคมา ธมมา มโน เสฏฺซิา มโน มยา มนสา เจ ปสนฺเนใ! ภาสติ วา กโรติ วา ต โต นิ สุขมใ-]เวต็ ฉายาว อนุ ปายินิสิ ๆ คำแปล ธรรมทงหลายมืใจถึงก่อน มืใจประเสรฐสุก สำเร็จแลวควยใจ ถาว่าบุกกลมใจอน โทษประทุษรายแลว จะกล่าวก็กาม จะทำก็คาม ทุกข์ย่อมฅิคกามบุคคลนนไปเหมือนลํอหมุน กามรอยเกัาโกกัว่ลากเก'วิยนั้ไปอยู่ฉะนั้น ๆ ธรรมนั้งหลายมืใจถึงก่อน มืใจประเสร็ฐสุค สำเร็จแลวควยใจ ถ , าว่าบกคลมืใจอน ผ่องใส จะกล่าวก็คาม จะทำก็กาม สุขย่อมกกกามบุกกลนั้นไป เหมือนเงากามกัวบุกคลนั้น กังน ๆ ห่าใจพระใเทธศาสมา สพุพปาปสฺส อกรณํ กุสลสสูปสมปทา สจิตตปริโยทปน์ เอตํ พุทฺธาใ!สาสนิ ขนฺติ ปรมํ ตโป ติต็กขา นิพพานา ปรม วทนติ พุทฺธา นหิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาต สมโณ โหติ ปริ วิเหซิยนโต ๑ (^0 อนุปวาโท อนุปฆาโต ปาอโมก.เา) จ "'‘โ’ มตดฌฺ ตุตา จ กด.ตสุม ปมตชุจ "ย"ร"" อ;จตุเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสน"ตก คำแปล การไม่ทำบา!] การย่ง่กุกล'โห็เก่คข้น การยัหํอก์ของก' โห้ก่ ยเผ่’ ม' มํ'*กำ'' ๓ ' ของพร-.พุทธ!™™™ ๆ กวาม™™ กล่าวกือกวาม™'’ าม '™ บะ0 ™“ ง ฯ ™- พุทธเจ่าฑง่หกาย กล่าวพระนิพพานร่ามึน®รรมยย่างซีง ■ง ก' เ ผู้ท่ากู้™'โม่’ 0 'ร่า , ”' พ5ฅ า ^เมียคเมียฟผู้™ ไม่เชอ'ร่าตมณะ วฺ การไม่เจ่าไปมี!™' แ™ไม่เจ่าไปท่ากักว์ก'' "0* ล่ารวมไนพร๗าฎํโมกข์ 1 เกะกวามเ™ผู้ะมา™โ'ร์แก’™ก 1 ™: แ ' ๓ '™ ประกอบความเพียรในอ;จํคค์ น้เมึนค่าก™ชอ'พระพุ™จ่า'"’ง 0 า'' กิ" ๆ ขนห อง ๘แบบเวช งจ่น ทรํ่ พระมหาเถระ พุทธรง" แต่งโร 1 พีอจ่ก? นพ ระร่ บก" นาญาณจ่า ใชิคกแค่'™กกก" โม้ ซีท่*ม่กก' 1าง ๕0 ‘กิ 11 แกว อาราธนาวา : - ในห้อ' .. พระ"มุม"."'!!ร® .อฺทยพฺพยามุปสุ""รฃร ณ ภงฺค านุปุ สุ" นาญาณ . ภ(ตุ่ป่อ! านฺญ่าณ อ™"รา"’สุ""รญาณ 61 "มุ''’ 1 ร'!' ป"" นาญาณ มุจฺจตุกมฺยตาญาณ ปอ สง.ขา"ป"."'‘รญาณ 8 ส สุ””' 1 สุ ‘รมุ 1 ''" 1 สจจานุโลมิกญาณ ๑ อธิบายว่า ญาณ ท ๒ - ค่านึ'เห็นท้'กรณ 0 ’ ๓ ™กิ” แ กิ 1 ''า” ญาณ™ 01 ปล่อยความเกคเกย ค่าIนิ'มึนอารมณ์นะเพาะกวามก'"ม*กิ ‘ห้า'''ร 1 ’” ^มุ" ค่า "ง™'"" นนอนปรากฏควยอำนาวกวามก” โคยอาการ!™'•อ'น่า"ห้า คุวกกว์รา' 1 มี"'’’ 'ม'' , ’' 11 ญาณพี ๔ คำนึงเห็นโทษแห่'ห้'ชารนน อนปรา"ฎค่ว์ยอา"าร™ ๆ ร่า™คุ 1 'รอมก'โมุ™ •ะ, ญ าณพี ๕ คำนึงกึงกู้'ขารนน อันมีโทษไค้เห็นแห้วห้วยอำมา ,1 กร 111 'ม 8 ''กิ 18 . -! 6 พระ"มุม".สนญาณ- ไค้แก่การ''ห้'รู้’]ร’พ'!กิ'' 11 ร- 0ปช - ชิ® คำนึงกํวยใคร่จะพํน่ไปเสียจากล่งขารน่นทีเบอหน่ายแลวดุจสควอนคิคข่ายใคร่จะหลุอไปจาอข่าย ; ญาณที่ ๗ คำนึงค , วยพิจารณาเห็นล่งขาร' เพื่อหาทางเบ็นเครืองพนไปเสียดุจนางใ'เกทีเรียกว่าสมุทร สกณีอนลงเล่นในทะเล ญาณที่. ๘ คำนึงควยความวางเฉยเสียในสงขารนนดุจบุรุษกู้วางเฉยใน ภรรยาอนอย่าขาคกนแน่นอนแล 1 ว ญาณที่ ส' เบนไปในขณะแห่งจึฅค อไเไค้ชีอว่าอนุโลม เกิค ขีนใน ลำ คบแห่งมโนทวาราวชชน อนดัคภ'วํงคํ เกิคขนในขณะทีอริยมรรค จ กเกิดท่อ ในทีสุค แห่งล่งขารุเบกขาญาณ' , .-. ••- '‘เ¬ พื่อทราบความเช่นนึแล่') จงบริกรรมว่า “อแจจ , ๓ที แลวจึงบริกรรมว่า “‘ทุกฺขํ เมื่อไค้แล่วจึงบริกรรมว่า “อ นฅตา” ๓ ' ที คือให้บริกรรมคงนึไปท3 ๑0 พระองค์นนแล ท่อนึไปพิงคำหน'คลกษณะภาพเครึ๋องเปรียบแห่งญาณนน ๆ ว่า พระสมุมสฺสนญาณ เบืนรปเปรียบคนแก่เฒ่าน่งผ่าขาวอนสอาค ๆ พระอุทยพพยานุสบ่สนาฌาณ เบนดังรูป , ทารก นอย ฯ พระกงคา นุปสสใ!าญาณเบนคงพระสงฆ์เจ่าที่งั้หลาย ๆ พระภยตุปฎชิานญาถเ¬ พนคงแสงสว่างแห่งไฟ ๆ พฺระอาทนวาใ!ปสฺสนาณาณ เบนดังขอนดัก (ขอนคอก) หรือ ใส้ฅะเกียง ที่ถูกไฟฺเผาแลว ๆ พระนิพพิทานุบ่ศุสฺนาณาณ เบนสีขาว ๆ พระมุจฺจิมุก)!ข- ดๅฌาณ เบ๊นสีแคง ๆ พระปฏิสงขานุปสฺสนาณาน เบนสีเขียวฯพระสงขารุเใเกฺขาฌาณ เบนสีเหลือง ๆ พระสจฺจานุโสนิกณ.าณ เบนสีขาวบริสุทธดังพระจนทรงกลค ๆ เมื่อไค้พระ ธรรมเจ?ที่งั้ ®0 องค์นึแดัว จีงภาวนาคืบเข่ากํนเบน ๕ คือ ญาณที ® กบญาณที ๒ เบฺนองค ® ๆ ญาณที่ ๓ กบญาณที่ ๔ เบนองค์ ๏ ๆ ญาณที่ ๕ กบญาณที่ ๖ เบนองค์ ® ๆ ญาณที ๗ กบ ญาณที่ ๘ เบนองค์ ® ๆ ญาณที่ ส? ก*บญาณที ®0 เบนองค ® ๆ ’ ขนโถกุฅตรกกน พระโยคาวจรเจ่าพิงเข่าโลกคครฌาน คงคนแท่ บ่ซิ)! ฌาน ทุ)!ย ฌาน ตตย ฌาน จตุตถ ฌาน บ่ฌ จมฌาน ให้เบนอนุโลมและปฏิโลมครบที่ง®0พระองค์นนเถิค พรรณนาใน VIชพระวบสสใาญา{III.'ไ)าโ ©0 โคยล่งเขปเพืยงเท่านึ' ๆ ขนมรรคญาณ ๔ ลำ ค* บนึ จึงขีนมรรค ๔ มข่าวคอกคอกไม้'ธปเทยนอย่างละ ๒ ๐ อาราธนาวาในหอง โสดาบ่ตติมคฺคฌาณ สกทาคานิมคฺคณาณ อนาคานิมุคคญาณ อรหตุตมคฺคฌาณ1จา
  • ซิป็(1® จงบ 7 กรรมว่า “นไม รูใ] ทุกขํ ขยตเถน สุขํ วตตนิพพาน นาม รู!] อนตฺตา อสสารกตเถม สารํ วตตนิพพาน” มีลกษณะขาวบริสุทธทั้ง ๔ พระองค์แลวรึงเข่าฌาณ ทั้] ๕ ให้เบีนอนุโลมและปฏิโลม ครบทั้ง ๔ พระองค์นนเทอญ ๆ ขนผลญาณ ๔ ลำคบน รึงขนผลทั้ง ๔ มีธูปเทียนอย่างละ ๒อ เล่ม ว่าในหอง โสดาปตฺตผลญาณ สกทาคา?!ผลญาณ อนาคน!ผลญาณ อรหตฺตผลญาณเจ้า บริกรรมว่า คามคาถาที กล่าวไว้ในมรรคมี “นามรู!]” เบนกนทั้งหมค แลว่รึงเข่ารสมีลืเหลืองทั้ง ๔ พระองค์นนแลว รึงเข่าฌานทั้ง๕ ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ครบทั้ง ๔ พระองค์ นนเทอญ ๆ ขนอิทธิ ๖ ลำคบนื รึงขน อิทฺธิ ๖ มีเทียน ©๐ อาราธนาว่า ในห , อง อทฺธ วทฺธิ วิตุติ วิชชา ทิพพ โสต ทิพุพ จกชุ บริกรรมไปกามชื่อทั้ง ๖ นน อิทธิ ลืแคง วิทธิ ลืเหลือง วิตดี สเขียวอ่อน วิชชา ลืเขียวแก่ ทิพพ โสต ลืเหลือง ทิพุพ จกุชุ ลืขาว เมื่อไค้แลว่รึง เข่าฌานทั้ง ๕ ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ครบทั้ง ๖ พระองค์นนแล ฤทธทั้ง ๖ น้เบนผลของ โลกียฌานก็ไค้ โลกคฅรฌานก็ไค้ ๆ แบบเทั้ยบฤทธิ ๖ ประการทิใช้ผล 1 ได้ อิทธิวิธิ แสคงฤทธิไค้ ทิพุพ โสต หูทิพย์ เจ โตปริย ญาณ รู้จ้กกำหนคนาใจของ คนและผู้อนไค้ ปุพุ เพ นิวาสานุสสติ ระลืกชาคีในปางก่อนไค้ ทิพ.พจกฺ ชุ ฅาทิพย์ อา สวก.- ขย ญาณ รู้จกทำอาสวะให้สนไค้ ฤทธิทั้ง ๖ นเบนผลของโลกุฅทรฌานอย่างเคียว ๆ จบเรื่องว้บสสนาเพียงเท่าน ว่าดวยเรองกสิณ ๑๐ ต่อไป วิธิทำกสิณ เมื่อจะมีขนมีข่าวคอกคอกไม้ ธูปเทียนอย่างละ ๕๐ เล่ม ถวายพระแกวิ เจ้าทง ๕ และอาจารย์สอนพระกไฌฏิฐาน แลว่รึงอาราธนาว่าในหอง พระ อุกูคหน้มตต อัน ๑(&๓ เกิคในจำพวกกสิณ คือ ปฐวืกสิณํ อาโปกสิณํ เตโชกสิณํ วาโยก สิณํ นืลก สิณํ บตกสิณํ โลหิตกสิณํ โอทาตก สิณํ อากาสก สิถ! อ่อนนจึง ฅงสคืไว้ที่หทัย วฅถุซึ่งเบน ที่ อาคํยแห่งจึคคื เมื่อเห็นปฏิภาคนิมิคกสิขาวบริสุทธึ้จริง ๆ แลว จึงขอเขำ ปซิมฌาน ว่าในหอง ปซิมฌาณ จนถึง ปณ จมฌาน ทุก ๆ กสิณที่คนจะพีงเขำคามอุปนิทัยและความพอใจของคน ๆ ๑. ป&วกสิณํ ในเขยว กลางขาว นอกเขยว ๒. อาโปกสิณํ ในขาว กลางเหลือง นอกขาว ๓. เตโชกสิล! ในแคง กลางเหลือง นอกแคง ๔. วาโยกสิถ! ในเขียว กลางขาว นอกเขียว ๕. นลกสิณํ ในเขียวทังขทอง กลางเหลือง นอกเขียว ๖. โอทาตกสิณํ ในขาว กลางเขียวทังใบม่วงอ่อน นอกขาว ๗. อากาสกสิณํ ในเขียวทังไข่กา กลางเหลือง นอกเขียว ๘. บตกสิณํ ในเหลือง กลางขาวทังกระจกเงา นอกเหลือง ๙. โลหิตกสิณํ ในเขียวทังไข่กา กลางเหลือง นอกเขียว ๑ 0 . อาโลกกสิณํ ในเหลือง กลางคำทังผ่าจึน นอกเหลือง อธิบายเหล่านว่าด 9 ว์ยเร้องอุคคหนิมิตต็๋ อ่อนไปจึงอาราธนา ปฏิภาคนิมิคค'ว่า ในหองปฏิภาคนิมิคค คงคนแค ปซิวกสฌ จนถึง อาโลกกสิณํ แลวจึงขอปฏิภาคนิมิคคือนขาวบริสุทธที่ง๎ ®๐ องคืนน อธิบายว่า ผู้ที่ เจริญกสิณ อย่างใคอย่างหนึ่งก็คาม เมื่อไค้ อุคฺคท และ ปฏภาค ชำนาญคแลวใหอธบฐาน ให้เบนสิขาวบริสุทธทุก ๆ กสิณ เมื่อไค้ปฏิภาคนิมิฅคืสิขาวบริสุทธคีแทัว จึง , ขอ ป#มฌาฌ ในทัอง ปซิมฌาน จนถึง ปณฺจมฌาน คงแค่ ปซิวกสิณ เบนคน จนถึง อาโลกกสิฌ เบนที่สุค ฯ ที่กล่าวมานึ่นํกปราชญ์อย่าพิงเช่าใจว่า ผู้เจริญจะคองทำให้หมคทง ®0 คสลเ หมาย ความว่า เมื่อชอบกสิณชนิคใคชนิคหนึ่งแลว ให้คำเนินในกสิณนน เบนอุคคหและปฏิภาคแล่ว อธิษฐานปฏิภาคให้เบนสิขาวบริสุทธิ เมื่อชำนาญคีแลวก็ขนฌานทง ๕•ไค้ครงทีเคียว แม้กสิณ อื่น ๆ ก็มิอาการเบนเช่นเคียวกไเ พูคทังเขปว่ากสิณที่ง ®0 นึ่เบนภาคพนของฌานแค่ละอย่าง ๆ กล่าวในหองกสิณจบเพยงเท่าน &&( 2 . . ขนอสุภ ด0 ๏ วิธี อสุภ กไเมฎฐานเจา มีธูปเพึยน ๕๐ เล่ม อาราธนาว่า:- ในหองพระอุค- อห่นิมิฅฅ์ คือ อุทฺธุมาตกิ ซากผีอนขีนพอง ๑ วินิลกํ คือซากผีมีสีอนเขียว © วิบ่พุพกิ คือซากผีเน่าเบนหนองไหลออกจากคำ ® วิฉิทฺทกํ ซากผีอนขากเบนท่อนนอยท่อนใหญ่ออก จากกน ๑ วิขายิตกํ ซากผีอันมีหมู่แรงกา หมา ใ !'าน หมาบาแย่งชงกน ® วิจิตตกิ คือซากผี อนขากเรี่ยรายออกจากกน 0 หสุวิขิตุตกิ คือซากผีอนท่านทงเสียพึงเบนรอยคืนกา © โลทิสุ- ดกิ คือซากผีอนมีเลือกไหลออกจากคำ ซิ บ่'สุวกิ คือซากผีอํนเหมือนหนอนกิน ® อป็ซกิ คือ ซากผีอไเข่ง แค่ กระกก ซิ รวมเบนอสุภ ซิ๐ เมื่อกำหนกไค้แน่นอนแลำ จึงอาราธนาในหอง อุคฺคหนิมิตต็่ และปฏิภาคนิมิคฅ์ จำเกิมแค่ อุทฺธุมาตกิ จนถึง อฏฐกิ แลำจึงอาราธนาขนฌานทง ๕ มีปฐมฌานเบนคน จน ถึง จตุสุถ ฌาน อุทฺธูมาตก เบนที่สุค กล่าวในหํ้องพระอสุภก , มมฏฐานจบเพืยงเท่านิ ขน พระ กายคตาสต เมื่อจะขีน มี' วิธีเหมือนกนกบอสุภ แลำอาราธนาในหอง อุคคห นิมิตต บ่ฏิภา ค¬ นมิฅต็๋ คือ เกสา โลมา น ขา ทนฺ ตา ตโจ เจ 9 า จนถึง มสุถเก มตถลํกิ กาย ค ตานุสสติ เจ็า แล่ว จึงเอา ป่ฏิกู ลา ก็คื บ่ฏิกูลํ ก็คื สํงืกฏเขำาๆก ๆ บทนนเทอญ ลำกบอาการ ๓๒ คือ เกสา ผม โลมา ขน น ขา เล็บ ทน ตา พึน ตโจ หนำ บญจบ ทวิ โกฏซาส ฯ บํสํ เนอ นบารู เล็น อฎฐิ กระกูก อฎซิมิญชํ เยื่อ ในกระกก วกฺกิ ไข่ หล่ง บ่ฌฺ จมบทวิโก- ฐาส ฯ ห่ทยํ หำใจ ยกนํ คบ กิโลมกิ พำผีก บหกิ มำม บ่บ่ผ าสํ ปอก ปฌฺจกบท- วิ โกฏฐาส ฯ อนุตํ ใส้ใหญ่ อนตคุณํ ใส้นอย อุทฺทริยํ อาหารใหม่ กรสํ อาหารเก่า มสุถเก มสุลลํ คํ ขมองหำ ปญจกบทวิโก ฎซา ส ฯ เพียงเท่านิเบนรปธรรม ๒๐ บสุติ คื เส มฺหํ เสลค ปุพฺ โพ หนอง โลนิตํ เลือก เสโท เหงื่อ เมโท ไกล ฉกฺกอาโป- โกฏฐาส ฯ อสุ สุ นาคา วสา นามนเหลว เขโพ นาลาย สิงฆานิกา นิ'ไ มูก ลสิกา นิา เหลือง (ไขขอ) มุสุตํ มูคร ฉกฺกอาโปโกฏาส ฯ เบนนามธรรม ©๒ เมื่อ กำหนกกภาวนา ■4 ๏ & & ไค้ชำนาญคีแลว จึงอาราธนาขอพระอุกกหปฏีภากนํมิกค์ ไปทุกองค์ท่ง ๓๒ จึงขนโลกอุฅรญาน ท , ง ๔ ก่อไป จบพระกายติเพยงเท่าน ขนพระอนุสสสิธรรมเจาทํ้ง ๑ฮ พระองค์ เมื่อจะขนมืวิธี ก่งกล่าวมา แลว จึงอาราธนาว่าใน ห องพระ พุทธานุสฺสติ ธมฺมา¬ นสุสติ สงฺฆานุสุสติ ศสานุสุสติ จาคานุสุสติ เทวาตานุสสติ มรณานุสุสติ กาย¬ กตาสติ (เอกธาตุววดฺถานานุสุสติ) อาณาปานสุสติ (เอกสณญานุสุสติ) อุปสมานุส สติ ฯ พระ พุทธานุสสฅิ บริกรรมว่า พุทโธ ๓ ท่ พระธ มุม'านุสฺ สติ บริกรรมว่า ธมโม ๓ ท่ พระ สํงฆานุสสกิ บริกรรมว่า สง โ ฆ ๓ ท่ ลีลานุสสฅิ บริกรรมว่า สลา นิ ๓ ท่ จาคา นุ สสฅิ บริกรรมว่า นุตตจาโค ๓ ท่ เทวฅา นุสสกิ บริกรรมว่า สทุธา ๓ ท่ ม รณ านุสฺ สกิ บริกรรมว่า มรณํ ๓ ท่ กายคฅาสกิ บริกรรมว่า เอกธาตุ ๓ ท อานาปานสฺสกิ บริกรรมว่า เอกสณฺญ า- ๓ ท่ อปสมานุสสกิ บริกรรมว่า นิ โรโธ ๓ ท่ เมื่อทำไค้ชำนาญครบท่ง๎ ๑๐ คีแล่ว จึงเข่เ- รสมือนมืลีขาวบริสุทธี กรบท่ง ©๐ องค์'น 1 นแล แลวิขนโลกุฅฅรฌานท , ง ๔ จบอนุสสติ ๑ 0 เพียงเท่าน ขนพ?หมาทาร เมื่อจะขนมืวิธีเหมือนกล่าวมาแลว จึงอาราธนาว่าในห , องเมฅกาพรหมวิหารเจ่า บริ- กรรมว่า อหิ สุขโต โหม ๓ ท อตุต สุข โหมิ ๓ ท่ บริกรรมไปจนไค้อุคคหและปฏิภาค แลวิจึงเข่าฌานท่ง๎ ๔ ให้เมนอนุโลมและปฏิโลม แลวิจึงเข่าสบ (สลบ) เข่าคืบเข่ารวบ เข่าจอุเ- ข่างใน บญจข่างใน สงกฎข่า ง ใน แลวจึงอาราธนาในภูมิว่า ข่าพเข่ข่กเลียบภูมิในหองเมฅกา- พรหมวิหารเจ่า ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม เมื่อไค้ภูมิท , ง ๑0 บริบูรณ์แลว จึงออกทิกีท่ง ๑ 0 จึงเข่าสงกฎว่า ขาพเจ่าจกเขาส้งกฎในหองปฐมฌาน จนลีงจฅุฅถฌาน ในหองเมฅฅาพรหมวิหาร- เจ่า ให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ส่วนเทียนสงกฎนน ๒ 0 เล่ม บกลูกสงกฏและเล่มละ ๕ ลูก แลวจึงเข่า ว' กรว่า ข่าพเจ’าจ่กขอเข่า ว กรในห’องปฐมฌาน จนถีงจอุฅถฌาน เมกฅาพรหมวิหารเจ่า ในกายแห่งข่าพเจ่าให้เบนอนุโลมและปฏิโลม ฯ 1 ๑๕๖ ฌฅฅ่า กรณา มทอา ไค้ในองกฌา1น ๔ อุเบกขาไอในองอฌาน ก ขนกรุณาพรหมาหาร วิธี?น เหมือนวิธีที่กล่าวมาแห้ว จงอาราธนาล่า ในห้องกรุณาพาหม™าาเล่า พริ- กรรมล่า อหํ ทุกฺขิ โต ปมุฌฺ จา มิ ๓ ท ปมุณฺ จา มิ ๓ พ ฯ ขนมทุอาพรหม™าาเจา อาราธนาล่าในห้องมุพุอาพาหมวิหารเล่า บริการมล่า อหิ ลหุ ธ สม.ปต.ตโต ม' 1 วอ จุ ฉาม ๓ ทื อหํ มา วิคจฉามิ ๓ ทฯ ชนอุเบกขาพรหมวิหารเล่าอาาา 5 นาโนห 0 1บกข า พรหม วิหารเล่า อาราธนาล่า ในห , องอุเบกขาบริกาามล่า อ หํ กมมส.สโกบ.ห ๓ ท กมบส.สโอบ. ห 1ท เมื่อชำนาญแดวให้?นฌานไปโอยล่าอบ อ?บายล่า เมึ๋อผู้เจริญในพาหมริหา 7 ' 1 แล ‘ล่ ก

    ไค้ ชี่อล่าทำ ให้เบนภา อพิน แห่งฌานพ่านน แท่พีงทราบว่า กองม่านอุ ออหนิมํออื และ ปฏิมา อ นิมิอฑมาก่อนไม่เช่นนนเบนกิอทาง จบพรหมวิหารเพียงเพ่าน ขนพระอานาปานสสติ วิธีขน เหมือนกล่าวมาแลว อาราธนาว่าในหองพาะอุออห อานาปานสสอื บากาาม¬ า;า อุอุ เมื่อปรากฎแลวจีงอาราธนาล่า ในห้องปฎ๊ภาอนมิออ์ อานาปานสสอํเล่า บากาามล่า มะมะ แห้วล่า อะ แห้ว่ล่า มะมะ อะ พง ๓ อาน เบนอสลวาล (อสสาละ) บสสวาล ({เสสาเส-) นิสสวาล 9 คือ สูญวงกลมขาวบริสุทธิเหมือนพระล่นพาทางลลอ เมื่อไค้ชำนาญอ' 3 ท คืแห้ว จีงพิจารณาล่า อออภาพร่างกายน มีหห้ก ๒ อย่า' 3 อือ อุอิ อายโ'บ่ ๑ แลวกกลบ ปฎิสนธีเกอมาใหม่อึก 9 ห้วยอำนาจแห่งกวามไม่รู้เท่าอึงอวามเบนจริง จึงมัว 1 มา จึงเอี่ย วเกาะ จีงทิคกรัง อยู่ในกวาม๓อกบกวามอาย เมื่อห้งไม่เห็นอวามเกิอกบอวามอาย าวมกันลงเบน สภาพอน ๑ กืยิเอกธาอุ จีงไม่เห็นเอกจีออ์ เพราะไม่เห็นเอกจิออื จีงไม่เห็นอน เพราะไม เห็นฅน จีงไม่เห็นธรรมทํจริง เมอจีออไม่เหนธรรม เมอธรรมไมถงจออ จฅฑไมรูธรรม ธรรมไม่ซาบซิงถงจออ จิออจงเบนธรรมขาอมออาไปพง พอ จออพจะพนไปไอ กเพราะพม ๑. นิสสวาส เบนลมที่ละเอึยออย่างอึง องนงอยู่ที่อาอมาในระหว่างลมุปาาณและ อปราณ ไม่ใช่ สมาน อุทาน หรือ วอาน แท่ไม่นอกไปจากลมเหล่าน ๑&ณ์ จากรูปกบนาม รูปกบนามเบนเกรื่องปกบก'จิกค พี่เลยงของจิคฅ์ก็กอสติ สฅินนเองเบนธรรม เครื่องทืนเทือนใจให้รู้สึก เทือนใจให้สว่าง เมื่อสกฅงํ๋มนที่ใจไก้ทืแลว เบนสมมาสทืสมาธิ จิก ก¬ กมีอิทธิฤทธิ อิทธิพล จิงให้ใช้โยนิโสมนสิการพิจารณากูฅวบาปธรรมท่งั้ ชิ๔ ทือ โมโห ๑ อหิริกํ ๑ อโนตตป1เ ๑ อุทฺธจฺจิ 0 โลโภ ๑ มาโน ชิ โทโส ชิ อิจฉา ชิ มจฺฉริยํ ชิ กุกุกุจฺจิ ชิ ถนมิทธํ ชิ วิจิกิจฉา ชิ อวิชชา- ชิ ตณฺหา ๑ เมื่อพิจารณาเห็นบาปธรรมเหล่า นิไก้ชกแลว จิงอาราธนาเขาฌานว่า ขำพเจ่าจ , กเข่าฌาน ในห , องปฐมฌาน จนถึงบญจมฌาน อานาปาน'สิสทืเจ่า ให้เบนอนุโลมและปฎโลม เมื่อชำนาญแดวจิงขนสมมาสกิสมาธิ ก่อไป (ขน โดกุฅฅรฌานและโลกุฅรมรรคฌาน ก่อไป) จบอานาปานสสติเท่าน ขนมรรค ๘ ชิ สมมา หิถฐิ ความเห็นชอบ ๒ สมมาสง กปโป ความคำริชอบ ๓ สมมา-

    ... เ..... , ร^ ^ น' วาจา วาจาชอบ ๔ สมุมากมุมนฺไฅ การงานชอบ ๕ สมมาอาชไว เลยงชพชอบ ๖ สมมาวายาโม เพิยรชอบ ๗. สมุมาส สิ ระสึกชอบ ๘ สมมาสมาธิ คงจิฑค์ชอบ บริกรรมว่า สมมาสม ทุทโธ ๓ ท่ทุก ๆ องคํ่ ฯ ขนวิสุทธิ ๗ ชิ สืลวิ สุทฺธิ ความหมคจคแห่งคล ๒ จิตตวิสุทฺธิ กวามหมคจคแห่งจิฅค์ ๓ ทิฏฐิวิสุทฺธิ ความหมกจกแห่งท้ฏฐํ ๔ กงฺขาวิตรณ วิสุทธิ ความหมกจกแห่งญาณเบนเครื่องเห็นทางปฎบก ๕ มคคามคคญาณ ทสส นวิสุ ทธิ ความหมกจกแห่งญาณเบนเครื่องเห็นว่าทาง หริอว่าไม่ใช่ทาง ๖ ปฏิปทาญาณทสส นวิสุทธิ ความหมกจกแห่งญาณเมนเครื่องเห็นทางปฎบก ๗ ญาณทสสนวิสุทธิ ความหมกจกแห่งญาณทสสนะ ให้บริกรรมว่า นามรูป อนิจจิ ๓ กรง เรียงกนไปทุก ๆ บท
  • 6เ&๘ ต•ฐ')จพระปาตโมกขสงใร['® ๔ . ปาติโมกห่๒สิลวสุท; I. อินทร๗๒สิลาสุท; “ อาซ็วส ” ง - วรสืลาสุท; ๔ นิจช๗นนิสิตสิลาลุท; น™-™5 ข ๓ อีา" ๆ บท ใท้ช์1,ะ ศีล ศีอยิธาฅิคศีลเอก สํญญ า . ปฐม 011 น ๒ ทุติยฌาน 0 . เหห™ 'ห"™ น’"”’™™ 0 ™ ชุ่ 6 ว่ 1 ยล่า ปฐป่นฺนสฺเสติ’ กสคื ทุฬุนฺนํ ‘น ™] ป อ ฬส - ส1ฐ ๆ 1 , ,, อง๙ ๒ ว่า ยถา ปฏปนนสฺเสตํ กุสส่ อุ 1 !บ่ 14 .' 104 เม น ตถา บ่ย้บ่บ่ ส: องค์ที่ ๓ ว่า ยถา ปฏิปนฺนสฺเสดํ อๆ 1 สลํ อุปช.ชมานิ เม น ตถ' 1 บ่ฮิบ่' ทิสฺสาม ฯ 0 องค์ที่ ๔ ว่า ขถา ปฏีปมฺนสฺเสตํ ออุสสํ อุป , ชฺ™™ ณ น ตถา บ่' หฌฺฌติ เอวํ ปนปฺปน์ น อุปาเทอุยาทิฯ พระกาถาท้^นสังกมี ฌานๆ ขนสติบฏฐาน ๔ . กายานุปสฺสนาสสิปชุชาน ทืท่ง์ คือ 0 ค้กำหนอหิาร'''า™พีน 01 ’’' 1 ''’ 1 อ 18 นกีต่กว่ากาย ไม่'โห่'ต่ว์บุทอล ย้วยนเราเจา เรียกว่ากายา’พีออนา ร ๒ เวทนานฺปสฺสนาสติปอุชาน คือ’ คือ อคืคืาทนอหิ 1 ’™ 1 ''""‘ 1 ;’ อี 0 วิ , ทุยข์ แ 0 ,ไม่ทุกข์ไม่อุจพีนอารน™ว่า 'รทน 1 น้อํอัหิ 1 '"น" 1 ฬหิอพุ’ 1 ™หิ 1 ” 1 เรียกเวทนา'นุบสส'นา ๆ ล่, จิตฺตานุปสฺสนาสติปอุชาน รำก็'’ คือ อคืกำหนอทํ'เาร“หิน'"’™’’ 0 "” 0 ก่ย๗วิเป็นอาล่ล่ม่ข์ว่าไฟ้คือกว่าไว'ไม่ไ*อพุ้นออ อั’อนุ'นุ 1 ' ,1 ล่ ขมฺล่านุปส.สนาสสิปชุชาน คือ’ หิ อคืกำทนอหิ 1 ร™ 1 ข”นุคืพีน ทเยยกุย 0 ชุ่มล่เอิล่กัล่ไล่พีนอารน™ว่า ธรรน’'คือกว่า””’ ไม่ไอพุ้ทออ อั ว อ"”" ,1 เรียกธมมานุบสสนา ๆ (3) เมื่อพิจารณาให้ได้ใจกวามแจ่มแจงถึงใจแลว ให้บริกรรมสงกฏฅามขอที่ ® ว่า “กาโย อสุโภ” ขอที่ ๒ ว่า “เวทนา ทุกขา” ขอที่ ๓ ว่า “จิตฺตํ อนิจ จิ” ขอที่ ๔ ว่า “ธมมา อนตฺตา” ให้ว่าไปทุก ๆ บท เพื่อจะได้กำหนคจิฅค์ที่คำเนินในทางวิบสสนาหวนเข , าหาที่พ็กิ คือ สมมาสมาธิ ไม่เช่นนนจฅค์ไม่มีที่พีกจกเสยผลที่ฅนได้บำเพ็ญ ฯ ขนสมมไเปธาน ความเพืย ร ชอบ ๔ ๑ สงฺวรปธาน เพียรระวงไม่ให้บาปเกิคขนในสนคาน ๒ ปทานปธาน เพียรละบาปที่เกดขนแลว ๓ ภาวนาปธาน เพียรให้กุศลเกิดชื่นในสนคาน ๔ อนุรกฺขนาปธาน เพียรรกชากุศลที่เกิดแลวไม่ให้เสื่อม ๆ ขนอิทธิบาท ๔ ๑ ฉนุทิทฺธิปาทา ปทานสงขารสมาธิ ๒ วิริยิทธิปาทา ปทานสงขารสมาธิ ๓ จิตติทุ?ปาทา ใ]ทานสงขารสมาธิ ๔ วิ!]สิทุธิปาทา ปทานสงขารสมาธิ อิาเทรืย ๕ ๑ สทธินฺทร ย กวา}]เบนใหญ่ คือกวามเชื่อ ๒ วิริยินุทร้ ย กวามเบนใหญ่ คือกวามุเพียร ๓ สติ นทรื ย ความเบนใหญ่ คือสคํ ๔ สมาธินทรื ย กวามเบนใหญ่ คือสมาธิ ๕ ปฌฺญินฺทร ย ความเบนใหญ่ กอบญญา เมื่อพิจารณา ถึงความจริงแลว ให้บริกรรมสงกฎว่า “สมมาสมฺนุทุโธ ทง ๕ องค ในองค์เหล่านิ พละ ๕ ก็เรียก เมื่อพิจารณาทางพละให้บริกรรมสงกฏว่า “นุทโธ ๆ” ทุก ๆ บทไป ๆ ๑๖๐ ขนโพชฌงค์ ๗ ๑ สติ ความระลึกได้ ๒ ธมมวิจย กวามสอ ค ส่องธรรม ๓ วืริย กวามเพียร ๔ บต็ กวามอมใจ ๕ ปสสท ธ กวามสงบใจจากอารมณ์ ๖ สม 1ธิ กวามกงั้ใจมน ๗ อ เปก ขา กวามวางเฉย บริกรรมส่ง?าฎว่า “สมมาสมพุทฺโ ชิ” ทุก ๆ ธงก ขนญาณ ๕ © โคตรภูญาณ ๒ ปุถุชชนโคตรภูณาณ ๓ วงสโคตรภูฌาณ ๔ มหาโคตรภูณาณ ๕ อริยโคตรภูฌาณ บริกรรมส่งกฎว่า “นาม รูป” กังนีทุกๆบทไป เพีอให้เบ็นทื่พกของ ริกก์ กัน^ หนาที่ของจิฅด์จะรัเอง เห็นเองโดยบจจดกัง ฯ ขนอรูปฌาน ๑ อากาสานณฺจายดน ๒ วิฌฺญาณณุเจายตน ๓ อากิญจณฺณายตน ๔ เนวสฌฺณานาสญณายตน ๆ ให้ บริกรรมกังกฎว่า “นามรูป อนิจ.จํ•ทุก ขํ อา!ต.ตา ,, ๑๖๑ ขนปฏิสมภิทา ๔ 6 อตถปฏิสมภิทาณาณ ๒ ธมมปฏิสมภิทาณาณ ๓ นิรุตติ ปฏิสมฺภิทาฌาณ ๔ ปฏิภาณปฏีสมภิทาฌาณ บญญาอนแกกฉานในอรรถ บญญาอนแกกฉานในธรรม บญญาอนแกกฉานในนิรุกติ บญญ'าอนแคกฉาน'ในปฏิภาณ วิชฺชา ๓ ๑ ปุ่พุเพนิวาสานุสสติฌฺาณ รู้จก ระลึกชาติ'ไก้ 1® จตุปปาตฌาณ รู้ จก กำ หน คจุติ และ ๓ค ๓ อาสวก 1 ข ยฌาณ รู้จกทำอาสวะให้สน ฯ พระมทาลกฺขณา นิฏฐิตา ปริปุณฺณา ว่า ดวยทอง มหาปาท ล 0 กษณะ วิธดำเนินในนิมิตร็๋ฅามแผนทีรอยพระพุทธบาทดงต่อไปน ะ- พระอุคคหนิมิตร็๋ อานาปานสสสิ เวยนขวาที่งมวญ ๙ แห่ง ฯ เมือจกยก อานาปานสสต็ ให้ ค , ง๎แท่งใบ สี ๓ ชน ผำพระไกรลกษณ์ ๓ ผืน เทียน ๓ เล่ม จุกบูชาแลว พระอาจารย์จึงสวกปริยาย ว่าแท่คนจนถึงพระโกกมเจ่า ขอให้พระองกจงทรงทราบว่า พวก จ่าพเจ่านึ่ปฎิญญาณกนก , ง์อยู่ในพระไกรสรณากมที่ง ๓ ประการกลอกชีวิค มอบกาย วาจา จิกก ถวายเบนพุทธบชา ธรรมบชา ส้งฆบชา สํง์ฆบูชา ๆ จึง.กระท้าวกรพระพุทธเจา อาราธนา ใน ห อง พระอานาปานสสติเจา แลว พระอาจารย์จึงถอนเอาเทียนบูชา ๓ เล่มรวบเขากน แลว จงเบาให้ ก บเสีย ๒ ทีท่อหนำ'พวกศษย์ทงหลายนน มอบเทียนนนให้ติษยรบไปเก็บรกบาไว้บู ช า ท่อไป ๆ เมึ่อจะกระทำพระไกรลกบณ์นน มืใบสี ๓ ชน ผาพระไกรล่กษณ ๓ ผืน เทียน ๑๙ เล่ม ธป ๓ กอก จุก บูชา กอกไม้พนหนึ่ง ทำการบูชาสำเร็จแลว เอานาบากรหนง กอกบว ^ ออก ใส่ในนำบากร็นนแล่ วก , ง์ไว้กรงหนำ เอาผำพระไกรลกบณขึงไว้กรงหนาแลวนบสกา 7 ไกรรกน์ ขออญเชญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสงฆคุณ มาเบนที่พึ่งของจิกก์ เสร็จ I ๑๖๓ แลวจีงคงสคิภาวนาให้ไค้ทง ๑๙ บท อายุของคนไค้เท่าใคให้สวกให้ไค้เท่านนจบ แลวจีงเอานา ในบาฅรไปอาบ นเบนคืนแรก ๆ คืนที่สองนนให้ค่งั้ฌานเบนอนุโลมและปฏิโลม สงวทธยาย พระคาถาท , ง๑๙บท เทียนสงกฎ๒ เล่มๆหนึ่งๆ ๑๐ ลูก จีงอาบนา'ในบาฅร์นึ่นๆ คืนที่ ๓ จีงกระทำเข่าคอกพนหนึ่ง แล , วเอา ๑๙ เม็ก ที่งลงในนำผั้ง จนหมก ท งพนเม็ก โกยใช้วิธีเสก คาถา ๑๙ บทเบนคอน ๆ ไป ก่อนนจีงออกทิศทง ๘ เหมือนกงออกทิศพรหมวิหารทุก ๆ ซนแล ให้ภาวนาคามพิธีพรหมวิหาร จีง สงกฎเทิยน ๒ เล่ม ๆ หนึ่ง ๙ ลูก อีกเล่มหนึ่ง ๑๐ ลูก แลว จีงอาบนำในบาคร์นน นำบาคร์ให้มืท่งสามคืนนนเทอญ ฯ พระโยคาวจรเจ่าผู้ใคจกปรารถนาภาวนาพระไครลกษณ, อนเกิกในกงจกร์ท่งกู่ ให้ เอาผ่าที่ขาวบริสุทธื้ มาคงเบนวงกงจ่กร์ เอกหตฺถปุปมาณา กว่างประมาณ ๑ ศอก จึงเอา หรคานมาบฅคืแลวจีงเขยนวง ๖ อนใส่ที่ขอบวงกงจกร์ คือวงเขียว ๑ วงเหลือง ๑ วงแกง ๑ วงขาว ๑ วงแสก ๑ วงสุกเลื่อม ๑ (สีทองคำ) และวางวงกลมเบนสูญหนึ่ง ฅรงกลางผ่าซีกครึ่ง ซีกหนึ่งสีเขียว ซีกหนึ่งสีขาว กจ่างใหญ่เสมอกน แลวจีงมากงไว้ครงหนำ กกแก่งข่าวคอกพน ๑ คอกไม้พน ๑ นำผงกระออม ๑ นำบาคร์หนึ่ง คอกบว ๕ คอก ใบสีสำรบ ๑ เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ อ้น, จุกถวายพระรคนไคร กระทำฒัการะกราบไหว้ ขอขีนพระธรรมเจ่าว่า "อุกาส ,, ข่าพเจ่าจกภาวนาพระไครล่กษณ์ ขออญเชิญพระพุทธเจ่าจงมาเบนที่พึ่งแก่ข่าพเจ่าใน ขณะนึ่เทอญ ๆ ‘‘อุกาส” ในบกนึ่ข่าพเจ่าจกกระทำปฏิบกบูชา กามคำสอนของพระสพพญฌูโก- ดมเจ่า ขอจงเกิคอยู่ในจ่กขทวาร กายทวาร มโนทวาร แห่งข่าพเจ่า ในขณะเมื่อขวิพเจ่านง ภาวนา ในถ็นฐานแกนใก หากข่าพเจ่ายงมิไค้ลกษณะพระไครล'กษณ์เจ่า อนมืในกงจกร์แห่ง พระพุทธบาทควงนึ่ แม้ว่า เนอเลือกจ'กิเหี่ยวแห่ง เอ็นที่งหลายจกขากไป หลงจ่กิค่อม หนง จกปกกระกกอย่อ็คื ผิว่าชวิคแห่งข่าพเจ่านึ่จ่กิสืบก่อเบนไปอยู่ ข่าพเจ่าชัไค่งสฅยาธีษฐานพยายาม กระทำปฏิบคพระธรรมไปจนกว่าชีวิคจะหาไม่ และจกิขอยึคเอาลกิษณะแห่งพระไครลกษณเจ่า อนมืในพระพุทธบาทยคคลทง๎ก่จงมาบงเกิดปรากฏใน จ่กิขทวาร กายทวาร มโนวารแห่งข่าพเจ่า สมค'งมโนรถทุกประการเทอญ ฯ ก่อนึ่ข่าพเจ่าจะคงสคิและสจจะกำหนคไว้ทีใจแลวจะบริกรรมไป ว่า “โลกตตรํ ฌาน” ๓ที®๐๐ที่๑๐๐๐ที ฯ ควยอำนาจแห่งสจจ'ธรรมนึ่ ขอพระธรรมเจ่า จงมาบ'งเกิ ก ปรากฏแก่จ่กิขุ ทวาร กายทวาร มโนทวาร แห่งขาพเจ่าน อย่าให้ชำ อย่าให้นาน นิพพาน ปจฺจโย โหตุ ฯ ๑๖๔ เมื่อไค้พระธรรมเ'จ่าเรียบ'รอ!ยทีแต่ว จึงให้ส , งกฎเทียน ๒ เล่มทกล่าวมาแต่วนนโกยวธ เทียวกน จึงอุทีศนานนใล่พนพ (ผะอบ) ไว้ๆกวน เมื่อไค้พระธรรม •๙ ย' 3 ™แล่' ว 0 ^ล่' งก ป็ เทียน เอาพระกาถาน สวคเข้รวบว่ากังน “โลก,ตุตรํ เบานิ โลกุตตร มตุกู ฌานํ ฯ โลกุตฅรํ สติปฏฐานํ ฌานิ *1 โลก,ตฺตรํ ส มุม ปบ่ธาน์ เบานิ ฯ โลกุตฺตรํ อิทฺธิปาทํ ฌาน ฯ โลก,ตุตร 0 อิน.ทฺรยํ เบานิ ฯ โสตุตุต' พสํ ณา นิ ฯ โ ล ๆ ต . ตร0 โพชฺฌงฺคํ ฌานํ ฯ โลก,ตตริ สจฺจํ เบานิ ฯ โลก,ตุ ต สมลํ ฌา นิ ฯ ไ ล มุต ตร [ ธ มุม ฌานํ ฯ โลกุตุตรํ ขนฺธ ฌาน 6 ฯ โลตุตุตวํ ยายตนํ ฌานา โ ล ตุตุ ตร ธา มุ ฌาน ก โลตุตตรํ อาหาร็ ฌานํ า โลตุตุตรํ ผสสํ เบานิ ฯ โลตุตุ ตร เวทน 1 บน ๙ ' โลตุตฅรํ สฌฺฌ ฌานํ ฯ โลตุตุตร เจตนิ เบานิ ฯ (โลตุตุตรํ จิตุตํ ฌา นิ) ฯ เมอ สรวบ!เอา1พระธรรมเข้ท่ง •๙ บท , ให้เบนอนโลมปฏิโลบไปมากราบเท่าต่วน ๗ วนแต่ว่น ออกทิกท้ง ๘ ลำกบนนเทวกาพนกนจกมาให้วาวาประสํบธสบไตุ ก บ่ ร ; ก 1 ร ? 1 อฟ้ฟ้ง ภาวนาในกราวใค ก็จกเห็นสิรมงกล ®0๘ ประการ กวยญาณจ , ก็ษุคังมีแจงอยู่ไนทีรอยพ พุทธบาทข้างหน้าทุกประการนนแส มทาลกขณบ่าทววํ นิพฺตํ บ่ ณ . ณ0 อ นิ วน . ท ™ ทูรโต ปฌฺจบ่าทวรํ ไ0 จบพิธืเพยงเท่าน ฯ ตอนต้น คาถาเดินจงกรม ม อ อุ สิว่ ตุมุม 0 ทุกฺขํ อนิจ. จ อนตุตา (พ,ท. ธ ส.ส จง . ก บ่ เส อฺเ ฯ สงฆสฺส จ่งฺก มํ เส๗1 สหฺทป่า'ข วน สุ สต) อใน สุ ,5 ป่ ร น สุ' 5 หฺเนทฺหวุ่นํ 1 รูปกุ'ขน'โธ เวทนากุขน.โ สผฺฌากุขน.โ สิขารกุขน.โ วืยฺณาณกุขน.โ อน.'โ’ อนิจจํ สโข สุขํ 'วตุตนิพพาน์ ฯ เตรสส 0 ฆาทิเสสา ธมุมา เทวอนิยตา ธ มุบ' 1 ตสนสสคฺคิยา บ่าจิตติยา ธม.มา เท.วน!นิ บ่าจิตุนิยา ธมุม' 1 จ ตุตนิ ร บ่' 1 สิ 1ทส - นิยาธมุมา ปฌจสตตสิเสขิยาธม.มา สตุตาธิกรฌสมลาธมุมา ฯ สขาโว เผณูบ่โบ รปพุทโธ ธาตุพุทโธ นเบนกาถาเทียวจงกรม ว คาถาเจริญเมอจะเข๎าราวไพว อ อา ทิฏร้ ยลาบ่ท่ กน ต นตุลิ นิฏฺจนิ บ่ ณ . ฑเล ลโ ร น. ไต เอ โ ส นิพุพานํ ปาบ่ณิสสติ ฯ จบคาถาเขาบา ค คาถาออกบา ชิ'๖ & อ อา ทิฏุฐํ ย ถาปทํ กทุตํ นตฺถิ ติฏฺ5ติ ปณฺฑฑูเร ทุทุขสฺสนฺตํ กโรนฺโต เอโส น้พฺพานํ ปาปุณิสฺสติ จบ ฯ คาถาสมาทานจงกรม อิมํ ปฐวิยํ อธิ ๓ ท อิมํ จงกมํ สมามิยามิ ๓ ท จบ ฯ คาถาปลงจงกรม อิมิ จ งฺกมํ ปฏิกฺขิปปามิ ๓ ทฯ อมํ ปฐวิยํ สมาทยามิ ๓ ท จบ ฯ คาถาพระเจ 9 าจงกรมในครรภ์พระมารดา นโม พุทธาย อ อุ สิวํ มหาอุมงคลามิ สมฺพุทุธ ธทุคพุภเวสน.โต ฯ คาถานใช้เวลาเกินจงกรมกินก (ใช้สะเคาะลูกในครรภ์ก็ไกิ) เมินเครื่องบองกนบคาจทงมวล วิ เมินที่พอใจแห่งเทวคาทุกจำนวน ภาวนาแลว์มคุณมาก ๆ คำปลงอาบตกรรมมฏฐาน พุทธสส อตตมายามิ ธมมสส อตต มายามิ สํฆสฺส อ ตูดมายาม ฯ อช.ช มยา ปาปก มบํ กตํ จกขุทุวาเรน วา โสตทฺวาเรน วา กายทุวาเรน วา ชวด- ทุวาเรน วา, พุทธ านุภ ไ เวน ธม มาใ!ภาเวน สํฆานุกาเวน ปุนเปวํ น กริสฺสามิ ฯ (คำลาพก) โองการพระไตรสรณาคมน์ น โม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมาสมพุทธสฺส ๓ จน พุทุธั้ สรณ์ คจฉามิ ธมมํ สรณํ คจฉามิ สงฺฆํ สรณ์ คจฺฉามิ ทุติยทุบ พุทุธํ สรณํ คจฺฉามิ ธทุมํ สรณํ คจฺฉามิ สง.ฆ สรณํ คจ.กามิ ๑๖๖ ฅติฒบ พุพุธํ สรณํ ครุเฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฉามิ สงฆํ สรณํ คจ . ฉาม พุทธสฺส อดสมายาม ธมุเมสฺส อตดมายาม สงฆส.ส อดคมายาม อช.ช มขา ปาปกมมํ กตํ จกขุทวาเรน วา โสตทุว'แรม วา ก' 1 ยทวาเรา! วา ชวิตทวาเรน วา สพุพพุทุธามุภาเวน สพุพธม.มามุภาเวน สพุพสง'ฆา¬ น ภาเวVI สทา โสตฺถ กวนด เม ปุ่เนวิ ก์ริสฺสามิติ อกาสะ ข่าแค่'พระสํพพํเญณโกกมเจา ผู้เบนกรูแห่งโลกทงสาม บคนขาพเจามกกล เพนา จก กระทำ กนให้เมิน พุทธบูชา ธรรมบูชา สงฆบูชา ได้น้อมนำมาซี่ง อามิสบูชา สองประการ คือ อามิส ภายในและ อามิส ภายนอก อามส ภายในนน ไอแอ รูบ่ชม ธ เวทนาขนธ์ ส 0 ญญาขนธ็๋ ส่งขารข้น!! วิญญาณ 1 ชนธ็๋ พรอมทั้งชีวิคและการปมิบค อามิส ภายนอกคือ ข่าวฅอกคอกไม้และธูปเทียนชวาลา อันน้พเข่าได้ขวนขวายนำมาคถนค่’ 3 ไท้ ฌน ห 9 าโกฏฐาส ปฐม'โกฏฐาส น้น ข่าพเข่าขอนอมถวาย สมมาการวะบูชา แคพระพุทธเจา ผู้เบนบรมกรแห่ง'โลกทั้งสาม ทุติยโกฎฐาส กำรบสองขอถวายสมมาการวะบูชา •พระนวใล กกกรธรรมเข่าเก้าประการ กอ มรรกลี กลลี พระนพพานทน' 3 สนทงพระไครม{เก ยกชน เมินแว่นใจ ตติยโกฏฐาส กำรมสาม ข่าพเข่าขอถวายสมมาการวะบูชาพระอุ ณ พ ร ะ อรยสงฆเจุา จำ เคิมแก่พระ อัญญ าโก ญ' ท ญ ญะเถระเจา พระสารบูคร ผูอกกสาวกขางขวา พระมทาใมกกลลานะ ผู้อักกสาวกข่างซาย พระมทาอัสสปะเถระเข่า ผู้กระทำอังกายนายพระไครบมิก พระอุบาลีเถระเอั ผูเฉลยพระวิน้ย พระอานนทเถระเข่า ผู้เฉลยพระสุอันคบฎกเบนคน จนลีงสมมคิสงฆ์ผู้ทรงสง ว ร ในไกรสิกขา คือ ศล สมาธิ บญญา 1 อธิศล อธิจตต็๋ อธิบญญา สืบอายุพระพุทธกาสนา ให้เจ!ญรุ่งเรืองถาวรวฌนาการอยู่คราบเทีาพุกวนน ๆ จตุตุถโกสฐ' 1ส กำ™ส ชํ ๒ ชํ ๒ นอมถวายอัมมาการวะบูชา พระคุณแห่งพระมหาเถระเข่า ผู้ทรงไฅรสิกขางามในพระพุทธกา สน า เป็นพระกรบทธยาจารย์ อฅส่าหอังสอน พระสมถกมมฏฐาน และพระวบสสนากมมมิฐานเจาถส ผู้ทรงไว้ซึ่งพระไฅรบฎก แลวอังสอนพระปริยคธรรมเอัาทงปวงก็คื พรอมทงอุณบิคามารกา ญากิทา วงศาทั้งมวญ ผู้ควรแก่เกรื่องอักการะบูชาวราม้สอนน ๆ ปฌฺจมโกฏฐาส กำรบน้า ข่าพเข่าขอนอมถวายสว้เมาการวะบูชากุล 1 แท่งพระสมถ ะกม มมิ!า น และพระว๊บสสนาถมมมิฐานเจ ,1 พรอมทั้งพระบรมสารีริกธากุ รอยพระพุทธบาททั้งน้า พระพุทธรูป พระสถูป พระเจคีย์ ไม้ ■4 ๑๖๓) ศรีมหาโพธ อไเบนที่ประทบกรสรู้ ปรมาภิเษก ส'มโพธิญาณ ควยสกยาธิษฐานทิขาพเจำไค้ กระทำสไก่จจะคารวะครบองค์ห่าน ขอจงเบนมรรกวีถนอมจิกค แห่งขำพเจากรงก่อโพธิญาณ ของพระสมมาสไ)พุทธเจำนนเทอญ อนึ่งขำพเจำไค้ประมาทพคาคพลง อคารวะ ใใเพระแกวเจาที่งมวญ ลาทวารที่งสาม คือ กายทวาร วจิทวาร มโนทวาร อนใคอนหนึ่งก็กี ล่าอิริยาบทที่งสี่ คือ การยืน เกิน น 0 งนอน อิริยาบท อนใคอนหนึ่งก็คี รู้แล , วีแกลงํทำประมาทก็คี ยงไม่รู้ประมาทก็กิ และ ประมาทในที่ที่งํ้ปวง คํวิยกาย ควยวาจา ควยนาใจ ที่งก่อหนาและลบหลง ควยวิถีจิกค์กค จำเดิมแก่จิกกุบาทชากินึ่ ถอยกลบคืนไปในหนหล'ง ฅลอคอเนกชาติสงสารอนหาเงีอนเคืองกน เงื่อนท่ามกลาง เงื่อนพองปลายมิไค้ ขำพเจาก็รู้อยู่แก่ใจว่า เบนมลทินโทษย็งนกแลว ขอแก่ พระแก่วิเจาที่งม'}ญ คือ พระกกุสไโธพุทธเจา พระโกนากมโใเพุทธเจา พระกสสปะสมมา- สไพทธเจำ พระส'พพญณโคคง]สวิ]มาสไพุทธเจาเบนประธาน และพระศรอริยเมกไกรโพธสกว อไจะมาฅรํสรู้ในกาลขำงหนำ ขอไค้มีพระง]หากรุณาธิคุณแก่ขำพเจาโกยกรง จงมาสำรวมเอายง อจจโยโทษที่งหลายอไเบนผกผายแห่งอธรรม คือ โมโห อหรกํ อโนตตท่รํเ กุทุธจฺจ โลโภ ทิฏ เมาโน โทโส อิจฉา มจฉริยํ กุกกุจจํ ถนมิทฺธํ วิจิกิจฉา มกุโข เพราะบาป ธรรมท 1 ง ๑๔ นึ่ หากง]ากรอบงำให้มืคมนอนธการ ควยอำนาจ อวิชชา ตณหา หาง]มิให้ ขำพเจวิร้จไพระอริยสจจึธรรมที่ยง ๔ คือ ทุกขสจจ สมทยสจจ นโรธสจจ มคคสจจ จึงไค้หลงงง]งายอย่•ในอำนาจแห่งมิจฉาทิฏฐิ มิไค้มีกวาง]ละอายก่อบาป ไม่สคุงกลวก่อผลแห่งบาป มิไค้รู้แจงแทงกลอคในเบ็ญจขํนธ์ มิไค้รู้แจํง์เห็นจริง กามกำสอนแห่งพระส'พพญณูโกกมเจา ขอพระแกวิเจาที่งมวญ จงมีพระง]หากรุณาธิคุณมารไเอายงเกรีอง อามสบูชา ธรรมบรรณาการ ของขำพเจำ อไไค้กกแก่งโคยชอบแลวิในทิฉะเพาะหนำ และประมวญเอายงโทษอนเดิกจากบาบ่ ธรรมที่งหลายเหล่าน , นให้ระง'บคํบหายไป ควิยอำนาจพระบญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหา กรุณาธิคุณแห่งองค์สมเก็จพระสไมาสไพุทธเจาพระองค์นน จงบรรคาลให้เบนผลสำเรจกระทา ให้เบนอโหสิกรรม อย่าให้เบน สคคาวรณ มคคาวรณ น วา รณ ธรรม กำจกเสยใหสนจาก ขไธสไคาน เหมือนพระอาทิคย์อนทรงกลคล่องแสงสว่างกำจกกวามมกโ,ห้อนกานไบ่น ะนน อนึ่งขำพเจำปรารถนากระทำสไมาปฏิบกสามประการ คือ พระปริยกธรรม พระปฏ' บฅฅิธรรม พระปฏิเวธธรรม และปรารถนาจะคำเนนในกนถะธุระและวิบสสน' 1 ธุ ระ กก ชา พ เจา ^^1^2 ก.™ "พ™"® ะ! ,;,”ฬ๊ 5 ฟ้ร่ชิ ยายชิ วันชิทุกๆ'™ 1 # ฯ ณ์ร่ 1 !, .๗เดซะ ห™ ชิ''พ์.แน™ วํป้สนาก่ฬทั้!กก - บ 1™51™ ะะ? ^?55^ ง๊2 ฬ๓!แกกร™ แก่ริกก' "ก่‘เกุ "ก 01 '’"' "ก''®®™ “?3,1^111 ะ'! ”” X*•ะ"™'””’' ขันธ์ทั้งหาแห่งข่าพIจำ ใน*ห่ ยา ..., 1 ก V ™™' :ะ 22 “ 3 !: ใจส์ก์กัหะการวะ แก่' รระแก วเ,าทฒว8 "ก..- มุ่"'.-'|' 1 ก่น.,™นา ’ ก่.ก่ . - 1 . 15 -™ - 5 -' กษ ากีล เห่ญ๓กกากาวแา นิ ๐ปจาษนธรร'!'"!' 1 ' 1 5 ไ 2 I 6 รี ไ “ ,เร, การวะอย่างขึงแก่พระแกว"'™' 1ว! แ 5 พ,งเบ ’ 77 ’ ก่ ' ยใ!ทุกประการ จนถืงอ']ค'!ห™'รพ'’' 1 ริ''ก'' ๗ระเ " ฐน '' ๓ ®'“ก่ก่ . ตํเห้าพแห้ซอแห่"'ว"'•กุ" 1 ''กิ'''" 15 ’' ผ|5ท| "‘‘ก'"กุ'"' 1ฑ5 ’ ทท “ ง ก^ บุกรเทุวคาอ้นทรพรหแฒํร่ราก'™''ก''ก' ริ กข๓ ;®' 1 า พ้ก™รศห1 3 มุ!ร?ก' ^3๗*1 ร่ร่!ปแร่ปีกา'ภรกา '; ”1111^ 1*1 ร่211^ง5^ 11X21 “ปึร่รรพ!นินิขึนพ™ 8กฝุๆ มุพก'"''"แ'กีกั®ก®"' ๓ ® 5เ “ ย ๑๖0 เบีนหญิงก็กาม เบน'ชายก็ตาม เบน อริยะ ก็คาม เบนอนริยะก็กาม เบนเท ว คาก็คาม เบนมนุษย์ ก็คามเบ๊นวินิบาฅก็คาม มีจฅคก็คี ไม่มีจิกค์ก็คี มีชีวิฅก็คื หาชีวีคมิไค้กคี สควทงหลายทงปวง เหล่านน จงอย่าไค้มีเวร ท่อ กน จงอย่าเบียคเบียนซงกนและกน จงอย่ามีกวามลำบากกายลำบาก ใจ จงเบีนผ้มีอายุยืนนาน จงฌใเผ้หาโรกมิไค้ จงถึงซงความสำเร็จควยสรรพสมบคทงปวงจง เบน ผู้ เจริญ ๆ สุข บริหารคน ให้ พนจากทุกข์ ภ ยทงั้สั้นเทอญ ฯ ควย ตะปะเชะ ธรรม คือพระสมถะกัมมฎฐาน และพระาป้สสนากมมฏฐาน ที ขำพเจำไค้ปฏิญญาณมาน ส*คว์เหล่าใคเบีนผู้ถึงแลวซงกวามทุกข เมีอไค้รบอนุโมทนาสวนทุญน แล้ว ก็จงพนจากทุกข์ ล้คว์ทํงหลายเหล่าใคถึงแล้วซงความสุข ไค้ร?]อนุโมทนาส่ว?เกุกลบุญญ' นฤธนึ่แล้ว ก็ขอให้มีกวามสุขกวามเจริญยืง ๆ ขนไปคงรอยเท่าพนทวีทุก ๆ คนเทอญ ๆ อายนตุ โกนโต เย เทวา ขำแท่เทวาทุกล้วนหนำ คือ ทำวโลกบาลทงสิ ทำว โกสีย์ ทำว สุยาม ทำว สนดุสิต ทำว สุนิมมิตตวสวสด ทำว ใเราใ?]?วิตตวสวสด คลอก ไปถึง พรหมสาวํ ทำว มหามุนสาวํ มหาพรหมสาวํ อิสีสาวํ มหาอิสสาวํ มุนสาวํ มหามุนสาวํ ส!เปุริสสาวํ มหาสุ่ปุริสสาว็ จกรพรรติสาวํ มหาจกรพรรต็สาวํ โพธิสาวิ บจเจกสาวิ อร?ณตสาวิ สรรพสิทธิวิชชาธรสาวํ สรรพโลกาจริยาสาวํ ทง หลาย และเทวคาผ้สิงสถิฅย์อย่ ณ สถานทีนื แท่บรรคาทีขาพเจาแผ่ส่วนกกลบุญญนฤธใท แล' ไค้รบอนโมทนาแล้วขอจงพากํนมีกวามสขสถาพร มีเจคนาเบนกุกล คงคนลยูโคยธรรมแลว จงช่วยวางอำนาจประกบ ประกองป้องกนสรรพอนครายทงหลาย อย่าให้มากรากรายราว ขาพเจาไค ขอจงพากนมีนำใจนอบนํอม เบีนอินหนึ่งอนเคียวกนแลว ช่วยยกวงกมารมธรรมทงหลา ย คอ ทานปารม ทานอุปปารม ทานปรม , 'ติถปารม สิลปารม สลอุปปารม สลปรมตถปาร ม เนกขมมปาร?วิ เนกข 0 ?น]อุปปารม เนกข?]?]ปร?!ตถปารม บญญาปาร?] ?]ญญา อุปปารม บญญาปรมตถปาร?วิ วิริยะปาร?วิ วิริยะอุปปาร?วิ วิริยะปร?]ตถปารม ขนติปารม ขนติอุปปารมื ขนต็ปร?]ตถปาร?วิ สจจปาร?วิ สํจจปารม สจจอุปปารม สํจจปร?]ตถปารม อธิฎฐานปารม อธิฏฐานอุปปารม อธิฏฐานปรมตถปารม เมตตา ปาร?วิ เมตตาอุปปาร?วิ เมตตาปรมตถปาร?วิ อุเบกขาปาร?วิ ชุณกขาอุปปารม อุเบก ขาปร?] 0 ตถปาร?วิ ทํงสามสิบประการ?วิ ให้เบนสกกรกนปราการ กำแ?จงแกว ๗ ชน กอยสกค ก?เบนรอนเบญจมารทวิ)หลาย ให้ปลากนาการหนีไปเมื่อขำพเจำระถึกถึ'?กราวไค ขอจงเกิคเบน •9 ๑๗๐ ประทนึ๋งว่า ทระธร™นิร!๒กายินทรีย์ รีคนาออกจากมวยผมไหลระกม , ™ทชัทพ'!!’ 11 ™' 01 เกนามารใท้พํนวแไปโกยเร็วพลิ'น ฒัไท้ในปเ!ฟ้ออวก์“ห็’พร 50, ™"" 1 ’โ , ’ 51, '’ 1 ร็ 1 ๓,ประทัก ณ ควงไม้มหาไพ? ใกล้กำแม่นาเนรํญ!เรา กำพัพญามารพร™™ห™•เห่™''ร' 1 '' พนาธปราชัยแล้)ใล้ครํลืรุ้ปรมาภํเยกฒัโพใญ''" ชังเหลิาอร็ยลงร่เผู้'พรงกีลา'-วร''ง ไร่’’’" , "" กิเลสนทรารม® ควยเหน,อันเบํนปฐม ทืชัเพเจ่ร์ไล้อธิษฐาน ยกอินทร์พร™และมวญ- เทวาธิราช™หลาย มาเบึนเองค์อักชีพยาน 1 โนกาลเข'ล้น และไล้™ร่อยาธิษฐา" ลงพระรคืนใคร เมาเส่พืงอน, รง แท้ใ);แปรผัน •(อลรรพลํรํลว'ล่ค้พํพ)นมงกลชนมลุ’' , ’"ร่เพุ"ประ'"ร พร 811 ™ ศ้จืจาธิษฐานบารมธรรมนจอจงสำเร็จมโนรก กวามปรารกนาโกยเร็วพลน นน์เทอญ จบโองการแค่เท่าน ขนมริ กรรมภาวนา เมอเสร็จพิธิแลวคง์สอิสท่ร่ปชญญะ ประกอบจิฅฅไ' ว้ใหั จงค คงอรยาบทเขาทอยางพธ เข่า ส ม' าธิ เรียบ ร อ์ยกึแล ว อธิษฐานใจเ-ท้เท่ยงกรค่อพระทุทธ พระธรรม พระสงข อทอเบน อท่ส!!ร รพ ชาสไร่บค ถวายชวิฅจิคฅใจ ไน ไ''!ระ ไ'ร่ทธ สาสนาคแสไ งส'' 1 วทธยายวา "— นโน ตสส ภควโต อรหโต สมุบาสมพุทธสฺส สามหน ทุติยมุบ ตตยมุบ พุทฺII สรณํ กจฉามิ ธมุมํ สรณ์ คจฺถาม สงฆ สรณํ คชิฉาม ฯ นฅถิ เม สรณํ อถเฌํ VIทฺโธ เม สรณฺ วรํ เอเตน สจจวชเชน โสต.ถ เม โนพุ สV'{พทา นตถิ เม สรณ์ ออ{ชิ! ธม.โม เ ม ' ส' 5 ว ^ เอเตน สจจวชเชน โสต.สิ เ ม โนพุ สVเพทา นตถ เม สรณํ อถ!ฌํ สงฺโฆ เม สรส วร เอเตน สจจวชเชใ'! โสตถ เม โหพุ สพฺพทา ๒. อธิเจตโส อม่ม่มชชโต มุบโน โมนม่เถ สุสกฺขโต โสกา ใ! ภว!-!ติ ตาทิโน อม่สนฺตสฺส สทา สตมโต ๑(.ไ)๑ โพชฺฌงฺคปริตฺตํ โพชุฌงฺโค สติสงฺขาโต วิริยมุบติ ปสฺสทฺธิ สมาธุเปสุขโพชฺฌงฺคา มุนินา สมุมทกฺขาตา สํวตุตนฺดึ อภิฌฺญาย เอเตน สจฺจวชฺเชน เอกสุม สมเย นาโถ คิลาเน ทุสุขิเต ทิสุวา เต จตํ อภินมุทิตุวา เอเตน สจจวชเชน เอกทา ธมุมราชาบ จุมุทตุเณรน ตฌฺเฌว สมโมนิตฺวา จ อาพาธา เอเตน สจจวชฺเชน ปหนา เต จ อาพาธา ธมมานํ วิจโย ต■ถา โพชฺฌงฺคา จ ตถาปเร สตฺเต เต สพฺพทสุสินา ภาวิตา พ\เลกตา นิพพานาข จ โพธิยา โสตถิ เต โทตุ สพฺพทา ฯ โมคฺคลฺลานณฺจฺ กสฺส!] โพชฌงเค สตุต เทสยิ โรคา มุจฺจสุ ตํขเณ โสตถิเต โหตุ สพฺพทา ฯ เคลณเฌนาภิบฬโต ภณาเใ]ตุวาน สาทรํ ตมหา วุฏฺ!กสิ ซิานโส โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ ติณณนบมบ มเหสินํ มคคาหตภิเลสา ว เอเตน สจฺจวชฺเชน ปตตานุปปตุติ ธ มฺมดํ โสตถิ เต โหตุ สพฺพทา ฯ พอ!.สร็จแล่'วให้พิจารณากำหนอนิ'กงก5] หรอฅงตคั V !รธ!กง' 1 จคคํคราจคู'ใน'ท ๙ แหงนน ไห้ชืดเจนคีก่อน เมื่อจะบรกรรม I'ห้ฅงท ๓ กอ หท?เว้ภถุ แก่ เจงบรกรรมพร"•คาถ เหง ธ'®’ บท ต่อไป หองทหนงเข 91 ไอนุโลมและปฏิโลม 3 โลกุตุตรํ ฌานํ ๒ โลกุตตรํ มคฺฅํ ถกนิ ๓ โลกุตุตเ สติปฏฺซิาน์ ถกนิ ด;, โลกตตรํ ธมฺมํ ฌานํ ๑๒ โลกุตุตรํ ขา\ธํ ฌานํ ®๓ โลกุตุตรํ อายตนิ ถกนิ ๑ 0า) ไ® ๔ โลกุตตรํ สมุมปุป]ว่า!ไ 01111 0 4 โล!!ตุตริ ธาตุ้ ณ™ ๔ ใถอุตต! อทฺ?ปาทํ ลกนํ 4 โถอุตุต! ถ" 11 '’ 1, ณ™ ๖ โออุตุต! อนุทฺรขํ 01111 8๖ โถกุตุต! ''สุ 5 ณ™ ๗ โออุ่เตุต! พถํ ฌานํ โลกุหฺหรํ 'พ™ ณ™ ๘ โลกุตตรํ โพชุณงฺคํ 01111 0๘ โถอุตุต! สตุ 01 ณ™ 6 โถอุตุต! พุ® ณ™ 6 โ 5 '1กุ'กุต 1 เจ๓ ' ณ™ 60 โถกุ.ตุต! สมด้ 0กนํ ๒0 (โถกุ[ตุหริ รตุตํ ณ™) 1 เอง ท ๒ วิธเขาคบ 6 โอกุตฺตเรํ ฌานํ ® โถกุตฺครํ สตปอุ''’"' ส'™ ๒๐ ใล| ห'” '"" 0 01115 1 ๒ โกอุตุต! มคฺคํ ฌาน โลกุตุดรํ "ต'' ณ™ 8๘ ใ0 สุตุ" สณ -“ ฌานํ ฯ ๘ โลกุตฺตรํ สณฌํ ฌาทํ 6 , โออุตุต! เจตนํ'ณานํ ๒ โถกุตฺตร’ นคุ" ณ™ " ดู’ 1ถ สุตุ' , ; "ตุดู้ ฌ ™ 66 , โอ อุตุ ต! เวท นํ ณ™ 0๖ โถ อุตุ ต! ผสุสํ ณ™ ต * โล สุตุ ต , ผส . ส์ ฌานํ ๑๗ โลกุตตรํ เวทนํ ฌา ทํ ๒ โถอุตุต! มคฺค ฌานํ ค ๒ โถกุตฺต! มตุตํ ณ™ 8 โล สุตุ; 1 อาหาร ” ฌ ™ 0 ๔ โอกุสเต! ธาตุ ณ™ ฯ โถกุ'ตุต ,0 ®''วิ ณ™ “ ๕ โล สุตุ' ,5 อา1ก ฌานํ ๒ โลกุคฺดรํ มคุคํ ฌ าน ฯ ๒ โออุตุต! มตุค ณ™ 801 โตกุตุต ,0 อ''''ต'' ณ™ 0 8๒ ] ถ สุตุต 5 ‘“ตุ 1 ” 01 ™”ดู .V. โถอุตุต! พุ® ณ™ - โลกุตุตา อายต'' ณ™ ๒ เ"ตุตุ' , "ตุ" ฌานํ ฯ ๒ โลกุตตรํ มคุคํ ฌา ทํ 96 โตอุตุต! ธมุม ฌานํ 80 โถก, 1 คุต! สมถํ ณ™ ฯ 00 '[ลอุตุดู! สมูถํ ณ™ 66 โออุตุต! ธมุมํ ณานํ ๒ โลกุตุต! "ตุตํ ณ™ - 1 ๒ ' ๒ สุตุ' ,, ” "ตุ ส์ ™ ฯ 6 โลกุตตร็ สจจํ ฌาทํ โถอุตุตร โพชฺณงคํ 01านํ ฯ ส่ โถกุตุต! โพณฺ®เถคํ ณ™ ๘ ๑ 0า) ๓ ๘ โลกุตฺตริ สจฺจํ ฌานํ ๒ โลกุตฺตรํ มคฺคํ ฌานํ ฯ ๒ โลกุตตริ มคคํ ฌๅนั ๗ โลกุตฺตรํ พลํ ฌานํ ๖ โลกุตฺตรํ อินฺทฺริยํ ฌๅนํ ฯ ๖ โลกุตตรํ อินทริยํ ฌานํ ๗ โลกุตฺตร์ พลํ ฌานํ ๒ โลกุตฺตรํ มคฺคํ ฌานํ ฯ 1® โลเาตฺตรํ มคฺคํ ฌานํ ๕ โลกุตตริ อิทธิปาทํ ฌๅนํ ๔ โลกุตฺตริ สมฺบปฺปธานํ ฌานํ ฯ ๔ โลกุตฺตรํ สมฺมปปธ ๅนํ ฌๅนํ ๔ โลกุตฺตรํ อิทฺธิปาทํ ฌาน์ ๒ โถกุตฺตริ มคฺคํ ณๅนํ ฯ ๒ โลกุตฺตริ มคฺคํ ฌๅนํ ฯ ๒ โลกุตฺตริ มคค ฌานํ ๓ โลกุตฺตริ สติปฏฐๅนํ ฌานํ ๒ โลกุตตรํ นคคํ ฌานํ ฯ ๒๐ โลกุตตริ จิตตํ ฌานํ ๓ โลกุตฺตรํ สติปฏฺฐานํ ฌๅนํ ๑ โลกุตตรํ ฌานํ ฯ ใเองท ๓ วิธีสบ (สลบ) ๑ โลกุตฺตรํ ณานํ ๓ โลกุตฺตรํ สติปฏฐานํ ณานํ ๒ 0 โลกุตตเ จิตตํ ฌๅนํ เบ็นองค์ ๑ ฯ ๒ โลกุตฺตรํ มคฺคํ ฌานํ ๑๙ โลกุตฺตริ เจตนํ ๑๘ โลกุตตริ สก]ฌํ ฌๅนํ เน็ 1 น องค ๑ ฯ ๑๘ โลกุตตรํ สณฺณํ ฌานํ ๑๙ โลกุตฺตร์ เจตนํ ฌานํ ๒ โลกตตรํ มคคํ กเๅนํ เบนองค์ ๑ ฯ ๒ โลกุตฺตริ คคฺคํ ฌานํ ๑๗ โลกุดฺตรํ เวทนํ ฌานํ ๑๖ โลกุตตริ ผสสํ ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๑๖ โลกุตฺตรํ ผสฺสํ ฌฺานํ ๑๗ โลกุตฺตริ เวทใ] ฌานํ ๒ โลกุตตรํ มคคํ ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๒ โลกุฅฺตริ มคฺคํ ฌานํ ๑๕ โลกุตฺตริ อาใ!ารํ ฌานํ ๑๔ โลกุตตรํ ธาตํ! ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๑๔ โลกุตฺตริ ธาติ ฌานํ ๑๕ โลกุตฺตรํ อาหาริ ฌานํ ๒ โลกุตฺตริ มคฺคํ ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๑๗๔ ๒ โลกุตตรํ มคฺคํ ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๑๒ โลกุตฺตรํ ขนธํ ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๒ โลกุตตรํ มคฺค ฌานํ เบนองค์ ๑ ฯ ๑ 0 โลกุดดรํ สมลิ ฌานํ เบ็นองค ๑ ฯ ๒ โลกุตตรํ มคฺค์ ณานํ เบนองค ๑ ฯ ๘ โลกุดุครํ โพ , ชุฌงฺคํ ส ๘!'1.^ เบนองค ๑ ฯ ๒ โลกุตตรํ มคฺคํ ฌานิ เบนองค ๑ ฯ ๖ โลกุตตรํ อนพรยํ ฌาน ๗ โลกตฺตร VIล ถทน ๒ โลกุตตรํ มคฺคํ ฌานํ เบนองค์ ® ฯ ๒ โลกุตตรํ มคคํ ฌานํ & โลกุตฺดรํ อทธ บ่าพํ ล!' 1 นิ ๔ โลกุตตรํ สมุมปฺปธานํ ฌานํ เบนองค์ ® ๘1 ๔ โถกุดดร สมุมปฺปธานิ ฌาน์ & โลกุตตรํ อทฺธิ ปาทํ ล‘านิ ๒ โล( 1 ต . ต: มคคํ ฌานํ เบ็นองค์ ส ฯ ๒ โลก 1 ตุค! มคฺคํ ฌานํ 0 , โถกุตฺตร สตปอเรา11 0พํ ๒ โล กุตุ*” มค ตุ่ ฌานํ เบ็นองค์ ๑ ฯ ๒ 0 โลกุตตร้ จิตตํ ฒานํ ๓ โลกุดฺตรํ สตปฏฺรานิ ล!' 1 นิ ๑ โถกุตฺตร ล!น! เบนองค์ ๑ ฯ ใ!องท ๔ วธืเฟ้ารวม ๑ โลกุตตรั๋ ฌานํ ๒ โลกุตฺตรํ มคฺตํ ล!านิ ๓ โลกุตฺตรํ สต!)ฏฺราน ล!น! ๔ โถกุตตรํ สมุมป!)ธานิ ฌานํ โลกุตตรํ อายตนํ ฌานํ ๑๒ โถกุตฺตรํ ขนฺธ ล!น! โลกตตเ อายตนํ ฌานํ ๒ โลกุตฺตร บอฺอ ล 1 นน โถกุตตร 0 ธมุม่ ฌานํ ๑0 โถกุตฺตร 0 มคฺคํ ล!น! โลกุตฅรํ ธมุมํ ณานํ ๒ โลกุตตฺรํ บอฺตํ ล!น! ๘ โลกุตตรํ สจจํ ฌานิ ๘ โลกุตฺตรํ โพชุฌงฺคํ ล!' 1 !! แานํ ๙ โลกดตร สจจํ สเาน ๒ โลกุตูตร มคฺส ก!น! ! ๗ โลกุดตรํ .พลิ ฌาน ๖ โลกุตฺดรํ อมทริยํ ล!น 0 ! ๑๓ ๑๑ ๑๑ ๔ โลกุตตรํ อิทฺธิปาทํ ฌานิ เบนองค ๑ ฯ ๖ โลกุตต! อินทริข ฌาน ๗ โลกตุต! พล กกนิ ๘ โลกุตุต! โพชฺฌงฺก็ ฌานิ ๙ โลกตตรํ สจจํ ถกไ! ๑0 โลกุฅต! สมถํ ลกนิ เบนองก ๑ ฯ ๑® โลกุตฅรํ ธมมํ ฌานิ ๑๒ โลกุตุตร ขนุธ ณานิ ๑๓ โลกุตุตรํ อายตน์ ฌานิ ๑๔ โลกุตต! ธาก็ ฌานิ ๑๔ โลกุตุตรํ อาหา! ฌาน เบ็นองก็ ๑ ๙ ! ๑๖ โลกุตต! ผสสํ กกนิ ๑๖) โลกุตุต! เาทนิ ฌานิ ๑๘ โลกตุต! สณฺญฺ ฌานิ ๑๙ โลกุตต! เจตนิ กกนิ ๒๐ โถกุตุต! จตฅํ ณานิ เห็นองก็ ๑ อนุโลม ฯ ๒๐ โลกุตต! จิตตํ ฌานิ ๑๙ โลกุตุต! เจตนิ ฌาVI ๑๘ โลกุตุต! สฌฺฌฺ ฌาน ๑๖ โลกุตต! ผสฺสํ ฌานํ เบนองก็ ๑ ฯ ๑๗ โลกุตตร เวทนํ ถกนิ ๑๔ โลกุตต! อาหา! ฌานิ ๑๔ โลกุตุต! นา'กุ ฌานิ ๑๒ โลกุตต! ขนธํ ฌาน ๑๑ โลกุตุต! ธมมิ ฌานิ เบนองค ๑ ฯ ๑๐ โลกุตต! สมถั๋ ฌานิ ๙ โลกตุต! สจฺจํ กกนิ ๘ โลนุตุต! โพชฺฌงฺก็ ฌาน ๗ โลกุตุตรํ พลํ กทน ๖ โลกุตุต! อนุทุ่รขํ กกนิ เมVเองก็ ๑ ฯ ๔ โลกตต! อิทธปาทํ กกนิ ๔ โลกตุต! สมฺม!]!!ธาน์ ฌานิ ๓ โถกุดดร สติปฏชิาน์ ฌานิ ๒ โลกุตุต! มนุก็ ถกนิ เบนองค ๑ ปฏโลม ฯ ใ? 9 องพ ๕ เขาสิงกฎ ๑ ๔ ๗ (3 ๐ ๑๓ โลกุตุตร ฌาน 0 ๒ โลกตุต! มนุคํ ฌาน ต/ .โลก,ตุต! สสิปอฺขิานิ ฌานิ ห โลกุตด! สมมม่ใ]ธานิ ถกนิ ๔ โลกุตุต! อทฺธป่าทํ ฌานิ ๖ ใลกุตุตร อินุทริยํ ฌานํ ฯ โลกุตด!พลิ■ฌาน ๘โลกุตุต!โพชุฌงฺก็ ถกนิ ๙โลเ'•ตุเต5สจฺจํฌาน์1 โลกุตด! สมถํ ณานิ ๑® โลนุตุต! ธนุมิ ถก!ไ ๑๒ ตุกุตุต! ขนุธ ฌาน ฯ โลกุตด! อายตนิ ฌานํ ๑๔ โลโาตุต! ธาตุ ฌานํ ®^ โล!าตุตร อาทา! ฌานํ ฯ
  • ๑๗๖ ๑๖ โลกุตตรํ ผสสํ ฉกนิ ต ๗ โลกุตฺตรํ เวทนิ ฉกนิ ๑๘ วิออุตุ ตร อฉฺ!ถ ] ฌานํ ฯ ๑๙ โลกตตริ เจตนํ ฉกนิ ๒0 โลอุตุตริ จตุตํ ถกนิ ท อมุวิอ ม ฯ ๒ 0 โลกุตตรํ จตตํ ฉกน์ ๑6 โลอุตุตริ เจตนิ สกนิ ๑๘ วิ ล อุตฺตร ออ[ก 1 ฌานํ ฯ ๑๗ โลกุตตรํ เวทนิ ฉกน์ ด๖ โลอุตุตริ ผสสํ ฉกนิ ๑๕ วิออุฅูตร อาทาร ฌาน์ ฯ ©๔ โลกุตตรํ ธาตุ 0 ฌานิ ®๓ โลกุตฺตรํ อายตนิ ฉกนิ ๑ '® โออุตุตร ขนธ ฌาน์ ฯ ๑๑ โออุฅตริ ธมนิ ฒาน์ ๑0 โลอุตุตรํ สมถํ ฉกนิ ๙ โลอุตุตร สจจ ฉกม ฯ ๘ โลกุตตรํ โทชฌงคํ ฌานิ ๗ โลอุตุดรํ พลํ ฉกนิ ' ๖ โออุตุ'ตร อน . ทรย ฌาน์ ฯ 4 โลอุตตรํ อิทธปาทํ ถกนิ ๔ โลอุตุตรํ สมฺมปฺปธานิ ถกนิ ๓ โออุตุต ร สติปฏฺจานิ ณานิ ฯ ๒ โลอุตตรํ มคคํ ฉกนิ ® โออุตุตรํ ถกนิ ฯ ปฏิโลม ฯ หองท ๗ วิธเขาวํตร์ ๑ โลอุตตรํ ฌาน์ ๒ โลอุตตรํ มคฺคํ ฉกนิ ๓ โออุตุตรํ สตม่ฏฺจาน ฉก น ๔ โลอุตตรํ สมมปปธาน์ ฉกนิ ๕ โออุตุตริ อิทฺธิปาทํ ฉกนิ ๖ โออุตุฅร อินทริยํ ฌาน์ ๗ โลอุตตริ พถํ กกนิ ๘ โออุตุตริ โพชฺฉเงฺค ฉกน ๙ โออุตุตร สจจํ ฌานิ ๑๐ โลอุตตริ สมถํ ฉกน์ ฯ ทง ต๐ ททน ตงบรกรวม ณ ท® กอ อษฎากาศเบอง.ก ฯ โลกุตตริ ธม นิ ฌา นิ, โลอุตตริ ขนฺธํ ฉก นิ, โลอุตุตร อายตน ฉกก1 โลอุตตริ ธาตุ ฌานิ, โออุตุตริ อาหาริ ณาเI, โถอุตุตริ ผสฺสํ ถกนิ, โถอุตุตริ ๑ต)๓) เวทนิ ฌานิ, โลกุตตรํ สญฌํ ฌานิ, โลกุดฺตรํ เจตนิ ถเานิ. ‘ตง ๙ บทนบร- กรรมณท ๗ คือทิพสูญระหว่างศว ฯ ให้ถอด โลกตตรํ จิตตํ ฌานิ ออกพิเศษเบนทิเพ่งทิเดิน ทพก ในตตง ลม (คือตงสดิ) ทํ้ง 6 แห่ง ฯ พระ มหาปาท ะถ่กษณะวร สิทธิ พระโยกาวจรเจำ ผ้เจริญกสิณในหองผ่าพระพุทธบาทของพระพุท ธเ จา เมอทาใอกส สำเร็จย่อมมองเห็นสิริรปอนเบนมงคลรอยแปอประการ ควยญาณจํกษุคงอ่อไปน เหฏิจา ปาทต เลสู จกกานิ ชาตานิ จกไค้เห็นผ่าพระบาททงสองของพระองค์ประกอบอ วย กง และคุมบ่ริ- บ รณ์ควยอาการทงปวง และภายนอกรอบกง จกรนนประคบไปอรยรอยรูป อฏจุตตรสตนงกก ©๐๘ ประการ กือรปหอก © รใ]แว่นส่องพระพกอร็ © รูปออกพุค , ซอน ® รูปสายสรอย ® รปส่งวาลย์ © รปถาคทอง © รปฅื่ง ๑ รปมจฉาทงค่ ๑ รูปใ]ราสาท ® รูปวิ)อ ® รูป)สาอาย ® รปเสวคฉํฅร็ © รปพระขรรค์ ® รปพคใบฅาต © รูปพอหางนกยูง ® รูปพอวาลวิชน ® รูป มงกุฎ ๏ รปบาฅร ® รปพวงคอกมสิ ® รูปคอกนิลอุบล ® รูปออกอุบลขาว ® รูปคอกอุบล แคง © รปคอกบวิแคงรปออกบวิขาว ต รปหมอเค็มอวยนา ® รูปถาดเอมอวยนา ® รูปมหา สมททงสี่ © รปเขาจํกกวาฬ © รปบาหิมพานค์ © รูปเขาพระสุเนรู ® รูปพระจนทร ® รูปพระ อาทิฅย์ ® รปหม่คาวนํกษ , อรฤกษ์ © รูปทวีปใหญ่ทงสิรูปทวีป‘แอยทงพน ® รูปบรมจกร พรรค์ก'บท , งราช บริวาร ® รปส่งขท'กขิณาวฎ ® รูปสุวรรณมจฉา ® รูปจกรทงอุ ® รูปองกา ท , งเจ็อ © รปสระ ใหญ่ท 5 ใเจ็อ ๑ รูปเขาบริภณฑทงเจอ ® รูปพระยาครุธ ® รูปจรเข ® รูป ธงชายธงผ่า'ท 1 ง๎ผืน ® รปรคนบลส่งก์ © รูปเกาอ ® รูปเขาไกรลาก ® รูปพระยาราชสห ® รูป พยกฆราช ® รปช้างเอราวรรณ © รูปพระยาม , 'เพลาหก ® รูปพระยาพาสุกรนาคราช ® รูป พระยาหงษ์ ๑ รูปไก่เถึ่อน © รูปอุอุภราช ® รูปพระยาช้างอุโบสถ ©รูปพระยาช้างฉัททนค์ ® รปมงกรทอง ® รป มหาพรหมสี่หนำ ® รูปนิเอนทอง ๏ รูปเอ่าทอง ® รูปแม่โคกบทงบุอร ® รปกินนรผู้ ซิ รูปนางกินนร ® รูปนกการะเวค ® รูปนกกะเริยน ® รูปนกยูง ๑ รูปนกจาก พราก 6 ) รปนกพริก ©รปฉกามาพจรเทวโลกทงหกชน ® รูปโสฬสมหาพรหมท ๖ ชน 9 สิริเบนรอย. ® รูป มงคล 0๘ ประการ
  • ๑๗๘ อนุพยัญชนะ ๘๐ พระสฅถทถะวาชกุมารนประ'กอบควยพระอยาพยํญ ชนะ พระลักบ ณ: "น อย ก็ก ทศ คือมีน็วพระห่ค์ล็และนวพระบาทอนเหสีองงาน .า นวพระห่คก็และนรพระบาท , •รย วออ กบ่ โคยสำดับค้งแค่คน รน ปทอนน นวพระห™น ละ นรพ ระ บ™™ , 1 นายช่า เ น็ น อั น ๑ พระน ชา กัง ๑ 0 มสอน แค ง พระนขากัง ๒ 0 นน งอนงาร)ชอนขนเบอคคอมลงในเบอง ฅ้าคุจเล็บแห่งสามญซนทงปวงนน ® พระนขาน'นมพรรณอนเหลย ๓ ลมสนธมิไค้เ : บนร'รร อยน น ๑ ขอพระห่ค์ณ์เละะข้อพระบาท’ซอนอยู่Vนพ-วะมาสะ มิไค้สูงขนปรากฏออกคา ยน๓ น 1 ' 1 ๑ พร ; บาทกังสองเสมอยัน มิไค้ย่อมใหญ่กบ่ากนมาคร์ว่าเบ่าเหล็ก พระค้าเนินงามกุจอาการคำ เนินแห่งกญชรชาคิ ® พระค้าเนินงามกุจสหราช ๑ พระคาเนนงานกุจคาเนนแหง 1 '’'’ 3 บ ๑ ค้าเนินงามทุจอุสุ.ภรา'ชค้าเนิน ® ขณะเมิอยืนจะย่างค้าเนินนนยกพ ระ บาท 1 บก งขว1ยาง กอน พระกายเยองไปข้างเมองขวาก่อใเนน ® พระชาณุมณ‘คลเกสยงก ลมง านบ ร บ รณ บนไค 1 ห น ก ษ 5 สะกั)ปรากฏออกมาภายนอก ® มิบุรุษพยัญชนะบรํบุรล่เ คือมิ'ไค้มิกิริยามรรยาท 1 อ'ยัายสครีน 1 น 6 พระนาภีมิไค้บกพร่องกลมงาม มิไค้วิกลไนบ่ไคบ่หนงนน ® พระอุทรมสณฐานอนลกนน ® ภายในพระอุทรมิรอยเวียนเบนบ่กขิณารชฏ® กำ'!'''!ระเพลาบงสองกลมงานกุ'' 1 ก ทุวรรณกบ กลนาเ ๑ กำพระกรทงสองงามคจงวงเกราวรรณ 1 'ทพห่คกนน ๑ พระองคาพยพไหน'ายทบ่า' 3จุาแน เมินยันคื คืองามพรํอมทุกสงหาทบ่บมิไค้นน ® พระยังสะทควรวะหนาก็หหา บ่กวรวะหางก็ ทางทานทพรอมทวกังพระสรีระกายนน ® พระยังสะมิไค้หคทุ่ไาเทไคบ่หนื่งน้น ® พร ะส ร ระ กา ย กังปวงปราศจากค่อมและไฝปานมูลแมสงวนมิไก็บ่ไนบ่ไคทหน าหห ® ระกายงามา อม สมกนโคยกำคํบกังเบองบนเบองล่างนน * พระกายงามบริสุทธพรอมสนปราก ๆ าก มล ทนทง 1 ง ๑ ทรงพระกำลิงมากเสมอควยกำลงแห่งกุญชรชาคบ่ร“'นา ณถงพ ห 1 ' 3 ถาวะประนาณ 1วย กำยังบุรุษก็ ไค้ ถงแสนโกฏิบุรุษนน ® มิพระนาสิกยันสูงน น ® สณฐานนาสิกงานนนสนหห ส 1 พรข้โอ*เป็องทนฟ้องค่พไค้เข้าออกกบ่ากนเสนอ'■บนยันก็ มิพรรเาเงานแคงกุวคำก็ง นน ๑ พระทนฅ์บรีสุทธปราศจากมูลมลบ่น ® พระทนคํขาวกุวสียังช® พระท'แคํ'กลยงสนธบมิ ไค้ เบนร' 7 รอย ® พระอินทรีย่กั 3 ยัเมิจักขุนทรีย์เบ่นอาบ่ง'' 31 บริกุงกํ้น ๑ พระเขยรทงสีก ล5] บรบูรยั ๑ ควงพระพักครีมิสัณฐานยาวสวย ® พระปรางกังสองกุเปล่งงาน™าน ล ' ายพระ หัตถค้อยอน!.ลึก ริ อา 8 พ,หพเถ์หือณ์๒ฑ - ทยพาหํค่0ทือฒ่๒าฒ!5ใต้คฒค'™ ๑ฟ่๙ ลายพระหฅถ์มีรอยอ่นแคงรุ่งเรือง ซิ รสมีพระกายโอภาด!.บนปริมลฑลโดยรอบ ซิ กระพงพระ ปรางทงสอง',กรีงกรดบริบรณ์ซิ กระบอกพระเนฅรกวางและยาวงามพอสมกน ® ควง' 1 /'เระเนอริ กอริปควยปสาทท 1 งห่ามีสีขาวเบนอาทิธรรมผ่องใสบริสุทธทงสน © ปลายเสาเพระโลมา'กงหลายม ไค้กคงอ ซิ พระชิวหามีสณฐานอไเงาม ซิ พระชิวหาอ่อนบมิไค้กระคำง มีพรรณอนแคงเขม ๑ พระกรรณ์ที่งสองมีสํณฐานอนยาวดุจกลีบปทุมชากิ ซิ ช่องพระกฺรรณมีสณฐานอ่าเกลมงาม ซิ ระเบียบพระเสนทงปวง , แนสระสรวยบมิไค้หดหู่ในทิอนใคอนหนงนน ซิ แถวพระเสนทงหลาย ซ่อนอย่ในพระมงสะที่งํ๋สน บมิไค้เบีนคลื่นฟูขนเหมิธนสามญขนทงปวงนน ซิ พระเศียรสณฐาน งามเหมือนฉ'ฅรืแก่วื ซิ ปริมณฑลพระนลาฅโคยกว่างยาวพอสมกํน ซิ พระนลาฅมีสํณฐานอ่น งาม ซิ พระโขนงมีสํณฐานอ่นงามดุจคํนธนูอ่นโก่งไว้ ซิ พระโลมาทพระโขนงมี Iสำ1เอนละเอ่ยค ซิ เสนพระโลมาที่พระโขนงงอกขนแลวสํมิราบไปโคยลำคบ ซิ พระโขนงนใเใหญ่ ซิ พระโขนง นนยาวสุดหางพระเนฅริ ซิ ผิวพระม้งสะละเอียดที่วีทงพระกาย ซิ พระสรีระกายรุ่งเรืองไปควย ศีริ ซิ พระสรีระกายมิไค้มวหมองผ่องใสอยู่เบีนนิฅย์ ซิ พระสรีระกายสดชินดุจดวงดอกปกุมชากิ ซิ สรีระสวี]ผ่สิอ่อนน่มสนิธบมิไค้กระคำงทํวที่งพระกาย ซิ กลีนพระกายหอมฟูงดุจกลีนสุกนธ กฤษณา ๑ พระโลมามีเสวีแสมอกนที่งสน ซิ พระโลมามีเสนละเอียดทวทงพระกาย ซิ ลม อสิสาสะบีสสาละอ่นหายพระทยเช่าออกก็เค้นละเอ่ยค ซิ พระ !อษฐ์มีสณฐานณเงามดุจแยม ซิ กลีนพระโอษฐ์หอมคจกลีใเอบล ซิ พระเกษาค้าเบีนแสง ซิ กลีนพระเกษาหอมรู้เงขจรฅระหลบ นน ซิ พระเกษามิกลีนหอมคจกลีนโกมลบุปผชากิ ซิ พระเกษามีสณฐานเสนกลมสรวยกุกเสน ซิ เสไเพระเกษาค้าสนิททงสน 0 พระเกษากอริปควยเสนอนละเอียค ซิ เสนพระเกษาบมิไค้รู้สยอง ย่งน 1 น, ซิ เสนพระเกษาเวียนเบีนทวีาษิณาว่กุก ๆ เสน ซิ วีจิฅรไปควยระเบียบพระเกคุมาลา กล่าวอีอ ล่องแถวพระรวีพีอ่น์โชคนาการขนถเะเบีอ่งบนพระอุ?าฅมวี]อสิโรคม์นน -) และพระ สํกษณะนอยที่งปวง คงพรรณนามาน จคเบี 1 นกนุ■'.'เยญซนะละสิง ๆ ทั้งสนควยก'นิ สิริเบน อสีคยานูพยญ่ซนะครบ ถ วนทั้ง ๘๐ ทวี!บริบูรณ์ ในพระสรีระกายแห่งพระมหาบุรบราชเช่า ๆ] มทาปุริสะถำขณะปริฅคหกวินจฉ่ข โอม, ตต. สต. กล่าวถึงประว่ทกาลของพระพุทธเช่าสํวนประกอบไปคํวย พ'ระ- ปาฎิหารและความ อ กิจ รรยอย่างสุด ซิง โดยอเนกประการ ถ , าผ้พงควยอ่อนรู้ ก็'จะพา'ให้ฅกธยู่ , ใน ๑๘๐ อำนาจอวิชชาคือ ‘‘เชื่อจนงมงาย” กำพงควยกวาม 7 แฅยงฅกอยูในอานาจอกคกก นินฺทา คติ ๑ โทสาคติ ๑ โมหาคติ ๑ ภยาคติ ๑ เมื่อเช่นนื่ ก็จะไม่มีความเชือกวาม'เลี 0 มโสโน พระพุทธศาสนา ว่ามีสา 7 ธ 77 มเกี่ยวเนื่องควยวิลีจิคค่ และแนวคำเนินชวิคของคนใหเบน'โบ่โคย ชอบแก่เหตุการณ์ในบีจจุบนไค้ 0 ย่างไ 7 . เรียกว่า “รู้จนเกนไป หากผู้ทีมีสฅิสมปชญญะใช้ บญญาฅรวจฅรองให้คื คำยการฅงจ์กคํไว้ชอบประกอบไปควยเหตุผลมก 7 ณ์ยน 0มล " อมค " วย และกวามเหนชอบแลวจะมองเหน'บ 7 ะใา 77 มวนย และพ 7 ะพุทธตุสเ พระธรรมตุเาเ พร-สง 7 ) ตุณไค้อย่างแจ่มใส เรียกว่า ‘ รีพอค, รพองามเหนพอค, เหนพองาม. ปฎบคพอค, ปฏบคพอ งาม,คำเนินฅามทางสายกลางเกี่ยงค 7 งค่ 0 จิคค์เบนนิช จะไค้คืม 7 สพระธ 77 มทีแบ้จ 7 งควยโ 71 ๆ กล่าวโคยฉะเพาะเ 7 องมหาปุ 7 สะล่กษณ์ ๓๒ ป 7 "ก' 17 ก็มีเหตุผลแวคลอมควยอำนาจ , สุ 71ธ คู ม สวน ขอกี่ว่าผ่าพระบาทยุคลทั้งก่ของพ 7 ะพุท ธ เจ^าป 7 ะก 0บ โป กวฒงกล ๐๘ บ่ 7ะการ กำกล่าวโคย ปกกลาธิษฐาน ก็เบีนอจินไคย์ แค่กำจะกล่าวโคยธ 77 มาธิบฐาน ก็ยงมเหตุผลชวนใหกคลาก 0 ใหมีแล , วจะเห็นกวามลึก 1 ซงแจ่ม , ใจ , ใน'พ 7 ะพุทธภูมิ 0 ย่าง'กี่'มเห'คุ 1 กลพอเกี่ยง ทำให้เฉลียวจิคค์โคย ทางจิคฅกๆสฅ 7 หรืออํธยาคมวิทยฐานในเรืองมงคล ๑๐๘ ป 7ะ กา 7 ไคสคบมาวามท 7 ะมหาเก 71 ' จาร!)นางทำนลงมคืไว้เบนแนวคืคว่า ‘ผาพระบาทยุคลท้งตุ่ประก 0 บควย 7 ป 0 นน มง กล ๑๐๘ ประการ มีรปหอกเบนคน มีรปโสพสมหาพ 7 หม *๖ เบนป 7 โยสาน. นาจะเบนปุกกลา ธ ษฐา น วางไว้เบนแว่นใจชวนให้เลีอมใสโคยง่าย กล่าว'โคยธ 77 มาธํษฐาน คือเหตุผลกี่สุขุมนยแลว “ล่า พระบาทของพระพุทธเจำกงไม่มี 7 ปป 7 ากฏกังกี่กล่าว เพือพิจารณ์หากวามจ 7 ง ในผ่าพ 7 ะบาท แปลกปลาคจากมนุษย์สาม'ญจริง กอกว่างยาวไค้สกษลเะ แลราบเหมอนนากลองไชยเก 7 ม มงสะนมนวลควรฟรีฒไค้ควยนุ่นแลสำลี มีลวคลายละเลียค เบีนไปคืคค่อไม่ขาคสายเบน™ ทาข่ายกี่สุขุมไค้ส่วนมาคราของพราหมณ์. สลบกนอยู่เบนล่องแกวเบนชน ๆ เบนหลน ๆ เบส 0ม ซบซอนกนคำระเบียบเพ็ช 7 อย่างประณ์คชคเจน และ.มีโลหิคหล่อเลียงสคโสเสม 0 คาก น็ แวว ผ้คเฉลียวใจ, จำเพาะเบีนก่อนแท่พระองกยงไม่จุคลงม 1 ยุบคโนโสก'โ 0มพว ส 31หา7าช วิโ ษบาแ ฌานสำเร็จ และค่างกนค่างก็มีเจกนากิคสรางคำห 7 บมหาปุ 7 ส ะ สั กษณะ โคยไม่ไค้นคหมายกา 1 แค่ กวามเหึนกวาม 7 ถกค่องก่น คำหรบเส 7 จพรอใ)กนคลอคลงกา 7 หยาก 7 แเกลงกน 1 จุ 0 บ่ 7ะกา7, จึงเบีนข , อกวามกักจรรย์ของพ 7 ะฤ']ษผ้สำเ 7 จล 1 าน'โค้จา' 3 ' โจ้ เบ นแน 1 น 1 ’' ,1 นสาห7บ โ ล ก ในกาลค 03 ' ,1 มีพราหมณ์ ซิ๐๘ คน'ไค้เรียนคำหรํบนื่สำเร็จ, ในวนทำนายมหาปุ 7 สะลกษลเะนน พ 7 ' 1 หใ)ก ๑๘๑ © 0 ๘ กนไค้เขาสนนิบาฅ และไค้เลือกสรรพราหมณ์ทื่มีกุณวิทยาประ'.สรฐไค้ ๘ คน คือ ราม พราหมณ์ © สกษณะพราหมณ์ ๑ กัญญพราหมณ์ © ธุชพราหมณ์ © โภชพราหมณ์ ๏ สุทักค- พราหมณ์ © สุยามพราหมณ์ © โกญ•กัญญพราหมณ์ ® ไค้พากนพิจารณาพระลักษณะควยสรคะ กำณวนโคย ภูม จึฅฅบรสุทธึ้ ใน องค์ฌาน ไค้รู้เห็นภาพแจ่มแจวิถูกคองฅรงค่อกำหรบทุกประการ. จงไค้กำณวนลวคลายในผาพระบาทนน ๆ บวกลบคูณหาร ไค้ผลสรกสิทธิ ออกเบนรูปสคว์ค่างๆ รวมเบนมงคล ©0๘ ประการ สรคะทางจึทค์ของพราหมณ์เหล่านนถูกคองครงกนทุกประการไม่มี แย้งก่านกันเลย, จึงไค้เขียนออกเบนรูปกำง ๆ วางไว้เบนหลักฐานปรากฏในขคคียสมาคม เกิค เบนกวามอัคจรรย์ใหญ่หลวง ลงความเห็นทำนายพร*อมกันเบน๒คคิคือ ผิว่าสถคย์อยู่ในฆราวาส จะไค้เบนบรมจกรพรรค์ ผิว่าทรงออกบรรพชาจะไค้ครสรู้เบนพระส้มมาสมพุทธเจ่า ,, เวนแค่ ท่านโกญ•กัญญพราหมณ์ผ้เคียว ไค้ทำนายเบนเสียงเคียวว่า “จะไค้เสด็จออกสุ่มหาพิเนษกรมแลว ครสรู้เบนพระสมมาส้มพุทธเจ่า เบนกกิอันเอกไม่มีกำสอง ๆ กถาว่าควยธรรมโอสถ แบบสมเด็จพระมหาวิช่ยธาตุมหาบุน (เวยงจนทร็๋) บคนิอัคคโนจกกล่าวอุปเทคให้แก่กุลบุครเจ่าทงหลาย คึกษาในวิธีเส้าธรรมและผสม- ธาฅแค้โรคค่าง ๆ กังกํอไปน ะ- ๑. ถพะแกพยาธิค่าง ๆ ให้ ควิปุญญาภิสังขาร ไว้เมิน หลัก ก่อนแส้ วจึงเขวิ ขณกาบ 1 ติ อพฺเพงคาบดี กายกมมฌฌตา จตุดกมุมฌฺฌดา กายปาคุญณตา ทง ๔ องค์นิคงเบน ครไว้เมิน ห กัาทื่สอง จึงเส้าองค์การอธิษฐานแค้คามขือพยาธินนเทอญ ก อกอยางหนงใหเขา อุปจารสมาธิ และปฏิภาคนิมิตร็๋ ออกแส้วจึงเส้าสตสวิงโพชฌงค็๋ ลำคบไปลึงองค์ที ๗ คือ อเบกขา อธิษฐานใจใท้มีอิทธิฤทธอิทธิพล ก่าจค อุทฺธจูจ บุก.บุตุอ วจกจฺกา โลโภ โทโส โมโห มาน ทฏฐิ ถนมิทธ ให้ออกจากส้นธีทง ๕ แลว สามารถท่าให้กำลงใจบงคบแค้โรค ไค้ค่าง ๆ ๆ อิกประการหนึ่งให้เส้าสมถะทง ๔ วิบสสนา ®0 พรอมกนคามกฎแส้วให้ระลึกลึง คณพระรคนใครวา เอว ม พทธ สรนตาน ธมม สงฆฌูจ ภกฺขโว ภ วา กมูกตตุต วา โลมหํ โส น เห สสต ติ แค้โรคไค้เช่นกน ใช้ไค้ค่าง ๆ คามแค่จะอธิบฐาน คามชีอ ของโรคนนเทอญ ช อีกประการหนึ่งเส้าบตอุก , กส สุขสมาธิ อุปจารสมาธ ให้เขารวมกัน I 4 ๑๘๒ ขอสุขในบืฅิ ขอสุขในยุคกลให้เกิคขั้นทีง์สามพร อบ กน ขอสุขในบคี ขอสุขในสมาธิให้เกิคขั้น ขอเข่าสุขอุปจารในบฅิ ขอเข่าสุขอุปจารในยุคคด ขอเข่าสุขอุปจารให้เกิกขั้น ข ณ' ขำสมาธิ'ในบคํ ขอเข่าสมาธิในยุคคล ขอเข่าสมาธิในสุขสมาธิให้เกิคพ?อบกไแเล 1 ว บริกรรมว่า พุทฺโธ ๓ ท แลว อธิษฐานแก้ธาฅุท , ง ๔ แปรปรวนทายแล ๆ แก้ลมกำเริบในขณะเจริญสมณธรรม ให้กวิสมละ!บนหอักของจิทค์ขั้นเบนที่พึ่ง ขอวิบสสนาให้เบนหอักของจิกฅ์ ขอจิบสสนา ให้เกิคขั้นแลว เข่าออกอัสสาสะ บสสาสะ ในชนวิบถึสนา แล , วเข่า อุปจารสมาธิ ระ ง ไ!ลมรำย จะสงบทันที ฯ แก้ธรรมผายมิจฉกกะบวิเกกแซกแซงกระทำให้อัมมกคธรรมกำเริบแปรปรวน ขอสมาธิในบก ๕ ขอสมาธิในยุกกลธรรม ๖ เมื่อสมาธิมนพรอมทัน',บนองค์อันเคียวแลว ธรรแ- ปฏิรูปและมิจฉาสมาธิธรรมจํกสงบ อัมมาทีฏิฐิธรรมจก!กิคขั้น แอัวใช้บริกรรมว่า พุทโธ ๓ ท ว่าไปจนจิฅค์จะสงบ วิธีนึ่เ บน อุบายส่าหรบ ให้จิกค์ ทัก เพื่อประกอง ให้ มีกำอังและข่มจิกค์จาๆ มิจฉาธรรม ๆ อีกน ย หนึ่งท่านให้เ ข่อปปนาสมาธิ ธรรมเจ)ทีง ๔ ใน ห อง พระอานาปาน สูสติ เบนอนุโลมปฏิโถมแล่วิคืนมาเข่า อุปจารสมาธิปฏิภาค นิ มิตต็๋ แล่วเข่า อปฺปนาสมาธิ คืนมาเข่า อุปจารสมาธิ ปฏิภาคนิมิตต็๋ แลวิกลบเขา ทุติยฌานอัปปนา แลวิคืน มา เข่ ปฐมฌาน- อ 0 ปปนไ เข่า ตติยฌานอ!)ปนา กนมาเขา ทุติยฌานอไ]ปนา แล่วิขั้น มาเข่า บญจมฌาน อ!]ปนา แลวคืนมาเข่า จตุตถลกนอ!]ปนา ปฏิโลมเข่า อุปจารปฏิภาค ก่อนแลวิจึงกำเนิน เข่า มญจมฌาน ฉะเพาะส็งเคียว จึงบริกรรม ว่า อัสสาสะ ๆ ทังนึ่ ส่าหรบจะไค้เบนที่พก ของจิฅฅ์ และทำ'จิฅฅ์ให้ปล่อยอารมณ์ที่งบ''วง ๆ อีกนยหนี่;)เข่ อุปจารสมาธิปฏิภาค อัปปนา- เจ 1 าที่งํ๋๕องค์ แล่วิบฺริกรรม'ว่า:- อัสสาสะๆ ทังน แก้ธรรมกำ',ริมแลคมข่ายกำเริบไส้ เหมีอนกน ฯ แก้กิคฌาณสมาปก อีกน ย หนึ่งเข่) สุขสมาธิ ก็คี เข) อุปจารสมา ธ ก็ส้ บสส ทธิ สมโพ ชณงค์ ก็คี อุเบกขาสมโพ ข ฌงค์ ก็คี กบพระวิบสสนาเจฺไท 1 ง ©๐ เบน 1 อนโลมปฏิโลม บริกรรมว่า ะ- นิพพาน ๓ ที ว่าไปจใเกว่าจึกค์จะหย่งดงหองสกิสมาธิ แส้ จิก ค์ที่หลงงม งาย กิคอยู่ ในฌาณสมาบก ๘ ๆ และแก้ จิฅก์ที่ ของอีกอยู่ในอุปอีเล ส ©0 ประการ น 1 น ควย อีกนัยหนึ่ง เข่า ขุทุทกาบ ติ ผรณาบติ กายปสส ทฺธิ จิตฺตปสฺสทธิ กาย ชุคฺคตา จิตฺตุชุคฺคตา เข่) อุคค?!นิมิต ต็่ ใน ห อง อาโปธาตุ เข่า อุปจารสมาธิ ใน จตุตกอา I ๑๘๓ โปธาตุ เร้า อุกคหะ;ใน วาโย เร้า อุปจารสมาธื ใน จตุตถวาโย บรํกรร!!ว่า ทุ'ทุน 0 , ทว่า’ไม่จนทํก8ฒกงที แก้ธาตุท'! ๔ วปริค อาโปธาตุ วาโยธาตุ ฑื่กำเริมโก!แฉหาะ ว วิธเขาลํกษณะธรรม บคนึ่จ้า พ เจVกจ้นนิมด พระธารโ!เจ้าคาะกํษฐานอยู่จกฅ์สนคานนห่งจ้'พเจ้าใน กา ลบคน คือ จ้กเจ้า อุคค'หะนิมิตตํ่ ปฏิภาคนิมิตต็๋ อุปจารสมาธิ อปฺปนาสมาธิ เด' 1 รพ ๔ อนมีองค์ ๕ บืฅ๊ธรรมเจ้าทั้ง ๕ ยุกคลธรรมเจ้าที่ง ๖ สุขสมาธิ สุขอุปจารสมา'ธ สุขอปปนาสมาธิ พรอ: .เท 1 ง1พระพุทธ คุณ , จ้อง ค์ถร วนสี โดยบริกรรม ร่า พุ 1 สุ'ใ 15 นเบนหลก ที่หนึ่ง ๆ แก้ธาตุที่ง ๖ ให้สงบ รวม ลงเบนหนงแล ร คำเนินด่ , จ้บ่ รา ขาพ เจาจ ■แร 1 า อุปจาร ปฏิภาค ให้เกิด แจ้วเจ้า ปฐมฌานอปปนา แลวเขาอุปจารปฏิภาค ในเกด แลวเขา นุตก- อ 0 ใ] ปนา แล ว เขา อุปจารปฏิภาค แจ้ว เจ้า ตตยฌานอปปนา แจ้ร 1 ‘ข 1 อุปจารปฏิภาค แจ้ว เจ้เ จตุ ตถ ฌานอ ,1 ปปนา แจ้ว เข่า อุปจารปฏิภาค แล รเขา บญจมฌานอปปนา เขา ปฏิโลม ฯ เจ้า อุปจารปฏิภาค ก่อน แจ้ว เจ้า รส สะ ปฐมฌานสปปนา โคยอนุโสม ๙1 แจ้ว เข่า อุปจารปฏิภาค เจ้า อํปปนาเจาที่ 3 ๕ รวบ เจ้เควย ก่น ให้เบน อนุโลม 1 •เละปฏโ ลม เมอด้งมนคแจ้ว จงบริกรรมว่า อ สสา สะ บส สา สะ หองนึ่เ บน 1ที่พัก'ขอรจดด์ เลอ นจิดด์ให้ ขน ที่ง์อย่ภมิฌานที่ง ๔ เมึอจิ?ไฅ๎กง ทใน เอก่อคคารมลแโ 1, แกน ดแกร เบน บทฐานพจะการขนลู วิสุทธิ ๗ ๆ วิธิเขาวิสุทธิ ๗ สลบธรรมญาณ ๑. เข้! ส์ล"ว่สฺทฺธ จตฺตวสุทุธ เร้า ท้อฐวิสุทุธิ กงฺขาวิตรณว่สุทุธํ ®ทุโ® มิกสุ!ๅน ใช้บริกรรมว่า ะ- นามรู่!) อํนขฺ5 ทุกฺขํ อนดฺตา เร้า ม!อุคยา®(ทส.!สนฺ- วิสุทธิ เจ้า โคตรภฌาณ บริกรรมในพระโกรจ้กมจ้ 1 ก เขา ใ!คฺคามคฺคส 1 าณนสฺส นว นุ 15 เจ้าโคตรภญาณ บริกรรมพระไกรจ้กษณ แก้อุปกิ'•ลลน' 3 ๑0 ประ การ ก เขา โอภฺ กน. คคา" บต เร้า สง" ขา รุเบ กฺขาสุ!าณ อุาวฺเพงฺค่าบา อุาายพฺขจิ!าณ บริกรรมในพระไทรลักษณ์ ว เร้า อุปจารปฏิภาค 'ออกแล้ว เร้า ปฐมณานอ''ป่ปบา กำ ทน 8 กินหมากริ 8 กำหนว 008 น ล้น 111 ปฐม™รำ]ปนา เก!!.ร้าสุข ท็ะ(เกไว้ใน;-!แนะฐาน อธํษฐ!นอ 8 !)ให้ท!!ท แล้วอธิษฐาน ๑๘๔ ริสสะเช้าให้เค็มหอิง 'แลวเช้ากัปปนาทง ®๕ สลบไว้ เมิอปรากฏประหนงวา คนมไคมอสสาสะ เลย (คือลมหายใจชนสะเอียคมีอยู่ในกายนนเหมอนก น แค่ปรากฏประหนงวาไมม เพราะจคค สงบ จากอารมณ์ค่าง ๆ กองลม'ไม่กระ เพื อมคงกง'คืเหมือน'นาอ้น'มสเ 1 ะทามกลาง'นลมหาสมุทรฉะนน ค็งเ บนเอกจิฅค็อย่อย่างเคืยว) ให้คงสอิรกษาจิคคให้มนคง แลวขอเอาอุปจารในหองอสส''ส" ให้ลมปงเอิคขนอีกท้าให้หายใจไค้คล่องแคล่วปกคิอย่างเคิม บริกรรม' 3 า ดสสา สะ เมอจคค สงบ แลว อธิษฐาน ใช้ไค้ท กอ ย่าง ฯ เช้า ขณกาบต อุพเพงคาบด กายปาสุญญดา จดด^ ปาคญญตา เช้า จตุฅถฌาณอปปนา บสสทธิสมโพชสงด เขา สมาชิสมโ พช สงส สทธินทรึข็๋ บญญินทรืย็๋ สทธาพลํ บญญไพลํ สมมาสติ สมมาสมาธ อิทธิธรบ! เหล่าน สำ V เร่บแก้ธรรมปฎิรป และมิจฉาสมาธิ ซงเกิคกลาแข็งในจคคสนคานจอง^ เจุ รญส มถะ และริบสสนา ซึ่งอาจทำให้เสียกนไปไค้ โคยใช้บริกรรมเมอจิคค่ร' 3 ม' 3 า พุพฺโชิ และอาจแกโรก อื่นๆไค้ค่างๆ ๆ เบนหลกแล:เบนหนาทีของครูคุ้จะช่วยแค้ พว กทีากัมมป็5 านผคทาง และ ปงกบจิฅฅ์ทำจิฅฅ์ให้สงบและคำเนินถกทาง ๆ เช้า ฆติ อนุโลม ปฏิโลม เช้า สบ (สลบ) เขา ดม เขา รวบอนุโลมปฏิโลม แลว เช้า ขุททกาบติ ผรณาบ่ต โอกกนตกาบต เช้า ขุทฺทกาบต ยอนกลบกน เข' 1 โอกกนติกานติ ผรณาบติ ยอินกลบกนแลวเช้า บ่ติ ทง เบนอนุโลมปฏิโลม พรอมก น เช้า ขุทฺทกา กบ สุขสมาธิ เช้า โอกกน[ติกา กับ สุขสมาธิธรรมเจา เช้า อุพุเพง.ดา กบสขพรณา เช้า บด ทง์ ๕ กบ อปจารสข ริธนเบนสนควหารธรรมแกความกระสบกระ ส่าย แห่งเบ็ญจช้นธิ แค้ฌ็ญจมาร ๆ แก้ความรู้ชนวิบสสนา เพ อใท้ ดำ ฌนตรงต่อ วิบส สน าญา ส ให้ เจริญพระพุทธคุณท , งํ้มวญ แลวเขาอานาปานสสด ขน ทฏฐวสุทชิญาส ค 3 ©๐ ส่งขารุเบกขาญาณ อปจาร ออกภายนอก ข็นอุปจารกันมิณะภายใน ขออนุโลมกญาส อปจารภายนอก ขออปจารธํนมณะภายใน ขอโคตรภูญาณใหบงเกคขน บรกรรใ!พระไอร' ลกษณ์ ๓ ทีว่า ชบาน แค่ขุททกาลูกใคลูกหนึ่งกค็ ควย อาปานานส. สติ ค็คี กสิส ควงไส ๑๘ ก็ค อสุภรูปใคก็คี กายคตา ก็คี ปรากอธิษฐานออกให้เรียงไว้ก่อนไปเรียงลูกปรากฏให้หลํง ปรากบรบวน เสร็จแลวจีงมาหาชะบานไว้อนเรียงไว้เคิม แก้ คืนหา ขุทฺทกาบ 1 ติ ขอนหากอาทิ- ธรรมเบนปกติ บญญคไว้ให้อุปเท่ห์แก่อาจารย์เบนผู้ลํงสอนจีงจ้กิแจ่มแจ้ง เพราะเบนกลเม็ดของ กรประเภทหนึ่ง ๆ ว่าควยธรรมปฏิรูปอ'นกลาแข็ง บคนึ่จะกล่าวถึงธรรมอนกลำแข็ง ลำจะเขาบติอ'นกลำแข็งให้สลบเขาวฅรก่อน เมอ ไม่พงให้ขอบติโคยอนุโลมและปฏิโลม ๆ เข่า ขุททกาบ่ติ กำหนคกินหมากจีคหนงกำ เขา โอกกนดึกาบ่ดี ออกพรอมกน เข่า ขณิกาบ่ต็ ผรณาบติ ออกพรอมกน ๆ เข่า ขณีกาบติ อุพเพงฺคาบ่ตึ ออกพรอมกน เข่า ขณิกาบติ โอกฺกนติกาบติ ออกพรอมกน ๆ เข่า โอกกนดึกาบ่ติ ผรณาบ่ดึ ออกพรอมก่น ๆ เข่าโอกกใ!ตกาบ่ดึ อุพุเพงคาบต ผรณาบต ออกพร’อมก่น ให้เบนอนุโลมและปฏิโลมเรียบรอยคีแลว จีงเข่า บต กบ สุข พรอมก่นกบ อุปจารสุข อุจสุขสมาธินนเทอญ ๆ ลำจะแก้ขุตตธรรมให้นํงเข่าขุทฺทกาบติ สติสมโพช¬ ก!งค็๋รวมก่นออกพรอมทน เข่าให้ฅลอดผรณาบติ ก่นทุกขเวทนาอย่างสาหัสไค้แล ลำไม่หายเข่า สดึส่มโพชฌงค็่ ผรณาบ่ดึ ขุพทกาบติ บริกรรมว่าะ- พุทโธ อรหํ ถาจกแก้โดยวิธี ใหม่ให้เข่า อเมกขาพรหมวิหาร กบ บติ ทั้ง ๕ เบนอนุโลมปฏิโลม แม้ในยุคกลธรรมก็มีนย เช่นเคียวก่น ๆ อีกหัยหนึ่งให้เข่า อไ]ปนา ในหอง อานาปาใ!สสติ แค่บญจใ! (ล!าน) ลงมาดลอด ปฐมอ 0 ปปนา (กกน) แลวเข่า ปฐมฌาน คลอฅฃนไปจนถึงบญจมอปปนา (ฌาน) จีงเชา สบ (สลบ) เข่าคืบ เข่ารวบ แม้ในหองอินทรีย์ ๕ ก็ให้คำเนินเช่นนึ่ แลวบริกรรมว่า อรหํ ฯ อีกวิธีหนึ่ง ลำธรรมเกิดกำเริบขนแรงกลำนก ทำให้อ่อนใจไม่มีกำลง เกิดกวาม ธีเงสร , านและรำคาญยีงนกจะหาที่เปรียบมิไค้ ให้เข่าบติทั้ง ๕ ยุคกลธรรมทง ๖ สุข สมาธ อปจารสมาธิ แลวิกลไ!มาเข่า ขทท กาบต ขณ กาบต อุพุเพงฺคาบต เมือจีฅคกอยมกำลง คีขั้นแล’วิ จึงเจริญรวบพระพุทธคณทั้งหมด จีฅด์จกสงบอยู่เบนสุขดีนก ว ลมจ่าพวกหนงเกิด ๑๘๖ ในผาเทาทำให้เสยวเนาะเหยมเกรียมปวกบรมขกยอกไ 1 )อ่า ง ๆ เขำ อปจารสมาธิ ใน อาโ!]ธาตุ ชื่อ ว่า จืหิปาทวาตา หายแล ๆ ลมจาพวกหนงเถึกในกายอุกขุมขน ทำให้ขนร่วงโรยกลอกถึงเสนผมร่วงแกะอ่อง'ไม่ได้ เข 8 า อุปจารสมาธิในอาโปธาตุ ชื่อร่'ๅ โลมวาตๅ นายแล ๆ ลม จำพวกหนงเกิก'ในสนหลงๅๆงสองข , ๅงขาแขนาาง์สองให้มนชาเสียวเหมือนถูIๅกะขาม ไก เขา อุปจารสมาธิ ใน อาโปธาตุ ชื่0ว่า สมมากรณ่งวๅตา นายแล ๆ ลมพวกหนงเกกในกระกูกนงมวญ มีกระดูกหล , งกระกกมึอและกนกอเบนกน เข่า อุปจารสมาธิ ใน อาโปธาตุ ชื่ 0 ร่า สมุกๅวๅตๅ นายแล ๆ จาพวกทนงเก?าทบาไหลทงส0งเสยกไปกา3าขๅย , [ก-รงบ 1 นเอวสะบ'ใาจุม เข่า อปจาร สมาธ ใน อาโปธาตุ ชื่อ ขิวาปาทๅวๅตๅ หายแล ๆ วาควยการแกลมในเบองก , น ให้ทำจิกก์ของกนให้เบนสมาฐิกีก่ 0 นแลร่ เมื่อจุะ แก้ โรก อ นใค ให้ อธิษฐานชื่อลมนน ๆ บริกรรมจุนได้ อุปจารสมาธิ เบน หล ก!ก่อน เมื่อจุะ แก้! รกชนิ,, ใค ใหดูกองธาตุชนิ'กนน ว่าเบนเพราะขากธากุขนิกนน เบนอนรู้ได้ร่าลมกำเริบ เพราะฐากไฟ่ หย่อน เม อ จะ แก้ให้ เขา เตโชธๅตุ และบริกรรม เตโชธๅตุ กง สติให้ มนกง ส่งกระแสจิกช้ ไปเพ่งระงบโรกนนๆร่า สพฺพโรค วบิมุตุ โต สพฺพสมุตๅปว ชุชิ โต กใ,{ไ โรกนนๆๆ จะพลนหายกามกำอธิษฐาน ซงสำเร็จจากอิทธิ ฤ ท ชื่อ ทธิพลของ' โ จุนนเอง ๆ แม้กองลมอื่น ก็ ให้ใช้ และเปลยนไปกามลกบลเ3;ของธๅก ๔ ๆ วาควยมูลเภสชชเถึกแก'ฐๅกูนง ๔ จุบเพ่ยงเน่าน ๆ ขนปติณณณภสชช์ ยาขนานใหญ่ติอ พระพุทธคุณ พระธรรมกณ พระส่งฆอุณ ส-งวทธยาย แล วเข่า อนทรย ๕ พละ 0 ? โพชฌงก์ ๗ เวนอุเบกขา บริกรรมร่า “สุวณโณ ๆ (ๆ ๆ” แก้ใรกใช้ สารพก ป วกหวอ่ วรอนเข่า ขุทฺท กาบ ติ กายปสุส มุธิ ขณิก ๅบติ อุพฺเพงฺ คาบ ติ อุ!]. จารสมาธิ บริกรรมร่า “กายโรโค วปส มุ โต” นาย แล ๆ ๑๘๗ ถาร่อนในเย็นนอกและร่อนใจร่อนกาย ให้เขา ขุททกาบต โอกฺกใ 14 ตกาบต กายปสุสทธิ กายมุทุตา กายปาสุญฌฅา สุขสมาธิ บร่กรรมไป ว่า “กายโรโค วูปสนโต” จิตุตํ วูปสนตํ หาย แล ๆ แก้โรคลมรอยแปด เข , าบฅิ ๕ ยุกก ลธรรม ๖ อุปจารสมาธ อุปปนาสมาชิ ใน อสสาสะ บสสาสะ (หอง อานาปานสสติ) ให้เบนอนุโลมปฏิโลม แลวสำรวมจิคอีให้มสอีสมาธิประ กอ ง ฅ งมม อี กำ เนินกระแต จิฅกํอทธิ บาท ๔ อี!)^ คนฺททชิบาท ๑ วรยทชิบาท ด จตุตท.ชิบาท ๑ วิมงสิทธิบาท แล ว บริกรรมว่า “อ 0 สสาสะ บสสาสะ กังน แก้ลม ®๐ ๘ จำพวก หายแล ๆ ปวกทอง เข้ ขณิกสมาธิ บริกรรมว่า “สุจฺ สิโรโค วูปสสุโต” ค , งน หายแลๆ เจ็บกา เข่า ขณิกาบ ติ อุพฺเพงฺ คาบ สิ บริกรรมไป ว่า “จก.ขุ โรโค วูปสนุ' โต กังน หายแล ๆ ไข้ปวกหัวกัวรอน เข่า ขณิกาบติ อุพ.เพ ง. คาบติ สมปยุครควยธาคุทั้ง ๔ บริกรรมไปว่า “พุ ทฺโชิ ๆ ๆ ๆ” กังน หายแล ๆ ไข้ มือา การร 9 อนจํ ดนนาวจํด เข้า ขณีกาบสิ อุVแพงคาบสิ สติสม โพ ขฌงคํ่ บรกรรม ว่า ‘พุ , สุ โ 15 ๆ ,, กังน หายแล ๆ ไชห่กการปวห่!ห์เะปวคท่อ่ง เร่! ขณิกานตฺ อุพฺเทงฺคาบต กายปาคุย!®ตา สุขอุปจารสมา? บริกรรมว่า “พุสุโชิ ๆ ๆ คงน หายแล ๆ ไ™ยากหจุกเยือก เข้า พากาบด โอก.กา!ดกาบด บากรา!' ร่' 1 “พุทโ® ก” ไข้พ่ณ์ ไข้ราก!™ ไข้เหนือ เข้ ■''“กาบสิ อุทฺเ.พง:คาบด ผ?®เ!บด กายมุทุตา ก-บอินทรี:; บริการ!'ร่า “บุ’!.น ๆ ๆ ๆ” ดั™ หาย “ ๆ ข้า นุคัท้ออุ™™ ก ๆ ™ เธVนฌกอบ™ ชํอ์ออกท้ออกบบุ™'ก™ ปุ" 1ะ1 ส 1 ๘ดี ฟ้า ข์ทฺทกาบสิ อุปจารสมา? บ" อปฺปบาสมา? ค’" , ™ 1 วาโหาสุ ค0ใI หายIIผี วิ -4| 11 แก้™ อรแก 1 ล่า! แฟ้เงา; ก่นไ .บ่#ะ กาก ฟ้า ร*"® อุทเ พา. คาบ สิ กบุ 1ป่า คุพ อันมีใน๗ ไม่ ญาณโ ไม่ 'รกุญา'ณเป็นอ.มอ'น์กฟ้าแขิาบรก'ราบ'ร่า" อ ”ก™™™กฺ น้า,•น™-ดีบุก''เบากเ™อทืาะกกก'บุ่""!•,,,. อั 1 สาธ ๓ ท ปอไปให้’ข้า นโมทุทฺา™ นอัวอหิ 5 านให้เ™าก"พุ่โ''™ วาใปน ™ ไม่ หิณี™ก่ม่ก่ว่สิม่•ข้ กา ๗สฺสหฺธ..ท คาย'ทุ' ต \ ๒ ' 1 " ;: า 1 กาขกมฺมถ!ถ)ดา I® ท บริกรรมว่า ‘'โสตโรโค รูป สน. โต” กังบ’’าย™ก ธึกนัยหนึ่ง ไหบริกรรมว่า “อ-5ทิ” จนจิคค้คVนจึงเข่า บญจมอปปนา เ 0 •'ป,]นา อุปจารปอภาค อุปจารอุค.คบ ใบ""""™ 1 1 ไ 0 ม่ นฟ ไ!ฉี ฟ้อุปจารสมา? สุขสม่ ไ? ท้ ฟ้า ™ซคฺคตาคา๗ " ขฺทฺทกาบสิ ให้ชำนิชำนาญจบพักรกกํใวิโก้ ราบร''รา ,1วา V- ห{ไ1เไ?]หไ?]11^ วิ

    1\1เ I\1 X/ จุ

    ’ ถ™™มนึ่งอะไร'ไมไค้!ยินเลย แม้จะไค้ยํนณ็บม'" า หน!กรู้ไม่ไค้ ใหฟ้ ปีมี ๕ ธุนม่อม่ม่ ไม่ ม่ สุข อุปจารสมา? ท้ปปนาส’™ ใบง™คุ” รี" 1 ’ เก๊ค-ขนกลำแข็ง , ขเนา 1 กลูกนนเขาหายแ ล ฯ ฟ้านอนอ , อุ่ฅานทืกอาบ™ห ™าคื''กังฟ้า บสิบข้า™ฟ้า สุ’' ™™"™ ให้อันนข้ม่ข้ อุปม่ไรสมา? น* บ—™ ใ™ &'^ ให้นากห่าไว้ 'ฟ้าทาบมวิหารท้าบาญ นกักบุกํใวิฟ้ วิบสสนา กิ 11 นิ''™' 1 รี? ' หิก่นิไม่ สิงมริกไไม่ว่ไ ■'โสตโ’โม่ 1*ฬฺ" ใส!.โรโค รี" ไม่™ ว่๒ฟ้ บสิยุคคส รี'™รี" 'มุข้า''จา1 “7*‘ 1 ]™ ม่ข้ฟ้ 1 โพชม่เไค๔ ไม่ คบฌึบฺบ่ม่ก’ง™ น ข้าฟ้าพร™'วิ''ารท้ 1 บุ 11 ' 1รปส ฟ้1 ข ' ท •ไ กาฐืสิ ไ ณกาบดี อุพฺเพง.คาบดี กายปาพุ'ตฺคา บาอบก สิบจาอุฟ ปีกา" 1 1 ^ ปฐ่มป่'ปปนา จตุต๗ปปนา ไข้ ทุสิย กบ บพ™ พรก" 1 ™™ บคคยทะวิธ ๙ ! อีกวิธีหนึ่งเข่าโพชฌงคื น๊กกหะ ๔ ควงแล้วิ เข่าพรหมวหาร ๔ อนทรย ๕ ขณิกาบ 1 ติ อุพฺเพงฺคาบดึ กายปสฺสทธิ กายกมฺมญฺฌตา กายปาคล!ณตา ยอกเพียง เท่านึ่จงรู้เถึคว่าโรคจกหายโคยเร็วพลน ล้าหคงกกกองเหมือนอย่างเสียงสฅว์รองอยู่ในสมอง ให้ เข่าพรหมวิหารเจ่าท่ง ๔ ย่อ รวบ แค่ปลายลงมาถึงคน พอถึงเมฅฅา คงสติไว้ที่จิฅฅ์ไค้มนกงทีคื แล้ว คงสติกำหนกรู้ อยู่ ที่เสียงนนจ่กพล้นหายทนท ๆ ล้าไม่หายเข่า อุปจารอุคคหะ อานาปา นสสติ ในอสสาสะถึก เข่าอไ]ปนาท่งํ๋ ๕ นึ่นก็ติ เข่าประธานคือ อุปจารปฏิภาค กบ อไ]ปาก เบนประธานคงมนคืนก ๆ ว่าดวยแก้ปฏิภาค ถาจะแก้ปฏิภาคใ!มตต็๋ เมื่อจะแก้ปฏิภาคให้รุ่งเรือง ให้เข่า ปส์ตพพะ คืนเข่า รํห้ริ , , , ใไย์ สตินา(ไรย์ โสนนสสินทร้ย์ ปฏิภาคนินิตต์ ก'า:ปริก-ค" 1 !ร่ ใเรืองสา- 1 ,นิล''. วิ.V,นยะวิวไค้พนรค .♦ะ.ะ.ริ,ย'ไะ/,'*.7.บ่ฏิก'เกกแค้,ยริ.’/.ค;ลัก!ยค้ไ!;*5'.'น'.เ ข่./เ.ลั.ขย.'ข่.กุ'...เ . ใน ปฏิภาค กบมั่^มฮบไ/น ใ อาน?!/ใน่ สส ห.จา จง ม'. บงัแๆค่ข้ยู่.เน!เนัธ์คง ๔ แห' วิชา' พ เจริเแ กาลบคนเทอญ แล้วจึงขอ อุปจาร กบ ทุติยะ อานาปาน , สสดึเจ่าให้เกกแล้ว ให้ขอ ตติยะ จอุคถ! นิอุเจน! ไนลัก!?ะแ!อไกาาอย่านคืยากัา;าณั้าแอญ ๆ แล้วิจึง'ขอ อุปจารอไ]ปนไ ไห้ พนอนุโลมปฏิโลมไห้ชำนีชำนาญแล้วไห้เข่ารวบ เมื่อจะกงไจอธิษฐานอย่างไกอย่างหนีงยอม สำเร็จคามความปรารถนา ๆ ล้าอาเจึย'รไม่หยุค'หรออาเจียรเบนโลห้ค ให้ 1 -ขา โอกฺกนฺตก'านต ผรณ าบดึ กายลหุตา กายหุทุตา สะ กกจิคค์ ให้ คงมั่นคงหายแล ๆ อีกวิธีหนึ่ง ให้เข่าอุปจารสมาธิในอาการ ๓๒ เบนอนุโลมและปฏิโลม เมื่อจิฅค์ส-'บ หายแล ๆ อีกวิธีหนึ่งเข่าอุปจารสมาธิในปฏิภาคอีกวิธีหนึ่งเข่าอุคกหะในกสิลเ ®' ๙ สติบฏฐาน ๔ ใพชฌงคื ๗ รปปลาย อีกวิธีหนึ่งเข่าพระพุทธคุณท่ง ๓ ล้ใเอินทรีย์ทง ๕ กระงบไค้เหมือน จบเร้องบำรุงปฏิภาคเพียงเท่าน ฯ ๑๙๐ ขืนวิธืแก้พิศน์สต'}ท 0 งป่วง เบน ถา ไข้อีสุกอีใสหรือออกหคตีตี คะ'ขา'มแมลงบองงก้อ เ ลี®- ห ตี- หละห มาโ ตี®ตีตี
  • 1 ' '' 1 ๆเฌิ กาบ ติ อพเพงคาบติ เขา โพ ชฌง ค ๖ ยก อุเบคุ''บ ประปวนลมพยาธินํ'"-อำกอ เขา ขณกาบต , . - หายแด ๆ ๗ค้วุพํณ์ ฟ้า อุปจารส™ น เตโช กสณอนข้ในหอง พ คุ่ใ" มํท์มี โ3า อรป - ท —ฟ้ ห*?3 เฬทอ่นุใ 8 มปฐํใ™™™หาหึใ‘ที บรีกรร”รี’ คุ™ 11 ™! ป™ 5 ™ ในท,ท มาหาร*นฺในฺนุ™™รี ทาน ^ไ’” 5มว7 ฒหาย่ให้ฟ้อนันรสนก"•รี 0 ๗ ’คุ'" ,ป ไ™2 ปรฌฌา ถ้าไม่หาย ให้I ฟ้า อุปจารสมาธื อุคคา’ 8 อุปจาร บ่อ ค' 1 คุ คุบ่บ่’ 110 หึ 1 "คุหึ": อไเปนา โค ยอนฺใ™ปอํ๒ทํ™คำราบ่บ่ •ง " 5 1 คารํคุ5 ง บ่ อ ”™’^ 1ฟ้,™ข้แข้นน ให้ฟ้หาปอคาค”?^ ป 2 กา คุ, สมโทชฌงคํ่จคฅ์จักใค้ทีพำน™นอ ย่าง" 1 ถ้ากาย นนั'“าาาห่" เพ “ ใ บ่”'’™ , ;"’ ,, ภาวนา ให้ เข้า ชุทุทกา ขณกา อุทฺเพง.คาบต ‘รำ คายพค , จิตฺตรเหุ ตา “ยา 1, ริกา” 1 ว่า พุทโธ จิฅค์จVIค้ทิพำน , ก'-ใ-)'หอ ย า' 3 ก ก ขนห 9 อง ระ งบโรคส 11 8 ,เถ้นหทีงข้ 0 คุคาราสาร ‘ข้อแน่ที™"- ถ้า คา ‘รบ นัยที™"บ่”"'’ รี ,๒ คุ; เมาธ ใน เตโชธาตุ หึ อคฺคารวสาร เข้!)เข้เส หึ “ถ้าไค้ รบ กา™ 0 คุ’ 0 ' 1 ’ 0, ’บ่’คุ ' 1 “คุ 5๒ณงเสียคํแข้ง-ขากรรถ้าง ให้ฟ้า อุปจารสบาจื ใน ‘"ใคุ 1 รี คุ' 1 ” ๆ™22 ข้ คามสบาย หึเทอญ แถ้ให้มหึรรมอ™หึ’อง 0 ” ย สนย่หึนู่ห่า"™"หึ ๗ คุ’ 5 คุ" 5 ,มวยให้เข้อุปจารสนารใน‘คุนจารีหึคุ 1,5 หึ”ใคุ่'’" อ นทนา เข้ณ™?นพำให้หาาเราะหึกรี” ห า‘ วล บ่”ใ"ใกรนุกะ'•ใรคุ้ใ” , ‘คุบ่บ่”' 11 ’คุ’'; สมา! ใน เตโชธาตุ หึข้ อชา‘ธรีสาร ห’ 000 -’ สมคุ้นหฺทีากถ้กกกุ้’บ่ , คุ 8 ’ 1 คุคุ™ ม™ อก เฟ้วหึเ™ถ้ารอนนอนใม่ห ถ้บ ให้ฟ้าอุปจารส””ใน 'คุหึ 1, รี หึ '”; ทาย แลั ๆ 8 นอนาณง่เข้ณ™มักให้ง่า'นอ'' นังหึใม่สี”"า ใ’ 11 ‘รำ อุปจาร 1 สา 1 'าจิใน เต ๑๙๑ ธาตุ ชือ วรจํกกา หายแล ฯ ลมอนหนึ่งเมื่อเกิดทำให้เรีบดำฅนจะกระคุกกระดิกมิไค้ ให้เขำ อุปจารสมา ธ ใน เตโช ธาตุ ชื่อ รถ บาท หายแล ๆ ลมอนหนึ่งเกิดเบนเม็ดผื่นเบนคุ่มเบน ปม ให้เขา อุปจารสมาธิ ใน เตโชธาตุ ชื่อว่า ลมุละ ว่าควยประเภทแห่งพยาธิอนเกิคแฅ่ เฅโชธาฅจบเท่านึ่ ๆ ๏ ลมอนหนึ่งเกิดแฅ่แข่งขาชกงอ ให้เข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชื่อ อา- มะ พาธ หายแล ๆ ลมอนหนึ่งเกิดแท่เข่าแข่งท่งสอง เจ็บดามข่อให้เข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชือว่า รตปา อุ หายแล ๆ ลมอนหนึ่งเกิดแด่หำ เข่า ท่งสองเรีบปวดยงนก ให้ เข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชือว่า ช่คคะ บาท ทายแล ๆ ล มอน หนึ่งเกิดแด่แข่ง'ท่งํ๋ผีอ-งข่า'ง'..’-ทํๅ ให้ ดลามเนึ่อ;เ.ช็งดระด่าง เมื่©ยย็ง นก เข่า อุป- จารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชื่อว่า โยโคตปาทา ฯ ลมอนหนึ่งเกิดหนกดำ มึน เมื่อยชา เข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชื่อ มุ บาท ฯ ลมอนหนึ่งเกิดรอนรนกระวนกระวายทำใจสนดิก ๆ ทำให้เบนบาเข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชื่อว่า โค ปาทา ฯ ลมอันหนึ่งยาดแล่วทำ , ให้ดิเดือดชอบบ่นเพ้อรํ่าไร ค่าว่าผู้คนดำยอาการด่าง ๆ คลำย ผีสิง ให้ เข่า อุปจารสมาธิ ใน วาโยธาตุ ชื่อว่า โสปปาทา หายแล ๆ จบกถาว่าควยวาโยธาตุกำเริบเพืยงเท่าน ฯ ลมอนหนึ่งเกิดขนในท่อง ทำ ให้ จกเสียด เหมือน ใจจะขาด ให้ เข่า ปฐว่ธาตุ ใน ปฐวธาตุ ชื่อว่า โลห มงคล หายแล ๆ ลมอนหนึ่ง เกิด ขน ทำ ให้รอนไจกระ สบ กระส่ายปุงสรำ น ร้าคา ญ ให้ เข่า อุปจารสมาธิ ใน ปฐว่ธาตุ ชื่อ จวรคุณ หาย แล ๆ ล มอน หนึ่งเกิดในขาท่งสองทำ ให้ กระ คุก ให้ชกคั้นเหมือนปลาถกแดดเผา ให้ เข่า อุป- จารสมาธิ ใน ปฐว่ธาตุ ชื่อ ชง ฆ คุณ หายแล ๆ
  • 1*) ลมอนหนึ่งเกิคในขาข่างซายทำให้มึนชากายไปข่างหนึ่ง ให้เข่า อุปจารสมาธิ ใน ปฐวืธาติ ชื่อ พลคุณ หายแถ ๆ ล มอนหนึ่งเกิดในกายหายใจไม่ถึงทอง กอแหง อยากกินแก่นาไม่ รู้ จก อม เข่า อุป- จาร สมาธิ'ในปฐว่ธาตุ ชื่อว่า คืนทธุรํกขะ หายแล ๆ ลมอนหนึ่งเกิคขนที่สนหลง ปวกเสียวชำยอกสนหลงกงใจจะขาก เข่า อุปจารสมาธ ใน ปฐวืธาตุ ชื่อ ร 0 ตนคุณง หายแล ๆ ลมจำพวกหนึ่งเกิกในหำใจและก่งขวางอย่ทำให้กสีบหำใจกวกไกวเหมือนใบบำกุกลม พก เข่า อุปจารสมาธิ ใน ปฐวธาตุ ชื่อว่า บต คุณ หายแล ๆ จบลมเกิดในป๋ฐวืธาตุเพืยงเท่าน ฯ ลมจำนวนหนึ่งเกิกในเข่าแข่ง ทำให้บวมและมีพิษแสบรอนก่างๆ เข่า อุปจารสมาธ ใน อาโปธาตุ ชื่อว่า ส์นท่นฅ หายแล ๆ ลม'จำพวกหนึ่งเกิก'ในกระกุกกิกก่อกาม 1 ข่อก่าง ๆ เจ็บปวกกงกระกกจะแกกเข่า อุป- จารสมาธิ ใน อาโปธาตุ ชื่อ ร'ตนปาทา หายแล ๆ ลมจำพวกหนึ่งเกิกที่ข่อมือเมื่อยชาและกระกุก เข่า อุปจารสมาธ ใน อาโปธาตุ ช์อ ห ตถวาทา หาย แล ๆ ลมจำพวกหนึ่งเกิกในกระบอกกาทำให้กาเขม่นและพองหนาขน มองกุอะไรไม่ถนำ หรือเห็นเบนหิงหอยและรูปวิปริกท่าง ๆ เข่าในอาโปธากุชื่อ จิกขุปาทา หายแล ๆ จบอาโปธาตุ กถาว่าควยเกสชช ใน อาการ ๓1*5 บำนึ่อฅทโนจกกล่าวอปเท่ห็ไว้ให้กุล กุกร์ เจ้าท่งหลายสำเหนึ่ยกในวิธึเ ข่า ธรรมและผสม ธากุ แก้โรค กาง ๆ คืงก่อไปนึ่ ข่อ ชิ. ลาปวกศีรษะเข่า ปญฺจมเกสา ปณฺจมมตุถลุ๊ฅํ อนมึใน ขุททกาบต ฯ เข่า จตุตุถเกสา จตุตุตถถุ๊คํ อ , นมใน โอคุกน.ดึกาบดึ ฯ เข่า ตติยเกสา ตติยมตุถลุค 0 ■4 ๑๙๓ อนมี กายปสสทธิ จิตดปสสทฺธิ ฯ เข่า ทุติยเกสา เข่า ทุติยมต.ถลุ๊คํ อนมีใน กายทุ ทิตา เข่า ปฐมเกสา ปฐมมตถสํกํ อนมีใน กายุชุคฺคตา ฯ เขา สุขอุปจารสมาร) ใน พระพุทธคุณ อธิษฐานวิฅฅ์ส่งไประงบโรกนน หายแล ๆ เบนฅะมอยหำคาวหำเดือน เข่า ปณ.จมนขาปณจมมงฺส ใน ขุทุทกาบต โอกกนติกาบติ ผรัณาบ่สิ ขณกาป่ต อุพ.เพง.กาบต กายปสฺสทฺธ กายทุทดา กายุ ชุกคตา แลวบริกรรมว่า สมมาสทุพุทโธ ล่งกระแสวิคไปที่โรกนน หรือเม่าก็ไค้ ๆ ๒. ปวคมนเอวเข่า ปฌจมนหารุ อนมีใน ชุทฺทกาบ่ติ วนถึง ผรณาบต เขา กาย ปสสทธิ กายมหิตา กายุชุคคตา ให้เบนอนุโลมปฏิโลม เขา สุขอุปจารสมาธ ไนหองพระพทธกณเนืองเบาเอนเค้ยวกน บริกรรมว่า สมุมาสมฺพุทุใธ คงสคอธ'บฐานวคคใน มนแล่วส่งกระแสร์จิคค์ไประงบโรกนนหายแล ฯ ๓. ปวดพนเข่า ปณจมทนตา ปณจมออุฐิ ใน ชุทุทกาบ่สิ จตุตฺถทน.ตา ใน โอกุกมุติกาบสิ ตติยทนตา ตติยอฏ} ใน ผรณาบติ เข่า ทุติยทน.ตา ทุติย 0 อุ! อน มีใน ขณิกาบสิ เข่า ปฐมทนตาออุฐ ใน อุพ.เพง.คาบ่ติ กายปสฺสทุ? กายมุทตา กาย ปาคุฌฌตา กายุซคคตา ให้เบนอนุโลมและปฏิโลมเบน อุปจารสมาธ ในหอ3 พระ พุทธคุณ สืบกบกำย สมมาสมพุทุโธ แลำล่งกระแสร์วิคค์ไปบงกบนายแล ๆ ๔. ถา เบน แผล เบนผ เข่า ปณจมฅโจ มง.ส ชุทุทกาบต โอกุกมุตกาบต ผรณาบ่สิ ขณิกาบ่ติ อพเพงคาบต อนุโลมควย กายปสุสทุธ กายทุทตา กายปาคุณ.ณตา กายุชุคฺคตา ■สลบอนุโลม และ'ปฏิโลม , ใน อุปจารสมาธิ พระ พุทธคุณ กีบควย สม.มาสมุพุทุเธ แลำใช้คามวิธีที่กล่าวแลำ ฯ ๕. แก้ปวคกระคกพการ เข่า ปณ.จมออุฐิมณขํ ใน ชุทุทกาบต โอก.กน.ตกาบต ผรณาบ่สิ ขณิกาบ่ติ อุพเพง.คาบ่สิ อนุโลมปฏิโลมเข่า กายปส.สทุธิ กายมุทิตา กาย ปาคุณณดา กายชคคตา สลบอนุโลมปฏิโลมใน อุปจารสมาธิ กบ พระพุทธคุณ กบกบ ควย สมมาสม.พุทุโธ ฯ ๖. แก้เมื่อยและเหน็บซาเข่า ปฌูจมมง .ส็ ปฌฺจมนหา รุ ใน ชุทุทกามต จตุตก อันมีโน โอกุกมุติกาบติ ตติย ผรณาบ่ติ ทุติย ขณกาบ่ติ ปฐม อุพุเ พง.คาบติ 9 ๑๙๔ ปน) จม กายปสสทธิ ฯ .ปฐม อนมใน กายปาคุฌฺฌตา กายุชุคุคตา สุขอุปจารสมาธ ในพระพุทธคุณ คืบ กบควย สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิธีใช้อย่าง เคียว กน ฯ ๗. เอ็นชกงอให้เบนอมพาธ เขำ ปณฺจมยกนํกิโลมกํ อนมีใน ชุททกาบต ฯ อ’นมีใน ปาคฌณตา สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา สมุมาสมุพุทฺโธ อุจจาระบสสาวะ ไม่ออกเข่า ปฌจมอุทริยํ ปฌจมก'ร้สํ อนมใน ชุหุทกาบ่ดี ฯ ปฌฺจมอุหุรยํ ปฌฺจมกรส ธนมี ใน กายปาคุณฺฌตา สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบ ควย สมมาสมุพุทโจ ฯ ๘. แก้ผี 1 ผกบำผประกำร่อยเขา ปญฺจมวปุพฺพกํ อนมีใน ชุทฺทกาบต ปฐว' ปุพพกํ ใน กายกมมฌฌตา สุข อุปจารสมาธิพระพุทธคุณ สมุมาสมู พุทฺโ ธ 6, ' รบประทาน อาหารไม่อร่อยเข่า ปณจมอุทรยํ อนมใน ขุททกาบต เขา จคุตฺถอุทรย อนมใน 'ใ®คุ' กนติกาบติ ตติยะ อทริยํ ใน ผรณาบ่ตึ ทุติยอุทฺรยํ ใน กายปสฺสทุธ ปฐบอุทุรย ใน กายมุทิตา สุขอุปจารสมาธิ อุทริยํ กายปาคุณณตา สุขอุปจารสมาธ พระพุทธคุณเจา คืบกบควย สมมาสมพุทโธ ฯ ๙. แก้ ลม ร่อย แปคประการ เขา ปณจมวาโย อุพฺ เพ งู คาบต จตุ ตุ สวาโย จตุตุย อพเพงคาบดี ตติยวาโย ตติยอุพเพงคาปติ ทุตยวาโย ทุตยอุพุเพงูคาบต ปชิมวาโย ปฐมอุพเพงคาบติ อปจารสมาธิวาโข อุปจารสมาธิ อุพฺเพงูคาบต สุขอุปจารสมาจ พระพุทธคุณ สมุมาสมฺพุทุโธ ฯ ๑๐. ถ 1 พะให้ มี กำ ล ง เรี่ยว แรง เขา ขุทุทกาบ ต โอคุกนุตกาบต ผรณาบต กาย' ลหุตา กายปา คุฌณ ตา สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบกบควย สมุมาสมุพุทฺโ ธฯ แก้ จิฅคี ให้ฅงม่น เข่า ขุททกาบดี กายปสุสทุธิ โอคุกนุดีกาบติ กายมุทตา ผรณาบต กายปาคุณณตา ขณิกาบติ กายลหุตา อุพุเพงูคาบติ กายกมุมณฺณตา กายฺชุคุคฅา สขอปจารสมาธิพระพุทธคุณเจ 9 า กับควย สมุมาสมุพุหุโธ ฯ ๑©. แก้ผอมแห์ง ผิว เทลืองหากำลงมิ ไค้ เข่า ปณฺจมอปุปนา อานาปานสฺสต ขททกาบลิปฐวืธาต เข่า จตตถอปปนาอานาปนาสฺสต โอคุกนตกาบ ต อาโปจาตุ เข า ตติยฌานอปปนาอานาปานสสติ ผรณาบติเตโชธาตุ เขา หุตยอปุปบาอาบาปาบคุส ต ขณิกาวาโยธาตุ เข่า ปฐมอปปนาอานาปานสฺสต กัน มีใน อุพุเพงูคาบ ต สุขอุปจา ร- สมาธิพระพุทธคุณ เข่า คืบควย สมุมาสมุพุหุโธ ๙ ! ๑ ๙ & ©๒. กำ จะ ให้ มีกำอัง เรี่ยว แรง คืขน เขา ขุทฺทกาบติ อนมี ใน พุทธานุสฺสติ เข่า โอกกนสิกาบสิ อ นม ใน ธมมานุสฺสสิ เขา ผรณาบสิ อนม ใน สงฆานสุสสิ เข่า กาย- ปสสทธิ อัน มีใน สืลานุสสสิ เขา กายมุทิตา อนมีใน จาคานุสฺสสิ เข่า กายปาคุสเฌตา อันมีใน เทวตานุสฺสสิ เข่า สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณ อุปสมานุสฺสสิ มรณานุสุสต มีกำอั)มากพรอมอังกายและนาใจ ๆ ©๓. แก้จีคฅ์ให้ครงให้จริง ท่อ ธรรมที่จริง เข่า ปฐวกสิณ อันมีใน ขุทฺทกาบ , สิ เข่า อาโปกสิณ อันมีใน ขุทุทกาบ 1 สิ เข่า อาโปกสิณ อนมใน โอสุกมุตกาบสิ เข่า เตโชกสิณ อัน มี ใน ผรณาบสิ เข่า วาโยกสิณ อันมีใน กายปสฺสทธิ เข่า นลกสิณ อันมีใน กายมุทิตา เข่า บ 1 สิกสิณ อัน มี ใน กายปาคุณฺฌตา เข่า โลหิตกสิณ อัน มี ใน กา ยุชุคุค ตา เข่า โอทาตกสิณ อันมีใน สุข อุปจารสมา? พระพุทธคุณเจ 3, า คืบควย สมฺมาสมฺพุทุโธ ฯ ๑๔. แก้รอนให้เย็น เข่า ปณฺจมอปปนา อันมีในเมตฅาพรหมวิหารอังเขป เข่า จตุตถอปปนา ในกรุณาพรหมวิหารอังเขป เข่า ตสิยอปปนา อันมีในมุทิฅาพรหมวิหาร อังเขป เข่า ตสิยอปปนา ในอุเบกขาพรหมวิหารอังเฃป เขา อุปจารสมาธิพระพุทธคุณเจา คืบอัวย สมุมาสมฺพุทฺโธ ฯ ©๕. แก้เลือดคืขน เข่า ปณจมโลหิตกํ ใน ขุทฺทกาบ 1 สิ เข่า ตสิยโลหิตกํ ใน โอกกนสิกาบสิ เข่า ปฐมโลหิตกํ ใน กายปสุสทธิ เอัา จตุตฺถโลหิตกํ อัน มี ใน กาย- ปาคุณฺฌตา เข่า ทุติยโลหิตกิ ใน กายกมุมณสเตา อุปจารสมาธิ กายปาคุฌฺฌตา จตตกมมฌณตา กายุชุคฺคตา จิตุตุชุคฺคตา หายแล ๆ ©๖. แก้รบประทานอาหารไม่ไค้ให้อาเจียนชอกมาเสมอ เข่า ปณฺจมอุทรยํ จตุตุก¬ อทธิยํ ตติยอุทรยํ ทุติย อุทรยํ ปฐมอุทริยํ เข่า อุปจารสมาธิอุทธิยํ คืบกบ สมุมา- สมุพุทุโธ หายแล ๆ ©๗. แก้จีฅฅ์พุงสร'าน จีฅด์ไม่เข่าที่ เข่ามุจจิตุกมุยตา เข่า นพพทาฌาณ เข่า กายลหุตา จตตุชุคคตา เข่า สมุมาสสิ สมุมาสมาธิ ฯ แก้!ร.คบา เข่า อสสาสะ- บสสาสะ อันมีใน วาโยธาตุ เข่า สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเข่า คืบอับ สมุมาสมุ- พุทฺโธ ฯ ๑ค้๖ ๑๘. แก้ซบบเถา เขา ปณฺจมปปผาสํ เข่า ปซิมอุพเพงคาบติ เขา จตุดฺถปปุ- ผาสํ เข่า ทุติยอุVแพงคาบติ เข่า ตติยอุพเพงคาบติ ทุติยปปผาสํ เข่าทุติยอุพฺเพงฺคาบลิ ปฐมปปฺผาสํ เขาปฐมอุพฺเพงฺคาบติ สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบควย สมมาสมฺพุทุโธ ฯ @๙. แก้ : จ๊คฅ์หุ้เง ส ราใแข่า อุปจารสมาธิ อินมีใน เตโชกสิณ เข่า ขททกาบ ลิ เข่า ปฐมเตโชกสิณ เขา โอกุกมติกาบติ ทุติยเตโชกสิณ เข่า ผรณาบติ เข่า ตติย เตโชกสิณ เข่า กายปสฺสทุธิ จิตฺฅปสสทธิ เข่า จตุตถเตโชกสิณ เข่า กายมุทิตา จิตตมุทิตา เข่า ปณฺจมเตโชกสิณ เข่า กายปา คุณ ญตา จิตุตปาคุฌุฌตา เข่า อุปจาร สมาธิ พระพุทธคุณเข่า คืบควย สมมาสมพุทุโ ธ ฯ ๒๐. แก้คอแหงกอ บวม เข่า ปฌจมเสมน เข่า กายาทุปสสนาสติปฏฐาน เข่า จตุตฺถเ สมฺหํ เข่า เวทนานุปสฺสแาสติปฏฐาน เข่า ตติยเส มุหํ เข่า จิตฺ ตา)!ปสฺสนาส ทิ- ปฎฐาน เข่เ ทุติย เสมํห์ เข่า ธมุมาแปสฺสนาสสิปฏฐาน เข่) ปฐมเสมุหํ เข่า อินทรี?'] ๙ พ/อมควย สมมาสมพุทโธ ฯ ๒๑. แก้หืคโ รกมงกร่อ เข่า ปฌจมมุกขะ เข่า จตุตถมุกขะ เข่า ตติยมุก ชะ เข่า ทุติย มุกฺขะ เข่า ปฐมมุก ชะ เข่า อุ]] จารสมาธิ มุ มุขะ ให้เบนปฏิโลม เข่า อุปจา ร- สมาธิมุมุขะใ ห้เบืนอนุโลม เข่) ปฌฺจมมุกขะ เข่า อุปจารสมาธิ พระ พุทธคุณเจา คืบ ค ว?]ก น รวมเบน โ กลงอนเคียวกน? มัเ สมมาสม พุทโ ธ ฯ ๒๒. แก้ พนพิการ ทำ พน ให้ มน กง เข่า อุปจารสมาธิทนฺตะ เข่า ปฐมทน ตะ เข่า ทุติยทนตะ เข่า ตติยทนตะ เข่า จตุตกทนตะ เข่ ปฌจมทนตะ เข่! สุขอุป-จา ร- ส มาธิทระพุทธคุณ คืบควย สมุมาสมุพุทโธ ฯ ๒๓. แก้' แ วแก้ข่มบ้ส สา ว:: เข่ ปณ จมมุตฅํ อนมิใน ขุททกา บ่สิ เข่า จตุตฺถมุตตํ อ นมใน โอมุกนฅิกาบติ เข่า ตติยมุตฺตํ อนมใน ผรณาบติ เขา ทุติยมุตุฅํ อนมีใน กายปสสทธิ จิฅตปสสทธิ เข่า ปฐมมุตฺฅํ อนมีใน กายกมุมฌญตา จิตตกน- มฌฌตา เข่า อุปจารสมาธิมุตฺตํ อ นม ใน พระกายุชุมุคฅา จิตุตุชุมุคตา เข่า สุข สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเข่า คืบควย สมุมาสมุพุทฺโธ ฯ จบกถา-ว่าดวยธรรม'โอสกเท่าน ๑๙๗ ๒๔. แก้จิฅฅกำ',รืบเสิบสานไม่ทั้งมนในพระกบมฏฐาน และแก้สรรพโรคาพยาธิทั้ง ปวง ให้เช่า ขุททกาบติ สืลวิสุทธิ เช่า โอกกนติกาบติ จิตตวิสุทฺธิ เขา ผรณาบติ ทิฏฐิวิสุทธิ เช่า กายปสฺสท? จิตุตปสุสทฺธิ เข , เา กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ เช่า กายมุทิตา จิตตมุทิตา เขา มคคามคคณาณทสสนวิสุทธิ เช่า กายปาคุณฺญตา จิตฺตปาคุณฺฌตา เช่า ปฏิปทาณาณทสสนวิสุทธิ เช่า กายุชุคคตา จิตุตุชุคฺคตา เช่า ณาณทสฺสนวิสุทธิ เช่า สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบควย สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฯ ๒๕. แก้ให้นอนหสิบไค้ทุกเมื่อ หรือตกดจิคฅ์ให้หลบ และใชบวิคับสกคจิฅค่ผู้อื่น ให้ อยู่ ควย ให้เช่า ปณฺจมจกุชุ อนมใน ชุททกา มติ เช่า จตตฺถจกข ทนมี 1 ใน กายปสฺสทุธิ จิตตปสสทธิ เช่า ตติยจกุชุ ทนมี'ใน โอกุกนฺติกาบ 1 ติ เช่า ทุติยจกุขุ อนมใน กายมุทิตา จิตตมุทิตา เช่าปฐมจกุขุ อ , นมใน ผรณาบติ เช่า อุปจารสมาธิจกุชุ อนมใน กายปาคุฌฺญตา จิตตปาคุณฌตา กายุชุคคตา จิตตุชุกุคตา สุขอุใเจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา สืบควย สมมาสมพุทฺโธ ฯ ๒๖. แก้ไข้รอนไข้พิศม์ค่าง ๆ เช่า สทธินทรยํ่ ขุทุทกาบติ เขวิ วิริยินทรย็๋ กายปสสทธิ จิตุตปสสทฺธิ เช่า สตินทรยํ่ กายมุทิตา จิตฺตมุทิตา เช่า สมาธินทรย็่ โอกกนติกาบติ เช่า ปณฌูนฺทรย็่ ผรณาบติ เขวิ กายกมฺมณฺฌตา จิตฺตกมฺมณฺณตา กายุชคคตา จิตตุชคคตา สุข:)ปจารสมาธิVเระพุทธคุณเจา คืบควย สมุมาสมุพุทฺโธฯ ๒๗. แก้ไข้คัวเย็นชืคจนเกินไป เช่า เตโชธาตุขทฺทกาบติ เช่า จตุดุลเตโชธาตุ ทน มีใน อุพเพงคาบติ เช่า ตติยเตโชธาตุ ทันมีใน กายมุทิตา จิตุตมุทิตา เช่า ทุติยเต โชธาตุ ทันมีใน สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบคัวย สมมาสมพุทฺโธ ฯ ๒๘. แก้ไข้ชะบาน (ไค้แก่ ไข้ จบสนสะทวิใเ ไป ทั้งคัว) ให้ เช่า ปฐมเตโชธาตุ ทันมี ใน มทิตาพรหมวิหาร สิงเขป เช่า สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบควย สมมาสมุพุทโธ ฯ ๒ส'. แก้กระเพาะบสสาวะพิการ เขวิ อุปจารสมาธิลสํกา เขา ปฐมลสกา เขา ทุติยลสกา เช่า ตติยลสิกา เช่า จตุตถลสิกา เขวิ ปฌฺจมลสิกา สุขอุปจารสมาธิ พระ พุทธคุณเจา คืบควิย สมมาสมุพุทฺโธ ฯ ๑๙๘ ๓อ. แก้ไส้'ลื่อนลูกอณฑะพิการทำให้ฟกบวม เข่า อุปจารสมาธิ อนุตํ อุ ทริยํ กรีส 0 เข่า ปฐมอนุตโอกุกนุสิกาบติ เข่า ทุติย อนุตํผรณาบสิ เข่า ตติยอนุตํกายปสุสทธิ จตุตปสสทฺธิ เข่า จตุตฺถอ11ตํ กายกมุมณฺฌตา จตุตกมฺมณฺณตา เข่า ปฌฺจมอใ!ตํ กายปาคุณฺณตา จฅตปาคุฌฌฺตา สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบควย สมมามฺสพุทโธ ฯ ๓®. แก้!.สี ยมมะ โ หก เข่า ปฌฺจมา!ทยํ ปณจมมุกขะ เข่า จตุตุถหทยํ จตุตุถมุกขะ เข่า ตติยททยํ ตติยมุกขะ เ ข่า ทุติยหทยํ ทุติยมุกฺขะ เข่า ปฐมททยํ จตุตถมุกขะ เข่า ตติย หทยํ ตติยมุกฺขะ เข่า ทุติยหทยํ ทุติยมุกขะ เข่า ปฐมหทยํ ปฐมมุกขะ อุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเจา คืบควย สมมาสมพุทโธ ฯ ๓๒. แก้กระคูกในหูพิการหรือโรคในหูบวมค่าง ๆ เข่า อุปจาร โสสินทรีย็๋ เข่า ปฐมโสตินทรีย็่ เข่า ทุติยโสตินทรีย็๋ เข่า ตติย โสตินทรีย็๋ เขำ จตุตุถโสตินทรีย็่ เข่า ปณฺจมโสสินทรีย็๋ สุขอุปจารสมาธิหระพุทธคุณเข่า คืบควย สมมาสมพุทโธ ฯ ๓๓. แก้ผ ในกอ เข่า ปฌฺจมฆานินทรีย็่ เข่า ตติยฆานินทรีย็๋ เข่า ปฐม ฆา¬ น นทรีย็่ เข่า จตุตุถฆาน้นทรีข็๋ เข่า ทุติยชิวหินทรีย์ เข่า ทุติยฆานินทรีย็๋ เข่า อุป จารสมาธิ ชวทนทรีย็่ อุปจารสมาธิ 1 ฆานนทรีย็่ เข่า สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธ- คุณเข่า คืบ ควย สมมาสมพุทโธ ฯ ๓๔. แก้ ลมออกหูกีก วิธิ ๏ ให้ เขา โสตินทรีย สติสมโพชฌงค์ ตติยโสตน- ทรีย็๋ ปสสทธิสมโพชฌงค์ เข่า ปฐมโสตินทรีย์ อุเบกขาสมโพชฌงค็๋ เข่า จตุตถโส- นนทรีย็๋ สมาธิสมโพชฌงค็่ เข่า ทุติยโสตินทรีฃ็๋ อุเบกขาสมโพชฌงค็๋ เข่า สุขาอุป- จารสมาธิ พระพุทธคุณเข่า คืบควยสมมาสมุพุทโธ ฯ ๓๕. แก้ ปวค ทองจุกเสียคลม ส นคาน เข่า ปฌจ มอนตคุณํ ขุทุทกาบติ เขา จตุตถอนุตคุณ โอกุกนุติกาบสิ เข่า ตติยอนฅคุณํ ผรณาบสิ เข่า ทุติยอนตํอนตคุณ 0 ขณิกาบติ เข่า ปฐมอนุตํอนุตกุณํ อุพฺเพงคาบสิ สุขอุปจารสมาธิ พระพุทธคุณเข่า คืบ ควย สมมาสมพทโธ ฯ ๑๙๙ ๓๖. กำธรรมกำเริบโม่มีกวามสะบายในขนธ์ที่งั๋ ๕ ก็กี ให้กระทำฅา3 1 )คำหริบที่กล่าว มานคือ ให้ ขอ ขุทฺทกาขนฺสิ มา ๓ค รวม ณะที่ เดียวกน แล่ ว ขอ ขุททกาบ ติ ขอ พระ ขณิกา บติ มาเกิครวมกน ที่ เกีย ว ขอพระ โอกุกนฺติกาบติ พระ อุพเพงคาบติ มาเกิคพร 1 อม กน แล่ ว เข่า รวม กนขอ อุพฺเพงฺคาบ ต ผรณาบ 1 ติ ให้เกิกรวบแห่งเกียวกน เข่า พร อมกน ให้เบนอนุโลม ปฏิโลม ชีอว่าขอ ผรณาบติ อุพุเพงคาบ 1 สิ ให้เกิคพรอมกน ขอ อุพเพงคาบ สิ ขณิกาบดี เขาพรอม กน ขอ โอกุกนฺสิกาบสิ ขณกาบืสิ ให้เกิครวมแห่งเกียวกํน ขอ ขททกาบ สิ ให้เกิค พร อมกน เข่า พร อมกน จิทกีสงบแล แม้ ใน ห , องยุคคลธรรมก็เบนเช่นเกียวก น ๆ จบแก้พยาธิ กถาว่าดวยอาการ ๓๒ ดิงต่อ ไป น ถา ไข้ฅวเ ยนพิกีม์รวมข่งข่างใน เข่า ผรณาบสิ วิมุตสิ ขุททกาบ สิ และ ปสสทธิ วิมุตติ บริกรรมว่า พุทโ ธ หายแล ๆ กำไข้ เหนืออยากแต่นอน เชื่อมซึม ไม่ ลืมคา เข่า บ 1 ติทง ๕ แด อุปจารสมาธิ อุป- ปนาสมา ธ ทก ๆ บทหายแล ๆ บริกรรมว่า “พุ ทโธ” แก้พยาธลแพคข้นช่างบน ทำให้คาแข็งนอน ไม่ หลบ เขา ขณิกาบสิ อุพุเพงฺคาบติ กายลหุตา กายปาคุณฺฌตา สุขอุปจารสมาธิ ปฏิภาค ใน อานาปานสุสสิ แะ อปปนาสมาธิ หายแล ๆ กำเบนไอเสลคพิการและเบนหืคให้เข่า ธุพเพง คาบ สิ ผรณ าบต็ แล่วคงสกีประคอง จิ;'าฅให้มน จึงส่งกระแสจิฅฅ่เพ่งกำจคเสดคนนหายแล ๆ กำมนสมองแ ห ง ให้ บริกรรม'ว่า เสมห ปฏิ กุล ให้นาน ๆ จนใจอยู่คีแลว ให้เข่า อุปจารสมาธิ ใน อุคฺคห นิมิตติ , และ ปฏิภาค นิมิตต็๋ อุปฺปนาสมาธิ หายแล ฯ โค ย บริกรรมว่า ปอกุ คงนื กำเจ็บในที่ใคที่หนึ่งก็กี ให้เข่าพุทธคุณท 1 งหมค ให้เบนอนุโลมปฏิโลม จึงเข่า ขุททกาบ สิ หายแล ๆ 9 อีกวิธีหนง , เขา ผรณาบ่ต็ ๒กร , งั้ อุพุ เพ งคาบวิ กรง© โอก กนติกาบวิ๒กรง ขณกาบตกรง® ขุทฺทกาบต๒กรง เขวิกืบเขาสล'บเข่ารวบ!รกจุกหายทนที บริกรรร]ว่า พุทฺโธ ถาเจ็บทวร่างกายขคยอกและป'วกทวสรรพ'ๅงก์กาย เขา ขณกา กบ กาย ลหุ ตา หายแล บริกรรมว่า พุทโ ธ ฯ ถาเกิคโรกเสียกแทง เขา ขณกา กายมทตา หายแก บริกรรมว่า พุทโธ ฯ ■ถวิ ไข้ มี ไอไม่ ห ยุค และเสลกแหวิ)เสลคมาก เข่า อุปจารสมาธ สมถะ อุค คหะ ในถมถ ทงมวญกบ อุพุเ ทงฺ คาบต กายปาคุณณตๅ และพล;; ๕ หายแล เสลคกำเริบมาก เข่า ขุทฺทกาบต ขณกาบ ต กายปา คุญณ ตา กายุชคคตๅ อุปจารสมาธิ ในหองพระพทธคุถเ หายแล ฯ ไอมากเข่าพระพุทธคุณทีงมวญให้เบนสมาธิ เข่า ขณกาบ ติ อุพุเพงคาม ติ กาย- ปา คุณฺณตา ทายแล บริกรรมว่า กาโส วูป สนโต เบน หวคกคจมูกหายใจ ไม่ ลอก บริกรรมว่า หุกขํ พุทธสส วปสมํ ฯ ๓ ลง เสือค เข่า ขณกาบต็ อุพุเพงฺคาบติ เข่าเพ่ง อโลโภ อโทโส อโมโห เมื่ขิ สงบแล'วจีงฅง ธาตุ ๔ อินทรย & โพ ชฌงค็๋ ๖ ยกอุเบกขาแลรบบริกรกรรมว่า โลหิตํ พุทธสฺส วูปสมํ หายแล ๆ ลง เสือ คทางทวารหนกพรอมทวิ)ไข้ทอง เคิน เข่า ขณิกามติ อพเพงคาบติ กายกน- มฌฺส-'ตา เข วิ กสิณสุขเจตสิก เข วิธ ๅตุท ง๔ อินทรืย์ ๕ โพชฌงค็๋ ๖ ยกองค์ข่างปล'เย แลวรวมลง ขณกาบิติ ธุพฺเ พงคาบติ บริกรรมว่า โ ลหิฅํ พุทธสส วปสมํ หายแล ๆ ถวิเ บน ริคสีควงทีงปวง เขวิ ขณิกาบติ โอกกนติกาบติ กายมหิตา บริกรรม ว่า กจฺฉิโรโค พุ ทฺธสฺ ส วูป สน โต หายแล ฯ ถวิปวคกระคูกเข่า อุพุ เพ ง คาบ 1 ติ ผรณๅบสิ แคะ อป จารสมาธิ หายแล ๆ ถวินอน’ไม่หล , บถงสิบคืน หริอจิฅฅ์พ่งสรวิน เข่า กายปสส ทธิ กาย มุหิตา และ สมาธิ และ ปสฺส ทธิ อุเบกขา ใน โพ ชฌงค หายแล ๆ อีกวิธีหนึ่ง เข วิ ยุคคลธรรม ทง ๖ อิน ทร้ย็๋ ๕ โพ ช ณงค็๋ ๗ เบนม่าย นคฅ หะ หายแล ฯ 1๓)0๑ กำนอนนกจนเกินส่วน เขา โอกกนติกาบติ ผรณาบสิ กายนทิตา สุขอุ- จารสมาธิ กำกายมนเมาอ่อนเพลียหากำลงกิโอ้ เขา บ ต. ๕ - โพขกเ'าก ๖ อนเบนผกผาย บกค'ยหะ ๔ องค็๋ หายแล ๆ โค ยบริกรรม'ว่า ใ เส รทมุมสารถ เมื่อคุณธรรม ที่ คนบำเพ็ญกำเริบขนเบน 5 รรม บ่ฏิ'บ่ ทาใหฟุงเพอออกฤทธเคชไป ค่าง ๆ ให้เข้า โพชฌงค็่ทง ๗ หายแล ๆ อีกวิธีหนึ่ง เข้า 'ใ)ณกาบต อุพเพงฺคาบต กาย!เาอุก![กูเตา จตุคุกอ!เบํนา" ปสสทธ็โพชฌงค็่ สทฺธินฺทร้ย็่ สทฺธาพลํ หายแล ๆ กำธรรมกำเริบกล่าจโ'เนอนโม่หลบ ใจส่นหวว ๆ ๆ หากวามสาราญบโค ใหเจรญ พระพุทธคุณคงเบนหลกิ แลวเข้าเมคคาเลยเข้าวิบํสสนา แลวกลบมาเข้ารวมกินพรย ๕ สค จุก คงมนอยู่ที่ใจกงที่ ให้บริกรรมว่า อนิจฺจํ ฯ กำผนรำยจนคืนขนทำให้เสยอารมณ จิคฅฟุงจนเกนสวน ใหเขาสมาบคแลวกสบมา พักที่ พรหมวิหาร ๔ หายแล ฯ รบประทานอาหารไม่ไอ้ เข้า อุเบกขาพรหมวิหาร พักจคค์ที่เมคคาหายแล ๆ จบกถาว่าดวยเกสชชในอาการ ๓๒ เน่าน 'I สมถวิบสสนากมม่ฏฐาน มกค ปา ถมุตแถะวิธถารา® นาท ร ะก วิ ฒ ป็& าน เบนค 0 มภืร็๋ทสบเนอ'5มาแตค'รํง สมเด็จพระอริยวงษญาสปริ ว รา สง ฆรา ชาธบด ศริสมณุตมาปรินายก (สม เด จพระสง ฆ ราส 1 ส®พ) อุกาส อจฺจโย โน ภนฺเต อชฺฌคมา ยส™าเส ยถาม เห ยถา สเล เย มขํ อก?มฺหา เอวม.ภนฺเต อหฺใย ใน บ่อ™.™ ® 1ยสิ ส์าเรข • ๗ 'ตุ' เมั นา โถ ธม. โม เม นาโถ สง. โฆ เม นาใถ ถมถ ถม. มอ .:! 1 ใน ‘ม น 1 ' 10 อุอุ 1 '" 1 เม นาโถ ทส ปารมใย เม นาใถ กิ™ใ 0 - 10 ฯ ". ว1ห . ข1ใ " ฯ 0 ฯ สุบ่2บ่น. โน ฯลฯ สมฺมา อรหํ๓ท อาราธนาพระก่มน่ฏฐาร 1 อกาสะ ค ง ขำ , พระพุทธเจ่า'จะถ.จง ขอสำแองโอย 1 •สา รพ ไหว , แอม , แ บพระ ณ อ อ™ฟ้าเลิศยงํประเยริฐ™ถามอันงคงามเกิน™ค พีอพุ0หงทุ™ พ1ะ๓ อุพุ พ,ะฒ โกณฑัญญพา-.อาศ์นนเบ๊นเอัา™า พร-.อัมมอ 1 ฐานถอง™ถ"าระ พระอา’ารย์ผู้บอ™™ กน,เต ป็เป็นก่ 1 แก่นการ ข่า แก่พระ อาจา™นุ้พืนเร่า อ V'ใ" ใ™ก่อนเก่า™™ 1 โ อุ แห่งคุข่านอยน้ อชฺฌค มา มีมาลิงเพียงไร มยํ ข่าพเร่า™หอายไถ้ก่อ™™ อก ’น•น 1 ไ กระห่าผํอไว้ เซ อหฺเย ชี่งโทษ™หกายโอ ย ถาพา เล ศวรไถ้แก่นา™ห 11 " ถ1ม บ่ไ เ " กวรไอ้แก่กนหกง ขถาเอกุเสเส ให้จำนงกระห่าบาปกามกแก่อกุ™ เขสะเป็นถ้วยอะไร อุ 01 ".' ภงแต ข่าแก่พระผู้เป็นเร่า ตุม.เห พระกุณ™หอายเก่าอย่า™กะ บ่ออถ 1 . มถ จงขวยรบร 31 ป็องก่น เต อจฺจพ ข่งโทษ™หกายเหก่านน อังย่ามานิไ•“รี สำส"." 1 น ส้’ะ™กิ™า™ กายและวพา™จํกถ้อริเกรียม อายห ในธนากอกากไห้เห่าเพียบพ่าน™ กรรพุพุ®™"อาอุ จงกุมกรองช่วยปกป็องเป็นพีพีง ร่านอเยริง'ย่าเริญV ขอพระอัมม'๒’น’ 1 ม 11 ™ น™ 11 " 1๑๐(20 จงหมค ปรากฏในมโนทวาร จักขุสารทวาร ในกายวาจาจงทุกประการ ขำขออาราธนาพระ- ก่มม'ฏฐานจงมาบํงเกกให้สำเรีจความปร' 1 รถน'' แก่ขาพIจาน เทอญ (จบแปลอาราธนา) พุทฺธาทิกํ อตุลยตตํ นตวาวิสุทธิมคฺคิกํ กมฺมฝ็ฐานํ กรสฺสาม สมาเสน ยถาพลิ อภิวนทนฺตํ วรํ รกข ขำขอประณกนอมคิร์ษะ ลักการะแก่เอกอคร คุณ อทุลยไกร จะแถลงแจัง์เหทุแห่งพระ- กํมม่ฏิเกน จะบริหารให้หาย‘ช้งสงสย ผจะบอกจะเรยนจะเขยนไว ใหเขาใจเบนบรรทกทางธรรม จงแจังซึ่งพระ ก ไเมฏฐาน ชำนาญแน่ปากไม่ถลากถลำ กามบทพจนาวรารมภ กามคำพระบรม ศาลคา ลัาว่าผิคชื่อจะลือริาย ขำงผายศิษย์จะคิกครหา จะโจทย์จ , วงล่วงลอบนนทา จะอัปรา อานุภาพพึงภ , ย ศิษย์สู่สำนกกงชัาคิก 'เริงตรองกริกลืกลับที่จะแก้ไข เพลิงนอยเท่าหึงหอยอย่า ไว้ใจ เริงเตรียมอาวุธ'ไว้'ให้ครบกรน ชาศก'กคขํณทลีมา ' จำจ้ะแก่งโยธาที่คนขยน สอคใส่อาวุธ ออกประจญ ให้ทงม่นก่ายกูประดูชัย พระโยคาวจรผู้พากเพียรจะบอกจะเรียนจงเอาใจใส่ กาม พระพุทธฎีกาที่ว่าไว้ จะมีชัยชำนะแก่โลกย์ เล่าเรียนเพียรพากให้ขั้นใจ จำพระบาลีให้ถวนถี่ ฅามน่ยพระอภิธรรมกมภีรี พระบาลีกมมฎฐานนน เทอญ มาติกาสมถกมมฏฐาน ๔๐ สมถวิปปสนาวเสน ทุพุพิธํ กมฺมฏฐานํ ตตฺถสมถสงฺคเหตาว ทส กสิฌาน ทส อสุภา ทส อนุสฺสติโย จตสุโส อปปมฌฺฌาโย เอกาสฌฺฌา เอกํ ววตฺถานํ จตตาโร อรูปาเจสิ สตฺต่วิเธน สมถกมฺมฏฐาน สํคโ หฺ ราคจริตา โทสจริตา โมหจริตา สทุธาจริตา พุทธิจริตา วิตกฺกจรตา เจติ ฉพฺพิเธน จริตสงฺคโห ปริกมมภาวนา อุปจารภาวนา อปฺปนาภาวนา เจติ ติสุโส ภาวนา ปริกมมนิมิตตํ อุค คหน้นิตตํ ปฏภาคนมตฺตฌฺเจสิ ตฌ นมตฺตาน เวท ตพุพานิ 1ฐ) 0 กถํ ป่ฐวืกสิณํ อาโม่กสิณํ เตโชกสณ์ วาโยกสณ นลกสลเ บตกสณ โลหิตกสิณํ โอทาตกสิณํ อาโลกกสิณํ อากาลกสิณลนฺจต สิ™ ทสกสิณานิ นาม อุทธมาตกํ วินิลกํ วิปพพกํ วินิทฺทก 0 วิ•จาสิตกํ นิสิ ด นิ หต นินิ ต นิ โล นิ ต นิ บ่ฬวก อเ]ฐก?111จต 011-1 VIฟิ อสภา14า11 ทุทธานุสฺสดี จม.มานุส.สดี สงฆ-]นุส.สดี สึสานุส.สดี จาคานุนุสดี เทว ต' 1 ' นุสฺสลิ อุปสมานุสฺสลิ มรณสํ.สดี กายคตาสดี อานาปานส.สดี ห" ดีส' 1 ทส อนุสฺสลิใย นาน เมตตา กรุณา มุทตา อุเปก.'จา เจต ดีน' 1 จตสฺใส อป.ปนยฺอุเาใย นา นุ พรหมวิหาราวาดี ปาจดี อาหาเรปอกูลส 0 ! 0 'า เอกาสอ! 0 '' 1 นาม ตุ*''ตุ'า 1 ตุ 0 ' , นุ

    101กวา!ต.ถาน นาม เวทตพฺทํ อากาสานอ!จายตน™'เย ปน ''ตุตา ใร ยใ'ป' 1 นามา ต อิลิสหฺพถาบ สมถนิทฺเทเส จตุต™ส กม.มอฐานา กาน.ดี อธิบายสมถะกมมํฏฐาน บุทก.ลมีค'วามปรารถนา'จะเจริญ'ทร:ะกมมฎฐานนน แรกจะเรียนให้ชำระพระปาริสทธ¬

    ใหณิสุทธวิอนแลวละเสียซี่งปลิโพธ™ 0 ประการ มีอาวาสและคระกุลเบนอาทํ บีกระทำ สิทธิฤทธํ่เบ่นที่สุก แลวพึงเขำไปสู่หากัลยาณบีครกันเบนบี่รํทํ กว ร เการพ กลิา วถก จุะ ปรนนบฅคามระลึกซี่งประกอบในพกั วย กุ ณเ บน อา ทํกั , จะพงกัทำนกู้นนโนบีนบีทํวิ ย วฅร ปรนนิบฅและไก่ถามทางปฏิบค ที่ฅใเจะพืงกระทำน้นให้แจวิโ สจง กุ 1 า ประทาร แล'าพี' 51 •รี 1ย น เอา'ซึ่ง 1 พระกัมม่ฏิฐา 1 แอนกลคามจรค 1 แหงคานแ'ละพงละเสยชงวนารอนมควรจะอยู ®๘ ปร-การ โพฏิ อาวาสเกาเบนอาท มีทมีไค้สบาย กันหากัลยาณบีครบีไค้เบนบกุ ค ควรจะอกุ่อากักัน™ 0 ร์ป ควยองก์ ๕ ประการ ไม่ใกลิไม่ไกลนกพอไปบาเบีนปกบีเบน อ าทํ ะ และกัคเสีย^ปลิโพธน 0ย ๒ ประการ มีเล็บยาวเบนค้น แลวปรารถนาจะเจริญพระกับกัป็5า นทง ๔๐ ประ ก าร บ่อนไคบ่อน หัช้ง และพระกมีม่ฏฐาน *0 ประการ บี 0 กลิแเ บีปฐวีก™เบนกัน และอาค" อาโลกกสิณ อรูป ๔ เบน ®๐ นี่เบ่นที่สบายกว่าพระกับกัฏฐา ใเ กั' 3 บ่ วง กุลบุครพีงเริ ย นเคิค พิธีในกสิณและอรูปนน เรามีไค้กระทำไว้ก่อน มีอยู่'ใน'พระบาสีนนแค้วิ กัคน จุ ะ พรรณนาแค่คามพระบาลีที่เขียนไว้นไปก่อน กมม ฎ ฐานํ อันว่าพระกัมมฏฐาน ทุวธํ มี ๒ ประการ สม ถวป สุสนาวเสน ควยสามารถ'ชื่อว่าสมถะกมม่ฏฐานและ'วิบสสนาก มม ฏฐาน ตคุถ กมฺมฏฐาเนสุ ลาพระกบมฏฐาน ๒ นน จะสง'.กราะห์ในสมถะกัมมัฏฐานนึ่ก่อนว่า พระกบมฎฐานจคออกม ๗ ประการ กอ กสิน ©๐ น่นกองหนึ่ง อสุภ ®0 นนกองหนง อนุสสคื ©๐ นนกองหนง อปปมญญา ๔ นน กองหนึ่ง เอกาสญญาน , นกองหนึ่ง เอกาววฅถานนนกองหนง อรูป ๔ นนกองหนง เซากนครบ ๗ กอง และจริคมี ๖ คือ ราคจรต ® โทสจรฅ ๑ โม ห จรต ๑ สทุชิาจรต © พุทุธ- จริต ๑ วิตกกจริต ๑ ครบ ๖ แล ภาวนามี ๓ คือ ใ]รกมุมภาวนา ® อุปจารภาวนา ๑ อปปนาภาวนา ๑ ครบ ๓ ประการ แล นึ่มีกฅ์มี ๓ ประการ คือ ปริกมุม'นม ตต ๑ อุคุ¬ ก ทนมิตต็่ ๑ ปฏิภาค นิมิต็๋ ๑ กรบนมีกก ๓ ประการ ทสกสิณานิ นาม ชื่ออ้นว่ากสิน ©๐ ประการ กถํ เมาะ กตมานิ เบนคงฤๅ อ้นว่ากสิณ ©๐ ประการนึ่นศีอ ปฐวีกสิณ ® ให้ทำควงกสิณ ©๖ นวกลมควยคืนทํกระคาน บริกรรมคามฅํวว่า ปฐว ๆ อาโปกสณ ด เตโซกสน ® วาโยกสณ ๑ ใเลกสณ ๑ บิ 1 ตกสิณ © โลหิตกสิณ ๑ โอทาตกสิณ ด อาโลกกสิณ ๑ อากาสกสิณ ๑ ครบเบน กสิณ ©๐ ประการเท่านึ่แล อสุภ ©๐ นนคือ อุทธุมาตกํ พิจารณาทรากอสุภอ้นพองขน วินลกํ พิจารณาทราก อสุภอน'ขนเน่ามีสีอันเขย - ว วิปุพพกํ พิจารณาทรากอสุภอันเน่ามีนิ!เหลืองไหลออก วิจฺฉิทุทกํ พิจารณาทรากอสุภมีคัวอันขาคกลาง กลก อฏฺฐิกํ พิจารณาทรากอสุภกะเรวะมีแค่ร่างกระคูกคืค กนอย่ และหสุคลุ่ยขาคจากกนมากนอยก็คื ครบอสุภกมมฎฐาน *0 แล อนุฒคืกัมมัฏฐาน ©0 นินคือ พุทธามุสสติ บริกรรมว่า อรหํๆ และว่าสมมา สมพุทโธก็คื หองใคหองหนึ่งก็ไค้ ธมุมานุสสติ ให้ระลึกถึงคุณพระไลคุคครธรรม บริกรรมว่า สวากขาโต ภควตา ธมุโม นิน ® สงฆานสุสติ ระลืกถึงคุณพระ อริ ยสงฆ์ว่า สุปอิ- ปนโน ภควโต สาวกสงฺโฆ นิน ® ส์ลาVIสฺสสิ ระลึกถึงพระ ปา ริสุทธศีล © จาคานุสฺสติ ระลึกถึงทาน ๑ เทวตานุสฺสติ ระลึกถึงเทวคาทงหลายมีบิคามารคาเนินคน ๑ อุปสมานุสฺสติ ระลึกถึงการระงบอินทรีย์ ระงบบาปธรรม ระงบกายและจฅฆ์ © มรณสุสติ ระลึกถึงความ ฅายเนืองๆ © กาย ค ตาสติ ระลึกถึงกายมีอาการ ๓๒ บท บริกรรมว่าเกสา ๆ เบนคน- 1๑0๖ อานาปานสสติ ระลึกถึงลมหายใจออกหายใจ'.ข่าเร็วส , น?ภวนน ซี และพระอนุสสฅ ©๐ ประการ นย่งืมิ'ไค้ละเอียคก่อน อไ]ปมญญาคือพรหมวิหาร ๔ คงน เมตตา คือแผ่เมอคาจิคฅ์ไปแก่สอว่นั้งหลายท่)

    ๑๐ ทิศ ๑ กรณา คือแม่กรุณาไปแก่ส'อว่นั้งหลาย ซี มุทิตา คือใจอ่อนแก่สอว์ทงหลาย ซี อเปกขา มีจึฅค์เบนณบกขาแก่สอว์นั้งหลาย® เข่ากนเบน ๔.ประการเท่าน อาหาเรปฏกูล ส ญญานั้นคือ เอกา ส ญญา ให้ สำ กญในอาหารที่บริโภคเข่าไปอยู่ในกา?) เบนปฏิกูล พึงเก ลืยค และ อาหาร ท่ง์ ๔ ประการคือ กวฬิงฺกลาหาร อาหารกลืนกิน ซี ผสุ- สาหาร อาหารอน สํมผํเสถก' อ' อง'ไห้ เกิกเวทนา ซี มโนสฌฌเจตนาหาร อาหารอน เกิอแท่ เจอนา ร , ายแ ละ คีแท่จิออ์ ซี วิฌุฌาณาหาร อาหารอันเกิคแท่จิอออนรุ้โคย จกษุ กลก มโน นำมาซา เวทนาทง ๓ นั้น ซี ทงนชื่อว่าอาหาเรปฎกูลสญญาแล ธาตุววอถานนั้น คือเอกวว , กถาน ให้กำหนอเอาธาตุท่ง๎ ๔ ก่าหนคลืส*ณฐพรรณให้ แน่แก่ใจ มิไค้กลาคเกลื่อน เพียรขบไล่ให้เล็กละเอียคลงและกลมกล่อมแค้นน ซี อนนชื่อว่า ธาตุววํคถาน อรูปอัมอัฏฐาน ๔ นั้นคือ อากาสาน©[จาขดนะ เอาอากาศเบนที่บริกรรมว่า อนนุ โต อากาโส ๑ วิญฺญานญฺจยตนะ ว่าเอาวิญญาณที่บริกรรม ซี อาทิเถนจรมุถเายตนะ เอา และวิญญาณสีงละนอยพนที่บริกรรม ซี เนวสฌณานาสณฺณายตนะ เอาที่เปล่าที่สุคเบนทํ่ บริกรรม ๑ และอรปกมมํฎฐาน ๗ ประการนมิไค้เอารูปเบนอารมณแล

    ประมวลพระอัมม'ฏฐานท , ง ๔ กองนน คือ กสิณ ซี0 อสุภ ซี๐ อนุสสฅิ ๏0 พรห}] วิหาร ๔ อาหาเรปฎิกลสญญา ซี ธาตุววอถาน ซี อรูป ๔ รวมเบน ๔0 เท่านนแล ล่าพระโยคาพรจรเบนราคะจริอ ให้เจริญอสุภอัมมฏฐาน ซี๐ และกายกคาสคิอนเบน ส่วนสองมีเกสาเบนคน ซี เบน ซี® ประการจึงจะสบาย ล่าโทษะจริอให้เจริญพรหมวิหาร ๔ และวรรณกสิณ ๔ มึนลกสิณเบนคน เบน ๘ จึงจะสบายแล ล่าเบนพทธิจริท ให้เจริญมรณสิสทิ แลอุปสมานุสสกิแล เอกสญญา เอกววอถาน เบน ๔ จึงจะสบาย พระอัมมฏฐานอันเหลือกว่านน เบนที่สบายแก่จริคท , งปวง ‘ส 1ฝิ)๐๗ กำบุทกลเบนศรทธาจริฅ ให้เจริญพระอนุสสติ ๑ 0 จงจะสบาย ปฐวีกสิณนินิเบนที่ สบายแก่โมหจริค อาโปกสิณเบนที่สบายแก่วีฅกจริฅ บริกรรมภาวนานินิ ไค้ในพระกมมฎฐานที่งปวงแล อุปจารภาวนาน , น สำเร็จในพระก่มมฏราน ๑ 0 คือ อนุสุสต็ ๘ มีพุทธานุสสติเบน ก่นและ เอกส'ญญา ๑ เอกววตถาน © อปปนามีในพระกมมฎฐาน ๑0 จะบ'งเกิคอปปนาภาวนาสำเร็จในกมมฏฐานทิง ๓ 0 ประการแล พระกมมฏิฐาน &๑ คือ กสิณ ©๐ อานาปานสฺสดึ ๑ ประกอบในฒานท 1 ง ๕ มี ปฐมฌานเบนก่น อสุภ ©๐ แกะ กายคตาสติ นินิ ประกอบไค้แต่ปฐมฌาณ เมตตา กรุณา มุทิตา ไค้ใน วิคุคถฌาน อุเปกขา ไค้ในบจมฌาน และพระกมม่ฏฐาน ๒๖ ประการที่ว่าน ประกอบในรูปาวจรฌานเท่านิแล พระกไ)มฏฐาน ๑๔ คือ อนุสฺสติ ๘ มีพุทธานุสสติเบืนก่นแล เอกสญญา ๑ เอกวววตถาน ๑ อรูป ๔ ประการประกอบในอรปาวจรฌานพอครบที่ง ๔ 0 ประการนินิแล บริกรรมนิมีฅค์และอุกกหนิมีคค์ ไค้ในกสิณและอสุภ อไแบนส่วนอานาปานสสคิ- กมมฎฐานแล พระอุปจารสมาธิปรารภเอาซึ่งปฏิภาคนิมีฅฑ์ แลวเบนไปก่งน เมื่อพระโยคาวจรแรก เรียน และกำหนคเอาซึ่งนิมีคค่ในปริมณฑลแห่งปฐวีกสิณเบนอาทิ อารมณ์นินิชื่อว่า ปริกมุม นิมิตต็่ ภาวนา นินิ ชื่อว่า ปริกมุมภาวนา เมื่อภิก!แห็นซึ่งนิมีทค์ควยจกษุ อนคือเอาควยติ ควยจิฅฅนินิและน้มิฅฅ์นินิมาส่ทิ แจ้งแห่งมโนทวาร อารมณ์นนชื่อ , ว่า อุคฺคหนิมิตต็๋ ภาวนานนเบนสมาธิก่งมนเบนอ'นคี เมื่อภิกษุมาพากเพียรเจริญนิมิฅค้นน ปรากฏ วีเศษประหลาคควยสิสณฐานรุ่งเรีองสุกใสออกกว่าเก่าไค้ ®0 เท่าไค้ ๑ 00 เท่า อนเกิดแค่ภาวนา อารมณ์นินิชื่อ ปฏิภาคนิมิตต บงเกิดแล อุปจารภาวใเา อนกล่าวคือกามาพจรสมาธิจิคคอ*นใกล้จะละเสียซึ่งอนคราย จำเติม แค่ไค้ปฏิภาคนิมิฅค์นินิ ก็สำเร็จแก่น , นิ ปฏิภาคนิมิคฅ์นินิ แห่งพระโยคาวจรอนสองเสพเบน ควย อุปจารสมาธิ , นินิ ก็ถึงชื่งรูปาวจรปฐมฌานนินิแล
  • เชี)๐๘ แค่นนิไป ปฐมฌานแห่งพระโยคาวจร อไ4จำเริญให้ยิงขั้นไปนนจะประค่บควยวสี บินชำนิชำนาญ ๕ ประการ คือ อาวชุชนวสี ๑ สมาปชุชนวสี ๑ วุฎฺฐานวสี ๑ อธิฏฺฐานวสี ๑ ปจฺจเวก- ขณว ส ๑ เบนวสี ๕ ประการ คือชำนาญในการพิจารณา และเข 1 าสมาปกและออกสมาบฅ และ อธิษฐานเมื่อจะเขำฌาน และพิจารณาในฌานน , นิแล ปฐมฌาณนินิประกอบค่วยองค์ ๕ ประการ คือ วิตก วิจาร บติ สุข เอกคฺคตา องค์แห่งปฐมฌานมี ๕ ประการเท่านิแล พระโยกาวจรเจริญให้ละเอียค ละเสียซึ่งองค์อนหยาบ มีวิคกฌนทนิโคยลำค่บ ก็จะ ไค้ซึ่งทุฅิยฌานเบนฅนขั้นไปจนถึงบญจมฌาน โคยลำคบคามสมควรแก่วาสนาบารมีนินิแล แสคงสมถะกมมฏฐานคามวารพระบาลี โคยสงเขปกถา ก็จบสมถะกมมฏฐาน ๔0 ประการเท่านิแล อณูชลึ สิร สา ปณาม แก่แกวมกุฎทงสาม อนงคงามประเสริฐโสภณ สำแคงแท้ กิจพิธี สมถะวิถึศุ ภ ผล ย่นย่อคามขํอสากล ม่อนปรนแต่งแลวแต่พอควร ท่านสมถะผู้ชำนาญ ไค้อ่านอย่ายมแยมสรวล สอบไล่พระบาลีคูจงควร อย่า เพิก ต่วนคูเบาในทางธรรม กิคจงคีที่จะ ระวิงไว้ อย่าให้จิคค์ผิคเพยนถลากถลำ จะเสียจริฅผิคในทางธรรม จะเสียกมมฏฐานกำเริบไป วิธืเจริญทระวิบสสนากมม่ฏฐาน บคนิจกไค้กล่าวในพระวิบสสนา ให้พระโยคาวจรแจงไซร้ ซึ่งวิบสสนาญาณบริหาร ไว้ คามไค้ล่งเกฅในพระบาลี พระธรรมเบน นํย สาคร บวรวิภํงค์รํงษี ถึกลบละ เอีย คแสนทวิ อนิมีในหองวิบฒ นา ยากที่จะว่า ให้เ ขำใจ จะรู้ ไป ในล่งขาร์ ถึงผู้รู้วิ บสส นา บ ญญาโลกีย์มีมลทิน จะพิจารณาไป ใน ล่งขาร เห็นว่าญาณจะรู้ไปไม่สีน เพราะว่าล่งขารเศรำหมองไปควยมลทิน ไม่สนในทางวิบสสนา เปรียบคงกระต่ายควเพลีย ไค้เลียแต่นิาค่างบนใบหญา นาในสมุทรกงกา ลึกกว่างนกหนาพน อนนคร 1®๐๙ พระวิบสสนานรู้ยาก บุญมากจึงจะรู้ในเบญจขนธ ลกลบสนสรรพบุกซน ผูกพนซํบ ซอนในสนกาน เกรงกล' วิที่ชว้แก่ , บุเหบุ - คอ อุป กิเลศ ซน ไพศาล จะ เศฑั หมองในกลองญาณ จะ บวยการเกินไปมิใช่ทาง ให้เห็นว่ากีเบนที่รก ยงนกแม่นมนในอางขนาง ให้เพียงผูกไว้ที่ใช่ทาง จะหมองหมางมลทินในวิญญาณ จะให้เกิคทุกข์ขนธมาร '■สนกานเกือกรอนเบนบุกขา ให้รกเรอรุงรังในวิญญาณ วิบสสนาใช่ทางแห้งญาณแล ในวิบสสนากไ)มฎฐานมิวิสุทธิ ๗ ประการ กือ สืลวิสุทธิ ๑ จิตฺตวิสุทฺธิ ® ทิฎฺฐิวิสุทธิ กงฺขาวิตรณวิสุทธิ®.มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺซิ® ปฏิปทาญาณ- ทสสนวิสุทฺธิ ๑ และ ณาณทสุสนวิสุทธิ ๑ ครบ ๗ ประการฉะนแล มิพระไกรลกษณญาณ ๓ ประการ คือ อนิจฺจลกฺขณ ๑ ทุกฺขลกขณ ๑ อนตตลกฺขณ ๑ มิพระอนุบสสนาญาณ ๓ ประการ คือ อนิจฺจานุปสฺสนา ® ทุกฺขานุปสุสนา ๑ อนตตานุป๋สฺสนา ๑ มVIบสสนา )๐ ประการ คือ สมมสุสนณาณ ๑ อุทยพฺพยานุปสุสนา ® ภงคานุปสสนาณาณ® ภยตุปฏจานถกณ® อาทินวานุปสฺสนาณฺาณ® นิพฺพิทานุ- ปสสนาญาณ ๑ 'มจฺจิตุกมยตาญาณ ® ปฏิสงฺขานุปสุสนาฌาณ ๑ สงขารุเปกฺขา- ณาณ ® อนุโลมฌาณ ® มิพระวิโมกข์ ๓ ประการ คือ สุณณตวโมกฺข ® อนมตตวโมกข ® อปฺปณ- หิตวิโมกข ๑ มิพระอนุบสสนาวิโมกข์ ๓ คือ สุณญตานุปสุสนา ส อนมตตานุปสฺสนา ® อปปณิหิตานุปสุสนา ® จะแก้ไขในวิสุทธิ ๗ ประการนนก่อน สลวิสุทธิ นน ให้พระโยคาวจร ผู้มิพากเพียรปรนนิบฅพีงพิจารณาซงปริมณทล แห้งคืล ให้เห็นบริสุทธทง๎ ๔ ประการ คือ เส)๑๐ ปาฏีโมกขล่งวรศล ๑ อินทรืยล่งวรศืถ ๑ อาชวปาริสุท?ศล ๑ บจจยสน- นิสสิตศล ๑ กรบท , ง ๔ ประการน ชื่อว่าพระ จตุปาวิสุทธิศล ถาศีลทง ๔ นบริสุทธไม่ด่าง พรอยร่อยหรอหามลทินมิได้ กวรจะเบนที่ดั้งแห่งกมมํฏิฐานนน จึงชอว่า สลวสุทจ แล จิตตวิสุ ทธิ น 8 น ให้พระ โย กาวจรเจ้าพึงพิจารณาใน จิก ค้อนเบนสมวิริ ทง ๒ บ่ร ะ ศวิร คือ อุปจารสมาธิ ด อ!]ปนาสมาธิ ๑ อุปจารสมาธิ นน คือ จิฅค้เบน เอก คค ตา ใน บุพพภากดนทางแห่งปฐมฌาน ย , งประพฤทิเบนไปในพระกมมฎฐำ น ปฐมฌาน?-)งมิไค้บ' 3 เกิด ช 0 อุปจารสมาธิ และจิกค้น , นจะใกล้ไค้ปฐมฌาณและ อปฺปนาสมาธิ นน คือจิฅค้อนเบน เอ- ก 0 คค ตา ในปฐมฌาน ทุทิยฌานเบนอาทิ ชื่อ อปปนาสมา ธ กอ จิก คอนได้พระกมมฏิ ฐาน แลวเบนองค้แห่งฌานท , งปวงแล และจิกค้สมาธิดั้ง ๒ ประการน ชือว่า จตตวสุทธ ทิฏฐิวิสุทธิ นน พระโยคาวจรเจ้าดั้งอยู่ในสมถะยานิกะแลว พึงกำหนดบญญาจิบส ส - นาลงให้เห็นซึ่งนามธรรมและรปธรรม อไแบนล'กบณะแห่ง จิฅตกามาพจร จิตตรูปานจร และกำหนดเอาซึ่งองค์แห่งฌานมิวิฅกเบนอาทิ และเจฅสิกอนเบนสมปยุคดธรรม เกิดพรอมคับ พรอมกบจิฅค้นิน นินิพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่าจิคค้นิมีส่ทษณะดํงฤา อาศยซงส็งอนใด จึงประพฤสํ เบนไป ให้เห็น'ว่าอากยหท'เยรป และหทยรปนนอาศํย/เดรูป มหาภูครูปบงเกิดเมินทิอาศ?) แล" กำหนดเอาซึ่ง อุปาทายรูป ๒๔ อนอาด?) มหาภูตรูป ๔ และ วณณะ คนธะ รส โอวิด ประสาทรูป ๕ และ วิตถุภาวรูป และ อิน ทรยรูป และ เส์ยง ๒ประการ อากาศธาตุ โดย ส่งเขปในรูป ๒๔ และให้กำหนดเบญจขํนธิทง์ ๕ และนามรูปทง ๒ ก่กนเหมอนดงทะลา?)ด''ล ทงกู่นน พึงให้เขมิใจว่าใช่ส่ฅว์ใช่บทคล นามรูปพากนท่องเที่ยวอยู่ในภพทง ๓ นิ ดงมนุษธ! สำเภาลอยไปในมหาสมุทรอาส่ยแก่กนดั้ง ๒ จึงเที่ยวไปไค้กเหมือนกน ถาเห็นโดยแท่ควยจิบสล- นาญาณดงนื จึงชื่อว่า ทฏฐิวิสุทธิ แล กงขาวิตรณวิสุทธิ นน พระโยกาวจรเจ้าดั้งอยู่ในสมถะยานิกะแลว พึงกำหนภ พิจารณาให้เห็นบจจ้ยแห่งนามและรปดั้ง ๒ นน , จงแท่ ว่าสงใดหนอเบนกุณุปการแก่รูปนาม พึง เห็นโทษในกล่าวอเหด จิสมเหก และเหตุอนเบนกุศลและอกุศล และพิจารณาดูทิจะพนราโ ทุกข์นน ดุจหมอยาเห็นโรคกาใเไข้ร้แน่แล่ว แสวงทายามารกษาโรคแห่งกนไข้นน และพระโย กาวจรเจมิเมื่อพิจารณาก , วยจิบสสนาญาณ แสวงหาเหตุและบจจยแห่งนามและรูบ่นน กเหนดังน เต)๑® ซึ่งธรรมที่งหลาย ๔ ประการ คอ อวชชา ® ดส! หา ๑ อุบ่าบา บ ๑ สรร ๑ ทง ๔ ประ การนเบนเหฅุ เหฅุว่าเบนบจจโ]บงเกิคขนแห่งรูปธรร และเห็น'ซึ่งอาหารเบนบ่จล้ยอุบ่ก้มก์อ'1 ช เหฅว่าอาหารนเบึนบ่ จ จย่อปถ]]ภกา'ชูไห , นามแล!ะรูปเจรญไ'ป และพระโยคาวจรเจากกระบา ซึ่งกำหนคในบจจโ]แห่งรปกงนว่า ธรรมบง ๓ ก 0 อวชชา ตส!หา อุป่ ทาน ประคจคง มารคาเบนท้อากียบงเกกขนแบงบารก กรรมนเหมอนกบบกาใหบารกบงเกก อาหารนเหมลใเ แม่นมที่เลยงรกษาทารกให้เจริญไพบูลยไบ่ และบระโยกาวรีรบงบรีารณาชงบจจยแหงนามกายกวยนยเบนน'นแลว วารีกบุอากย ซึ่งรปที่งหลายแล้วบงเกิกขน และล้กธฺ[วิญญาณ อนรูควยจกษุบงเกก พระโยคาวจรเม 0 พจารณา ล้ว์ยวิบสสนากระบำสน'นิษฐานเขาใจฉ ; ะนแ'ลา วาธรรมบงหลายเหลานใน 0 กก อนาดด บจจุบน ประพฤติที่เบนไปเพราะบรีรี‘ยกงน แท้รีริงเมื่อพระโยกาวรีรเล้าพิขารณาไปในบ'โ 1 แห่งนานแกะ รูปฉะนแล้ว บญญาวิบสสนาและปรารภซึ่ง 0 วิชชา 0 นบกกังโ น เ 0 งก้ 1 ล้า อาคมาเกิกกายใน 0 กึก กาลช , านาน ไค้เสวยทุกขเวทนานบไม่กวน เพ 0 พิจารณาไป วจกจ , นา ความสงสย ®๖ ประการ อนปรารภซงเหก 0 นชา บง ๓ ก 0 อนชาใน ชิดด อ นา คด บจขิ บน และสงสยบงปวงนน พระโยคาวจรกสลกกกเสยไมสงสย [นบจจยแหงนามและรูบ่แะน พระวบสสนาญาณแหงพระโยกา วจรเล้า ล่วงเสียซึ่งสงส โ] ในกาลบง ๓ ข่ามพนสนเท่ห์สงสยไก้แท้กังน ไค้ซึ่ 0 ล้า กงขาวิดรณ- วิสุทธิ แล มคคามคคณาณบสสนวิสุบฺธิ นั้น พระวิบ่สสนาญาณแห่งบระโยการจรเจา รู้ไบ่ ในมรรคและใช่มรรกเบนทางผก บ่วยการ ลำใ]าก เสีย เปล่า อนงรู้ไป [นบ จจยกำ หน กมาแลรนน และรู้ในส*งขา ร ธรรมประกอบในรุ!มิบง ๓ และปรารภ ซึ่ง เบีญจขนธ์กั 1 มิกัเ อ ดื ต อนาคต บ่จจบ้น และย่อมเข่าซึ่งรปธรรมกจยสามารถเมนกลากัมบ พอ น เม 1 ม 1 สา^ ไมเบยง กรย อรรถว่าแปรปรวนไป รู้สนสุก'ไปเบน ทุกขํ มีทุกขเรบาเา ควยอรรถว่ามีภยพิงกลร เบา 1 อกัค้ ตา สญเปล่า ควยอรรถว่าหาแก่นสารมิไค้ ในเบ็ญจขนธ์อนระสืบก่ 0 ไบ่สนกาลกั 1นาน 'และเม 0พ ระ โยคาวจรเล้าพิจารณาเห็นซึ่งหระไกรลกมล 1 ญา'ก วยส ม 3 ' าแเ และเหนเกกแลรกบหายกรย อุบ ยพย ญาณ นั้น ก็เห็นควยสามารถรู้ซึ่ง 0 นกรายกึ 0 วิบ่สสนูปกิเลส อนจะให้เสร่าหมองแห่ง วิบ่สสนาญาณ ®0 ประการกังใเ โอภาโส ให้เห็นสว่างแจ่มใสงามรอบกอบ ฏืติ : ให้เกิกกวามอินคกว่าปกกํ บสสทธิ ให้สงบกายและระงบจ่กก์กว่าบ่กกิ อธิโมกโข ให้มีอินทรึย์กรทธาอนก ลากวา บ่ กก บคคโห ให้มีกวามเพยรมากกว่าบ่กกิ ให้เบนสุขมากกว่าปกกึ ญๅเมู๊ ให้บงเอิกญาณรู้เกินกว่าบ่กกิ อบฏฐาน์ ให้มสอิมากกวาบ่กก อุเบ่กขา ให้มีจิกก์เบนอุเบกขามํธอกมากก วา บ่ก ,1 นกนด ให้มีคัณ.ห- หัก' ไห่ซ๘Vฟ่เหห™!อันนิ'"ห™’น่น 1 .บิ'อุป™'"' '- 1 'นิ™’ 10 0 -™ฟ้ป๋ 99 ห#๒!ห*ทู้ รุ้ร์งุห™™'''’-ายก้นเป็น™™”อ'"’ะ 1 ™’'" เบนแท้ฉะน ชี่ อ' ว่า ม่คคาม 6 คคณ'าณท่ , ส สน: วรี™ ปฏปทาญาณท•๒ นา สุ™ น'’น?;อ ขาหํป็ 99 นาญาณ™ - นิ’' ๓ ’ ™''™- ญาณเบนกน มีส*จ่จานุโลมํกญา&นบนกี่สุก ญาณ ป้ญญาอ่น์ใหุ้ไปไนห™™น''™™ 1 ๆ นิ 0 ’""™'’ '"''นิบน” 1 ' 1 นิ’™ เป็ญ่หันธ์ท.งห่า ญาณนนชอว่าอุทฺขหฺยานุปสฺสนาณ™ ญาณ นญญาอ่น์ใครุ้พนาา™น™''ญาณ แ 9 ณพ่งเล็งน''’ห็น 5 ’’ ,1 ™น'™ นิ ,5 ' 1 ทำ 9 ายค-บ 9 ญ ญาณนนวิเอว่า กาคานุน''น นาณาณ ญาณ ห้ฌณาอันเพ่งเล็งน 9 เห็น™™™™’™™’’™' 1 ' 51 ' 1 ® 0 ™ 1, ''? ทำ™ ะ32.าอ2—” ญาณ นนชึ๋อ ว่า ภยตุบฏฐานณาณ ญาณ ป๋ญญาตัน' ได ค้นเพ่ง เล็งน 9 เห็น™'1™''นิ ,1 9 'ง™’ ห™ น™ 81 ' 11 ‘ หร,5เพ่1 1 ล็งแ 8 คุคัง นน. าห้นปร่^คัหี'.นอนไฟไนห็ญ 1 ณนน™’ 1 อานน’ 1 นุนส สุ’'™™ ญาณ บญ ญาอ่ น์ไหุ้เห็น'ไป , ใน 9 ง ขา รธ’™™น'' 1 ''นี โทษ อัน''น'น็น 1 • เล ”‘ ะน ™ สามารถ เบื่อ หน่าย ญาณ น้นชอ นิพพทานุ่ บสสนาณาณ \&)&) ญาณ บญญาอํนใกร้เห็นไปกํวยสามารถปรารถนาอนจะพน'จากธรรมทงหสาย อน ประกอบในภมีทั้ง ๓ น , น ประอุจอังว่าส'อวิทั้งหลายมีปสาเบนอน' อนอกอยู่ในข่าย และแหนน ญาณนนชื่อว่า นุจจตุ่กมฺยดาณาณ ญาณ.' บญญาอนใกรู้เห็นไปในส'งขารธรรมทั้งหลาย'มี'โทษอนอนเห็นแลว แสวงหา อุบายที่จะพน อวยสามารถอนพจารณาเนอง ๆ ประอุจก'งว่ากานาอันกลืนปลาอคคอ ปรารถนา จะใคร่พนจากทุกข์' ญาณนนชื่อว่า ปฏิสขานุฃสสนาฌาณ'- ญาณ 1แ บญญาอันใกอนเบนไปอัวยอาการอุเบกขาในอัง ขา รธรรมทั้งหลาย มี โทษอัน คนเห็นแลว ประอุจกง ว่า บุรุษมีภิริยาอนกายญาณนนชื่อว่า สงุข ารุเ บกขาส เาฌ ญาณ บญญาอันใกกิอวิบสสนาจอค์ อนอักเสยซึ่งกระแสภวังค์' สองขณะ สามขณะ ในลำอับจํอค์อนพิจารณาในมโนทวารและปรารภเอาซึ่งอนิจจอั กษณ ะเบนคน อันใคอันหนึ่งทัง ๓ ด 1 ขนด , วิ ย'ชื่อ' ว่าเม ริ'กรรมและอุปจาร .และอนุ'โลม , ใน ที่ สุอเแห่'งอัง , ข'ารุเ , มก ข' าญา!ณแอ่ I กา 1 สนน ค่าย กิกว่ามักกญาณทังเกิกในกาลทักนิแก่เรา ญาณนิเบนกำรบ ๙ ขอว่า สจจานุโลมิกฌาณ พระวิบสสนาญาณทั้ง ๙ ประการนิ ชื่อว่า ปฏิปทาณาณทสสนวิสุทธิ พระวิบสสนาญาณอันรู้เห็นในพระอริยมรรคทั้ง ๔ ขอว่า ณาสเทสสบาสุพธิ แส สำแดง มา ในพระวิสุทธิ ๗ ประการโดยส่งเขปจบเท่าน พระโยกาวจรเจ่าประกอบ ศล สมาธิ บ ญญา ปรารถนาซึ่งพระอริยมรรคอร๊ย ผล ’ ออสาหปรนนิปอในพระวิบสสนาอุระเหมอนคงพรรแเนรมาน โกอรภูจิออแหงพระโยคา ว จรเจา น่น ก็จะ ปง เกิกขนในลำกบแห่งอนโลมจออ อนบงเกกกอนนนหนวงเอาขงพระนพพานเบน อารมณ์' ล่วงเสย ชง จกกอนเบนโกอรแหงปุถุขน หยงลงสจกออนเบนโกอรแหงอรยเจากเกคขน พระอรยมรรคก็'จะเกิกขน ในลำอับแห่งโคอรภูจอค์นนแท้จริง พระโยกาพจรเจ่านน จะรู้โคย รอบกอบซึ่งทุกขอัจจ์ จะละเลืธซึ่งสมุทัยสัจจนน ' โกยสามารถเจริญมักคอัจจ์ ผลจิอค์ทั้งหลาย สองก็กิ สามก็กิ จะปงเกิกเบนวิบากแห่งมกคจออนนแทจรง หนวงเอาซ‘งพระนพพานเบน อารมณ์ ก็ทังเกิกขนแค่กาลนึ่นลำแกงมาในพระวิบสสนาอัมมัฏฐานโคยอังเขบ่พอเบน 1 รองราา จบแค่เท่านิแล ‘9 บดนจะสำแดงถกษณะพระบสิ ๕ ประการดงน พระขุททกานติเจา มีอุปจารสีขาวฅ่าง ๆ มีลกษณะ ๔ ประการ ให้มีนกง แลหนก แลเย็น ให้ขนลุกหน'งทีร์ษะพองสยองเกล่าปฐวีธากุ พระ ขณิ กาบติเจา มีล่กษณะ ๙ ประการ อนึ่งเกิดในจกขุทวารนึ่น เบนสายพา แลบเบนประกาย เหมือนดีเหล็กไฟน 1 นก็มี อนึ่งเกกในทวารนน เบนคงปลากอกกมี อนงเกิก เหมือนเอ็นท้าอ็มื อนึ่งเกิดแสบทำกายให้กายแข็งอยู่อ็มี อนงเกิดกงแมลงเม่าบินจบไก่ขนทีกวก มี อนึ่งเกิกรอนทวกวและ เกิดในหำใจนน สนอ็มี ไหวอ็มี และเกก , ไนกายกเห็นเหลือง และ ขาวก่งไฟไหม้นาม'นยางลามไปที่นาอ็มี พระอุปจารนนสีแดงค่าง ๆ เฅโชธากุ พระโอกกนต็กาบติเขา มีล่กษณะ ๖ ประการ อนึ่งเกิกก่งฟองนานนอ็มี เบห นากระเพื่อมนนก็มี เกิดก่งขี่เรือกองละลอกก็มี เกิดก่งไม้บกไว้ทีกลางสายนาไหลล่นระรวอยูอ็มี เกิดก่งหำใจและทองน้อยผกผํนอย่อ็มี พระอุปจารสีเหลองอ่อน และสคอกผกกบและสแกวผลก อ็มี อาโปธากุ พระอุพเพงคาบ ติ เจา มีฌั] ษณะ ๒ ประการ อนึ่งให้กายสูง ขน ให้ กายเบา ให้ กายลอยขนให้กายเขิบ ๆ แยบ ๆ เสมือน' ไรไก่ อ็มี ให้ลงทองเบนบิดก็มี ลางทีให้เบน ไข้ อยู่อ็มี พระ อุปจารสีข รม สีนุ่น สีมุกด์ วาโยธากุ พระผรณาบสิเจา มีลกษณะ ๖ ประการ ให้กายนนพรายอ็มีเกิดให้กายเย็นประกุจ อาบนาอ็มื เกิดให้กายเย็นซาบไปทำกายเสมือนลงแช่นากมี พระอุปจารสีเขยวกราม สเชยวใบกอง สีเขียวมรกฏอากาสธากุ พระขุททกาบติเจา นึ่ กืคูพระกกอุสนโธ เบนไก่มีลกษณะให้ขนลุก หนงหวพอง สยองเกล่า ปฐวีธากุ ๒® พระ ข ณกาบติเจ 9 า นึ่ทีอพระโกนากแเบินง มีล่กิษณะพร' 1 ยเหมือนประกายกีเหล็กไฟ เกโขธากุ ๖ ประการ พระโอกก 0 นสิกาบติเจ 9 า นึ่ดีอพระกสสปเจาเบนเก่า มีพระลกษณะให้กายโยกโย้กาย โยน เหมือนขี่เรือกองละลอก อาโปธากุ ©๒ พระอุพเพงคาบสิเจา นึ่ คอพระสมพุทธโกคมเบนวำ มีพระลกษณะให้กายสูงเงอม ไปช่างหน้าช่างหล”ง วาโยธากุ ลม ๗ กอง 1๙๑๕. พระผรณาบสิ เจำ น คือพระศรีอริยเบนพระยา'ราช!สี'VI มีพระลกษ ณะ ให้ยิบๆแ ยบ ๆ เหมือนไรไต่หนำ อากาสธาคุ ๑0 พระบติเจำทง ๕ จด เบนธาตุ ธาตุสิน ๒® ธาตุไฟ ๖ ธาตุนา ๑๒ ธาตุลม ๗ ธาตุอากาส ๑0 เบนคุณ พระ พทธเจ้า ๕๖ แบ่งออกเบน ๒ ส่าน เบน ๒๘ เอาอากาส ® ๐ บาก เบ น ๓๘ เ บ น พระธรรม เจ้า แลวฅง ๕๖ ลงแบ่ง ๔ ส่วน ออกไต่ ๘ เบนคุณพระสงฆ์เจ้ากน คุณพระพุทธ ๕๖ กณพระ ธรรม ๓๘ พระสงฆ ๏ ๔ รวมเบนพระคุณ 60๘ แลวตถุ ๖ ประการคอ จกข!ตฺถุ โสตวตฺถุ I ธาตุไฟ ๖ ฆานวตฺถุ ชวหาวตฺถ หอ น 1 กายวตถุ หทยาตุคุ ; จกขุรมมณํวา โสตารมฺ มณํ วา ฆานารมมณํวา ชิวหารมฺมณํวา กายารมมณํวา จิตฺตารมฺ มณํ วา มนารมุมณํวา ธาตุนา ๑๒ ธาตุสิน ๑๒ อากาสธาตุ ๑0 ให้พระโยกาวจรเจ้าร้คุณพระบรบท''สก า เจ้า ๕๖ และคุณพระลักบณะ พระบทิเว'' ท้ง ๕ เนิน ๕๖ เท่ากน ให้บ่นทักโกฒท้เด็ก สำแกงพระฒัฒ่ หะ3กํเท้ท่างๆฑ่ง็๕ พระบกิ โคยลังเขปกถ าจบเทานํแล คอ ธาตุลม ๗ ประการนน *4©'๖ 0 ทุ,หนุมนุทา เทา!น;ทป๋?"ศฺ" ทุทุ'ทิทํ เส 0 ต ’ อต ’ ล ” นต - ว1

    สมาเสน คณา?กนค กมุมอุราาเ ส 1 '. 1 'ชิ'' 0 กรลฺส' 1 '™ ฯ

    กฤษดาญชสื ประณมกมกาอก 1 ™ 1 ที 1 ™ แณ่เค้า 1 ™ 1 " คุณอคุอย์เอิก ประเสริ]กว่ากา 1 'ทหอสาไ™ พรทมมํนอำเทรารีสา ขา ประณาม ๓ พระกุณหืมนบสุ , ค องค์พ'!ะพุทธ พระธ พระสงฆอุเสกขา - น,!านา11๗1๗ทามป็ก-ไท้'ท'"”"’'ทื""สงสงกอ™ ทุ้ บอกผุ้หึยืนให้ชอบค'” อย่าเพ่อ'ค่า!นอุเบา ,ใา ^ทางธรรม พระกทมั ฎฐ าฟ้ *0 นน บอกเริ"นไห้*®™ า ให้งคาองทา^
  • อย่าให้พระกมบฎฐานกำเริบใบ่ 1 ๗ ๗ ไ™า;แม่นในทระสมก™ 1 ฃั}™ -ะริป๋สสา™ไพ่ " ส™คระแสใน1๗ไท้ราสุ™'"' ™ทา 101 -;-' 1 ที'™ 1 '" , ”' พระก่ม่ม่ฎฐาน ไ!)หาท่านหุ้รุ้กรุกา 0 ' 15 ถามกา 1 บ่ 1 ทท้ทํทีไทท" 0 ”' , 1 11 สำแกงมาท้ฟ้แกทอเป็นเรืองรา 1 .กามทระมาป็ย์'งไ™ 1 '™กนอามม่า 1 ทัก ท 11 ไ“ท 1 ' พจรเจ่าพิงศึกษา พิจารณาไท้ริกถา 1 ออกไ , )ไท้ 11 อทท' 1 'ทํท สำแดงในปกืณณกถา 8 ทและวิชิ 1 ก 1 '' 0 ” 10 ’ 0 บ่ก์น้จะกอ่าว่ไนปกํณ“กกกา .แก้ไท™ 11 ท™ 1 ท;ทีท่'ทีท่'“ "' ๒ " " ^ พึ, พึ, I ๗๗พึ เป็นทา 1 ร 11 มไท™"ๆเป็นทางกท 1 )“ท'''' จะพืงแก้น -ไท้ 11 งมไรกฬุ่/ 0 '"11™ I7 าา๗!ไทีมอก เรือ ทไ™ 11 ''ทชิ 1 *^ '''!! 2 พึไโ๗าก้อ แสะอ 1 ™ 11 อา 1 ) ก้ก้ อท'3"ท'' ท่” ก™ พึม่! ๗ ท"'™' ท , )” 15 ' 1ใ ท้ "ท 1 ’ 15 '’'")" , เวท นา จะให้ระงมไร กาพาส ไทมอ่า 1 ๆทท'ทํท ไ©ชิฟ่ ใบ้รู้บาปธรรม ®๔■ต' ให้พระโยกาพจรเจ่า ร้จกบาบ่ธรรม ®๔ กวนจงจะเขาใจระงบโทบโก โมโท กึอหลง อหีริกํ มละอายแก่บาป อโนตฅ่ใเบํเ มิกล'วแก่บาป อุทธจฺจํ ลกุ้งใจ พุงสราน โลโภ โลภ ท ส8 ถอ มน มาโน มาน โทโส โกรธ อิสสา ฤษยา ม 0 จง์Vริยํ คระทนี่ กุกกุจจํ กนแหนง รำกาญ สม กระกาง นกทู มทธ หลบง่วง วิจิกิจฉา สง•ย เบื่นบาปธรรม ๑๔ ควเท่านแส แก้ธาตุกำเริบวิปต ถากก : พบกั๊กั๊ ก ใฒง โปไร้ อษฎว่กา ศ เมอง ส™™วิ จืงอมิษฐานชุมนุมธาคุทัง ๔ กินทรํย์ * โพชฌงก์ทัง ๗ กึกิ อย่าให้รายออกกามทนน โม้ อธษฐานซากนลงในทอนเกิยวซากนนนเกก กรนจราะยกามที่ทังขนม 1 ธากุซึ่งกํนุร บ นน โ™ ซึ่งกำเรบนนจะเกลื่อนคาม ซึ่งโรกที่กล่าวมานน จิงห้ามมิให้รายขนม' 1 มาครว่าจะนายโ 11 กึก ให้เอาสก้กกรกบาลงโว้ มิให้ลอยขนมาโก้ กวาโรกนนจะกง 1 - 1 ® 0 อษฎากากเบ้องกา 10 0 บนนาภนี่วหนี่ง ๓ 0 ห้องหทัย'วคถุ ๔ 0 ห้องสมุกกอกลวง ๔ 0 โกกรภูห้ายทอย ๖ 0 อ'ษฎากากเบ้องบน ๗ 0 ทพยสูญนว่างกว ๘ 0 มหาสูญหว่างจักขุทัง ส อง ๙ ๏ จลสญน , อยปลายนาลก ที แห่ง น้ให้พระโย™รห้า พิงพํทรณา'โห่ฟ้เบ แลว พึง ษา กระทำ๓!™ย่างพ้ 1 © 1©0 0 ^ 0๑ ท ๔{ แห่4 เป็น กา พ่ห แก้โทสะ โม ทะ จตต์ เกิดวฅก ทท้กิ ถาโทค้ะกิถฅ็ใท , เกิดโมทะ เกิด วคกหนกกิด จะแก้ไห , กิกาย0 เหก้ธาเจกกิกทงปวงป1ะมาญ
  • 1©1©ซิ แก้โทสะโมหะจิตต็๋เกิดวิตกหนก ล่าโทสะจิตต์ให้เถิกโมหะเถิกวิตกหนกก็กี จะ แก้ไห้กลายลง ให้เอาเจตสิกทง๎ปวงประมวญตงในที่แห่งหนึ่ง จึงอธิษฐานระงบ จึงยกขนไปสูที ๕ เมื่อจะไป\4นอย่าให้ขั้นตรงทาง ทางเก่านนจะVเงน้ก ให้ขั้นทางซิกสนหลงจึงจะมืสู้รู้เง นีแก้ วิตกและโทษะจิตต์และโมหะจิตต์ แฅ่ที่เบาๆ นึ่น กร 1 นึ่ถึงที ๕ แลว ให้กงอยู่หน่อยหนง จึง ถอยหล่งไปจนถึงที่ ๙ น 1 น่ แล่วจึงปลายสวาสออกไปให้ไกล แลวเอาสฅิกลบลงไปฅงในทีหนง นนเล่า ให้ทำ ๒-๓ กราวกว่าจะไค้สุขนนเถิก แม้ให้บงเถิกให้รอนนก แต่สีงเทียวจะแก้ให้กลายลง ให้ประมวญเจฅสิกตามอย่างเมือ แรกนน แต่เมื่อจะขั้นจากที่ © ไปสู่ที่ ๕ นน อย่าเพีงขั้นกามทางหล'งก่อน ให้ขั้นตามทางกลาง ๓ ที่ก่อนแลวนำไปส่ที่ ๕ แล่ว่ถอยหล่งไปที่ ๙ อย่างเมอแรก จึงเอาสต่กลบลงไปตงที © นนเถิก ล่าทำถึง ๕ กราวแลว แม้นเหตุซึ่งให้รอนนนมิหยุก จึงให้หนีไปขั้นทางชิคสนหลงไปสู่ที เมือจะกลไ]ลงมาตงที่ © น่น ก็ให้ลงกามทางซิกสนหลงทางเกยวกนไณ ให้ทำ ๒ คราวอกเบน ๗ กราวตวยล่น ล่าเหตุซึ่ง'ไห้'รอนน่น่มืหยุค ให้พงรู้ว่าอาสนไเะกรรมจะงกถึงแลว ก็ให้ซ่อนอยู่ ในอนโลมนนเถิก จะใช้น็าสิโณทก ล่าจะใช้น่าสิโณทก ให้เอาน่าตงซงหนาแดวเอาพระนวโลกุกร ที่ง ๙ น่ไเ แก่'ให้ต่ง์ที ๙ ก่อน แลวจงไปกงที ©,๒,๓. แลวไปที ๕,๖ 1 ๗, ครงถงที ๘ ใหเอา ฅรงที ๘ น่น แล่วดงท้น่าสิโแIVเกน , ใ; ให้ทำ ๒ -๓ ท ถาจะใซ่สงใตกไต'ตุกอน ตามแค'จะ อธิษฐานเถิก ทำเหมือนล่นสน แก้เบนวรรณโรค ล่าเบนวรรณโรคจะให้เกลื่อน ให้เอาแม่มือกกเพกาไ; บริกรรม ว่าสญ ๆ ให้เต็ง]กลน;เลว เอาเขฬะทีติกแม่มอนไ; ทาทวรรณโรกนนสก ๔-๕ กรง บรกรรง] ว่าสูญ ๆ ควยหายแล แก้ลมขน ล่าลม'ขั้นเบองบนนก ให้จงกรง]แลวปรายสวาสจงไกลเทย'ร ใใ'ไเตมเหนอย จงไค้ จะขนนกเทาไต ๆ กพงตงท ® ขกท ๒,๓ ลงไป ขนขางไหนใหขกกวากขางนนเกก แก้ยอกข'ด ล่ายอกข'คฃาให้เบนเพลียไปก๊ก โห้ต็งกก จะแก้ให้นอนหงายกไก นง เหยียกเท , าพิงพน่ก้ก็ไค้ใ ห้ตงที ๙ ใหข'เกกอน จงสงลงไป;ทกงปลายเทาแลร เอาขนมาปราย แล่วส่งลง ไปปลายเล่ไ'ใหม่เล่า แล่วจึงเอาขั้นมาประหารเสียที ๗ เล่า ให้ทำเวียนอยูทีนกว่า โรกจะกลายนนเถิก ‘2 จะบาเพ็ญทาน สำจะบำเพ็ญทานสีงใค ให้คงที่ขาคบาปธรรมมน จึงจะไค้ผลานิ- สงส์มาท จะใชคาถา สำจะใช้กาถาบริกรรมที่งปวงนน ให้เอาคาถาตงที่ ๙ จึงเอาสมาธิวิถี ทบลงเถึค สำแดงทตง 6 แาใง ที่ ๙ เบนที่นำแห่งกวามยิงเคีท , งปวง และนำปฏิสนธิแห่งสตร์ ที่ ๘ เบนที่!กิคบญญาเห็นโทษ ที ๗ เบนทีประทารแห่งไทษท , งปวง เบนฅะบะเก 1 ชะคํวย ที ๖ เบนทีอคใจ เม่นขนติ กวามอคทน โสรจวะ กวามสงบเสงี่ยม ที่ ๕ เบนที่ช่อนเวทนาที่งปวงที่งขาคบาปธรรม เมื่อจะอาสนนะกรรม ที่งคบพิษงู ผง'างป'วง ที่ ๔ เบนที่หลบ ที่ขาครส ที่/มี)กะ ที่นํโรธส่จจ์ ร่วมกน ที่ ถ-, เบนที่ปฏิสนธิแห่งกุศลอกกลสมปยฅคธาค ที ๒ เบใเทีเกิคบาปธรรง)ทงง]วง.. คง.'ที. .เต ที ๓ เกคบำส่งนก อ'นํหกงพระพุทธกถ!, นน คือในร ะทว่างที ๓ งกถึงที ๒ และที่ ๒ โทแบใเที่ชมนงเธาค ที่ ๑ เบนที่ระงบเวทนาที่งปวงแล แกม่ วดศรษะ สำให้ปวคคืร์ษะนํกก็คื เบนบจจุบนโรคและบุราถเโรก และโรก พิปริฅที่งปวง แม้เวทนานน ยงพอจะแก้ไขไค้อยู่ ย’งมแตกมิราวก่อน จะแก้ให้ธาตุเบนปกติ ให้?างที ๑ [ขโรกออกไปทวาร ถามิออกให้นอใเหงายลง เอามิอทมขํคสมาธิยฦเทำขนเอาบญญา ส่งออกไปทวารเถึค กรนออกทวารแลว จึงเลื่อนขนมาคนา ๒ เบึนที่ชุมนุมธาตุในที่ที่งนน’,ยิง กรนเบนสุขแลวจึงชกลงไปที่ ® แควไขออกไปทวารเล่า แส่วฃใเมากงที่ ๓ ชกลงไปหาที่ ® แส่ว ไขเสยเล่า กรนไขชน ๓ แลว ให้ขนมาตง๎ที่ ๒ ให้เบนสุขแลวให้ทำฌานที่ง ๔ นม!,สิต สำโรกนนทใเก แก้มิพ็งแส่วํ จึงให้ยกหนีไปอยู่ใโเที่ และอนุโลมกว่าจะพนจาก กวามเวทนานน ใหธาตุทํงปวงคบกอใเ ให้ชวิ]]ทีมก่อเมิอภายทลง อย่าให้ระคโเปนควยธาก จงมิไค้มีกวาง]เวทนา กรนํธาตุทง ๔ สมปกุกท์สํวยช้วิค จึงบงเกิค!,วทมา กรนยกจุคส์ไปที่งที่ และคงง)อนุโลง]แลว ธาตุงางปวงสง]ปกุคคมกงเลยหากวาง]เวทนาจะเบยค!,บย , ท’! 1 มฎฎๅสมม,บ-ฐ-รม บ)บ')0า น ห,ให้ แม้โหนนเบาก็ให้-อาเ)ง™ทางตัเV.ลิ') ล เไปฅ็!ที 0 1ห่ก์ที ๒ เหที - อ -’โ’ 1 ร่ที ® นน อ่น่แเแห้,เห่'โทยเบาเล็กนอยง่ายที ล้เ'.ะแก้โร™เแวง ทิป™ตวาส'.ทียล้วอ ไว้หักเกิคโ™-I แก้ไข้เกเก ห่.ไข่หนักให้- 1 ลกอ' 1 รม 1 ' 1 ห 11 ว่แว 1 ' 1 ''ก'" 1 'กอใปอหุโเ'ม แฅผลก'ปลา นน ให้เอา,าอณุเศื™ะอม่าพิ!พร'.บ้าอารบล์เที!!ปเร็ว ลุ' 1 แห่'®ที“ว ออาให้ล 11 ™ที 11 !ที! หว ค่อยระมายลมแค่เบา ๆ แก้สอก ล้-แเอกนัก จ?.แก้ เข้ ฅ่ง่ที ธง!ป 1 อากุ™ตุกหัเร่ค้ไว้ ไหหล่ก่กุมํห่ห ล้ฒ่พ้งให้ธงไปที 8 แล้วลงไปแผ่นค้นเหล็กเล้!เวที 1 เข่า 1 เหล่' 1 แหห''™ห 11 เยาอ- 1 รมณ์หห่ว'® 1 ' 1 ลงไป ค*0ผูกพันไว้พงแล ๆ บต ๘ บ่ระการ คติงหทเยแล่วลงไใ]!แเถึงท้ ข้ แล;กลบม เชนคงบทส 3 ! 1 '' 1 ข่อ 1 ง ค แสวกลมขนไปศีรษะก่อน จึงลงมาทวคววนถึง!ท่า ๆ โลมาบ 1 ติ, มหาโลมามติ, คลุมแค่ผิวแน่ง ฯ ลงฆบติ, มหาลง'''แบติ, คลุมใน!นอ ว มพพวิณณบติ, มทา'บา' เพ'วิณณ มติ, คลุมใน!สน!อท ร สุขบ 1 ติ, มหาสุขมติ, คลุม'ในกระคูก ๆ แก้ข่ดฌาแก้โรคเกิดบ กาข ด าง ‘ใ กรนคลุมลงมาถึงกอแล่วิ ให้คลุมสงไปติ แสทวท ส' 3เทา ริะแลไ ขจุบแ?,ะ โ 7 าง ^1 ก็ไค้ ท่าขดพาให้ลงคามทา , ,ทวารพานน!ก่อ ถาโรคบงเกิดใ'ใ!ผิวทท 3 และบงเกคใน!ทอใสท เอ็น และกระคกก็ดีให้ยายไปคามฐานซงโรอบง’'' ก่อททใ สิ ค มิ!อบทอใใส 3 จะขาดบาบ่ธรรม ฒัจะขาคบาปธรรมททอง่ใท ท สอท ถามบงว' 3 '’บ่ ทถา 1 หุ'แป *1 2 .โ.'" .!•' 0 ,๓.ทีแท้ า1*1ภ!.'เองทรงทอานท ถาคงท'®ใท พ้งจงไ!เท ๕ พงสินแล ถาจะคงท ๗ อย่าคงลงครงทนท พ!กยงสงอ า 0 ๖ ' V **6 เ V I 4 ไ 1ราา ห!'‘ 114 ?ไนิ VI 0 นน นิ 4411*' คงทีใท้ฑนไ4ลง]ภหน่อยหนง ค3ท ง นน ถาจะค3ค ๕ เหท3บบเน ‘ ข]คบาปธรรมทงที่ ๑๔ ฅวนน อย่างVแหมึอนกแสนแล ๆ บ่ลกรสอาหาร ท่ ■เจ ะปลูกรสอานไร ให้คงท่ค้ที ๔ ขนมาV!'นอยหนง คงแค ปน ไ''- 1 ลน!ขำมากลาง แท่วมาคน ให้!บนสุขทง ๓ ทแลวให้ขาวแก่คทไ ขก ท!สอ ว แก้อดอาทารแก้กระ-)นกระ-วาข ถ'๒ ค01 หาวให้โ?โหใรทาอะฟ้ไพ้™ใหัเ๓ ถมา;ล่งปถาย่น-เส,,เศํ้นแ .ท่ว่ ชก.เภเ-พักถาวอน'5วอ๓!™'ให้'!าทุ' 1 'ชั'’'วีล่"นบ่’!"อีโนอี 1 , น ,ไ! เอาชิฬ่เชักท่ง ทิศ นนเอ้มาอีกลางลั้นน่น แล่ว์วึงเลอ"''ล่า'โปล่นสน"น'ล่ 1 แล่'ว'“ศใบ่ ว' ๕ น.แถก หายอยากรสอาหาว แก้กวะวหกระวายอวยท่ง็ชุ.™.)ธาคุให้'กํหกำล่ว์ท่'ว' 1 ว แก้อสวาส ๒ อย่าง อ่เ'สวาสน , นห่า" เก อย่าง ก้อล่อลา'โป ท่า อี ๒ "ละ อี “ 1 ™' ชำนงเงฒีอกำยชน่อวย ชิง ะ! เก้ออ้าแน่นอย่าาหท่า อ้เ™ก้อภ''าอะให้™อีนน 11 ”' ไ 1 ™™" จำนงกมล งสกหล่อยและย่อกาออว" ชิาทิเชิออ้า"''"อย่า™'กํ่า อ้แอ้อนอย่าโห้เวุอก’'โอ้’ 1 เทิยกํชิเศษล่ก้ แ๘งกย่า™ปวา ถ''-เยหนแค่-พ" •ะ นน ก้าออุ่ชโก้หาโ™อ่^อ''อ'' ค,น กํงทิ กํทิแ และ!ทิ ๗ ล่น อ้าหา-วอก.'ชิ™โก้ ก้าวะอลู่ล่า'ทำโอๆ ก้อี แห้ก้อศอ้า'"5- พนนาที ๑ มิไค้ จะV{งเสียแล ฯ ทิหอ้บ ทิชาครส ทิ เอ้ งกะ ทิาโโรธส'''ห ย่วภอ้า' อี"น อีป?"รล ""1"’ ร่วม กน เมอสำ] ๆ ท่วืยท่ายมวย คนทนมเทินเลย (ปฤษลเาะรวม'แลโ ฃะ1 ทำ บ สิว]ระวต แก้ สะท่าน'รอน, ทนาว วะทำบคํประว่อ้ท่า"อ่อี ๔ 'วี' , '” , แท่ 1 ?ว่องไม่พเท กํ แล่ว้หกํยอ ชิง™อรามาเอาทิ •ะ แล่วชิาเก้ยน’ , วาลาโปวนล่าอี ‘‘ 11 ''วี’ ""วี เอ้ากํยฺใกํท กํ เล่า แล่วิ เข™ ยู่'ในทิ อ นน เมอเก้ยนอ้างใน"ท่โห้อลาอ'วานอุ 0 "อ 1ขาง ''อ"” เหทิร่นกํลฺม อ้เป็นสุชแล่วก'อา'ก้อ อ้ย่งทิเทินลชให้ทำโปกระ’™''“อา’™วี’; ๓ ™ ๓ อ้งทิกลายไห้ชักเอ้โปสุทิ แล่วลาน'ลู่ ทิ'อี' 1 ว "ลวปฺลา" 1, ว’™'™ 1 ™นฺโบ่'®™ - ถา ที่! ๗ มิคลาย ให้ ชักเขาไปสูทิ ๕ แส่ วตงมทุท ๘ ทเคยว แห™™"'"™™ — , ทิ ๖ ทิ ร่ ให้ก่ง อยุไนทิ ๕ น'' น ทิเอียวล่ ก เ™ นา' อี' ล่อ ง"แก้ ส ท่านรอนลท่าน'’น’ ว'อี 6 ’ แก้เสน ขอกา เดา’วา'’ ล่าเล่นยอกล่อ'!วาาอ"™""™ล่อีวะ"" 1 น้™” 1 วี”" 11 " 11 เอ้ไป แท่ เบา ๆ แอ้วกฺมไก้ทิ คอ แท่เบาไห้ลน"นท่อ"อีากวะ ล’"' 1 บ่'''””' 11 " โห้ล่า”’'™" 0 " 1 ' , นนก™ กรนว่ากลายแอ้ว ให้ปลายสวาสอ'สีย มักเก้อโรอ แห้ว™™™าทิโร 11 โน้นว™ ปร่ยกํ.ฟ้น สุมเอ้'ไป’ไว้,แอ้ย่าวงทุกทิโห้ สมาชิท่าเก้อโนอี น’' ย่าท่ล่นศอล่ว"ล่"’''วี 0 "“ เจือชัน แล ๆ 1ชิ)ไซี) & แก้ธาตุทํ้ง ๔ ดบสญ ถ้าธาตุทง ๔ คับแล่วก็ค จะผคไปไต้ ๗ จม ลาสูญในสูบลม เขามาควยหีบก่อนแล่ว เอามอบคขำงหีบไว้ สูบ ขำงหับเขำมา เล่า แก่ไนปจ'' ณเ ต้ ยว ถ้าถ้งข้ม ทร สูบหับก่อนจึงหีบ แลวเอา อะอุ ททํ ไปสู่ ®ะ เห อ มถ้ วเ อา อา ยก อเห ' 1 โนม ' า สู่ อ กอน จึงยกไปสู่ อํ ให้ค'คกน ถ้ามไปสู่ อ 0 ก็ไห้ไปสู่ อา เก็ค อมสูบเข้ามามเบมชุมนุมธาตุ ให้พรอมข้างภายใน กว่าสมาธิจะคง แล่เวทงแก้ธาตุควยแล จ แก้ให้ ขาด รสราคาจะให้ขาครากะรสปฏิสนธินน อยาในกายกบวิเวคมมเมองกม ให้ยกชีวิฑนนขนไปเสียให้พนกาย คอ ให้ยกคี่คี่ ๒ ขํ้มไปสู่คี่ ๓ ก็ไต้ แม้มิถ’ 3 ค ๓ แก่พอพนหี ๒ สักหน่อยหนึ่งก็ไต้ แลวข้กเอารสราคะในคี่อยู่ คือคี่ ® นนไปเผาเสียแก่ในที ๙ นนเถิค จ สบลมเข้า ถ้าสบเขามาเท่าไค กให้ปลายออกไปเพานน ไวมกเกคใรก ถาปลาย ออกไปมากแล่ว ให้สบเถ้มาไว้บำง อนลมออกมากนน จะให้โทษสงใคนกนนนามไค แค สมาธิมิคงสีงเคียวนนแล ๆ แก้โรคเขาอบ ถ้นจะแก้ โร กเขา ผู้ คืนนน ให 1 เรวจนาในกอม ถามพงจงในชุมนุม ธาตุอินทรีย์และโพชฌงก์ ถาม้พงจึงยกหนึ่ไปอยู่คี่ขาคบาปธรรม คี่คัวเรา เ อ ง หัาจึคค์น้นมีคจาม เมฅฅากรุณาผู้ไ'ข้น 1 นพกอยู่ อารมณ์นนย่อท้ออยู่ จะท่าการนนมิเบน ให้ปลงอารมณ์ให้เบม อุเบกขา , ให้ขาคจากกวามรกกวา 3 'กรุณาก่อม จึงจะทำการม"มเบม กรนแก้เขาแลจ ใบ้' ปราย - สวา ส เสีย จง ทุก กรง แล วนงให้คัวเบนสุขใมคี่ท" มน จง ทุกคร 1 ง จึงจะมิเสียคัวไปควย ถ้มิทำ คังนึ่ คัวย่อมพลอยเสียไปควย มิมากแลว ก “วา โต โอ กา เส ติฏฐาบิ” ปรายสวาสควยแลว คงที ๗ ให้มนนายไปสมแล ฯ สญแ ตก ล่กษณะสญแคกมมคงอย่างบม อนสูญราวนนคงอยางกวขา ว คอก 1 ถาเ1, ^ ก ราวในคี่ ๒ และคี่ ๓ ไเนไต้แก่คัว ถ้าแคกในคี่ ๗ มม ไต้แก่ผู้มิกุณทงปวง กาใ นท ๘ นน ไต้แก่พี่'น้อง ถ้าในคี่ นน ไต้แก่บครทาระคืษย์นาท"งปวง ถาข้าวแก่สำบาก แก่แคกคาย แค่ว่าข้า เคือนหนึ่งบาง วนบาง ถ้าน่มิคค์กองเพลงขี่งนมาคาย ว ๖ " ๗ วนนน ๆ กง คะ กรนกนอาหารแลว ให้กลมมา ๓ คี่ แลวให้คังให้ขาครลอาม าร หน่อ ๗! งนน แต้วชกไป!!'๓ ๗ นน!™ ไข้ท่าวงทุกวันกึงกิน™งแพฺ๓หาโทษนํไก้ฒ อ่นภัหน. กึอ'ไห้(เหหํฅงตุ่ฒ่ทื อย่าให้เกึอนลงไปคา))น์าทืกกึนนน แต้วน่าไปทื ๙ แแ วิ 1®1©๖ นํงจกห นํ่ง์จ0หนน ให้คงที ๓ กาหมากหนง แลวยกขนมาบกหูซางซวากอ 14 คงฟ้าแล่วลงไปท I อยู่กำหมากหนึ่งเล่า แลวยกขนมาบกหูขวิงซายเล่า กรนกงเข่าแล่ว ยก ไปที่น 1 นเถิก ฯ แก้ลงท 9 อง ถวิลง ท องหน่ก ให้ลงคามสนหลงให้กง'' า ๑ จงซก แก'ก ๑ ลงไป'กวาวิ พองคาแค่พอถึงแลว ให้กำอารมณ์นั้นขนมาสู่ที่ © นั้นเล่า แล'วเอาอารมณ์'วิ!นกู่ที่ ๒ เล่า พิจารณากล่ามกวามสขแลวใหฬอใจเลก ถายงกใหคุมเอาอารมนเขนมาจ 141 า ๓ ถาเหคุนนยงม หยกเล่าจะน"งก็กนอนถึก ให้มสคิกำอารมณน'นไว1Iนก ๒ ก ๓ นนกวาจ"กลาย 'ก เกยว แก้ธาตุผก ล่าธาคผกอย่ ๙ าน ©๐ วนมีไป วิ)"แก ใหเลอนสมาธลงไปกงก ๒ ที่ ๓ ที่ ๑ แลวเอาลงไปนั้งทวารที่ประคูนน แลวจึงยกจิคคปรายสวาลออกไป กามกางทาาร นน ๒-๓ที่ ให้เอาอารมณ์นั้งไว้ในที่ประคูนนกว่าวิ'ะลง ซาวิ' 14 ๓ กำหมาก ล่าเบาขกให้ยกไปกากาง เบานั้นถึไค้ จะบอกให้ผ้อืนแก้ไข้ อนจะบอกให้แก่ผู้อีนมีไค้เรียนฬร'รรม จะไหหกเวฬน 1 น่นให้บรกรรมควย ถอนโรกนนระงบเรว คอไกลจงบรกรรมกวย อนกคา อนึ่งล่าเวทนามีกำล่งน่กถึคี ให้ครวจนาให้แก่เจากรรมนายเาร ใหกนไขยกขนนาแลาแกไบกร 14 ระงบเวทนาเร็วนกหนา ล่าแก้ผาให้ว่า โทบเถิกในกายทวาร ล่าโทษเถิกในใจ ให้ว่า โทษเถิกในมโนกวาร ขอพระธรรมเจวิจงมาประหารเสยซงโทษนนให้บริสุ 1 ' 1 ซ ควยเคชคุณแกว ๖ ประการจงมาเบน ที่พึ่งแก่-ข่าบคนเถิก ๆ แก้ ไข้ กินอาหาร มิได้ ล่าไข้มิไก้แกกราว แค่ ให้กินขาวมีไก้ ๙ ว 14 © ๐ วนแลวกค เคินเหินไค้อย่ จะ แก้ ให้ทำอารมณ์อนเกียวกือ อุเบกขา จิคคเบนอารมณมากงในกเกกร ส ก® ล่คที่ ๔ ขนมาหน่อยหนึ่งแลว เอาสมาธิน่าไปในท๊ ๗ แลวเอาไปสูทํ © เลา แลวชกมายงท ๒ ที่ ๓ มานั้งอย่ในที่ ๔ เบนที่สุกทีเกียว ที่จะหลบเวทนานนกามอย่างเก่า ออกปวบานพรหมวิหาร ล่าจะออกบว้บานพรหมวิหาร กรนกงจกร์กวยสุขแลว จึงออกสุขีแค่'ในภมีไปทฅิยะ กรน่ถึงทุคิยะ จึงออกควย อะเวรา แคทคยะไปนนออกขนกรง หน่า ให้ถึงพรหมโลก พอจใ] อะเวรา นน จงกลุมแค่พรหมโลกลง เอาขอบจกรวาบให เห็นจ*กรวาฬอย่ พอจบ อะเวรา แล่วจึงชอนลงไปกาม สิลาปฐพรอบลงไปเอาอะเวจควย 1®1ชิ30า) อฆวรา จบมมิงเก่า แลวจีงกล้บเข้มาล้งฒุ่ บริกรรม ล้วย ฬุให้สงบอยู่ใมฒุ่'‘ม"™'"’ ,1 ' 1 " หนึ่ง (จบ ออกคอกบัว บาน) สูบ สน เมํ่อจะใกล้ม 0 มนน จะนงนำ"ไอ้ จะนอนทำกํไอ้ให้ประมว"‘จ™" ท้งปวงเข้มาก่ง็อยู่มี ๕-■๖-.๙ ทใคทหมิงล้กอำหมา™มิ' จู'จู 0 ' 1 จู้ 1 ‘จู้ ะ ‘ม 0 ’จจู 1 จู'"หล้มจี , 'อำ แล้วให้อธ่ษฐานไวว่า อนบตฺต ส'" ‘ม’.' อันใกจะไอ้ลุขไอ้"กจ์จู‘"มจู 1 จ 0 ให้มาบ่รจู"ป็“อํ ข้พํเข้จังแท อมมิตฺต อ่น์ใคอันห"งอัมมิ™'มิ‘ห้ม่ม่ขอออุ่าให้มื“อ่’อ้า ว ค่ม์จู้ให้ 0 จู่"!™ จังทุกจัน อันผุเจคะเกม’นกีอ ลูบ"มจ่าง’ม 0 " เข้ไปทืค้ง'‘มล้ออู่™มา"™'‘‘"'‘จี' 1] ™ เ พจัจะใก"หฒมนแค่กุมไว้ อัมประมว"มมอือลูมจี™ม"™' 1 ล้า"'ม , ร่า 0 'ให้'ว่า ยมฺทุมฺม' 1 ตฺตํ จั'เลว ประ มว"เจ™™งปว'อ™ ๙ “"วมำใบ่อู่มื “ ให้‘มิจูอุจูอู่™ จี'"™ จู้'จู่ 1 อู่ ล้ยกํมาโทฟ้ไก้เลย เมิอมอมน^ง 0 มิ"!™“ล้ว ม"' V™ จัทื คล้นฅนขน จำลูบเลีย ล้าสมล้ยให้อ"ายใบ"มน ล้าสมอ้ให้จำ‘จี ญ" วา , จู",จู"ว"อู่จ่ นไป0ก 1,จัลีณ์ปวง อยู่ม 0 ""ม ล้มอุ"™ อังล้ 0 มใ 0 ล้ม 11 จีใม™" ™™™ คีนก ห่าม แก้ โรคหงห่วง อมจะแล้โรกท่ง่ปวงมม 0 อ่า“"‘จ' , นำ“"จู้ ว 0 ' "''มจู"อุ้อู่ม จะ เลียอัวไปกวยโจัก ผู้ใกบอกให้จัชา“ก้อัว ‘จา 0 ' “อํมีไอ้*จี™ล้ว' , ™ 1 ‘ม อัมจะแอ้‘จ™ม อย่าทำเลย เวนไว้แค่บุกํร์มีเกียว อัวยจำเมิน“"ว ะ V หลบ มีใก้ กอก"วงแมน 0 ยมมิ' หอ"ระกุ"ค 0 มนมิมอู่’ 5 จู้"จู 1 ’ ๆ"' 11 ว' ล้มีล้แมินมีจั’ะกร" 0 ' มีคมม 0 ม"รม 1 มิ‘กุ จมมี 1 มี 11 ’" , '™ "' ห ล้ บ ‘'• ๘ ' ปรา๓ '' แล แก้ ขตต์ห อวบ ล้าจกก้มยาบจะแก้ให้"ะ*มี' , " ให้นำจู™ใ"จูๆ"’"' ๔ มมิ’ให้"' ข้งมนาขันจัาจัหล' แลวลงกางก"วงให้นำ ๔ - ๕ "ว , ว "ว่าจี"จู้ะ"-‘มี' , ™มิ 1 แก้หวดไอ ถาจะ“ก้มวกให้ล้'มี ‘' มี 0 ม แล้วจี'' 1ป " ๘ ."จู้'จู่ , ฟ้^ ให้ รวย ลง ไปแผ่นค้น เหล็ก ขนม ามีห มิ' “"ว"' ใป“มี 11 ™จู 1 ’""‘จู่'' ขม" 'อู่อุ ‘‘""ม 1 ' "จู' ม' 1 " I นา!มิงจัปจัจัจัจั ป™-มีจู"ว ๓ จัสังให้ รอย "'ไปไข‘ค่า นำใปอั'มิ 1 อ้ ๒ -''มีกว่าจะ""า' , นม 0 อ่าจ้ม" 1 จ™ 11 ’"™ พง
  • จะ ยาตรา ไป่ กำจะยากราไปแห่งใกๆ ให้กงสจจบารมีก่อคุณพระพุท ธเจุ าออ'แ เอา บญญาพิจารณาเหคุ ว่าคุณพระพุทธเจ่าจะเบนที่พึ่งไค้แก่เหคุ ๓ ประการคือ อุบจเฉทกรรน ® อุปบพิกกรรม © บ่จุบํนกรรม © นี่คุณพระคุณเจ่าช่วยมิไค้เลยเบนเทยงแท้ แก่อนกูจะไปบอน จะรู้'ว่าเบนกรรมส็ง'ไคมิ'ไค้รู้ ถึงว่าเบนบุราณกรรมแลวก็คี ก็จะเอาช่วิฅแลกเอาพระ'แพพ' 1 'แ 11ถค อย่าถึอทิฏฐิว่า กไค้เรียนพระธรรมเบนที่พี่งแลวจะก , นกรายไค้แแ อย่าให้ไว้อารมณอยา งน '■อา กำรอคมิไค้เลย ให้ปลงก่อกวามกายแลำจึงไปเถิก หาอนกรายมิไค้เลย แก้เข 9 าธาตุท 8 ง ๘ ให้ระงบจิฅต็๋ระงบกาย ขพะขอเช่าธาคุทง ๔ อินทรีย์ทง โพชฌงก ๗ ขอให้ระงบ จิกก่ ระงบกายให้สบาย จะขอเขานิกกหะท้หนง จะขอเบนบกกหะทหแง อนนิกกหะคือข่มลงไปถึงที่หนึ่ง อนบกกหะนั้น คือ ยกแก่ที่ ® ขนมาท้ ๒ ท้ ๓ ให้ทำไปกว่า จะไค้กวามสุขนั้น นี่แก้สารพำโรกที่งปวงไค้สั้น'คุลอำ อย่างโรกบุราณแก้ไค้ทงป'รงหายกรยกแ แก่ชำ แก้ปวดศืรษะ กำป'วกศีรษะหนำก็กี เสนกำเริบก็ก ธาคุวิปริกกกี โรกอนหนำ จาแก้ให้กลายนั้น ให้กงแก่ที่ ส , ปลงไปเอาที่ © แลำอธิษฐานว่า ชำขอเขาธาคุทง ®ะ อิแทรีย์ ท 1 ง ส์: โพชฌงคืนั้ง ๗ แลำจึงยกมาที่ ๒ จึงขอชุมนุมธาคุทง ๕ อนทรยทง โพชนเงก ที่ง ๗ ในที่ ๒ นั้น แลำจึงแบ่งสมาธิชำออกไปกามเท , าท , ง ๒ ขางสกกำหมากหนง แลวจงยก แก่ที่ ๒ ไปสู่ที่ ๓ จึงว่าช่พะขอสำปยกคุธาคุทง ๔ โพชฌงกทง ๗ ในท้ ๓ นนเลา แลว จึงแบ่งสมาธิชำออกไปกามเทานั้ง ๒ นนเล่า แลายกสมาธิขนมาสูท ๔ ใหเบนสุขหนอยหนง แลำจึงยกกไปทํ ๙ ท๘ ทํ๗ ทึ ๖ ที่ ๕ แลวจงช่กม1สูท๔ แลวจงแบงสมาธออกไปมอทงสอง ข*าง ให้ทำไปกว่าจะกลาย กำโรกนนมิไค้หนำนิก กอย่าให้เขาธาคุยินทรเลย ใหแบงแกสมาธ ออกก็ไค้ อย่าชมนมสำปยกกํอย่าแบ่งธาคุเลย อย่' 1 ง'Vานงเรวแก่จำกกษาให้เจนกอน , ' 1 ง , ' 1 ะแบงไก แก้ พบสตว์ ราย กำพบส็งใค ๆ อข่ริมทาง จะไป ให้ กงที่ ๗ แก่ กลม แล วกไปเถก กำมิกลมหยก'ที่ง , ให้กลมก่อน กะกลมแลวไปเถิก กรนเค้นพนไปแลวให้ยกมากงที่ ให้เบนขาย ชำงหชํงบ*งกนอนกรายเถิก เจริญพรใ!มวิาเาร กํพะกระทำพรม , วิหารแก่ผู้มีเวรนั้ใเ ให้กระทำแก่ผู้มเวรอนมคุอเ นนก่อน คือให้กงในภูมิกำยสุขี ๆ ให้สงบก่อน แลว , จึง'ใป'พุค้ยะ แลำไปกกิยะ แลำไปจคุฅถะ
  • 1®ไ 11 ฬ* แกัวไปทุกํยเล่า แ 0 วเข™ใฒ้งบ™วณ์™™^ 11 ห่” 1 ออง่นง่ง่ทุ™ก่ร่ยสุข 1 เ๓’ ฟ่ฬทพ^ อึ 1 อึห้ออ™ว—™ โหนตุ อ' พฺยา ปชฺฌา โท VIตุ ธน'-)เา โน'! สุ สุ'" อสุ ' 1 "” 1 ร)™ , ’ , . รี 'โ ข รุ'รุ ,11 ๆ ; ข โหตุ สุข ๆ ถิมุ่มสฺสสฺโก ๆ” กรนไปก'กู้"เวร))"ว ไห้')อึธ”))' กุา' \ ใ ห่ 1บห รุ®รุ หํนง่ แลว'รีงก, 1 ลิ๒™-IIนันุอึยะควยอะ)"'"อึ) แอวฬืเร่อนข่ายเบืนปยํโธ))^' “กัว) ,11 ง่า ลั, ฒุ๊ไห้ส'บ แล่'วนำไปย'') ๗ แลวนกล''™'ฒู้ให้ ล' บ)ก่ 1 เอึอุาะอฺอกไปยั'กู้อึ)"™ป" หันไห้อ-, 8 ,ไห้กู้",เวร™ปว'ทุน)อึ))'ก้นอยู่ก่อน อึ'เอา))ล่กูอึ'™"!กุ่“ก''') 0 ห''')อึ'กุกฺก))' 1 ทุ™ะหั)ยอะเวรห''!กกนกร่า"ะธั'‘กู้อึ)"™ ก''าเป็นการ)อึวหํร่™'ก;®; 1 '” 1 )' , ’ , อึ* คลอเอไป'ควยสมาธิ ให้ส้นกู้อึเวร™ปว''')กึก') แล'' วไห้กฒัเข้า')าหั'กูอึ"')® 8 )”' 1 )' 1 ' 1 )) ลว ให้นำไปยัง'' ๗ แล''วไห้ กล ว')ายั'กู'* ไห้ ส'บอยุ่ในกูอึนหกกำ''))าก’''‘'“''ว)® 1 )กิ® ออกสงขะลกก'เย ๓"ะออกล่'!ขกึกกะน' 0 ให้อออกร'น')''ากู้อึ)วรกึ'กึ’)ว “‘'ว กลับคง'เข่า'ทอยา')อึอออกกึ))รก“‘'น ก'''"ออกหัว''วน'‘น ไห้ออก))กํกูป็ไป 0 '''•สุอึ 0 *สุรุ่ 1 แล■'วล่'?นไปพรห')โกกกว!)อ‘วรา เก่า แล''วกลุ"ก") า) ข้า'อ''"''กร 1 ว™®ว 0 ® 8 )” 1 )''; เฟ้ รุ ง่วนล)ไปเบ้อ'กำ"นกึ'อ)วอึอ 81 วร 1 แล''วกกับร้น))'' 0 ''กูอึก้ว 0881 ” 1 “ลวกกับร้น' 1101 ภูฐ.ฑ้ๆยอ ะเ' วราเล่า'ให้!สงบอยู่ใ , อึอึภูมิ , สกคาหมากทอึอึป็ แลวเอาเถค แก้ธาตุหย่อน หัวยปฐวีธากุ อาโปอากุ เกึ''น'‘น 0 ®น อึ'ให้ร่าวเป็น)กลีก) วาโยขฬค'ค้า"ะแก้ให้เข่า''นุ')อากุก่อนห''วให้อ™ 5 าน)อ;); ากุ 81 ล่ง่นแล่ง่อึ'ง่อาอานป 5 อึนข้'บน ก®โน 1 กํ่กูอึ'“น แกัวอึ' 0 กอากุ 111 ™^ ทุเล่า แล่'วอึ'เข่าอึนทุเรีย์โพา'ก)'ก์หับ'ล"'ร่า กักกำน')ากนน 11 “กำ 1 ' 1 ' 1 ;;กิ 1 ™™รุ'; 1 รุ,รุ อึทุง่ง่ง่นวง่ร้น'.'ให้ลนกว 0 ™™ปว 1 กึ®รา/ 1๔ ;®"รุ??..™! ในทุ1ทุนเล่ากักกำน')าก • 1 เอ แล''วอึ'!•ก))กำ 1 0 นา) อึ 11 รุ้ 1 ยู่รุอึ 1 1 ใข้ ; รุรุ•รุ้ ล่ก้ล่าห')าก ง่ แล่ร่อึ'ยก"าปรนาร)กึ 0 ในอึ นาหัว)รา)® 11 ”ห่า อึ 1 *รุรุ "รุ™’ อึ'ไห้ห้าเฟ้อนเ"อแรก"าน้นเก่า กรนออก')ายั'หัว)รานน®ก่าปร 81 ' 1 ; 9 ' , รุ่^!™ อง่าฒุมโลปพตง่บ้) แกํเอึอ"กลุ"น้นให้หึร่ 1 ‘กรุกุร 81 ใ 111 ' ,1 ข0ใข้๓โป ป5วธา ’ ง่หง่อนทุนขอให้พร''อ''ก้น ขอให้เป็นปกกึอากุ อย่าให้"อนกร 10 )ล’ , ว 1ฐ5๓0 พระคาถาสำทรบจงกถม พุทโธ จงเกมํเสฏฺรู่) ธมฺโมปาใ] วินสฺสใ!ติ อโน สุขํ อารมฺมณํ ภควา รูปกฺขนฺโธ เวทนาๆขนโธ สฌฺฌาๆขนฺโธ สงขา รก ขนุโธ ทุก ข สุขํ น้พฺพานํ รปกขนโธ เวทนาๆขนุโธ สฌฺณาๆขนุโธ สงขารๆขนฺโธ อนิจโจ นิจฺจํ นิพพานํ รปกขนโธ เวทนากขนโธ สฌฌากขนุโธ อนตฺตา ปรมสุขนุต สุส!ส! น'พุพาน รูปๆขนุโธ เวทนากขนโธ สฌุณาๆขนุโธ สงฺขารๆขนุโธ โส กกวา อิติบ อร หํ นพฺพานํ ห่ฅํ้ง ส แห่งนอย่างทนง จุลสูญนอยปลายนาสิก มหาสูญหว่างจกษุ ๏ ทิพยสูญหว่างคว ® & 1 อ 0 ษฎากาศเบองบนกระหม่อม ๑ ' โคตรภูทาย ] ห 9 อง สุด คอกลวง ๑ ธ 1 หทย วตถู I 1 ,, I 0 สูญบนนาภนวหนิง © 3 อษฎากาศเบองตํ่า @ พ 0 า? ๒๓๒ -- .ะ? .•รึ ■ 1 —- -

    5 ๒ะ!. -วุ’

    ฐ) .5; (จ (2
    ๑:5 '■ะ: -* 5ะ ~*5ะะ-*5ะ^5ะ 0 ว ® ท ทะสะมํ อนุโถม จะเดนไปในทกนดารให้อธทาน รกยา มะ ใ'‘หราร คือกงรกยาจักษุทวาร ™ คไรกษาจักษุทวาร กอรกยทักทุ แม้™ว์อยู่ทั้งกองข้างหางก็ตี อย่ากุเลย'ให๓อกุ่งุ่นุให้กุ“มุ่ ห™างทจะไป อันร่ก์ยากา!เทวารนม กึก อหิฐานย่ากุ!'‘“กรทั้ง "ประการมุ 'มุ''มีมี 5 "™ บกนแกว กำแม่มือเช่า แกวสูบอารม(ห กงทรากบาปธรรม กรนฒูแกรกึงอธํมุฐาน‘ย่นุ่ กรรมทา ๓ ประกาวจงอย่าไค้มีเตย ฅามฐานซงจะมอนกราก ในกรูทนงกก ยามหนงกค ^ร' 1 หนึ๋งก็ค็ ต่วนหนึ๋งก็คี คามซึ่งอันกรายจะมีข้า“ตะเร็วน'นาเออย่าให้กรรมทั้ง ® นั้นมาพี!™®" ไม้ 100 ให้ใจน่นตงจงแห้ ก ว!! ให้จร๊งกุจปากย่ากะน้ก้วย ให้ไว้ใจย่ามันใม่เบียก‘บียหข้า'ให้ ย่า แกอารมณนนทวนไหวอยู่ ย่อทออยู่ จะก๓ก็ยังมีให้ จะรกบาจักษุก็ยังมีให้ กํอย่าใปใน‘ร''' น'นต่อน ให้กอยเกียก่อน กึงเกินไ'ป“ข้ก็กิ จำอ็น‘ข้าก่งร่านิโรธ แมนมีกนใม้ก็งใกกํให้มุข้? คนไม้นนอยู่ก่อน ให้พรอม‘หกุทั้ง ™ ประภารก่อนกึงไป กึอ จักษุ ® มี" 15 ® ๓ ’’ 8 ๓ ข้ษทักษุนนกืออย่ากุเข้ ๆ ก็อ!เากุเข้ อันเล่ห์จักษุนมา'ก'ให้กุ‘อา‘มีก เมีอ“รก’ะไปนน ใ' รอยไปแลว ให้คงที่ฅ้ง’ใปแล่วนน่หาอันค'ราย'แไก้เ 1 ลย แก้ ปวด มวน ทอง ถ \เมนมวนทอง ให้ แก้ ควยบอิประ ฅะงกอ ยนลงไป อน คระใเ ถึงที่มวนแลวางรื■คเช่าให้นอย'ให้กลมเ๚าที่ม'วนนน แลวเวียนซายหน่อยหนี่' 3 เวียนขวาหน่™ หซึ่ง ‘เข้‘ข้ทั้ง ห ตกทั้งตา!. กึอ . 1 ๒, ๓ น มีใ''นก็ ให้ ก™งให้ใ’‘ตี'’หราร‘มี 8 ™' จะมีทนให้ดธาตุ กาจะไปแห่งไกให้กุธากุทั้ง •ะ ก่อน กามรํบุร“อยู่นาอัน''รา , มีไค้เตย ลูวา ใย คือเยามีอจุ™กัอ็อฒุ่น่น ปกห้ ดู 8, ให้ ตี 8 กตีน‘ธหะกัง‘ตี 8 กน'' ร ,1 "" 1ฐฮ๓๓ ด ใ]ซิว กึอลบเนอคังสากน , นปกกิ ดเตโช กอหงหอย คา เห น แวว อยุนนปกก คูว!!า กอเอามือพา ค หน้าผากและอมึอ ถาเห้นมืขากนนปกกิ กัน® ากุท้ ง น น้ 1 บ่ , ™ บ ยบ้บ่ กั บ แลวกนมืบ้าง แบ้นเกโชกบแน้วมืรอกเลย แก่น้า -- วน อVท โยน ให้ ยง ก ก่า®ากุท้ ง ๓ นะน แบ้นวาโยกบน้าคกึกบกวยพน้อมกันแล แก้เส์ยดส์ ขาง กัาเสียคสีน้างกึกิ ให้กึงราวกางกึกึ ชกกึก ชะแก้โหน ง เอนกว เยา ขางกงน้นไว้ให้กรง แลวให้กงที่ - ก่อน ชงลงไปกามไหปลาน้า ลงไปเอาวาวน้าง ย™™ บ ที่ก 1 งนน แลวกวากให้คลอกกงปลายเบ้า แลวมาก 1 ง์ที่'# เล่า ล่งลงไปปลายเบ้าเล่า แลวโก้เยา เผาเสียที่ ๗ บ่าง แลวกวากลงไปปลายเบ้เล่า กำ ๓ ’ ๔ กวาวกลายแล ว แก้งขบให้คบรูปขนชิ เวทนาขนชิ น้ง ให้คับรูปขนธ์กือชนนยอ แลวชึงโห้คับเวทนาขนชิกักเข้าโป แลวชึงคับลญญา ข น® ถัคเ ข่าไปเ8า แอ , ว์จืงให้อ่ม์ถ้)-ขา1ทัเ®ถ้"ห้า'1ปเห่- แข่วํญญา™ข่'ห์ศืฟ้นในน่น อย่าจืห้ห่ม์เ''ย น้งชน ถะ วน ๆ * ะ 1 ถ้างุขบพิษมิขน.เอย จ่ออ์เองอฑห้อนำ™ม้'จืห่"''อ้ ห่น่ผหั®ารมย่ห่หหนหท็ ขา อ บาป อง™ อย่า ให้จ่ออ์าณ็องมาป™™เจือ™บ'"เ™ พิษนน™™มิไอัเอย ๒๓๔ แก้เด็กเจ็บไข้ กำลูกอ่อนเจ็บปวคนกรองอยู่นน จะแก้ให้ลองให้ชมที่กวามเจ็บนน ก่อน แลวจึงยกขนก่งที่ ๗ กำนอนมิหลบ ให้ก่งที่หลบ ให้หลบเสียก่อน แลวจึงยกไปกงที่ ๗ กลายแล ฯ แก้ส 0 งเวคะ สงเวกะน่นเบน ๓ ประการ คือปลงซึ่งกวามกายนนประการหนง คือ หน่ายนามรูปแลวเอาชีวิกแลกเอาพระนิพพานนนประการหนึ่ง คือให้เห็นใน วิบกค่าง ๆ ให้ปลงกามบญญาไกรลกษถเนนประการหนง ที่ ๗ น่นฌนที่ก่อแยํงกนไค้อยู่ อนที่นิโรธ ที่นิทรา หาใกรก่อแยงมิไก้เลย ยงกว่า ท 1 งปวง อนที่ ๕ นน เบนแก่ที่ซ่อนที่เรนก็ไก้ ผจญก็ไก้คื แก่มิไค้เท่า'ที่นิทร ถึงสวาสเพีอน ไปแลว หาพยาบาทก่อมิไก้ควย วิเศษมากนก , ให้พิจารณาเอาเถิก ๆ ขอเจากูแกวที่งมวล จงประมวญเอาโทษนนมาก่งย'งไว้ในช่องหนำ กระทำให้เบน อโหสิกรรมเสีย ขอเจากูแกวก่งมวล จงมากำจกเสีย ล่างเสีย เผาเสีย ย'งโทษนนควย ตทงค- ปหาน วิขบภนปหาน สมุทเฉทปหาน กำจุกเสีย ค ย่อกายเร็ว กำเมื่อยขบยืคกายเร็ว กำลงกามรอยชำ ให้เจาะเขาเอาที่ฅรงนนเร็วนก ฯ แก้ใน ปกิณณ กก ถาเถข ที่ ๗ ที่ ๕ อนกะทาลม พณะ คือ อยู่ ทว่างที่กอก่งสอง เบน ที่พระอริยเจำก่งปวงควย แก่ที่เคืยวนึ่ อ'นอคีกภะว่ง อยู่ทว่างที่ ๑ ที่ ๒ ก่อ กน อ'นภะ วง คะจลนะ อยู่หว่า งที่ ๒ ที่ ๓ ก่อ กน อ'นภะวํงคุบจเฉทะ อยู่หว่างที่ ๓ ที่ ๔ ก่อ กน อ' นตะทาถมพณะ นน อยู่ บน ที่ ๔ หน่อย หนึ่ง ย'งคอก่งสอง นน ๆ ปกิณณกกถาแก้วิตก กรนวิฅกนกควยเสียงก่งปวงนน อน'จะ ไว้ที่ชำงล่างนนมไค้ ให้หนี ไปอยู่ที่ ๕ และตะ ทา ถํมพณะ จึงจะบนเทาวิกก กรนอยู่ที่ ๕ นานนก'จะหุ้เงให้อยู่แก่พอ สงบ แลวให้เอาลงมาก่งที่ ๑ ที่ ๒ เล่า ช'นสกรคู กรนเห็นว่าวิฅกนกเล่า ให้กลบไปก่งที่ ๕ ที่ ©๐ คือที่อนุโลม ที่นึ่ถึงจะอยู่นานมิไค้ห้เง อ'นจะเกิคกะนน อย่าอยู่ที่เคียวนานนํกให้เที่ยวอยู่ ฉะนน วิกก'จึงสงบเร็ว กรนเห็นวิกกสงบแลว ให้เชำก่งอยู่กงที่เล่า กรนวิกกให้เที่ยวอยู่เล่า อย่างนึ่จึงจะเก้คแก่วิฅก ไค้ กำจะให้สงบทีเคียว อย่าหมายที่เลย ให้ร'คเชำ ให้ น*'ปิย ให้สูญในภูมิ นน ๆ
  • โ5ปิ๓& จะหนีศ่๒หำเนียงทั้งป'วง'IVท็ ให้หนี™ที่ขาดบาปธร™'ะที่™า™ และที่ทะทา

    ฒัพณะ ส็งใคอนหนีไปที่ ® ที่ ๒ มิพงเลย ๆ

    คอ นาเลยงดวงจดต์อาโปธาตุ คอ ปฐวิธาตุ คอ เตโช•ธาตุ ให้คุ่นกาย ริกพากาย -50 กอ วาโยธาตุ ลมพ่อชริก 0 . คอ อากาศธาตุ อากาศกใด เบนทนนนก 1 อํนร้อยอย่าทำเลย หามขาคทเคยว มกเกิคโรคนีกหนา *3 ลำจงกรมจะให้คงที่เร็ว ให้กำ แม่ มือทํง์สอง ข่า ง กอคไปแล ว ให้ชิคพนไว้ , ' 1งแ น่น แลว เอาลนแทงอากากไว้คง๎ที่ไค้เร็วแล แก้วิตก ลำวคกนกใหคงทํ ๙ แลวมาอนโลมรอยลงคงท ® แคแงแอนควฝ็กหนอย ร้อยลงสะควก แค้วิฅกแล แก้ทธาตุ ลม 0 ดิน 0 ไฟ 0 0 นา 0 สมปยุตตธาตุ 1®๓'๖ ถม 0 ดิน น'' © 0 0 ไฟ 0 สมปยุตตปฤกน็๋ ไฟ 0 ใ!า ลม 0 © 0 ดิน ๐ ควาจํกร็่ ดิน © ลม นํ้า 0 0 0 ไฟ่ ๐ หงายจ 0 กร็่ ๒๓๗ ไฟ 0 นํ้า อากาศ ดิน 0 0 0 ลม ๏ จํนทกลา ไฟ ๐ ดิน อากาศ นา © 0 ๏ ลม 0 สุริยะกลา ไฟ คน คน นํ้า 0 0 0 ลม 0 แลึคณ ถ้าถ้
    องคุณก็ค คเคือกกบี ให้พลุ่งพล่านกบี จะแก้ให้รายลงไปค® แถ้ว ไข เสย แล้วให้ มา ฅ้งท ® ให้ สงบเล่า แล้ว ปรายสวาสเสีย ๒ • ๓ กราว แลววํอยล ง ไปบี ฅ ง™ง เล่า ให้ กระทำ ไปกว่าจะกลาย อย่าง แก้ โรกว่ปริกแก่ก่อน™ ถ้า มพงให้ เอาโ พชฌ งบี ท ง ๗ สฑ I®๓๘ อย่ที่ ๓ ธมมวิจยะอย่ที่ ๒ วิริยะอยู่ที่ 9 บกิอยู่ที่ ๔ บสสทธิอยู่ที่ ๙ สมาธิอยู่ท ๘ อุเบกขา อยู่ที่ ๗ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่งนเบนที่อุเบกขาสน อนสกิที่สามคือ กุณพระพุทธเจ’า ธมมวิจยะที่ ๒ คือกุณพระธรรมเจ’า วิริยะที่ ๑ คือ อากาศ บฅิที่ ๔ รู้จกกวามยินก บสสทธิท ๙ กำหนคที พิปริกคือลมเช่าออกที่งปวง สมาธิท้ ๘ เบนทสมมาเจฅสิก อุกเบกขาท ๗ เบนทประหารเสยซง โทษ ที่ง์ ป'วง อากาศรองพระธรรม รองพระพุทธ อากาศเบองบนเบอง กา ค รนกลอกกนแลว รองพระอุเบกขา ฯ แก้ อุขิตจิตต์ แก้โรคตามธาตุ แก้ อุขิก'จึกก์ ให้ กงที่ ๓ ก่อน ถามิพื่งก , งที่ เ0 ถามิพื่ งกํง ที่ ๑ ถามิพงให้ไวิอ‘ษฎากาศฌองบนลงมาให้อษฎากาศเบองกา ถึง กนแล วิ จึงประมวล พระธรรมที่งปวงขนไว้เรือนอเบกขานาที่ ® หรือ ๒ นาที่ แลวชกลงไปที่ ๙ ปรายสวาสให้ลง ไปสู่อษฎากาษเบองฅา อนจะแก้อุข๊กจิคฅ์นึ่เสียหนึ่งมิไก้เลยให้พิจารณากูว่าเบนโรกลืงนึ่เพื่อลืงโก ถ’าฌนเพื่อเกโชธากุ ให้จกพุแคง ถำเบนเพื่อวาโยธากุ ให้จกษุเหลือง ถาเบนเพื่ออาโปธาฅุ ให้เย็นหนาวก่งจะจ้บไข้ ถ่าเบนเพื่อปฐวีธากุ ให้ขนพองสยองเกล*า ถาโรกนนเบนเพออาโปย็ก ปฐวีก็กี ให้เผาอยูในที่ ๔ ถ’าโรกเบนเพื่อเกโชก็กี วาโยก็กี ให้เผาอยู่ที่ในที่ ๒ ที่ ๓ นนเถิก ฌานโลกุดร ๑๙ คอ โลกุตตรํดเานํ โลกุตตเ ฌานํ โถกุตตรํ สติปฏรีทนํ ฌานํ โลกุตฅรํ สมฺมปฺปธานํ ฌานํ โลกุตฺตรํ อิทธิ ปาลิ ณานํ โลกุ ตตรํ อิน ทฺริยํ ฌานํ โลกุตตรํ พลิ ฌานํ โถกุตฺต ร 0 โพ ชุ ณงฺคํ ฌานํ โลกุตฅรํ มคฺคํ ฌานํ โลกุตตรํ สจฺจํ ฌานํ โลกุตุตรํ สมลิ ฌานํ 'ส ไ®๓๙ ฌานทง ๑ 0 บทนตงบริกรรมในที่ ๑ โลกตฺตรํ ธมฺมํ ลทนํ โลกุตฺตรํ ขนฺธํ ฌานํ โลกุตุตรํ อายตนํ ฌานํ โลกุตุฅรํ ธาตุ ฌานํ โลกุตตรํ อาไเารํ ฌานํ โลกุตุตรํ ผสฺสํ ฌานํ โลกุตุตรํ เวทนํ ฌานํ โลกุตุตรํ สุฌฺฌํ ฌานํ โลกุตตรํ เจตา! ฌานํ ฌานทง 6 นบริกรรมในท ๗ ถ้าทั้ง มือย่ ลอย ขนมาก็คี เลื่อนออกมาขางหน'ากคี จะคงให้อยู่ที ให้คงคนครุคงนกอน 4* จึงให้ทั้งลงที่กลางคืนกรุนนมิเลื่อนมิลอยเลย อยู่ไค้ทีแล จะคงทีใค ให้คงคนครุทีนน จงทุกที่เถิค ฯ จะตงที่มิอย่ แก้ ที่ เจ็บ ปวด งู ขบ ถ้าเจ็บที่ไกล คือปลายเทาปลายมือ จะไป สมาธิมิถึง ให้เอนลงเยียคเท้าออกให้ครง ให้เอาขางเจ็บขนไว้ขางบน ถามอกเหมอนกน ไห เอนควเหยียคมือให้ครง ลมแล่นจงสอวก ใช้สมาธิถึงแล กลหนงให้ออกอยางพรหมวหาร แก เมื่อจะออกนนให้เอาสมาธิออก เอาแค่ออกไกลสก ๔“'^ คอก เมอจะเขามานน ใหทะลุเขามาท เจ็บ คือที่ปลายเท้า, เมื่อยก็คี ที่ใคซึ่งเจ็บนน, กรนแลวให้ข้กขนมาทุคืยะ, แลวเขามาสูภูม สก ๒-๓ ที แลวให้เอาสมาธิให้ลงไปคามทางซึ่งขนมานน ให้ถึงเจ็บนนเล่าให้ข้กอสูฉ ะ แ ๒ '"' ๓ ท กว่าจะคลายนน ครํนทะลุเข้าที่เจ็บ ช'กถึงประถมก็คลาย ครนนำไปยงที ๗ ไค้กลายทเคยว ถา เจ็บข้างบนข้กไปที © ถาว่าเจบขางลางชกไปท (,๖,๗ เลา ใหหลบหลกอยฉะนจงไค อนงเจบ ถ้วยโรคก็คื ถ้วยงขบก็คี ให้ชกอย่างให้ระริบวิคกก่องแเลว จึงเอาอุเบกขาลงไปไว้ทีเจ็บนนเถิค ถึงพิษงูก็ขนไม่ไค้ อันพิษที่งปวงขนนนควยวิคกทั้งปวงผูกที่เจ็บนนธยู่ กรนหาว้ฅกเจ็อมิไค้ เอา•ม 1 ต&หํเ&ห้' ก่ถฺลฺาหํฬํเวุ■ เ ” นอนห " 1ใ ™ ร) โ ^\ 4 . 1 . 8 ต1๙ . ใ2กฟ้โข้เข้น- ฬนอ "" ะฑง - 1 1 . ก่าเอา อึ 2?* 5 ’55: ;: ซิ!^ ฟ! อึอณ์พ้ฟ้ - ออ่าเอาอ™ ถ้าอพํอุ่อาศพ้'' 5 & 00^ ■ซ' รํ 1 00 •^’ อย่หลง ว้-V ®อุมม า 1 * #^^ "™”” ” มาฅ่ง็ไ 1 ว้ไพ้ออกลว่งหน่อ๓นึ๋ง อึต็ห่ห็แหิ ๆ รกบาดว- - 4 จ่^ ฬ ^^07 . 1 - ๗ 1ข้อฟ้ฟ้๙ อึง เอาอึอมว.*พ้อ•เห!จ“ 1 :\ า ] ลม ,"1!1 ทบ ลง ท ๗ นน เหละทมาฅง ; 0 ’ 1 " 0 0 โห รู” ไห้ เอามอ นำ ก่อน กว่า
  • 1 ' 11 . 0 . อ 0 น โลม มะกํ มะ อะ อุ เกชส์ ชาต เ 11 . กนวา มะ ะ อุ 0 ..•ๆ. IIสๆ , 1ห้เอาลงมาทงโ^ห ๗ เ ล่ าๆ 0น น่เ 1 เมาหนไป.™ตุ^ พแก่ไพอออ่าโอ้™ห เบนอท?ฤท? อิตชืใส ภ'''' 1 ๓ ๆ ๔ ๆ 11'โ''จงงํงพุถะลาย จา™ ยะฆ่ามดๅยหายใ]ระIด ยะ ทา พุท ม มะ 0 @ ๆ 1® ๕ นะวาคะภะโสบติอิ อิทากาเรนะโอนะทา น นดดา โน ม เห็น ๖ นะโนพุทธธายะ นะ จงงง โน จ ง ง ง พุท สิทธิกำปง ธา ลบอยู ยะ หายโป
  • อิสวาสุ
  • ธาตุนิพุพานํ ๗ อํอะ อะ ฯ พระคาถานสำหรบประ 5 !าบบ'าป วง ร , กษาต 0 ว อํนที หนึ่ง นึ่น เบน ตุณห แกสมาธเปลา ยงไมบรกรรมอยูทนนาทนนง ก่อน อนบาทหนึ่งนนเบน ๕ นาที นาๆาหนงอยูเบน ๒ บาบ กอบ ร กรรมบาทนนง ส มา ธ เปล่าบาทหนึ่งเหมือนกัน สนทุกทีทง ๙ ทีนน นะโมพุทธายะ นะ ธงงง โน จงงง บุบ สทธกาบง ธา ลบอย ย 4 ' ให้ หยุคแก่ จนนึ่ เดชะ นายกัน ๐ รV ๐๐ ทีงที่นแอ่ ๙ กัวเคียวนึ่ แล้ว'ว่า อิบุทากาเ รน โอนททา นะ บต ตา โน มิเห็น บญญา ธาตุนิบุพานํ สม 1 ) ยุตต 0 วะ มา กับไปไว้ ๙ หนนล้งไว้ หนหล้าอ ล่า เปลยนเลย เมตตา ๐ อิสวาสุ สะสวย ๐ ยธาบุทโมนะ นะ วา คะ ภโส บด กรนถึง ๙ ขนไปทีเคี่ย ว แกํ อบจน ๐ นะ จงงง โม จงงง บุบ สะลาย ธา ละลาข หาย บกเคี่ยวไจ ๆ ยะ ฆ่ามืฅาย 9 ๒ ๔ I® ๓ 0 นะโมพุทธายะ ฯ เรียงแถวชนนอกนึ่จะถอยบริกรรมออกมาไก้บาง ไปไว้หนาคุณพระพุทธเจ , า มาไว้ หลงนน ฯ ๒ 0 ' อิติบใส ภค วา ๑ 0 น ถือ ตุณทิ แค่สมาธิเปล่าอยู่ที่นึ่บาทหนึ่ง ๐ กำ ไอจามวกกนึ่นหนก ไห้กงแค่อนุโลมลงมา เอาจกุกถะพรหมวหารกามแกวกนทงเรอนนน ไห น่ง้ย็กกายสกหน่อยเงยก่วย จะขนจะลงกทางเกยว ในโกรงชกกระกุกสนหลงนน ฯ 0 ฯ

    แก้รอนน'ก กำร่อนน*กจะไห้เย็น ไห้ลงแค่อนุโลมลงมา เอาอาโป มากินแลว อากาศแล , วข่มลงเอาอากาศบน อากาศกาไห้ถึงกน ถากลองแลวจึงมาท ๕ แล่ว้มาอนุโลม ดน

    อา ๑ ©© ส ข ยร ไพ่ ๏ 23 จกฺ? ไห้เบนสุขสงบก่อน แล่วเขำโลมาบกิ ปท กษิณ ไปให้รอบกายทง'ชำยและชวาแก่ชา อย่าเรว แลว เขำมาก่งอยู่ที่อนุโลมที่ ๕ นนเล่า กำเห็นยงมิสงบ ให้ไปอากาศบนและกาเล่า กระทำ ให้เวรหาย ทำ เวรนน ว่าเวรทํงปวง ให้ กใ-แบนอนขากแลว ท่านเกกมาใน ภพนึ่ขออย่าไก้เบํยกเบียพกนกว่านึ่นเลย เก ชสจจบารมสุณพระพุทธเจาเบนทพง จึงยกสมาธิไป สกว่ผ้นน กำจะให้มายงเราจึงให้ว่า แล่วสูบสมาธิเขามากง ที่ ๗ กำสกว์มาถึงกวเราแลว ไห้ยก หนี ไป ก่ง ที่ ๕ เล่า แล่วมาทํ ๘ ท่ ®' ชึ' 3 กํ 1 ว! } ปี แล่วปรายออกไปแล่ว ให้หลบเขาอยูทํ ๗ นนจงเรว ๆ อธิษฐาน อนึ่ง บำเพ็ญสีงใก ๆ ก็ถื ให้เอาล่จจบารมีออก กง ก่อน กามเหกุล่นจะ มีน น ถือ ว่า ร่อน น่กก็กี ให้ก่งส้จจว่าล่นร่อนไนโลกนึ่ จะรอนกงไฟนรกนนหามีไก้ เกชะสจจ 1ช๔0) ของพระเจา ขอจงอย่าลุอำนาจแก่เวทนานนเลย จะ เอาความสุ , ขนนให้'ไค้ จะทำสีงใดกีดีให้กงนึ่ เบนสจจบารมีก่อน จงทุกอ , นเถิด ฯ แค่ให้ยายไปดามฐานอนที่จะท้านน ล้ดว์จำพวกใดซึ่งเบนเวรนน สฅวจำพวกนน พระพุทธเจาให้กวามสุขแก่สฅว์โลกีย์ที่งปวง และบคนึ่เรากงอยู่ในความสุขแล่ว ขออย่าให้มีเวร แก่กนกว่านนเลย ฯ แก้หวด ถาเบนหวดดึงกีดี รองกีดี อย่าดึงข่างบนเลย ให้ดงแค่ที่©ที่๒ ที่๓ แค่เท่านึ่สกบาทหนึ่งกลายแล ๆ แก้ โทษ อิน ตรายคลุม ดึงที่๒ ให้ดึงก่อน จึงมาจดุดถ แลวรอยดามกระดูกสนหอิง ลงไป กรนฅรงประถมจึงเข่าประถม จงดึง จักร์ ชิ* ที่ พรห มวิ หาร แลว

    ออกทุดึย แล่วเข่ามาเล่าแล่วออกกดีย กามกำในจกร์นน กรนแลวให้เวียนดามพระกาถาาเ นนแลวเข่ามาประถม แลววางสมาธก่อน จึงลงไปที่ © แล้วจึงขนไปที่ ๗ วางบริกรรม

    า' ษ ให้สมาธิดีดแลว จึงให้มาหาที่ ๙ นนจงทุกกรงนนให้กลุมให้ทวกาย แด่ฌองบนลงมาข่างหนำที่® ข่างห้ล้งที ®" ’ 'แดวจึงเข่ามาอยู่ดึขาดบาปธรรมนน ถาจะกลมท กีเหมีอนล้นก่บกลมที่ ๗ นน ให้อยู่หาท้ ๙ น ให้เบนกถิณทีเดียว อย่าไปที ๗ นกจะรว เสียดว เห็นโทษจะขนแก่ดวจึงดึง ถ่าดีอยู่แล้วอย่าดั้งเลย ๆ ค่แ,ฟ้งอัน.รายน ,, "แสิป็-ฒํสลึ&ใหสุะ"'' 1 11 ™, 11 ฟ้า,กุก 1 ณ*.กุป็ก่นป็ง'“ถ้■ว?น'น!ก็ - """® แถ้วบาเอาอุอกนุ™-®* ๓, &โพ1ฒย็™เป็นก็ระฬท้ แลอันก™™ในก่’งบ่!ง อัน สุสิตสินนุ‘ป็"สุนุ้รํน์ อันห™'ทนอก อือคุณ กลุตย! “ละหมวกผาท , งปวง เป็น กระอะ เบืน น!!! รัก!นุาอ่สุรา' 1 ท้งปวงอัน ■ขิ นนเป็นเกระ นำ‘ก็ ยถ้างหน''!ฟ้า เอาน!? ทู่™™ ร เ™'‘ยัก" 5 ในใจ ในนา แฅ่ให้ สมาฬิาน นี่ ยนนน กวย ฯ ฟ้าจกาสุสิตสิน! ถ้า‘ข้ารักร์ ? ^ ชิ.”- "ม"ออก“สิ 1 'น™สิ' 1 ™' ฟ้แ,เพ เข้า ฑแถ้หึงเอ'อก สุสิตสิน! กา!เออ่างก่อ""" “ถ้!จํงใน้ก็งรักร์ ๕ 11 ก™ ' ๒ ' ” 5 , 1 ๖| ฟ้ 11 คาบ ก่ง ๕ แล''ว จึง'ไท้กเร่อ'อกเป็น บา!' ‘บี""! , อี 1 'สิ! สิ’'■ป็นบา™‘"ก็'’ สุกิตติมา ๑ สุภาจาโร สุสืลวา ปุปากโต ขส่สสิมา วสิทธิโร เกสโรวา อสมกิโต อยู่ท ๑ อยู่ท ๒ อยู่ท ๓ อยู่ท ๔ อยู่ท ๖ อยู่พ ๗ อยู่ท ๘ อย่ท ๙ ^นบาท อันเป็นน™ อือ“สิเละ'เป็น" บริการ!'ในํ!น!บ'''ระอากา' 1 ")"ก็ ทะง ๘ " ฯ แกเย็น นก ถ้าเยํน นัก ก่ง็ก็ ลง!' 'กุก'ถอื อา' ฟ่ แถ้า!'!บ่!'!!! 1 อือ ลน ฟ้า ประกน"'

    ก่ ๓ แลว? น!) "บก แล้ว'ลง ลุขุน บอือ อก แล! บา™!ณณบ ก็ถ้™ บอํ “ถ้า ฟ้านา 1 ’นิก็ 1 !น') 115 า’!

    น - .- - 1 -. I I -. นแก้หนาว นักแล *1 ที่ ๙ เบน ตะท 0 งคะ ที่ ๘ เบไเ ว‘ชมภ'มะ ที่ ๗ เบน สมุจเฉทปมใ' 1ศ) แก่ว่าอย่าออก เสือทื ๙ นัก อา™ถ้เว ะ" กรว นักบ่ ' 1150 บ่อ เห กุห Vเหงแก้ งอก กแ™ ะ ก ก่ว่ 1 'ปกเอ่อ อู่!ให้,เอา เมา ออกหาบ่ ๙ นV แก้ ค ก่อโทษอือห"วก ถ้า บังเกํค'’" ก วะแก้'อ 1 ก ™ 5 ๗ บ่ ' 1 จึง แก้เร็วเบ๊น ตอุ'เว้เท ก 1 ,,,, แก้เวทนาข้างบน ถ้าเวทนาข้างบ" วะแก้ใ"ก™ก 5 "ก , '' 1 ท 8 '™ 8 ™ แถ้วข้นมาสู่เวทนา แถ้วน่าก)กา ข้น ม ว' ย 'บ่ 1 อรนเป็"สุขแก่'วกงไบ่บ่ ''กู ,11,1 ' 1 บ่'™ 1 อข้นเป็นสุขแก้วัก!ถ้บข้"นาก™เวทนา แถ้วก่ง'ไป ๆ บ่ จํบ่ 1 ' 1,1 ' 1 ‘บ่ 1 บ่™™ ๒ ' นุ , ™™ หอกายอ'ย่าแบ่งเกย ถ้าแก้หวัคกงข้าง 'ตุต.'คะ กง'' 11 1ร5ม1จข "บ่'' 1 กง 11ขะ "ก' 1 "บ่ง 1 แก้โรคข้าง บน อวะแก้โ™เบ้กงบ""" เอาไปไว้ข้างบ่ 1 ง 11 ถึงว่านงแถ้ววะ"กฺ" อยู่ใน-อริยาบก่ทง ๔ "น™ ใ*!อา™ณ์กุกข้างบ่างอยู่ จึงโรคน" 5 กำ'ว่บ ถ้า'ว็บข้งบ่ 1 ง ซั •ก้กุ่ อร™ววอบ่อ" จึง"าบ่ - แกวบ™ •ะ บ่ - "ก 1 ป 1 'กู ถึงว่ากูจึบฺข้า"™บ่ บ่ ก™'' 1 กง 11 ' ฑื่จึรยะ ปรายออกไปอา"'#าท่ง็กองข้าง แกะทวารเบ้องค่า" ก่อม็พิษ*ปรา™าพิบบ่ไค้ บ่'™' เลย ล้าจะ แค้ เวทนา ไห้ ครวจน าแ ค่ 1 น 1 ปญฺจมาเร ชิเนนาโถ ฯลฯ จน'ซบ ๓. ๕, ๗™ แค่พระคาถาเคยวน ว่านว , นะ ทงปวงอย่าไค้จำนองจธ'นวร แ ก่ก่น 1,ลย จรรบ 1 คาสรน 1 •เน เถค ๆ ะ แก้พุ้เง นก ถ , ' จํหุ้เงนก'ให้ปรายเสีย แล้วเอาจึคค่ แค่ ค่อย?นไปล้งที่ก่อนวีรระบายสนาธิ คาม แค่เบาจึงนิไค้' 3 อํนฟงควยธาคุวปรคถนน 1 ถค ว-.อ่ง่ป'ระอู"" ใ"อ้งบ่ ว่ ก่อนแก่พอเบืนสุข จึง"าข้งประอูไข้ขากู ค™กูบ่'' 1 บ่บ่ 1 ™ ถ้ามิปรายกงไปอยู่บ่ วํ่ เบ่า แกวจึงออกบ่ประอูน้ เบืนทางอํรฺ 0 าบก พง 'กู บ่'™' 1 'กู้บ่ 11 อู''" ให้อื งอย่างเป็น'หวอ™ ถ้าแก่" งบ™ ถ้าเอ็นทา)"าเ"นอ 0 อยู่นุ" ค® กู ไ' ค้น บ่ 1 ' 0 'กู 0 ๒ ■ ๓ ทก่อนจึงว™ง ถึงวะนอน™ไข้รกบาว่าวะ"กับ วะนงวะ'บ่' 1 ' 1 ™ เบ่อหากํวบ่ไค้"" ไข้'' , ', กสิณทีเคียว อือบ่อูญนอย แก่อยู่ข้างไน"" แก้!เมขนลง ถ้าก"" ข้"บ่ กงอยู่ ก"" "'บี" อุป ขา™" ถ้า ก""""ยุค แก่ 0 ""วี" สักหน่อยน" เบี" อุปจาร สบ™ แก ว ๗ แก้เพอเสนโลหด ถ้าเบี" เพ อเส้น ไข้เข้ ปทฺ"วณฺ® แกวชัก ว่าเพาะบ่'จึบกู" แล้ว บ™ร™ ควย อนัตตา สูพะ ก่อยซักเลอ แลง ไปทื่ ""งว่าวะเย็'กู' ก่ว อง บ่'ว็ 1 '""' ๓ 'บ่'' เว็บเพึ๋อโกหํคไข้เข้า ส'งอเนต บริกรรม เหบ่อนกัน อือ อ'‘ตตาสูญ นน ว ๒๔๖ จะพิจารณาม่งส 0 งโลหิตตํ้งสูญ ม ใสงโลหิตตงใเพโพสุญญ" ทีเวทนา๗ ท , แล'ว บริกรรมแค่สูญ ๆ ค่าเคียว เมื่อชักมาย ‘ริ ที่ ๗ นน เมื่อจะชักลงมาย ‘ริ ชัางล่าง ปุพโพโลหิตง ม 0 งสํงสุญญะ นเมื่อค่งํ๋อย่ในทีเวทนา เมอชกลงไปทหนง จงบวกงงม มะ' แส สุญญ' 17 กุจเคียว แคชักขนชักลงอยู ๒-๓ กร , งก่อน จงคงในที่เวทนาว่า กาโย สมั ตต 3 ๆ แล " วช ~ กมา ท ๗ บริกรรม มะ ว่า กาโย อนตตา เล่า แล่วชักไปที่หนึ่งควย กาโย อนตตาเล่า ๆ จะยาตราไบ่ตามท ยาคราไปแห่งใก ๆ ให้ขากก่อนจงไปกงท ๗ แรกคงประทูไห คง ก่อน แล่วมาที่สองเบนคน ที่หนึ่งเบนราก ชักนาทีหนึ่ง แค่พอเบนสุขแกว จงกลบมาที่ เล่า แล่วมาที่ ๘, ๗ แค่เท่านึ่ เอาที่หนึ่งเบน'รากก่งที่ , หนึ่งก่ยน แล่วเอาที่หนึ่' 3 เบนทูมเ™ งธา ทู ที่สาม เบนหล่กแห่งธาค จะชุมนุมในที ,๒ ท ๓ แลวขบลงไปในทูมเกาคอบ ๒ แกว , าวาค ประมวญ ธาฅุ แค่ ะ ให้เชัามายืริทูมื่คีอที่ ๒ แชัวจึงเอาบริกรรม คื 0 รวั 5 ผ่าลงสูญกลางประมวญธาทูนน จึงอธิษฐานว่าธาทูท้ง ๔ บ่ฐว อา โหิ วา ย เตโช ธาทูอนใคVเงสร , านขอให้ระงบเสีย ธาทูอันใกหย่อนขอให้เบนสุข ธ าทูบ้ ง ๔ นึ่ ขอ เป็นปกฒแ แชัวจงบริกรรมว่า า ไปกว่าจาไค้ความสุขนน อธิษฐาใ!ธาต ล่ามเบนสุขให้คงประทูเลา แกวจงมาจทูกะแกวก' 3 มาบ ๒ ชุมนุม ธ าทู เหมื่อนอย่างก่อนนึ่นเล่า ถาควเบนไข้ คำรอนมิสบายจงกวาคกง ช นน 0 แคถาจกกุฟ่งกราน แคน08 กึให้ชุมนุมแค่ภาย , ใน คีอในหชักพรหมริหารนนเถิก จึงกงเปลองปลกอี 0 ย่านา นนก แลวกลบลงมาสุทีชุมนุมธาทูเล่า อย่าเสยที่ชุมนุมเลยอัากระวนกระวายบ 0น2ห ค่หิ ใท้อ าน ชุมนมธาทูในที่นิโรธนนหลบแล บ กายล่าง บนพิป่ริตขวา'ใขํ้ , าวโม ล่าชักขวางทีไหน ให้บริกรรมควย สาโย อมตตา ไว้™วทนานนก่อนคำทมาก''นื่งแล้หึงช่ก์ขันม™ ต' แร"'คํว่' ๙ ไป™™นฺา''นุ'คำ นุ' , ว 11 กับ ขนมาอยุ่ท ๗ เลา แล้วกลบขันมาอยุ่ทื ๗ 'คำ' ให้ทำ''ง"!™'™ว นุล้าน'เท่ามํไก้ให้นอนเอา ชัางเจ็บขนชัางบนลงสะควกกว่าจะอยู่ที่ ๗ นนแค่กำหมากหนง แกวชักขนมาท ๗ เกา ล้ากายพ้องบนทํปรํลน’น กือเฅใชกับวา'โยล้มปมุ'ก์กัน 18 ล้า'กาม'''๒™บ่’ 1 วี กับอาไปล้มป™อ์กน ล้าง! , ากุเอ้"'ใคพํปริ' ให้อธิม5าน'อาธามุนม'ไห้าง 1 คำง ให้เอามา'กัน' กับลง แล้วอธิษฐานอินทรีย์กบ'โพ'*0เงค์กับลง ม.-™ กว่า กว่าวะระกับ ล้า'หึนปกกํ แล่'ว’'’ ชุมชุมธาทูไปเล่า ฯ !®3๔ฟ่ ถ ,1 IVเงนํกให้อธิษฐานIอาคธเแกว ๖ ประการเบนทีพงแลว ครนรูวาธาฅุอนใกฟุงแลว จีงเอาธาตุที่Vเงนํนองก่อน แลวจีงเอาธาตุทีไม่หุ้เงนนทบลงบน ลงไปองยงภูม ธมมะ ๒"๓ นา'ม จึงม่อนธาอขนมาอามทางกลองนาสิก แลวจงลงไปองทบไว้เล่า ให้ปลงจออไวจะไหนยุคไนภูม กรนเห็นสงบในภมืแสัว จีงเอาปฐวี อาโป ทนลงแลวปลงลงไปยงอับฎาถากเบองคา เมอจะเอ'' ปฐวีทีบนน ให้กวาค สุขื ๆ จงท่านเบนสุขเถิค จิฅอ์ข่าเบนสุขฉํนใก ขอให้จิออกนทงปวง เบนสุขฉืนนินเถิก ล่อวีรกอัวเขาฉํนใกขอให้รกขาสันนนเถก ขอใหทำอยางนนอามทอพร'นม วิหารนั้น ให้ลอบเอาแก่บริวารทงปวงเข่ามายิงภูมให้เบีนสุขในภูม แลวประนารเสีย ทำเหมือน ชกเวรนน แลวโหกรอมอบิกโบ่ เอาโหจงหวอซอบซ 6 กฟิมสิ ลอนรอบเอามายงภูมเลา อรน เบนสุขในภูมแลว นำไปประหารเล่า อน'จะทำแก่เล่อวีอย่างน อย่าเอ'ง อา ถ่ อน ห้ค' 3 “สพเพ สตตา อเวรา โหนตุ” แลวจีงอง “อพฺยาปชฺฌา โหนุตุ จนจบ เมือรวมเขา มาสั้นพระกาถา อเวรา นแลว จงอง หนุนสฺสโก อยางทุกวนนนเถก ๆ สำแกงมาในพระอัมอัฏฐาน อันชื่อว่า ปกิณณกกถา โกยสังเขปแก่เท่าน ๆ , 1 , นิพพานปจจโยโหตุ “ทำวํดรพระ” นโม ตสส ภควโต อรหโต สนุมาสนุพุทธสุส ก ๓ มม 0 พุทธิ ชวิตํ ยาวนิพพานิ สรณํ คจฺฉามิ ฯ อิติบโส ภควา อรหํ สมมาสนุพุทุโธ. วิชฺชาจรณสนุปนุโม สุกโต โสกสิโ]’ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารสิ สตุถา เทวมนุสุสานิ พุทุโ'ธ กก วา ติ ฯ เย จ พุทธา อตตา จ, เย จ พุมธา อนาคตไ- ปจจุปปนนา จ เย พุทุธา. อมํ ว มม' 1, สิ สพุพมา พุทธานาหสมมาโสร. พุทุธา เม สามกสฺสรา. พุทธ านณจ สิเร ปาทา, มขฺหํ ติ81™", สพุ พทา ฯ นตสิ เม สรณํ อฉเช้, พุทุโธ เม สรถ วร - เอเตน สจจวชเชน, โนตุ เม ชยมงฺคลํ ฯ อุฅตมงเคน วใแทหํ ปาท!]สุ๊ วรุตฺตมํ. พุทเธ โย ชลโต โทโส, พุทฺโธ ชมตุ ตมมน (กราบแล 9 วหมอบลงว่า) ขทีจะขอยึก แน่ วงเอาซี่งพระพุทธเจ ที แลคุณพระพุทธเข่าในอคีค อ นาก ค บจไ ท่น่ จงมาเบนทีพึ่งแก่ขาคราบเท่าเขาสพระนพพ าน แลขา จะ ขอนทสการกราบไหว พระ พุทธเาท ก^ เบึนอคค อใ'เากค บจจบน สนกาลไ'เาใเพุกเมอ แลขา จะ ขอเบนขาแหงพระพุทธเจา ขอทระ พุทธเข่าจงมาเบนเข่าเบน ใหญ่ แก่ข่า ขอพระบาทของา''เระพุทธเจา จงมา ประ กษฐานอยูเหนอ เทียรเกล , '! แห่ง ขาสนกาลทอเทอ สงอนอนจะไกเบนท พง แกจาหาทใค ถาเวนไว แคพระ พุทธเจา เบนที่พึ่งแก่ข่าพเข่าเทียง แท้ นกหนา ขาไหว้ละอองธุลพระบาท ทงพระลายลกบณลุรนาย ทงก ล ท ะ งหลายจงมาบทีเกิกมีแก่ขทีควยกำสํจจนเลิก อนงโทษอนใคขาไค้ประบาทพลากพลงใว้ใ น พระ' พทธเข่าอนเบนผิคค อนาคค บจจบน ขอพระพุทธเจาขอมาอกโทบทงปวงนนใหแกจาพระ พุทธเข่านเลิก ฯ (กราบ) ๏ ธม มิ ชวิตํ ยาวนิพุพานิ สรณํ คจฺฉามิ ฯ สวากขาโต ภควตา ธมโม สนฺทิฏขิโก อกาลิโก เอหิปสฺสโก โยปน' ยิโก ปจจตตํ เวทิตพุโพ วิณณูทืติ ฯ เย จ ธมมา อตตา จ, เย จ ธม.มา อนาคตา. ปจฺจุปฺปนฺนา จ เย ธมมา, อหํ วมุทาม สพุพทา ฯ ธมมานาหสนิทาโสว, ธม.มา เม สามกิส.สรา. สพเพ ธมมาบ ฅิฏชินตุ, มมํ สเรว สพ.พทา ฯ นตถิ เม สรณํ อสุ)ณ 0 ธม.โม เม สรณ์ วรํ- เอเตน สจจวชเชน, โหตุ เม ชยมงฺคสํ ท อุตตมงเคน วนเทหํ, ธม.มถ).จ ทุวิธํ วรํ. ธมเม โย ขลิโต โทโส, ธม.โม ขมตุ ตํ มมํ ฯ (กราบแลวหมอมลงว่า)
  • 1ฐ0 ท้จะเทหน่วงเอาชงพรฟรํห!มเท้ แ(เพระนวไ■๓ห" 1 ■แห•แท้ แ™7ะ- ธ!!มเซ่าไนอกีก อนาคน บ่าาบัน ท*)'าเบึนทืพืงแก่ซ่าก!าบเ.ท่า!ซ่าตุ่พ!!นิพพานแกซ่าา 5 ขอ นม''ตกา!ก!าบไหว้พ!!®!!มเจ่าทั้งน'าญ อันเบ่นอกึก อน''เกก บขขุบันตนกากทุกเนอ แ “ ซา,ะ ขอเบ่นซ่าแห่งพ!!ธ!!นเจ่า ขอพ!!®!!นเข'เทงน'!กงเนา งมาเบนเขาไหเแแกขา ขาขออา!าธนา พ!!®!!นเจ่าทั้งนวเแน่น ขงเนา)ป!!พิษ,ฐานอขู่เหนีอเกียรเกกำแท่งซ่ากนกากทุ'าเนํ่อ ตึงอันอนา!' ไค้เบ่นกึพงแก่ซ่าหานํไค้ อัาเวนไว้แก่พ!!®!!นเซ่าทั้งนวญนนเนืน™งแ™ า ™ งแท้หน ™' เา ไชยมงคลท่งหลายข!มาบ่งเกึกนแก่ขากายกำกาาาแตึก ขาขอก!าบไหวพ!!ธ!!นเาาพงก 0 งบ่' 1 '' กา!อันป!!เต!} โทษอันไกซ่าไค้ป!!มาทพกากพก่ง็ไว้ไนพ'!ะ ๓ นเาา ทะ ง 1,031๓17 ขอพ,ะ ธ!!มเซ่าทั้งตองป!!กาธางนาอกไทพทั้งบ่'!งน่นั๊ ไ พ้แ'ง่า™ 75 'ไ 1101 ' , ™ 1 ๆ (กราบ) © สงฆํ ชวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํ คจฉพ้ สุปฏีปนฺโน ภควโต สาวกสง.โฆ. คุชุปอิปนุโน ภค'ค สาวกสงฺโฆ 7 สกยปฐปนฺโน ภควโต สาวกสง.โฆ. สามิซิปอิปน.โน ภค ว โต สาวสส' 3 . โฆ ’ ย; ™ จตตาริ ปริสยคาน อฎจ ปรสปคคลา เอส ภควโค สาวกสง.โฆ. อานุเนย.โอ ปาหุเนย.'โย ทก.ขิเณย.โย อ.ณชลิกรณืโย อนุตตรํ ปุฌฺฌเชคฺคฺคํ โสกสุส' 1 กิ ฯ เย จ สง.ฆา อต็ตา จ. เย จ ส' 3 . ฆา อนาคฅา ปจจุปปนนา จ เย สง.ฆา. อท้ วนนาม สน. พทา ก สงฆานาหส .มิ ทาโสว. สงฺ 1 ฆา เ ม สามกสฺส ร า‘ เตส 0 คุณาบ 1 ตป็เนค, มมิ- สิเวว สพ . พทา ฯ นตฺถิ เม สรณํ อณุญํ. ส' 3 ฆ เม สร เอเตน สจจวชุเชน, นคุ เม ชอม' 3 .นส ฯ คุต.ตมง.เคน วน.เทนิ. สง.ฆณุจ ทุวซดคม. สงเฆ โย ขลิโต โทโส. สง.โฒ ชมคุตมม 63 (กราบแลวนมอบลงว่า) 1^x310 ข้า' พา ชำพ' ขอ เทึเหน่'วงเอา' ซํ่งพ ระ๓ยสงฆ์ฟ้า แลคุ™หระ:ติย#;ง" 1 ชำ ใน0 พี พ™ ปัจจุบัน จงนา เบืนทืฒืเแก่'ช้าค-ราบเท่าเข้า™ระแพพ'าแ แ 0 ข้าจ.ชอแลา ร ล™ะ- อั รํฒ่ง ฆ์เข้า ตันมึนหํพ่เ พา™ พีจุบันลแ™คุ ™’ 50 แลชาพา’!า™ 0บ0วเฐน ™ 7ยส้ห! ห่า ขอพระ อร่ยลา ข์ฟ้าจา 0 า' พา’' 'า 1 พี ,1 " 1 แ แ| ’ ข ‘' า . ช'' าข™าาาพา คุ“พี , ; 09 ’ 1 เข้า จงมาประ™ฐ™อชุ่เทนึกเก็ชร 1 กลำแห่งชำล 11 ' 1 ™คุ'’ 1 พี ลีงพั 0 ห ,, พี""™ ,110, ™’ ฐํห่ บัเฬ ว้า าลํอรํอลไพ์าชำาพี"™พีชำาพี 1 พี 1 ‘พี’ 1 ’ ไชช บง™บังหลาชจงบาบัง 1 กู้กู้ ม่ข้าบัวอกำลัจจ์ณํลํค ข้าขอกราบไหว้พระกริชลง"าชำ 1 พี 0 พี 5, ' 1 ’™''พี , " 1 " 95 ะ ๒ ข้ให่ประนาทพลา™บังไว้'1นพร-.อ'รชลง"าจพีพีอฟระการ ชกพระกริชลงกํ 1 ชํบังล 0 ง บ่ , " 0 า , จง นาอก โทษ ท่งป วงพี ไห้ พีชำพร , คุ 11 ‘ชํ™'พี พี” บ) (อาราธนาเมือจะนํง) 0 ข่าขอ ภาวนาพระพุทธเจ้า เพื่อขอเอายงพ ระล " กษณะ พระ 6 ชุพุ ทกาบตธรรมเจุา จงไก้ ขอ พระพุทธาข้าจงบาาพีพพืงพีชำ” 1 ™ ขอพระธรรบาชำพ่งบรญ™"า 1 พี"™พี , ™ เกํก ขอพระอริยลงพ์ชํบังหลาช กาแรกแพีระบหากญญาไ' 1 “พ้“‘“"- ๓ ™' จาโพ ™’ 1 "™ เกำกํงพัระลงชํลบบกํใงากาลพีแ จงบาาพี"พงา 1 พี'ริ"‘พี ชกพระกริชลง"กู้'’ 0 ’พี''’ 10 ’ 1 " 0 ' 1 พระกบบั 8 ฐานาชำพ้งบรญ จงบา 1 พี™ง 11 พี'พีพี ชกพระกบ 1 ''ตา'“ชำ 1 พี , ล ,,1ภเฐ1เ ที่พึ่งแก่ข่านเถึก ๆ 4 ในสา๓ ข้าจะ ขอปฎํบ ก็ฬุากาบกำ ลา ลพช 0 ง' , ะพี’ , ''‘“‘“.พี 0,11 '’''’ ™ จะขอเอาพระลักษณะพระพุ. ทกา "พี ,,,11 ชำ" ,, พี ชกจง 1 จากุบาบัง 1 พี 0 ?' 1 '‘กู้’ 1 1 ทว15 กาย แห่งข่า ในขณะเมื่อขVงภาวนาอยู่นเถิก ฐสิบใส ภควา กล , า พา 1 . โธ ลดาาดิ สมมาอรหํ สบฺมาอรพ สมมาอรม เ ข้ อ ใ ท กาป็ สิ 8 ! !า— ™ I"!" 81 " 3 " ^ หง - คฟ้สิ รลาบตโคยลำคบกนไ!) ให้ฟลํ่ยนหาคำา'''“^ ปร กาศห ฟ้!™าษว่าธุหุ่โ 1 !! 1 ,71 5 ™ 1 ส่ณ์ !7 ™. - “ ะท ““ไ™"? ข ไ! 1 ‘!!! ฬิ! ฟ้าว 7ไ:!!'!?!?! นืนอนุโลมปฏิโลม พระ1บดยุคล ก็™ น หระ รี พระพุทธา แหมุอน พระ 1ะพุทธา ท้อนุ3”" พฟ้ ‘ ™3" ระย ’ คล๑ จ รู, 1 ,! า ไฟ่ ลม ฯ (จบพระบด &) ทระสุ•ขพระพุทธา ๖ ขิก 1 ดา "า เพ ตม ’ , . 0 พระ.ขุทฺทกาบสิเจ่า บสิโล''"!™.' 1 บ้ฟ้กจ'อุ™'''™" 0 ' , '" ๓ (คอก พ,,ข้ฟ้จ’’า รึห-™"" จ'อุ"" ไ ค ' พาย ? เฒ !ไ"®?! พ,,โอก.กนฺสิกาป็สิจา ห"ใ""’ กาย อ่อ— 5 '' 1 า ด , ™' (หา พ,,อุทฺ เท งฟ้จา ลา'"ใด ๓ ดา 0 '! , '' 805 ' 1 ๓ ''' ง ส ”!, ผ ,ฟ้จา ล™™ ฟ้ปา'วาา'"า , ด์ดา' ฟ ™2™ ใ (ย๓ '’™ เยว) อ่อน) © บดิ ยุคส คอกผกทบ เ ลา กายปสฺสทฺจิ กา#รฟ้า จิต.ต' ๒ .ล'! 5 วิ' , ด์' 1ะงบ กายลหุตา กาย'า จิต. ต ล'!ดา วิ ,1 ก์"า กายบุพตา กายอ่อน จิต. ด'.สิดา วิ ,, ™' 1 ' ๗'’ / ทายกมกก}ก 1 ^ กายกว?กกท! 7 ก ปีกกทมฺมฌฺฌคา กา?แก่ก?รก จฅค
  • ๒๔๓ กายกมม ญญ ตา กายควร แก่กรรม จิตฺตกมมณฺตา จิตต์ควรแก่ กรรม กายปาคุณตาฌตา กายคล่อง แกล่' ว จิตฺตปาคุณฺณตา จิตต์กล่องแคล่ว กายุชคคตา กายฅรง จิตฺตุชุคฺฅ ตา จิตต์ตรง 0 ขำจะภาวนาพระพุทธคุณเจา เพือจะขอเอาขิงพระลกษณะ พระกาย สุขจิตต็่สขเจานิจงได้ ขอพระพุทธเจ 9 าจงมาเบนทพงแกขาพเจานเถิด ฯลฯ เพื่อ จะ ขอเอาขิงพระลกษณะ พระกายสุขจิตตสุขนิจ งไค้ ขอจงเจากู ฯลฯ ภาวนาอยู่นเถิก ได้สุข เท มอนนง ใต้ ตนไม้ ต 9 องลมรว ๆ สบายร้ว ๆ มาฌนทพงแก่ขำนเถิด ปรากฏเห็นรูปร่างตนเอง ทรงเคร้องมงกุฎสรอยล่งวาลย็่ชนชมยิมด้สบาย ข , าจะขอภาวนาพระพุทธเจ , า เพอจะขอเอาขิงพระลกบณะ พระอุปจารสมาธิ พุทธานสสติเจ 9 านจงได้ ขอพระพุทธเจ , าจงมาเบนทพงแก่ขำพเจ 9, านเถิด ฯลฯ เพื่อ จะขอเอาขิงพระอปจารสมาธิ พระพุทธ านุสสติเจ่าจงไค้ ขอจงเจ่า กู ฯลฯ ภาวนาอยู่นืเถิค ปรากฏเห็นรูปร่างตนเอง ทรงเคร้องมงกุฎสร่อยสิงวาลยึ๋ชนชมยินดสบาย อานาปานสสติ (๑) ขำพเจ , าจะขอภาวนาพระอานาปาน'สสติก 0, มน 0 ฏฐานเจา เพือจะขอเอา ขิงอุคคหะนิมิตต็๋ ในห , องอา‘นาปาน 4 สสติเจ , านจงได้ ขอพระพุทธเจาจงมาเบนทพง แก่ข , าพเจานเถิด ๆๆ ล เพื่อจะขอเอาขิงอุกกหะนิมิตต์ ไนหองอานาปานสสติเจานจงไค้ ขอจงเจ่าก ฯลฯ ภาวนาอยู่นิเถิก (เมื่อไค้อุกกหะนิมิตต์แลว อาราธนาปฏิภาคนิมิตคก่อไป) (๒) ข , าพเจ' , าจะขอภาวนาพระอานาปาใเสสติกิ , มม'ฏฐานเขำ เพอจะขอเอา ขิงปฏิภาคนิมิตตํ่ ในห , องอุคคหะนิมิตตึ๋ อานาปาน 0 สสติเจ , านจงได้ ขอพระพุทธเจา จงมาเบนทพื่ง แก , ขำพเจ , านเถิด ๆ ล ฯ เพื่อ จะ ขอเอาขิงปฏิภาค นิมิตต ในหอ ง อุคคหะนิมิตต์ อานาปาน’สสติเจ่านิจงไค้ ขอ จงเจ่าก ฯลฯ ภาวใเาอยู่นิเถิก (นิมิตตจะปรากฏกงติแสกงไว้ คอไปนิ) ภาวนา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ ตงตนในจะงอยปาก เห็นลมหายใจ และภาวนา ๑, ๒, ๓, ๔, ๔ ปรากฏ ฝอย เหมิอา!ไฟ ๑ ควนา?มอ ๑ เหมิอน'นุ่น ® แลวปรากฏ เห็นดวงดาวดวงหนง แลวปรากฏเห็นพระล้นทร็๋ซีกหนง แลวเบนพระจนทร็๋ทํ้งดวง และภาวนาไปแลวเห็นปรากฏเบนอาทิตย์ซ็กหนง แลวปรากฏเบนพระอาทิตยทงดวง แลํ้วภาวนาให้ปรากฏเห็นดาวดวงหนง แล’วสงไปและพาเล้ามา แลวปรากฏเหน พระจ 0 นทร็๋ซีกหนง แล 3 วส่งไปและพาเล้ามา แลวเหนพระจนทรท'งดวง สงไปและ พาเขามา แล้วปรากฏเห็นพระอาทิตย์ซีกหนง ส่งไปและพาเล้ามา แล้วเห็นพระ- อาทิตย์ฬํ้งดวง ส่งไปและพาเขามาไว้ และตงในกลางจมูกเห็นหมู่ญาติ มนุษย์และ ส 0 ฅว็๋เดยรํจฉาน ตงในหว่างคิวเห็นเทวดาทํงหลาย และตงเพดานขำงใน วดลงไป เท่าแม่มอ ตงลนไก่ขำงในวิดลงไป ตงดวงหทํยวิดลงไปลงนาก แล้ววดขนมานาภ ตนลมหทยกลาง ลมนาสิก ปลายลมปราณ ลมล้าวเปลอก ลมล้าวเบา ขวนตาล (จบอานาปา) กายคตาสติ (๑) ล้าพเล้าจะขอภาวนาพระกายคตาสติเล้า เพอจะขอเอายงอุคคทะนมิตต ในทองกายคตาสติเล้านจงได้ ขอพระพุทธเล้าจงมาเบนทพงแกล้าพเล้านเถิด ขอ พระธรรม เล้า ท่งํ้ม วญ ฯลฯ เพื่อ จะ ขอเอา ยงอุ กก หะนิมิคค์ ใน หธง กา ยกคาส คิเจาน จง์ไค้ ขอ จงเจำกู ฯลฯ ภาวนา อยู่นเถิก (เมื่อ ไค้ อุกก หะนิมิคค์แลว จึง อาราธนา ปฏิภากนิมิคค์ ต่อ ไป) (๒) ล้าพเล้าจะขอภาวนาใ'')ระกายคตาสติเล้า เพอจะขอเอายงปฏิภาค นม่ตต็๋ ในทองอุคคหะนบิตตกายคตาสติเล้านจงได้ ขอพระพุทธเล้าจงมาเบนทพง แก่ ล้าพเล้านเถิด ฯลฯ เพื่อจะขอเอาย'งปฎิภาคนิมิคฅ ในหอ งอุ กกหะ นิ มิฅค์ กายกฅาสติ เล้นิ จงไค้ ขอ ■จง เล้า กู ฯลฯ ภาวนาอยู่ นิ เถิก. ต่อไปนิเบน บท ภาวนาอาการ ๓๒ คือ ^ เกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทใ)ตา พื่น ตโจ หน'ง มงฺสํ เนิอ น หา รู เอ็น อฏริ กระกูก อฏธิม่ฌชํ สมองกระกุก วกฺกํ ล้าม หทขํ หว'ใจ ยกนํ คับ กิโลมกํ พงผืค ษใ?กิ พุง ปปฺผาสํ ปอก อนุตํใส้ใหญ่ อนุตคุนํ ใส้นอย อุทริยํ อาหารใหม่ กรสํ อาหารเก่า มตฺถสุงฺคํ สมองกีร์ษะ (นิธาฅุกิน ๒๐) บตฺตํ นากี เสมฺหํ ๒๕๕ เศลษม์ ปุพุโพ หนอง โลหิตํ เลืออ เสโท เหงื่อ เมโท มนขน อสฺสุ นาฅา วสา นามนเหลว เขโพ นาลาย สิงฆานิกา นามูก ลสิกา ไขขอ มุตตํ นามูฅร (นิธาคุนา ©๒) กสิณสิบ (๑) ขาพเจำจะขอภาวนาปฐวกสินเจา เพื่อจะขอเอายิง อุคค หะนิมิตต็่ ใน หองปฐวกสิณเจำนจงได้ ขอพระพุทธเจ!จงมาฌใเทพงแก่ 1 ขาพเจำนเถิด ขอพระธรรม เจ้า ทงม วญ ฯลฯ พระสํพพ้ญญู โก คม เจ่า เพื่อจะ ขอ เอา ยิงอุค ค หะ นิมิฅฅ์ ในห ‘อง ปฐวีกสิณเจ้า น จง ไค้ ขอ จง เจ้า กู ฯลฯ ภาวนา อยู่ นิเถิ ค (ว่าฅาม แบบ ในห องพุทธคุณ คู เปลี่ยนเอาฅาม ที่ เขียน ไว้ นเถิ ค) ไค้ อุกก หะ นิมิฅฅ์ไน ห องปฐวี กสิณนิ แล ว ให อาราธนาปฏิภาคนิมิค ค้ค่อไปยิง นิ (๒) ขืาพเจำจะขอภาวนาปฐวกสิณเจำ เพื่อจะขอเอายิงปฏิภาคนิมิตต็่ ใน หองอุคคหะนิมิตต็่ ปฐวกสิณเจำนจง 1 ได้ ขอพระพุทธเจาจงมาเบนทพื่งแก , ขาพเจำน เสด ขอพระธรรมเจ้าที่งมวญ ฯลฯ เพื่อจะขอเอายิงปฏิภาคนิมิฅค์ ในหองอุคคหะนิมิฅฅ์ ปฐวีกสิณเจ้านิจงไค้ ฯ ด ๆ ขอจงเจ้ากูฯ ล ๆ ภาวนาอย่นเถิด (กสิณอีก ๙ นอกจากปฐวีกสิณ พึงอาราธนาคามยิวอย่าง 1 ในปฐวีกสิณนนิ ฅ่อไปน แสดงลกษณะนิมิฅค์ของกสิณสิบ) ปฐว หมอใหม่ อาโป นาใส เตโช เนอไฟ วาโย ลมขาวเปลือก นล เขียว ยิงสินาเค็ม บตํ สิเหลือง โลนิตํ แคงกอกชะบา โอทาต ขาวนาเงิน อาโลก ขาวเหมือน เงานาคองแคค อากาส เปล่าไม่มือนใค เ อสุภกมมฏิฐาน (๑) ข 9 าพเจำจะภาวนาพระอุทธุมาตกะอสุภเจำ เพื่อจะขอเอายิงอุคคหะ- นิมิตต็่ ใน หองอุทธุมาตกะอสุภเจานจง 1 ได้ ขอพระพุทธเจพงมาเบนทฒแก่ขาพเจำ นเถิด ฯลฯ เพื่อจะขอเอา ยิงอุกค หะ นิ มิคค์ ในหองอุทธุ มาคกะอสุภเจ้า นิจงไค้ ขอ จง เจา กู ฯลฯ ภาวนาอยู่นิเถิค (ไค้อุคคหะนิมิคฅ์แล่เว้ อาราธนาปฏิภาคนิมิฅฅ์ฅ่อไป) 9 ( ๒ ) •จ'าจะ;ภาวนาหระอุทธุเภตกะ อสุ ก‘'”® จะขอเ ® าป 2 ภา "' 1 ในบ่'องธุกค้ หะ 22^ อุทฒุา ต กะอสุก!จ้าง 1 !ก้ ขอธุเจ้เจงนาเป็น™ 11 •เณ์เดืดว 8 ฯ 1จะ™™.ปอํภาคก็ก็กอ์ ในจ้องอุคค” "''' เจ้า นํจร ให้ ขอ จง เจากู า!เา ภาวนา อยู่ ก็!™ (อ 1 !' 1 อีก ๙ อ อ่าง พึง อาวารนาก' 1,1, แบบ อุ' 1 ™' 1 ฅกะ อสภนเถิก กอ'1ปนเบนซออฟิก ® ๐ ฟิฟิว อุทธุมาตก? วิ'แถก ะ วิปุพพกะ วิจฉิททกะ วิขายิตกะ วิขิตะ ทฅวิขิตกะ โลหตกะ ปุฬุวก ซอ!" ผีพอง ผีเขียว ผีนาหนยงไหล ผีขากสองท่อน กาหมาแร*งก กซ วกผีอิน แรกเบนท่อนหววิ)วออ น ซวก เขาเชือคเขากักไวป็กัวผี เขาเชือกเลือกไวงกัวผี หนอนกินซากผีกากววาว รทง ๙ ปรากฏแก่กระกูกวิ)ว ว อฏฐิกะ ปรากฏแก่กระกูกวิ)วา 6 0 วิว่ารุปาวจรปฐม10.1าน ในท’'องอุหุนาตกะ!ท้ 1 ง’'ง'ๆ อบด,,วยอง ® 4 ดือ วิตก วิจาร บดี สุขี เอกาากตา บตนจ้าจะกา”งา จะจ)อเกา®รู”'า’ง 15 ”' ปฏิบ่ชิ อนแควใเสุชุนาถ’!จานจงไต ขอพระทุท®'จ™นา'ก็'งพึก็งง''รู่ 1 ’ว’’รู™'™ ๆ ถ 1 อุ™ อุ [แห จ)อขิงเจากูมาสพาแก่จ้าไ’'โ’''งดีต น’’ , '''™ บจ รู้ 1 '' 11 ห วิ 11 ' อนว่ารปาวจรปฐมลเาน ในห , 'องอุ’’จุนาตกะอสุ™จ้าน™ ปร รู้"!รู่“รู 1 อุ องดื 4 คอ วิตก วิจาร บดี สุจ) 'อกกกตา นต’ง หระอนุจา™ร่า’™™รู่ ๒๗ ยารฺดืบหายรู้เกดรู้ตาย บดนจ้าจะ’ผ่า')เสย จ้าจะจ' 8 เอา’’ดีรู'™ 0 ป, :รู่รู่ ข ด’วิยองค์ ๔ ดือ วิจาร บดี สุจ) เอกกกตา ขอ พระทุน®'จ้จงนฺรู'ก็นก็รู่ง'ง"™ง™ง™ ".ขี อุ™ อุ™ บด, ไ จ้าจะ'ภาวนาจ)อ!อา')รรน นุง® ร™ รู่อา , ต ®’ 1111 ' 1 ’ 4 ว 1, ' 1 ' 10 เจ้านขิงใต้ ขอจงเจ้ากู มาสญญาแก่จ้าไ’’'รู้’ว'กืต 2หหานบึจจไยไนต, เ33๕0ว่) มืกำลงดงจะเหาะ ภาวนาทงสองนิเห็นกายสองแลเห็นพา อนว่ารูปาวจรทุติยฌาน ในหองอุทธุมาตกะเจ , านิหนาประกอบดวยองค็๋ ๔ คอ ว่จาร บตึ สุข เอกํคคตา บดนิพระอาจารย์ว่ายงหยาบนกฉะน ยงรู้ฉิบหายรู้ เกิดรูตาย บดนจ้เจะหน่ายเส์ย ขาจะขอเอายงตติยฌาน อนประกอบดวยองค็่ ๓ คอ บดึ สุข เอกคคตา ขอพระพุทธเจ่าจงมาเห็นที่พึ่งแก่ขำพเจ่านิเถิก ฯลฯ อุกาส อุกาส บดนิจ้าจะขอภาวนาเอายงธรรมานุธรรมปฏีบต อนแควนสุขุมาลเจานิจงได้ ขอจง เจากูจงมาสญญาแก'ขาให้รู้ทเกิด นิพพานบจจโยโหตุ (บติเกิดสน!/งสบาย) อนว่ารูปาวจรตติยฌาน ในห็องอุทธุมาตกะเจานิหนาประกอบดวยองค็๋ ๓ คอ บ 1 ติ สุข เอก'คคฅ บดนิพระอาจารย์ว่ายงหยาบนกฉะนิ ยงรู้ฉิบหาย {เกิดรู้ ตาย บดนขาจะหน่ายเส์ย ขาจะขอเอายงจตุตกฌาน อนประกอบดวยองค็่ ๒ คอ สุข เอกคคตา . ขอพรชุ่ทธเจ่า. จ, งม,าเห็ น.ที่. พึ่ง แก่ขำพ เจ่า นิ เกิด ฯลฯ อุก าส อุก าส บดนิขา จะภาวนา ขอเอายงธรรมานุธรรมปฏิบต อนแควนสุขุมาลเจานิจงได้ ขอเจากูมา สญญาแก'ขาให้รูทเถิด ฯ นิพพาน บจจโยโหตุ ฯ (สบายไม'มธุระเลย) อนว่ารูปาวจรจตุตถฌาใเ ใน ห อง อุทธุ มาตกะเจานิหนาประกอบ ด , วยองค็่ ๒ คอ สุข เอก , คคตา บด!!พระอาจารย์ว่ายงหยาบนกฉะนิ ยงรู้ฉิบหาย รู้เกิดรู้ตาย นดนิขาจะหน่ายเส์ย ข็าจะภาวนาขอเอายงบญจมฌาน อนประกอบดวยองค็๋ ๒ คอ อุเบกขา เอกิคคตา ขอ พระ พุทธเจ่าจงมาเห็นที่พึ่งแก่ขำ พ เจ่านิเถิก ฯลฯ อุกาล อุกาล บดน จะภาวนา ขอเอายงธรรมานุธรรมปฏิบต อนแควนสุขุมาลเจานิจงได้ ขอจงเจ้ากูมา ส , ญญาแก่ 1 ขา' ให้รู้ท เกิด ฯ นิพพานบจจโยโทตุ ฯ (อุเบกขา เอกคคตา สบายไมม เสมอแล้ว จบฌาน) อนุสสติ ขาพเจ้าจะภาวนาพระธรรมานุสสติเล้า เพอจะฆอเอายงอุปจารสมาธิ 1 ในหอง ธรรมานุสสติเจานิจงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเบนทพงแก่จ้าพเจ้านิเกิด ฯลฯ เพื่อจะขอ เอายงอุปจารสมาธิในหองธรรมานุสสฅิเจ่านิจงไค้ ขอจงเจ่ากู ฯลฯ ภาวนาอยู่นิเถิก แจงเห็น 1®จ๕๘ ร่างตนเองทงของนอกข 9 างใน สว่างเห็นพา ฯ ภาวนา ธมโม ฯ สงฆานุสสติ อยู่ แก่ เสียงทงหลาย ไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าหายใจ (ส่ง โฆ ภาวนา) ส์ล านุสสดี แจ้งนง้สบายเหมือนกองลม'รว ๆ (สโล ภาวนา) จาคา นุสสติ สูงขน ชื่นชุมกายเบา (จาโค ภาวนา) เท ว ตานุสสติ เห็นเท ว กาและสวรรก่ทุ ก ชน (ศร่ทธาภาวนา) อุปสมานุสสดี เห็นพระนฤพาน (ภาวนา นิโรโธ) มรณสสสิ สูญเปล่าสน (มรณํ ภาวนา) เมตตา พรหม วิทาร (๑) ข 3 าเจ้าจะภาวนาเมตตาพรหมวิหารเจ้า เพือจะขอเอาอุปจารสมาธิ ใน หองเมตตาพรหมวิหารเจ้านิจงไสิ ขอพระพุทธเจไจงมาเบนทพงแก่ข*าพเจ้านเถิด ฯลฯ เพื่อจะขอเอาอุปจารสมาธิ ในหองเมฅกาพรหมวิหารเจ้านืจงได้ ขอจงเจ้าก ฯลฯ อยู่นเถก (เมือ ได้อุปจารสมาธิแลว อาราธนาอไ]ปนาสมาธิก่อไป). - . (๒) ขาพเจ้าจะภาวนาเมตตาพรหมวิหาร เพอจะขอเอาอไ!ปนาสมาธิ ใน ทองอุปจารสมาธิเมตตาพรหมวิหารเจ้านจงได้ขอพระพุทธเจ้าจงมาเบนทพงแก่ข , าพเ จ้า นเถด ฯลฯ เพื่อจะขอเอาอไเปนาสมาธิ ในห , องอุปจารสมาธิเมกกาพรหมวิหารเจ้านิจงได้ ขอจง เจ้ากู ฯลฯ อยู่นิเถก (บทภาวนาทงอุปจารสมาธิและอไ]ป นา สมาธิอย่างเกียว ก่น ก่งก่อไปนิ) อหิ สุขิโต โหมิ ขอเราจงเบนผู้มีสูข อหิ อเวโร โหมิ ขอเราจงเบนผู้ไม่มีเวร อหิ อพุย าปช โฌ โหมิ ขอเราจงเบนผู้ไม่มีกวาวพียกฌียพ อหิ อนิโฆ โทมิ ขอเราจงเบนผู้ไม่มีความกบแกน สุข อตฺต านํ ปริ หรา มิ ขอเราจงพีนผู้มีสุขริกษากนกี อตฺต สุข็ ขอกวเราจงมีกวามสุข สุข ขอเรา จง เบนผู้มีสุข นิเมตตาข 9 างในตน ๗ บทแล เสุ) (๙ 0 ทินจะเร็ยง ทิศ ผายนอก อุปจารอ!!ปนาทุก ๆ บทก่ง ขำ ง ใน ขำ งนอก รีบ เมฅ กา ขำ งใน แล ว ที1 นรีะเรียงทิศสิบทิศนน แล อุปจารอปปนาทงสิบทิศนนแล ปุรตทิมาย ทิสาย สพเพ สตตา สุขี อเวรา โหนุตุ ภาวนาบทเคียวน รีนครบก่งํ๋สิบทิศนนแล ปุ่รตถิมาย อนุทิ สาย สพเพ สตฺตา สุขี อเวรา โ หนุตุ นึ่ชื่ออนุทิศ อุปจารอ 0 ปปนา เหมือนกบ เห ฏ? มา อุปริมา ก่งสองนึ่ ไม่มีอนุทิศ อุปจาร อ 0 ปปนา มีภาวนาบทเคียวรีนรอบก่ง ๘ ทิศ และขำงศาขำงบนเบน ๐ ทิศ แลก่งก่นแก่บุรพไปเล่า ภาวนาบทอื่นเล่า รีนกรบทิศ เหมือนว่าแล่วนน เมตตาขางนอก ๕ รอบ (๑) ข 9 าพเจ 9 าจะภาวนาเมตตาพรหมวิหาร เพือจะขอเอาอุปจารสมาธิ ใน หองเมตตาพรหมวิหารเจ 9 านจงไค้ ขอพระพุทธเจ 9, าจงมาเบนทิพื่งแก่ขำพเจำนเทิด ฯลฯ เพื่อวิะขอเอา อุปจารสมาธิ ในห่องพกกาพรหมวิหารเจานึ่รีงไค้ ขอ' รี งเ'จา กู ฯลฯ อยู่ นึ่เถิค (เมื่อไค้ อุปจารสมาธิ แลว อาราธนา อํปปนาสมาธิ ก่อไป) (๒) ขำพเจำจะภาวนาเมตตาพรหมวิหาร เพื่อจะขอเอาอ!เปนาสมาธิ ใน ห 9 องอุปจารสมาธิ เมตตาพรหมวิหารนจงไค้ขอพระพุทธเจาจงมาเบ็นทิพงแกขาพเจำ นเทิด ฯลฯ เพื่อรีะขอเอา อํปปนาสมา ธ ในห่อง อุปจารสมา ธเมกกาพรหมวิหารเจานจงไค้ ขอรีงเรีากู ฯลฯ อยู่นเถิก (ก่อไปนเบนบทภาวนาแล) (๑) สพ เพ สตตา สุขี อเวรา โหนุตุ สกว์ทง๎หลายก่งสํ้นรีงเบนสุข ๆ เถิด อย่าไค้มืเวรก่อกํนและกนเลย รอบหนึ่ง (๒) สพฺ เพ สตตา อเวรา โหนตุ สกว์ก่งหายลก่งสน รี งอย่าไค้มืเวรก่อกนและ กนเลย รอบหนึ่ง (๓) สพฺเพ สตตา อพุยาปชฺฌา โหนุ ตุ สกาก่งหลายก่งสน รีงอย่าไค้มี พยาบาทก่อกนและกนเลย รอบหนึ่ง 1๑๖0 (๔) สพเพ สตตา อนึ่ฆา โหนุตุ สทว์ท้งหลายหาสน จุงอ ย่ กวามก บแกน ใจุอย่างหนึ่งอย่างใ 1 กเลย รอบหนง ( 4 ) สทฺแพ สตตา สุขึ อสุหา ป่รหรนฺสุ "อไ™ห"™™"ห ’ รกษาฅนให้พ้นทุกข์พ้ย™บ่ วง พ้ ค รอบห น' 3 กรุณาขางนอก ๔ รอน ข’’าพเจ , ’าจะภาวนากรุณาหรหมา'■า’ เหอจะ'ขอเอาายุเป่า'' า’ ’™ ในห ® ง กรุ อเาพร๗าหฟ้จาน ขอหระห™'ข้าจงมา'!หึห'” ฯ *นุ: 0 ะ^- - บทภาวนาแผ่กรุ ณ า) 4 ( 8 ) สหฺเห สตหา อถาภํ ปม.ตุจน.รี ฒัว์™ห อาย™ "ห™ห่ห์’า" ๓ ™’'’’' ลาภเถิค รอบหนง ( ๒ ) สหฺเพ สด.ตา ออสา ปม.ตุจน.สุ "อ่า™ ห"™™’' ™ห้า'™" ๓ '’' เสื่อมยกเถิก รอนหนง ( 0 ,) สหฺเพ สสุตา นินทา ปม,ตุจน.สุ "'อ่า™หอ™™"ห รา"ห’!ก"ว™ นินทาเถิค รอบหนง ( ๔ ) สทฺ,เท สตฺตา ทุก.ขา ปม.ณ.”‘.สุ "'อ่า™ห"™™’ห ™ห้ห™" ๓ '’’ ทกข์เถิค รอบหนง มทิตาข*ใงนอก ๔ รอน ข“าหเฃ , 'าชะภาวนามุทตืาหรา'มามา’ 'หอ’ะขอ'อายุป’’’®ม ( 1นห,อง มทตาหรหมวิหารเข้านืจา■เด์ ขอพระทุทา!เข้าจามา'บึนทหา"ก่ข่'าา , จ ™ เ ตฺ ด ™ เพ อร ะ ซอ เอาอุปจาร"หา?ไห หอ าหท่ก!™ห 1 ’ าห'’'™™ งไ " """“ปี? ^ อ ’™ ห ( ” ไปนึ่เบนบทแผ่มุนิกา) 'ช ๒๖๑ (๑) สพุเพ สตฺตา ลทฺธสมุปตติโต มา วิคจฺฉนตุ สกว์ที่งหลายทงสั้น จง อย่าไค้พิบกไปจากสมบกที่ฅนไค้แควเลย รอบหนึ่ง (๒) สพุ เพ สตฺ ตา ลทฺรยสโต มา วคจฉนฅุ สกวิทงํ๋หลายทงํ๋สั้น จงอย่า ไค้พิบกไปจากยศที่กนไค้แลวเลย รอบหนึ่ง (๓) สพฺเพ สต ตา ลทธใ]สงฺสโต มา วคจฉนุตุ สกวิทงํ๋หลายทงสั้น จง อย่าไค้พิบกไปจากความสรรเสรญที่กนไค้แลวเลย (๔) สพุเพ สตตา ลทธสุขโต มา วคจ‘กนตุ สกวิทงหลายทงํ๋สั้น จงอย่า ไค้พิบกไปจากความสุขที่กนไค้แล , วเลย รอบหนึ่ง อุเบกขาขางนอก ๕ รอม ขาพเจาจะภาวนาอุเบกขาพรหมวิหารเจ 9 ๅ เพึ่อจะขอเอาอุ!เจารสมาธิ โห หองอุเบกขาพรหมวิหารเจานจงได้ ขอพระพุทธเจ 9 ๅจงมาเบนทพึ่งแก , ขาพเจาเถิด ฯลฯ เพอจะขอเอาอุปจารสมาธิ ไนหองอุเบกขาพรหมวิหารเจ่านึ่จงไค้ ขอจงเจ่ากู ๆลๆ อยู่นึ่เถิค (ก่อไปนึ่เบนบทภาวนาแผ่อุเบกขาพรหมวิหาร) (๑) สพุเพ สตฺตา กมฺใ]สสกา สฅวิทงํ๋หลายทงสั้น มีกรรมเบึนของ ๆ กน รอบหนึ่ง (๒) สพฺเพ สตุ ตา กใ] มทายาทา สกวิที่งหลายทงสั้น มีกรรมเบึนมฤคกของกน รอบหนึ่ง (๓) สพุ เพ สตุตา กมุมโยนึ่ สก วิที่งั้หลายทงสั้น มีกรรมเบนกำเนิคของกน รอบหนึ่ง (๔) สพฺ เพ สตฺตา กมุมพนธุ สกว์ที่งหลายทง๎สั้น มีกรรมเบนเผ่าพนของกน รอบหนึ่ง (๕) สพุ เพ สตตา กมุมปฏิสฺสรณา สกวิที่งหลายทงสั้นมีกรรมเบนที่พึ่งอาค*ย ของกน รอบหนึ่ง
  • 1ส)๖1ฐ) อรูปฌานสมนิติ 3 ,

    - 21 I . จ’ใส้ "แคพระพทธ!■ธำธ , '' แ อากาสานญจา™ พุ’™™"”- ไนห้อ;,อากาสานญา'เย'น 5 อรูปส)กบ™’™ 3 ’ 1 ’' 'สุ. ” ' 1 " นํอ (เข้อ'ไอ้อุปข-ห,สมาสิแสว’ง'ปฒ็นอารา , ส 1 ' 7 'ห้ ,อพูเขฺากุ ■เหุอสุน™" ; นห่ ฐนห้ 0ง จุ พา น์ญ,-าออนะนสะ™ สมาธิท่อไป ไท่อากาสานญ’ายอ 1 '’ 1 ™ ’นอรบอสุบ่'" อาก์ก้าวสเา"ส)กสสบบอืบี™บ’'™™“ไ .,,, 1 .- -ฬ .,"๗. ..๗. ๗,.๗"'..-"— อยฺสบายลอยๆ 40 . 1 - I ,,๗,.๗ ”“7, 1 ,,, 4 เ*,

    ,"๗ ๗ ~ ฬเ ๗"— '"ก'™'’ '"บ"-’ ไหน สบายในนาม® รรม เจริญพระริบส นา

    0 ” 1 V 1 คจะซอ เอาสติปริติญา ณ ‘ส าพระ '

    ^าพ1ค็าจะภาวนาพร ะ ริบ สสใเาเจา เใ อ ะ ริ ๘144 ' 1 ริ 4 1 "1. 1, เก1าค ^2จง'ใต้ ขอทระพุทธเ จาจงมา๓นทพงแก สํฑพํญญูเจ่า บทอนพจ่าสนน®'’''!'’ , 1 ;;ม 2ทนเถํ" , 0 พ 1 .ยร!,สารแท้

    ,'๗เถิด ซอด'ระธรร"' ™หอ'® อ®•รอ 11 'อ่ พระ ะนนาอั' ,๒ “'“ไ’' ” 00 ท่ห้นอันสืงสอนพระ™"แ 3สบ-.อ! 12 2™มริ 21 ข5 2พห้ริ ., , . ,, 1 , อกาส ฬ่นิเท่าขา’)ขอบ่ยิบ'สุ ,1 ' อ™’ 111 '™ 1 ™ “.''ะ แห่ าพเขาน'กอ. อุสาส อุ กาส 7 . - 1 , 1 นอันชึอว่าส้มมัสนญาสแ’าน’ 3 ’’' โคอม'’า เพ'เอ’)'ขก้สบีบ่รํยบีญ' ถิญญา 1, ร’™ ,, '“‘ จา ๒๖๓ ขอจงเจุากูมาบ่งเกิดปรากฏอยู่ในจุกขุทวารอยู่ในมโนทวาร อยู่ในกายทวาร แห่งขาพเจุ่าในขณะ เมื่อเขาน'ง้ภาวนาอยู่นิเถิด ๆ เมือไค้บรรลุสมมสนญาณแลว พิงอาราธนาวิบสสนาญาณอีก ๙ ญาณต่อกนขนไปโดย ลำคบ ฅงแต่สไเมสนญาณถึงอาทีนวญาณ บริกรรมว่า นามรู!] อนิจจิ ขยตฺเถน (ได้บุญ ๑๗ กลป) นามรู!] อนตตา ภยตุเถน (ได้บุญ ๑๘ กลป) นามรูบป อนตฺตา อสารกตฺเถน (ได้บุญ ๓0 กลป) ฅง์แต่นิพพิทาญาณจุนถึงอนุโลมญาณบริกรรมว่า นามรู!] อนิจจิ, นิจฺจิ วตต นิพพา!! นามรู!] ทุกขํ, สุขํ วตต นิพพาน นามรู!] อนตฺตา สา ริ วตฺต นิพฺพา!! ต่อไปนิแสดงลกษณะนิมืฅฅ์ที่เกิดในหองวิบสสนา ๑ สมมสนญาณ แผ่นด้นสูงถิงรูปกายสูญ ๒ อุทยพยญาณ นํ้าผ่นตกแสดบ ๓ ภงฺคญาณ ครนครงหกพงทำลาย ๔ ภยตุปฏฐานญาณ คอความกลวทงปวง & อาทํนวญาณ เบนโทษสนทงต'วเรา ๖ นิพพิทาญาณ เบอมืนเกลืยดชิงหน่ายเสืย ๗ บุจุจิตุกมฺยตาญาณ เหมือนอยู่ในแหในชะลอม ๘ ปฏีสงุขาญาณ พิจารณาว่าให้พนทุกขํ่แล ๙ สงฺขารุเปกฺขาญาณ สละเสยให้สนอย่าให้ห่วง ๑0 อนุโลมญาณ น่าวหน่วงจิตด็๋ไปหาพระนิพพาน ('.สินตนฉะปบเท่าน้แล)
  • ๒๖ สำอธิบายขอท'ต' 1 ” ศาลด ’®‘” 1 , วิ!วขขขายนํข์'ษ' งแ11 นทน ” งสอน ' ๓ ' ฒใๅ โซิซิซิซิ 1 ]' ะ15 - 1นอ อู่บาก 11 ห่งใข™'ห่™ 1ง ใ,.กา 11 พํฬํ®าค่อ , 031 ขํ 11 ในบาณีซ่ฟ้ษํ 1 ™’’™‘ ๙ ฬ ษ'" ; ซิ ในขำวิานํถ้า'ะ"๓”')ตู่ 1 ' 0 ®"™"ก็'ะ^”'!ติ'' ! 0วน1!1 'ท่ า ซิ น! *0ชุ! ซิซิ'ซิซิซิ ซิ๒!'๙'' 4 ไ า! ซิ'! ซิ 11 ซิ'ซิ: ซิซิ' 0 —; 11, ซิ ะ'" ช่องทวารหนก ๑ ชองทวารเบ ' ๑ ไค้ 11 !;ช่องทห้ ™ ฟ้ '‘ตู่ 1 " , ตู่ 0 แ " 1 ; ใ๒งวิ!ทุทกพีต ๒ ( 2 ) ฟ้าขบ ตู่อ ๙ ตู่!ซิซิซิซิ™ต ๕ " ะง ซิซิ ซิ ซิพี ซิซิซิซิ ซิ;:ฯ ใบฟ้า'ซิ"ตู่'ซิซิซิซิพี* ซิซิ 1 ;ตู่ ซิ ซิซิซิฟ้ ซิซิพีดิ า!ซิซิ 5 .-โะะ ?-' 2 ะท่าพระ ยุคล๖ -ซิซิ ซิท่๔ให้กงกายกฆฺฆจเ® ดา ซิ ต :ซิซิ;ซิ I ซิ- --ซิซิ ซิ::•ะา ซิซิซิซิ ๘ใท้๓ กา “ จิตตกมมล!ล 1 'ตา ค รงท ๗ ชุคคตา จิตตชคคตา สำท์บกน'ไปฅามรูปที่ ๔ นน ให้นบคามรอยเสนแค่พองล่างขนไปเบน อนุโลมถอยหล'งลงมาเบนปฎํโลมแล (๓) เขาคืบ อือ คง บ , ติ ๕ ลง ที่ นาภี กรงที่ 9 ให้ คง ขุทท กาบ ติ กรงที ๒ คง , โอกกนสิ กาบ 1 ติ กรงที่ ๓ คง ผรณ าบติ กรงั้ที่ ๔ คง ขณิก าบิติ กรงที ๕ คง อุพเพง คาบ ติ แลวพืงถอยหลงกล่บคามเสว้พางเกิมที่ขนไปนน คูทำคามรูปที ๒ เขา คบ นน เถีก ถำเบนพระยุคลก็จงทำคามรูปที่ ๕ เข่า คบ นนเถิก (๔) เข , ' ไวํด อือกงองค์บคิไว้ที่นาภีก่อน แลวทำประทกษิณเลือนองกบคินนเฉียง ขนทางพองขวา ถึงกี่งกลางาๆอง แล ว โอนเขามาหานาภีเล่า คูทำคามรูปที ๓ และที ๖ นน และเมื่อจะเลื่อนกวง บคิ ไปคามเสนทางนน ให้กำหนคไว้ว่า เมือเลอนออกไปไค้ระยะห่างจากที คงํ๋สคิและองค์ธรรมอยู่ที่นนหน่อยหนี่ง แลวจีงเลื่อนก่อไปอีกเล่า เมื่อห่างออกไปไค้ระยะ ® นว แลว ค , องทำอย่างก่อนเล่า ทำอ'ย่างนไปกลอกทางจนกลบมาอยู่ในที่เคิมนน จีงเรียกว่าเขาวก แมืทำพระยุกลก็เช่นเกียวกน จงทำคามอย่างในรูปที่ ๖ นนเถิก (๕) พระสขพระพุทธ า ทำอย่างเกียวก'นก'บวิธีเข่าวก แค่กองโอน พระ กาย สุข จิตต สุข คามวิถีให้เข่ามาผ่านที่กึ่งกลางทองแลวจีงเลยไปพองข่ายและกลบโอนไปหทยวกยุเล่ า แลวจีงกลบออกพองขวาโอนผ่านทองมาพองซาย แลววกไปคงนาภคามเกีมทำอย่างนเสนทางยอ ม่านกกกน ก งรูป , ที่ ๗ ที่พระสุขนนแล (๖) สะกด อือค , ง๎องค์พระบคิหรีอพระยุกลหรือพระ สุข สงทีนาภีเล่า เรียก บ่ฏโลบ การเลื่อนขนแลถอยลงคองทำคามว้ธีการของการสะกกกงค่อไปน ในที่น็ จะ กล่าวกวยวิธี สะ กกพระบคิ ๕ ไว้เบนควอย่าง อือระหว่างทีนาภีกบหทํยนน ให้กำหน กจุก เบน ระยะ ห่างเท่ากนไว้เบน จุก มเทยนสะกก 1® เล่ม ขผงหนกเลมละห‘นงบาท ยาวเล่มละ ๖ น้ว กก ลูก สะกก เล่มละ ๖ ลูก ไว้ระยะลูก สะ กกห่างกนลูกละ ® นว เทียนกน และปลายเทียนกงพนลก สะ กกออกไปข่างละ ® นว กนเทียนคิกกบไม้ทีขวางไวปากบากว บอ ให้ลก สะ กกหล่นลงไปกนบาครไค้โกยไมืกระทบกบไม้นน เมืออรจารยจุกเทยน สะ กกเลมแรก ให ผ้น่ง สะกก น่ง้ ระ งบ อารมณ์ จนลก สะ กกที ® หล่นลงกนบากร ให้ถอว่าลูกสะกกลูกนเบน ส ญญา ให้ท 1 ง ขททกาบติ ลงที่นาภี ค 1 งแค่เวลานเบนคนไป จนถงลูกสะกกที ๒ หล่น เมอลูก สะ กก 1ฐ0๖'๖ ที่ ๒ หล่นแลว ก็คง ขณิ กาบ 1 สิ ในจุกที่ ๒ พนนาภขนไปเล่า จนกว่าลูกสะกกที ๏ จะ หล่น เมึ๋อลกสะกคที่ ๓ หล่นแลว จึงคง โอกุกนุตกาบต สงทจุกที ๓ ไปจนกวาลูกสะกก ที่ ๔ จะหลน เมื่อลูกสะกกที่ ๔ หล่นแลว จึงคง อุพฺเพงคาบ 1 สิ แค่จุกที่ ๔ ไป า 1นก ร่า ลูกสะกคที่ ๕ จะหล่น เมื่อลูกสะกกที่ ๕ หล่นแลว จึงคง์ ผรณาบืสิ ทีจุกที กื อห ™ วํคถไปจนลกสะกกสิ ๖ หล่น กเบนอํนหมกวธอนุโลมแคเพยงน แลวจุกเทยนสะกกเลมท ๒ ฅ่อไป พอลูกสะกกที่ ® หล่นเบนสัญญาแล , ว จึงคง ผรณาบสิ ลงที่หทัยวคณุล่า แลวจีงทำ ถอยกล่บลงมาคามรอยทางและจุกสิขนไปนน จนถงลูกสะกกท หลห ลกง ขุทฺทกาบต ไปจนกว่าลกสะกกสิ 'ะ , จะหลน เมอลกสะกกหลนแลว กอสกจากท เบนจบว!!สะกกโกยปฏิ- โลมแค่เพียงน การสะกคพระยกลก็ทำนองเกยวกห กกองใช้เทยนหนกเลมละบาทยาว ๘ นว ก 1 ล ลูกสะกกเล่มละ ๗ ลูก ไว้ระยะลูกสะกกห่างกนลูกละ ® นํ้ว ปลายเสิยนและกนเทียนห่างลูก สะกกขำงละ ๑ นึว และให้ไว้ระยะจุดที่จะเลื่อนองค์พระยุคลในกาย 1 ’บน ๖ จุก พระสุขพระ?เทธา ก็ทำอย่างเกียวกน แค่ใช้เทียนเล่มละ ® บาท ยาวเล่มละ ๕ นว คิก ลูกสะกกเล่มละ ๓ ลูก ไว้ระยะปลายเทียนและกนเทียนให้ห่างลูกสะกก ® นว ไว้ช่าง ระยะลูกสะกกให้เท่ากน และให้ไว้ระยะที่จะเลื่อน พระ กาย สุขจิตตสุข ในกายเบน ๓ จุกแล (๓)) ก่อนทีน 0 งบริกรรมใณั้ ทักไม่ไค้ทำวครไหว้พระเสียก่อน เมอนึกจะนงก็ อาราธใเาทัมทัฎฐานทีเกียว จบแลวก็น่งบริกรรม ทำอย่างนึไม่ลูกแบบ คามแบบคองเจริญ พระ พุทธคุณ ธรรมคุณ คุณสํงฆ เสียก่อน แลวจีงเรีมบริกรรมกมทัฏฐานที่จะเจริญนนค่อไป อาราธนากมทัฏฐานในหองพระพุทธกุลเที่ค่อจากทำวกวนน ให้เบนแบบอาราธนากมมฏฐานกีน ๆ ทัวไป จงพิจารณาเปลี่ยนที่ใช้ให้คูกคองกับเรื่องของกมทัฏฐานนน ๆ เถิก (๘) วิธกมมํฎฐานในตอนท ๒ คงแค่หนำ ๗๓ มานนเรียงระเบียบไว้สับสนกัน อย่ น่าจะเบีนควยวิธีสอนก่มม่ฎฐานของอาจารยผู้คนคำราน เห็นว่ากมมฏฐานอะไรกวรเรียน ก่อนและหลงืเบีนลำก*บกนไป จึงไค้วางแบบไว้เบีนลำกบมาอย่างนน
  • 1®๖0า) ดวงที่ ๑ ตราสรดะ:โสฬ'ศ ในห , !อรพระพุทธคุณ สำVIร*บเบนแผนทดำเนินวิถ ชิตฅ กาวนาสมมาสมาธ
  • แบบ'ขนก"มมํฏฐาน 1บ้าาพระ'ทุ(''คุณ. พระธรรม((ณ! พระสิ('((มุ' 11 . ไค้คนฉบบวากว"คประคุโรง 1 !รร". ครรก่รี"'! , ™ , 1 (ก โร 1 ก่รุ่ 1 พระอาจารย์กล่า'ร'โวั ค้า เบ็แแนบทิสีบเนึองมาวากสิาน่ทิสาปาโ"ก’ 1,1 ™ ๕๖ กร" แค่กรรโ , '™' 1 8 ก่ๅนผู้ปรารถนพะ บำเพ็ญ สม"ริ‘'กามมมม็. วะเป็น'ค'!สิ’'ส่สฺสิรือมรรรุ ,11 ก' , กา" ไข้ข์า,รอ"™ถ™ร่าง™ เครืองนุ่งสิ". โทิสะอาก™"’"รุ รุ่ร’. ก็”"' " *7, ส่า ว่ว่ม ค่วย สทิ, ญ™? รืร’ สำ ร ร"" , '' สิสงวร รุ่รุ’ ว, “ 21 ว, ส่า,วมควอกวา"!™ร เป็อสำเนินกายวพาโ 1 โทิกา"สิรร’รุ’’’'™ ๕ บ่ 5 ;"™ 4" ค้าร่ร่มแก่ว่ริว่อห่ 5 านทิท?บาท, 1 เป็นเครืองสำเทินก็"รุ้รรุรุ กวา"2ร1จ!ะ กงโร่ 1 ' รง จ™ ,51, พิจารล่เ"คุก"ก้ร"ก็พรุ ; ก็"”’' ณ ๔ นิ เร่๓-ว่า.ข้อรุ 8 กิริยาทื่ค , ง่ไวประกอบโกยครา"เทิน™ ม ‘รี“คร่าริไ ริ'ริ 1 รไ กรุ แก่การมอบกายถวายชีริคแค่'' 1 ระร'’กนค 1 '“กร“กิ 1 'ร่ามุ ,1 . , ' ส . ส รุคุต มา ยาม ต 1 ,'' อ!บายาม ฯ สงฺซ(ส.สอตฺตมาย™1- กร Vงก™เบบส 11 านิสิานกสำร ไ ™รุกร'รุ” Iกรง พระใครธรณาคมน์ จบ•(สิ"™ะมุกคุ' 1 'ก็" ก™ โส 1 รุ""รุ , ' 1 รุ 1 รุ; 1 รุ 1 1 ร่ร่ว่ 1 สิ ฯ ก่อ ป®.™โล่ ปอฺ จฺาย ทส ก็™*' รุ 15, ยุ 11 บ่า’ , '' ๒ ทส บ่ ,, คุ๊รุ' ปา,ว่าใย ป! มหาป?จฺจาเคิ สิลุโ พ้" ก็’. 5 " , มุ ,กเว "มุ 01 รุก็"ก็ใ 21 อสินกฺขมน ปธ™จร!! โข.ปลุ 1 ไ"' ร' , ’’รุ" สพฺ™.รุตรุ , 1 'ไ 1 ก็สรุรุรุ้ รุรุรุรุ โลก™รธมฺเมสิ สทุ'™ม ทุทุ.รี* อาวพฺมุรา 1 ร'ส , ร่สํ" , ร่รุ 5 ! บ่รุกรุ , ’รุ!"รุ 1 รุ' สิว่พว่ตฺต ปรตฺตํ กโรนุ'เต อายลุ , ' , อ™บุ™'.'.8โ’ ร" ก , ’.“•ก'” ต คุบ่ธฺ , '‘บ่มุ ,1 อ? 1 ซตโส อปุ']มชุ'ชโต มนโม โมนก็ 1 ลุ 5 ลุ’ 1 ' , ใสกา 11 ภว(เสิ คาทโน อุปส' 1 .ตลุ 1 สก' 1 สตมโตต ก ก่อ^ไข้ก้งสทิประกอง'จกสํโริค่ร่“ก็ 11 สร ก็ร"ร รุ , คุ ล รุ จบ “รุ้™ โ รุรุ ต ' ต5 011 ร, 8 , ค้อ โลกตุ๊ต.’ ตา'1 ต 1 '] ตโสลุตฺต’ ก"ก็ “ก็ 5 . รวม ‘"รุ 80 ร่า ก,นิ 1 อง, 'ค้า, ก”ง โ'ลกุตฺตร่ .ม.ก็' 1 ™ ต"]ต โสอุตฺตรื "™’ ก 1,,1 รวม ‘ก็’ 1 ๙ 1ฐจ๖๙ ที่อษฏากากพองบน ถอค โลกุ ตตรํ จิตฺตํ ฌานี ออกเบนธรรมกลางสำหรบพนที่พกแล เบนอาหารของใจ คือมีบคิ และ ปราโมทย์เบืนภักษา เมื่อจิฅค์สงบสุขคีแลว จึงเลียบภูมินพฐาน คามโดสุกกรธรรมขำงในทั้ง ๗ คือ ๑. สติส่มโพชฌงฅ็๋ ที่อ'ษฎากากีพองกา ๒. ธํมม วิจย สมโภชฌงค็่ ที่สูญเหนือนาภี ๓. วิร่ย สมโพชฌงค็่ ที่หภัยภัฅสุ ๔. บดึสมโพชฌงค็๋ ที่คอกลวง ๕. บสสิทธิสมโพชฌงค็่ ที่โกครภูท่ายทอย ๖. สมาธิสํมโพชฌงค็่ ที่อษฏา กากีพองบน ๗. อุเบกขาสมโพชฌงค็่ ที่ทิพพสูญหว่างกว ทำให้ เบนอนุโลมปฎิโลม ชำ- นาญ คืแล่วถอค โลอุ ตฺตรํ จิตุตํ ฌานํ เบนที่พึ่งของจิฅค์แลวเลือนมาที่มหาทพพสูญ คือ นยคาทั้งสองขำงเลื่อนมาที่สูญปลายนาสิก เบนอนุโลมปฏิโลมควยคีเสร็จแลว ให้บงก'บจิทค์เพ่ง คฅาครางในท่องพระพุทธคุณให้เห็นหนงสือและเลขคามลำคบแถว, ปรากฏแจ่มแจงพุก ๆ หอง ถคนนจึงนำกาถาในหองพระพุทธคุณลงคามลำคบแถวจนครบพุก ๆ หอง ให้เบนอนุโลมปฏิโลม เสร็จพิธีคอนคน ๆ ค่อนนให้คูกสคิกบจิฅค์รวมลงเบนหนึ่ง, แล่กส่งกระแส'จิฅค์เพ่งคูคาคราง'ให้ แจ่มจนคิดคา สามารถขยายส่วนให้เล็ก, โค, และคงที่ไค้คามปรารถนา แลวเคินอกษรและซึ่ง อยู่ในกากรางสบกนไปกามระหว่างท่อง แม้อกษรเหล่านนจะอยู่ค่างแถวค่างท่อง ก็จำค , องเดินให้ ถก ให้ชกเจน ทำให้ชำนาญจนครบทั้ง ๕๖ บร็บูรณ์ ทำให้เบนอนุโลมปฏิโลม เสร็จพิธีที่ ๒ ค่อนนให้ยกจิฅค์, โลกุตฺดรํ จตฺตํฌานํ จนทำลาย ประกฤติ-ปรา-อปรา ไค้แลว 1 กาย สุขํ กวามสุขกาย จิตฺตสุขํ ความสุฃจิกค์ จิกเกคมีที่อาตมา เมื่อกายเบนสุข จิฅค์เบนสุขแลว สนตุฏฺโฐ เบนผู้สนโคษ สลฺเลโข เบนผู้ประพฤติขคเกลา ปหิตตโต เบนผู้มีคใเส่งไปสู่ คุณความคีเบนพองหนา จึงคงจิคค์พิจารณาคูธรรมกาย ในรูปกายควยการดำเนินใน , โพชฌงค์ ทั้ง ๗ ประการ จนจิกค์รู้แจงแทงคลอค รูปธรรม และ นามธรรม ไค้แลว จิกมีคนเบน ที่พึ่ง จิกมิธรรมเบนที่พึ่ง คำยประการฉะนึ่ องค์ สมถะ ฟรีฒเหมือนการก่อสร่างเคหะ สถาน’ไค้เองคือสร่างเบ้ญจขืนธควยความรู้จรง วิบสสนา เปรียุบนายช่างผู้ฉลาดในการร็อการ ทำลายสถานที่ แค่ไม่ให้เสียทายแค่อย่างใคลย่างหนึ่งคือพระอรหนค์ขีณาสพเจาทำลายพ็ญจขนธี ควยการกคอุปทานควยวิชชาฉะนน 1ชิ)0ช้๐ ชน สรต ใสใ 1 ส , หอ งVIระา 1 ‘เท®' ทุส ๕๖ 5๙ ใส ก สวา อร ป สพุ 111 ส' 1 . พุ 1 0 .สมฺปมุ พุ คใต ใถ0 ™ อนุสฺตโรปุร่ส V ผุ ม สาร5 สต. 0 า คุ""ส™ พุ ,1 - ใธ ภควาดี ฯ . (อ) ออโร สพฺทล!ยุตพฺ'าตํ มุ'!มุพุ , คุ ๓ 'คุ•มุ 1 " รู่ฏฺเ ธมฺมํ อนุปฺปตฺโต อ'พุ , 'า 1 พุ น "™'' ® ฯ ๒ (ดี) ต็ณฺโณ ใย วอฺอทุพฺพุ 111 ติ 0 !คุ โ 011 า' 1 พุ มุ" 1 ' 1 ดีสฺโส ภุม อตกฺกนุโต ติ 0101 ' 1๘ นมพ้1 ' ต็ณฺณโอฆํ นมามิหํ (51) 1 ใ]โย พรหมานมุต.ตโม ใ]ยินทริยิ นมามน (น) *า โสภาณุณํ นมามิหํ (โ ส ) ๙1 ภคคปาเปน ตามิน'' ภ 0 เสนโต ภยสนตํ นมามินํ (ท) ฯ คมาบโต สเทาสํ คมยฌฺฌฺ ใเมามินํ (ท) ฯ ๓ (บ) ใ]โยเทา มนุ ส สานํ ๔ (โส) บโย นาคสปณฺณาน โสกสตฺเต ปโมเจน.โต & (ภ) ภชิงฺคเยน สทฺธมมา ภเยสฅฺเต ปหาเสน.โต ๖ (ค) คมโต เสน สทฺธม.โม คจฉมาโน สิา วิ'มุม วานา นกขม โย ตณฺา ก าาจํ ภาส ชิ อ ต 0 ม0 0 , (วา) วานนพพา ปาเต. ลาย ว1ฒ พุติ นมพ้1 ' (วา) ฯ ๘ (อ) อนุสสาสพุ'''''สต.ตานํ อนนตคุณสมุปน.โน 6 ( 1 ) รตฺโต นิพฺพานสมฺปต.โต รมฺมา เปติธ สต.เต โย ชิฮ (นํ) หณฺณฺ 1 ต ปาปเค ธม.เม หํสมานํ หา'วรํ ๑๑ (ส) สํ๚าตา สำ'เต ธม. 1 “ม สํสารสฺส วิฆาเสติ ๑๒ (มมา) มาตาว มานปาสิโต มานโต เทาสา.เจ'ห อใ เสสาเทสิ โย ชิโน อนุ ต คาม นม ามิหํ ( อ ) รฅ โต โส สตตโมจโน ร มุมทาตํ นมามิหํ ( ร ) ฯ หํสำเปติปทํ ชนํ หนตปา!) นมามิหํ (น) สมุมาเทเสสิ ปาส์เนํ สมพุทธิบ นมามิหํ (ส) ฯ สตเตมาน (ถ ท. เธ) ปมท.มิโน มานฆาฏํ นมามิหํ (ม. มา) ฯ ชิ๓ (ส) สณจยํ ปาร1สมมา สิขารานํ ขยํ กตุวา ชิ๔ (มุพุ) พุชุฌิตุวา จตุสจฺจจานิ พุชุฌาเปใ!ติ สิวํ ภคฺคํ ชิ๕ (ทฺโธ) โธตราเค จ โทเส จ โธตกฺเขสํ มหาปญณํ ๑'๖ (วิ) วิเวเจติ อสทฺธมุมา วิเวเก5ตจิตุโต โย ๑๗ (ชุชา) ชาติธมุโม ชราธมุโม ชาติเสฎฺเ^ม พุทฺเธใ1 ชิ๘ (จ) จชเต ปณฺญสมภๅเร จชนฺติ ปาปกมมานิ ๑๙ (ร) รมิตํ เยน นิพทานิ รชุชโทสาท้กฺเกลเสนิ ๒๐ (ณ) ณมิโต เทวพรหเมนิ ณเทนฺโต สหนาทํ โย ๒® (ส) ส 0 ขาเร ติวิเธ โลเก สมุมนิพฺพาน จมปตโต ๒๒ (มุป) ปกโต โพธิสมุภาเร ปณญฺาย อสโม โหด ๒๓ นุโน) โน เทสิ นิริยํ คนฺตุ๊ โน สโม อตถิ ปญฺฌ 1 าย ๒๔ (สุ) สุนุทโร วรรูเปน สุพุทฺทสํ นิสสาเปสิ สฌจิตุวา สุขมดต'โน สนตคาม นมามินิ (ส) ฯ พุชุฌาเปติ มหาVโ! พุทธเสฏริ 0 นมามิหํ (มุพุ) ฯ โธตโมเห จ ปาณืนํ โธตาสวํ นมามินิ (ทฺโธ) ฯ วิจิต'วา ธมุมเทสน์ วินิตนุติ นมามินิ (วิ) ฯ ชาติ อใ!โต ปกาสิโต ชาติโมกฺขํ ใ!มามินิ (ชชา) ฯ จเชติ สุขสมปทํ จชาเปนฺดํ ใ!มามินิ (จ) ฯ รกขิตํ โลกสมุปทํ รนิตนฺตํ นมามินิ (ร) ฯ ณรเทเวนิ สพพทา ณนฺทวนฺตํ นมามินิ (ณ) ฯ สฌฉนนาสิ อนิจจโต สมปนโน ษํ ใ!มามินิ (ส) ฯ ปสฏโซิ โส สเทวเก ใ]สใ!โใ! ติ นภามินิ (ส) ฯ โใ! จ ปาปบ การยิ โนธมุมํ ใ!มามินิ (ใ!โน) เ สูสโร ธมุมภาสเน สุคตนฺติ นมามิหํ ๒๔ (ค) คจฉใ]โต •โลกิ? 0 ชิ?]มิ คโต โส สดต 1 โ?]เจตุ๊ ๒๖ (โต) โตเสนโต วรร?].เมน โฅสํ อกาสิ ช?!ต?! ๒๗ (โล) โลเก ชทติ สม.พุทฺโชิ โลกสตเต ชหาเปติ ๒๘ (ก) ก?!โค โย ลพพสต.ตา?! กเถ?!โต มธุรธ?]มิ ๒๙ (วิ) วินยํ โส ปกาเสติ วิเสสญ.ญาณส?]ป?!โ?! ๓ 0 (ทู) ทูสสเตฺเต ป?กเส?1โต ทูรํ นิพุพานมาคม.ม ๓๑ (อ) อนตํ ชาติชราท?! อเนกุสสา}?จิตฺเต?! ๓๒ (ใ!) ?!เทติ ราคจิตฺตา?วิ นุน อฅถํ ?]นุสสานํ ๓๓ (ตต) ตโนติ กุสลํ ก?]?] ฅณใ?าย วิจร?!ตา?! ๓๔ (โร) โรเสใ?เตเ?!ว โกเปติ โรคานํ ราคโทเสน ๓๔ (ปุ) ปุณ?!ตํ อตฺฅโน ปาป ปุฉเญานฅสส ราชสฺส ๓๖ (ริ) ริปุราคาท้ ภูฅํว ริฅตกม?] ใ? กาเรตฺวา คจฉนโฅ อมตํ ม่ทํ คตฌญาณํ นมา?วิ?? (ค) ๙ ] โตสฐาน สิเว วเร โตรจตตํ ใ!มามิ?? (โต) ฯ โลกเสฏฺโฐ คุณากโร โลกสนตํ ใ!มามิ?! (โส) ค กตวา ทุกขกขยํ ชิเน กถาสน?! ใ?มา?วิ? 0 ! (ก) ค วิธํเสตุ'วา ตโย ภเว วิปปสนุ?! นมามิ? 0 ? (วิ) ค ทุรฏฺรา?! ปกาเสติ ทุส???!ตํ, นมาม? 0 ! (ทุ) อกขาสิ ทปทุตฺตโม อสสาเสนุฅํ นมา?ริ?! (อ) ค นทาเปติ ปรํ ช?! นุสสาสนุฅํ นมา?ริ?? (นุ) ค ตโ?!ติ ธมมเทส?! ตณหาฆาฏํ ใ!มา?]? 0 ! (ต.ต) ฯ โรเสเ?!ว น คุชุณต โรคทนตํ นมาม? 0 ! (โร) ฯ ปุเรนตํ ทสปารม ปุฟิตภูตํ นมา?]?! (ปุ) ฯ ริ'ทธิยาปฏิ?!ฌฺญติ ริยวํสํ นมาม?! (ริ) ฯ ๓๗ (ส) สมปน!น วรสืเลน สยมภูญาณสมปนโน ๓๘ (ท) ทนฺโต โส สกจิตฺตานิ ททโต อมตํ เขม ๓๙ (มม) มทุสสาเหน สมพุทฺโธ มทิตํ นรเทเวหิ ๔0 (สา) สาริ เทติธ สตเดานํ สารถิวิย สาเรติ ๔® (ร) รมมเตวิย สทธมเม รมเมซิาเน วสฺสาเปนุดํ ๔๒ (สิ) สิโต โส วรนิพฺพาเน สิร 0 ^านํ ปกาเสสิ ๔๓ (ส) สทฺธมม เทสสิต[วาน สสาวกํ สมานิติ ๔๔ (ตถา) ถานํ นิพฺพานสํขาตํ ถาเน สคคสิเว สตเต ๔๔ (เท) เทนฺโต สสจจนิพฺพานิ เทนุติ ธมมวรํ ทานํ ๖๔ (ว) วนตราติ วนุตโทสํ วนฺทิตํ เทวพฺรหุเมนิ ๔๗ (ม) มหตา วริเยนาบ มนุสฺสสพฺรหเมนิ ๔๘ (นุ) นุน ธมม ปกาเสนุ'โต นุท ทุกขาธิปนุนาน์ สมาธิ ปวโรชิโน สณหวา'ปํ นมา}?หํ (ส) ฯ ทมตฺวาบ สเทวติ ทนตินุทริยํ นมามหํ (ท) ฯ มหนุติ ญาณมาค}? มโนสุทฺธํ นมามหํ (มม) ฯ สาเรติ อมติ ปทํ สารทนติ นสา}?หํ (สา) ฯ รมมาเปติ สสาวติ รณหใ! นมา}?หํ (ร) ฯ สิเร รูาเน สสาวโก สิดํ ธมเม นม}?หํ (สิ) ฯ สนตํ นิพานปาปติ สนฺตจิตฺติ นมมหํ (ส) ฯ ถาเมนาธิ คโต มน้ ถานเปนฺติ นมา}?หํ (ตถา) ฯ เทวมนุสฺสปาณนิ เทวเสฏI นม}?นิ (เท) ฯ วนฺตโมนิ อนาสวํ วรํ พุทุธํ นมา}?นิ (ว) ฯ มนนุตปาร}? อถ มหิตนุติ นมา}?นิ (เม) ฯ นุทนตฺถาย ปาปติ นุทาบติ น มา}?นิ (นุ) ฯ ใส) ฟ่ ๔ ๔๙ (สสา) สาวกามิ นุสาเสติ สารธมม มนุสสามิ ๔ 0 (นํ) นนฺทนโต วรสนุชิมเใ) นนทาภูเตหิ เทเวหิ ๔๑ (VI) พุชฌิตฺวา ริขสจฺจามิ พทธถ)ส!าเณห สมใ]นุท ๔๒ (ทฺโธ) โธวิตพุพํ ใ)หาวโ ร โธวิตวา ป่าณมิ ป่าบ่ ๕๓ (ภ) ภยมาปนุน สต.ตามิ ภเวสพุเพ อติกฺกนุโต ๕๔ (ค) คมิโต เยน สนุ ธมมา คหณยํ วรํ ชิใ)ใ) ๔๔ (วา) วา'มิติ ป่าริ ธมม วาสิตํ ป่วเร ชิใ)เใ) ๔๖ (ติ) ติณโณ โส สพฺพป่าเปมิ ฅเร ทิพพานสิขาเต ฉป่ฌฺถ)าส พุทธคุณา สงฺฆคุณา จ จุนุพส สารธมเก จ ป่าณมิ สาสิตนุตํ นมาใ)มิ (สุ' ส า) ฯ นนุ , ทาเบ่ติ มหาใ)ใ) นนมินทริยํ นมาใ)'มิ (ใ)) ฯ พุชลกเป่ติ สเทวคํ พุทธํ สมใ)า นมาใ) ห (นุ) ๙ โธวนุโต มลมตตโน โธตกุ เขสํ นมาใ)มิ (นุ โธ ) ฯ ภขํ หาเปสิ นายโก ภควนุตํ นมามิมิ (ภ) ฯ คตถ)ส)าเณน ป่าณน คทเปนุตํ นมใ)มิ (ก) ฯ วานมกุขาสิ กิกา!มิ วานทามิ นใ) าใ)ห (าา) ฯ ติณโณ สตุเต ป่ตฝ็5โต ติกุขส!ส!าณํ นใ)าใ)มิ ติ ๚ ธมมคุณาอฏฺชิตส สรเตลิทินมิเน (ติ) ว 1 จบ เข้)ต่)51 ดวงที่ ๒ ตราส:ะตะโสฬศ'ในหองพระธรรมคุณ สำหรบเบ้นแผนทดํนนนวถจตดภา')นาส่มมาสมาชิ 0 ๒๗๖ แบบขบฺพระก. เม่ 1 เฐานห่อ์ทหท™ริ ๓๘ อตกิ โลเก สลคุโกเ เฅน สจเจน กานา3] อาวชช?'เจา 13นุมนส สจจพลมวสฺสาย สนติ ปกขา อปตฺ ตน า นๅฅา บ่ตา จ นกขนุตา สน สจเจ กเต ม ย .นํ วชเชส โสนส กจสาน สจเจน เน สโน น ต . ถ วิ®?รนเพึอนท่องหะหุท')®' ท่างแท่ไห้แท่™™™ , '} 0 ' ™ สวากขาโต 'า เบ่ 'า วฌฺสุเนต ๙ เ สจจํ โสเจยุย นุทยา สจฺจกิริยามนุต.ตริ สริตวา ปุพนสา าแน สจจกิริยานกาสนํ สนติ ปาทา อวกเจนา ชาตเวท ปฏิก.กน มทาปชชถิโต 8'ข อทกํ ปตฺวา ยกา สิ เอสา เน สจ . จ า ร น ๙ ' น สเม นตุ 11 . , 1 . ส์ ส . && . . -๗-~โ ก!าา! ทา!เระเบียบ จงคงจฟิ ธาตุ หึ"'รุ™™ "รุ- ' รบุ? ท้ว-™ 4 ส(ส01ๆสVIโ! โไ1ไโในิฟิ0)ไ4ใโไ "93 จ ร:2 31 11-1,.,. •. ”, "”"11111 โ!โโ™นไห้!''™''โ™ ฑถาพระ ๆ" ,0, “"รุ , “รุ!โรุรุโ!โโโ! บังกับให้กโ โโ''' ๓ ’' บ่รน ร“โ ,01 ?,รุ'!ำ!1โโโป โ-โรุ“รุ 1;โบุโ แ โ-โรุ™,^™'™อแท่-'' ท่า'เ^ 1ธ)ฟ่0วิ) ให้เบนวสีควยคืแลวเบนเสร็จพิธีที่ ๒ ค่อน 1 นิให้ยกจีฅก์ เพ่ง โลกุตฺตรญาน ควยกำว่า โลกุ- ดตริ จิตตํ ฌาใ] จนสามารถบ'งกบจีคค่ให้ทำลาย บ่ระกฤสิ - อบ่รา ไค้แก่ ธาตุดน นา ไฟ ลม อากาศ มนะ พุทธิ อ หงการฯ บ่รา ไค้แก่ ประธานและมูลเหคุของโลกานุวัฏฏ์ๆ เมื่อทำลายสีงเหล่านไค้แลว จิฅฅ์จกสงบสุขควยคื ผ่องใสเบกบานพนจากกวามมวหมองคามลำคบ แลวจีงฅงใจพิจารณาคูหลกธรรมที่ใจ คือ วิสุทธิ ๙ ประการ เมื่อพิจารณ์ไค้ประณีคสุขุมคืแลว จะเห็นธรรมอนเอกควยจีคฅ์ อักไค้ที่พึ่งอนอุคม สุข อนIV ไก่ เวจะ'พึงรู้เองเห็นเอง เพราะ'ว่าผู้มี'ใจ ประกอบควยสมาธี ไม , ประกอบควย , ใจฟุงสราน กำเนินกระแสจีคค์เบนลำคบ จีฅฅ์ย่อมบรรลุ สภาพอันเบึนท้พย้ที่บร็สุทธิอย่างยง อันเบนส่วนสพพญฌุฅญาณ เห็นชค หย่งทราบที่สุคโลก ยงยืน เบนผู้บ*งกบ และละเอียคที่สุคแค่บรรคาสีงที่ละเคืยคควยอัน เพราะมีรูปเบนอจีณไคย รุ่งเรืองสุกใส ลอยเค่นอยู่เหนือกวามมีค คือ อวิชชา ฯ เสร็จพิธีพิ ๓ ขนสรตะโสฬสหองพระธรรมคุณ ๓๘ นโม ตสฺส ภควใด อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสส ฯ สวากขาโต ภควตา ธมโม สนทิฏฐิโก อกาสิโก เอหิปสสิโก โอบ่นยิโก บ่จจตฺตํ เวทตพุโพ วิณฌหสิ ฯ ๑ (สวา) สฺวาคตนุติ สิวํ รมฺมํ สวาเณยฺย ธมฺม.ทเสนุตํ สวาหุเณยฺย ปุฌฺฌกเขตฺติ สวาสวานุตํ นมามิหํ (สวา) ฯ (กขา) ขาเทนฺโต โส สพุพชนํ ขายิติ มธุรธม'มิ ขายนฺตํ สิวิธํ โลกํ ขายิตนุตํ นมามิหํ (กุขา) ฯ ๓ (โต) โตเสนฺโต สพฺพสตตานํ โตเสสิ ธมมเทสนํ โตสจิตตํ สมิชฺฌนุดํ โตสิตนติ นมามิหํ (โต) ฯ (X (ภ) ภตราโค ภตโทโส ภตโมโห อใเตต'โร ภตกิเลสสตฺตานํ ภตตนุดํ นมามิหํ (ภ) ฯ & (ค) คจฉนโต ธมมเกสิเว คมาบโต สเทวเก คจฉนุโต พรหมจธิยํ คจฉิตนติ นมามิหํ (ค) ฯ ๖ (ว) วนุตราคํนุ วตโทสํ วนุตโมหํ มนุตปา!] ๒ ต่) ด่ วนตพาลมิจฉทนินิ ๗ (ตา) ตาเรสิ สพพสต.ตานิ ตาเรนฺฅํ โมกขสํสารํ ๘ (ธ) ธรมเนบ สม[พุทุ 1ธ ธเรยย อมตํ จานิ ๙ (มโม)โมหลเจ ทมโต ส ตฺ เ ต โมหชาเต ธฺมมญาริ วนุตตนุตํ นมามิหํ (ว) 1 ตาเรสิ โอรมฅรํ ตาเรน ตนุตํ นมามิหิ (ต' 1 ) ฯ ธมมเทฺสํ นิรนุตริ ธเรนตน่ตํ นมามิหํ ( ธ ) ฯ โมทชิเต อการขิ โมใ]ชิต นมามิหํ (มุโม) ฯ ๑ 0 (ส) สพฺพสตตตโมนุโท สพพสตตา หิตกุกโว 0 . (ท) ทือฺเ! รนุม อนุปฺตฺโต หิฏชิทฺวาสฏริกิ'เลฺต ๑๒ (ฏ?) จฺติส์ลสภาจาเร ฐิติธมเม ปาสิ!เตต ๑๓ (โก) โกกานิ ราคมกิโต โกกาน์ ปูชิใต โลIก สพฺพโสกา วินาสโก สพพสนตํ นมามหิ ( ส ) ต ทิฏชุกงขารตาลฺตฺโต ทสสนตํ นภามหิ (ท) ๘1 ฐิติเตรส ธุตงฺเค จิติปชํ นมามหิ (ฏฺจ) โกธมุมปฏิหลเส 1 ติ โกกานิ โก นมามหิ (โ ก ) ฯ อคฺใค เสอฺโ! วโร ห!โม อคฺคปุ่ตฺใ®! 'นุ 1 !® 1 " 0 ' --? ถถคตน ตํ นมาหิหิ (อ)า คคคธมหิ สณิปณํ ๑๕ (กา) กาเรนฺโต โส กิ 1วรช . เช กาตทเพ สุสิกขากาเม ๑๖ (สิ) สิโต โย สพฺททุก. เข สุ สิมบตเตบ สุวณฺเณท ๑๗ (โก) ปุคฺคโล สหิสม 0 โก อิตรํ ธมุมรสํ การเย ธมุมจรเย กาเรนตนตํ นมามหิ (ภา) ฯ สิก่ชิเต บฎกตฺตเย สิกขไเตนุตํ นมามิหิ (สิ) ค โก ธมหิ อภิปูชย โก ลิโลตํ นมามิหิ (โก) ๙ ' ๑๘ (เอ) เอสติ พุทุจวจนิ เอสิติ สคฺคโมกขถเจ เอลิด ธมุมมุตตหิ เอสนตนฺฅํ นมาหิหิ (เอ) ฯ เด)0า)ส์ ©๘ (มิ) หิเใ]ถาเนนชายนเต หิเนโถเม มิสุคติ หิเนโมหํ สเมชาเล หินตนุติ นมามิทํ (หิ) ฯ ๒0 (ป) ปสฺสนฺโต โพธึสมุภาเร ปสฏโชิ โส สเทวเก ปฌฺญาย อสโม โหติ ปสฺสนุตนฺฅํ ใ]มาหิหํ (ป) ฯ ๒© (สุสิ) สืเลใ] สุคต ยใ]ติ สิเถน โภคสมฺปทา สิเลน นิพฺพุต ยใ]ติ สืเลธนํ นมามิหํ (สุสิ) ฯ ๒๒ (โก) โกสุโสอคฺคปุฌฺโณปุพฺโพ โกธชเห อธิคจฺฉติ โกธมฺมฌจ วิชานาติ โกธวนตํ นมามิหํ (โก) ฯ ๒๓ (โอ) โอภโต สพฺพกิเลสํ โอภฌฺชิโต สพฺพมลํ โอภโฅ ท้ฏฺ?ชาลฌจ โอภโต ตํ นมามิหํ (โอ) ฯ ๒๔ (ป) ปณฺณา ปสฏโซิ โลกสํมิ ปณฺณา อปฺปติ ปุคฺคโล ปณณา มหนต โมโหติ ใ]สนุโนตํ นมาหิหํ (ป) ฯ ๒๔ (น) นราใ]รหิตํ เทวํ ใ]รเทเวหิ ปูธิติ นราใ] กามา] ง เกนิ ใ]มามิ สุคตํ ธิติ (น) ฯ ๒๖ (ยิ) ยิฏ?เต สพพสตฺตาใ! ขิฏฺ?ตํ เทวพุรหเมหิ ยิฎุ?สุสติ จ ปาณนํ ยิฏริตใ]ตํ นมามิหิ (ยิ) ฯ ๒๓) (โก) โกปชชหติ ปาปกํ โกธนํ ธนนาสุสติ โกธชเห สุขปตฺติ โกธนุทํ นมามิหิ (ก) ฯ ๒๘ (ป) ปฌฺจา กิฌฺณาสตฺตาปชชา ปชฺชหิตา ปาปกาโย ปปโปติ โส วิปุ่ญโณจ ปชฺโชตนตํ ใ]มามิหํ (ป) ฯ ๒๘ (จจ) จริตวา พรหมจริยํ จชนุฅํ สุวิหฌฺฌติ จชนุตํ สพพทาเใ]น จชใ]ตนุตํ ใ]มามิหํ (จุจ) ฯ ๓๐ (ตติ) ตโใ]ติ กุสลํ กมุม ตโนติ สใ‘{พวริยํ ฅโนสิ สืลสมาธิ ตใ]ตรายํ นมามิหํ (ตุติ) ฯ ส่๐ ๓® (เว) เวรนุโนทิน,นํพชฺฌนฺติ เวรํ เวเรน เวรานิ ๓๒ (ทิ) ทิฆายุโก พทุปุก!โก) ทิฆา โคตเตน ใ[เส)!ก)น ๓ ๓ (ต) ตโต พุก. ขา ปทุก! จน 3 ต ตโต ราคาทิ กิเกเก ปี, (ทุโ'ห) โกน.โต สิ' ,1 ' 1 ใย " โกคาน ป5ปุณ® โ 5 ' เวรํ เตลูปสมมติ เวรสนตํ ในานน (เ’า) ก ทิฆารตโต นนาก" 1 โก ทิฆรตต นมามน (ท) ตโต โมเจติ ปาณิโา 4 ตโต โมนํ นมามินิ (ก) ฯ โภคเสฎฺโขิ จ ปาปโก โภค สนุต 0 นมมินิ (พุ โพ) ฯ ๓& (วิ) วิรตฺตสก สกพพุก ขา วิริยา สุขสมปนนา ๓๖ (ก)ชิ)) ยุ]ดก)ก)าเก 1 มิ ส นิ 14 มิ ส)ตก)ก)าณทสกนก) จ ๗ (ห) ทสนุติ สพฺพโทสาน หิสฺสํ โมนา กตุ ตา กตา ๓๘ (ติ) ติณฺโณ โย วอฺนิพุทุ ขม พุ ' 1 ติสโส ภู อตกกนโ อฏฺจติส ธมมคากา เอเตน ธมมเตชน วิริยา นาม พุกสกา วิริยนฺตํ นมามนิ (วิ) ฯ ส)ตํ โยค จ สมปตกิ ผตํ โยคํ นมามินิ (ก)ยุ!) 01 หสนุติ สพฺพโก กย' 1 หิสฺสนุตนุตํ นม' 1 มินิ (^) ฯ ต็ณณํ โลกาน ตตโน ติณฺณํ โอฆํ นมามินิ (มิ) ธนมคุณา สุคมก'า โสตกิ เต โนตุ มโกกนพุ 01 จบ ควงท ถา ตราสรดะโสฬสในทองหระลำฆ คูณ สำหร่มเบน แผน ทดํน นนว ถจตต ภาวนาสมมาสมา จ เฐ)ด่ , 1 บบข นพ ระกมมลฐ!!'’™ งพระ๙ ' ง, 'ะ ณ 8๔ 8 {ส๗มือนหอ0พระธรร.-คุ™ ไ^') ส ' ป่2 โ ' 1 ฯเ1 1ร/! ปุถ].นิ]ก.เขตุตํ โลกส.สาติ ๙1 อรถแถ] รุก.ข,,เส วา อนุสฺสเรถ สนุ.พุนุ® โน เจ พุทธํ สเรย.ยาก อถธ ธมฺมํ สเรย.ยาก โน เจ ธมม 0 สเรย.ยาก อถ สงฺฆํ สเรข.ยาก เอวมพุทธิ สรนุตามํ ภย็ วา ก.ภตตุตวา สุถ] ถ]'าคาเรว กิก.' 1, โว กขํ ตุ]]หกำ โม สิยา โถกเขอุ! มร' 1 สกํ นิยยานิกํ สุเทสิตํ นิยฺยานิกํ สุเทสิตํ ปุถ)ถ]ก.เขตุตํ กนุต.ต ธมมํ สํฆฉ).จ กก.' 1, โว โลมหํ โส น เหส.สสติ ฯ \รํ โ , 1 ดุ 0 กน รกต— นํ!'นํนู'เนฬุเนาญ! : อฺทขททยานุบึสสน่าญ!®' ห่า"*อ!"!' ,1 ®® 5 ®! ๒ กงคานุ!!สส’'!ญ!®' ®"| ญเ ™ 8 น่พ้ 1 1 3*85 -- X: 1 นิพพิทานุบสสน!ญ!®' ค""ตุ™" ๖ -'” ๓ ^านุ 1 !กํขาญพ ฅงที่มหาทิพพสูญกื อ โ น มโ 11 ยา 1ทงสอง 0 1 , ’ ะ ’พตจิตต์ไว้ใหัก]ที่ 22?4๒ ‘ ^' '??ร :. 2222 ริ- - ! ", “ พ่™ห่'!รึณ์!พระคาถาทา.®™ทุ* 5 ®!’"“นุ’., ห่ยัห่สิน'™® ทา'เใพ้เบนว8ร่าน!ญเห่'!;®"รนรา®™รึ®®®®® 5 นุ' ”' 1 '™1"'™ เฬก๙™™®!!™ร!®," ะ -^ ฬใ ” ซ็ ยัก™ฟ้ง ๕ กัากย่าวากแก้วไนอง"นัต!''ส้น ๆ เนินาอารทรึนื 1®ฮ๘๓ ค่อนน ท่านสอนให้ค่าเน้นในการปฏิบคทางใจโคยฅรง คือ สุปฏิบนโน ปฏิบฅ ควยความภกคืท่อ 1 ใจ อุชุปฏิบนใน ปฎิบคฅรงคือให้มีความสฅย์ท่อจิฅค์ (อตฺต) ญๅย- ปฏิบนโน ปฏิบครูแจ*งในเรื่องของจิทฅ์ สามืจิปฎิบนโน ปฎิบฅชอบท่อจิฅค์ โดยความก็ ให้กำหนด รู้ กระแสริของจึฅค์ท่ง ๗ คือ ๑. จิฅฅ์เดิม ๒. ความคิด ๓. ความเห็น ๔. กวามนอมอารมณ์ ๕. ความรบอารมณ์ ๖. ความกำหนดอารมณ์ ๗. ความฅรวจ 1 อารมณ์ และฅวเชาว์วิถีที่แล่นไปจากจิฅฅ พระโยคาวจรผู้ที่จะปฎิบคชอบท่อจิฅค่ไค้ก็ท่องค่าเน้นในหอง วิบสสนาญาณทง ๙ ประการ ความจึงจ่ก่แจ่ม ในสกลกายน มีที่'?!ง © ผู้ทำ © เครื่องมีอ ค่าง ๆ © ความรู้ นบในวิบสสนา ขอรู้ นบในอาการ ๙ อย่าง ผู้รู้ นบในวิคฅ์เพราะ จิฅค์เบนผู้รู้ผู้เห็นและผู้รบรู้ควย ผู้เสวยควย ส่วนเครื่องทำ © การทำ © ผู้ทำ © สามอย่าง นืสงเกราะห็ให้เกิดกรรม ๆ น 1 นเองเกิดจากเจฅนา อนเนื่องควยจึดฅ์ ๆ เนี่ยงอย่ใน อตตะ ภาวะของกวาง]รู้ซ่อนความลีกลบไวิอย่างมห่ศจรรย์&ย่างนี่ จึง , จำเบใเท่องพิจารณาดูสกลกายนี่ท่วิย วิบสสนาญาณ เพื่อไค้รู้แจ่งแทงคลอดในภาพของจึคฅ์ คือ 1. ความรู้ประเภทใค ทำให้เห็น เอกภาพ เอกจึฅค่ เอกธรรง] อ'นคงมน'ไม่เสื่อมสญใใเส็งท่งป'วง และทำให้เห็นไม่แยกในลีงที่ แยกกนอยู่ ไค้แก่การเห็นควสภาวธรรม ที่เบน ธรรงงธาตุ ธรรมมฏ?ต ธรรมนิยาม ความรู้นนจงทราบเกิดว่าเบนกวาง]รู้จริงประกอบในทาง โง]ขกมธรรม โดยแท้ ควรค่าเน้น ๆ ๒. ควาง]รู้ประเภทใด ริในสรรพสีงที่เมนภาวะค่าง ๆ อใเค่างชนิดโคยกวามเบนค่าง ๆ กน นำ ให้เกลียด นำให้ชอบ นำให้เมา พึงทราบ'ว่าเบนกวาง]รู้ที่ประกอบควย “รโชธุ ล” ควรละ ฯ ๓. ความรู้ประเภทใค ทำให้คิดอยู่ในการกระทำอย่างเดียว แค่ส่วนผลนนมีอาการเบนเหมือนรู้ รอบหมดแลว ทงไม่เที่ยงแท้แน่'นอน และมีเพียงประง]าณเล็กนอยเท่านี่นั้ ความรู้ชน้คนน พึง ทราบว่าประกอบท่วย “ตะโม มีด หริอ โมหะ หลง” ควรละ ฯ ๔. ความรู้ประเภทใค ที่ ทำให้มี มานะ ทิฎฐิ อ')! 0 งการ มมงการ กวาง]รู้ประเภทนนประกอบควย “โทโส โทษ หรือ โกโธ โกรธ” ควรละ ฯ พระโยคาวจรผู้รู้ , ว่า ธรรง]กาย ดำรงอยู่ในหท'ยประเทศ แห่ง สรรพภูต ทำให้หมุนคงว่าหุ่นยนฅ์ ท่านจึงคงใจเจริถ]พระวิบสสนาญาณ เพือให้ถึง ธรรม กาย เบนที่พื่ งอน ยอดเยี่ยมโดยสนเชิง ถึงสถานอนสงบระงบประเสริฐเที่ยงแท้ เพราะความอำ นวยของ ธรรมกาย นนเบน อง]ตะ” ฯ 4 ใฐปิด่ ขน สรตะโสฬสา 1 องพ'ระสงฆอุก 1 ๑๔ นโม ตสฺส ภคว'ไต 8™โต ส 1 ! 1 ™ ,1 •'โ'' 1 . 1151 - 11 ส .! ปฐ โน ภคว3ต 0 าวก สงฺใ ฆ ธุรีป่ย ป' นิก"" ตุ ๒ ตุ ๗ ™?" ส่า สามึจปฐปนฺป ก๗ต สาวกส โ โฆ จต . ดา ’ บุ ’ ส ตุ™ ตุ 5 ,ร ; 'ตุ, ส่™ ก,ใ ส่าส่กส่งฺโส่ ส่า™ฬฺ' , ป"! 1 ' 1 ' , . โย ท เณ - โข 0 “ ช?ก ™ คูนตตริ ใ]ล]01,กเขตุต โลกสสาต *า (สุ) สุทธสืเลน สนปน.โน สนทโร สาสนกโ' 5 (ป) ปฏิสนถทา จ ตส.โถ จ ปณฺณฺาย อุตุตโร โถเก (ฎ) ฏิตุถิปราชิโต สตุถา (ป) ปสตุโถ ธนมคมกโร ปสนโน อฏฺชฺธ นุถ นุ 11 (นุโน) โน เจติ อุถถํ กนุทํ โนณตพุชฺฒิตํ ธ นุทํ (ภ) ภคราโค ภคโทโส ภคกิเลสสต[ตานิ (ค) คจฉนโต โลติยํธน.นิ คจฉ เทว กเสเสท : (ว) วณเณติ กุสสํ ธนุนิ วณเณติ สลรกฺชิตํ 1 (โต) โตเสนุโฅ เทวนนุสสํ โตเสติ ทุฏฺขิจิตุตานิ สุฏฺริจิตุโต จ โ ข ถา. โ ฆ สุ นุทรํ ปน มา นิทํ (รี) ฯ ปสฏฺโร5 โส อนุตุตโ ร ปสฏฺร์ บนนานิทำ (นิ) ฏิตถาฏ?วาปถาถเน ปฉ]ฌวนุโต อวง.กโต ปเสฏฺชํ บนนานิทํ (นิ) ฯ โน จ ปาป อการติ โนณทิสํ นนานทํ (น.โน) ถ ภคโนโท จ ปาถเนํ ภควนฺตํ นนานิทํ (ถ) ถ .คจฉนโต โลกุตุตรนฺบจ คนิตนฅํ นนานิทํ (ถ) ‘า วณเณสิ สลสนุปนฺนํ วณฺณนุตนุตํ นนานิทํ ( ว ) ฯ โตเสนุโต ธนฺนเทสติ โตเสนุตนุตํ นนานิทํ (โต) ฯ I ไ!2)๘(& •อ (สา) สาสน์ สมฺปฏิจฉนฺนํ สาสน์ อนุสาเสยฺยํ (ว) มนุตราคํ วนุตโทสํ วนุตนุตํ สพุพปาปานิ •๒ (ก) กโรนุโต สืลสมาธ กโรนุโต กมุมฏจุกนานิ •๓ (สิ) สํสาเร สํสรนุโต โส สํสารทุกฺขโตโม เต #๔ (โฆ) โฆรํ ทุกข , วทํ กตฺวา โฆยิตฺวา ติมฏกํ จตุททสสง ฆ คาถา เอเตน สงฺฆเตเชน ฎตถิยา พุทธวเสน ฉปณณาส พุทธคุผา สงฆคุณาจตุทฺทส นปณฺฌาส สมพุทธาน์ สงฺฆา จตุทฺทสาเจว สาสนนุตํ สิวํ รมฺมํ สาสนนุตํ นมานิหํ (สา) ฯ วนุตโมหํ วทฏฺฐิกํ วนตกเขสํ นมานิหํ (ว) ฯ กโรติ มลมตุตโใเ กโรนุตนุตํ นมานิหํ (ก) ฯ สํสาเร โส วิบุณฺจิโส สํเสฏฺชํ บิ 1 ใเมานิหํ (สิ) ฯ โฆสาเปดีสูรํนรํ โฆรนตนตํ นมามิหํ (โฆ) ฯ สงุฆคุณาทกฺขิเณยฺยา โสตถิ เต ชย มงฺคลํ ๆ] ฎิตฺถนุตนุตํ นมานิหํ (ฏ) ฯ ธมมคุณาอฎซิติส สรเตติ ทิเน ทิเน ธมมาน์อฏฺติสติ ภาวนาย ดีลกฺขณนุติ ๆ] จบ '๖ แบบทิ ®
  • ๆ]รพกิจซ'องกบบสสิไนแบบช 1 0 ท่านลอนไห้ท่อง๓๓บุ๓ และต่ต'“ ๓ ''ไนพระพุทธลงาสนา ท้าอาราธนา ะ!ห้ะ!ะ โ*.- ะ: ๒ ‘11ะง!อึ!-ร่อง ะ?!!?? ะ?ะ ?? ป็ น2นุ่ง!!อง- ลำอุ่น"™™ ? ™ภุมํซ II ล เด โ กํฬำ1**4 5 เฎ์ฐานจะอ้องรู้เ™ อ! ยู่ ‘ ' 3 ! 1!ะ1๓อ่. ™!! — 8 ะ ??'1111 II ”!!ปฺปาอ อ™'ธแ"‘ ™ร่’’™ รี” 01,, "™ ๓ " อ้อากา)เอนา™หง’'" อึงงะ■'๓™'™'' ๗ 2' ป " ตร)| ^ นา ท่าทันทนา’ไป'๓งห้อบุ'ง๓ นงกุ้ห้ห้อ์''ง 1 วา)2อแ0ะเ 1 าขาง ะ นอ้าง ช้า อ ๓ กา อ'ไห้๓ง 1 1 "ะ?;: 3ะง!?ะ อุง"-ง-™”- * 1 “ะ III อง®แลง.'ง"ร่อ๓™™ง * -™ ารณ์ ” เหนื ป? น!๓ออุ่™ห้อ!อี' ธ" อี '๓งะ"™งะ"อี™อุ™ง™ 'อีอ™???! ท่ง!งร!วะ ะ ๆ แร่ออ ะ' อีอ™™ง' 1 ซ็ง"™งะ"*ง™ ฒ1เฒอ ป ผิว่าวาสนามี มา ประกยิบธ รรม ะปราก นไ คย วพ คำบูชาธูปเที่ยนชวาลาปุบผา นโม ตสูส ภควโต อรหโต สมฺมาสนุพุทธสส ๓ หน อคคธูปพหุปุพผํ อหํ สเน ทฅวา อสืดี กปฺปโกฏิโย อภิรูโป มหาปจ{โฌฺ ธาเรนไต บฏกตยํ นิพุพานิ ปรมํ สุณฺฌํ นิพุพานิ ปรมํ สุขนุต ฯ วิธืคารวะพระรตนไตรย อุกาส อจจโย โน กนเต อชล!คมา ยถา พาเล ยถามุพุเห ยถา อกุสเล โยห ภนุเต ทุฎฺขิแจิตฺโต ปมาทจิตฺโต อคารโว อสมปดติ, โส ต็สุ พุทธ'าทสุ รตนตฺเยสุ กาเยใ! วา วาจาย วา มนสา วา ปมาทมกาสิ ตสฺส, เม ภนุเต พุทุโธ ธมโม สงโฆ อจฺจขํ อจจยโต ปฏิคณหาตุ อายติ สํวราย กายภใ!มิ วจกมฺมํ มโนกมมํ สพุพปาป วินสฺสตุ ฯ บาปเพราะโลภะ บาปเพราะโทษะ บาปเพราะโมหะ บาปโบราณกรรม บาปเวร- กรรม บาปบจจปนกรรม บาปบน เถือนน วนน ยามน ขอแค่พระพุทธเจ้า พระสง'ฆเจ้า จงกำฬัเสีย ให้ หมกให้สีนจากขํนธ์สนคานแห่งขำพเจ้า เไเ กาลบคนเถิก จตุ ตาโร ธมมา วุฒ๊- ธรรม ๔ ประการ ถือ อาย วรรณะ สุขะ พละ อ โรคย เบนถวน ๕ ปฎภาณ เบนถวน ๖ อธิปป เตยย เบนถวน ๗ จงเสถืจเขำมาบำรุงยงขํนธ์ท่ง ๕ แห่งขำพเจ้าฅราบเท่าถิงพระนิพพาน นนเทอญ นิพVกนบจจ โย โหตุ บทที่ 9 พุทฺโธ สพพฌฌุตฌฺฌาโณ ธมฺโมโลอุตุตโร นวสงฺโฆ มคฺคผลฏฺ- โซิจ อิจเจตํรตนตยํ เอเฅสํ อานุภาเวน สพุพอนุตรายาบ วนสฺสนุตุโน ฯ บทที่ ๒ นาฉ!ฌตร โพชฺผงฺคตปสา นาณฺฌตุร อนุทุริยสํวรา นาผฺณตุร สพุพปฏินิสฺสคฺคา โสตถ ปสฺสานิ ปาณินิ ฯ บทที่ ๓ ปณจมาเร ชิเน นาโถ ปตุโต สมโพธิมุตุตนิ จตุสจฺจํ ปกาเสติ มหาวรํ นมานิหํ เอเต สพุเพ มารา ปลายสุ ฯ ๒๘๘ บททื่ ๔ อาขนด. โกนโด อิธ ทานสิลา เนกขม.มปณฺณา สน วืวิ ย ขน .สิ สจจาธิฏฺชานสเม ตฺตุเ ปก.ขา ยุทฺธายโว คณนาถ อาวชานติ ก บทท้ ๕ ตสสา เกสิโต ยถาคํกาโสตํ ปวกฺขติ มารเสนา ปสายสุ นโส ทิสํ ปลายสุ อเสสโต ๙ ) บทท ๖ กำแพงแก่ว ๗ ประการ พทธํ สตฅรตนปาการํ อมุมาก สรณ คชฺนาม ธมมํ สตตรฅนปาการํ อมุทากิ สรณํ คจฺนาม สงฺฆํ สตตรตนปาการํ อมนากิ สรณํ คจุนาม สุสุ ถะละ ธาธา โสโส นโมพุทธาย พุทฺโธพระบง ธ มุโมพระบง สง.โ 1ฆ พระ บ่ง ฯ บท ท ๗ มงกุฎพระเจ่า 5ตบ'โสาเสเสอ, อเสเส ทุทุนาเม8, อเมนา ทุทุตำสอ. อาสติ พุทธ บ 1 ดึอิ ฯ ตโจ พระพุทธเจ่าจงมาเบนหนง มํสํ พระธรรมเจาจงมาเบน 1 •นอ สมุ พระสงม 1 จ่าจงมาเบนกระคู๗รีเพชร ฆงฆง อิส.วาม มสวาสุ สุสวาสิ นุา™สิสิ นอ 1 พุ 11 "ว จึงอาราธนาพระ ก่งฅ่อไปน วิธือาราธนาธรรม สาธ สาธ สาธ อกาส อกาส อุกาส บก่นขาพเจาจกกระทาปเ)บอบชาอบ- , กำส'งสอนของพระสพพญฌูโกคมเจ่าจก เจริญพระ พุทธานุสสติ I ะ ะ ธ'มบานสสติ / กํมม่ฎฐานเจา ขอเหขาพเจาโก้บกธรรมเจาทา^ ยุกสธรรมท' , ๖ สํงฆานุสสติ ) !©๘ สุขสมาธิธรรมเจ่าอนประเสริฐ ถ้าแมนขำพเจ่ายงไม่ไค้บภิธรรมเจ่าที่ง ๕ ยุคคลธรรมเจ่าที่ง ๖ สุขสมาธิธรรมเจาอ 0 นประเสริฐฅราบใค แม้เนอแห่งขำพเจพกเ!]อย หนงและเอ็นจะขาค กระดูก จะแตกย่อยยบเบนผุยผงประการใค ๆ ก็ดื หากชีวิตของขำพเจายงเบนอยู่ตรามใก ขำพเจ่าจกทำ กวามเพียรเอาบติที่ง ๕ ยุคคลธรรมทง ๖ สุขสมาธิธรรมเจาอนประเสริฐให้จงไค้ โคยกวาม ต , งใจจริงไม่ตองสงฒัแท้จริงนนแล อ็มิ นา สก กาเรน พุทธิ ธมมํ สงฆํ ปูเชม่ ฯ คำสมาทานพระธรรม สาธุ อุกาส บคนขำพเจ , พกขอเอา สุขะ ขณะ อุคคหใ1มิตต็๋ ปฏิภาคนิมตตํ่ ใใเแห่งหองพระขุททกามติธรรมอนประเสริฐ ขอจงมาบ‘งเกิคให้ปรากฎแจ่มแจ’งชชวาลย์อยู่ใน จกษุวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ แห่งขำพเจ่าในขณะเมื่อขวิพเจ่านิงภาวนาบคนเทอญ แล่วิบริกรร3] “พุ ทโธ ๆ ,, ต่อไป ๆ ถ้าจะดำเนินทางอานาปานสสติ อ็กว ร กำ หใเคดม'ในเวลาหายใจออกว่า “พุ ท” เวลา หายใจเขาว่า “โธ หรือเพื่อจำง่ายว่า “พุทธออก” “โธเขำ” ก็ไค้ จบแบบย่อ แบมน ๒ พระกมมฏฐานแบบพระธรรม ๓ ไตร (เวยงจนทร็๋) ๑. พระโยคาวจรเจ่า พึง ริกษาศีลให้ บริสุ ทธิ ดุจพระ จ นทรีในวนเพ็ญนนแลว ให้ หลีกเรนอยู่ในสถานที่สงค เตรียมต่วนงตามแบบพระพุทธรูปปางนํงขํคสมาธิ ตงสติสมปขํญญะ ให้ติ แลวจึงพิจารณาดูลมหายใจเขำออกแลที่ฅงลงาจนชำนาญ เพราะหลกแห่งกวามรู้ทางจิตต์ แลชีวิตนน ขอสำต่ญที่สุคอยู่ที่การกำหนครู้ลม ถ้าลมหยาบ เวทนา อ็หยาบ ลมปานกลาง เวทนา ก็ปานกลาง ลมละเอียด เวทนา ก็ละเอียด ถ้าลมนิงสงบคงที่ เวทนา อ็สงบเช่นเติย่วกน ยงเหลือแต่กวามรู้กบสติเบนคู่เคียวกน ลมม ๕ อย่าง ลมปราณ, , อยู่ระหว่างสะติอกอกลวง ๆ ลมอปราณ อยู่ใต้ทองนอยใค้สะดือ 0 น็วนอกเนอในหนง ๆ ลมสมาน, อยู่ที่สะดือสนธิอยู่ที่ ปราณแลอปราณ ฯ ลมอุทานเคนอยู่ระหว่างกอก‘บหว่างกว ฯ ลมวยาน เตินสร*านอยู่ฅลอค ไส) 6จ
  • 1 . 10 ก- 18 ๆ เมือลังเกท™ไอ้ทึแลว รี!ทรวทุ®®'®๓พร่างกา 0 ของ®นในข 0 ’'ะนงอขุ่นน’อง'ท่เบืน สุข เบนทุกข์หรือเหึนอุ’บ®ข’ ให้®งใจพง’รอง”"กาบ’ของ®’ 0 ว”’^ "''ใ’' ใ”รก’บุ'' 1 ข่องกนและ®ไเให้เจนแท่'ไห่™ป™หึ™ , '' 1 จึงธ®®®ข® 3 ห™น่เองออ®®'ง็เบืน’'ล้®®อ’' 1 หึ' 1 ฒย่ทํให้เบ็นพระสรรมทง ๘๔.000 พร-.®รระ'ขน®' แล้วพำในใจใ®™™''®ห่ “'หึนพระ®™' ย่นย่ริธุทธ จริง ๆ พ่อล้นให้"มมคืล้อน®ระวา"" (ก®บง) 1 หึนุ่ง®ยู่น"ห่^ ล้าอุ®®ราองค์ (ล้าจรร) หึห่มอขุ่นนเบืนพระอู®ร์ ล้า"■'งบาป็หึพา®อขุ่น 1 น’หึน’ , รรบุรบ''ร่บุ ๓ ย่-ย่ข่)ย่ย่ย่ทเอวหริอล้าร®®ก'เป็น"าย่เข็อ®'พำน'ผู้®'"ระ'กบ'หึ’ บุบุ™บุ™7บุกั ว " ง เยยงพระธรรมจริงๆ ชาวโอกเขานับอือแลล้ก®าร®® พ ระ®'’'หึร์นัน' 1 ® ก็ให้®'ง็ใจล้นนนบุ 1 'หึ 0 ผูก 8 ;ท่อยู่'เ®แล้ว)'ให้ก่ง , ใจพิจาระ'เาทุพ'ระ®'ร'ระบ่ใน’พระะ:รร"เป็นขนหึ ๒ ท'งฺบริขารแป®เหึนพอ® พจารณข่อึก คือบา®ร์ ให้ละ)ะ)®ว่า ไท้แก่กะเพาะหึพุ้ะ'ห่อ®''วเรา’® 3 ใน 1 ว"■'หึน' 1 น' 1 อู่ใ น 5 พโภ ย่องย่าร®าแพ่ยงไพ่®อ®® ให้เท่'อึกบุพ่จาร 0 ’าให้’หึ®®ว™หึ‘-7ว่ากฺารหึ’รา®® 3 ®™"™™ ก็เปรียบเทมือน®กนรก ชึ๋อ โตหกุมรำ ล้าเราอึ®บา®ร์อุ้บบา®ร์อขุ่อ 0 ’งบุ่' ก็®®ง’วฺยฺนว่า 0 "™ เกย่อยุในลํง์สารทุกข์ใพ่บืหึ"นอู® ส่วนออ®บา®ร์แ"ะ"า 0 "พ 10 ฟรี 0 บเหมือนบ’ร®’ผู้’'ร. ไท้เสว’ยทุย่ข์เวทย่าแลนอาล้ลนนใ® ก็ใสเจ™®บุพิจาร 0 ’’ในข 0 ’ะ®ร''งบ™ร์ร่ 1 1 บี®''"' 1 ร’หึ 1 ’ ย่นล้น ให้๓®ธรรมลังเวชน่ในอาหารปริ’ 0 ลิ®’’®ข์ ‘■ขบบก''ร®" ไ®”ก่ร®หึก้น®®บุ’ร®''อู่ ใ®ยรอบ แล้วกรอง®ล้นอาหารหึ 0 ะ’อี 0 ®บ’บ่’ไง’" 0 ง’”ร®ใบใ' 1 ' 1 ' 10, ร' 110 ปรา®จ’® 0 น"ร 10 เหมือนทมอ®รองหึเจ''าอีกบุ®รองน , '’หึใ""®’®บรํใ®®ล้น'’'’' 1 ให้ปอง 0 รรบล้ง'วบุบุน์ว่™รร , ”รบ หึแท้ล้นสอาทบริสุทธแท้’บํ่นญา 0 ’ แท่มือ®®"’:รรบ หึ® กัญ!แา"เบาหึบุบุ้ใว้ 'ร”;®ร'’ง อสุย่อกรรมออ®จย่®จึทค์ เทมือน®รองล้าให้ใส"อา®นน”" ว กส่องแอะบุขฺบนน’ปริ 0 บุ®บุ่’งนว่’ กลองเข็มเปรียบเหมือน อว , )!ชา เข็มเป? 0 บเหมือนก’รบหึ®®บุ®งปอํ"นขํจิ®® ร' 10 'บุ้ 0 008 วย่เญาณย่ย่งมารทาหึ®าให้ลนอึ®''บปอํลนริวิญญา“ข 0 ง®นให้''®หึ' 1 ใบ่ใหึบํ 1๓ '' ๆ "'บุ™ บ เหมือนตณ หา และ® มอสสวาต หึสสวาต สำหรบเชึ๋อมแอะ 0 ®®®®ก”’ของ”’ แบุะอ®®®” , ของมารทาให้เนองกันไว้®ว 0 อำนาจ®รรบหึ 0 ’ข็บ ให้เจ่าภํกบุพิจาร 0 ’าป"งขรรบบุ้ง’วบุน์บุ่บุ'” 01 ’ ทย่ย่เข็มรอ 0 เข็มก็คื อาการหึน่าเข็มไปเย็บไปรอ 0 ว®อูหึ”®®®’ง®''นให้'หึน 0 ''บุ'หึ 0 บุ 101 'หึหึ หึ 1 '' แก อุปาทาน ล้นเองใช่อีนไก 0 อุปาทานเหึนผู้"นบุ้รอ 0 ®รรบ แสะนำ®รรบ 1 ป’ 0 บ 1 ป'® บุ บุ' 00 ’ เหน 0 วล้งนามกบรูปไว้หึนาบกบรูป ครนแลวก็ทบุนเวี 0 น’ป" 0 นใปใน"ง"’รรัต’ใ 0 หึใบ่บี'’ 01 สั้นสุด จึงกวรพจารณา ให้ เห็นเบน ทุกขํ อนจฺจํ อนตตา ว่า กอนพระธรรมซอนความ สึกลบไว้อย่างมหศจรรย้อย่างน ๆ มืดโกนนนเปรียบเหมือน ดวง บญญา และ วิชชา สำหรบ จะไค้กดก่าย คือ ตณหา กัด อุปาทาน ผู้จะนำเข็มคือกรรมเข , าไปเย็บไปรอย ให้ ขาดไป ไม่มื เวลาจะกลบคืน ดำ เดีมไค้ เหมือนพระพุทธเจ่าทรงจบพระขรรค์ฅคพระเกศกวาวออกสู่มหาภิเนม- ก รมฉะนน ๆ ให้ เจ่าภิกษุพิจารณา ให้ เบนอนุโลมปฎ๊โลม ให้ ชำนาญอย่าประมาท เมอ ใจ สงบแลว พิจารณาคู พระ ธรรมชนที่ ๓ คือ บริขารแปด นั้น ใช่ อื่นไกล กวามดีความจรีงท่านสอน พิจารณาด ธรรมสำเวชน์ คือ อดีตทุก ข ๑ อนาคตทุก ข ๑ ชา ตทุกข ๑ ชราทุกข ๑ มรณทุกข์ ๑ อาหาร ปริเยสิกทุกข์ ๑ ปกิณณกทุกข์ ๑ พุกข์นั้งแปดนเรียกว่า บริขาร- แปด ของ จิกค์ เมื่อ บจจุบนนทุกข์ ๑ ฯ พิจารณาไค้ชดว่า บริขารแปด นเบนบริวารของ จิกค์แลวจะไค้รู้สึกกัวมืความสำรวมสดีทุกเมื่อ ก่อนนจะไค้เกิดความเบื่อหน่ายคลายละในกัก ก ภาพ ร่างกายดวยอำนาจความรู้จริง ไม่พำพนในสำขาร เมื่อมละทางผิดพนความมืดไค้แลว ย่อมมอง เห็นทางสว่าง ฯ ท่านจึงสอนให้เจ่าภิกษุคูบริขารแปดของพระพุทธเจ่า อนมืสมมาทิฏฐิเบื่นกน มืสไเมาสมาธิเบนปริโยสาน เพราะเบื่นหนทางที่จะให้รู้ให้เห็นพระธรรมที่จริง คือ อริยสำจธรรม ได้แก่ ทุกข์, สทุ Vเย, นิโรธ, มรรค จริง ๆ ขอที่เรียกว่าพระ ธรรม ๓ ไตร ก็คือ หมายความกึงการพิจารณา ๓ ชน คือชนนอก ชนใน ชนกลาง ฯ ในชนกลางมี ๘ แก่ท่าน รวมลงเบน ๓ คือ ศล, สมาธิ, บญญ า, หรีอ อธิ สล. อธิจิตต์, อธิบญญา จึงไค้ นามบญญกว่า พระธรรม ๓ ไตร นนแล *11 พระอาจารย์เจ่าวางอุปเทศแห่งการ พิจารณา ดำก่อไปน ะ- ๑. คอ มโนธาตุ, ธมฺมธาตุ, วิณฺฌาณธาตุ ๒. กมมินทริย์, กบ ณาณินฺทริย็่ หลกในขอ ๑. อบจ ยทา รูปารมมณํ จกขุส 0 ส อาปาถกํ อาคจฉติ ตทา ภ วงเค ทวิกขตตุ๊ อุปฺปชุชิตวา นิรุทุเธ กิริยามโน ธาตุ อาวชฺชนกิจจํ สาธายมานา อุปฺปชชิตวา นิรุชฌติ ฯ ตโต จกฺขุวิณฌาณํ ทสสนกิจจํ ฯ ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิฉนนกิจจํ ฯ ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฌฺณาณธาตุ สนฺตรณกิจจ็ ฯ ตโต กิริยาเหตุกมโนวิณฺณาณ- ธาตุ โวฏฺพนกิจจํ สาธยมานา อุปุปชฺชิตฺวา นิรุชุณดึ ฯ ตทนนฺตรํ ชวสิ ฯ ที ในคราว , Iครุปารมณ์ใหลม-สู่ภคอง*!ไไ"คราร"" เหื คับไป ๆกรยามในธาตุอนคั)พัชนํกฺจไท้สำ'รำ'เยํคชันแคัพ่บฒ้ไป ๆ ™™' วิ™ณ-!ณ คัาฒ้ทสสนํกิจไท้ยำ)รำ'กิ , ’™แ 8 ™ก'ไ , ) ๆ 8คน " ว ากแ " กตุ ซมปฏขฉนนกิจไห้ยำ)รี , ' เกํคขนุ ) 1 -!)')™ 11 - 1 - 1 ๆ ™™ 1 'กํ!จ!:'!!กํ!กํ!ป่กํ 1 ยู่น 0 : คัน, 8 ” /ณต็รณ?าจไท้ยำ เท้™กํบีไป ๆ *สิ 5 "ชนตุกฬ่"‘ฃฺ '""'ตุ โกํอ™พนกิจใ"กํกํ)รำ) ๓ห 1 “ขาณสิวคน'ไป ๆ ชวนะ™ยอ)'แตุ่น'ไป''8*4™ เ ชั!2 53ยํท้กํณ™าหุ™- กํกํ—™ อฺนุไ 8 ‘“' 1 *"!!! ไ!ป่น่กํป่กํกํป่ป่ฟ้ 1 !)ๆ 1พั'ชั"™ หแกิ''หราก’ ’ บ^ไกํไท้ท้า™ไป (ท้าน)™กไ™) 4"? 8 4 ฟ่|ฟ1 กํกํกํง ะบีน)หมีอง๗โ™บมีโภหช๙หุ่ก ท้อฺ ! 1 5™ า \ วิ สิ!™: กํกํป่ ยา®'นฺทรึย ท้ง่สองประเกํท่ คังหอยกกห'ไร้อย่า))ท้กกิ ท้อตัวกามไท้แยํ ก'สส' 1 สิตตุกาม 8 ' คุณ'ไท้)แก่ สต.โต (ยํกิร์)’ โช ไ , ! 8 ) ตโม (2ค) ฯ เท้คกำก สตละ ความโกก เกํIVาก ร , ยะ ความประ)™ความ" 8 )แก"-™าแไ' , โ ‘สิ"’'" ตะมะ ฯ กํป่,นกคุณท้ว่กอ)บีซึมซาบอยุ}"กิ'ก'” กิ"™''™: ๒๒ ร; โ !!!!!! กกาว™™)บอ)กํ™กํ)กํกํ) ท้อ‘ห"'™’' 1 หราม'บี"ไ' 1 ร'"™ ,1ลึอ รนุ! มีป่. ป่พ้ กํ กำยกนะแท้)ก"มีมีพา™ * จ™ ก"! 9 4 ย . ■!.! คกำกํร่; ท้อ จกชุ โสต ฆาน ซวหา กาย'' •อ"หนี))"ยำ"มี"''''ยำ™]กิ!’ , " โฬท้ ท้า) กํ"ไ"กิกํ)ท้อ สกฺ 5 กก 5 " ^5กํ!! ใจท้น! 1 มุ่น’ไปคาป่อินหมีป่กํ!ายกำที))กวออา™ณ"กรุ)กิ'''กินีป'™ ,3 "เาอกุ™"ก้อ!กิ!"™' 8 ”! ไป่มีกํป่กํกํกํกํกํกํกำ&. ถ้าพ™™ข่มท้"หรืมี0*44*2*55!! 1 ! กํนุ,-คัน ท้นกํป่ย์ยำทรบข่), มี ๕ ประกา)ท้อ สก. 5 กุ’' , ’" ความ'ก"'ไ"ญ่ท้"ความ)หิว’"ป¬ าารึช กํวามเป็นไห!!):ท้อความ)พี!)'ร สตา!" 5 ย ความ)บี"ไ"ฃ่ท้ออฺกิ ^4 ท 1 ย ,!!!! 1ไหญ่ท้อกํป่ามี ฬฺนฺาส์กํ ห™)บี"ใหญ่ท้อบีพา สิาอบรมกิ"หร™ บีไท้! ท้จป่มีคั)กํกํจณัก่แกะกิ"ห-โบีอยุ่ไ"กิ™' !บี1)""หา)))ยํ)ไ'™ธรร..ไห™ร)กิ พิงป่รกํป่กำอ้นหมีณ์ป็นใหญ่หรอ)อยู่ไ"ชัน! ชาตุ- ย'ย'" 1 "ท้หท้'บี"ไ''พ่ยํ 1 กิ" , '™ บญเฐาฌ็นใหญ่กว่าจํหห์ สีงท้ฒืนใหญ่กว่าก็)ห 15 )ปา) ท้อ อกตะ 1 '”ห " ๑. กำ หนคที่กั้งสะคือ บุรุษเอียงขวาเท่าเม็กข่าวสาร สก รี เอียงซายเท่าเม็กข่าวสาร ฐาน'นเบน'ที่'ระงบบุกข่ท่งปวง *3 ๒. กำหนกกั้งที่เหนือสะคือนอกเน์อในหน'งปร ะ มา ณ ๓ นว เบนทิระงบ 0 กุกสวกก กัง กุศล ธรรม ให้ เกิคขน ไอ้ โกยสก วก เบนที่ประชุมธากุ ๔ และสมปยุกอีธากุ ๖ ฐากุ ® ๘ ชุ ม 'กุ ม ลงเบนธาฅ กอ (อ) แล่วเปลยนเบน (จ) ทาลายธากุและกงธากุไกวาก5านา' ว ๓. กำหนกในเนือห*วใจ เบนทิปฏิสนธิวิญญาณเวิอไปกวยกุกสธรรม อกุกลกรรม และอํพยากฤก ล่ากงสกิส'มโพชล'เงกสกกไก จกกวงวะกาเนนลูกทาง ไมเขนนนกวะเมนกุวนาใส สีขาว สีกำ ผสมกน ๆ แก่ล่าฅงสกิมนสิการในโพขฌงอี ๒ วนกลอก และรวมเบนเอกธรรมวิกก กรวมล เบนเอก'?เกการมถไแลว จะทำลายมโนธากุ ธรรมธากุ มโนวิญญาณธากุไก ณะสถานทามกสาว นื จิกอีวํกสงบและบริสุทธ ๔. กำหนก ก่งที่สุก ลำกอเบนสถานที่หลม เบนทํร่วม กุท่' พา ร สณ 1 ต ภงคะ เบนที่ขากรส เบนที่ ภงคะ เบน นิโจธสํจจะ รวมกน วะเห็นวะรู้ นิโรธสจจะ บางชะนิก ไอ้ณะสถานที่นื และหลบง่าย ฯ ๕. กำหนกก่งทิปลายนาสิก (ปลายวมูก) เบนททาไหเกกบกแสะปราโมท 0 นาใหรุ กวามสีน กวามเสื่อม ความ๓ก กวามกับแห่งล่งขาร แจ่มแวงแก่โว และนำให้รู้ปฏิสนธิวิกก แห่งล่ฅว์กั้งป'วง จิกอีวะสงบไอ้ง่าย ๆ ๖. กำหนกกั้งที่วกขเบนที่ให้เกกบญญาวกษุ พิจารณาเหนบาปบุญกุ ณ โทบ ประโยขน และม็ใช่ประโยชน์แน่นอน เที่ยงธรรมอีงนก เบนเหกุให้ไอ้ทํพพวกษุ เบนกุบายทำวิกก์ให้ก เที่ยงกรงก่อสกิเบนนิว ๆ ๗. กำหนกกั้งที่ระหว่างกว เบนที่ชำระมลทินโทษซงเก่กวาก 0 ารมถใก่า ง ๆ กก์ใม่ พิงสร้าน ไม่ง่วงเหงาหาวนอน เบนที่ให้เถิกกปะเกชะมีสิทธิพสมาก เบนทิสงสมบญญากนก ฯ ๘. กำ หนหก'0บนกระ:หม่อม เป็น™’0แห่ง ขนต และ โสร พ ธรรม นำ ให้™ อาคมบณฌูา และ อธคมบญญา ล่องเทอุในอลี™เละธ"'™ รวม'ในม’’ม'น และรู้เห็นใ" ธรรมที่เบนบววุบ่น กอวิบสสนาญาณไก่แวมโว ก 1๑๙ &. ๙. กำหนค ฅงที่ ท่ายทอย เบนที่กงั้สนิทชองสกิสมปชญญะ เบนที่๓บเวทนา ท่งป วง เบนที่ระงบวิสภาการมณ์ท่งปวง เบนที่รกษาโรกเสนประสาท และจิกก^งสราน (ที่เรียกกนว่า หำเสีย) เบนที่คบกวามกระสบกระส่ายและพิศม์ร่าย ทุกขเวทนาท่งํ่หลาย เบนที่จะกำหนค จิฅค์ ท่าให้ไปปราศจากบาปธรรมท่งั้หลาย ในเวลาจวนจะถึงมรณะกรรม นำจิกค์ให้ถึงวิมกกิชรรมไค้ ง่าย ถใทำ'ไค้ชำนิชำนาญคีแลำ จะเบนเครืองมือใช้ไค้ในเวลาเลี่ยวหำงาน (จวนฅาย) อาจนำ ปฏิสนธิจิฅค์ไปสู่สุกกิสถาน หรือถึงนิสสรณวิมุกกิไค้โคยแน่นอน ที่กงนึ่เรียก (สกกประเทศ) แบมท้ ๔ แบบตงธาตุ ของเกจิอาจารย์ (ลพบุรี) บุรพกิจพองกนเหมือนแบบที่ ๒ ทุกประการ นุ ชุ บ้า พื า จ จ จ ดิน จิณฺฌาณธาตุ ลม ไฟ © 1ซี) 0า ๔ &. จิธเตึนุธาตุ ©.น นุ บุ ย -5 ย ยํ ฯ ๒. ม ม บุ ย ย ยฯ ๓. พ พึ ฟุ ย 'รึ ย ยุ๊ ฯ ๔. ธ ธ ธํ ย ย์ ยุ ฯ ถอดยุ ถอด ยุ เบน ๐ พระอาจารย์กล่าวไว้ว่าวิธีนึ่ จุคประสงค์ผลสำเร็จ คือให้จิกค์เพ่งจิคก์ ในฌํ้องฅนกง์สกิลงเบนภากพนของจิกค์ไว้ก่อน แลำกำหนคก , งสกิเบนอารกขา จิกค์ให้อยู่ในขอบเขกค์ของสกิเบนกรีงที่สอง แส่ำเกิ'นธาตุ ๔ เข่าไปหาวิญญาณธาตุ เบนกรีง์ที่ ๓ กามส่าคบ การเกินธาตุ ๔ กามแบบที่วางไว้ข่างกนนน กองจำอก ข ระให้ แม่น ยำ เคนให้ ถูกระยะ อย่ากาวก่ายเปลี่ยนฐานก'น หรือสงสยแกลงใจเบนไม่ไค้ พยายามท่าคำยน่าใจเยือก เย็น อย่ารีบรอนหรือจบจค ให้กำหนคเวลาว่าวนหนึ่งจะท่ากี่ชวโมง และเวลาไหน ให้'วางก'วามสพ
  • ๖ ไว้ ฟ่แดึ- 1 &•&ทท่พ้. ๆ ไอ้ 1 ™น'ง ผํ ๆ อุ 0 ' 1 อุ้ ขาคการ ฅก มกพร่อง อย่าท่าเพราะปรารภกรร™องไ 8 'าเบึนไ 11 '’) อย่า'ปรารภอนพุ๊นไทญ่ ห้ ปร่าร่ภธรรมเบนใทญ่ พำให้ปรากจากอกหื ๔ หือ ’ คสิ โท 'อุ™อุอุ ๒ 'อุ” ภยาคติ ฯ พํอนนจึงภ้งใาแค่น!!ากุโกอบร่กรร 11ฅามแบบ " วาง ^ ’อุ’อุอุ'! ๓ง . อา1ทร ป ไร่;บีอาการมา ค™รุ๗ว ไห้ค 1 หืเหือนต่ให้รฺลีกนิ'’กร™น 0 ห'™อุรอุ"อุ่รุ’อุ่อุ่ ไห้ร่ร่ร่มหํร่ พำหนค’ 1! ราคุนา ม ราทุหืน ® อ'"™ 1 '! 11 อุ 1 ';' ,,1 ’ อุ ว อุ เป็นห'ให้ปราก 8 แค่น-จรง ๆ ๗ฟ้-เ™ ไ'™ๆ 1, รุ้ อุ!'*^ กร่างพํร่ ๕ เร่า! ตังอยู่ใน ๔ อ้ศ เร่.!หน่งอยู่ระวาร™ห เมือทำอุหำนาญ™!นก? ๓ ™ แร่■ว ใ™งอำทมลงอก ครทพู่๒หาอ่างห่อํง่ และพำ!)กลางไห้แน่นอน อ' 1 ™' 1 อ" 1 , 1 ก!ใ, อย่าทนง อย่าอวคหืดว!!นิฏฐํและ"านะ พืฟตพู่พเกฺแพู่ อ!!าทากวา!อุพอ ข่อไห้ลอด* ยุ ออก!!า™ โด!™ร่าเร่กฺเอากากุราคุ “พู่/"!™ เกิด'ข้น!ให้พำลา!!นํมคหืทํ้งเลี!! และพำลา!!รา'!!น’ ซืงเป็นหล''กเกินน์น์ไห้ลุญ 8 น ป อุ 1 1 ''อุ™ อากาศธาดุก็'จะปรากฏ อุคศหน่บีคไ และปฏํภ™นิบี'™ ก็จะโ'งอุรา'’อุน 1 แล้™™ ป นิ ชร่ร่พํร่นผุพำ ร่นินเร่ต่เมื'อเห็นแลว อ™งไ™ อย่าง!ม •นิยุ่คหืน้น ๆ ให็บีอุาเบน™™ 8 ' 0 ๆ เป็ร่ร่ร่คร่อฟร่ะล้ร่พร่ะรรร" ผุ่คาเนินหางค่คค่ละเคแลหํะพํอ่อุอุอุ™อุพอุ 1 ™ใ" ,, ™ 0 อุ'; ร่ปีร่ร่ร่ร่ร่ร่ร่ เร่ร่นร่องพำเร่™แก่ , ไจ ฅรวจดุให้•ง่านาญก็อเห้นแล้วกํไห้โ รุ้แลฺวอุอุห้™" ใ อุ้อุอุอุอุ พํร่,คร่ร่มเห็น ร่ร่มลงเนินล้นหื"วพํนิ วะไค่กนโ!เหะไบีไห็ก่อุเรองแ 8 ะอุ่''ไอุ้อุ ,ลงทาง 'อุ 0 ’™ ร่ร่ตัหํฬุ่ตัอยุ่ องอาจแล้ว ไห้พำลา!!อากากร™พ้งเลี" พํอนแล้ว■วห'“อุอุอุ อุ ปร่ร่กฏ?หํดยลาคบ ศร'เร่ร่นอย่าหืดควง•วญ!ญ!™นิลร่างไลว™™ฟ้นร่ว"''™ 5 ’" 0 อุ" 1, อุ โคยฉะเพาะเจาะจงว่าน V•ระทุกขํ น พระอน น ทอานาตาระ^ ม 1 '[ปรด พอก'วา!!รุ้เกิค™. กำท่งเครูเท่าต่อ'!วา!!เนินจริงไอ้ ช กแ 8 'อุ คววุญญกุ“ร'')' 1 พ'’ 11 ? 1 ) ไปร่านนิ (ถา ไม่รุ เข่าหืดรุ ลอนดวไบ่ไอ้) คราวน้จะเป็ดง'นรไล'!นไห้อุ่"ไ 1,1 "อุ 1 ™ ทะลุปรุโปร่ง'ไปทวไลก อ'คฅภาพร่างกา'!’เองเอง ร่างเปล่าคุ้งออุ่โก' 1 อุว™เพืนอุอุ 0 ?อุ อุ' 1 ™ ใร่คงร่หืร่นสุงให้ละเนิ!!ค (แอ้ลับไพ™'งก์ แล้วไห้อ่ริอ์เบ็นกุ 810 ไ'' 1 '' 0 อุ'’ไ! ใ อุ- ร่ห้ร่ให้รไร่ ให้คุคร่ร่.!รืงชองหื •รงแอ’'อ'ร™ไ แปรเธนค่ริ''า แปรอุ'' 1 อุอุอุ อุ 1 ™อุ;อุ่ ร่,• 1 ,ว!!ทจํดด์นิก ไห้ ลแค่เว้!'นิ!!'คอน ๆ ออ่าไห้อละล้น วางไว้"™น่'พ ต่อน่นไห้" 0 ร" ๓ จิตต์ไว้ให้มนคง ให้จิตต์เพ่ง จิตต์ซึ่งเบ้นธรรมซาติกลาง ให้จิตต์อยู่ทีจิตต์ (เรียกว่าถอดจิตต์ ออกจากอารมณ์) มีเอกธรรมเบืนอารมณ์ คือสติ ส คืน ไค้แก่ ตว สภาพจริงทีมีอยู่เบนกู่ของจิตต โดยไม่มีราศีกใค ๆ จะประหารไค้ ต่อนั้นจิตต์กจะอยู่ที่จิตต์ หมายความว่าจิตต์ไค้ทีอยู่ คือ ยอคสคื (สติธรรมเบ้นเครื่องตื่น) จิตต์เบนเจ้าของบ้านให้จิตต์คืนอยู่กบความรู้ ไม่มีอารมณ ภายนอกภายในไปเบ้นเจ้าชองจิตต์ จิตต์จะตรงต่อความรู้ กวามรู้จะตรงต่อจิตต์ จิตต์เบน ธรรมชาติที่ว่าไค้ คือสอนง่ายวางใจตนเองไค้เบ้นอย่างคื เพียงเท่านืก็จไค้เสวยผลคือความสุขใน ทางสไ]มาปฏิบ้ต จคว่าเบ้นผ้ซือตรงต่อพระพุทธศาสนาโดย แท้ เมีอหวงวิมุคืสุขอนยอคเยียม ก ให้คำเนินในทางวิบ้สสนาฒต่อไปนั้นเทอญ ฯ บทท ๕ แบบดินธาตุ ทำจีตต็่ให้เบนสมาธิ ๏ บรพกิจ เหมือนที่กล่าวมาแลวตุกประการ เมื่อนั้งเขำที่บริกรรมคำเนินตานอกบว ซึ่งสมมติเบ้นธาตประเภทหนึ่ง กำหนดลกบณะ รสสะ ปทฏ1)านะ บจจุบฏ’(กนะ ๙ ! ท่าให้ เบ้น อาวชชนะวสี สมาบ้ชชนะวสี อธิษธฺานะวสี วุฏฺ'เกนะวส์ บ้จจเวกขณะวส กำหนดไค้ดีแลวจึงตงใจอธิษฐา1 แ บริกรรมธาตุ คงต่อไปนึ่ ะ- น ม พ ธ ช น่า ไฟ ลม ค ดิน อากาศธาตุ วิญญาณธาสิ จ พ ก ส ดิน ลม ไฟ นํ้า วิธิเดิน ๑. บริกรรม น ไปตามลำคบถึง ส อกษร ๆ รวมสง (อ) อกษร ๒. บริกรรม น ไปหา ก, ม ไปหา ส, พ ไปหา จ, ธ ไปหา พ ฯ ต่อไป อ ที 1 ให้เบ้นอนโลมปฏิโลมจนชำนาญดแลวให้ถอด อ อกบรพอกเพง เมือท่าลายธาตุไดแลว อากาค ธาตุและวิญญาณธาตุจะปรากฏโดย - @ พระอาจารย์กล่าวว่าเบ้นแสงสว่างขอ')ธาตุทีกลมกูกส่ วน 21ง*;ป็ปยรรบบาโป? ค บาง™ 3 ,รง™กไปห ^'™? ถ้าหายไปใช้ไม่ไห้ บางพึ!งเข้บา,าบ,รา 1 บ้า 1 " บ่'™ 10 ไ 5 'ข้ 2 เ ป็111กรัานุ ข้ทุ่งออ™,'าข้ง™ป็นแ' 5 ';”ๆ!! 21,12นอยุข้ง™บ่ไม่เข้ 1 ยู่,™ไห้บ่™™™ ฬ๊211องห้ง (21 ;อ์) 22,21212™ 21กนไม่ไห้ 1รนำไ, 11 ; 21 รีง!!!ฬ111222ร อ™ 1 2 21 ไฟ ฯ ม่วน อ ลักษ 1 เป็นในเป็นป 1 รุราน ไนบ 11 อา“าา ^ 2112211•ะ'บ 0 'บ่นรานุบ้ , •ะบ่าเรา 1 ™''™® ”212 2 !ฒู่กรี,อ์ไ™นแ บ่;- 0 นนาเรุ" นฺา 0 เป็น 1 !'!)'’'"“"บ่ 22! 223222™!ไา อ่™ยาย;™๗ร™อบ้ รี,™กำลัง มาก แลัวไห้™,รี,''นำ™ โ™รา นุ บ่ 015 'านุ 1 บ้' 1๔ รุรุ' , รุ้รา นุ‘ ๘ 2™,21! น ฬหร๊บังฒัไห้โ,ยไร้เน')"'' หบายกวาบว่าก่อหำนำไป บ่หำ™บ่รฺนแน่าร , ™ รุ” , ’! ป!รก!อง) 11ป็2™านุได้ บ่!™"’ 2 !' 1 ^'!!!!!! ลับโพชณงค์เป็น,น มืณุบกขาลับโพ'“งก์เป็น ป ริโ 0 '’าน เบือรี,ด้ด้าเนิน®? ! 111 "™ 22221รว1ป็นเ2ง่ด้2 กา! ๆ 1 *’ 1 .”!', ?! สุขทางรีหห์ฉมี กาย'ปริน?า'ไห ค™เริาห้า‘กาง™ , "นุา! ’ ต ป็’ ห ห "!!™! จํ่ฅท์ลักหาย พึงทราบว่าทางลับบาปยํปยํ มีธาทุเป็นน™เป็นไน!! "าไบ่!รานุ ๓ ”!'’โ ' !' 1™™ป11อ่บ1ไาแ™ ไาห้ไม่รุ้ห้บาบารราน ธรรฺบห้ไบ่รู้"าบา 212711 ค™รู้. ห้รู้. กุ 1 ;. ลัก เห้นของ , ริง, 10 นำนา , นบ่า 0 ™ 1, ณธๆ แบบท ๖ พระก , มมํฏฐาน แบบเดินธาตุในหองพระเจา & พระองค วิธึทำเหมือนแบบที่ ๕ ทุกประการ วิธีเทินไห้ล่งเกกกำหนคอกษรทุก ๆ กวให้แจ่ม แจ่มแจ้ง หล่กสำกฌในขถนิทำนบงกบให้ผู้บำเพ็ญสมาทานธรรม พฏิภาณเบนคำสกย ให้วาง ใจไค้ วางแผนที่ให้กำเนินอย่ในกรอบ, ขคเสนบนทคให้เกิน, จงจะลงมอสงสอนไกและมวธ ขนอย่างพ็สการมาก ขอ @ ยกผล กออิทธิฤทธิอิทธิพลก่าง ๆ ขนเบนจุกทมุงหมาย ม เจโตบ่รย- ญาณ กำหนกร้นาใจของบกกลอนไก้เบนอาทิ ขอ ๒ จดพีเลยงของจกกให คอ ® ศรทธาม ความเชื่อม่นคง ไม่ให้สงสย ไม่ให้เชอกรูอีนว่ากเลิศกว่ากรูขอากน ไมใหกงวลในกาพกโกแยา ขคแยํงกํคอ่าน เยาะเยย ค่าง ๆ ของผู้อน อธมตฺต เบ่ม โหต เบนผูมความรกยาในกรู ของฅน ไม่ให้ประพฤกินอกใจ วรยะ มกวงมเพยรมนคงไม่ทอถอย มความบากบณพอกาว ขนไปสู่คุณพองหน้า อธิมตฺ โต บ่สาโท โหด มืกวามเลื่อมใสย็งนัก ๆ สติ มืสกิมนกา ไม่อ่อนแอ ไม่ง่อนแง่นกลอนแกลน กล่าหาญก่อกวามกีทิกนปรารถนา อธมตุตา หร โนต มืกวามละอายก่อบาปยงนัา ฯ สมาชิ มกวามกงใจไวชอบ ไมกกผก ไมการผกมจกกกรากอ อาธีธรรมเบนนิจ อธิมตโต คารโว โหสิ มืกวามเการพนับถือย็งนัก ทั้งก่อหนาและลบหล่ง เยื่ ยงพระสาริ บุก รนับถือพระอัสสชเถระ'ชำฉะทั้ห ๆ บ'ญญา มืกวามรู้รอบหนักในเหคุและผล รู้ จก กกกอ นที่ กอแห่งเหคุและผล รู้จกบำรุงเหคุและผลให้เจริญ อธิมตุตา ภาวนา ในติ ทั้ 1 ใจเจรญเมกกายงนก 3 หลกธ’รรมเหลานกบยกองทองใหแมนยาเสรจพธแลว เกอนใหเสรจกล ชำระกลให้บริสทธ จงสอนให้กำเนนธาคุเบนบทกาวนา •- ©นจ พ ก อ น ฯ ๒ ม พ ธ ส ’ อ ม ฯ ๓ พกา! จ อ พ ฯ ๔ ธ ส ม พ อ ธ ฯ เมือ ทั้ง ใจบริกรรมไป, ให้ สังเกกกำหน กรู้ ไว้ ว่า ใจ พนจากภูมินิว^ธ รรมทะง ภื 3 ๕ กาม ฉัน ที่, พยาบาท, กินมิทุธ, อุทธจจกุกกุจจ วิจิกิจฉา แลว. จึกก่ ใกล้ก่ออุปจาว- สมา ธี จึงทำให้เบ๊นอนุโลมปฏิโลม เลื่อนไปทั้งฐานทั้ง ๙ กือฐ าฉที่ ๒ - ๓ - ๔ - ๕ - ๖ ๗ - ๘ - ๙ - 9 0า00 ในฑุนฑื ๑ เย็นอนุโลน, ปฏ๊โสม, ทำกัง“ทุก ๆ ฐานเรียงกำกับก้นข้นใปกึง5านอี ๙ ป™' 1 ' , '" 1 น.ก้ม 1 รกรร 1 ,ให้เย็นอนุ'โก.ฟฏโอมแค็ฐาน'อี ทวนกำกับกันน™’กานถึงฐานนี กำ’'’™ ถง ๗ จบบรีบุรณ์แล่ว ให้ผุ!เสคิก’บจิดมี'ไห้กันแก้วพิจาร™าคฺจิคมีของ'•ร™ , '™หุ่ เว' 1 ™’™ เสวยอารมณ์หุ ทุกข์ นรี’ออุพ.ห" กังมีกวามพอใจในกาม พยาบาท. หุ่ความหุ่งเนงา ทาวนอน มีค™พุงสรานรำคาญ มีความนงกัยนรีอไม่. . ก้ากังมีอกำงใดอหุ่น"ใรี™‘หุ่ 1 หุ่ 1 มีก่ ๗ จบ ฯ ค่า’ไมเมีจํคมีแย็นปก™ ไม่กอค อ กักบวออกเพ่ง ถอคจิ"มี"อกมา"™ หุ่รีหุ่ สมีก''บจิคมีให้เอียง เมือจิคมี"อีเอียงแล่รํให้มุกมีก้บ อ ให้กึงก้นหุ้อหุ่ไหุ่”ก่หุ่ วย คี ใ รี’ รุก’'าเควยคี ให้ถึงก้นโคอาเอบ จนให้อุคคหอีมีคค์แสปยิกาคน้มี"มี. นํมีคมีนนจะเมินว' , ก , ' 1, ’ มี™'เย็นพระพุทธรุปกึคาม เย็น"ยางเมีคเพิขร'รํม่อีนรีอคองเฟ้วหุ่าม. กัอฺงก้งหุ่หุ่นหุ่ ๓บาไ , วใช ทำในมากเจรีญไม่มาก ทำ'1ห้ชำนาขวน 1 สา'เงา’'ก'พักับนมีคมีไว้ในบ่™''’ ใ ม่ หุ่ค์ ใณครองทมา!เไคา'พัก. เกึอนกุมีคีแก้ว อกำ™'นิ’มี"มี อ. ข้นเพ่งจหุ่'หุ่นหุ่หุ่’ๆนหุ่ จิญดุเา™ ธาอุ ชัดเจนแก้ว’ รวม™งจิทมีทำงานในวงแพัวิยุ!ญา™ ธาๆ เมือจิคค์คงมน"อู่ เนอาว ,1 ณ์ อนเคยวแก้ววักมี ๓ มีฤนหน?พก สามารถทำกาย มโน™ ทุ]™ ธม ม ธาตุ หุามกหุ ให้สสายไปเรียกรำ “เขาพระมนาธาคุไม่” นรี®บคใกกไม่ พัว อญ ญาณชง อา 0 อู่กหุ่'คุ สลายไป กัวณาณชื่งเย็นผล••อง™"ะมุ' 1 ข้น อ" ,5 ’ ซ์งกามารกวู้ 0 ดี' , ' อนหุ่ หุ่'วู้หุ่ เข้อไห้™วบจํจ่ยกั.เแรงกก้าอุคนนุน กักคำงานไม่เค็มอี. สามารกพักับอีนพรีณ์'''ะมี' 1 รี’ 0 อู่ ในกำแาจไห้โดยสดวก สรรพวิชาจะเกิดข้นให้คามอุปอีก ให้ผลสำเร็จอย่างพระ 0 าหุ่“หุ่ก 0 น ไห้ คงกัง่เแลอแห้อีเลสานุก้ยกัอี..อีนส่วนกะเอี'"ค กันพระโยกวจรเจหุ่•.'พึงสำใหุ่าหุ่“อี" กำนาจพระ'วย็สสนาญาณ *0 ประการ ซงเบำเอีจอีจะคำเอีน“นไปจนอีงข์คอี“อี 0 "ป.™ ,,, " แบแห ๗ ของเกา!อาขารยํ่ (ถหา'ร) พระก้มมํฎ่ฐานข้นแบบเกตา แคกอค น อกษรออกเทํงบุรพกิจเหมือนแบบอีกล่าว มาแก้วทุกประการ. เย็องท’;เให้ก้งใจสำนนคให้แม่นกำแก้วบรีกรร’ 1 กำ 1 อีนน’’™'’' ๕ 'รี 1

    ลายขนธ ๕ ? ๑ หมวดรูปขนธ็๋ ก ข ค ฆ ง เกสา, โลมา, นขา พใ!ตา, ดโจ ผม, ขน, เล็บ, พ่น. หนํง ๒ หมวดเวทาขนธ็๋ จ ฉชฌ ญ มํสํ, นทารู, อฏฺซิ, อฏซิมิณฺชํ, วกกํ เนอ, เอ็น, กระคก, เยื่อในกระคก, มาม ๓ หมวดสญญาขนา1 ฏ I ฑ ฒ ณ หทยํ, ยคนํ, กิโลมกํ, บิ 1 หกํ, ปพุผาส 0 ห วใจ, คบ, พ่งผืค, ไค, ปอค ๔ หมวดสงขาร ต ถ ท 1) (น) อนตํ, อา!ตคุณํ, อุทริขํ, กรีสิ ฯ ใส้ใหญ่ ใสนธย อาหารใหม่, อาหารเกา รวมทง์ ๔ บญจกะเมิน ๒๐ อกษรจดเบนรูปธรรมให้ถอด (น) อกษรเพ่ง ๕ หมวกวิญญาณขนธ์ (คือ ธฤษค) ป ผ พ ภ บตดํ, เสมหิ, ปุพุโพ, โลหิต 0 , เสโท

    คื, เสล ค, หนอง, เสือค, เหงอ ท้ ๖ หมวดมรรค ยรล ว ส ห ฬ เมโท, อสสุ, วสา, เขโฬ, สิงฺฆาณิกา, ถสิกา, มุตฺตํ ๓0๒ มVเชน, น์าฅา, มนเหลว, นาลาย, นามูก, ไขขอ, มูคร รวมทั้ง ๒ หมวด เบน @๒ จัคเบน , นามธรรม, ให้ลอก 0 ออกเพ่ว อํ ไค้แก่อริยมร รก ๘ ประการ อือะ- ๑ ส 0 ม มา , ทิฏซิ กวามเห็นชอบ ๒ สมมาสาก ป่โบ่ คารชอบ ๓ สมมาวาจา วาจาชอบ ๔ สมมากม] ณ โต การงาน'ชฒ & สมมาอา ชน แตงชีพ! เอม ๖ สมมาวาขา บุ เพ่รพยายามชอบ ๗ สมมาสด ค้งห่ไว้ชอบ ๘ สมมาสมา 5 "'""บุ™ วิ เ “"บุ™ ในอ)คทง ๘ ประการไฒ้ชํธุฑธมรํบฺรอไกีแอว มรรคมี อา" 0 จ'!!รา))อาเบ้า เอา บุ' บุ 1 "วิ 1 มรรคสาม 0 งค ไค้แก่ 0 ตงอยู่ในอากาศธาตุแลวญญา ถเ ธาตุนน 1, อง สภาพความรพา น 1 รยค วา ญาณ ท 0 สี สนะ ไม่ใช่อากาศธาตุแลวิญญาธาตุ แต่ก็ใม่อนจากอากาศแลวญญา ถแ บ่ รยบเหมอน แสงสว่างกับเทียน (หริอควงไฟพา) หริอล้ทท สำเนียง ซึ่งกัง จา'าวะ กัง™ 1 ากัอนดีแล้ว ปี' ] 1 เสียง กังจากฆัอนก็โช่ทื่ จะว่าคํง่จากระฆังก็ไม่!ชำ ระว่าขนจากแก็ผิ" จะว่าพืนอน เ"®วบุก็ บุ ชอบ เน็นฒ่เฐยงนนกังกังวาฬเพราะควา!!แบ)อกา"จาก"าามเบ้แคอาา ‘วิ®''ม' 5,ห ๘ " เ ง น เช่นเคียวกันฉนนั้น เพราะฉะนํ้นเมื่อบริกรรมคามลำกั บข นค็ ๕ คลอคลึงมรรค เบ น 01 ลม บ่ ลมชานา คีแกัว เห็นว่าจึตต่สงบกงทีไม่แปรกัน คีอนนให้คงสคีกัาบาไว้ให้มีชอ บเข คอื 0 0 นวง 0า หนคหมาย , ไว้พนหลไก่ใณริองของล้กขณูปณิชฌาน จงคอค (น) กั าษร ที 0 "®ริ ง ® ออ " มาเพ่งเบนส่วนอา'รมณูปณ๊ชกกน เมื่อเพ่งไปจนชำนิชำนาญเมน อาวชชนวสี สมูาบชชนวส อสิษชานวสี วุฝืชานวสี บจจเวกขณวสี สำเร็จดีแล้ว จงเพ่งทำลาย น อือบ่ตถลุ' 1 ให้อันตรธานสูญไปเสีย เมื่อตรวจคูเห็นว่าจิตต์มีลำล้งกัค็มที เพราะรวมอยู่ในอารม 0 น 1 อื เบนปกติ เบน สํบ่บ่นาสมาสิ แล้ว จึงต 8 งใขีเพ่งทำลายเบญจ ข นชํ แล ม รรค ^ หอนฅรธานห หมดกังต่อไปน ๑ ๓ ๕๔๒ - วิธีเกินเล้าธาตุ ๑ ก ข ค 'ม ง เกสา โลมา นขา พตมฺา ต ใ จ ๔ ๒ © ๓ - วิธีเกินออกธาตุ ๓อ๓ ให้ถอค ค ออกเพ่งแล่วทำลายให้หมกที่งหมค ๕ = 0 พนอ"นว่า ทำลาย รูปขนธีหมวกคน ๑ ๓ ๕ ๔ ๒ - วิธีเหินเข่าธาตุ ๒ จ ฉ ช ผ ญ มํสํ น หรู อฎธิ อฏฺฐิมิณฺชํ วกฺกํ ๔ ๒ ๖ ๓ ๕- วิธีเดินออกธาตุ ให้ถอค ช ออกเพ่าแลวทำลายให้อนครธานไปให้หมกทา ๕ เบนอนว่าทำ ลายเวทนาขนธ์หมวก ที่ ๒ ๑ ๓ ๕ ๔ ๒- วิธีเดินเข่าธาตุ ๓ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ หทยํ ยกนํ กิโล มกํ ปหกํ ป- พุ ผาสํ ๔ ๒ 9 ๓ ๕- วิธีเดินออกธาตุ ให้ถอค ฑ ออกเพ่งแลวทำลายให้อนครธานไปให้หมกท 1 า ๕ เบนอนว่า เพิกหรือทำลายส่ญ ญข่นธ์หมวกที่ ๓ ๑ ๓ ๕ ๔ ๒- วิธีเดินเข่าธาตุ ๔ ต ถ ท ธ น อนตํ อนดคุณํ อุทริยํ กร้สํ ม ตุถลุงฺคํ ๔ ๒ ๑ ๓ ๕- วิธีเดินออกธาตุ ให้กอก ท ออกเพ่งแลวทำลายให้อนครธานไปทา ๕ เบนอนว่าไคเพิก ส่งขา ร ขนธีให้กบไปในหมวกที่ ๔ ๑ 0, ๕ ๔ ๒- วิธีเดินเข่า1*1ตุ ๕ ป ผ พ ภ ม บตฅํ เส มหิ ปุทโพ โลหิตํ เสโพ ๔ ๒ 9 ๓ .๕ - วิธีเดินออกธาตุ ให้กอก พ ออกเพ่งแส่'ว , ทำลายให้อ้นครธา , แไป'ให้'หม'กไป'พา เบนอนวา เพิก วิญญาณขนธีให้กบไปในหมวก & 000๔ ๑ ๓ ๕. ๗ ๖ ๔ ๒ “ วิธีเดินเข่าธาตุ ชร ถวส น ไา เมโท อสสุ วสา เขโท สิงฆาณกา สสกา 3 | ต เดํ ๖ ๔ จ ๒ ๑ ๓ ๕ ๗ - วิธีออกธาตุ ให้ ถอค ว ออกเพ่ง แล ว ทำลาให้ อนฅรธานไป โม้ สกก ง ๗ เบนอํน์ว่ ง ทำ ลา! เทางของอังขาร™ เวท า' ๖ เมํ่อเพิกอาการ “เ แลทางคำเห่ นของ อั'!ขา''ไอ้'ตรี , ต''''' , ว ™ นิอุ.กกณ์ม่.คค่แลปยํอาเคนํมิค'คำะเห่คเปราากฏ ; ™ เพ่งคุรุ้เห็น'ข่าน™รีไห้มิ'''™™' 1 *8เ ค่อนน พ่ณ์ก่คอัง์ข-ารโลกให้.สว่าางไธ ว , ไอ้™.ภา เย ใ''เแอ:ะโตกภา™)วก ฒัคำไ? เส มกเย้นบาทพ่อ กา' , ใหุ้^ บริสุเท!แลสงบฅอนก่น ค่อนน็ให้กำเห่'แไาเ 8 อักะ'! ซงไอ้แก่ อ? ยม” 1 อือ สมมา 11 อ]! สม]เสงก" ปโ!] สมมาวาจา สมมากม!!นโต สมบาอาสา สมมาวายาโม สมม 5 '® สมมาสมา? ให้เบนอนุโลมแล ปฎํโ อ!] จนรว!] ลง เบืน มร™สาม‘มา 'งา อ เออม’ รส วี! พ่พ่นค่พ่น ไป ก่ง™สต น่าญาเ'เพ่ “0 โอ ยอำค่เย เก่อ ทํอ์อั นก่บ 'เต'เา ญาเ 'เข่า ร!’ 1 ,1 ' , ™ ทมฒ็ นแล ว จ “ก ไอ้™ ง อัน ใคร ๆ จะ อัน คา ลอก แค่ ง ไห้ไ!! ไอ้ เบื น™ ง อัน' กะ'] , า" ธ 1 อุ”รุ ,1 พ่ ปาง เป็น' ท พน-จาก ทุกข์เท่' ง ปวง ๆ ผุปรารลนาค วาม สุข อันไพบูลย์ หาทุก™ไอ้ พึงคำ เนิน ปฏิปทาที่กล่าวกน เทธ ญ ว แบนท ๘ แบบเดินธาตุ ของเกจิอาโ]1ร0แสคง ไว้ใน ฅนฉะปป ว่' 1 ก , ' นทาง ^ าเ ม้ น ใม้ 1 กค ® ทธฤทธ ’ อิทธิพลฅ่'าง ๆ ดิง ท่อไป นะ- กิจเบองฒ้ นม' วิธ'หำเหมือนเ11เาบทก' ถา ว มา แลวทุก'บ่'ระก าร จิธีบจิกรรมเดินธาตุแลเพ่งให้ จิทท่ สงม-มีฤทธิทางทก พจุ ก 1 ใ อร ชา คฅร สา ๑๓๕๗ น ๔ 1ร) วธเฟินเขา®ากุ ) ๔ 1® ด ๓๕๗ ว'!)เดบออก®ากุ ๓0 & เกจิอาจารย์กล่าวไว้ว่า ให้กงสกิให้เทิยงค่อใจควยก จึงกงสจจาธิษฐาน เพอให้เกิค ทิพพจกษญาณ พึงปลกความเชื่อให้ม่นประหนงผลสำเร็จทิคนประสงคนน เริมลงสูความสำเรจ ค่งฅนแค่เราน'อมใจอธิษฐานครีงแรก แลกำลงใหลมารวมในขณะทิลงมอกระท้าควยความคงใจ จริง, ค่อยคำเน้นไปควยความเพียรชนกลาง, แลมีสกิคอยประคบประคองให้ครงก่อจุคท้มุ่งหมาย คือ สมาธิ อ'นจะให้เกิคทิพพจกษุ, จิคค็จึงจะมีกำลงเบนอิสสราธิบคีในหน'าทิของคนอย่างเค็ม ที่ ขอสำกญให้ปลกความเชื่อให้หย่งลงมนกงอย่าสงสย, อย่ารีบรอนอยากให้มีไห้เบนจนเกินกว่า เหคผลที่จะอำนวยให้, เพราะคุณสมบคนเบนของกลางควย เบนเองควย บงกบไม่ไค้ เรา อยากให้เบนค็ไม่เบน, ไม่อยากให้เบนก็ไม่เบ็น เราท้าก็ไม่เบน, เราหยุคเสียไม่ทำก็ไม่เบน แค จะสำเร็จผลในขณะที่เราท้าให้มาก เจริญให้มากโคยสายกลางไม่หย่อนนก ไม่คีงน์กิ เบนไปโคย สม่าเสมอไม่ขากสาย ท้าไปโคยอาการเยือกเย็นแลจิคค็กลาหาญ ในเมื่อจิคค์รวมเบนหนงไค้แลว จะเห็นผลสำเร็จคงมโนรถ แลพึงทราบว่าคุณสมบคนไมเกิคทางจกษุปราสาท แลจกขุวญญาณ แค่จะเกิคในมโนวิถีซึ่งจิฅฅสงบคีถีงขนาค แลวจึงจะเบนของจริง ๆ ค่อนนให้คง์ใจคำเนินธาคุ บริกรรมให้ถกฅองคามแบบ คือเกินลมนอกส่วนทิหยาบเขาไปหาลมภายใน คือลมซงสถีคยอยุ ในปฏิสนธิวิญญาณ ซึ่งเบนส่วนละเอียคคามลำคบ คือ อ ธาคุนา สา ธาคุไฟ ร ธาคุลม ช อากาศธาคุ ค วิญญาณธาคุ ค จิคค็ เมื่อคำเนินจนชำนิชำนาญเบนอนุโลมแลปฏิโลม ทำจิคค์ ให้สงบ ไค้ที่คีแ ลว ให้ถอด ค อกษรออกมาเพ่ง ฉะ เพาะเมื่อสงบคีแลวให้ท้าลายเลีย แลวจึงเพ่ง ทำลายธาคุ ที่งหก ให้ อ นครธานสญไปคามกน ค่อนน อุคคหนมิตต แล ป่ฎภาคนบคค ก จะ ปราก ฎ ชื่น เมื่อ กำ:หนคส ง เก คล! กษณะ รสสะ ปทฏ ฐาน บจจุ บฏ ฐาน ไค้เรยบรอยชำ- นาญกิแลว ให้ทำลาย ที่ง เสีย ค่อน , นก็จะเบคโลกให้สว่างไสว ควง ทิพพ จกษุญาณ ก จะผุคขนใน ลำคบน , นเอง กรนจิกก์ไค้คำเนินผ่านทางนแล ว จงคำเนิน ใน วิบส ส นาญาณ ให้ สูงขนไบ่คามล ากบ น'นเทอญ ๆ แบบท ๒ บริกรรมเพ่งให้ จิตต์ สงบฌีนองคึ๋สมาธิ ธรรบ พระอาจารย์กล่าวว่า ผล ของ สมาธิ เบนเห คุ ให้สำเร็จ มโนมยิ ทธิ ฤทธิทาง'ใจ ๓ 6๖ เต ตึทํจ โต โร ถนํ นํ้า สิน อากาศ จิตตํ่ วิญญาณ ตม ไฟ่ , 0 , - 4 ๖ ๔' วิเห#’"™! ” ๔ ๒ . 0 ๔'’ วิธเดนออกธาตุ ‘วิ?ทำเห;ง่อนแบบร่า อ่างแก่ไห้อธิ5า™ไ™™®'''’ 1 '’ 0 " แฒอ?ฟ้กษร

    ออกเพ่ง - © โต แบบท 0) บริกรรมเพ่งให้ธิศศ็๋สง 111 ที่ นองคสมาธธรรม พระอาจารย์กล่าว'ว่า ผลของ สมาธิ เบนเหกุ 1 ให้สำ'.หึ อิทธิธิ' 5 แสสงฤธิใส

    า| บ สม ร โล ปุ่ สตฺ พุท นํ้า ดิน อากาศ จิดดํ่ วิญญาณ ลม ไฟ่ ต ๓ & ๗ ๖ ๔ 1®) วธเดนเขาธาตุ ๖ ๔ ๒ ๑ ๓ & ๗ วิธเดินออกธาตุ วธิท้าเหมือนแบบที่ ® อ่างแก่ไห้อธิษฐานอิทธิงิธิ และกอคอํกษา ใส เพ่ง - @ ออกมา ๔ แบนท ๔ บริบรรบ ให้ จิตตํ่สงบ เบี่ นองสสทา ธธรรม พร!; อา จาร™ าว ว่า ผตช องสบา® เบึ 1 แหกุไห้ ตำ'” โสมา ณ ก วิ ถา โธ นํ้า สิน อากาศ วิตตํ่ วิญญาณ ตบ 'ไ^ . 0, ส.ง ๖๔'* ๖๔๒
    ’ * ๙ ทิพทโสต หูทิพย์ วิธเดินเขาธาตุ วิธิเดินออกธาตุ
  • ๓0(0* วิธีทำเหมือนแบบที่ ๑ ค่างแก่'ให้อธิษฐานท้พพโสฅ แลถอออ'กํษร ก ออกมา เพ่ง - ๏ แบบท๕ บริกรรมเพ่งให้จิตต์สงบเบีนองค์สมาธิธรรม พระอาจารย์กล่าวว่า ผลของ สมาธิ เบนเหกุให้สำเร็จ เจโตปริยญาณ รู้จกกำหนค ใจผู้อื่น ๕ ภ สมฺ สม วิ ส เท ภ นํ้า ดิน อากาศ จิตต์ วิญญาณ ลม ไพ่ ® ๓ ๕ ๗๖๔ ๒ วิธิเดินเขาธาตุ ๖๔ 1® ๑ ๓ ๕๗ วิธืเสินออกธาตุ วิธีทำเหมือนแบบที่ ๑ ค่างแค่ให้อธิษฐานเจโกปริ ย ญาณ แลกอก อกษร วิ ออก มาเพ่ง - ๏ แบบท ๖ บริกรรม ให้ จิตต์สงบเบนองคสมาธิธรรม พระอาจารย์กล่าวว่า ผลของ สมาธิ เบนเหกุให้สำเร็จ ปุ่พเพนิวาสานุสสติ ระลึก ชา คไค้ ๖ ค ทุทุ' ปน ทู ทมุ ว ค นํ้า สิน อากาศ จิตต์ วิญญาณ ลม ไพ่ ๑ ๓๕๗๖ ๔๒ วิธืเสินเข 9 าธาตุ ๖๔๒๑๓ ๕๗ วิธิเสินออกธาตุ วิธีทำเหมือนแบบที่ ๑ ค่างแค่ให้อธิษฐานปุพเพนิวาสานุสสคิ แลกอกอกษร ทู ออกมฺาแพ่ง 1 - ๏ ๓๐๘ แบบท ๗ บริกรรมเพ่งให้จิตต็่สงบเม นอง ก็๋ ส ม' 1 ธิ 15รรม พระอาจารย์กล่าวว่า ผลของ สมาธิ เทินเหคุให้สำ^ ทิพพจกใ! ๓ ทิ™ 0 วา โธ โ11 อ ” ม ™ นํ้า ดิน อากาศ จิต'ด วญญา ณ สม 'ใพ่ ๓ & 0* ๖ ซี.ทำณ์,อ 11 แพ'บข้ อำ งนอํ ไข้อหิ ฐาน นิ™จัก กุ น"™®®™’ 0 ® 0ก1ภ เพ่ง แบบท ๘ บริกรรมเพ่งให้จิตต็่สงบ 1 บม องคสมาธธรรม พระอาจารย์ กล่าวว่า ผลของ สม*™ เทินเหคุ ให้สำ 0 " ญาฌ ? จเททำยาสวะ;ไห้สน ๑ ๖ ๔ \ 0 วธืเดินเขาธาตุ & 0 } วธเดินออกธาตุ นํ้า ดิน อากำศ าตํกํ าญญ 101 ถม บ' ,. 4 ,,, . ว่ - ใ ๔ ๒ ฐ""! ๔ 18 .. ™ด' 1 ® 0 ®®' 1 , ! ซี 1 ฟ้อนนบบ'นิ. อำงนอํไข้อ?ฐานอา"'*V" แ “’ า ๓ ™ 1 ใบ, ฟ้า ๘ นิก อำาวมฺ า าน้ เบ็น แผน นิ อำ นาน ผอบ ท™ านหิ อํไข้ พื น"™ า®™ โ ™ ฅรง ไน .Iใข้อ 1 ทำฟ้๗นิ®าา®นานา'านิกํอานา™®™ 1 ใ -!! นิอํอํงอ!าานิ - ทํอ่เ®™ บาท ๔ 1 !!!นิน จ ะทำผก™นปาาากนาเน้ กป7 ๓ารแล ๆ 01 ,*อา, 1 ,อ์าจั— อาอ™™หา' กุกนุฅาผุ้าณ์าฟ้น®"อาน 11 บบข้อ!!กานว่ว่ว่ว่ง!อาาาาอ์-นน'-™ บ-นน-— นุต นส 8 ๖ เพ่ง พระกํมม่ฏฐานม่คคบ่าลมุตตก พระอาจารย็๋ อินทโชติ กล่าวไว้ว่าเบนแบบเนองมาแต่ สมเด็จพระสงฆราช (ต่อน) 6 นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสม;พุทธสฺส ๒ หล'กฐานของพระกัมม่ฎฐานทงม'วญ คือ ะ" สส สมาธ, บญญาค อธสล, อธิจิตต์, อธิบญญา ฯ อปปมาเทน สมปาเทถ ท่านทงหลายจงย'งกวามไม่ประมาทไท้กึง พรอม. เอวญหิโนสิกชิตพพํ, พึงศึกษาสำเหนียกอย่ควยอาการอย่างน อย่าประมาทในการละ กายทุจริต ประพฤฅิ กายสุจริต อย่าประมาทในการละ วจทุจริต ประพฤฅิ วจสุจรต อย่าประมาทในการละ มโนทุจริต ประพฤศึ มโนสุจริต อย่าประมาท'ในการละกวามเห็นผิอ ท่ากวามเห็นให้ถก อกนยหนง ระวงใจไม่ให้กำหนคในอารมณเบนทองแหงอวามคาทแอ ระวงใจไม่ให้ขํคเคืองในอารมณ์เบนทืคงแท่งกวาม ข อเออง ระว่งใจไมใทหลงในอารมธแบแหอง แท่งกวามหลง ระวงใจไม่ให้มวเมาในอารมณเบนทองแหงกวามมวเมา เมอประกอบ'ข้อบใน ธรรมเหล่านีแลํว จงเจริญในอิทธิบาทธรรมให้เบนหลก คอกมมฏิฐานกนทะ มกวามพอใจ ริกใคร่ในพระก่มมฏฐานเพยงคงข้วิอ กมมฏิฐานจรอ" มกวามหมนประกอบในพระกมมฏิฐาน กมม ฏ ฐาน จิตตะ เอาใจผกใผในพระกมมฎฐานไม่วางธุระ กมมฏฐานวมงสา หมนอริครอง พิจารณาเหคุผลในพระกมม่ฎฐานน , น ๆ ควยบญญาคือกวามเห็น'ข้อบ เมอประกอบควยธรรม กังกล่าวมานแลว พระยคิโยคาวจรเจ , าจิงสมควรเจริญพระกมม่ฏฐ' 1 นอ่อไป จะไค้เจริญงอกงามใน พระพุทธศาสนา คาถาพระเจาเบดโลก อุ มะ อิ เสฏฐะ ฯอิ ทา ริ ติฯ เถโรนิเม เต สพพาน องคปบจ- จงคานิ กิงม่งคะปะณะสะระ สะรืริง นิคคะหะปะระบุง. ปานิมาติค สะระวะตะ ภาวนาเมฆคน ๆ พุทธ , งปงเกิดเบดโลก โลกวทุ ถาบทก่อนยงไมเทนชํค ภาวนาบทนเหน แล ๆ นะ มะ ๓©อ พ , ธ ะ I ™โม'โลก ทึข อากาสกสิฒํ ว 'ใ'® ก เกอาะพำ ไส้ , 'ก' ฟ้า"อ''" 1 ' 1 " ๗ 1 ™นผ่างลIะ 1 ง ค!ก 1 1 ไ53 ๗ 8 ท้าวกาาพเรสาาทเ™ก่อ" ฉีฟ้™ปรารกนา ระกุ;สีงใก ๆ เส้น"นพุกบ่™™'’ ™มีเส้นไทู่'ฟ้า ๓ วัน ๙ วัน ประ สี™! นัก แอ กท้าว อุป เท้ส้ พระ เนัา เนก ไ 1 "'ไส้'•พี' 101 พํ™ พอเบืนเครืองเกือ' ใจกุลบุครเจ่าทั้ง , หลาย 1 แส “3 วชิข็นพระใ!ติ ๕ ซนเทชน 4(2 , 1 ,กล้จ10?ร์เ •า ทีตัาษณ!!ให้วิ)นลก คง0'ไ1-1นาเมยิเ]คู พระขุททกาบด สเขย , วกงกอกอVเชน ๆ มลกษณะ-เท 1 ข หนาวคัวเย็น ๆ -1 จ 4(5 , 1 ., - ทีตักนณะ ๗ อย่าง ให้เบนกังสายพาแลบ พระขณกาบด สแคงคงคอค 1 วิ 1 บ ๆ มลกษณ- & กังประกายเหลกไฟให้' กวา คน ด พระโอกกนกกา สีเนส้องกังพอ 0 พำ มี"'''™® อก่ 10 ไนนัาไ’น™ไส้™ ให้อึ!แ กังไห้บึก ไว้ไน น่าไน" ๆ 1 , 1 , 1 พระอุทเพงคาบึสิ สี ขาวกังกอก กาห"ง มี"' 'กะ® ะ-™ท ไห้กาอเนอนนไส้น™' ไหวให้กายเบา *3 พระผรณ าฆติ สี ขาว นวล กัน่ หอย บุ เลอมเห 0ง ^ ตกษณะ ๔ อยาง 1หกายเบา คู ง คัวโคให้กัวเ ย็นกั งลม กั ก คู กฅ ^ ง ฯ พระกายป็สสํ ทธิ จิตตบ๗ทธิ- ใน ว นอก- 8 าว มีกักษณ ไ™ เย็น'จิคคใจ'ร!!งบใหแยนคงลูกเหบ 3 ขนเทืยน ๓๐ เล่ม พระกายลทุตา จตตถทุตา ในแกงนอกเ’ต'’ มี'กั™ ณะ ๔ ™ ไพ้'าาอเนา’ก'' เบาเย็น หายใวิสบาย *3 ๓©© พระกายมุทุตา จิตตมุทุตา ในเขียวนอกแคง มีลักษณะ ๓ อย่าง ให้กายนั้นอ่อน สุขุมสบาย ๆ พระ กายกมา]ญญตา จิตตกมมญ ญ ตา ในเขียวนอกเหลือง มีลักษณะ ๖ อย่าง หายใจดดรอนลักหน่อยหนึ่ง ๆ พระกายปาคุญญดา จิตตปาคุญญตา ในขาวนอกเหลือง มีลักษณะ ๙ อย่าง ให้นอนหอบหำใจริก ๆ ๆ พระ กา ยุชุคคตา จิต ตุชุค คตา ในเหลืองนอกขาว ๆ มีลักษณะ ๓ อย่าง เกิดเน้อ ลัวนนแขีงเหฒดช ๆ พระ กายลก ขณะ จิตตสุข สีเหลืองลังหำขมีนเน่า อยู่ในสีแดงอยู่นอกเหลือง มี ลักษณะ ๓ อย่าง เกิดให้เน้อลัวเย็นเบนลมออกจากชนหน่ง ๆ พระพุทธ านสสติ อุปจาร สมาธิ อยู่ในสีหม่น อยู่นอกสีขาวลังดอกพุฒ มีลักษณะ ๙ อย่าง เกิดแด่สมาธิก็มีดูรุ่งเริองอยู่ท , งั้ลัว ๆ เวลาขนมิเขาตอกดอกไม้แลธูปเทยน ๓๐ เลม ภาวนา ๑๒๓๔๕ ครง © ข่าพเจ่าจะขออาราธนาเอา อุคคหนิ มิตต็่ ในหอง พระอานาปานุสสสิเจา สีแดงลังพระอาท้ฅย็อุทยขนใหม่ ๆ ๆ เข่า ปฏิภาคนิมิตตํ่ ในหอง พระอานาปาใเสสติ สีขาวลังลังขีขัดแลำ ๆ เข่า ปฐมฌาน ในหองพระอานาปานุสสลิ สีขาวลังแกวมุกข์คา ฯ เข่า ทุติยฌาน ในหอง พระ อานา ปานุสสติ สีลังหอยมุกข์ชด ๆ เข่า ตติยฌาน ใน ห อง พระอานาปานุสสสิ สีขาวลังเหล็กขดสนิมแล่ว ฯ เข่า จตุตถ ฌาน ในหอง พระอา นาปา นุสสติ สีขาวลังเดือนเมื่อวนเพ็ญ ฯ เข่า บญจม ฌาน ในหอง พระอานาปานุสสติ สีลังดวงดาวสุกใส ๆ
  • เวลาขนมิครูบธยาจารย์เขาตอกดอกไม้ธูปเทยน ๕0 เล่น © ในหอง ปฐวื กสิณ ในแดงกลางขา วสี หมอกนอกแดง ฯ 9 ๓®!๒ ในหอง กสิณ .ทำ0กน ๔ แล ๆ ใน ห ,, อง อาโปกสิณ ในเหลือง กสางกังคอกคะแบก นอกเหลือง ก ในหอง เตโชกสิณ ในคำกังคาควาย กลางแคง นอกคำกังคาควาย 7 ในหอง วาโยกสิณ ในสีขาวกังแกวแกลบ กลางเหลืองคงลูกผกเขาสุก นอกคง แกวแกลบ ๆ ' 1 , ๗ ., ในห , อง นลกสิณ ในเขียวกังขทอง กลางแคงคงคอกบานใบ 7 ใ 7 ย นอกเขยวคง ขีทอง ๆ ในหอง บตะกสิณ ในแคง กลางเหลือง นอกแคงคงแก 7 ก 7ะจุ กนุง ๆ ในห้อง โลหิตกสิณ ในแคงกงเลือค กลางเขียวคงคอกสาบ หาว นอกแคงคงเส อค ในห้อง โอทาตกสิณ ในเขียวกังใบบ-บ่วงอ่อน กลางขา 7 นอกเขย 7 อหิ’ บมะมวงออน ในห้อง อากาสกสิณ ในขาวกลางเขียวกังสีพา นอคขา 7 7 กสิณ ๑๐ องค์อันนชื่อองค์ อุคคหนิหิต 7 แล ว ในห้อง อาโลกกสิณ ในเหลือง กลางคำกังกัาคำจีน นอกเนตือง ปฏิภาคนิม้คค์ทำหนคเอาขา 7 บ 7 สุทง ๐ องค์ ๆ เ 7 ลาขน อสุ ภ * ๐ บค 7 บ 7 ยา 1 ' 1 ' ,7ย จํคํขำวฅอกคอกไม้แลธปเทียน ๐ เสบ ข™เล้า..ะ™เอา อุคคหน้มิคตํ่ ในห้ง ตุ™)™คํ ค "เหลืองอารีอไฃ้ (ไบไฒุ้ก) แล้วเข่า ปฏภาคนมิตต์ ค แล้วบ่าเพ็ญ! ค™ 1 '' •ะ บ' , ”) อุคค ๓ ™"" วินลกํ เบนอสภชนสีเขียวพอง ในหอง วิปุพฺพกํ ปฏิกุลํ ลือซากผีเน่าเบนหนอง 7 ในห้อง วิฉจฺทก ปฏิกุล ลือซากผีขาคหลุคออกเ 7 ย 77 ค 7 ในห้อง วชายตก ปฏิ กุล คอซากผอนสค 7 กคกน - 1 ในหอง วิชิตกํ ปฏีกุลํ ลือซากผีอันกับเบนคนกา 7 ในห้อง ไ!ตวิชิตกํ ปฏกลํ คอซากผอนสบเบนพอนนอย'กอ'หิ ในหอง โลหิต กํ ป ฏิกุลํ ลือซากผีอันบเลือคไหลออก จุ า กค 7 7 ในห , อง ปาฬุวกํ ปฏิกุลํ ลือซากผีเบนกันหนอนกินอยู่ 7 ในห้อง อ'ฏฐิกํ ปฏิกุถํ ลือซากผีย่ง่เหลือแค่างก 7ะ คกเบ่ส่ 7 จบอสุภ ๑๐ 03กิ 0)๏๓ ขน' VI เระ กายคตาสติ ๓๒ ขนเทยน ๕0 เลม เกสา ผม โลน า ขใเ นขา เสน ทน ตา พน ตโจ VIนง มงสฺ เนอ ใ 4 นา รู เอ็น อฎ? กระ คก อฏฺ? มิ ฌชํ สมสงกระดก วกก ม่าม นทยํ หัวใจ ยกนํ หับ กิโลบกํ ผง ผืค บหกํ พุง ใ]ปุผา สํ ปอด อนฺตํ ใสใหญ่ อนุตคุณ 0 ใส นอ ย อุทฺธ ริยํ อาหาร ใหม่ กรืสํ อาหารเก่า มฅต เก มตฺถ ลุงุลํ สมองหว ๆ เรียกว่า คุณ มารดาจดเม่น บ่ ฐวธาตุ (รูปธรรม) ขิบท องพุทธ คุฌท ๑ บตตํ ที เสมหิ เสลด ปุ พ/โพ หนอง โลหิตํ เสือค เสโท เหงื่อ เมโท ไคล อสสุ นาดา วสา มนเหลว เขโพ นาลาย สิฆาณีกา นามูก ลสิกา ไขขอ มุตุตํ มูด เรียกว่า คุณ บิดา จ ดเบน อา โใ] ธาตุ (นา))ธรรม) จบ ท ระกาขคฅ ใสต็ฟ้ เพยง เท่า น ขนพระพุทธานุสสติ ขนเทยน ๕๐ เลม พระอกคหในท , องเกสามีหลายประการ บางทีเห็นผมในหัวแห่งคนปรากฎออก ยา ว ยอย ลงมาประไหล่ปกคลุมท่งมวลก็มี อนง ปรากฏเห็นผมทงบริเวณแห่งมูอน เหน ไพ่ ไหมยมนนกม อนึ่งเคนไปเห็นผมผหญิง ผ้ชา ยดกเรียรายอยู่ในทีทางนนทีม เหนผ))ในหัวแหงทานกม ให บงเกด เบนปฏิกลสํญ่ญาหังนนทีมี 1ลางา ทีธขนก็เหมีย้นกนแล ว ในหยง พระใเทธานุสสตึเจำ ภา วาเาว่า “อโท พุทโธ , สีขาวแก)แหลืองหังส หมากสก นงกดถีงพระพุทธคุณเบาเดน ๆ ใใเ หัก ง ธํ มม'านุสสต ภาวนาว่า "อโท ธมโม’ , สี ขาวก่งล่งขดแลว หังกคถงพระ ธรร)) คุณ ฯ ในหัอง สํงฆานุสสติ ภาวนาว่า 'อโท สง โ ฆ 1, สีขาวดงนาคางบ นไบ หัว น' 5 ดก ถึง คุณ พระสงฆ์ ๆ ในห อง พระส์ลานุสสติ ภาวนาว่า “สลาใ? , สีขาวคงดอกกาหลง ๆ 0)๑๔ ไนห้อง จาคานุ.สสต ภาวนาว่า “หตฺถปษโต’ , หีาวนวภคั'‘นุก’ 1ๆ ในห้อง เทาตานุสสติ ภาวนาว่า '‘ส่า™า' สีจาวค)คอก'■(ค'' ไน ห้อง อุปสมานุสสต ภาวนาว่า ‘ไว'เส” สีขาวค')คอก))ะภํคิ ทถงการ นุ 1 เ 1การ นุ' 16 ' 1 ใน ห้อง ม่วฌานุส่สติ ภาวนาว่า “ม 5 สวํ” ก่จาวคั)ค 0 คคส่า ค๊คภ็‘ค'าา“คา' 1 ) ๓ ห้ญ!แา ภาวนาว่า “อาหาโว ปอๅโส” สีแควปาว™™ พิจารณาอานาวใหม่อาหาวเก่า“ก ว ในห้อง เอกธาตุสฌฺผานุสติ ภาวนา , ว่า'วาคุ ทิวาวภ)")าคุ™ ษีค่า ง ไ เบนท พึงเกลียคชงแล ฯ จบหองทระพุทธาทุส ส แล เใ ขนเมตตา , พรหมวิ'หารเทยท ๕๐ เลม ใน ห , องพระพฅ๓1พรหม'วหา'รบคํห้า สีคังพระอาทิคย์เมอย งแล ™ น ® งมฅ ' ทา พรหน นัก ห้ท่, เห็นฟ้น แม่คุก กอ)คน-ววมกันพู่ กา‘ทีให้ ก่น นม ฒุ่แ 6 -’ แส่' ว)ว้าปยํ' "ค ฯ แผนทึ๋เดิ นํ จิกกไนองกฌาน แผนทเขาลำดํปเบนอนุโลมแลปฏิโลม ๓ เ:บบท ๓ แ ผ ใ4ใาเขาคมอนุ , โถม แบ!!VI ๓ แผนท้ออกคบปฎใลม แบบ ทึ๋ 6 . แผนทออกรวบปฎโลม แบบท & แผนทเข้จตุข้างในอนุโลม แบบท ๔ แผน ทเข้ จตุข้างในปฎโลม แบบท ๖ แผนทเข้บฃจขางในปฎโลม แบบท ๖ แผนทเข้บญจขางในอนุโลม แบบที่ (01๐ วชิเข้าเลยบภม'ในท’’องฌฅต 1 ๓!ซิ?© อธบายวิธเขาฌานตามแนมแผนท้ในเมตตาพรหมวิหาร แบบท้ ® เข่าลำคบฌานเวียนขวามาหาซ่ายเบนปฏิโลมแลอนุโลมแลวเวียนซ่าย;ภ , หาขวาเบนอนุโลมปฏิโลม ๆ,:!!. 1 .,.. 1 ; ... 1 . 1 . แบบท'๒' เข่าสบเบนอนุโล;] ปฏิโล;] 'เวียนเบ็นทกษณาวีฎฏนบปฐ;] ■(เลข)- เบนคน 'คานชีคนนเหนือนกนทง ■๒ นนแลภ่าวนาว่า' ‘‘อตฅสุข’ . ; 1.. ; : า: แบบท ๒ เข่าสบเบนปฏิใล;], ปฏิโลมเวียนซ่ายเบนอุคกาวฎฎ นบไปคามเสนที่ขค หมายไว้นนแล.ฯ!.,!,. 1 1 ๆ;. ,. •.. 8 !- . '', 1 '. . 1 ..! •.- 1 '! .•.•ๆ แบบที่,๓ เซ่คีบเบ๊นอนุโล;แบนทํกษิณาวํฏิฎออกตติยฌ่านปฺฐมุ, ออกเบฺญฺจม, ฌานตติยะ ออกจตุตถฌานทุติยะ แลทำไห้เบนองค์เคียว ออกทุติยะจตุตถะ ให้เบนองค์ เคียวกนแล ๆ .. 1; ;... แบบท ๓ ออกคีบเบนปฏิโลม เบนอุคกราวฎฏิ ออกตติยะฌานบญจม . 1 . ออก ปฐมญานทุติยะ ๑ ฯ แบบท ๔ เซ่รว;]เบนอนุโลมเวียนขวาเบนทํกษิณาวฏฏ์ ออกทุติยะฌานใ)ฐม ©ฯ๒ออกตติยะทุติยะฌาน คามวนลำคบกนแล ฯ ถึงปฐมเบนกำหมากจภ๑กำแด ๆ แบบที่ ๔ เข่ารวมเบนปฏิโล;]เวียน 1 ซ่ายเบนอุคคราว'ฏิฏ์,ออกจตุตถะฌาน เบน บญจไปหนึ่ง แบบที่ ๕ เข , าจทุขาง'ในเบนอนุโลม ออกโ]ฐมฌานทุติยะ เบนองค์เคียวกน กำ. หมากหนึ่งทุก ๆ องค์แล ๆ 1 ..-...".. แบบที่ ๕ เซ่จทุข่างในเบนปฏิโลม ออกบญจมผาน จตุตถะ เบนองค์เคียวกน กำหมากหนึ่งทุก ๆ องค์แล ๆ แบบ'ที่ ๖ เขาบญจะซ่างฺในเมนอนุโลมเบนปฐม. กำหมากหนึ่งทุกๆ องค์จนถึงบญ- จมะเบนทกนึ่ณาวีฏิฏ์แล เรียกว่าพฺระเซ่ชมฌานคอกบวบานแล .ๆ'. แบบที่ ■๖; เซ่บญจมะซ่งในเบนปฏิโลม เบนบญจมะกำหมาก จฅุคถะกำหมาก หนึ่งทุกๆ องคฺ.ถึงปฐมเบนอุคครา'วฏฎเแล ๆ . -'
  • ๓๒1®) แบบที่ ๗ เขำส่งกฎเบนอนุโลม ออกปฐมฌานทุติยะ I ชอน I ซอน'จทุกถะ ๒ บ่ญจมะสำเร็จแลว ๆ แบบที่ ๔ เขำส่งกฎปฐมขางในเบนปฏิโลม ออกบญจมะฌานจตุตถะ ๒ ซอน ตติยะ ๒ ซอน ทุติยะ ๒ ซอน ปฐม เบน ๕ เสร็จแล่ำให้'ส่งกฏ 1 เบียน 1 เลีศ เที ยน ๒ เ " ม ละ ๆ ๕ ลูก เบนส่งกฎภูมิแส, แลวจึงออกทิศ โคยบูรพทิศ มีสควี พิจารณาให้รู้ว่าฅนไมนน มีส่คว่ชึ่อน , น อาศยอย่ให้แน่นอนแส่วเขำมาออกทิศ 0 นไปเกิค ฯ แบบที่ ๘ เอกิสสํ ทิสายํ วิสติ อปฺปนา กตุวา ๆ) เอกิสฺสํ ทสาย อ ฮฺ ว สติ อปปนา กตวา ๚ อนนอยู่ในที่แล่ ๆ ในบูรพทิศมีสควี ๕ มนุษยเทวคา ๗ ๆ อปปนา ๒ 0 ให้แก่ส่ฅวี ๕ อัปปนา ๒๘ ให้แก่มนุษย์เทวคา ๗ ๆ ว่า สุขี ๓ ที อยู่ในภูมิ ๓ ที บ 10 น ว่าออกไปว่า อเวรา อพฺยาปชฺฌา อนฆา สุข อตุตานํ ปริหรนฺตุ ฯ ส ตุ ตา ส , ขส . ส ๆ ออกไปถึงที่ ๆ อฅตสุขื เลียบภูมิไปอย่างน ๓ ที สควี ๆ ๓ ที บทนบยุค 0 ภู ๆ สุข โท'สุตุ บทนกลบเ , ขำมา อตตสุขื ฯ บทนเขำในที่ *1 ออกทิศบูรพลีขาวเห็นคนว่าใบญ เหนเทวคาทาว ธครฐอาศยอย่มีเครืองประคํบควแส ซ ออกทิศทกษิณเหนทาววรุพบกประคบเศรองแคงองศ'’ศ 3 ' , ยกี ฯ ออกทิศบ่จจิมสีแคง เห็นทำววิรูบกษ์ทรงเกรองเค็มยศจำแล' 3 เบน พ ญานาศ ข น มา ว่า ศลอ ใต้คนไทรใหญ่ มิเกรี่องประคบแล ก ออกทิศอุครสเหลอง เหนทาวกุเวรเบนพญายกบยนอภู บนยอคเขาบ่อถาทวีปแล ฯ ออกทิศทกษณลีเขียว พระอินทรลง)ภประจาทวปอภู มเกรอง ประคบองศ์แล ออกทิศอิสาณลีขาวแกมเหลีองแล ฯ ออกทิศพายพลีแคงกับลีเบลีองแล ๆ ออกทิศหรคีเห็นสีเหลืองก่บเขียวแล ซ ออกทิศอากเณสเขยวกบสขาว ซ ลงไปทางทศลางส แกง เห็นส่ควีนรกเขาถกนายพระหลียาบาลจำจองทำใพบค า ง ไ แล *า ขนไปทศเบองบนพา สีขาว เห็นพวกเทวคามานบ่สการพระธาคูจุพามณีเจค็ย์พ ระเขยวแกว ของพระองศพพร ะ อนพ 7 นำมาบรรจุไว้แล ๆ แลวพิจารณาคลีที่ง์ ๔ ทิศแลวออกให้ถึงทง ๔ ทิศคูเหเหนทวแลว กลบเขา มายํงที่แล ฯ แส่วพิจารณาสทงแปคทิศ ให้เหนสพรอมทง ๘ สแลว ๒ ออกแปคทศไปใหถงทง แปคทิศ คูให้เห็นทำท้งแปคทิศ แลวกลบเขำมาในที่ แลวพิจารณาลีให้เห็นพร‘อมท 1 ง ลี แลว ออกทิศไปให้ถึงที่ที่งํ้ @0 ทิศแลว พิจารณาคูที่งทิศเบ่องบนทีศเบองล่าง คูส่ควีให้รู้ว่าเบนอยางใ 7
  • *- *? ห?'*+. ฿เแแ แแ
  • ๓1®๓ แลวกลบเข่ามาที่แล ๆ เข่าสกคเทียน ๒ 0 เล่มลูกสกค © 00 ลูก ๆ สกคท้ศแล้วออกทิศนน เวียน ๕ รอบ คูสควีให้เห็นสั้นแล้วขนทิศพองบน พิจารณาคูให้เห็นโล่งฅลอคลงมาจนถึงนรก คูให้รู้ทวแล้วเอาจิฅคทำลายโซ่ฉุคเอาสควีนรกนนขนมาให้สั้นแล ๆ จบหองเมตตาพรหมวิหารเท่านแล กรุณา ๏ ในท่องพระกรุณาพรหมวิหาร ภาวนาว่า “อหํ ปมุฌุจามิ สืเหสิอง” อุคกห¬ นมฅร์เห็นเบนกอกมณฑารพ และรูปแม่ลูกเขากำลงทาขมนแก่งฅวให้ ใส่กำไลใส่ส่งวาลย์อย่ ทำนานเหมือนกบออกทิศเหมือนกน สกคเหมือนกน แลวออกทิศเวียน ๕ รอบ เหมือนกนก'บ ท่องเมฅฅาพรหมวิหารแล ภาวนาว่า “ปมุณฺจนุตุ' , ๓ ที บริกรรมทุคิยะ ๆ ในบุรพทิศมืสค'วี ๕ มนุษย์ ๗ อไ]ปนา ๒ 0 ให้แก่ส่กวี ๕ อไ]ปนา ๒๘ ให้แก่มนุษย์เทวคา ๗ ปมุฌ จามิ ๓ ท่ บริกรรมภุมแด ๆ ปมุณฺจามิ อลาภา อยสา นินุ-ทา ทุกขา ปมุณฺจนตุ สตตา ปมุณจามิ สตว ๆ ออกไปแลวกลบเข่ามาว่า ‘ปมณฺจนุตุ , ๓ ที บริกรรมขอบ (ควบ) ว่า “ปมุญจามิ” ๓ ที แล้วสกคภูมิออกทิศ ๆ ละหนแลว ออกสี่ท้ศแล่ว ออกแปดทิศแลว ออกสิบทิศท่ง๎พอง บนท่งํ๋เบองล่างแลว สกคทิศแลวออกเวียน ๓ รอบ แล้วขนทิศพองบนพิจารณาให้โล่งคลอคลง มาจนถึงนรกแล้วคูสควีนรก เอาจึภฅ์ทำสายโซ่ฉุดล้ควีนรกขนมาแล ๆ จบหองกรุณาแล มุทิตา ในท่องมุทิตาพรหมวิหาร สิเขียวทำฌานเหมือนกนก่บหองเมคคา สกคภมิแล้วออก ทิศเหมือนก่นแล เอกิสฺสํ ทิสายํ วิสติ อปฺปนา กตฺวา ๒๐ เอกิสฺสํ ทิสายํ อฏฺฐวิสติ อปุ่ปนา กตฺวา ๒๘ บริกรรมชอบ (ควบ) ว่า “ปมุญ;จามิ” ๓ ที บริกรรม ปฐม ในบุรพ ทิศมืดค , วี ๕ มนุษย์เทวคา ๗ อไ]ปนา ๒ ให้แก่สทวี ๒๘ ให้แก่มนุษย์เทวดา ๗ มา วิคจฉา มิ ๓ ท่ ภูมิ มา วิคจฺฉนุตุ ออกไปขอบแล้วจึงว่า ลทุธสมฺปตฺติโต ลทธยสโต ลทุธปสํ- ๓1® สโฅ ลทธสุขโต มา วิคจฉนต สตตา มา วิคจฉามิ สตวํ่ ๆ มา วิคจฺฉนฺตุ ๓ ท บริกรรม ทุติย มา วิคจฺฉามิ ๓ ท แล่เวสกกภูมิ แล่วอธกทิศไปทีละทิศที ® แลวเอาสี่ทิศแล่ว ทวิท่งแปคทิศแลวิ กลบเขวิมาพิจารณาส็ให้เห็นพร , อมทนแลวิ จงออกสีบทิศไปฺให้ถึงทีพิจารณา คให้เห็นแล่ว ขนท้ศเบองบนพิจารณาศทิาให้โล่งคลอคลงมาจใ';ถึงนรก คุสฅวํนรก เอาจิฅฅ์ท้า เบใเสายโซ่ฉุกส'คว์นรกขน:ภแค'ๆ'''' จบหองมุทตาพรหมวิหารแล ขนเทขน ๕๐ ท พระอุเบกขา ในทวิงอพกขาสีเหลืองเห็นเบนเค็กใหญ่นั่งอย่ ภาวน''ว่า ะ - กมุมสฺสโก ๓ ท ใน บรพทิศ มืสฅว์ ๕ มนษ!'แทวคา ๙ อปปนา ๒0 ให้แก่สคว อปปนา ๒๘ ใหแกมนษย เทวคา ๗ กมมสสโก ๓ ท บริกรรมในภมิว่ากมุมสฺสโก โใ!ตุ ๓ ท บริกรรมร)อบ (ควบ) ว่า กใ!มสสโก กมมทายาโท กมมโยน กมุมพนธุ กมุมปฏิสฺสรโณ สตฺตา กมุมส/ สโก สตวิ ๆ ออกไปแล่ว เข่ามาว่า กมุมสฺสโก โใ!ตุ ๓ ท้ บริกรรมขอบ (ควบ) กมุบ สสโก ๓ ท บริกรรม'ในภูมเหมือนกนทวิ -0 แล นิ!เพาใ!ปจฺจโย โหตุ ๆ) จใ!ทระอุเบกขาพรใ!มวิหาร ขนอรูปเทขน ๒๐๐ เณ่เ ในหอง อากาสานณจาขตใ! ปธุมรูปฌาณ สีขาว ภาวนาว่า อากาโส อนนฺโต อากาสํ อนนตํ ฯ ออกนิมิฅรเหมือนแสงแคคล่องเขวิมาเบนวงอภ่แส ๆ ในหวิง วิณฌาณญฺจายฅน ทุติย อรูปฌาน สีขาว นิมิกรเหมือนพยพแคค 1 คลุม เข่ามาแลว เหมือน 1 ขเมฆลมพคขาคอยทแล่วหายใปํแล ๆ ภาวนาว่า วญฺฌาณ อนนฺต ฯ ในหอง อากณฤ!ฌาตนะ อรูปฌาน, สีเหลืองภาวนาว่า นต.กิ กิฌฺวิ นั่งคุกวนน เล็กเข่าแลวิทายไป ๆ ในห , อง เนวสณฌานาสฌฺณายฅนะ อรูปฌาน สีขาว ภาวนาว่า เอติ สา!ติ 1 นวิคอย ฅวิเล็กเขวิแลวิหายใป กกลบคืน))าอีกแล ฯ จบอรูปแต่เท่านิ รึ ๓ 1® & ขนพระสลวิสุทธิ เทขน ๓๐ เล่ม ในห่อง พระส์ลวิสุทธิเจา สีขาวล่งคอกพก นวิสบายใจนนคิกถึงทานการกุคล ๆ ภาวนาว่า ' ( อนิจจิ ขยตฺเถน อนิจ/จิ ทุกฺขํ ภยตฺเถน ทุกขํ อนิจจิ อนตฺตา สารกตฺเถน อนฅฺตา ภาวนาเหมือนกนทุกองค์แล ๆ ในห่อง จิตตาสุทธิ สีเหลืองน'งสบาย กิกลืงพระ'นิพพาน'ไปแล ฯ ในห่อง..ทฏฐิวิสุทธิ สีเหมือนล่งหนวกสุก มืลกษณะให้อ่อนนอมคารวะล่อผู้เฒ่า ผู้แก่ ไม่รกใครไม่ชังใครแล ๆ ในหอง ■กงขาวตรณวสุทธิ สีขาวน'งดบายไปไม่สงชัยสงใคสีงหนึ่งเสย ก ในห่อง มคคาม 0 คคญาณทสสนะวสุทธิ'' 'สีเหลืองจคค์นนม่ไค้ชังวลธุระสีงใก น'งสบายคึกคถึงมรรคผล ฯ ในหอ•ง ปฏิปทามคคญาณทสสนวิสุทธิ สีขาวคิคไปถึงมรรค ผลเบนล่นแล ๆ ในหอง ญาณทสสนวิสุทธิ สีเหลืองนงจิคค์สบาย คิกถึงพระนิพพานเบนคนเบน ประธาน ๆ จบหองสลวิสุทธิ ๗ องค์แต่เท่านแล ท่นขนวิบสสนา ๑0 องค์ขนเท่ขน ๒๐ เล่ม : ในหอง■ พระสมมสสนญาณเจิา สีขาว ภาวนาว่า :- อนตฺตา ทุๆขํ อนิจจิ เห็นเบนคนแก่ชรา.''และประกฒฺ , ไปล่าวิยาสุ!ก'ข์ก็มี บ่มฺใช่คัวใช่คนแ,ล ๆ - • 1 ,;.' . 1 ; . พระอุท!]พยญาณ นิมืครเห็นเบนเค้กนอนอยู่ในเบาะ'ว่าคัวเราเกิคมาออกจากครรภ์ มารคาก็เหมือนชัน ครนใหญ่ข้นมาก็ประกอบไปควยทุกข์ บ่มิเที่ยงชักสีนิช่คัวใช่คนของอาคมาแสก ■จนจบทกสิ่งค์ไม่เอาสี ' เอานิมืคค์ วตตนิพพาน ฯ ๓เต)๖ พระกงค'!นุบสสนาญาณ มืนิมิคร่เห็นเบินเค้กนอย แลวโกขนแลวก็แก่ชราลง เหมือนอย่างกอกบวกมแล่วก็บานร่วงโรยไปเห็นเบนอนิจจงสงเวชนแล ๆ พระภยตบฏริทนถกณ นิมิคร่เห็นเบนกนใหญ่ แลวมืล่กว์พียกเบิยพชีวคค่าง ๆ คือเสือสางแรกช่างจะทำลายชึวิฅแล ๆ พระอาที่นวานุบสสนาญาณ นิมิคร่เห็นเบนพระภิกษุผู้เฒ่าแก่ชรา อกอย่างหนง เหมือนกองไฟลุกขนแล่ว สีนเชื่อพีนแลวก็ค่บ่ไป เห็นเบนอนิจจงทุกขงเหมือนกํวเราแล ฯ ทีน็เอาสืเอาลักษณะกวยทง ๕ องค์แล ๆ ในหอง พระนิพพิทานุบสสนาฌาณ สืขาว มิลักษณะค่วเนึ่อน้นให้อ่อน แปร ไปเบนอนิจจงื บางทพิจารณาเห็นเบนบาไมิแดะราชสีห์ และกนคายบ่มิเทยงแท้ ประกอบไปกวย ทุกข์ใช่ก'วใช่กนแล ๆ ในหองพระ มุจจตุกํมยตาญาณ สีเขียวแกง ลักษณะเบนเหน็บชาไปทงกว เห็น อนิจจงไม่เที่ยงแล ๆ พิจารณากนิมิกค์เห็นเบนกนลุ่มปลากรอบงรายลงไร้ ลวงลงไปฉวบเอากว งู , ทุบเไร้ แล่ว ก็คิกเห็นเบน อนิจจง ทุกขง อนฅคา และประกอบไทํก่วยทุกข์ บ่มิใช่ควใช่กนแลวก็ ขวางงูเสียแล ๆ ในหองพระ ปฏิส่งขานุบสสนาญาณ สีเขียว •พิจารณาเห็นอากมาภาพ ไค้พน จากขนธ์ที่ง ๕ นน ประคจค่งพระจนทํร่อนไค้พนจฺากปากราหนนแล ' บ่อมิเที่ยงแท้ ย่อมประ- กอบไปควยทุกข์ บ่มิใช่ค่วใช่กนของอาก่มาภาพแลฺก '■.'นุ,:!เ- มลักษณะให้เย็นเช่ามาทวแขนขา เมื่อยชาไปทวที่งํ้กัวแล 2 ในหองพระสงขารุเบกขาญาณ สีเหลือง พิจารณาเห็นอาคมาภาพนน มธยฅ อย่บมิเออเชื่อค่วไค้ หนีออกจากขนธ์ที่ง ๕ นึ่น เห็นเมียคนนนมืชู้แลวนงเฉยเสียทงล่น เห็นบมิ เที่ยงแท้บมิแท้ ย่อมประกอบไปควยทุกข์ บมิใช่ควบมิใช่คนแล ๆ มืลกษณะให้กงชาแขงไป ที่ง๎ลัว เหมือนหนึ่งคนจะคายแล ๆ '’ ในหองพระอนุโลมญาณ สีขาว พิจารณาเห็นนามรูปนึ่เหมือนค'งกาอนบินออก จากปลายเสากระโกงแห่งทำยล่าเสา อน'คามนามห้าสมุทรสากร'น็นึ่แล บมิเที่ยงแท้ ย่อมประกอบ วบสสนาบญญๅพระสพพญญเจๅ ๑ พระองคนึ่พิจารณา อนจจํก่อน ก่อไค้ อนจจแลว พจารณาเอาทุกข กรนไค้ทุกฺขํ ไค้ทุกฺขํแลว ก็พิจารณาเอาอนตตาเถิก กรน ไกลกษณะเจาทง ๓ น กา: 1 )สงเจปกพ,3เรยนเอากามกล่าวไว้น 1 นเถิก ๆ จบพระวิบสสนา ๑0 เท่านิแล ฯ ขน)]ศคสเท่ขน ๒ 0 เล่น ๏ ทนขนมกกสเทียน ๒ 0 เล่ม ๆ ในท่องพระโสดานคคญาณ ฯ สีขาว ลก่ษณะ ให้สงสยสนเท่ห์ในพระ:กรีรโ]นกรโ]แล ๆ ในหองพระสกทาคานคคญๅณ ค สีขาว นงสบายไม่สงสโ]ในพระกีรีรโ)นกรโ] เชือมนกงอยู่ไม่ระแวงไปอื่นเลยู ๆ ในหองพระ?)นาคานคคญาณ ค สีขาว จุ๊กกนน),ชือมินไม่สงสโ] นงก็งไปทีเกียว ๆ ขนผลสเท่ขน ๒ 0 เล่น ในหองพระอรหดตนคคญๅณ ค สีขาว ลโ)ษณะไม่รํก่ใกร ไม่ช , งไกร ไม่เบนห่วง เบนใยสงไกเลย ๆ กรน'ไค้แล'วจีงภาวนากืบเข่าเบน 0 *: องก์นนเถิก ๆ จบมคคส์เท่าน ฯ
  • ® ในหองพระโสดาผลญาณ ฯ สีเหลองลกษณะให้จิกก์เชื่อมนไปในมรรกผล ไม่สงสยท่งจิกก์กีงไปทีเกียว ๆ ในหองพระสกทาคาผลญาณ ค สีเหลีองกงกองกำ ดกษณะไม่สงสโ]เชื่อมนอย่ ในกุณพระรกนกรโ)เจ่าแล ๆ ในหองพระอนาคาผลญาณ ค สเหลอง ลกษณะจิกก์ม่นอย่ในมรรก ผล มิไค้สงสย สีงหนึ่งสีงใกเลย ๆ ในห่องพระอรทํตตผลญาถ่เ ฯ สีเหลอง ลักษณะ'นนน'งจีกก่ไม่เบนห่วงพนใยใคร ไม่ร'กไม่'ชง , ใคร คอยขะม่กชะเมนอามรรคผล คกราก: โทสะ โมหะ ชา’ ไม่พ่นห่วงสรไก เลย น'งกื่งไปท้เกียวแค ๆ จบผลสแต่เท่าน. ท แลัวเข่าฌาณ ๕ ให่เบนอนุโละ]เบนปฏิโลมทง ๔ นนเถก ฯ จบผถสีแล ฯ ซนพระอานาปาณเท่ขน ๕๐ เล่ม ๏ ในหองพระอุกกหน มตร พระอาณาปาณเจา ฯ สีลังV!ระอาทิทย่ขนมาแกง ภาวนาว่า มะอะอ คงปลายนๆสีก ๆ แลัวคงที่ลืนไก่ ภาวนาว่า มะมะ แลวคงทกวงหลัย ภาวนาว่า มะคะอุ ฯ ■ไห้สนห้พฐานริก้งในเห็นแลวจีงขนมาท , งทปลายนาลืผุ:กูก่ห้ลม กูกลางลม กปลายคมออกกระทบที่ไหน ขำงล่างช่างบนรแลังจีงพิจารณาบาปธรรม 9๔ ลัว ภาวณากวย กนเอง ๆ โมโห ฯ เห็นเบนหมองมกไป ไม่เห็นลันใคเลย ฯ โทโส ฯ มกเข่ามาไม่เห็นอะไรเลย ๆ อหิริกํ ฯ สีเหลือง ใครว่าอย่างไรไม่เชอลือเลย ฯ อโนตตปป ฯ สีเหลืองสุก ลือมนอยู่ไม่ไกีย๊นกบหแลัาก็นงอยู่ อุทธจจํ ฯ สีเขยวเหลือง ๆ ให้จีกก่งสรำน ๆ โลโภ ฯ สีเขียว กิกเอาแค่ที่วะไกีไม่ละอายแก่บาปแล ฯ หิฏธฺ ฯ สีเหลือง ให้ถอมนไม่งกใคร ไม่พงใครแล ๆ มาโน ฯ สีเขียว เข่ามาแลวมืคมนไป ไม่ไก่ถามใครควย มานะนน ฯ โทโส ฯ สีกำ งสีกกลมเข่ามา , ไม่เห็นผกแลซอบอน'ไกเลย •ง อิจฉา มจรํยํ ฯ สีเขียวกำ ให้มืกเข่ามา จีทฅนนคิกอิจฉาชงท่านผู้อน ฯ มจฉริขํ ฯ กุกกุจจํ ฯ สีเหลือง ให้ว่องเจ่าหาวนอนเสียบเหงาอยู่ ฯ 0)1^0๙ ถน ฯ สี เขียว มืคกลุ้มอยู่จิคค์น 8 นมิไค้คิคจ‘ทำ บญให้ ทๅน ๆ มิ ทธิ ฯ สีเขียว ให้มื คมนอนธการ'ไม่เห็น0นใคเลย ฯ วจกจฺฉา ฯ สีเหลอง ให้ จิก ค์นนสงสยสนเท่ห์อยู่ เอามนคงย่งยืนไม่ไค้แล ฯ แลวออกทิศทง ๏๐ ทิศ แค่ว่าออกท้ละทิศเหมือนออกพรหมวฺหๅรเหมือนกน เมื่อออกว่ามะมะ ออกไปถึงแลวกลบเขามาว่า อะมะ มาถึงที่แลวว่า อุอุ แลวขนมาฅงํ๋ที่หทยว่า มะมะ แล , เวค , ง ทิจกขุทงสองข้าง เมือยคลอคลงมาท้ายทอย ๆ แลวฅงทิหทงสองข้าง พิจารณากูรหขคไปขคมา คลอคถึงกนแล ๆ แล่วคงที่'ไหล่ท้งสองข้างรอนรุ่มอยู่แล ๆ แล่วคงที่แขนสองข้างรอนฉี่ ๆ แลว เมอยลงไปคาง]แขนแล ๆ แล่วํคงท้วทงหมครอนรุมทํวทุกแห่งใจ ค่วให้ฮึก?มัๅใหญ่โคทีเคียว ฯ ท้นฅงทิหทยภาวนามะมะ ฅงั้แลวออกทิศท้ง @0 ทิศ พิจารณากูให้เห็นทงหมคแลวกลบเข้ามา ทิแล ฯ แลวฅํงที่หทยแล่วขีณ.บองบน แล่วฺลง',บอ.งล่า,งกูให้เห็นพรอมแลว กลบเข้ามาท้แล ๆ ทินคงปลายนาสิกภาวนาว่า ตะรุณ ให้เห็นสีสว่างออกไปไกลทีเคียว ท้นภาวนา'ว่าเหมือนกบน 1 ง เทาแขน ชอว่าเพิชฌอัทฅา ชื่อว่าเพิชฌกมภ*ณฑ์แล ๆ จบพระอานาปาณแลแต่เท้านแล ฯ
  • ตตอ แบบท ๑ ' รปเทยนสํงกฎในทองทาหมาหาร ๏ เริยนทรทมาหารตงอุปจารสมาธไาบาาาาาภ, ฅานถานสาน ขนประฐมชนสไาไทนอนากสองนา, ครใาถงส่าไเขนทุฅยะไว้ ขวาบทจร, ครนถวนส่ว่นขนตตยะคอนไว้ตามคำสอนทใต้นาน ครนอยู่สวนถด อาจารย์บญญตให้จตุตถอยู่ชำยนาภ, สิริประสมเชำดวยกไแบนยสิบนาม เมอนํ้น โยคืจงตงสงกฏเทืยน ชือว่าสะกดภูมิ ครนเชำจงขนรกบาสตยาให้เบนเวนแก่กน, ดวยคำบาลดงกล่าวมานเทอญ ฯ ๓๓© แบบท ๒ ๑ ๏ ๔ สุขี ๒ ©๏© อุปจาร ๓ © ๑. ปฐม ปริกา วา สต ๆ ปุรตุถิมาย สพุเพ สตตา อเวรา สุขี โหนตุ วน© ฯ ๒. ทุติยะ วา สต ๆ ปุ 1 รตถิมาย สพเพ สตตา อพยาปชฌา สุขี โหใเตุ วน® ฯ ๓. ตติยะ วา สต ๆ ปุรตฺถมาย สพฺเพ สตตา อนฆา สุขี โหนตุ วน ๑ ฯ ๔. จตุตุถ วา สต ๆ ภุมม วา สต ๆ ปุรตฺถิมาย สพฺเพ สตฺตา สุขี อตุตานํ ปริหรใเตุ วน®ฯ ๔. ในวงสูญกลางเริยกเอกสูญวงในวงกลางในว่า “สุขี ,, ฯ ๖. สุขี ๆ ให้บริกรรมพง ©0 ทิศ ๗. สุขี ให้บริกรรมทง ๔ วน ทง ©0 ทิศทุก ๆ วนแล ฯ ทศใหญ่ ๑ ปุรตุลิมาย ทิ สาย สพฺเพ สตฺตา ม่จฺฉิมาย ทิสาย 9 9 ปาณา ๓ อุตุตราย ทิสาย 9 9 ภู'ตา ^ 3 .! ทกฺขิณาย ทิสาย 99 ปุฅฺคลา & ปุรดลิ:มาย อนุทิ สาย 9 อตต ภาว ปริยาปนนา ๖ ปจุฉิมาย อนุทิสาย สพฺพา อึตถิโย 0า) อุตุตราย อนุทิสาย สพฺเพ ปุ่ริสา ๘ ทกฺขิณาย อนุท้สาย 9 9 อเนริยา 6 เหฏฐิมาย ทิ สาย 9 เทวา ๑0 อุป ริ มาย ทิ สาย ” มนุสสา 1 9 วน ป่พ้ กา อเวรา สุขี โหนฺตุ อทยาปชุลเา สุข็ โหนตุ อน้ฆา สุขี โหนตุ สุขี อตตานํ ปริหรนตุ ในทิศหนึ่ง ๆ ให้ออก ครบท , ง ๔ บทนึ่จีงถูก ๓๓๔ แบบท (1 วธออกทศใหญ่ในหองอน'นตจ*กรวาVI ๑ อนน ต จกกวาฬ ปุรตถิมาย ท้สาย ส ทฺเฬสต ตา อเวรา สุข โร!นฺตุ, อพุยา ๒ จกกวาฬโลม 1 , , 1 , 1 ปชฌา สุข โหน ตุ, อนฆา 0, ชกกวาหนิ 11 1 , 1 . สุ'ขี ให!สุตุ. สุขี -4 อตฺ ต ™ ๔ นคร . . ป่วิทรนฺตุ สตตา สุขี โหนตุ & คาม ให้ประกอบ & บทนในบท ® ทุกบท 99 ๓๓ & ฌือออกครบเสร็จแลว ให้บริกรรมอยู่ ณ วงกลางว่า“สุข”๓ท® 00 ท ๑000 ท ทํง ๑ 0 ทิศบ่นแล, แลสทิสมีมนุษย์ ๑ เทวดา & สตวึ๋ ๗ ทง ๑ 0 ทิศบ่นแล จบออกทิศใหฌ่แต่เพยงน ฯ แบบที่ & พ้ธอยกทศ ๑๐ ในพร11มาท!ร
  • ๓๓ฟ่ ๏ พระโยคอุตตมํ แต่ตงเบนพราหมณ์ จำเริญเมตตา ในหองจกรวาฬ แต่ลวนอไเปนา ผู้มบญญาจงรู้แห่งเอา, โยคชมฌาณในพรหมวิหาร, เสวยรสอํปปนา มิรู้สินสุด นิจจะปริยายทิสายหยุดเลย ถาคูณอ'ใ]ปมญญา หองพระสพพณณ ผู้เบน ครูสงสอน ตรสรู้แท้จริง อนนตะโลกา แจงในบญญาโยคาวจรแจงเบนทิศ ๔ ทิศ ได้แปลนไว้ก่อน คำพระสํ่งสอน ไว้เบนกระบวน จงออกทิศและวต แบ่งเบื่น & ส่วน จดตามกระบวนในหองอ , ปปนานนและ- ๑. อ 0 ปปนา ๔๐ ครง ๆ) 1®. อนุโลม ๔๐ ครง ๆ) ๓. ปฏีโลม ๔๐ ค/ง ๆ) ๔. สบ ๔๐ ค/ง ๆ) ๔. คํบ ๔๐ ค/ง ๆ) ๓๓6 ๏ พระโยคชมฌาน แกวหองจกรวาฬในรูปดอกบว นงกลางผกอ่อน คาม เบนเกษร นครเบนกลบกลาง ริมขอบจ , กรวาฬ เบนขอบนอกทสุด ผุดขนในสมุทร คอโลกะสนบญญาฌาณ เขานงVมผาน ในหองดอกบว ชมรสอ่ปปนา ชอปทุม ชาติพรหมวิหาร มิจกรวาฬ,บนรูปดอกปว ดวยเดชพระอ 0 ปปนาเจานนแล ฯ วิธืเข 3 าให้ตงอตตะไว้ทกลางผกอ่อน คามหริอภูมิ,บนเกษร นครกลบกลาง ริมขอบจกรวาฬเบนขอบนอก พออธิษฐานให้อยู่ในทต่งลมชำนาญดแลว ให้เดิน ตามเลขทวางไว้ในรูปต่อไปจนกว่าจะได้สมาธิสุขตามปรารถนานนแล ฯ ปรารถ่นานนแล ฯ ถ 9 าจะออกดอกบวบานนน ให้ออกแต่ภูมิไปย 1 ง์ทุติยะดวยสุขีแลวส่งขนไป พรหมโลกดวยอเวรา แลวคุมมาเข 9 ามาขอบจกรวาฬดวยอเวรา แลวรวมลงไปฌอง ตาจนถงอเวจดวยอเวรา แลวกลบขนมาย , งภูมิดวยอเวรา ต่อนน'ให้สงบอาร่มณ์อยู่'ใน ภูมิประมาณ ๓๐ นาฑืออก 1 ได้แล ฯ สํฟ้าณานหา•ใ’"" 1, ™" , ๖ 0)๔0 ๏ พระโยคผ้ฉลาดใช้ฌานตั้เนนาด 1 กกา สตต ลกา 1กยา'ดากตตด ,5, ก 0 บ่' ปนา, บ่ายหน , าเข็ามาต , อตนโยค) พนพศมออกมาแตล ะ ตา ๑๑ ด’ ตอาตนโยค 1 นน ฝูงผฝูงคนแตกตนกนมา บูชาองคํ่ฌานชอพญานาคพนธุพรหมาหา ตั้งใจผูกคาม นครเ'ฟ้าดํวยก*นครงหนง, ในอไ]ปนาค/งหนง ฯ ตั้งใจผูก นคร กพ จกรวาฬเขาดวยก พ ครงหนง ในอไ]ปนาครงหนง ค ‘9 แฆมแ (50 ชออาสโ■ห , แตนาคท‘นธนไทรหนวหาร ;สร'ร 'ร''-รา V, ชิว รา ะร๙ 5^343^ 'ๆ , ' 1 วิ?! 3 34 0รรา^'ว; . ร รุ. ร-ร'. รุ?ฟ รรรรว & 3 ชุ จุ่ 2,ร4*รฺรุ'!!ว่- ®00 •ซิ 00 ' ^ว?ริาร-รา'วิ' 3 ร 3รร- รุ' 1 &วิ , 5 จุ^;#ร?ช , ร ชุ.
  • 4 อ์จา สัพ V ท • 1 กVI ไ. VI น รชิตธ'ไ ไ ไ’' ไไ' •'ไ' •|รก1^แ^-ไ , ' 111 '' ๓๔๓ พระโยคมหานาค มิไมตร็มาก ยงกว่าฝูงคน รกษาฝูงสตว็๋ทวทงสากล แผ่ เบึ่นสุดขอบ อน่นตจกรวาฬ เลิกพงพานผก ปกทิศเบองบน นางนาคเกยวนรก ขนมาบนดาล พิศษ์ออกจากกายา นอนตนชนตา เสวยสุขอนนต็่ บศาจมนุษย์ ชน ชมหฤหรรษ์ เทวาทุกชน ช่วยชูรกษา หอกดาบยาพิษ ไฟลุกเขามา คร 8 นถงนาคา แหลกย่อยเบนผง ใจร , ายใจบาป อนยุ่งอนหยาบ ระงบดวยพรหม นาคาสุกใส ใครเห็นพิศวง เมอตายมิหลง ดุจคนสามานย์ พึศถงอครผล จะเข 9 าฌาณเท่าใด แก้ชวดเกิด ในพรหมโลกา แม้นอนาคา จะใปยงสุธาวาศ แมนถงโสดาเกิดเจ็ด สกทาคาคลาด ชาติหนงสำเร็จนิพพานแล จบอานิสงค็๋พระจตุรพรหมวิหารแล ฯ ๓ ๔๔ แบบท ๙ แบบม่งชกุทวิ 1 หห หาร ฒ่นไ 1 าลาแผ่'' 1 )หืน 1 5 ๏ พระ'โยเหืผูรุ ได์หืทพไกนุ 'หืน 1 " 10 "' 1 แ " อ ™ รู \ ๏ พระ 1 , 4 ' ' "เ2!ส,,.าพพร*'นิพพาน แผไหดรดด ' 5 '“ 3 ” ; ”7ร;."ร17!1 1 !ะ!!^ะ™! . ” . ”, รุ’” 1 ,2 “' 1 ,., ”2. I .ไ.;,,'™ าริ’ริ’' นุ"ๆ?” V '1*1*1.?. ผกเช้าดวยกน สองชนโดย ด รา วางหลง - กหนา ะ, เส-ไแกว ผกสดตะเช์า ผูกเขาดวยนา 1 แย 6 จ..’., ะ? ซีะ^ '-ซิร์-ไะ:ะะะ-? ะ; ะ!;!น ไ* 1 น “ 7 ะ!:ะ!, พ”?., 11X๙2 กุกะ 1ะ ง ฬ น .หื”""ะะ!!!ะ?!!!๒ เหตุในเหตุ คบเหตุผลดห เพราะ สงขารดห ย่อยขหด™ ฌาณ จงเบนวส ชนโลกฺดร . .. 1 เ ฆ ไไ,™;•'•ๆ "'’ 18 ”'””” นิพหาน จิตตํ่พุตต ทธุตห่น่เหืนไร"" 4 ' 1 ฯ วิธผูกวิญญ!สงน'บน 401 " 0 ' , , ฬริไ™""กุ “" 1 '" ไ,.™-™™”' - ” - 5 " ^๚ฒแ ดาป็ 1 & ปรกฤตติมื ๒ มูล คอ ปรา แลอปรา (ขอ!แบนอุปเท่แของทระอาจารยจะสอนให) ให้ผูกวงกลมติดต่อเนองก 5 นเบนสายเหมือนลูกโซ่ ต่งแตวงทํ ® เกยวกนขนไปกงวง ท ๒๘ ให้ตงตรงเบนเลาแก 9 วเบนสายเดยวอย่าให้ขาดจากกน แต่ในรูปนกระดาษไม พอจงได้ตด เบื่น สองตอน, เมือเวลาทำจริง ๆ ขอให้สงเกตอาการตามทอ ใ) มายไ')น เทอญ ฯ ซึ๋อมงฃภ 1 พรหม'วิหาร ฉกๅมาวจ:ภูม ๖ อุทุธํ แตนขนไป ไ นาภ เบนต้น อโธทสา แดนลไป นาก ๘ ขม ขอว่า อโธ 'รึ เหวสณณในาสณณายต14 \ อากณฺจณถ]ายฅน วฌฺณาณถเจายตน อากาสานฌฺจไยตน อกฺกนฎฺขิา สุทสฺสี สุทสฺสา อตปฺปา อุทฺธํ ทสไ อรูปไวจรภูม ๔ อวหา เวหปุผลา อสณฺณสตฺดา สุภกณฺหกา อปุป มไณสุกไ ปรตตสุภา อาภสฺสรา อปุปมาณภๅ ปรตฺตภา มหาพฺรหฺมา พุรหฺมปโรหตา พุรหฺมปารสชฺชไ / รปาวจรภูม ๑๖ / ๓๔๘ ปฤศนาธรรฆของนํกปราชญ์โบรา , ส พระญาณร 0 กขต (บยธโรหร่ง) คด , !- ว ปฤษณาธรรม ®0 ประการน เบนเก'รื่องประคบสำหรบ , พระองก®'รรมมิกราชาธิราชเ'จำ ผู้ทรงธรรมสฆ์ไงสมภารหวัง-จะ'ให้'หลันไ'ค้กรวิ''แบนพระ'พุ1ทธเจวิองค์หนง จะยกพระธรรมพระวินัย ปํ๊น่หํ'พ้า'ย์งพ็•พ็งพระธรณี อนเทพาแลมนุษย์น่มิอาจจะยกไค้นน พระองค์จะยกขื่นไค้แพ้ 1 ริ ง เพื่อจะบำเพ็ญบญญ-Vโลก๊ยทงหลายแล เมื่อจะถามปฤษณาธรรมนน ใส่ไว้ในใจประอุจธรรมสาม ประการนก่อนค้อ ทำ'ไปบํมืแจวิสึงถามหพื่ง ถามเพื่อจะชำระอนเค้นแส , ก่นน ห นี่ ง ถามเพื่อจะแก้ สงสัย' ให้บ'ริสุทธน , น'VI นึ่ง กรนธรรมสามประการน้สำเร็จในใจแส่ก่'! ซ ก่ ก็จะแผวใจนนให้บรีสุพธ เค้นอุจแท่งทองชมพูนุท แสัวค้งชำค้กค้งพระพุทธพระธรรมแส ะ อั ษ ป็ ารืยส แ ™ งต ประการ ขอจง มาช่วกพระธรรมพระก่นย อนเค้นรสธรรมแห่งกำสอนพระกถากกเจำนนขน เพื่อจะให้สัคว์ทงปวงนนกงอยู่ในกสองธก็กงสัจจาธิษฐานว่า การถามปฤษเ‘เาธรรมนก่ พระมหาสมณะานปวงพื่ประสงค้จะใค้พมหาส มณะ พง 111 ง นในป ค้ ษณาธรรมนะนแล พระะ เฑ้ก็เก็คมในใจขนพองสะยองเกสัาแล‘ก่ พระสงฆ์ทงปวงก็ขื่นขมยนค้หนั กทนา ถจายพรจนก่ พระองค์หน่อพุทธางกูรเจา รบเอาปฤษสเาธรรมนนไบ่บ่ร ะ สุมกน ยกขนสุพระไกรบป็กจน 1ฉย เลือกกกเอาพระธรรมอันพื่นเกออยู่ อันเค้นอค้กกำค้รภาพสึกลาย็งนกใน พระไฅร กธรร ”5 น น่ามา ถวาย แก่หน่อพุทธางกูร เพื่อช่วยพระมหาสักค์เจวิผู้ทรงธรรม ยกพระธรรมวินัยขนไค้กจ" บุญญาธิการ อันบำเพ็ญมาแก่ก่อนแลจนนแค้จรน 1 ล กรนกรสเค้นพระธรรกสัน พระ ทธเจ " า ทรงบ ญญฅ ไว้สอนพระองค์ แลทพระสงฆ์ทงปจงนำมาสจา ย นน ก็ครสรู้ไค้โกยง่า ยเ สนื 0 น เรยนแลว ไค้รอยบพนบ เพราะพระองค์หน่อพุทธางกูรเจวิไค้เรยนพร"นป็ก ธรรม แลวแท้

    จริงแล เมื่อพระธรรมมกราชาธิราชเจวิผู้ทรงธรรม กรสเอาปฤบแเาธรรมมาสาม พระ ม หาส ม ณะ

    ปวงน้น ค้อพระองค์ทรงยกพระธรรมพระวินัยขื่นใก้นสัจ อธิบายขื่งอุทายแค้ง พร สั พระไกรบฎก เพราะเอ็นอุแก่บรรพสักวทํ้งปวง ประสงค์จะให้ไค้เรียนพร ะ ธรรม เพื่อ 1ะ ให้รู้ 1 ส พระธรรมเจวิ การทพระพุทธ.จวิไว้พระไกรบป็กน เค้นเสมือนไว้ขวานเพื่ชรีสึจ เ พื่ ช รี อจะ ถากจะเจาะภเขาเขวิไบ่เอาแส่วอวิแสึสเห่าเงนักพรร ณ สักกาก อัง เอ ยู่ ในห่ามกลางใ 1 ขานนน ล พระองค์หน่อพุทธางกูรผู้นำทางสวรรค์ให้แก่บรร พ สั ฅ รีสั 3 บ่'''ง แลนำเอาปฤษแเาธรรมมาสาม ๓๔๙ พระสมณะ เพราะจะให้รู้จกองก์พระธรรมพระพุทธเจ’าอังนึ่ ทนจะเบนที่พึ่งที่พำนกแก่อาฅมภาพ ของสฅวทงหลายเอง เมออบสํงขารธรรม'ไปจะเบนสุขณะฌั้องหใน้เนนแลเมื่อพระองค์นำปฤษ ณา ธรรมมาถามพระสมณะทงปวงนน เบึนเสมือนพระองค์พบทร , พยแลํว้ แลพระองค์เห็นปากถา ทองนพคุณอนขือว่าธรรมามูลนนแล อนึ่งภูเขาทองนพคุณชื่อว่าธรรมามลนน ก็เบคพระทวารออก กอยอยู่แลว พระองค์หน่อพุทธางกรเจาผู้ทรงธรรม พระองค์เคียวผ้สวยมนุษย์สมบ’ค้อไเประเสริฐ ไปเอาพระธรรมอนอยู่ในทามกลางใจภูเขานนออกบา!กีแลว เอาพระธรรมนนมาถามแก่พระสงฆ์ ผทรงไครบิฏกทงปวง เพือจะรนฟนยกพระธรรมวินํยนนขน อนึ่งเบนเสมือนพระองค์เจ’าไค้นา อมฤคออกมาแค่ในใจกลางภูเขาทองนึ่น เอามารคบรรพสคว์ให้สืบอายุท , วสรรพสกว่แล พระธรรม พระวินยนึ่คือองค์พระศาสนาเบีนอายุศาสนาพระพุทธเจ่า และปฤษณาธรรมอันขนอยู่ลานทองนน คือจำเริญอายุพระศาสนาไว้ให้จำเจริญรุ่งเรืองขึงขนไปคราบสืนศาสนาพระพุทธเจ่าแล ๆ ๏. ธรรมอนใคอนเบนคนพระไครบฎกธรรม ชุ คือเจฅสืกธรรมอไแบนของแห่ง พระพุทธเจ่า อํนอยู่ในจิกฅแลทรงจิคกอยู่ ซงให้จิกค์นน มืชื่วิ คแลสรรพปราถนา แก่ เบญจขนธ์ กง อยู่ ไค้ พระธรรมนแผ่ , ใปเบองบนถึงภวรรกพรหม พองขวาแลชาย ทวอั กร วาพ เบองกา ถึง อัษฎากาศ พระธรรมควงนึ่พวะพุทธเจ่าเอาออกมาแค่จิกค์ แลออกมาแค่พระโอษฐ์เอาเทศนาไว้ คือพระ'ไค'รบฎกรรมนึ่แล พระธรรมอันอยู่ในจิกค์นึ่เบนกนพระไกรบฎกแล ๆ ๒. พระธรรมอันใคที่จะเบนที่สุคบทแห่งพระไกรบฎกธรรม ชุ คืออารมณบจจ่ย บทหนึ่ง แลอุปนิสสยบจจขบทหนึ่ง ธรรมทง ๒ บทนึ่ เบนที่สุคแห่งบทที่ง์ปวงแด เพราะเมื่อ จะคบสงขารธรรมไปเสวยสุขนน ถาแดอารมณ์บทนึ่ เอาพระธรรมไนจิกก์อนทรงจิกกอย่นนเบน อารมณ์ไค้ไซร้ เหคุ'ว่ามีอุบน้สส่ยบทนึ่คา'ชู'จริง'ไซร้ ก็ให้สรรพอักว์ปราถนาเบนสุขพุกประการ แล ถำแลหาอุปนิสสํยบจจยบทนึ่ค์าชูมืไค้ไซร้ ยารมณ์บทนึ่ , .อาพระธรรมในจิฅค์เองเบนอารมณ์ มีไค้แล มิรู้จ กพระธรรมแท้แล เมื่อจะคบอังขารธรรมนน ผู้ใคในโลกนึ่จะช่วยให้เบนสุขนน ช่วยมิไค้ แค่พระธรรมเจ่าอยู่ในจิกก์เองควงนึ่ เบึใเของเองเที่ยง แท้ จะช่วยไค้ขณะนนเที่ยงแท้ แล อันว่ามือของเองนนจะช่วย ๆ ก็มิไค้ อันว่าเทพอง,องนนจะช่วย ๆ ก็มิ'ไค้ อันว่ากวของเอง นนก็แน่ไปสน อังแค่มโนทวาริกจิกค์ทง๎ปวงประมวญอันอยู่ในนน ครานนมืแค่ 1 ใจผู้เคียว เบนอัว ผู้!เคียวถือเอาพระธรรม'ใน'ใจนึ่ เบนอักรแกวจะรบเองกนเคียว ผ้ใคจะช่วยไค้ในขณะนนหามิไค้ ‘9 ๓&0 เฒ ครานืหํณ์อาหันรุ้ธรร)อ้นอีคบิ แค้ว เอ™ ระ!!รร))™)อ นไปไ ซ? คีฟ้,ตลํก กิฟ้น อารบกิ ฟ้อ คน ไม่ ฟ้อ™น ไป)"ร่"' ร:))อ ว' Vหืน 'บ' น™ รีลุอุ " จะ.บนเพอา)คา) อาค์เคือวก้ร!. 1 1กชนหอ™ กอกา™ฟ้า)''''™''' 1 '"' อา’)™))อุ™)™''" งุ่'แค้ลฺชฺบ หัว'I,-พระ'พุทธ.'จ้าลำห์!อาเกร่อ อ้าใลก!!ากุ))บิอํ'น'รนอบนบ ""“'"อี™ บ่ฟ้อ้อ้ แห่) คียว"'ยลุลุบ อ')หืประ)ลริ™' 1 "’"' ค, 1 )ก่ว์อุ่๒"™อุอุอุ ฤๅชา ฑุ™ะ108คห™เพ้ฒห้วย!™ แาเบออู่)บิน))''อ้า"™'!’! 1 )’" 1 เนอ™''''!’! 1 ))ป™อุ ปุ,.บ่;๒' อ้าคี'เท่านกรอง™ใคร บ 1 )!หืประ)ลริ*™ 1 ยล รุ™™™™ ""อุไ"รี หัว คีว่ยประลํทชิวา,าคีายลบ่ห่ ในบิ,จุบน.หาะ.''อ้ออากา’ 1 อุ"ร')’)')™' ไป))ฝ')’)')™ .อ้อบิฤบ๊กิ อย่าครืกอ้กเอาคน)บิ"))บิ เอาแบิลุข™รรเลรํญ"ร™ระ ๓ ’"'"'อ้ อี 1 )’'' 51 'อุ)™ ชิด ว่ากิ,น™อุข.,..บิ .บิ 0 ว,คร์,, บกระ กํฟ้ค รบิานก อ้อุไป 1 )'™ 1 )อ'™™ ๓ อุ™ ว เบาม่วอ้ร่นดร .บ่าไฟไหม้ผุ่นฟอน,ห่า"ร™ลุ 1 )รูป บู่ 1 ))สี 5 อ้นน’'ร กฒู้คืน™บ'"'' 5 ))บิ 1 อุ)อุอี' กิรรเกิร่ ญคว.อา.บินสุขฺม ตาย,เอ้ากอ้บ 1 )"กิ' ฟ้บคา,™ร 1 •บิ)อ้า™บอ้ 1 *1เห , )โ ป เ "" กา8 ชุบดุ,,บ่า นา!นอนกิ'าย อ้ากาย)อ้าไบิ ลุย'' 1 'อ้" — '"อุ 1 " 0 " ว0 ^ “อุ™ กิฟ้กิธุชุมมร้ธุทฟ้ยวค'ย ครน,,ห่ใ,บ่™บ™'ยไป 1 )' หัว) 1 !าดอุ้ยสุขุ™'ย ลุอุบไ 1 )อุ™' ใครร้คกิเด่บฅกิมา,,ฝา,อำแลดุ ดรน))'')อ้นลุลุ 1 ) รุบ่" 11 อี™ลุ''™’ 0, " ไ"™"™"" 1 โบโกิโทโลโลโกหัวยจึาจะพบลุลุบ รัก™ 1 )) 1 )'หัร อี 1 "’’ 1 " 1 ' อีบก'ย 1 'ย'บ))ลละ)อีย" อี'อุ ๒ หัว 8 สุชุบ กร,!ฌานในรุปก!!]ค') ค!!าเลำบินคนเร่าแ''รุป"น))บิไนลุลุ 1 ) รูปกุ))อุรุป"")™บ กิ™กิ'ได้ตนอ!!-,บิดลงบ่!กิ กล.,ห่าอุชุบ,,บิ ลุลุ 1 )รูปอ้นไร 1 อี ประ)))''บิ' 1 ๆ 1 )' 'อ้"นอุ่ไ"รูป' เช็อรดกบอาค์ กุ,ลำแลหับแลบิ,อ้นอยู่ไ™"น ขำ)บึนอ้บ"’ลุลุ 1 )"' 51 ไ" ลุ""ก็"กุ’" 1 )''"’) 1 ) ลับอยู่ แบนแนมภูผาลับแลค')กุไกล คนแลบ่)อ้นยำลบ เอาบ่อ,ขาไล’'บ จะไ"ลุลุบลมหายไ' , ใครรุโ;แงบ กลำ™"ดุลาขา)พร เหอียรแลหาหล' 1 "นบาป"นบุ'!)))ฝ 1 ))นบ อุ" 1 ’'อุ่ไ 1 )"" ทางกิ"บก"."ยว กลกากิรฺแบิอุชุบดุข่แขาย็าแฝารัลอีลร่า 1 อี 1 "ร"'ย กระบอก))กรอุรนอุอ'"อุไอี 81 รลม้ล่องดุ,ะอ้าเคียวหัวย!™พรรลเรัาอรีข้น รัลบิบ่ออู่นอกอยู่ไนกล 11 )"ลียร"ร'บอ้)ไอ้ อุ่อุ้ 0๓8 ละเคียดห'ยาบ ลำไกลบ่ลำใ™ บ่พบเอ้นออู่ไกลดา ขำ.บินลับแลสุอุบไน กุดุ)ก็มไ’')ข้อ"" ไกลอนาคฅน็เลำไซร้ ใช่อน ๆ ในสุขุม ดนบ่รุ้ว่าค'เออู่ไกลแป"หบินลนัน 1 ’ระ 5 " 1 )อ้"อี รี” ๓^๑ นนนบวนแค่จะไกลมืดมน ปถม่งพินทุนิผู้ใดไค้เรียน & มิพกขอก็มาเอง เดชะบุญแค่เพล็งสร่าง ก็มาเองทุกประการอาจารย์ผู้วิเศษอุปเทศกำโบราณ ถอยกำเบ๊นแก่นสาร ย่อมสงเคราะห์กล่าว พิศมย กลกายอนมิในกล่าวสอนใจกำเลิศลา กล่าวไว้ควยพิศม่ยกลกายในแจงส่คีย์ จำกล่าวถอย สอนในกำควยปริกรรมประภามา อกีฅก่อน , หามิ'ไค้ เปล่าอย่ในอุจเวหา อากาศอย่าสงกาว่าเปล่า หนาบ่มใน เมื่อฉะนิผิดทีงผอง มิง์ย่ศรองเจ่าค : เวแคน'ใค ดินนาท 1 งลม'ไฟ อยู่แห่งใคเร่งบอกมา ทงนอยู่ในเปล่า ๓คมาเล่าแค่เปล่านาเคชะอกษระหา เราเกิดมาดวยอกษร อกษรด้วเคียวดาย เกดมาควยอกษรหา บวรเติบใหญ่กาย รกษาแห่งกลกาย เบนแม่นหมายกำว่ามา เกิดมาทว ไฅรพิภพ นิดเคียวสบเกิดรูปา ค่เงรปอํนเกิดมาค่างรปาค่วงรูปกาย บิดสงทงฅบาย จงหม่น หมายไว้จงดี เบาแฅรกนเคียวนิ ส่งเสียงลิมาแค่ไหน มาแค่ทางเคียวคาย ในกลกายนิรพาน'ใย ผาคือแนบแทบใน แสงสกใสหมดราคี กนโฉดใจอบ่เฉาบ่นิกเดากล ด้ง นิ มืดมนใจอบปริ เนิอผ่าแนบกลกาล เห็นแลบ่เห็นใย ยินควยใกรบ่ผ่ทน พบแลวสวยสุขฅน นิฤพานอย่าแนบ กายใน ยามเมื่อดนไม่รู้เสือกสนอยู่ทุกแห่งไป ร่แล่เว้บาน'จิกดไจสุขุมในเบนเคียวดาย กลมเกลียว เบนเคียวแท้ รูปหยาบแลเบ่นฤามลเชอชิดแนบกายกล แท้เคียวดลเบน , ชาฅิใน มาอยู่ในนมเบิน เกลียวกลมรอยสนกน กลีงกลึงอยู่เวียนว่น หไเในออกพลนทราบอีมขนใจบาปไม่เห็นคือองกํ เบ่นไม่รู้ฅาย แนบแทบดนอยู่ด้วยกลกายรู้สนด้วยภหดในหายอยู่ในนม พนเกลียว กลมไม่รู้ใหญ่ กนโฉดแค่เร่หาไป บ่พบในเนยในนม เร่งคีดเร่งลบอยู่ ในอำนาจทีส่บ่สนอคีฅกาลลบล่นไป ยงอข่ในแห่งกายคน เรานิเชอชิดแท้ แนบเคียวแลด้วยนิฤมล ฅนกดใจเวียนวน กูแลฅนใช่ ใกล้ไกล พนดิดพนบิญญา จะอุปมาก็พนกิส'ย แมนดริกนึกในใจ บ่ใกล้ไกลเชิอชาคิประเสริฐ กลายใน กิจแลไปลึ3 จงถือกลกายในชาติ กรบกรนฺคีเลิศลาใน กลกายอยู่ใน กลืนบ่ลงกอ จะคายคากออกขดิกอไว้ ใกรจะด้อง ๆ บ่ไห้ จะจบ่ไว้บ่หยุดอยู่ จะแปล ๆ ไม่ออก อยู่ในนอก สุดกวามร้ อฏฐึนิผกพ'นกวาม ร!]ญาณเล็งแลในอารมณ์ เบนนิยมยอคฅน เลงแลประตูญาณ จงดงแน่อย่าปรวนแปร อย่าหวาดไหว กินทะมิง์บ่มิ แค่เดิมทีเบ่นฉันใด บรรดามิใน บ่มิใกร พนเปล่าอยู่ เกิดมาทวภพ ไทร มาแท่'ไหนฅนบ่รู้ สืงนิแม้ถวนผู้รู้ที่อยู่กนโฉดคนบ่รู้ แมนกวน ผ้อย่ แห่งกน. เทียวหาดนเดิมคน นอกกายนนบ่พบพาน รู้แลวหายรอนเข็ญ อมฤฅเย็นแผ่วสอง ญาณ ท'วโลกบ่กลกาย ทร'พย์แลสารบ่มินา แม้คนในกินทะ แค่เดิมอยู่ในสูนย์มา ก่อนหลงใน 1 กา 8 . 1 พระ.ภรคาฅนค้ งแก้ .หาใกล้'ห” ว , - วง™ คนา;™™'หุนน’ 1 II! พ้!!™ “™ ไ,น่!ไ!โ บ่!!นา 1 ะะ!!! ไ!ไ! ก!’™™ 1!ร! 1!!. นนํนใก ไ! ทราบ!! ใน เร่ง!ษ!๒า ป๓!ง่พํแ ™ * ไไป,,า เ™วเห่ค้น หา ทุกแคน ใ’' ร™ทุ™''’ใ" 11พบอง ก์ ? 1ป “ไ!" า นับโกฎํเห่ห”บ""นจง เฃืน่กนุทก™ทุยผง ปีใคู้กงหานิรนคร เ ไ า ใ า ?! เท !"! แห่งทน ภาไน!นิรนคร ๒™น™ว'’ 1 ' 1,รอง ™ ไ""’"' 14๓ } ;! , ห่น่ก์ ไซร้ เปีย ว จรไป ครู่ กากา ร้น™น™”ก"กกบ” กุ” ห' ปํ!เห่!คุใ!ห™!!!" -!“ ไป “”1 ใน!ญาณ ไคปากก.™นคื”วคน นีกใน^า*คนก™าร ไ ใ!กไค้!ไน กดัาก-กนไร้ค”าปคก"น 1 ™™* ครู่;; •1!าหา!หน—™ คุ!ใ!ไกก!นปํ1ไไปํร้ไน๒!ไคู่!!! :!! I ไ,๒ปีนไ๒ปำ 'นิ!นกกกา” รุน่คน.กรุฬุ่'! ไฒไ™หนือนรุปใคร เ™มแร่® เบ่ง ’ 1 น"”ง'รุ-รุปใน’'ครู่"™- 1 '' รุ™กุ-ะนํ 1 ห่ไ!ว! ง รู่!ปน"! !งืะ ฤ ™ รุ!-!™™" ไร!.ไนร้เคษ ไกฺปเท™'อก’ไร้หนา กุ้ใค’” 11 1 แก้™กกุาหวนคนใคฺกุ ’ ๓ ) บ่ฟ้! 0 เาคน-แคจุ&ข้กนรํ คนหรา”จากุ , };ว”ก 1 "- , อ ™ ; ™เห่'ไปเก๊คห่ใคา ไก’"แกค้นใ’ไ ฬ้ค'™™'! คนห่วฺร่ง์ปรากุ 8 คคุ่น" ใน่เปห่ ไห่ ก!ห่กน'’;ห์”ค®นห้ '"นนก ■'ว"’ "น'ก่ 1 ค””น” 1 วคว รภพ ” ณลว ๓0 เสวยสุขในนิฤพาน กนบาปคืกบ่รู้เหนกอองกมีรู้คาย แนบควยอยูในรูปนอกละเอยค นอกใน สขมทราบกล้มทํวทั้งกาย สขมลบอยู่ในอนาทิองก อคีคอนาทิ คนกูสคนคู บารม พระองก ยอกเกกมงกุฎ โดกุฅรใสสุกสุขุมแก่นสาร ถามหานํกปราชญ์เชี่ยวชาญ สุขุมพิภพในคนเล่าเบน ฉนใก ? เข่าในประคูญาณ เล็งแลคูประคูสุขุม มีคมนเห็นสว่างรุ่งมหิมา คนโฉกบ่รู้เห็นใน กลกายองค์ชา กรี ก่วยหมายยํงแท้ รู้แท้แล'วสุขุมคนบ่ไท้'ขนกิน ครกนกในใจถกล ไคมานงอยู บ่ร้สน คหาพบแล้ว หา อึนร้ ไย สุข มเน็อนพคุณ สุก ใสคูแท้ คูเทิยวนอกใน กูเองใชอนใชไกล แล แม่นแท้องค์ชากรี เอาญาณมาเบนพระขนธ์ใช้ คือฟากพนในมโนนให้แพิ ใกรรู้ในภายใน คนกรบกรนสีงใกเสียนั้นจงรู้ สุขุมเอาไค้กง รูปอนหยาบรูปละเอียกมลจง รูปใกคงอยูเล่า สุก วาโมกข์แมนสีงใด สารธารณ์สีงใดกงสุขุมแนบกาย นำนารีเกนงฌาน ถวนสีสิบวนวาน กรน ยอกใจคนยาน สุขุมสว่างแผ่ว องค์นรู้พานอยู่ในกายแห่งคน คุจกงนสุขุมในกาย รูกลในกาย เบนล้วนแท้ ร'จกประบงเทิยงแลบงเลิกกอสุขม คนหาพบคูหาอนใย เนอสุขุมนพคุณสุกใสเบน เที่ยงแท้ ใครหาพบรปสขมเชี่อชาคืหมคมลทินรากบร้สุห ธ แท้ นำรรูกรบถวนในกลกายหาไนม ให้มีไซร้สุขุมเบนมา ใกรรู้กลในกลเชี่ยวชาญ ครบกรนนมสการเชอช้คสุขุม รูปหวใจหอยลง ถงบากาล พลิกขนนั้งฌานวิบสสนา วิเศษกวามรู้กลกายรู้สิงไคจะมาเปรียบกวยสุขุม อนจจจุกิ ปฏิสนธิ'ในบจจุบน ใกรทำไว้กุจก'งอินทรชิค บกปากคากบจ๊คค์บกทั้งหู เล็งญาณกุ นกยาง ขาวช่วงงามมริสุทธ กลุกกสีอยู่ในสมุทรหาปลาคือจิคค์ เดนทางในศาสนา ทางฅรงแค่นไหล หลง ก่อนผู้สุขุมรู้ในกาย นกบินกระกุกบกคืน อาจถอยล่องอยู่ใใเอากาศ ควยฤทธิสุขุม บรม สขเชี่อชาคืในกลกาย อกษรเกยวบ่วายทราบทั้วมนุบยสิงหสคว รูปใคบงเกกจงรูจกกาเนก กน นั้ใเองค์เกยว เบินแท้ยืนย็งอยู่ กรนถํวินสุขุมพรอมพรำพรู รูปาเบ็นรู้ใศร เรงคูยนเจรจา เคืมเก่าก่อนกงมาเบินแก่นคืออารมณ์ 1 นํฤ:มล พระวิหารแห่งคนสุขุมยงแท้ ยามอยู่ในจิคค์เองนน จะเบินทิพึ่งทิพำนํก แกจคคเองนนแทจรงแล กรนแสมไกคูวา พระธรรมอยูในคนหหไซร ไจ นั้นละล้าละล'งอยู่ ย'งจะเลือนหาพระธรรมสืบ ๆ ขนไปเบืนอนมากว่า อใเไกจะคื ยงสงสยอยู บ่มี รู้แห่งพระธรรม เบินแม่นมนแก่ใจแล จะเอาเบินที่พึ่งฉือเบนสจจ์กราบเห่' 1 กํว่ย ส ง ขาร ว่าสควทั้งหลายย*งไปไค้กวยกวามสจจ์แล ศรนรู้พระธรรมนแลวไซร้ เอาพระธรรมกวงนเบน ล้จจ์บารมีคราบเห่ากบสงขารธรรมแล พระธรรมควงนอยูไนจคคนนเบนก' 1 หแล ก ๔ ) ทวะอาจารอ'จ™อกร , 'า 3 ฒํภาร"รกปอํกหั ๗รฒ่™™ โอ 11 แล่งอ,๓๗๓กํ เอาแฒ่ากเหืย™หุบน™''น๓™สื™ “ไ 0 : ๗๒ส 21 1 '๗x๒1X—3'ฟ้. ใ ’5 นอ "“ ^ XXอ?พ™รรนน'ปีนธ™™ไ*เจิกกรหู*" ลฑพส่ค์ว์ปรหตนาณืนํพุ , ! ๗ ’ ๓ '" แอ แ๓ ’ ะธ, ™!5” อ ’""’"- ฤ ! ณ โ!X 31าธรรนปีX ป้า X๘!พ 1 ธ,"ะะะะะ^’ะ:!::ะะ:!™ .เปวง, ะแ กฤปพกเาธร๊รน แ. 0 จ:ะช่วยหน่อทุทร*กรุเว้าหุ้" 3 ก'' วินัยข้นนั จะ'ไค้พระกร'น์ แน่ร่นพระไทร'ทน™นน'’ ๆ ,)จะ 1 เอาพระธรรนอจินิ 1 ไ* ? พ !"!’11!!?ป็! แนั,จะเอXXXฬค้''ก ๓เอาพระยฺรร๗นทุ่ไน“! แกวจะอาน™ฒุ™ .,'► ... 1 .,• 1 ,• 1 สห,ะ ช่อว่าน่าบาปธรรนจากจิกกน่น่นัน 5^2ะะะ แน่-นุ่น-ไ- "" ” รพโ ™ สรรพ บาปทงปวง หายสนจาก นขณะนะนแล ๆ ๗ ะ .. 0 XXรนหัไห-’ ะ 2^::!— X! บทเน่ยวน™อันกอน™อานนน'’ ฟ้นอัญญ’นพนน่ 3 กุนุ™ ๓ 2!X๗!ะธรรนอน XXX อุปาทานอัน^ !อา รารกางรร ทุก 3 อักหันน-^™'' 1 ห ™ ป ’ าร!,นา ๓&& เก็คขนแค่ย์นถอม , นเอา กรนเอาพระธรรมควงมาอับอุปาทาน อนถึอมนเอานแลคืบไซร้ ความ ปรารถนาคือสมท่ยล่จจ์นึ่ก็คืบแล กร , นความปรารถนาอนกล่าวเชอว่า สมุทยล่จจคืบไซร้ สรรพ¬ หุกข์ท , งั้ปวงก็ระงํบคืบหา ยา) ากจคฅ์นนสนแล สงอนไคในโลกนแล จะเอาคบอุปาทานคืนกล่าว ชื่อว่า สมุทํยอัจจึน , นไซร้หามิไค้ แค่พระธรรมควงนแล เอามาฆ่าบาปธรรมทงปวงไค้แท้จริงแล เพราะบาปธรรมทั้งปวง เก็คแค่พระธรรมควงนึ่แล ๗) บญญาอันไคแลจะยงกว่าบญญาทั้งปวงในโลกน ? กรนแลรู้ว่าพระธรรมอันอยู่ ใน จึคค์ อันกรงจึกค์อยู่นึ่ เบึนของแห่งพระพุทธเจ่าแท้จริงแล เชื่อเอามนแก่พระบญญาว่า พระธรรมควงนึ่อับบาปธรรมทั้งปวงไค้แท้จริงไซร้ ชือสมมาทิฏฐึแท้แล แลวแลฅริกธรรม พระธรรมนึ่เบนนิยานิกธรรม จะนำล่กว์ออกจากสงสารหุกข เบนสุขเท้ยงแท้แลวแล ครก ธรรมว่าพระธรรมน อวิชชา'แอัย สมุฆากกา อาจเพอจะล่างบาปจากจิกกสนคานไค้แล แลว แลกริกว่าพระธรรมควงนึ่เบนเหคุจะให้ไค้โมกขธร , 3 'มอนป' 3 '"เสริฐแล พระบญญาอนใคย์นรเหน พระธรรมคืนอย่ในจิคก์เอง ควงน้มาฆ่าบาปธรรมทงปรง คืนเกคแก่จึกกเองนนไค้แท้จริงไซร้ คือพระบญญานนแลชื่อ สมมาทิฏฐิ ชื่อ สมมาเสงกโ]ปะ ยงกว่าบญญาทั้งปวงในโลกนแลฯ ๘) พระมหาสมณะทั้งปวง แค่ก่อนมานถอสจจอนใคอํนเบนสจจแก่พระสมณทงปวง? คือเอาพระธรรมพระพทธเจ่า คืนอยู่ในจิกฅควงน ถอเบนล่จจบารม ฅราบเทาถงคบสงขาร ธรรม ยีงกว่าถออัจจ์ทั้งปวงในโลกนึ่แล เมื่อบริษททั้งปวงจะคบอังขารธรรมนนจะถอเอาธรรม อันใค เบนอัจจ์เบนมน คราบเท่าคบอังขารธรรมนนอังจะหาอยู่แล เพราะผู้มากทั้งนนละล่า ละอังจะเลอกอยู่ว่า คืนใด จะ ดอนใด จะไม่ด เพราะมิไค้หาพระธรรมอันใคอนหนึ่งถึอเบน อัจจ์ไว้ แค่เมื่ออังค้อยู่นึ่แล อันรู้ธรรมทั้งนนจะเบนอุปนิสัยบจจัยคาชูเที่ยงแท้ อุบายที่จะไค้ให้ พบพระธรรมอนนอยนึ่แล ๆ 91 ) พระมหาสมณผู้ทรงพระไกรบฎกธรรมทั้งปวง เมื่อพระมหาสมณจะอับซี่งสังขาร ธรรมนน เอาธรรมอันุใคเบนอารมณ์แลไว้จิคค์ในสกานที่ใศ ? คำที่สุคแห่งพระพุทธเจ่า เมิอ จะนิพพานบคเคืยวน , น แลกรสเทศนาธรรมว่าไว้ ธย่าลืม สติ บทเคยวนแส ลูกพระพุทธเจ่า ย่อมผกใจไว้ ครน'ระลึกถงพระธรรม , พระพุทธเจ่าเมธ , ไคไ 'ปี หอับคาลงแลว แลเอาจิคก์ขนไป ไว้ในช่องคาทั้งสอง แลจึงเอากาท้พย์ทั้งสองแลคูจิคค์อันไหวอยู่ในจ่ลงศ ' 1 ทั้น จงพิจารอเาเขที่ ๓๕๖ ใปในจํกค์เองนน จงใ ห้ฟ้นพระธรรมอนอธุ่ ใ™ แรง;ฅฅ์อ ยุ่งฺณ้ แอเอาธรรมไน™™™ เฐัท่อารมณ์แล่ว แแห่?ก!!พุทเห้เ"ไ'’''"'" พุ 1 ' 1 ' 1,5 ๆ ™ อน้จ \ ๆ ™ ท '" ข็ ๆ กอื อ!เตตา ๆ กํคี กีบ่ง์เกิคอยู่'๒กางพาะต™'™ อ■•วยเดชะพระธรรมเอมีอนเห็นองค์พระ พุทธ เช้า เสคํจ่ออุในห็คค์นนไซร้ !นนจะบังเก้อ อร่นบุญนนน่'งเก้อแสาไซร้ บ ' ป ™ ปว0 "™ กร , ปบ่าปทา!.แลา'ไซร้นำเส้ขงนัว'ไฟระ’สาส'‘ซ'’านื™นื’ อันฒุ่ในน™วอสุนนกผ่องใสอุ™"'ร อัเประเส รฐ กร , นใ•.น 1 นผ่อง'ไสอุจแอว'เส้า'ไซร้ค์'™บ่™'''ารรอ '''™'™™'' 5 1 . 0 ) ในพระพุทธเช้าเทศนาก้าน ป คนนืนสืพนนน จะเร้ยน"™ทนนีาน''น'" , " 31 ธ,ร, 1 ® มอบัง.ฟคนก้— ช้าจะไค์"สนร้'’ อ่น์ว่าธฺรรฺมุมทนนง^ ฌาน นแส ฌานห็ก้อร้คค์อันรุ้เห็ าคฺ อารน" ‘น'' 1 ค** "น!ะธร๊ไน๊ซิ;ร!ค์ออุเ-- !รงจํศค์กูออุ่ในกาฟ้อไคไซ่ร้ พระพุทธ‘ช้า'น''น* 3 น ® นตต ะ า *" “XI อเ□ญ!!.งน™นนสอา' 3 --'- บทธรรมทง!นนไค''น้จร้าไซร้ นน่ 0 ทุทช้าอุร''ช้าอุ้"รา®ร™™ซิ 1 ‘“‘พX ! 1น๊พระราชสมบคึอันประเสริฐ เธนุสำนรบพระ'น™พ , '' 5 ™™นิ 1 ™"™ - ง8 ”
  • 1 ก!สงค์!ปํวงจ2รรสรา !ะมน!!ร!ฟ้พุน51- ,เ,า XIX!! 1 ! 1) ฬ!!ฟ้น!พรรน ห X"ธ-รร!'เพระศ-าสเนา’ไร้!เห็เ 3 'นนาอ' 5 ในพร'‘ราX!! XX!™ พระอาค์นราไนพนา’น' อุ่นพระทุ‘น 0 ! ะ™! I!!ะ!ก้!!ระ!!น™ ก้ระอรฺส่ร้พระรรฺนไนพ-ไไ IX!ธรร! ! ประ! น้า"”^!"IXง! 1 1! ป,!สุ!ง่ 1 ธาคุครบในสกสอา"' 3 นร" 3 "ร้า ๓ า 01กาศ !ช้กไสุ! จะพรร!น!ฟ้— : X' 3 น - 1 ฯ ป ' ษณาปรมฑถ " ~•เ/■'เ^าากรีเา 11*ไV]รวฟิทธมรร!ยิ/!ชิมมรึใ{ไ!ผี ธรรมสุขมล ออกมา 1๖ฅพระ1 1 ท ปิบบริบูรณ์ ๓๕๗ บนทกปฤษณาธรรมทางวิบสสนาญาณ ของเจ 3 ากุณพระอุบาลกุณูปมาจารย็่ (สิริจนโท จนทร็๋) ไค้กรวจแก้ฅามกวามเข่าใจแลำ เห็นว่าพอใช้ไค้ทุกข่อ แก่ข่อ ๕ นั้น แก้ทบกำ เบนววทันหลก พอออกทัวได้ แก่ผนเผอ คือช้ผลสูญเหฅุ ชเหทุสูญผล ทังกกอยู่ในทักษณะ ของโมหะ คือกำกอบนนทังกกอยู่ในทักษณะของสมุท'ย ชมรรกทังไม่๓ หรือกวามเห็นเบ๊นองค์ หนึ่ง กรนแก่งหนำสีอม'นเบนไปอย่างอื่นก็ทราบไม่ได้ ขอสอบคูทักที จะยกกำกอบแลกำอ่าน แลกำแก้นนมาก่งเบนบญหา ขอให้กกกอบ ข่อ ๑ กำทีว่าเบนกำยทังไม่เกีคกำทังใจนั้น ทราบไหมว่ากำทังใจทำไมจึงทังไม่เกิก ข่อ ๒ กำทีว่าหรือทัง ข เกียจกอบอยู่นน เอากีเลสกอบไม่ใช่หรือ ? ขอ ๓ กำว่า เมื่อกำทังใจเกิกขั้นในทีจะกอบกวามคืกกวามเห็นก็เกิกขั้นเองนน กวามกกกวาม เห็นนน หมายทังขารมิใช่หรือถาหมายทังขารทำไมจึงว่า๓กขั้นเอง กำกอบไม่พนโทษ อย่างนึ่ ๆ ขอ ๔ ในกำอ่านทีว่าเกยได้พีงวิบากข่นธ์บงทับไม่ไค้ แก่ส่วนกิเลสทังกบได้นน กำว่าวิบาก ข่นธ์หมายสกลกายนึ่ไม่ใช่หรือ ทัาหมายสกลกายนึ่ ทำไฉนจึงใช้ให้มนเขียนหนำลือ ได้เล่า ส่วนกิเลสบงกบได้ก็ทราบอยู่แล้ว ว่ากิเลสเบนเกรืองทำใจให้เกราหมอง ทำ ไมจึงไม่ทังกบให้มนไปเสียเล่า ? ข่อ ๕ กำทีว่า ฉนทะ วิริยะ บ ญญา นั้น เบนทังขารหรือหมายความว่าเบนอย่างไร ? ข่อ ๖ กำทีว่ากวามร้ทัวเก็มกำ ย่อมมีอำนาจในกำ กามหนำสือปรารภพงธรรมนน รู้เค์มกว เพียงชนไหใเ ชน กายานุบสสนา หรือชน เวทนานุบสสนา หรือชนจิตตาน- บ สสนา หรือชน ธมมานุบสสนา จึงจะมีอำนาจในกำ ๆ ข่อ ๗ ในกำแก้ทีอ่างพุทธภาษิกว่า อกุศล แลกุศล สามารถจะละแลเจริญไค้นน อกุกลก็ กงหมาย โล์ภะ โทสะ โมหะ อิจฉา พยาบาท เหล่านึ่เบนทันนั้นเบนผลไม่ ใช่หรือ จะละกำยอาการใค เมื่อถกละของเราแลว เขาจะไปอยู่ท้ไหนส่วนทุกลก็กง หมาย ศล สมาธิ บญญา เบนทัน สามารถจะทำให้เจริญได้นั้น เกิมเขาเบน *0 9 ๓๕๘ อะไรอย่ที่ไหน ล่าเจริญขั้นแล , วจะอยู่ที่ไหน อกุศล กุศล ก็เบนบังขารมิใช่หรือ ล่าเราจะอธิบายให้กรงพุทธประสงค์ กำที่ว่าละแลเจริญนั้น จะถือเอาเนํ้อกวามอย่างไร’? ช่อ ๘ กำ ว่ากวามเช่าใจไหวพริบ แลกำบังกวามคิกบ'งเคิกไม่ไก้นนกอหมายสงขารมิใช่หรือ ล่ากวามไหวพริบแลกวามคิกเบนบังขาร เราบังกบส่งขารไม่ไก้ ส่งขารก็เบนของจริง ส่งขารจึงกลบมีอำนาจขั้นอย่างนั้นซิ กำที่ว่าอาการอนไม่มีอำนาจนแสกงกวามจริงนน ความจริงอนนหมายกวามบังขารหรือ ๆ หมายเราผู้บงกํบสงขาว ฯ ช่อ ๙ ที่ไขกวามออกไปว่า เพราะกวามจริงเบนกวอำนาจนน กวามจริงนนหมายกวสงขาร ไม่ใช่หรือ ? ขอ @๐ กำที่ว่า อาการอนไม่เบืนไปกามอำนาจเบนค'วกวามจริงนนหมายความว่าสงขา7เบน อนฅกาจริงอย่างน่นํ๋มีใช่หรือ ? ขอ @© กำที่ว่า คือเห็นอาการบันไม่เบนไปกามอำนาจ พุกสงพุกส่วนเบนฑวจริงนน หมาย กวามว่าเห็นอะไร ๆ เบนอนกกานั้งสนไม่ใช่หรือ ? ในการโก้กอบบญหาขอนมากมาย เมื่อสรุปกวา ม ก็ไก้แก่ว่าบังขารมีอำนาจ อนิจฺจํ ทุกุขํ อนตฺตา แก้ไม่ไก้เท่านนเอง ที่บังขารมีอำนาจนั้นจริง แก่หากมีอำนาจเที่ยงช่นบังขารเท่าน 1 น จะมีอำนาจถืงวิญญาณ ไม่ไก้เพราะส่งขารบังหผาบกว่าวิญญาณมาก พวกกุยธรรมไม่มีสมาธิเบนบาท มกวน ก่นอย่เที่ยงชนบังขารเท่านโกยมากเพราะบังไม่รู้จํกบังขารนนเอง ทกระจายมากเบน ขอ ๆ ให้กอบน ประสงค์จะให้เห็แกวามง่าย อย่าเช่าใจผิกไปว่าแกล่งมาไล่มาขบ เห็นพุกแยบกายมาก เช่าใจว่าคงจะกอบให้แกกหกไก้ ล่าขกของช่อใกจะช่วย ให้คิก กอบให้เค็มกำบังบญญาเสียก่อน จะกอบว่า ฉันกอบเที่ยงชนสงขารเท่านั้น ไม่ไค้ก , ง ใจกอบถึงธรรมที่พนวิบังขารอย่างนนก็ไม่ขอบ เพราะกำที่ว่าของจริงมีอำนาจนั้นเบน พยาน ๆ ล่าจะเห็นไปว่าบังขารเบนจริง ก็ ผกไป เพราะท่านแสกงอยู่ว่า “สพฺเพ สง ขา รา อนิจจา , ’ ส่งขารนั้งหลายไม่เที่ยง กำที่ว่าไม่เที่ยงก็คือไม่จริงนนเอง ฯ ©. ถาม กำที่ว่าเบนควยบังไม่เคิกกำบังใจนั้น ทราบไหมว่า ทำไมกำบังใจจึงบังไม่เคิก? ®. ตอบ เพราะบังขารบังไม่ปรุงใจในขอน กำบังใจในเรื่องนจึงบังไม่เคิก บังชารปรุงในใจ เรื่องอื่น กำบังใจจึงบังเบนไปในเรื่องอื่นอยู่ ๆ I 0).6 เย. ถาม กำที่ ว่า หรือย'งขีเกียจจะกอบอยู่นํน เอากิเลสกอบไม่ใช่หรือ ? ๒. ตอบ เบนอาการของกิเลสที่มีใจเฉื่อยชาฉะเพาะเรื่องนน แก่อารมณไม่เบนกิเลส เพราะ อุเบกขาเบนเห ต กวามอ่อนกำลง์ใจเบนผล กำลงใจที่แรงเบนความขยน ค ชาน อ่อนกำลังใจก็กองเบนกวามขีเกียจ แก่กิงไม่กอบก็ไม่มีโทษอะไร ฯ ๓. ถาม กำ ว่า เมื่อกำลังใจเอิกขนใน ที่ จะกอบความคิกความเห็น ก็ เอิกขนเองแส ความคิก ความเห็นน , นหมายลังขารไม่ใช่หรือ ลัเหมายลังขารทำไมจึงว่าเกิกขนเอง ? ๓. ตอบ หมายส่งขาร แก่ว่ากำลังใจเบนเห กุ ความคิกความเห็นเบ็นผล เหกุมีผลก็มีทนที่ เบนส่งขารกวยกน เกิกพรอมกน เกิคขนเองก่อน แลวจึงกลบเบนเหกุ สนทะ วิริยะ บญญา เบนผล เพราะแก่ก่อนเวลาที่ลังขารลังไม่ปรุงนน บงกบ ไม่ ไค้ ก่อส่งขารปรุงแส่วมีอำนาจ อุกหนนให้แรงขน หรอกกขให้อ่อนลง สงขารเบน อาการของชนธ์อ'นหนึ่ง ที่เบนสภาพปรุงจึกก วิญญาณเบนผู้รุ้ สญญาเบนผู้หมาย เมื่อหมายรุ้ว่าเบ็นโทษก็ชงเมื่อหมายร้ว่าเบนคุณก็ชอบ เมีอหมายรุ้ว่าไม่เบนคุณไม่ เบนโทษก็เฉย กกไปเบนอาการของเวทนา มีเรองน , น ๆ และร่างกายที่อาศยเบน รป อาการท , ง ๕ ประชุมพรอมกน เมื่อเขายงไม่ประชุมลันในเรืองไก เรืองนน ก็ยง์ไม่เกิก หมายเอาความประชุมก'นของขนธ์นนเองว่าเกิกเอง เขาประชุมกนก่อน และ กึ่น อยู่ จึงจะเกินกามเขาไป ไค้ ๆ ๔. ถาม ในกำค'านที่ว่า เคยไค้พงว่าวิบากขนธ์บงกบไม่ไค้ แก่ส่วนกิเลสบงกบไค้นน กำ ว่าวิบากขนธ หมายสกลกายนไม่'ใช่หรือ ลัาหมายสกลกายนึ่ ทำไมจึงใช้ให้มนเขียน หนงสือไค้เล่า ? ส่วนกิเลสบงคบไค้ก็ทราบอยู่แลวว่ากิเลสเบ๊นเกรองทำใจให้เกรา หมอง ทำไมไม่บงก'บให้มนไปเสยเล่า ? ๔. ตอบ หมายสกลกายลันนึ่ แก่หมายเอาขน, เล็บ, พน, ทน'ง. เบนกน และเอิก. แก่. 1 จุบ, ทาย, ว่าเบนวิบากขันธ์แท้ คือหมายเอาลังขารขันธ์ ส่วนอาการ กาย วาจา ใจเบนไปในอำ'เ■เาจลังขารธรรม ลังขารธรรมเบนผู้ใช้ให้เขียนหนงสือไค้ ส่วนกิเลสที่บงกบไค้นึ่น เบนกิเลสชนสงขาร ๆ บงคบไค้ แก่กิเลสจะบงกบ กิเลสชนวิญญาณไม่ไค้ เราลักกะช่นวิญญาณจึงจะบงคบกิเลสชนวิญญาณไค้ อาการ ๓๖๐ ที่บงกบก็กือรู้เท่าอารมณ์ที่เบนกิเลส เมื่อมันโผล่มาก้องรู้ทัน กวามรู้เท่ากิเลสส่วน ใก กิเลสส่วนนนากบ เบนอนบงกบให้มันไปเสียไค้ แก่ส่วนกิเลสทไม่รู้จก'หนำกา สำกญว่าชองดิบชองดี ก็รบรองเอามันไว้ ถึงจะรู้ว่ากิเลสยงเหลืออยู่ แก่จบฅวมน ไม่ถก เพราะวิญญาณชั้นนนยงไม่เบนเรา ยงไม่รู้เท่าก็แปลว่ายงบงกบให้มนไป 1 •สย ไม่ไค้ ๆ ๕. ถาม กำที่ว่า ฉินทะ วิริยะ บญญา นน เบนส่งขารหรือหมายกวามว่าเบนอะไร ? ๕. ตอบ เบนสงขารแก่มีเจฅนาเบนเหกุ ฉินทะ วรยะ บญญา เบนผลทีกิคเนืองมา แก่เหกุ ๆ ๖. ถาม กำที่ว่าร้กวิเก๊มมัว ย่อมมีอำนาจไนมัวกามหน'งลือปรารภธรรมนน รู้เก๊มกวเพียง ชนไหน ชั้นกายานุบสสนา หรือชั้น เวทนานุบสสนา หรือชั้นจิตตานุบสสนา หรือชั้นธมมานุบสสนา จงจะมีอำนาจในทัว ? ๖. ตอบ กวามประสงก์ในหนํงลือปรารภพีงธรรมนน หมายเพียงชั้นสฅิส่ม่ปชํญญะ ว่าถามี สฅรู้ อยู่ เก๊มกวิ กือมีสกิเก๊มที่ จ้กรู้กายหรือเวทนาหรือจีกก๊หรือธรรมก็กามว่าเบนมัว กอเข่าใจว่าจริง อารมณ์ภายนอกที่งปวงไม่จริง รู้เท่าแก่สีงอื่นนอกไปจากกน ส่วน กนไม่ร้เท่า ยึดคนไว้ เอากนชั้นส่งขารเบนที่พีง เพียงเท่านืก็มีอำนาจในกน สามารถจะกำจดกิเลสภายนอก บ' งก บใจ ไม่ ให้ ถึอ มนแลหวนไหว ไปกามเหกุการณ์ นน ๆ ในโลกจนถึงกบแสดงกายวิการ วจี!วิการไก ฯ แก่กำที่ว่าของจริงมีอำนาจนํน ก้องรู้'ชน ธมมานุบสสนา เพราะ กายาน- บสสนา เวทนานุ{[สสนา จิตตานุบสสนา เบนอาการของธรรม ธมมาน- บสสนา เบนอารมณ์ของธรรม ถ , าสก๊เบ็น ไป ในกายหรือเวทนาหรือ จีกก๊ อารมณ์ ก็เบนกาย เบนเวทนา เบนจีฅก๊ กาย เวทนา จิกก๊ประชุมกนเบนอารมณ์ของสติ เบนกวิธรรมารมณ์ เบนอารมณ์ปรุง เมีอกำหนดดูว่าอะไรเบนอารมณ ก็จะเห็นว่า อาการ กาย เวทนา จิตต็๋ ที่ เบไเอาการของข ไเธ์ เบนอารมณ์ อะไรเบนกวาม ร้อารมณ์ ก็จะเห็นว่าขนธ์นนเองมีอาการให้รู้อารมณ์ ขนธ์ก็เห็นขนธ์เองเบน ธมมานุบสสนา เมื่อเบน ธมมานุบสสนา แลวิ ก็เบนอารมณ์พนจากเกรื่องปรุง ถาม ตอบ เพรา 5 กา' เวทนา จิ™กับ คำเมืว่าท้บนน แหึปีาเท ก หู®หํ'*รี อย่างนน ทบ แท่ทวา™งอา™ เห ราะธาร,งณ์เ ห็นท่ ริ-อง •ก#พุหฺช~ ท™จริง ก็เป็แความจริงอยู่คาง)™'รา‘อ. ท'' เมือ เห็นทน , -’:""’.’ , 01 "” ในคน ฯ ในกำ 1 แก้™อ้างพุทธภา)จิทว่า อกุศล น" กุศล ทามารท’ะทะแกุ’ริกุกุ้''ลีศกุ" กองห)งายโลภะ โทสะ: โม่หะ: ย'’สา พข™™เหล่™ 'ยี"'"" 1 เป้น ผลมืใช่หริอ ? จะละควยอาการโอ เมือกุกลรของเรานอ''')"-'’"' 1 บ่อูร่ลี} 1, ' กุ' 1 " กุอลมืคงห, งาย ศล ส.ภ? หึญญา เป็น- ท้น ทาม™’ะโห็เ’ริญโลี"" 'ลี ,, '; 1 เบนอะใร อยู่มืไหน ? ๓ให้ หระ!) เแคํว่า!ฒุ่ทืไหน อกุศล กุ'ศ' กุ•ลี; อัง' ขา-รนิ'ใช่หรือ ? ท้าเราจะอธิบายให้ ทรง พระพุ'า®บ่ร , : 8 .ท์ ท่าทีว่าทะ แล เ’ริ'))น" จะถอเอาเนอความอย่า^ คำที่ว่าละธกุศล กีกือรูเท่าอกุศลว่าเบ๊นโทษ ความ โมีมี หิริ โอตตหิท่ ะ ฌนแ ™ ให้ทำอกุศล จ;อ;อกุศลก็ท่องเจริญหิริไอ™'บ่บ่ะ หไหุ่ขฺแ “‘ลี , ' , ™ 150 กรร่นเชอผล เมืออาศ!)ศรท®า หรื ใย หห้ม: ยีน®■ริ โลภะ โทสะ ใ 1 กุ' ก็กอัร่เป็น อโลภะ: อโทสะ: อในหะ: เป็น กุ"อ ษ เพราะอำริ 1 ® 5 ';';’กุ , ' ให้เป็นอาการหิทำทนละศราว ทะอนโทเ’ริ^อันนนุ า ล่า 1 ';" สนา ลี 1 “กุ' เป็น™™นธิ ลก 1 ทก-ายนเอง เยีนสืล 'ยี""หาลี 'ยี" กุ่กุกุ กุลี;‘"กุ ร่ร่ร่เอร่อยุ่ เมือจ;เจริญกุศลก็ทองละก็เท 8 คือบ่ารุ.ศ’’'® 1 “กุ 8 กุ’'กุ 1 กุยี ควร่นิให้เป็น ไป ในท้)งน้ม่ป®™ แท่™)ง่า 1 บ่®™ ๔ น1 ลี เกุยีลียี’'’ 0 กุ"’’ 0 กุ เป็น แท่เจคันาเปทอนท้นเหินใหญ่ เมือค็งเจคนาเที"ร’ะวั 0 ลี'ยี"ล่ลี®กุ^ กุ ญ คันิคัร่ร่ยนิเมือเพียรท;ก็เป็นอันระวังนล'’ , ริชน"™“ากุศ่ริ;กุกุ'‘กุ'กุกุ] คันิมือยู่ท่ว์ยกํน์ อกุศลกอับท้วเป็น™" กุศล™บท'ริ'ยี 1 'บ่™'® ลีกุกุ 0 กุ ร่นิคัพเทนของเขาคันเอง ท่า-ว่าละแทเจริญ’ะทองทฺอเอา'นื'"ทว''บริา 'กุ'’กุลี , ' , ''

    นิ-นิ 1 อ่นิ ท่อแท่ทะนิวรณ์แทวโป จะท่ก็งเป็นแท่ทวาบอำ 1 '"กุ เยี®รุ'’™ ,, *กุ 0 ; อารนิณใท กเป็นยันไม่หลงโนอารบณ์น่ลี เรือทว่าละที 0 รุ้'ท่า เพรา®ทวา 11 ’’ 0 ' 1, ๓๖!®) ๘. ถาม ๘. ตอบ ๙. ถาม ๙. ตอบ ไม่ปรากฎ แท่-จะละ:กวาม'ไม่จริงอันเป็า 1 เกิเลสอนุบัยไม่ไค้ ไค้แค่พิจารณาไป"™ อาการ เมึ๋อกวาม จริง ปรากป็ข้น'เลวลีคือ'®าไม่ไค้'®' , ๆ กำวา กวา 1 มเข'าใ,'ไหวพริบแก 1 กำค่ะงก-วา'มค้คบังเกบไม่ไค้ นนิ™หมายุห้ารไม่'ไข่ หริอํ, ค่า,กว่า 11 ไหวพริบแกกำค่■งก'วาม™''บิน'.•หาาร เราบังกับค่ง์ชาร'ไม่ไค้ ห้าร คัเป็ นของ จริง ค่ริขารจึงกฒัม่กำนาจข้นไ™"า~“5 ลี™'กำกาการอ"ไม่ลุลีา"า’

    กงความจริงนน ความจริงอันนิหมายห้ารหริ® ๆ นมายเราผุ้บังกันห้าร -' ความเขา'ไ,’ไหวพริบแกกำกังกวาม™'ใน'"นิ หมายห้าร™งไม่ไค้™"คํ ไมปรุงความเข , าใจ,แลความคิก บังคมให้ปรุงไม่ไค้'ป็นครา"’ริง ห้าร™ , "" แล้วเบนของไม่จริง บันกระคิก'ไค้ เราจึงไค้กร--™คา , "“นไม่ ''ร 1 ' ลุ้ลุ่' สมา; บัญญๅ เป็นส.ภาพแทืยง'ไม่กระก่ก. เมินของจริง- แค่สม"ค้ห้ารน"ลีนา' 1 ‘'ง" 1 จาคัลภาพเทืยง แค่ความเข้าใจไหรพริบ''ละกำบังครา"คํค™ 5 ไ""™ 11 ' ,1 ลุ (ความจริง) จรบังคไ.ให้ฉายมาไม่ไค้เกํคข้นแลร™'บ่รไม่ ไ"'™ ง '"น 1 ไ' 1 ’ กองทนยากกำบากอยู่ทามอาร"''ไของค" กัองกับไปคา"ลุกา™""คํไม่'™ง , ริ , เป็นทุคัจึจริง กองเฟรไปกับไปจริง เป็นความจริง™อ'อาไม่ไค้ แค้ไข"'คุคราลุ จริงอนนํใม่ไค้างมายความรุความจริง แค่กวามรุ้ความจริง’ะ"ไค้ลี™งอา™‘'ลุ 1111 " แอ คงอาการอไเไม่เป็นไปคามกำนา’ เป็นความจริง'บนกัร"’คุ ครามรู้อัน'บน"'' จริงรุ้ว่าหแก้ไม่ไค้นิเป็นความจริง เป็นคัวอำนาจบังคับไจไม่ไ™®"น ไม่ไ'''''' 0 แก้ไข'ในอาการของ)'ขํนธอนไม!■ทยม 1 ไ 1 ' 1 ที่ไขกวามออกไปว่า เพราะความวิรํงเบนฑ้ว่อำ นาจุนะน ควาบ™™ ายส ~ งขาร ไม่ใช่หรือ , ? - หมาย ต็ล ส บา? บ ญญา แค่ ใน ระ พ่าง™า™ รา จา ไค้' 3 ลุ ศึถ ส๗ ป้ ญญ า เค่มนิ บัง' ไม่' ไค้ กย้ง เป็น ห้า ร ยังอยู่ไนความไม่ จริง แค่ลุ™ 10 วา ลุ ให้เป็น ศึล สมา? บิญญา ไค้'™ง"ไค เป็นคัวกำนา’ไนข่"น" ม่ร;'' 5 ค์ คัวามรุคัวเข้าใจลูก เหม่อนกัง'ว่า ล้เจึค™กไป"รรน่' แล้ว'ร:คัว'ว่า'คค์ลุ่บ่"'"ราร" ข■คักำคันคัจึฅก์คัห้วรห้น นิวรณ์นนิ'ลีคล—บตา"ไม่ ความรุ้คัร'ล้าไ’':" ๓๖๓ นนเองเบนความจริงเมื่อละนิวรณ์ไค้ จิฅฅ์ไม่เศร้าหมองควยก็เลส เบนปกติของจึดฅ์ เบนอารมณ์ของศีล ก็เบนความจริง เบนอาการของสมาธิที่มีอารมณ์เคียว แค่รุ้สึก ทึรบอารมณ์หรือรู้'ว่าขนธ์ ๕ ไม่ปนกน รูป ก็ทำ หนำ ที่ส่วน รป เวทนา ก็ทำ หนำที่ส่วน เวทนา ส่ ญญาก็ ทำหนำ ที่ ส่วน สญญๅ สงขารก็ ทำหนำที่ส่วน สงขาร วิญญาณ ก็ทำหนำที่ส่วน วิญญาณ เมื่อพิจารณาอารมณ์ฅ่ชไป เทนว่าอาการ ของขนธ์รวมกน เช่นขไเธ์ ๕ มีควยกนที่ง ๕ ช่นิธ์ หรือสติบฏฐ'าน ๘ ก็มีอยู่ที่ง ๔ พิจารณาธรรมหมวดไหน ธรรมหมวดนนก็รวมกนเบนอารมณ์ของความร้ ความรู่มีอาการยึดเบนอารมณ์ของสมาธิขน อารมณ์ของสมาธิก็เบนความจริง เบนอาการของบญญา เมื่อพิจารณาหาค่วผู้รู่ก็ไม่ไค้ฅว ๆ เห็นเบ๊นแค่อาการของ ขนธ์ จึงรู้สึกปรากฎมีแลว'ซึ่งธรรมแห่งความ-จริงที่ปรากฏมีอย่ฉะเพาะหนำอย่างนิ เบนบจจุบน เพราะอคีฅอนาคดคบไปแลว ความรู่สกลือเอาไม่ไค้ เบนอารมณ์ ของบ ญญ' า อารมณ์' ของ มญ ญ' าก็เบ ใ เก'วาม'จริง เมนอาการขยงวิมุติ เพราะมีอาการ กำหนครู่ อาการที่ยังดองดูจึงเห็นนน เบนอาการของอปาทาน เพราะวิส่งขารย่ง ไม่แสดงดว ถาวิส่งขารแสดงดวไค้แลว ความกำหนคดองคไเ คงเหลือแค่ความรู้ รอบเบนอารมณ์ของวิมุติ อารมณ์ของวิมุติก็เบึนความจริง ถึงความจริงไค้ชนไหน ความจริงในช 1 แนนก็มีอำนาจกำจํคความไม่จริงในชนของกน เหมือนด้งศีลสมบฅมี อำนาจกำจคศีลวิบํฅเบนคน ๆ ๑๐. ถาม คำที่ว่า อาการ'ไม่เบนไปคามอำนาจเบนดวิค'วาม-จริงนน หมายควา'มว่าส่งฃารเบน อนํคดาจริงอย่างนนไม่ ใช่ หรือ ? ๑๐. ตอบ หมายกวามว่าส่งขารเบนอนดดาจริง กอฌนอ ะ สาระของผู้ที่มีสาระธรรรม ผู้มีสาระ ย่อมเหินอะสาระ'ว่าเบนอนํดดา 1 จริง ความเห็นจริงเบนดวอำนาจ คือเบนฅวอฅฅา ฯ ๑๑. ถาม คำที่ ว่า คืณห็น อา กา รอน ไม่ เบน ไป กามอำนาจ ทุกสี งทุกส่วน เบน ฅว จริงนน หมายความว่าเห็นอะไร ๆ เบนเอนดฅาที่งสั้น'ไม่ใช่หุรือ ? ๑๑. ตอบ หมายความว่า เห็นไม่เที่ยง เบนทุกข์ เบนอนฅตา ในส่วนส่งขาร ทุกสีงเบน ส่วนที่ “เห็น” แค่'!ม่ริทุกสง ไม่ร้'ทุกส่วน ดงเห็นอารมณ์อนใคมาปรากฏแก่ , ใจ ก็เห็นว่าอาร?]ล่เนนไม่เที่ยง เบนทุกข์ เบนอนกฅา แค่ไม่เห็นฅว ผู้เหนจงยงยก ฅวผู้เห็นอย่ ที่เห็นทุกสงทุกส่วน เพราะเห็นกวผู้เห็นควย คือเหนกวผูเหนวาเบน อาการของความจริง เมื่อเห็นบ้จจุบ้นเบ้นส่วนของธรรม เบนของเที่ยง เบนสุข เบ้นกวธรรม ส็งที่เที่ยงที่จริงก็เห็นส่วนไม่เที่ยงไม่จริง จึงจะเบนเห็นอาการอน ไม่มีอำนาจ ทกสง ทุกส่วน เบนฅวความจริง ๆ ไค้รบหน”งสึอแก้บญทาธรร?] กรวจกูกลอกแลวิและไค้รู้สึกในใจว่า ผูกรก กรองในทางพทธคาสนา เล่าใจไค้ถึงเพียงนก็ยงมีอยู่ และเกิคความยินคว่า พระ พทธศาสนายง์แสคงปาฏิหารล่องทางโล]ากกรธรรมแก่ผู้ 1 กองการ'อยู่ แค่ , ขอ ๙ แสคง ส?]าธิบ้ญญาวิมกิ ว่าอาการคบอารมณนนไม่ผิกอะไร เบนแค่ไม่เหมาะ คอทาง เดินไค้มาก ผ้ริธรรมชนละเอียกจะเหนสำนวนเกินไปเท่านน แค่ในขอ ๕ ที่แก้ ใหม่นน เหมาะคแล่'ว์ ซึ่งเห็นว่ากลวิจะไม่มประโยชนแก่ผู้อ่านนํก้นน ไมควรกิค เพราะเบนธรรมทาน ผ้ที่จะชกวา?]ไค้อย่างน จะมีอยู่เพียงพนละหนงเท่านน ใน บ้ญหาใหม่ ที่กย บไปนน กอบไค้คีมาก ที่'ว่าคีนนคอ อธิบายจะแจง ไค้ความค ถึงถกกิมีบ้าง ส่วนถกกินน คือไม่ผกจริง เบนแค่ส่าใเวนแกก คงในขอ ๓ ที่ว่า ก่าล่งใจเบ้Vแหกุ กวามคืคเบ้นผลคํงน ก็หมายจิกกเจ กสิ กที่เลงความว่าจิกกเจ กสิ ก เกิกขั้นเองนนยงเบ้นเงาของอวิชชาอยู่ หรือที่แสกงเบญจขนธยงแกกไม่สามกค คือไค้ใจความที่ว่า เมื่อเขาย' , งไม่ประชุมกนใ , แเรื่องใค เรืองนนก็ยงไม่เกิคคงน ความประชมอาการนเบ้นล่ก้ษณะ'ของกามาพจร ถากวามประสงคนน ที่ว่าความ ประชุ?]แห่งขน อยากให้เหมือนประชุมแห่งอินทรีย์ ๒๒ คือสกลกายน กามสาสน โวหารว่า พระธรรมขนธในธรรม 1 ขันธ์ ล่าจะแยกธรรมออกเมนสอง จึงเบ้นรูป ธรร?]นามธรรม ล่าจะยกรูปขั้นสู่จนธ์ จึงเบ้นนามขนธ์ เมื่อแยกอาการของนาม ออก เบ้ น ๔ จึงเบ้น เวทนาขํแธ์ สญญาขํนธ็่ ส่ง'ขาร'ขนธ็๋ วิญญาณ'ขนธ์ ความเบ้นจริงประชุ?]อย่แ ลว คือสกล กาย นเอง ซื่อว่าชนธ์ เมือจะชกามอาการ จะยกอาการใคเบ้นใหญ่ ก็ให้ซื่อว่ารูป ขน ธ์ แค่เวทนา สญญา สงขาร วิญญาณ ก็คงมี อย่ 1 ใน'นน ที่'ไม่เกิคกวา?]ดิกก'วามนก'ในเรื่องใค ก็เพราะเหกุในเรื่องน นยง ไม่ ๓๖๕ พอเทานน ความคืคกวามนึกนนไม่ไค้ไป ไม่ไค้มา มีเบนปกติอย่คอยแต่เหก เท่านน เมอเหคุกระทนภรงกบเงอนแห่งอินทรีย์ อินทรีย์นนก็แสคงคำ ฅรี)สขิน¬ พรย ทุกๆ]นทรย เบนคน เมื่อเทฅุควรแก่สุขหรือควรแก่ทุกข์ สุขทกข์ก็แสคงคำ คือทุกข์ สุข ไม่ไค้มีอาการไป ไม่ไค้มีอาการมา มีประจำเบนปกติอยู่ ซึ่งไม่ปรากฏ เพราะขากเหภุเทานน ในขอ ๔ ทีว่า ผม ขน เลบ พน หนง เม่นภน และเกิก แก่ เจ็บ ฅาย ว่าเบนวิบากขนธ์แทีนนย้งแฅก กำที่ว่าสกลกายรวมคืแลำ ควรจุ)ะถือเอา เนอกวา ม ว่าสกลกายนนแหละ แต่แบ่งเบนอาการ ๓ คือเราเองบ่ง คืบ ก็ไค้ ผ้อื่นช่วย บงกบ ก็ ไค้ ผอีนช่วยบงคบ ก็ ไค้ นเบ็นอาการหนง แลเบนอาการที่ ๒ คือ ป ญญๅ ภิส่ง ขาร แล อปุญญาภิ สง ขา ร อีกอาการหนึ่งเราเองบงคบก็ไม่ไค้ ผู้อื่นจุะ ช่วยบงคบก็ไม่ไค้ เบ็นอาการที่ ๓ อาการที่ ๓ นึ่ เบนคว อเนญชา ภสง ขๅร สงขารกลางฅวธรรมบฏฐติ .ค , อง'จับคัว , ให้ชัก ในขอ ๖ แก้สติบ่ฎฐานก็ยงแคก อยู่กลืนกนไม่ ไค้ กำที่ว่ากาย เวทนา จิฅฅ์คบ ที่ยำอยู่เบนอาการของขนธ์ คบ แต่ ความอิงอาศยคงนึ่ หมายความว่าคบแต่สมมติ ความจริงลกษณะของสติบฏฐาน คองเบนเหตุเบนผลก่น ล่าจะชให้เบนเหคุเบนผล กำที่ว่าคบค , อิง'ว่ากลบหรือกลาย คง กาย านุบ สส นา ส่วนกายเบนของหยาบกลายเบนเวทนา ไค้ ล่าคอบ ไค้ คงช่อ ๗ เบนคีทีหนง คงคอบว่าอกุศลกลบต่ว่เบนกุศล กศลกลบคำเบนปกติขนธ์ ก็คอง ให้อยู่คามสภาพเติมของเขาน น เอง คอบอย่างนึ่กินใรีทีเคียว หรือกำฅอบในขอ ๙ ทีว่านิวรณ์กลายเบนสติบ/]ฐานไป ความร้คำเช่าใจถูกนนเองเบนความจริง คำนึ่ ก็กิVIใจเหมือนกน แค่ที่ช้ว่าช่นธ์ไม่ปะปนกน แลำชความรวบคหนำหลำยำขคกน อยู่ ทีว่าอารมณ์ของศีล เบนอากางของสมาธ อารมณ์ของสมาธิเบนอาการของ บญญา เมือพิจารณาหากำผู้รก็ไม่ไค้คำ เห็นเบน แค่ อาการของช่นธิคำนึ่ คูเหมือน ยำเบนห่วงช่นข์มากเหลือเกิน ส่วนช่แธ์จะกลบกลายเบนอะไรไค้บ่างก็ใม่ปรากฏ และชธรรมบจจุบนที่ว่า อติฅ อนาคค คบยำเสยความ คือว่า อคืคคบ ปพเพ นวาสณาณ ของพระ ก็ม่ไมี ล่าอนากฅค'บ อ ใ.! าคตํ งสฌาณ ของพระ ก็ไม่มื ๆ แต่กำคอบในช่อ ๑® เบนพยาน คือชบ่จจุบนธรรมยำไม่ชค ไม่ทราบว่าอคีคอนาคฅ ๓๖๖ คนไปเสียที่ไหน อีกประการ'หนึ่ง'คูเหมีธนถือ 1 •อา'อราม'าา อน จจง ■กุ ขง อ นั้ ตต ๙ า เบนขคง'จริงกึช่อง-จริง'นนแ1หละ แที่จริงเพียงขนโกอีผ์กาพจรเท่านน วิ®™ ทกขํ ง อ' นิตตา จะกลบหรือ จะ กลายเบนอะไรก็ไมหเ ข า๖ กอ อนจจง คูนตตา เนินบังขคธรรมเนิน ปทาตพพ?รรม คองกลายไค้ถึงขน๓เม นส ธรรม เบนปหาตพพธรรม คองกลายไค้เหมือนบัน รวมใจครามในครามเหนพ ฅอบไปทั้งสนนนเบนอาการของบังขาร ใช้ความอิกมาก เอิกขนจากกรามอิก จี ง คัว ธรรม ไม่ ถูก ถูก แค่ เงาของธรรมบัาใช้ครามท่ามากไห้เอิก 11 น ครามรู้ ซง เอิก แอ่ ซง อยู่ แล วการที่ ชแจง มาน ยกเอา แค่ ขอกวามท่ากง แยม กา ย กร่า มาก เพ ร' 1 ะกวาม เห็นนกฒที่ฅอบไม่สนมากถึาว ที่คอบคึๆก็มืมาก ไม่ไค้ยกขนมากอิาร เพ™ ทราบนาใจของผ้คอบบญหาอยู่ แส , ร คอคองการจะใหขราถูกพไหนกกพไนนเพ , ' นน อาคัยเหกุนรึง , ไคํ่วนิจฉเย์เ.บนกลาง'ไม่มีเ'จกนาข่ม แสะเจกนายกย 0 ขอให้กา 0 - 3 ไห้ ไค้กวาม ๆ ทถ่กธรรมทร 0 กษากายให้เบ็นสุขประคองจิตตไ'ทเบนสุข ผคํองการกวามเยนของใจ พงกาVIนคหวใจพระอมธรรมรา ขตต , เซตฟิก5 รูท่ นิพพาน 0 จฅค่ ® เจคสิก ® รูป ๑ นิพพาน ® จํคค์นั้นคอครามอิก เจกสิกนนอือ อารมธิเ ที่สมปยคค์บับจิคค์ รปนนไค้แก่มหา■ถูครูปแสะอุปา'กายรูป นพพานนนไกแกธรรมพจกพ เจกก รูปคับหมกแลว อธิบายความว่า สกลทายนิโคยย่อ มีอาการ ๔ อย่ าง อิ 0 ที่รู้อิกร้นึกนนเมน อาการของฬค่อารมณ์ที่แค่งริคท่ให้เบน กุกล อกุกล อพยากฤต อือ ปุญญาภิสงขาร คูปุญญาภิส่ง 1 ขาร อเนญชาภิสงขาร นนเองเนินอาการแห่งเจคสิกมหาถูกรู 11 กือบ่ฐ ว เต โ ช อาโป วาโย และอุปาทายรูป มี ซํกขุ โสต ฆานะ เบนกนเบนอาการ ของ รูบ่ สภา พ ของสกลกาย บัน วบสสนาญาณ เพิกจิอํค์และเจคสิก และรูปซงเบนกรอุปธิอิเ ลส อน อุปาทานย็คไว้แลวนนออกเสียหมก สกลกายที่ไม่มีอุปากานนั้นเอ' 3 เบนอาการชองนิพพาน ๆ นั้น กํ่ครงกไ) ธมมากุบสสนา ในสคิบฏฐานนั้นเอง พืงเห็นกรามว่า ก่าท่ว่ากายในสกิบฏฐาน ครงกับคำว่ารูปในพระอภิธรรม กำที่ว่าเวทนาในสอิบฏฐานกรงกบกำร่าเจกอิกไนพ ระอ อิ 5รรม คำที่ว่าจิฅฅ์ในืตคิบฏฐานครงกบกำว่าจิกก์ไนพร ะ อกิ ธรร ม กำว่าธรรมไนสอิบฏ5าน กรงกบกำ ว่านิพพานในพระอภิธรรม เมื่อจะเค้นทางไปรํบสสนาญา ณ ให้คงสกลกายนว่าเบนกรธรรม ๓๖๗ คือ ธมม่ ฏฐติ ธมม นิยาม นน'.อง และให้อูวาการของธรรมที่เบนวิสุทธิมรรค กออาการ ของสกลกายน สไ] ปยุฅควย สมมาวาจา สมมา กื มมน'โต สมมาอาชื่โว สกลกายนชื่อ'ว่า ศีลธรรมเบนศีลวิสุทธี้ อาการของสกลกายน็ส่มปยุฅควยความเพียร เบนไปในกาย เบนไปใน จิคด์เบน สมมาวายาโม ความรู้อยู่ในกายและ'จิคค์ เบน ส ไ] มาสติ ความที่จิฅค์ไม่พิงไป ณะภายนอก ค่ง์เ สมออยู่ที่กายที่จิฅคืนนเอง เบน สมมาสมาธิ เมื่อสกลกายสมปยุฅควยลกษณะ สาม เช่นนนน สกลกายนนก็ชื่อว่า สมาธิธรรม เบน จิต ตา สุทธิ เมื่อวิสุทธิทง ๒ ฟอกใจ ให้สอาคแลว พิงนอมจิฅค็สุ่วิบสสนาใน คือคูกาย คูเวทนา คจิคค์นํนเอง คูกาย คือคูอๆการ ของ ธาคู ๔ ประชุมกน หรืออาการ ๓๒ นนเอง ชื่อว่ากายธาตุ ๔ และอาการ ๓๒ เบน ชาติ สง ขา ร เมื่อพิจารณาไป ความ ไม่ เที่ยง เบนทุกข์ เป็นอนิฅฅาก็ปรากฏ ไม่ เที่ยงนนคือ ความ ไม่จริง คามความเช่าใจของเรา ที่ เราเช่าใจ ว่า ดิน นำ ไฟ ลม หรือผม ขน เล็บ พิน หนง เบนคน แค่ก่อนนนกส่บค่วิหมคไม่มีผ้รบ กิน นำ ไฟ ลม ไม่มี ผม ขน เล็บไม่ มี ทีมีอยู่นนเบนของจริงอยู่อย่างนนเอง บรรพบุรุษของเรา แยกอาการสมมกิขนเรียกก่นมา เท่านน กายนืก็เหมือนกน สีงเหล่านน'ไม่มี กายก็ไม่มีเหมือนกน ที่มีอยู่นิก็เบนสภาวะ แสดง อาการ สุข ทุกข์ อุเบกขา เย็น รอน อ่อน แข็ง เท่านน ค'วิเวทนานเองสกลกายน็กลาย เบนเวทนาไป เมื่อฅรวจเวทนาเช่าจริงเวทนาเบนชากิส่งขาร คบไค้กลายเบนจฅฅ์ไป คือมีแค่ รู้เค็มสกลกาย คือวิญญาณจิกค์นนเอง เมื่อขณะมีกายก็เอากายเบนอารมณ์ เมื่อกายดับเหลือแค่ เวทนาก็เอาเวทนาเบนอารมณ์ เมื่อเวทนาคบเหลือแค่จิกค์ ก็เอาจิคฅ์เบนอารมณ์ จิฅค็เบนชากิ ส่งขาร ก่าครวจเอาควิจริงเช่า จิฅฅ์ก็คบกลายเบนธรรมไป ที่นิธรรมที่เบนอาการท่งปวง ที่ว่า ธรรมทงหลายธรรมทงสนนนหมายส่งขารธรรม คืออาการของธรรม มีกุศลอกุศลหรือรูปธรรม นามธรรม ข 1 นิธธรรม - อายคนธรรมเบนคน คบหมคฺเพราะเป็นชากิส่งขาร ที่ว่าคบนนคือรู้ เท่าสมมกิ แค่ก่อนสกลกายนย์งเค็มที่ไม่มีอะไรสุญไปที่สุญที่คบไปนนลวนแค่ของไม่มีอยู่แค่เกิม ทง๎นน ที่เหลืออย่นนท่านเรียกว่าโลกุคครธรรม ส่วนอาการโลกุฅกรธรรมบางลืงบางอย่างก็ยง เบนส่งขาร (สอุปาทิเสสนิใ'เพาน) คงมรรคจิคค็ ผลจิฅค์ เบนส่งขารแท่ ถงคำที่ว่า นิพพาน, ธรรม, ก็ไม่พนส่งขารเหมือนก่นก็แค่พระโยกาพจรเมื่อท่านรู้เท่าส่งขารแล , วิ ท่านย่อมรู้วิส่งขาร อยู่เอง เพราะส่งชารฉายมาแค่วิส่งขาร เมื่อส่งขารดบก็เบนวิส่งขารเท่านํน (วสงฺขารคตํ จิตุตํ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา) 0๖๘ ธรรมานุบสสนานน ถ’ 1 .อย่างละเอียคค่องเอาคัวเบนอาร’)ณ์ของ ฅว ก็ครงกับทีท่าน แสคงว่า เมื่อพระ{อริยเจาออก'จาก นิโรธ 1 แลว มจิ?}คนอมโป เงย?!ไปสูพระนพพาน ม พ ระ นิพพานฌ็นอารมณ์นนเอง ถึง สุท คัน , .ค 1 นัย ท่พระ พุทธ เจา แส คง ว่า อสุส ภกฺขเว ตทายตน คูกรภิกษุพึ่งหลาย อายฅนะคือพระนิพพานมีอยุ่กังน ก็ทมายธรร}.เายคนะนั้นเอง แค่เพิกสงขาร ไม่ออก , กับคัวจริงไม่ไค้ กังขา'รเข่าเบนคัว'ทีค 1 แน่'นทีเคียวเพราะเทคูนืเน เทีก แก่ เ^ บ ฅาย ก็ฅ ยง กัง แกราไป อนิจจิ ทุก ข อนตฺตา ก็ปรากฎทวไปเค็มโสก กัาชองไม่เท่ยงไม่วว่ง เบน ทุกข์เค็มคัวอย่แกัว จะหากวามเย็นมาแค่ทีไนน ? ขอ'ให้ทั้ง'ใจพิจารณาทามค่าเธอน , ของพระสมมา'สว่มนุ'คธ 1 'ว่า ครสแก่พระอานนาาโ นวน ทรงปลงอายุกังขารว่า คกรอานนทีสคัยใค พระคถากคเช่าไปถึงชง เจโตสมา? กวามคงเสมอ แท่งจิฅฅ์ไม่มีนิมิตก์ เพราะไม่ทำในใจซึ่งนิมิคค์พึ่งทลายพึ่งปรง เพราะคบแท่งเวทนาบางเทส่า แถวแดอยู่ เมื่อ , ไค พระฅถากกเข’าอนิมิคคเจโคส}!าธิหยุคยงอยู่กั 3 ยยนินิ คฅสมา ว่ แ ส่ว่ ๓ยแ ™ พระกถากกย่อมมีผาสุกสบายในสม'ยพึ่น ๆ คูกรอานนท เพราะเหคูยนิมิคคสมา ธว ทาร เบนเทคู ให้กายมีกวามผาสุกนนท่านพึ่งทลายจงมีคนเบน ๓ าะเบนพิ พง ใช่บุคคลมสงอนเบน ทพง กอจง มีธรรมเบืนเกาะเบาเท่ พึ่ง อยู่ ทุกอิริยาบถเถิค ๆ คกัสคังนแล้ว ทรงแสคงซึ่งช่อว่า มีคนมีธรรม เบนท่พึ่งนนควยสามารถประกอบในมทาสทีบฏฐานพึ่ง ๔ รวมลงใน เกกา ขนมรรค ก 0มหา สติบฤฐาน ๔ นเอง *3 'พร"บบาโจตใ-เส!โส! (ใจ) ยโส'ธรรตน ผู้รวบรว}I จบบริบรถ1 ๓๖๙ อุปเทศใ นา เองพระพุทธคุณ ใ!ระธรรมคุณ ใ!ระสง 1 ใ!คุถ! ว่ดประดู่โรงธรรมกรุงเก่า ท่านทิศาปาโมกขา 1 ารย้ ๕๖ พระองก์ ท่านไถ้ประชุมทนลงย่ญ พระพุทธคุณ พระ ส่งฆกุณ เบน กาม , าไว้แม่นหินประจุไว้ในสระหลวงแห่งหนึ่ง ในม่ธิยมประเทศ , หน'ไกลโพน แท่ ณะวน ๕ ฯ ๖ ท่า พระพุทธศ*กราชล่วงไถ้ ๕๗๒ พรรษา บมะเมียสมฤทธศก ท่านไถ้ท่าไว้ ๖ สำหรบกนเล่าเรียนพระไกรบฏก ไถ้ทินน่าในสระหลวงนน ถาไม่มีบญญาก็มีบญญามากขน ถา มีบ่ญญาก็ยิงมีมากขน เบ่นของท่านท่าไว้สำหรบ กุล มุกรที่มีบญญานอยหลงลืมจะใคร่เล่าเรียนจำ ไถ้ง่าย ๆ อนึ่งท่านกล่าวไว้ว่า คุลบุกรจะปรารถนาหาลาภยศ ให้ลงยญ ๓ ควงนึ่ใล่ในแม่น หิน ก็ ไถ้ แผ่นทองกำทองแกงเงินกะกฺว้ถึไถ้^เใ!เาบใ!าไว้เอาน่าใส่ในขนสมฤทธกินบ่าง ลูบหนา บ่าง ใส่ศรีษะบ่าง ปาบกโรกทงหลายอ่ายุยืน .ลาภยศมีมาก กามแท่จะปรารถนา อธิษฐาน เอาเถก ไถ้สำเร็จกวามปรารถนาพุกประการแล อนึ่งจะให้มีเกชา ท่านให้เอายญ ๓ กวงนึ่ ลงใส่แม่นทองกำท่าเบนกระกรุกผูกไว้ ให้รูกฅระกรุกมาช่างหนำ ใกรเหินก็กลว ใกรเหินน่งร่กทงกลวแล อนึ่งเล่นการพนนให้รูคทระ กรุกไว้ช่างหนำ กงใจอธิษฐานว่า จะเอาเท่านน ให้มีความสกย ไถ้กงกวามปรารถนาพุกอย่าง ไม่แพ้การพนนเลย อนึ่งจะให้กนให้มาเกี่ยวขำวในนาของเรา ลมพกโบกธงไปทางไหน กนมาเกี่ยวทาง นน ส่าจะให้ขายของคมีรากา เอาน่าที่แช่กระกรุกมาพรมของที่จะขายนน ถึงของไม่กิก็ขายไถ้แล อนึ่งจะท่าสงกราม ให้ลงยญนใส่กระกาษหรือผาขาวก็ไถ้ ท่าเบนธงแส่ว์ให้ก่ง , ใจ อธิษฐานยกธงขนโบกธงไปทางไหน ขำศกหนแกกไป ส่าผเช่าอยู่ในกวกน เอายญแช่นามาพรม บ้ 'ไง ทินบ่าง บ่ศาจ/เกรพรายหนีไปสนอยู่มีไถ้ ยญ ๓ ควงนึ่ท่านกล่าวไว้ว่า ส่าใกรไถ้ไว้ใน เรือนไฟบ่มีไหมีเรือนผู้นน อนึ่งจะให้โจรร่ายแลศกรูที่มนกกประพุษช่ายมิไถ้ถามนมาท่า ท่าน ให้เอากรวกทรายมามาก ๆ แลว เอาน่าแช่กระกรุกใส่ลงในขนส่มฤทธมาปะพรมให้ท่วนลว เ 0 า กรวกทรายนนไปโปรยลงกามเขกก์บ่านแล , วท่งอธิษฐานว่า กวยเกชะบารมี พุทธคุณ ธรรมคุณ
  • ๓^0
  • 1 ทุ. รงบาข้วอข้าพเข้5ก ขอ'I*๒แทุทืม่น์กํคทุย™^'เห่ 1 ซ็"" 8 1ก้ ให้ป-71เกฐ'เกว!เท''น.กา ควยเอชะพ!ทุท®อุ™ พ!*®!รมทุ™ ๗ห " หว่านใป!อบบานเรือน ท่าน'ว่าโ!!คู้ร่ายห้า!หมู่!"าอบาเท?"!บอ!วอ’”า'™มหา®กายโทชนแท้ แท่ บ!!กิ™ ก อ่าวบาน กน แท่ ก่อน' ไค้’ ทำบาถกิ"ร ขอ!ท่านเบ้'‘ทุ™" 1 -’ ข"!ห่าน 1 ช้ 1 ™าหุ่ ทามแท่!ใช้ นึกใช้เอาเบ้อ อวยเบ้นของท่านมู่วิเอยห่ สา ปา 1, 'อ , ”'' ท่านทำ 1 ว้ เบือทุ'บุอ’อู้ ใกไ ก้ใว้ เบือ!ทำให้เอา ใบ อีข้า''ขวา แล® บ่ •๕๖ อออ ‘อี'' 11 ' ๕๖ '™" ห0กไ!! ‘ ๕๖ หอ หุ่ ท้าว"นพฤหัสถ์บคีข"!ขํน บุชาท่านอุ้วํเอชเข้าขอ!น 1 ’‘‘ก่อ แลวให้หาอออ 1 บ้อุป‘อี' 1 น 1 '' 1 ' ๕ 'น' 11 บุชาพ!ทุท® พ!®!!บ พ!อง!! ส่วนหนิ!อ่างหาอ ในวนเมือ!ท่าน'“หอญ ว อุปเทศแถอ’’ส-’สํ่”’ะ’'ต’' 1 ต ’ 1 ’ 5 ' 1,, ,,1 ® 1 กุ®พ!ทุกิ®เข้า ๕๖ พ!อาถานิ เบ้นอกข! ๕๕ล ทุ"‘พ!เข้ 1 ‘" ๘ พ1ะ 'หุ่™ กาถานิ เบ้กิอกข! ๒๖๖ กุ™พระลัง!!เข้า •๕ พ!กาถานิ เป็นอ"อข!®๕๕๘ ป!สบเข้!ลัน เป็นอักข! ๓๕๕๖ พ!!"ทนมาลานิ ลัาผุ้ใอพบให้หาอุปเทอใช้‘อา‘ก่อ .ถ"!นิ!’อเหา‘หุ่น เกินกิ 1 กาก และะชำแรกแซกภุเขา 1 ปป!กา’ใอ !ะอำเรื!ความปรารถนาข้าน’'''!นน้า อ' 1 "' 1 ™ กราแท่งปวง บุกกลผ้ใคพบพ!อาถานิเหมือนให้พบพ!®‘ขา , !'!“ห้ออ่า""""' ถาบุ 1 อบ 1 อพช ว่าเหยียบกินผ๊ก ๆ ศ ศ ส'ไ 1 (ถ) กนหอกกาบแหลนหลาว (ฅิ) กนผบศาจท , งปวง ะ (ท) เสกกะแจะนานนหอบ หมากพลูสารพํกิ กินเบนIลนนแกเทวกาทงปวง (โส) ให้บนเทาทุกข์ โศก ท่งํ๋ปวงนล (ภ) กินสกรู ท่า ร่ายมิไก้เลย (ก) ให้บนเทา โร กาพยาธทงปวงแล (วา) กนโจรแลผู้รำย ทำรำยมไกเลย (อ) กนเสอแลจรเข้ (ร) กนกระทำกณผ (ห 0 ) เขาสู่ณรงค์สงกรามแล (ส) ถาจะเข’าสู่ณรงค์สงกราม หาผ้ทำร่ายม่ไก้แล (มุ มา) ถ’ากนแข็งกระทำให้อ่อน (สมุ) เสกสม'งกินมีบญญา (พุ) ถาเสนียคจญไร อุบทวที่งํ๋ปวง (ทโ'ธ) กนชำงกบสกว์ร่ายท 1 งปวงที่มาประจญ (วิ) กนสกรูพ่ายแพ้, ทำให้เขามีเมกกาจกค์ (ชุ , ชา) กนกระทำ, จะไปท้ศานุทิศใก ๆ กนไม่ทำย่าย (จ) สระหวหายถอยกวาม, ไม่เบนเหฅุให้วิวาทใกร (ร) กนเสนียก จ ญไรท , งปวง (ณ) กนห่าลงแล (ส) เบ๊นเสน่ห์ (มุป) กนภูฅและผี (นุโน) กนชำง (สุ) กนกระทำแล ๆ และอาคมท , งํ๋ปวง (ค) กาขายกินที่งปวง (โต) เขาสู่ขุนนาง ท’าวพระยาทง๎ปวงมีกวามสวิสค์ (โล) ให้สกรูเบน มีกร์ (ก) เสกขาวสารซคผีเขา (วิ) แข่งพน่น่สารพ่ค (ทู) จะไปก็คีจะอยู่ก็กี (อ) ให้สกรูมนยินคี (นุ) กนหลบแล (ตุต) เสกปลูกสารพกที่!0ปวง ๓๗!® (โร) กนภํยเมื่อจะมืทีไปแล (ปุ) กนจ7เข้และแมลงบองแล (ร) เขำไปกระทำองอาจในทำมกลางกนท , งปวง (ส) สวกทุกวนเทวกามาพงแสนหนึ่ง (ท) เสกกำโพกหำนุ่งห่ม ๓ ที (มุม) เสกกอกไม้ทกหเบนเสน่ห์ (ส) กนอาถน แนะกระทำอาพ’ท, อากม (ร) กํน่เสือและกวายขำง (สิ) เสกขำวกินกง (ส) กนโจรผู้ร , ายจะกระทำมิไก้เลย (ตุถา) ภาวนาเขำไปในสงกราม (เท) เสกเทียนเบนสวสกี ®๙ กาบ (ว) เสกกอกไม้ทกเบนเสน่ห์ (ม) ขน 1 ชางลงม่า ข็นเรือนลงเรือน ©๒ กาบ (นุ) ขนชางลงมำมีกะบะเกชะ (สุสา) เสกเมื่อกินเสน ©๓ ที (น) เสกประกำสงวาลย์ ©๙ แล (พุ) ให้ว่าเมื่อเขำบ , านเขำเมืองกนภยทงปวง (ทุโธ) เสกทีงั้ปวง (ภ) เสกอาวุธทีงํ๋ปวง ด้๙ กาบ (ค) ไปส่พระยาสมณะพราหมณาจารย์แล (วา) ไปสู่คนแข็งก็อ่อนแล ๕๖ พระกาลานพระร'ฅนมาลา จบ อิฅิบโส ๕๖ ๓๗๓ อกขระและพระกาถาน ชื่อ อ น ตะ คุณํ เบนที่ประเสริฐยิงในไกรที่ง ๓ หาที่สุค มิไค้ ล่าบุกคลผู้ใคพบพระคาถาน้แลว ไค้เด่าไค้เรียนเบนพุณอนประเสริฐ ให้รำลกถงกุณพระ พุทธเจา เมิอเช่าให้ว่า © 0 ๘ จบ เมิอคา © 0 ๘ จบ เบนน่กย้พุกวน เทวคารกษาหาเบนอนกราย ไม่เลย และราชภย แดอกคภย แดโจรภย จะเบนราชเสน่ห์แก่มนุษย์และสกรู จะกระทำราย มิ ไค้ เกชกุณพระกุณเจำ จบเท่าน่แล อปเทศปริปณณา ๓๗๔ อุปเท่ห์ธาตุ แบบกรุงเท่า น คือแกวมณีโชฅิ ซ คือแกวไพฑูรย์ คือแกววิเชียร 3, คือแกวบทมราช ๆ น คือข'นธ์มิในกวเรา ซะ คือคืลทาบอยู่ในกวเรา ๆ น ธาคุนา ธากไฟ ริ ธาฅุลม 3, ธาฅุคืน ฯ แกวมณีโชคือยู่หว แกวไพฑูรย์อยู่ใจแกวบทมราชอยู่ปาก กำเขาไล่ให้เอาแกว วิเชียรกบแกวไพฑูรย์เขาจบไม่ไค้ กำจะเขำหาขุนพระยาให้เอาแกวไพฑูรย์รกบาภายใน แกว' บทมราชรกบาภายนอก แลวเอาแกววิเชียรฌ่าทวเองอยู่เราแลรำยก็คืผู้กองคุณก็คืแล ฯ ถาจะกน ธะนูไม้ธะมก ให้เอาแกววิเชียรกบแกวมณีโซคืเสก ๓ ที แกววิเชียรกบแกวไพฑูรย์เสก ๓ ที จะทำลายมิไค้เลย นนา ซ•ไฟ ลม อุ คืน ๆ กำจะบงให้เอาไม้ระงบมาแกะเบน พระกว'น แลวจึงเอาแก , วมณีลงกาซ่าย แกววิเชียรลงกาขวา แกวบทมราชไว้หนา แก , วไพฑูรย ไว้อก แควจงไปเทอญ ๆ กำจะ ก่น ส'กรูรายให้ว่าจาก ร-ริ กำจะลงนาให้จาก น ถพะกนลม ให้ว่าเขาก'ว อุ กำจะก่นไฟ ให้ว่าออกจาก ม กำจะก่อกระคุกให้ว่าเข่าหา น ท , งหมก ๆ กำจะกนผีออกจาก อุ มิกำวิสชชนาว่าไว้ว่า ธาคุท , ง ๕ เบนใหญ่ เทวคาอินทรพรหมท่งหลายในไกรภพน มิชีวิกอยู่ เพราะธาฅุ กำหาธากุมิไค้แลว โลกท 1 ง ๓ ก็สูญสน พระพุทธเจ่าและพระฤๅษจงสรรเสริญธาฑุ ท่งั้ ๔ เบนใหญ่ จึงมิอุปเทศกล่าวไว้พองหนา ให้รำลึกถึงคุณแกวท่ง ๓ จึงทำเทอญ ฯ ประสิทธแลกามแก่จะเลือก มิคุณหาทีสูกมิไค้ พิเคราะห์เอาเทอญ กำจะล่องหนให้เอาวาโยธาคุเบนกน ๗ ทีเบนล่องทนแล ถาจะให้เบนจงงง เอาปฐว ธาคุ ๗ ที กำจะให้คืนมืออ่อนเบนมหาละรวย ให้เอาวาโยธาคุเบนกน ๓ ที กำจะขำมนาไม่ม เรือ ให้เอาไม้หรือใบไม้มาเสกควยปฐวีธาคุเบนทน ๓ ที กำจะทำให้เบนนกยาง ให้เอาข่าวสาร มาเศกควยปฐวีธาคุเบนกน ชิ๓- ชิ๗ ที แลวปลุก ควย เกโชธาคุเบนกน ชิ ®๗ ที แล , วจึง'ใช้’ไป เทอญ กำจะให้สกรฉิบหาย ให้เสกควยเกโชธาคุเบนกน ชิ๘ ที สกรูฉิบหายแล ฯ กำแก่แลว จะทำให้หนุ่ม ให้บริกรรมควยปฐวีธาคุเบนกน ๓ ที ๗ ที เบนหนุ่มแค กำจะให้เบนจรเข้ ให้ เอาคอกไม้มาเสกควยอาโปธาฅุเบนกน ชิ๗ ที ทีงลงนาเบนจรเข้แล กำจะให้เบนก่อแกน ให้ แบบกรุงเก่า วิธเด่นธาตุ ท© ตงอไโปธาตุ ท้120 ตง๎เตโช ๓๗๓) เอาใบมะขามหรือขาวสารมาเสกควยปฐวีธาตุเบนคน ©๑ ที ถพะเสกนาลำงหนำ ให้เอาอาโปธาฅุ เบนคน ๓ ที หาเสนึ่ยกจญไรม่มิได้ สฅรทงม'วญจะปองรำยเราบ่มไค้เลย ถ , พะ'ให้เบนที่รกแก่ คนทีงหลาย ให้ภาวนาเมื่อเที่ยงคืน © 0 ๘ กาบ เบนที่รกแก่กนแล ลำจะลวงฅะกํวหรือชน ให้ เสกมะกรูคทามือคิวยอาโปธาตุเบนคัน ©๗ ทีไม่มีรอ่นเลย ถพะลุยไฟให้เสกนำลายควยอาโปธาตุ ©๗ ที ทามือฅีนมิรอนเลย ลำจะสะเคาะลีมกดอน ประคกุญแจโซ่ครวนขื่อกา ให้เสกควย อาโปธาตุเบนกน ๔ ที แลวเบาลงหลุกแล ลำจะกนสครูในนำให้ภาวนาควยอาโปธาตุเบนคน @๒ ที ล่ควไนนำกลำแล ลำจะให้ฝนฅกให้ภาวนาเมื่อเที่ยงคืนควยอาโปธาตุเบนคน ๑๐๘ ทีฝน ฅกมาแล ถพะมิให้แคคออกให้เสกผามือภาวนาควยวาโยธาฅ ข้® ทีเบาลงที่ผามือแคคมิออกแล ถพะหำมลมและฝนมิให้พกกก ให้ภาวนาควยอาโปธาตุเบนคน ๑๖ ที ลมแลฝนมิพกาฅกเลย ลำ จะข่ามค่านขนอนมิให้เขาเรียก ให้ภาวนาควยอาโปธาก ๓-๗ ที ไปเถิกมิทกมิทวงเลย ลำจะ มิให้ไฟไหม้เรือนให้ภาวนาคิวยอาโปธาตุ ให้เอานำมาเสกรคหล้งิคามิ'ไหม้เรือนเลย ถาจะไป สถานทีใค ๆ ก็คี ให้ภาวนาควยปฐวีธาตุ ๑๔ ทีจึงไปเถิก ฝนคกสกเท่าใด ๆ ผำมิเบยกเลย ลำ จะทำให้เบนเงิน ให้เอาใบพลูมาเสกควยปฐวีธาตุเบนคน ๑® ที ขยืใบหฺลูให้แหลกจึงเสกเบน เงินแล ลำจะให้มืเคซะแก่คนทีงหลาย ให้เอาเข:]วเสือมาฝนกบนามนหอมเสกควยเฅโชธาตุเนน คน ๑© ที คนทีงหลายกลวแล ลำจะใช้พระนารายน์แปลงรูปให้เอากระแจะซมคหนึ่ง โกฏหัวบว ๑ เขียนคาถานึ่หล่งหนำห็น จึงเอายาทีง์หลายบก , ให้ละเอียดแลํว์บนเบนแท่งฅากแคคให้แหง แล่วีจึงเสกควยคนเอง อิติโส ๙ คาบ แล่วีจึง'ว่ากาถา ๘ บท จึงเอาถ่านไฟผีคายวน ๓-๗ มาแกะเบนพระควม ๔ องค์ แล่วี'ให้ผีนหนาเข่ากน แล่วให้เอาพลายลูกอ่อน เอาค่ายคราสงผี นนมาพนรูปพระนนเข่าให้รอบ จึงเอาชนลงใค้กินมาบคองค์ทีง ๔ ให้มิคแล่ว จึงเสกคาถา ๘ บทนึ่ให้ไค้ ๑ 0 ๘ เมื่อจะทำการให้คฤกษ์ยามให้จงคีใบศรีสำรบ ๑ ข่าวคอกคอกไม้เครืองกระยา บวก ให้บชาเครื่องหอมจึงนนสการอธิษฐานก่อนจึงทำในพระอุโบสถ เสกควยคาถา ๘ บทให้ ไค้ ๑ 0 ๘ คาบแล่วจึงเอามาอมไว้ แล่วีบริกรรมไปเถิก ไม่เห็นคัวเราเลย อุ ต อ วา โธ โน อ ม ม วา นารายน์กลืนจกรีให้เถิกกำล่งเรี่ยวแรง ภาวนาเกินทางไปคันสารพค กรนอธิษฐาน

    แล่ว จึงยืนคาน พลาสุมพุสารอวิสุนุติ ๚ ล่าจะภาวนาลีงใคให้ภาวนาเสกนำรค สินคาของขายมืรากามาก ถพะใช้กระทู้ ๗ แบก ให้เคานาหอม ให้เอาลูกผาย ๗ ลูก ใส่ลงใน ๓๗๘ ๑ ย่นฅ์สุกตตมา ตำผู้ ๓๘!ยี) นามนหอม เสา 7 คาบ ทาฅวทาหนำเกินไป สอรเห็นเราเอาเบนเพื่อน สารพ'ค้ส'ครทำร , ายเรา มิไค้เลย อนึ่งให้เอาลูกสวาทจมนำ มาแกะเอาในออกเสีย จึงเอายาสีงนึ่ คาบงูเหลือม ® แมลง หวี่'ในลูกมะเคื่อ ๏ ชมค ® พิมเสน ๑ กะเฉคนำ 0 กระทืบยอค ๑ แควจึงเอาชนรงใค้คินราบ บ 1 คปากลูกสวาท เสกควยนารายน์แปลงรูป ๗ กาบ ๘ บท ๗ กาบ อมลูกสวาทไปแห่งใค ๆ มิ เห็นค'วเราเลย ให้เสกควยพระกาถาเอกมงกฏ ส' ร-ร

    Xร ว ซิว'- 3 55
    V 1 ค ©ซ'

    ^5 ส' ร7 น สุวาห ส ห เสก ๗ คาบ อมลูกสวาททายฅวเราแล คพุป ทุธว ค ค ถ , าจะมิให้เห็นฅวเราให้เอา ถ่านผีคายวน ๗- ๓ มาแกะเบนพระบกหนำฅาจมกปาก ๆ] (พระบคทวารทง *) อุปเท่ห์นึ่เบนของโบราณมีกำกบอย่ที่แบบเกิม กกไว้เพื่อรกษาทำราเท่านน กวาม จริงจะเบนไค้มี'ไค้อย่างไรนน ผู้ก'กลอกไม่ปรารถนาจะก'คกำนและอนุโมทนา คิคว่าร'กษาไว้คี กว่าทืง เพราะคนเองก็ไม่เห็นแปลกปลาคอะไร (ใจ. ยโสธรรตน็๋) ‘0 ๓๘ชิ , ) กถาว่าควยเสขิยวตร์ พระก มฆฏฐาน แบ มโบราณ ของพระมหาเถระพุทธรงษบวรมุน นโม ฅสสฺ ภควโต อรทโฅ สมมาสมพุทธสส ยตุตกานิ เสขิยวตุตานิ พุพุธปณฺณตตานิ สิกขาปทานิ ตตต เกส สิก-

    สุ สา นิ ๓ ทฯ ให้น่ง้ยองแลวเอามือประคองผ่าไตรว่า ๓ ที แลวจีงเทศนา (แสคง) ว่า อิมํ จวร 0 ปารโฅ ปฏึคฺคณฺหานิ ฯ ว่า ๓ ที อมํ จวริ ปๅรุเปตวา ปฏึคคณหานิ ๓ ที อนนเบนกำสมาทาน แลวเอาผ่าคลุมบาฅร์ ครองผาเสร็จแลว จีงเอาคงไว้ในที่ฉะเพาะหนำ นํง้ กระโหย่งกล่าวว่า อยํ ปตุโต ภควตา อนุณณโต, โย สมฺมาสมพุทโธ วตตโส อิมํ ปตฺตํ อนุชานามิ, อิทํ บิณฺฑปตํ อริยจิณณํ ธาตุไส ธาตุมตตกํ ปฏิปชชิสสานิ ๓ ท ฯ อหนุภนุเต นิสฺสาย คามํ ใ]ณฺฑปาตํ จรณตกํ อาปุจฉานิ ๓ ท ยินนิคำ ลา บิณฑิยาโลปโภชนิ น้สฺสาย ปพุพชฺชา ตตถ เต ยาวชวํ อุสสาโหกรณโย ๓ ท ฯ อันนิกำอธิษฐาน อยํ ปตุโต เม นๅโถ ๓ ที่ อันนให้คั้งสคิแลวยกบาฑร์ไว้เพียง ศีร์ษะ ๆ อิมํ ปตุตํ ธาตุมตุฅกํ ปฎตุคณฺหาม ๓ ท อนน้ให้ประคองบาฅร์หรือสวม มาตร อมาย อรยปฏปทาย พุกุขา 3ใฌฺจสสๅนิ ๓ ท เอาสาย[ยงบากร็คลองบ่า โอกาสํ วนฺทาม ภนุเต วหาริ นกุขมตุวๅ อปุจฉานิ ว่าเสร็จแดวฏอกจากวิหารไปบณฑบาค ๆ อห3!ภนุเต บณฺฑาย ปวิสิสุสานิ มตุคํ คจฺฉานิ สมาทยานิ ๓ ที่ สมาทานเอาคนหน ทาง ๆ โอกาสํ วนฺทานิ ภนฺเต โอกาสํ วนุทิตุวา ภนุเต มตุเค ฐิโต มณฑปาเต อาปุจฉามิ ๓ ที่ฯ โอกาสํ วนฺทาม ภนุเต คามปปเวสนิ บณฑปาเต อาปุจฉานิ ๓ ท ฯ คามคใ'] วรวริ วตุควคฺคํ อใ! อาคมใ)สาม ๓ ท ฯ อํนํนิสมาทานเอาหนทาง ที่งปวง ใน ระหว่าง เคิน ไป แล วจีงภาวนาทำไว้ใน ใจ ว่า สพเพ สตตา อุทธํ อโธ จ ตริ- ยณฺจ อสใเ1พาธํ อเวริ อสปตุตํ ดึฏฺซิณจริ นิสินโนวา สยาโใเวา ยาวฅสส วิคต- มทฺโธฯ พุกุขปปตุตา จ นิทฺพุกขา ภขปปตตา จ นิพภยา โสกปปตตา จ นิส- โสกา โหนุตุ สพฺเพบ ปาณโน ฯ ภาวนาฅ่อไปว่า สพเพ สตตา สุขิตา โหนต สพุเพ สตฺตา พุกขา ปนุณฺจนุตุ สุข ๓ ที่ฯ ภาวนาต่อไปอกว่า อิมสม ฐาเน สพเพ
  • ๓๘๔ สตตา สุขิตา โทนต สพเพ สตตา อเวรา โทนุตุ สพ.เพ สตตา อพูยาปชฺฌา โทนตุ สพเพ สตตาอนฆา โหนตุ สทเพ สฅฺตา สุข อฅุตานํ ปริหรนฺตุ สุข'*■.ทฯ เยน มคเคน มม คจฉนฅา อาคจุนใเตา สพฺเพ สตฺตา สชวิกา อชวิกา อเวรา โทนตุ อพยาปชฌ โ'VIนตุ อนฆา โหนฺตุ สุข อตฺตานํ ปริใ!รนตุ ยถาสุข ยถา- กมมํ ฯ ภาวนาฅ่อไปว่า อิมสม เสนาสเน สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหน.ตุ สพ.เพ สต.ตา อเวรา โใ!นฅ สพเ ใ) สตตา อพยาปชฌา โทนฺตุ สพู.เพ สตฺตา อนฆา โทน.ตุ สพเพ สตตา สุข็ อฅตานํ ปริทรนตุ สุขื ๓ ที่ฯ มทนภาวนาไค้ในที่ทุกสถาน ไน ทางไปทางมาที่นํงทินอน เบนปฏิปทาห่างจากกรรมเวรทงปวง เบนอบายบองกนอารมณชวราย ออกจากจิคค็ จิฅค็ห่าง'จากเครื่องเร่าริอน จัฅค็เบนธรรมชาอิกลางสมปยุคอยู่ในกองการกุ^กทุก เมื่อ ฯ สก.กจจํ บณฑป'าตํ ปฎิคฺคเทสฺสา]วิ ปตฺฅสณญ บณฺฑปาตํ ปฏิคฺเคเทสุ¬ สาน ฯ ให้พิจารณาว่า เมื่อริบบิณฑบาฅ ถ 1 ทายกทิมาคกบาครแค่ผิเคยวให้วา ทายโก สุข' ตา โทตุ ๓หลายกนให้ว่า ทายกา สุข็ตา โทน.ตุ ฯ ผิว่าทงยกนำอาหาร'วัคถมาคกบ'าคร์ ให้ภาวนาว่า สพเพ มขทํ บณฑปาตทานทายกส.ส อเวรา โทน .ตุ อพฺยาปช.ฌา โทนตุ อนฆา โทนตุ สุข็ อตตานํ ปริหรน.ตุ, สุขี ๓ ที่ฯ ผิว่าเหนื่อยมากให้ว่า สพเพ มยทํ กิลานทานิ ฯ เป ฯ ปริทรใ!ตุ สุขี ๓ ที่ฯ ผิว่าเบนนิาให้ว่า สพูเพ มยทํ จวรทานิ ฯ เป ฯ ใเริใ!รนตุ สขี ๓ ที่ ฯ ผิว่าเบนคอกไม้ที่เขาจะนำมาบูชาพระ- ปฏิมากรให้ว่า สพเพ ราขา 0 ใ ปุปฺผทานํ ฯ เป ฯ ปริทน.ตุ สุขี ต ที่ฯ เมื่อกลบมาสู่ วิหารให้ว่า โอกาสํ วนทาม ภนฺเต วิทารํ ปวิสิตฺวา อาปุจฉามิ บคนื่จะกล่าวถึงว่ทิรฉนบิณ'ทบาก เมื่อกกแท่งอาสนะปุลาคคีแลว พรอมทงนาใช้นา ฉนเบนคนเสร็จแล , วให้'ว่า อ]] บณฺฑปาตํ นานารสโภชนอาทารํ สมฺมาสม.พุทฺเธน มยฺทํ ทิเน ๓ ที่, แล่วรืง'ว่า ปฏีสง.ขา โยนิโส บณฺฑปาตํ ปฏีเสวามิ ๓ ท ยถานณ.นปาตํ ปฎเสวามิ ผ ที่ ยถากิลานปจจยเทสชฺชํ ปฏิเสวามิ ๓ ที่ เมื่อกงสอิทำควยอาการอย่างนื่ แล่วิ อาหารซึ่งปราณีคเลวทรามอย่างไรก็คี จะกลายเบนประทนื่งว่าของทิพย์เค็มที่งบๆคร์ หา พิษสงอะไรมื่ไค้ คํวิยอานุภาพพระกาถานื่แล่วิว่า อิทํ เ]]' กป.ปติ ๓ ท อทํ เ]] น กป.ปติ 01 ที่ แล่วระถึกว่า ติ , โกฅ ปริสุทฺธํ มจฺโฉ มงฺสํ ทิพูพํ ภุฌฺชามิ ๓ ท อโท วต
  • ๓๘๕ โภช นอาหา โร ปฏิกุ โล ๓ ท แล้วซาอีกว่า สกฺกจฺจํ บณฑปาตํ ภุณชิ สสา มิ ๓ ท ปตต- สฌฺฌื บณฺฑปาตํ ทิพฺพํ ภุฌฺช สฺสา มิ ๓ ท ปาปา ปมุณฺจา มิ ๓ ท ประพฤทีคาม วิะฌืยบนชอบโคยธรรมแลข่อวฅรแห่งการรบบิถ;ฑบๅคโคย; 1 ๆๅร พนน เมือฉนแลว ทายกจะอยู่ก็คามไม่อยู่ก็อาม ให้ว่ากาถาธนโมทนา ยถาส'พพื่ เมื่อก่อน ฉนให้ว่า ปฏสงุขาโย เมอจะทคแทนให้ว่า อชช มยๅ 03! ภตตํ บณฑปๅตํโภช!! บ่รจฺจชสฺสาม นเบนวิธีสละอาหารอนเศษแล้วว่า อิมํ ภตตํ บณฑปาตํ โกชนํ ป'จุ่จุทฺธราม ๓ ท นเบนวิธีบจจุทธรถ่เอาหารทีเนลือเศษ เมื่อจะล้างบาครนนว่า อิมํ ปตต- โธวนํ อาปุจฉามิ ๓ ท เมื่อจะล้างฝาบาคร์ว่า อิ3! ปตสิโธวนํ อาปุจฉามิ ๓ ท เมอจะเชคบาฅร์ว่า อ}} ปตฺตมฺถ!จนํ อาปุจฉาม ๓ ท เมือจะเช็คฝาบาฅร์ให้ว่า อิมิ ปตติ- 33ฌฺจน อาปุจฺฉามิ ๓ ท ฯ เมื่อจะลาเข่าไปส่ปานที่เขานิมนต์ว่า โอกๅสํ วนทามิ กนเต ฅามปุปเวสนํ อาปุจฉาม ๓ ท ฯ ถาเขาไม่ไค้นิมนต์ไปเพื่อก็จฅนให้ว่า โอกๅสํ วนทามิ ภนฺเต อกต คามปุ!]เวสน์ อาปุจฺฉๅม ๓ ท ฯ เมือจะกลบกืนส่อารามว่า โอกาสํ ว!!ทๅมิ ภ!!เต อาวาสํ อาคนตวา พุทธสส ธมฺมสฺส สงฺฆสส วตตํ อาจิกขามิ ๓ ท ฯ เมือเข่าอารามแลวว่า นโม ฅสฺส ฯลฯ โอกาสํ วนทๅมิ ภนเต โพธิรกขํ เจติยํ ปทกฺขิณ็ กตฺวา วตฺตํ อาจิกฺขามิ ๓ ท ฯ ให้ว่าปทกษิถ; ๓ รอบว่า โอกาสํ วนทามิ ภนฺเต โ!'เธรุกขํ เจตยํ ปทกขณิ อาปุจฉาม ๓ ท ฯ ปทกษณ พระเจดย์ ไม้ศรีมหา- โพธ ๓ รอบแล้วว่า โอกาสิ ว!!ทามิ ภนเต ปถ!จกํ ปติฎุฐิตํ เต อาปุจฉามิ ๓ ท ฯ นิงกระโหย่งดงกราบไว้ควยเบ็ญจางกประคิษฐ์ว่า นมๅมิทํ พุทธสส ปจจตถรตนํสถ!จกํ อาปุจฉาม 00 ท ฯ ข่าพเจ่าขอนมสการพระแล้วเจาที่ง ๕ พระองต์ คือ พระพุทธเจ่า พระ- ธรรมเจ่า พระอริยส่งฆเข่ พระสมถกฆมฎฐาน พระวิบสสนากมมฏฐาน แลพระกรบาอาจารย์- เจา คนส่งสอนพระกมมฎฐาน เวลาจะนอนให้ลาว่ฅรแล้วกงส่อยาธีษฐานคงสคิไว้ในใจให้เที่ยง ธรรมแลวบริกรรมยกจิฅต์ว่า อหมฺ ภนุ.เต ชลํ เสยยื ปถ!ถ)ๅเปตวา อาปุจฉามิ ๓ ท จึงนอน เมื่อจะลุกจากที่นอนให้กงสกให้เรียบรอยก่อนแล้ว บริกรรมว่า อทม กนเต อโรคย็ อาปุจฉา}! ๓ ท ฯ อหมุ ภนเต ทนตกฎฺฐํ มุขโธวใ! อาปุจฉามิ ย์นนว่าเมื่อล้างหนำ แลสีพื่น อหมฺ ภ!!เต ชสิ โธว!!หตฺถปาเท อาปุจฉามิ 00 ท อนนล้างมือล้างเทา ๆ บึา๘๖ อหม ภนเต ชล โธ'รน นหาตวา สพุพ ทุก ขา สพุพภยา สพพโรคา วินสสนตุ ๓ ท ว่าเมออาบนา ฯ รินนา สระ เก ลำ วนฺทนํพสุนุทราทิเปป่ คงฺคๅ เทวฌฺจ วนทนํ สพุเพ ปา ป วน สสนุตุ ๓ ท ว่า เมือ อาบนาในแม่นำใหญ่หวย หนอ รกลคู,ฐบึ,]ก่ๅ^ ๆ ๆ เกสา ปฏทุลา ปลงผม ๆ อหมฺ ภนฺเต เวตุตํ (เวจจิ) อๅคโต อาปจนาน ว่าเข่าเก็จจกฏิๆ อห มุตุต คูถํ กรสํ ปจฺทธรา ม 05 ท เสียอาจม ๆ อหํ นุตตํ อสุภํ ปจจทธรา มิ ๓ ท สกจิตฺตํ ปสทติ ปรจิตฺตํ ปสืทติ เทวตา อตตสนา โหนตุ ทิฏฐานุคติ อต¬ ดโน กโรม ฯ วาเมอกวากดานพระวหารลานพรณ จุภิย์ และขอโอกาสว่า โอกาสํ วนทๅมิ ภนุเต สมุนชชนกรณี สริสุสา มิ ฯ ว่าเวลากวากอขู่ สกจิตตํ ปสืทติ สพุเพ เทวา¬ นโมทนุตุ ปรจตุตํ สพุเพ เทวานุโมนทฺตุ ฯ ว่ากำลงกวากอขู่ ๆ วรอคติ พมทิ สิตํ สพุพปา!] วินสฺสนฺตุ ฯ ๓ ทิ โยงไฟ ฯ อิน ฉตุตํ ธาตุมตุตกํ ปฎิคคณหามิ ฯ ๓ ท ถอเอา รมหรอ กล ก ๆ อม อเๅยทณฺฑ ธาตุมตตก ปฏคคณหาม ฯ 05 ท ถือ เอา ไม้ เท่าๆ อิมํ ตาลปตุตํ ธาตุม ตุฅกํ ปฏิคคณฺหา มิ ฯ ๓ ทิ ทนุตา ปฏีกุลา บวนปาก สีพน ๆ ตโจ อสุ โภ ลางหนำ ๆ ผิว่าพระภิกษุเจา?ในประกอบกํวยกมม่ฏฐาน จกไปอย่บากก จุกข่าย ไปอยูทิใหมก็กี ให้รำพึงว่า อารกขเทวกาท่งั้หลาย ซึ่งสีงสถิฑย์อขู่เหนิอกนไม้หรืออากากีก็กี ยกขรากษสผเสอนา บกีาจบกทงหลายก็กี สกวทํงหลายท่ง๎ปวงทกรปทุกนาม ซึ่งอย่ที่อาราม กนแกนทน ออกไปกรงหนำโกยรอบแห่งบริเวณบ่ 1 ๅท่รมๅญ ที่ถืงแลํวซึ่งทุกข์ ถืจงพนเสียจาก ทุกข ทมกวามสุขกขอให้มกวามสุขก็ ขอ ให้มีกๅๅมสุขเจุร๊ญยง 1 ขนไป ทุกรปทกนามเทอญ แล ใหแผเมกทา ไปว่า สพุเพ สตตๅ สุขตา โหนุ ตุ ว่าไปจนสงบ สกิอารมณ์ ไก้ แลวรำพึงใน สนมชชนญาณ อย่า ให้ ขาก แม้สกก็นนมีท่วหนึ่ง สอง กว สามกว ก็ถื มีฤทธแลรํกีมีกนกาย ของกน กีแลํ ว จึงเข่าไป อขู่ ในบาพึจุารณาว่ๅ อนุ โก วนสณฺโฑ รมณิโย อริ ย ภูมิ ปเทโส พุทธปุตุตวนา สมุมาภูมิ โยคาวจรเวเนยยภูมิ สมถวิปสฺสนา กมุมฏฐานวฑฒนภูฐ ตตุถ ตวธสทธมุ , โม วฑฺฒ ตุ ฯ กงนเทอญ เมือจกพรากอารามทเก่าไป ให้พึจารณากเสีย กอน วากองอาบ ทอยาง ใ กอยๅงหนงหรอไม่ ถากองกให้แสกงเสีย เมอจะเข่าบาก็เหมือนก่น ท่อง ชำระกล ของทน ให้ สอากเบนนิจ, รกบาจิฅภ์ให้ปรากิจากนิวารณฐรรมท่งปวงเสมอ อา ตบ มื กวามเพึยรเ บนเกรองเผากเลส ปหตตุโต มีกนส่งไปแล ว อารท ธวิริ โย มีกวามเพึยรปรารภ ๓๘๗ ] แลว อุรํ ทตวา พุทธสาสเน มอบชีวิฅจิฅดีใจในพระพุทธศาสนา ควยสดีส’ง์วร ในระหว่าง ที่สะพายบากรีแบกจ่อง (กรค) ไปสู่ราวบาจวนใกล้แลำสวคว่า ปณธานโต ปฏจาย ไปจนถึง ป?ตตนฺตมุภณามเห แลวสวค กรณืยเมตตฺสูตร ทง์หมค จนถึงกุฏิกลางบา แลวสวคเดีน ปทกษิณ ๓ รอบ จบแลวจงปูหนงจ่มมขนธ์ (ผ่า นิสีทนะ) นงอธิษฐานคามธรรมเนิยมมหา โมกกลลีปูกดีสสเถรเจ่าผู้ไปเมึองปาคลี บุก ร และพระมหินทรเถรเจ่าผู้คง๎ศาสนาในลงกาทวีปฉะ'แน แล่วอธิษฐานในใจ คำเนินในสมถะและวิบสส นา กงไว้เบนสจจะ แดวสาธยายว่า ทวาตปูปต อาทิจโจ ฯ เป ฯ เตชสา จนถึงอุทาน เถร กาถาของพระ พุทธ ไเฅเถรเจาว่า อธิเจตโส อทิ- ปมชชโต มุนิโน โมนปเถ สุสิกชิโต โสกา น ภวนุสิ ตาทโน อุปสนูตสุส สทา สตมโต คง นิ จึงเรีมกไเมฏฐานก่อไป ๆ ภิกษุผู้จะไปเยี่ยมบาชำให้ว่า อยํ โข เม กาโย แลวปลง ธรรม สงเวชนิว่า เอวํ ชราธมโมมห เอวํ พยาธิธมโมมุนิ เอวํ มรณธมุโม' มุนิ อกโข ยาวตา สตตานํ อาคติ คติ จุติอุปปตฺสิ สพเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณํ อนตตา ติ กุตฺเตตฺถ ลพฺภา อปฺปมาเทน สมุปาเทก อนิจ;จา วต สง- ขารา อุปาทวยธมมโน อุปทิชชิตวา นิรุชฌนสิ เตสํ วูปสโม สุโข ยถา เอติ ตถา อิทํ ยถา อิทํ ตถา เอติ ยถาปุเร ตถาปจฺฉา ยถาปจฺฉา ตถาปุเร ยถาอุทธํ ตถาอฑโ ธ ยถาอฑโ ธ ตถาอุทธํ ฯ อน มี ในวิชัย สูคร อธุวํ เม ชิวิติ จุวํ เม มรณํ อวสสํ มยา มริตพุพํ มรณปริโยสานํ เม ชิวิติ ฯ แล ว ปลงใจให้เก ค สงเวชนิจนหาย อยากหายฅื่นหายกลำ ๆ สำหรบภิกษุผู้อยู่บาชำ ถือพระกมมฏฐานนิเบนอารมณ์แลว เมอเวลา นอนหลบไป แลผ่นเห็นผู้หญิงแก่ปานกลางแลสาวมาอยู่กระท่อมกิดี อ'นนนชื่อว่ากิเลสมารมา ประจญ เพราะกิเลสซึ่งนอนเนื่องอยู่ในจึกคสนคานนินุปงสจ่านกำเริบชน ให้แก้ควยการนอมเอา พุกขถกขณะเบึนอารมณ์ว่า ทุกฺขํ ทุกฺขํ ทุกข็ๆ แลวสวคว่า ‘‘ทุก ข ลกฺข ณานุภาเวน กเลสมารา ปลาเชน ตุ กิเลส มารา เม น วิหสนฺตุ สามทีพุก ๆ วนเทอญ ฯ ถ่านธน หดบไป ผ่นเห็นชำวนิาโชนะอาหารอไแบนทิพย์ก็คี, อาหารธรรมคากิดี, เสนาสนะกุฏิวิหาร แลไค้พักอยู่กิดี, ชื่อว่าวกกุมารมาประจญให้นอมไจสู่พุกขล่กษณะว่า ทุกขํ ๆ ทุกข์ ๆ แลว ภาวนาว่า ทุกขลกขณา นุ ภาเวน วตุถุมารา ปลาเชนต วตุถุมารา เม น วิหส นุตุ สามทีพุกวน ๆ พยาธิเมียณบียพ ปวคทองแลปวคศีร์ษะ เบนแผดผ่ ชื่อว่ามจจุมารมาเมียค
  • 0)๘๘ เมียฬ ให้แก้ว่า ทุก ขํ ๆ แลวภาวนาว่า ทุก.ขลก.ขณาทุภาเวน มจฺจุมารา บ่ ลายน. ตุ มจจุ ภารา เม น วิ หลน ตุ สามมีทุกวน ๆ ถ , าผนเห็นรูปพระพุทธเจา แลวจิ?า?าแปรปรวนโม อยากทำกมม่ฏฐาน เกยจกรานโจกระกา'3 มมานะเบอหนายในสมณธรรม โมอยากจาเรญกอโป ซึ่อว่ ายิภลังขา ร มารมาประจญ ให้แก้กวยกาถาว่า รตนตฺยคุณาทุภาเวน ส พุ มารา บ่ ลาเย นฺตุ สพุพ มารา เม น วิทึสนฺตุ สพุพ มารา ปลาเชน. ตุ ,, สวกทุก ๆ วัน ๆ วัไผนเห็นเจคีย์ ท่องกำแลเจคีย์เงิน, ทองกำ, เงิน, แกว, แนวน เมีช'ร์. นิส* จิน'ก' 1 แลเท่วกามาสน ท นา กํวยก็คี หรึอเห็นชาวเจานายมาสนทนาแสประชุม กก’ ชอวาเทวทุ?เรมารมาประจญ ถาถอเอา เบนนิมี?V?ว่าเบนของจริงวัมมัฎฐานเสื่อมแส, กวรพิจารณากูให้ ก แสวนอมจิก กก ทสทโน รวมภาก เสมอ กัน มนสิการ โปลกษณะ' ว่า อนิจ. จํ ๆ ภาวนาว่า อนิจจลกฺขณาทุภาเวน เม เทวบ่ตุต- มารา บ่ลาเชนตุ ฯ ติรตนคุณาทุภาเวน เทวบ่ตฺตมารา ปลาเชน.ตุ เห น วิท ส ทุตุ ฯ คํงน ๗ กาบ ๆ คีกป ระ การหนึ่งพระโยกาวจรเจ 1 าวั 1 หลาย พิงสำรวมจิกก์โห้เมีย ง อย่าให้เยาวมาร ท่งหลายเหสำนกรอบงำ'ใจ, กอ โกโธ ขงโกรธ ปลาโส มีกนเสหล อติห าโน มี ห' 1นะ ท มี ง อุปนาห VIมายมนผกเวรท่าน ถมโภ กระกางแขงโมออนยอม สาร มฺโภ สามหาวกู'นมนทาน มาโใเ มีมา VIะ อสมปชฌฌ ไม่ รู้สึกคำ (ไม่ รู้สีงชอบ ไว้ ภายโน) มจฺเฉรํ ถินถ (กระหน) โลโภ ละโมภ โกสชชํ ขเกียจ มโท มวเมา บ่ มาโท ประมาท มุชิ ฐลฺลต สละ เสีย ซึ่งสคี ทุพฺพโจ ว่ายากสอนยาก ทุ , พุ ปณฺณา หาบญญามิ โก้ ทุพฺมิ ต.ตเส วิ ตา โม่ , การ สองเสพมี?! ว์มีช ว อหิ ริกํ โม่เกสียกบาป คุหิสฺฐิ มีความ เห็นชว อสท .โธ ไมมกวามเชอ อบ่ญฺจิ นทริ ยสํว โร ไม่ สำรวมมีนทริย์วังนัา แลอายกน ะ ๖ อสทุตุฟ่ โม่ สน โคษ อท ^ โก มกมาก ใน อาหาร ไม่ รู้จักประมาณ มหิจ. โฉ เบนคนมกใหญ่ โผ สูงเกินวัก ก อโนต.ต บ่.บ่ โม่ สก้งกลัว?! อ บาป อตฺถอภิณหทสฺสนํ ชอบแลกูผู้หญ่งเบน นิกย์ สคหส.ถจาร มกคลุกกลีวัวย พวกคฤหัสถ์ จะก้นเกยแลลืมวัว สก. ขาอคารโว ไม่ เการพมีอสิกขาบทวินัย คุรุ ปจ.จาหิต.โต เบน วัาคี กกํอกรูทุกเมี่อ มก.โข มักลบ คุณ ของท่านเสีย อนก.ข โม โม่ อกทน ชาคริเยอยุต.โต ไม่ ประกอบในธรรมเบนเกรอง มีนคีอสมี เหล่า นึ่รว มเริยกว่า ทลโยธามาร 1 พระโยกาวจรเวัา จงพยายามริกษาอย่างกวกขน คีอว่ากิเลสมารทร ๕ ประการ กอ ขนธมาร กเกสมาร อภสา¬ ขา รม าว มํจจุมาร เทวปุตดมาร เหล่านึ่, ย่อมมีกำลังผจญ ไค้ ทงกาย ใน แสะกายนอก โห็ 01๘๘ รกษาอีนทรียทงหา อายก นะ หก หรือทวารหก คือ จก ชุ โสต ฆๅ'ม ชิวหา กาย มโน ฯ สพุพตฺถ สวโร สาธุ การสำรวมในทีทงปวง เบนการย่งประโยชน์ให้สำเร็จทุก เมื่อ ๆ เจุ่ๅภิกษ กนใคใกรจะทำ กน ให้พนจากทุกข ควรคืกษาในโลกธรรมที่งแปคให้คืงที่สค คือ สากๅ ยสๅ สุขา ปสุงสา ถา ไค้ รบก็อย่าทำความยินคีจุนเกินส่วน อลๅภา อยสา อสุขา อปปสงสา เมอ ไค รบกอยายนรายจุนเกนสวน ใหถอวาธรรมทาแปคนเบนสมบกรเองโลก ประจุๅอย่ก , บโลก 1 อีกส่วนหนง ซงเบน อ นิชิจํ ไม่ เที่ยง ไม่ ใช่สมบกของเรา จงไม่;ควรมวเมาในโลกธรรม ค , งกล่าวน์ ฯ ภกษุรบบจุจุยทงสี ให้พิจารลเาควย ยถาม่จฺจข เสํยก่อนเมื่อบริโภคให้ว่า ปฏิ- สงขาโย เบนป่กก อยาบรโภคควยคลเหาให้บริโภคควยกวามบริสบฐ ให้แสวงหาบ'จจุยสี่เสยง ชีวิกโคยชอบธรรม อย่าให้เมใเอธรรม อย่ากระทำ กุลทูสกกรรม แล อเนสนากรรม อน ผิคจากทวงธรรมของพระพุทธ.เจุ่น์ . 1 ส์อ40เ:แตนาเวร.รมม่นพึง.รู้คงษ..,,,.เมื่อทายกมาทำบุญให้ทาน อย่ามีเจุกนาผิคเพราะเห็นแก่อามิส แล่เวให้'ว่กิถุอิน'ใกอ'นหนึ่งกอบ ล่าแลให้ควยเจคนาผค เบน กนว่าคอก ไม้ผดไม้ แก่ทายก ซื่อว่ากระทำอเนสนากรรมย่อมเบนโทษเบนบาปที่งั้สองผๅย จี ง ควรเวนเสีย ๆ ภิกษุผู้ไม่รู้จุกคุณานิสงส์แห่งธุคงกวกร์ ย่อมมิเจุฅนาผิคหนกไปในกรรมคือ ปานจโฉ อิจฉาปกโต แล่ว่คำเน้น , ในทางผิคเบนกุมรรคปฏิปทา คือ เห็นท่าวเทำอย่างใดกนก็ทำอย่างนน ธุคงกวกร็ของบุกคลผู้นน ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์เกอกูลแก่ทนแลบุคคลอื่หแบ้แค่ น อ ย ผู้ที่ถือ ธุคงควกร์อนนน ผู้รู้กล่าวว่า อุมมาทา หรือ อุมฺมตติโก เบนบา จิตตกเขโป บ่าไจพึง สรำนไปไม่มิขอบเขกก์ผู้ที่เห็นท่านทำแลทำคามท่านควยความงมงาย ไม่มิหลกฐานเหกุผล แบบแผนแลพระพุทธนิพนธ์ คำเนินคนไปควยอาการคือ ๆ ซื่อว่าเบนผู้ผิคจำพวกหนึ่ง จำพวก ที่สอง ผู้คือธุคงกวกร็นนมิความปรารถนาลามก มิความ อิจฉา เบนปกกิ เพราะรำพึงในใจ ว่าล่าเรา คือธุ คงคืนึ่แลว ชนท่งหลายจกมิความเการพนบคือ แลวจุกถวายบจุจุยสี่แก่เรา เราจุก เบนผู้ฟูมเพึอยควยลาภสกการควยอาการอย่างนึ่ จุกเลยงชีวิกเบนสุข ส่วนนาใจไม่ข่มบาป ไม่ กำจคบาปเสีย ผู้มีอาการหลอกลวงควยอุบายอย่างนึ่ ย่อมไม่ยำประโยชน์ให้สำเร็จแก่คนแลผู้อึ๋น ไค้รบผลในบจจุบนก็คือบาปอย่างเคืยวคายไปแลว ทุคคติ ปาฏิกงฺขา มิทุกกิเบนที่หวำไค้ อีก
  • ๓๙0 จำพวกหนึ่งเบนผู้ประกอบไปควย ศรทธา หิริ โอตต , ใ]ปะ วิริยะ บญญา ซึ่งเบนสมถะ พละ แล ศรทธา วิริยะ สติ สมาธิ บญญา ซึ่งเบนวิบสสนาพละ พิจารณาคูควยนาใจ ของคนโคยชอบว่า ธุคงกคูณนึ่ อนพระพุทธเจ่า พระบจเจกพุทธเจ่า พระสาวกเจ่า ไค้กล่าว สรรเสริญว่าเบนคูณสมบกอันกำจคเสียซึ่งบาปธรรมที่ง์ปวงจากขนธสนคาน อังประโยชน์ชากนึ่ ประโยชน์ชาคิหนำ ประโยชน์อย่างยืงกือพระนิพพาน ผู้นึ่ชื่อว่าเบนผู้มีกวามคำริชอบจำพวกหนึ่ง อีกจำพวกหนึ่ง ถือธุคงกวฑร์ควยอำนาจศีลบริสุทธ อปุบจฺฉตณฺเยาวนิสุสาย อาอัยซึ่งกวาม สนโค ษ ในใจท , งสอง ปวิเวกณฺเจว นิ? [สาย อาศํยซึ่ง นำ ใจชอบสงกจากบาปทง์ปวง ชอบ อย่ในที่สงก ไม่พูคมากเบนผู้มีกายวาจาใจสงบ © สลฺเลขฌฺเจว นิสฺสาย อาก่ยซึ่งกวามขค เกลา ชอบล่างบาป กำจกบาป ทำลายบาป เกลียกบาป เบนนิคย์ ๑ ธุคงค้ค'งืนึ่ อธ มตุถ ตณเยว นิสสาย อาคยบญญาเบนเครื่องสอคส่องคูร้แจ่ง์เห็นจริงในธุคงกคูณ ควยบญญาของ คนย่อมร้ชกว่าธุ่กงกคูณ เบนรวเบนกำแพงมีรสอนหอม' สำหริบริกษา ศีล สมาธิ บญญา ของพระอริยเจ่าที่งหลายเบนอริยสมบกของพระพุทธเจ่าโกยแท้จริง แล่วค่งสกโกยชอบว่า เรา เบนผู้ไค้ลาภอนประเสริฐที่ไค้เกกมาเบนมนุษยกวยศี ไค้ประสพพบเห็นพระพุทธคาสนาควิยศี สมกวรจะสละชีวิคให้เบนคูท้คบรรพชา ถวายบูชาในพระรคนไกร ยอมสละชริกของกนไค้แลว ถือธุกงค้อนริกเสมอควยชีวิค ภิกษุผู้มีสภาวะเห็นปานอังนึ่ เบีนอนประเสริฐเบนก่งนำสะบบมหา สมุทร อนเบนจอมยอกแห่งนำสะบบ (สมุทร) ที่งม'วญฉะนน ทำอย่างนึ่จึงชื่อว่าคำเนินใน สุปฏิปนโน อุชุปฏิปนฺโน ถภยปฏีปนโน สามจิปฏีปนโน เบนผู้กวรแก่ธุคงกวคร์โกย ชอบแล ๆ จบธุดงควตร็๋ กถาว่ใดวยสมาทานชุดงควตร์ ๑ คหปสิจวร 0 ปฏิกขปามิ ๓ ที่ๆ ๒ ปงฺสุกูลิกงํคํสมานิยามิ ๓ ที่ๆ สอง ขอนึ่ ชื่อว่าสมาทานบงสุ กุล ฯ ๓ จตุตถจวรํ ปฏิกฺธิปามิ ๓ ที่ ปลงฯ ๔ เต จวริกงคํ สมานิยามิ ๓ ที่ นึ่เ บนสมาทานผ่า ๓ ผืน ๆ ๕. อติเรกถาภํ ปฎิกฺขปามิ ๓ ที่ ปลง ฯ ๖ บถเฑกปาสิกงคํ สมานิยามิ ๓ ที่ๆ เมึ่อเวลาไปมิณขบากอย่าริบเครื่องบวงสรวง ©๔ จำพวกฯ ๗ โลลุปฺปจาร 0 ป ฎกฺขิ ปา มิ ๓ ทีปลงฯ สปาทานจารกงกํ สมา ทิ ยาม ๓ ที ๆ เมอเวลาไปบณฑบากให้ไปกามลำก่บกรอก ๆ ๘ นานาสนโภช นํ ปฏิกฺขิปา มิ ๓ ทีๆ ๙ เอกาสนิก งฺคํ สมามิยา มิ ๓ ทีๆฉนกรวง์เคียว ทุติยโภช นํ ปฏิกฺขปา มิ ๓ทีๆ® 0 ปตฺต บณฑ กงฺคํ สมามิยาม ๓ ที สมาทานฉนฉะเพาะอาหารในบากรี ๆ ๑® อติริตตโภชนํ ปฏกฺขปาม ๓ ทีๆ®!® ขลุปจฺฉา ภตฺต กงุคํ สมาทยา มิ ๓ทีๆ ฉํนสำรวมโคยไม่ให้ เมล็คขาวกก ๆ ® ๓ คามนุต เสนาสนํ ป ฏิกฺขิ ปา มิ๓ ที ๆ อารฌสํไกงคํ สมามิยา มิ ๓ ที ๆ ให้อยู่ไกลม่าน ๕ 0 ๐ ช , เว้ธนู (คือ ๕ 00 วา) ฉนุนํ ป ฎกฺขิ ปๅมิ ๓ ทีๆ รุกขม ลิ กงคํ สมามิยา มิ สมาทานอยู่โกนกน ไม้ ๆ ฉนฺนรแจรุกฺขมูลฌจ ป ฎิกฺขิ ปา มิ ๓ ทีๆ อพฺโก- ก าสิกงฺคํ สมามิยามิ ๓ ที สมาทานอยู่ กลางแจ้ง ๆ สุสานํ ป ฏึกขิ ปามิ ๓ ทีๆ โสสานิกงคํ สมามิยา มิ ๓ ทีๆ สมาทานอยู่บาชำผิกิบ ๆ เสนาสนโลธุป!] ปฏึกขิปา มิ ๓ ท้ๆ ยถาสนุถตก งฺค สมามิยา มิ ๓ ทีๆ สมาทานเอาเสนาสนะทามมีกาม ไค้ไม่ ให้เลือก เสย ยํ ปฎกฺขปาม ๓ ที เนสชชกงคํ สมาทยา ม ๓ ทีๆ สมาทานไม่นอนเบนวกรี ๆ ก่อนิไป ให้ผู้สมาทานกมมฏฐานจงสำเหนียกกามที่กล่าวมานิ ให้ไค้คืนหนึ่งคืคื สองคืนก็คื เจึคคืนกีคี เคอนหนงกีคื จนให้น้โรธสมาบกเกิคขน เหกุว่านิโรธสมาปกเบนยอคแห่งธุคงกวกรี ๑๓ เปรียบ เหมือนอพภานกรรมเบนยอกแห่งปริวาสกรรมแลมานกก์กรรมฉะน , นผิว่าธคงกว่กร์ ๑๓ นนขาก กกบกพร่องเสียแก่องก์ใคองก์หนึ่งก็กี จะอธิษฐานฅนเขำนิโรธสมาบกไม่ไค้ เมื่ออย่ธุคงควกรี ๑๓ บริบูรณแลวจึงบรรจุธุคงควกรี ©๓ ไว้ว่า สาธุ สาธุ ขำพเจ้าปฏิบกฅบชากามคำสอนแห่ง พระสพพ ญฌู โกคมเจ้า ในหองครองว่ทรีนอย คือ ธุคงกวกรีท , ง ๑๓ กีบ ริบรถ เแล่ว ม่คนิ ข่าพเจ้า จะบจจุไว้ยงกรองวกรีนอย คือธุคงกว่กรีเจ้ทง์ ©๓ ไว้ในที่อไเสมกวร ก่อน แลว ๆ สาธุ ๆ ขำพเจ้บจจุกรองว่กรีนอย คือธุดงกวกรีเจ้าทีง๎ ๑๓ ไว้ในที่สมควรบ ริบ รณ์คืแลว ม่คนิขำพเจ้า จกอธิษฐานเอาย์งนิโรธสมาบกอนประเสริฐ ให้มาก่งมนอยู่ในขนธล่นคานกลอค ๗ วน แลให้ มีจิกก์บกิปราโมทย์ในนิโรธสมาปกเนืองนิกย้ ขอ ให้ขำพ เจ้าอย่ส บาย หาย จากพยาธิก่งปวง ให้ ไค้รบกวามสบายหายจากห้วเขำกระหายนึ่าสน ๗ วนนบก่งั้แก่วนนิเบนกนไป เมื่อเวลากรบ ๗ วไแเลวจึงจกไปเที่ยวโกจรบณ •ท บาก ว่าก่ง นิ ๓ ที แลวจึงอธิษฐาน ว่า นิโรธสมา ปตฺต อธิ ฏซิามิ ๓ ที กราบลง ๓ ที แลวเขำอยู่ในนิโรธสมาบก เทอญ เมื่อจก อยู่ใน ที่ใคที่ หนึ่ง กีคื ๓๙1® ใก#พ้นห™ไก#ย่านก็!! •ย่อมป็สำอยู่™ขํ" อ่น่กุหหากไฬหุไว้ หกัก!แก่อย่าเป็นคนพุกกาก อย่าโกก ออ่าโกรร ออ่าหลง อย่า'ลี ,1 อย่ารํง่มา'า- อยา"ทุตุโ’ ใหญ่สหาว ให้มีสติ'ประกองจิคฅอยู่'ใน'บกิ'ป'5าโมทยในหองนโร'ธสมาบกู®ร'™'เจ'าเนอนคย คน ประสงค์ นนก' จะสำเร็จกังมโนรถ , แลให้ อยู่พนพุ่ เบน คณะ ™ ส®หพ้ขวคคํ งาม อ ก'น ทิฏฺซิ สาม ฉ เฉ) ตา มี กวาม).ห็มร)อม 1สมอก ~ น ถา)ร)'โภอมุทาไคคงน ร)อาาไ 1ชวยเชค 1[ พร ' พทธศาสนาให้ถาวรอยูร)ว ๕.000 พระวสสา ๆ ป?โม อรฺโณ เสโต, ทุสิโ'-' ตมฺพเมวจ ตตโย โอทาโตเจว จตุต.โถตุนฺทุ¬ มขิโย แสงอ™มีองก ๙ ประการคัง่นํ องอ์ป่ฐมา' , าเ "เง่า®•ม ลีชาว 1 ตุ 055 ตุ ง 5 ™" า ทํ่สามสีขาวผ่อง สีหองกำขาวบรํสุ™ ทีสีสอ่างกระจ่างแข้งเห""อ้อาแท่งอ้"'ล-'™ อา' 1 อาา ,1 เพหํเพส้น วืงขออ่าเป็นวันโหมี ปลงการ' 1 ก็" ตุโภชาเะอย่างโออย่าง''" 5 ™ โท 1 '' ,50 โ' 11 ทื่ ๔ ข้นก่อน ไม่ เช่นหน บัง เป็' น ข้นเก่า อีกอย่างหนึ่งลายตุ'ถ'น่า'มี ๓ 00 'ส'' 1 ' 1 โ ณ ตุ่าว ตมพรณ สีแคง สองอย่างนยง'เบืว่าเมนวนเถา าาาเททุา 1 เหนหนากนบ่รากมีถา""อโ' 1 '' ข้วญ่ก่อก เป็นอ™ใหม่ ไห้อีกษุเข้ารกษาอ้าแลบาอร์อา' 10 โ“'"'ทุตุ อ้"ว่า™ 5 ทุ"™ น้ฒืนเขคค์บังธุกุล 'ภิกษุเข้า คน ถึอนํงลุกุล"" ข้กถือเอาโนทีโอที"ตุตุ้"อว' 5 ทุ ตุ่าตุ่บ ๓ ถวายควยกำอ่า 'สงฆสุสเท'' ค'' ง" ความว่าพวถข้าพเอ้"วา' 1 อ้าถี""''' 1 ล 5, ง์ อี' 11 ไ" 0 ' 0 า เป็นอ้าบังสุกุลวัคร์ขาค อ้าเขาถวายควยคำว่า สิ' 1 .ใ!" ตุ.® เทม 1ล1า ทุ่ ว! มุ. 11 มุ..มุ 8 อ่าพวกเข้า'พเข้าถวายเอ้™แก่ภิกษุ!ท่ง็หลาย พระมหาเถร' 1 ท่หลาย ผาชนํอตุตุ'ตุ"'ไร้" 0 บัทุ สุกุสเป็นวคร์ ขอน็ท่านถส่าว , ไว้โ"อรรถถลา"หาารร" อ้าช'โอโอช"อ""" 5 อี' 1 'ไ" 1 'ทุ 10 วากบัานคนปวา™าถ็อี ซอควยมุลบจข้ยแท่งเวยยาว''”ถร"''ช 05 อ"''อี ตุาทุวายบูตุอ้"ตุทุ’ 0 " กค อ้าเหส่านืไม่เชํ่ออ่าอ้าบังสุกุล ภิกษุถือบังสุกุลเป็นวอร์โม่ 0 วรรับ อ้าชนํอโอชนํอ"" 5 ทุ 50 ทุ ท่ามาถวายแก่คนกํสี อ้าก''ปกคบ™ ผาออกพรรษาถ็อี อ้าทีเขาธุทํก่"ะเทา' 1 นำ"™' 5 ' 1 ' 1 ™ ๓ เหส่าน้ไม่ควรแก่ภิกษุผุ้ถือบังสุกุลเมี"วอร์ อ้ขืนรบข้อร์ชาอ อ้ชนํอโอชนํอ""งตุตุนำ 1 ทุ เมอวนออกพรรษา สงเร่'แจกใหเป็นส่วนๆอา" 1 ลำ'อ้บ 1 อ้น วนถืงภิกษุร้ถือบังสุกุล'บ"วอร 1 อ้ เธอรบอ้น'นไว้ ไม่เชืออ่าเป็นอ้าบังสุกุล อ้าอ้าช"ค , โอ'ชน่คห"งทีทายกนำ"าถวาย''ตุ่ตุ้ เข้™ซเไ๗ท่คามสำาอ้ม้ ษุผุถอ่ม่ง่สุกุล'บน'ชาโ"โที แย่'ชานำโม่วาง 05 โร้อีโ 0 ๓๙๓ ที่หนึ่ง ทอคอาลโ)เสียเธอจกถือเอาผ่านณบินผ่าปงสุกุลก็ควร ถ้าทายกนำผ่ามาทอคเบินผ่าปงสุกุล ไว้แทบเท่าให้เจำภิกษุทนนนหนีไปก่อน แลวจีงกลบมาถือเอาในภายหลง แค่อย่าทำจีฅฅ์ผูกมน ไว้ หน้าที่ของภิกษุจะถือเอาผ่าปงสุกุล ให้ว่าท่งนึ่ ผ่านึ่อนเขาที่งแลว หาผู้หวงแหนมิไค้ แลว เอามือจบผ่านนว่า คหปติจวรํ ปฏิกฺขิปามิ ๓ ที ปงสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามิ ๓ ที แลวว่า อริยวํสํ อริยสจฺจํ อริยตนุต อริยปเวณ ธาเรมิ ๓ ที แลวว่า อสสามิกมิทํ อิมํ ปงฺสุกูลํ ปฏิคฺคณหามิ ๓ ที ฉะเพาะผืนเคยว ถ้าหลายผืนให้ว่า อสสามิกาน้ อมาใ! จารานิ ปงฺสุกูลานิ ปฏิคฺคณฺหามิ ๓ ที แล่วจบขนผืนหนึ่ง ทำพิVเทุอธิษฐาน ถ้าเจำภิกษุ ผู้ทรงบริขารโจฬและถือไทรจีวร ก็ให้ทำเช่นเคียวกนนึ่ค่างแค่กำว่า อ'มานิ จารานิ ปริIV ขารโจฬานิ อธิฎฺรามิ ฯ สำหรบผู้ไม่ถือปงสุกุล ๆ อิมานิ ปงฺสุกูลสํฆาฏึ อธิฏฺรามิ ฯ นึ่บงสุกุลสํงฆาฏิ ๆ อิมํ ปงฺสุกูลอุตฺตราสงฺคํ อธิฎฺฐามิ ฯ นึ่ปงสุ กุล จีวร ๆ อิมํ ปงฺสุกูล อนุตราาสกํ อธิฎฺฐามิ ฯ นึ่ปงสุกุลผ่าสะบง ๆ เมื่อจะใช้ให้ทำพินทุเช่นเคียวกนแล ๆ ภิกษุ จานถืนไปสํทีไกลเก็บผ่าไว้เกิน 80 วนโคยไม่ไค้เสียสละแลวิก่ปบิไว้ ผ่านนเบนนิสสกคีย์ หาม ไม่ให้ใช้สอย ท่องอาบท ให้เสียสละว่า อทํ เม ภนเต จวรํ ทสาหาติกกนตํ นิสสคคิยํ อิมาหํ อายสมฺโต น้สฺสชฺชามิ ๓ ที ๆ] ๑ ๒ ๓ (51 ๖ ๗ กถาวำดวยธุดงควต ร์ กถาธุดงค ๑๓ หมวดท ๑ ปฏึสํงยุตดาย'จาร บิงสุกูลิก่งคะ ถือทรงผ่าปงสุกุลเบนวทร เตจืวริก่งคะ ถือทรงเพียงไทรจีวรเบนว่ทร์ หมวดท ๒ ปฏึสงยุตดายบิณฑบาต บิณฑปาดึกงคะ สปทานจาริกงคะ เอกาสนิก , งคะ บิตตบณฑิก่งคะ ขลุบิจฉาภตสิกงคะ ถือเที่ยวบิ;]เฑบาทเป็นวฅร์ ถือเที่ยวบิแบาทไปทามแถวเป็นวฅร์ ถือน้งฉนณอาสนะเคียวฌนาเทร์ ถือฉนฉะเพาะในบาทร์เบินวทร์ ถือหำมภิเกคี ยินนำมาถวายเมื่อภายหล่งเป็นวทร์ ๓๙๔ ๘ อารญญิกํงคะ ๙ รุกขมูลิกงคะ ๑0 อพโภกาสิกํงคะ ๑๑ โสสานิกํงคะ ๑๒ ยถาสํนถติกํงคะ ๑๓ เนสชุชิกงฺค บมวดท ๓ 1เฏิสงยุตดวยIส'กใฟิ ' ถืออลู่บาฌนวคร์ ถืออยู่'โกน'ไม้เบนวัค'ร์ ถืออย่ใ1 นที่แจง ๆ เบนว ฅร ถืออยู่บา'ซ่าเบน'วัคร ถือการอย่ในเสนาสนะอันบ่'านอัอั 0 อั^ ร หมวดท ๔ บ่ฏสงยุดดวยวรยะ ถือการนงเบนอัคร์ อธิบาย ธุด๓, ไ เบีนวฅคจริจยาทีคษอก่างนนืง กามแก่๒จะต™อ ไม่ นทีที'นู่น ฟ้เแฟัรํเห®1เย'จะ!ใน้ฟ้นฒุ™ เก ต'า;๒ต แค' 2 น'.ไป!เพI"'ห!*‘ ๒ แ, ™ น ©๓ ประเภท แลจคเบน 5, หนวค คุจเรยงไวขางคฺน ร •-' ภิกษุผุ้ลึอทีตุกุกีกังคะ ก่อมไม่ รับ ค"ปกีทีร เรุ่๒แตวงหาแะเพาะบุ้าบุ่งฺตุกุตู เ™า ไข้ท้าภิวร ๆ ภกษุฒุง่คจีวริกังคะ ยอนไม่ไข้ทีรที'™' นุ่งห่มฉะเพาะไครทีรอแบุน' 11 อธํยฐาน ฯ ภิกษุผู้กอบณ•ทปาคํกังคะ ก่อนไม่รับอคํเรกค 1 ' 1 ฉัน®ะเหบุ®'"' 1 บุ้บุ’'' 1 ' 12 “ ฑ ‘ บา™ภไค้ ๆ ภิกษุผู้กือตปทาน'าริกังคะ ประ , พฤค็าคร์"'บี® 1 '‘ที , าเ!ตอบ“■คบ่ 1 ค®'®บุ แ000 กง่ 1 ,4กว่ง่ รบ'คามแถว®น่เกียว เช่นข''างข™®หริ®™’'™® ไที' ๒ ™™บุ หรือ นู่บุ ถว เกียวไม่รับข™ราย ผ่ายภิกษุผู้ที'บ!# , •ค'ปากีกังคะ ก่อนรับ™แค' 1 ๆ ภิ™นู้ทีบุค 1 ''แค้ ๓ะ ย่ยม กีอห่ ง่กัน ณ กีแห่งเกีย ว’' 'ตุกจากที'แส่.น;อ 1 ''''าทีไนที 1 บุ้ ะ โ ™“,7บุบุ เขยง่วน ละ หน ว ภิกษุผู้ถือบคคบ•คํกังคะ ไม่ไข้ภาชนะรองข®งฉัแค่งแที 011 บบุบุ ย ™ ฉันฉะเพาะของในบาคร์เท่านั้น 1 ภิกษุผู้กึอขตุทีแาค้คคํบุ้ก 5 บุ 0 บุ’' 0 บุ่บุ 1 " ว "'บุ' 1 ?บุ มากวายไม่รับ กุกเข่าเข่นนั้น ขอว่าห่านอาหารแต่'ร เบึนอนฉันไค้"™®' ที' 1 ๆ ค" , ไแค 0 อง่รญข็กังคง่ ย่อมไม่อยู่แรนกีนในบ''าน ก่อนอยู่แรนที'ไนบ่ 1 พืห่า!.จากบ™คนไคที''นน® ๓๙& ท้สค ๕๐๐ ช ว่ธน คือ ๒๕ เสไเกามทางเค้นโคยปถกิ ๆ ภิกษุผู้ถอรุกขมูลกงกะ เบนประเภท ของภิกษผ้ถือยิารํญญิกํงกะนนเอง ไม่ทำกุฎีอยู่ ย่อมอยู่กามโคนไม้ ฯ ภิกษุผู้ถออพโภกาสิกงกะ ก็เบนประเภทของภิกษุผู้ถืออาร!ญญิกงกะเหมือนกน แม้กามโกนไม้ก็ไม่อยู่ ย่อมอยู่ในที่แจง ๆ ที่เข่าใจว่าเที่ยวหลบแกคอย่ กามเงาแห่งภูเขาแลชายไม้เบนกน ฯ สององคนกงกอไค้ฉะเพาะกาล เพราะในพรรษาจำจะกองถือเสนาสนะกามวิน'ยนิยม *3 ภิกษุผู้ถือโสสานิกังคะ ย่อมอยู่แรมคืนใน บาชำ ๆ ภิกษุผู้ถือยถาสนถกกังกะ ย่อมไม่ทำความอๆกัยในเสนาสนะที่อยู่ อนเบนสบายถูกใจ ไค้เสนาสนะไม่เบนที่สบายไม่ถูกใจ ไม่แส่หาเสนาสนะอน ภิกษุผู้เบนเสนาสนคาหาปกะจคให้อยู่ ณ เสนาสนะใค ย่อมอย่ ณ เสนสนะนั้น แม้ถูกกัายเสนาสนะในกุกุกาล ย่อมไม่ขคขืน ฯ ภิกษุ ผู้ถือเนสชชิกัคะ ย่อมไม่เอนหกังลงนอน สำเร็จอิริยาบกเพียง ๓ นงก , [บยืนแลเค้นเท่านน ๆ องคืนเบนอาการผืนธรรมคา สำเร็จกวามกัสเนิษฐานว่า ถือไค้ชาเวลาเท่านั้น ฯ มีเรี่องเล่าใน อรรถกถาธรรมบทว่า พระจกขุบาลถือกลอกพรรษา ถึงเสียจกษุ ฯ การถือธุคงคืน สำเร็จควยอาการสมาทาน คือควยอธ๊ษฐานใจหรือแม้ควยเปล่งวาจา ทำสมาทานนนกังน 0 สำหรบบงสุถูลิ กัก ะว่า “คหปติจวรํ ปฏิกฺขิปามิ บสุกลิกงคํ สมามิยามิ” แปล ว่า “เรางกคฤหมคืจีวรเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือทรงกัากังสุกุลเบนกักก์ , ’ ๆ ๒ สำหรบเกจีวริกังคะว่า “จตุตฺถจืวรํ ปฏีกฺขิปามิ เตจืวริกงฺคํ สมามิยามิ” แปดว่า “เรางกจีวรผืนที่สีเสีย สมาทานองคืของผู้ถือทรงไกรจีวรเบนกักคื” ฯ ๓ สำหรบบณฑปากิกังกะว่า “อตเรกาล ากํ ปฎก;ขปาม บ ณฺฑาปา ตกงฺคื สมา มิยา มิ” แปลว่า “เรางกสกิเรกลาภเสียสมาทานองคชองผู้ถือ เทํ ยวบเแ‘กบ'!กเบนรกก 3 ๔ สำหร , บสปทานจาริกังกะว่า “โลลุปปจารํ ปฏกขปา!! สปทานจารกงค สมา มิยา มิ” แปลว่า “เรางกการเที่ยวโลเลเสียสมาทานองค์ของผู้ถือเทียวบิเ!เฑาบากไ!-เกาม แถวเบน'วกคื” ๆ ๕ สำหรบเอกาสนิกัคะว่า “นานาสนเกชนํ ปฏกฺขปาม เอกาสนกงค สมามิยามิ” แปดว่า “เรางกการฉํนณะค่างอาสนะเสย สมาทานองคของถูถอนงฉนฉเะอาสน" เคียวเบนกักต , ๆ ๓๘๖ ๖ สำหรบบดกบณฑิกงกะ'ว่า “ทุติยโภชนํ ปฏกขิปาม ปตุตบิณฑิกงฺคํ สมามิยามิ” แปลว่า “เรางดภาชนะที่สองเสียสมาทานองค์ของผู้ถือการฉนฉะเพาะในบาด■ม์บม รักค์” ฯ ๗ สำหรบขลบจฉาภกดิกงคะว่า “อตรตตโภชไ! ม่ฏกุขม่าม ขลุปจฺฉภตุตก'ไค สมาทยามิ” แปลว่า “เรางกโภชนะอนเหลือเพื่อเสีย สมาทานองค์แห่งผู้ห่ามภกค์ อนนำมา ถวายเมื่อภายหลง” ๆ ๘ สำหรับอารญญิกงกะว่า “คามนตเสนาสนํ ปฏิกฺขปามิ อารณฺฌิกงฺคํ สมาทยามิ” แปลว่า “เรางกเสนาสนะชายบภินเสียสมาทานองค์แห่งผู้ถืออยู่บาเบนรักค์” ๆ ๙ สำหรับรุกขมุลิกงกะว่า “ฉนนํ ปฎิกฺขิปามิ รุกฺขมูลกงคํ สมาทิยามิ” แปลว่า “เรางกที่มุงที่บงเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการอยู่โกนกนไม้เบนรักท” ๆ ๑ 0 สำหรับอพโภกาสีกงกะว่า “ฉนฺนณจ รุกขมูลฌจ ปฏีกฺขิปามิ อพฺโภกา- ลกงคํ สมามิยามิ” แปลว่า “เรางดที่มุงที่บงแลโกน'ไม้เสีย สมาทานองค์ของผู้ถืออยู่ในที่ แจ้ง ๆ เบนวกค์” ฯ ©๑ สำหรบ โสสา นึก งก ะ วา “อสุสานํ ปฏิกฺขิปามิ โสส ามิก งฺคํ สไ] า มิยามิ” แปลว่า “เรางกที่มิ , ใช่บาชำเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการอยู่บาชำเบนรักค์” ๆ ๑๒ สำหรับยถาสนถดิกงกะวา “เสนาสนโลลุปฺไ] ปฏิกฺขิปามิ ยถาสนถติกงฺคํ สมามิยามิ” แปลว่า “เรางกกวาม'โลเล 1 ใใแสนาสนะเสีย สมาทานองค์ของผู้อยู่ในเสนาสนะ อนท่านรัดให้อย่างไร ๆ ๑๓ สำหรับเนสชชิกงกะว่า “เสยยํ ปฏิกฺขิปามิ เนสชฺชิกงฺคํ สมามิยามิ” แปลว่า “เรางกการนอนเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการนํงเบนรักก์” ๆ ท่านผู้ถือธุดงค์เหล่าน ย่อมประพฤติขึงหย่อนเท่ากนก็มี จึงรักประเภทได้เบน ๓ อย่างเกร่ง อย่างกลาง อย่างเพลา เรียกอีกโวหารหนึ่ง อย่างอกกฤษฎ์ อย่างมธยม อย่าง ทราม ๆ ภิกษุผู้ถือบงสุกสีกงกะอย่างเกร่ง เที่ยวเลือกเก็บฟ้าบํงสุกุลแท้ ๆ กือผำอนเขาทั้งเสีย จริง ๆ สงเกราะห์เรัาในพวกอยากเยื่อมาท่าจีวรใช้ ผู้ถืออย่างกลางย่อมเก็บเอาแม้ซึ่งผำอนกน ปรารถนาบุญทอคไว้ เพื่อประโยชน์แก่ภิกษุผู้ถือธุดงค์นึ่ แก่มิได้นิยมฉะเพาะรป เช่นผำบาแล ๓ 6 ๗ ผาทอคไว้ที่ศพ ผู้ถืออย่างเพลาย่อมถือเอาผาเช่นนน แม้อนเขานิยมฉะเพาะฅน แค่มิ'ไค้ถวายควย กายและมิไค้รบควยกายหรือของเนื่องควยกาย เช่นผ่าบาและฟ้าบ่โงสุกุลอนเขานำมาทอค'ไว้ฉะเพาะ หนำ ๆ มิปุจฉาสอคเขามาว่า ภิกษุอุปสมบท สมาทานบว้ฒสิกธุคงค์ไค้ในบคนน หรือจะกอง รอยู่จนหาผ้าบ่งสุกูดมาทำไกรจีวรครบแลว ๆ พระมกิของสมเก็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา ปวเรศวริยาลงกรณ์'ว่า ไกรจีวรของภิกษุอุปสมบทใหม่นน ไม่จคว่าเบ๊ใเกฤหบก็จีวรเบนของพระ อุบชฌาย์มอบไห้ จ'กเบนสมณะจีวร กงแค่เธออุปสมบทแลว ไม่รบคฤหบคีจีวร สมาทานบ'งสุ กูลิกธุคงก็ไค้ ก่อไปจะเปลี่ยนไกรจีวร กองแสวงหาผ้าบ่งสุกุลมาทำ ฯ พระมกิของท่านไค้รบ กวามรบรองของพระเถรานุเถระ ผ้ายธรรมยุกกิกนิกายทวไป และเมื่อพระบาทสมเก็จพระจุล- -จอมเกล , าเฑ้อยู่หวทรงอุปสมบท แลมิกำหนคทรงอุปสมบทเพียง ©๕ วน ไค้ทรงสมาทานบงสุก ลิกงกะแตเกจีวริก'งกะกามพระมกินื่ควย ๆ ภิกษุผู้ถึอเกจีวรกงคะอย่างเคร่ง ใช้ฉะ!.พาะไกรจีวร ของกนเท่านน โคยที่สุคจะซกหรือยอม?}'นกรวาสกย่อมใช้อุกกราสงค์นุ่งแลใช้สงฆาฏิห่ม ผู้ถือ อย่างกลาง ย่อมใช้แม้ซึ่งผ้าของสาธารณะเช่นมิไว้ในโรงย้อม สำหรบภิกษุผลคย้อมผ้า ผู้ถือ อย่างเพลา ย่อมยืมของภิกษุอื่นมาใช้บ่าง ฯ ท่านกล่าวกวา)]ถือยืงหรือหย่อนซึ่งธุคงค์นื่ ในเวลา ย้อมผ้า ข้าพเจ้าเห็นว่าภิกษุผู้ถืออย่างกลางแคอย่างเพลาหนำจะใช้ผ้าเช่นนนในเวลาอื่นควย เบน แค่ไม่ใช้ผ้าผืนที่ลี่ในสิทธิของกนเท่านน ๆ มิปุจฉาสอคเข้า)]'าว่า เมื่อไกรจีวรนนเก่าควรเปลี่ยน ใหม่ ภิกษุนื่จะพึงปฏ๊บ'กอย่างไร ๆ พระกนกรจนาจารย์อธิบายไว้ว่า ผ้าที่ย้งไม่ไค้ทำให้สำเร็จ เบนจีวรจนถืงย้อมแลว ย้งไม่นบเบนจีวรที่สีในธคงท่นื่ ฯ โคยนํยนื่ เธออาจทำจีวรไค้โคย สควกใจ กรนย้อมแลวอย่าเพิกใช้ อย่าเก็บไว้ให้ล่วงวน พึงบ่จจุทธรนํเผ้าเกิมและสละเสียก่อน จึงอธิษฐานผ้าใหม่ พึงค่อยทำผลว้ากราวละผืน ๆ ภิกษุผู้ถือบณขปากิถงกะอย่างเคร่ง น'งลงแล่เว้ คือปลงใจเลิกบณฑบาก แด , ว้มิผู้มา , ใส่อีก ย่อ)]ไม่รบ ผู้ถืออย่างกลางนํงแล่ว้ย์ง-รบอีก ผู้ถือ อย่างเพลาย่อมรบ'นิมนท์ คือนว้]เพื่อรบบิณฑบาตแม้ในวนพรุ่ง ฯ อย่างเคร่งกำหนคควยไม่รบ ในเวลากลบ อย่างกลางในเวลากล'บย้งรบ อย่างเพลารบน'คแค่'ไม่รบนิมนต์เพื่อฉน อย่างนื่ก'วาม จกแจ่ม ๆ ๓ 5 ๘ องคคุณของผู้เจริญพระสมถวิบสสนากมมฏฐาน จากพระวิสุทธิมรรค กถา ว่า ดวยอเนสนะ ๒® อย่าง ๑ น ปตฺตทานํ อย่าให้ใบไม้แก่กฤหสถ์เพราะเห็นแก่อามิส ๑® ๆ ๒ น ปุปฺผทานํ อย่าให้คอกไม้ ๆ ๓ น ผลทาโ! อย่าให้ลกไม้และหำมน ๆ ๔ น เวฬุทานํ อย่าให้ไม้ไผ่ ๆ ๕ น ทนฺตกฎฐทานํ อย่าให้ไม้สีพ้นแก่คฤหสถ์ ๆ ๖ น มุกโขทกทานํ อย่าให้นาล่างหนา ๆ ๗ น จุณณทานํ อย่าให้จุณอิน ๆ ๘ น มตติก ทานํ อย่าให้ล่อนอินสำหรบขํอิสีฅว ฯ & น มุกขสุปปตฅํ อย่าพกหลอกลวงควยกดมารยาค่าง ๆ ๆ ๑๐ น จาตุกปปกํ อย่าให้คอกไม้ อย่ารอยคอกไม้ให้แก่หนุ่มสาว ๆ ๑๑ ใ! ม่าลิมุกตตา อย่าเลยงลกชาวบ้าน ทำกนเบ้นคํงพ่อแม่เขา เพราะเหฅุอามิส ก่คใจควยเหคุอย่างไคอย่างหนึ่ง ๆ ๑๒ ใ! มณฑปตติทานํ อย่าให้โภชนะอาหารในมิณฑบาก เพราะเห็นแก่อามิส ๆ ๑๓ ใ! เวชชกมมํ อย่าให้เบ้นหมอหว่าน หมอยา หมอเวทมนก์กาถา เพราะเห็น แก่อามิส อไเมิคก่อพระธรรมวินย ๆ ๑๔ น ทูตกมใ! อย่ารบเบ้นกนใชสรอยของคฤหสถ์ อนว่คว่ามิคกรองสมณะสารูปฯ ๑๕ น ชงฆเปสนกมมํ อย่าเบ้นอนสื่อสารกฤหํสีถ์ นำความจากบ้านไปวค จากวก ไปบ้าน (คือไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า) ฯ ๑๖ น ปฏิหิณคมนิ อย่าเบ้นกนสอคแนมสืบกำบ้านเมือง ๆ ๑๗ น ภณฑาคาริโก อย่าเบ้นมู้รกษาเล่มฉางแห่งทา'วพระยาเพราะอามิส ฯ ๓๙๙ ๑๘ น เตวิชฺชํ ไม่ให้เบนหมอให้ฤกษ์ให้ยามสร่างท่านสร่างเมือง วกวาอารามและ วางแปลนท่านเรือนอ่าง ๆ ๆ ©๙ น วตฺสุวิชฺชํ อย่าเบนหมอโหร หมอทาย หมอคูถีนฐานภูมิลำเนาว่าสถานน กึแลไมืก เพราะเหตุอามิส ๆ ๒๐ อนงฺควชฺชํ อย่า เบน หมอตุ ลายมือลายเท่า อวยวะนอยใหญ่แห่งผู้หญิงและ ผู้ชาย เพราะเหตุแห่งอามิส ๆ ๒® น นกฺขตฺตวชฺชํ อย่าเบนหมอโหราภาชี แลตุโยก เหตุอามิส ๆ ภิกษุเจาฅนใกปรารถนาจะทำกนให้พนจากสงสารวฎฏทุกข์ เพื่อเขาสู่นิพพานอ'นเกษม

    จากโยกธรรมทงปวงให้เวนขากจากอเนสกรรม ๒๑ ประการนืเทอญ ๆ

    00 .กถาวาควยปลิโพธ 0๐ ประการ คอ ๑ อาวาสปลิโ!'! กงวลอย่ควยกุฏิวิหาร ที่อยู่ ทีกิน เออIVเอ อาลย บริบูรณ์ควย ร่มไม้แคนา มีภฅก์'ไค้ควยง่ายเบนอาทินนประการ ® ๆ ๒ กล ปลิโพธ ก'งวลอ?!เกิวิ ยก ระกลญาค แลคระกลโยมอุปฐานร่วมสุขร่วมทุกข์ควย บกกลในกระกุลน 8 นประการ ® ๆ ๓ ลาภ ปลิโพธ กงวคอย่ควยลาภส'กการ คือทายกนำเอาจุคบิจจ'ยทานมาถวายเนตาๆ กิองเบินธระทีจะกระทำอนโมทนาทาน แลแสคงพระธรรมเทกนาหาโอกาสทีจะจำเริญสมเ 1 เธรรม บม้ไค้ ๑ ฯ ๔ กณปลิโพธ กำวลอย่ควยหมู่กณะเบินธุระที่จะบอกบาลีแลอรรถกถา หาว่างที่จะ จำเริญสร10เธรรมบมิ'ไค้ ๑ ฯ & กมมปลิโพธ กงวลอย่ควยกระทำนวกรรมเอาใจไล่ในสงของอนช่างไม้เบินกิน แลบมิไค้เอาใจใส่ในการที่กระทำคกระทำชวใณประการ ด ๆ ๖ อทธานปลิโพธ กิงวลอยู่ควยเคนทางไกล มีเบนฅนว่าจะไปในที่ไกลประการ ®ฯ ๗ ฌาฅปลิโพธ กงวลอยู่ควยมารคา บิคา พี่ชาย ใเองหญิง อุบิชฌาย์ อาจารย์ สทํธิงวิหาริก แลอ'นเท'วาส่ก ที่ไม่บิวยที่ไม่ไข้นนประการ 9 ฯ

    ๘ อาพาธปลิโพธ กํงวลอยู่ควยรำบาโรคในกายแห่งคนประการ ๑ ฯ ๙ คนถปลิโพธ แงวถอยู่ควยการเล่า , .รียนส'ง์วธยายพระปริยฅคธรรมเบินนํจนน ประการ ๑ ๆ ๑0 อิทธิปลิโพธ ท'งวลอยู่ควยจะจำเริญฤทธิรกษาฤทธินนประการ ๑ ๆ ศีริเบินปริโพธใหญ่ 90 ประการควยกน ผจะจำเริญสมถกำมฏฐานควรเวนจากปลิโพธ

    0 ประการน ฯ กถาาาดวยอ่ปปนาโกศถ ๑ 0 ประการ คอ ๑ ทำวฅถภายในภายนอกให้สละสลวย คือชำระร่างกายแลเกรึ่องบริขารทงหลายให้ สอาค ทำวคกุภายในคือชำระศีลให้ฆริสุทธิควยคื ๆ (ซี! 06 ) ๒ ฉลาคในนิมิฅฅ์ คือฉลาดในอารมณ์ที่หมายไห้แก่บริกรรมนิมิตดี อุคคหนิมิฅดี ปฏิภาคนิมิฅดี ฯ ๓ ทำอินทรีย์ให้เสมอกน คือทำศรทธา วิริยะ สฅิ สมาธิ บญญาให้เสมอกน ๆ ๔ ควรยกย่องก็ยกย่อง คือใจเที่ยวสลดทอแท้อยู่แลว ควรพ้จารณาความคีที่ทำให้ เกิดบกรื่นรมย์ เช่น เจริญพุทธคุณ ธโ]มคุณ สงฆคุณ หรือนึกถงบารมีแลคุณความดีพิเศษ อย่างอื่นที่กนไค้บำเพ็ญไว้แลวเบนกน เพื่อให้ใจเบิกบาน ๆ ๕ ควรข่มก็ข่ม คือเมื่อใจหุ้เงไปในกามหรือพยาบาท หรือมวเมาประม้าทดหมีนผู้อื่น ก็ 1 ให้นึกถึงมรณสกแลพระ'ไกรลกิษณ์ เพ่งโทษฅนคโน ๆ ๖ ควรให้ชื่นก็ให้ชื่น คือเมื่อใจแช่มชื่นอยู่ในกุศลธรรมอย่างใดอย่างหนิง ก็พึงดี!โ ใจสนบสนุนให้มนคงยงขน ฯ ๗ ควรเพ่งดูก็เพ่งด คือกาย , ไจดำเนิน'ในคแองธรรมถกก]องดี แลวหรืออย่างไร ก็ พึงเพ่งดูเพื่อไม่ผิดพลาด ๆ ๘ เวนกนมีจิกดีไม่มนคง คือเวนคนใจเบาเหลาะแหละมกง่ายไม่มีสจิจะ จืดจางเร็ว เสีย ไม่กบคนเช่นนน, แลไม่คบโทษเช่นน่นไว้ในกน ฯ ๙ เสพผ้มีจิคดีมนคง คือเสพผู้มีจิกดีแกลวกล้า อคฑนมีล้จิจะ ไม่มกง่าย ควรคม คนเช่นนนไว้เบนมิตร กบคนเช่นนนไว้ในจิกดี ก็จะเบนเหตุให้กนมนกงกาม ๆ ©๐ รกใคร่ในอไ]ปนาสมาธิ คือรกใคร่ในความที่ใจสงบอย่างแนบแน่น ๆ ผู้จะเจริญพระสมถกโ]มฎฐาน ควรฉลาดในถไเปนาโกศล ๑0 ประการนื ๆ กถาว่าควยอนนุรูปวิหาร ด๘ ประการ คอ มหตตํ วิหารใหญ่นน 0 ๆ ชิณฺณติ คือวิหารเก่ากรากร่านน ๑ ๆ นวตดํ วิหารสร่าง , ใหม่นน- ๑ ๆ ปณชิ สบนิสนิ สิต ตติ วิหารอยู่ใกล้ทางนน ๑ ๆ . โสณฑ วิหารนนอยู่ใกล้กระพํงศลานน © ๆ ; - ๔๐๒ ปณฺณํ วิหารอันกอบควยใบไม้ควรบริโภค ๆ ปุปผํ วิหารกอบควยกอคอกไม้นั้น ๑ ๆ ผลํ วิหารกอบควยคนไม้มีผล ๑ ๆ ปณธ นิยตา วิหารเบนที่กนนั้งปวงปรารถนาที่จะไปจะมา ๑ ๆ ทารุสนนิสสิตา วิหารอยู่ใกล้ที่ไม้ที่พีน 0 ๆ เขฅฺตสนุนิสสิตา วิหารอยู่ที่นา ® ๆ วิ สาภาคานํ ปุคคลานํ อฅสิ ตา วิหารที่มีวิสภากบุทกลอยู่นั้น ® ๆ ปฏน สนุนสฺสิ ตา วิหารอยู่ใกล้ท่าน์า © ๆ ปจจ นุตสน นิสสิ ตา วิหารอยู่ใกล้บจจนคชนบท © ๆ รชชสืมนุ ตรนิ สสิ ตา วิหารอยู่ใกล้แคนแห่งพระนกรนั้งปวง ® ๆ อสปุ ม่ายตา วิหารอันมิไค้สบายควยวิสภาการมถ่ณลผี © ๆ กลยาณมิตตานํ อ ลาโภ วิหารอันมิไค้ซึ่งกลยาณ มิค ร ® ๆ ประสมเขาเบน ©๘ ควยกน ฯ ผู้เจริญสมถอัมมฏฐานควรเวนอนุรูปวิหาร ©๘ ประการน็ ๆ กถาว่าดาขอส! เม่า ขฐาน ๗ ประการ คอ อาวาสอันมิไค้เบนที่สบายประการ 9 ฯ คิริจฉานกถาประการ © ๆ บุกกลอันมิไค้เบนที่สบายประการ © ๆ โภชนะอันมิไค้เบนที่สบายประการ ซิ ๆ ฤคูมิไค้เบนที่สบายประการ 0 ๆ อิริยาบถอันมิไค้เบนที่สบายประการ ซิ ๆ คิริเบนเหคุอันมิ'ไค้เบนที่สบาย ๗ ประการควยกน ฯ บุกคลผู้เจริญสบถอัมมฏฐานที่ครงอันข่ามนจะเจริญ แลกวรยกเวนการกล่าวคิรจฉาน กถา ๓๒ ประการ ๆ ! ๔๐ กถาว่าควยวาทะของสมฒะทควรกล่าว คอ อป บจฺฉ ตา คอกค่าวถงมก!เอยปาะการ © ๆ สนฺตุฏร่' กล่าวถึงสนโดษประการ ๑ ๆ ปวิเวโก กล่าวถึงวิเวก มีกายวิเวกเบนอาท้ประการ © ๆ อสํส ค โค กล่าวถึงปฏิบ คที่บมีได้ ระคนอย่ ควยหมี ควยคณะประการ ๑ ๆ วิริยารมุโก กล่าวถึงพิธีที่ปรารภความเพียรประการ 0 ฯ สลกถา กล่าวถึงศีลประการ © ฯ สมาธิกถา กล่าวถึงสมาธีฒัม้ฏฐานประการ 9 ๆ ปณฌากถา กล่าวถึงวิบสตนากมมฎฐานประการ ๑ ฯ วิมุฅติกถา กล่าวถึงอรหฅตผลวิมุตทิประการ ® “3 วิมุตติฌาณทสสไ!กถา กล่าวถึงบจจเวกขณาญาณประการ ® ฯ รวมเมนกถาวคถุ ©๐ ประการ ฯ กถาววิดวยอธรรมทใเามกุณความดทางจิตต์ ๕ อย่าง ๑ กามฉนท มีกวางเยินคีร*กใคร่ใ'แกาม ฯ ๒ พยาบาท เจฅนาปองร่ายผ้อน ๆ 1ไ" ' . . ” '. 1 :., ๓ ถนมทใ) งวงเหงาหาวนอน ๆ ๔ อุทฺธจจกุกกุจจ มีจิคฅ์ฟุ้งซ่านแลร่าคาญ ๆ & วิจิกจฉา มีกวามสงสไ) ฯ กถาว่าดวิยอนสข , ขงนอนเนองอยในจิตต์ ๗ อยาง อนพระโยกาวจรเจ่ากวรกำทนค■ฟุ้!ร่คควิยกวามเห็นช
    ม ดือ

    ๑ กามราค ได้แก่กวามกำหนคในกาม ๆ ๒ ปฏีฆ ได้แก่ความหงุคหงิค กล่าวโคยกวามได้แก่โทสะ ๆ

    ๐ (X ๓ ทิฏุชิ ไค้แก่กวามเห็นมิค ๆ ๔ วิจิกิจฉา ไค้แก่กวามสิง!ล ๆ ๕ มาน ไค้แก่กวามถือสิว ๆ ๖ ภวราค ไค้แก่กวามกำหนคในภพ หรือกวามอยากพน ฯ ๗ อวิชชา ไค้แก่กวามเขลาไม่รู้จริง กล่าวโกยกวามไค้แก่โมหะ ๆ กถาว่าค็วยอธรรมทน่กพรตควรสนใจอก่าง ๗ อย,าง สมณะชีพราหมณ์ล็คี สัปปริสชน กอ อุบาสกอุบาสิกาทํปฎญ' 1 สเก'แวาเบ'แพ 7, ''’'มวา 7 'จริง ๆ หาไค้เสพเมถนไม่เลย แก่ยงยนคี ปลมใจ ชนใจ กวยเมถุนสงโยก กออาการแหง .IV ’ V,”! - เมถน ๗ อยางไคอยางหนง กอ ๑ ยนค้ การลูบ'ไล้ การประกบ การให้อาบนา การนวคแห่งมาๆกาม ปลมใจควย การบำเรอนั้น ฯ ๒ ไม่ถึงอย่างนั้น แก่ซิกซเล่นหวสํพยอกกบมาๆกาม ปล็มใจควยกา 7 เสส 7 วส'แ'แ■า ๓ ไม่ถึงอย่างนน แก่เพ่งคจ’องคจกบุแห่งมาๆก' 1 มควยจกบุของก , แ ปลมใจควยอ' 1 ’ การเล็งแลนั้น ๔ ไม่ถึงอย่างนั้น แก่พ่งเสียงแห่งมาๆกามห่วเราะอย่ล็คี พูคอยุล็คี ขบรองอยูกค ร่องไห้อย่ล็คี ช่างนอกฝาก็ค ช่างนอกกำแพงล็คี ปลมใจควยเสยงนน ๆ ๕ ไม่ถึงอย่างนํ้น แก่ทามนึกถึงทารเก่าทไค้เกยหวเร'' 1 ะพูคเส'แกบมาๆคาม แลว ปลมใจ ฯ ๖ ไม่ถึงอย่างนึ่น แก่เห็นกฤหบคีล็คี บุกรกฤหบคีกค ผู้เอิบอมพรอมพรงควอกาม ๆณห่า บำเรอทนอยู่แล’วปล็มใจ ๆ ๗ ไม่ถึงอย่างนั้น แก่ประพฤฅิพรหมจรรย์ กิงปรารถนาเพอจะไค้เบนพพเจา ห7 อ เทพองก่ใคองค์หนึ่ง แลวปลมใจ ๆ พรหมจรรย์ของผ้นึ่น ชื่อว่าขาค ชื่อว่าทะลุ ชอว่าค่าง ชีอว่าพรอย ๆ เบนผนน ประพฤทิพรหม , จรรย์ไม่บริสทธ, ผู้ทมีจิกค์ประกอบควยเมถุนสิงโยขนึ่ ๗ ประกา 7 ยอมไมสามา 7 ถ ทำทน ให้พนจากๆกข์ไปไค้ ๆ 0เ0(& กถาว่าควยอธรรมทครอบงำจิตต์ ทำนกพรตให้ติดหล่มจมดงอยู่ในวฏฏทุกข็๋ ๘ ประการคอะ- ๏ เบนผู้เลิศกว่าเขา ๓ ,, ๔ เบนผู้เสมอเขา ๗ เบนผู้เลวกว่าเขา ๙ 5 , สำก'ญ?ฑัว่า เลิศกว่าเขา สำกญฑว'ว่า เสมอเขา สำค'ญ?ไวว่า เลวกว่าเขา สำก'ญ?ไวว่า เลิศกว่าเขา สำคญ?ไวว่า เสมอเขา สำคญกำ'ว่า เลวกว่าเขา สำค'ญคว , ว่า เลิศกว่าเขา สำคญ?ไวว่า เสมอเขา สำก'ญคำ'ว่า เลวกว่าเขา มานะเหล่านผู้คำเน้นในสมมาปฏิบค ควรพิจารณาให้เห็นความยุติธรรม ฯ กถาวก่ควยการทำอธยากิยให้บวิสุทธ ๖ อ?ก่ง คอ ๑ อ โลภ ชฒากิย เห็นโทษในโลภมใค้โลภนน I® อโทสํชฌาศํย เห็นโทษในโพโสมไค้โกรธนน ๓ อ โม ห ชฌากิ ย เห็นโทษไนโมหะมใคัสุ่มหลงแน ๔ เนขํม ม ชฌ' ากิย เห็ใเโพษในฆราวาส เห็นอาน้สงค์แห่งบรรพชา ฯ & ปวิเวกล่า{ถกกิย เห็นโทษในณเประชำ)อยู่ควยหมู่ควยคณะ เห็นอานิสงส์ แห่ง อันยยู่'ในที่ สงบสงดแค่ ผู้เคียว ๖ นสส รณ 0 ชฌากิย เห็นโทษในภพยินค้ในการที่จะ๓?!นออกจากภพนน พิงกระ ทำสนคานไห้บริบูรณ์ ควยอชฌาศยิ ๖ ประการ?อังนแล ๆ
  • ๔๐๖ กถาวำควยวิหารที่นกทรตควรอยู่ ๕ ประการ คอ ® วิหารมีสู้ไกลโกจรคามนนนก อยู่แค่ภายในสองกายุค คือ ๒อ๐ เสนมิสู้'ไกล้นก อย่แค่ภายนอก ๒๕ เสนพอไปพอมา กลางวนก็มีไค้มีกนพลุกพล่านนก กลางคืนก็สงคมิไค้ยิน เสียงเจรจา ฯ ๒ เหสีอบแลยงงเล็กและงใหญ่มีโกยนอย แคกก็มีสู้จกนก ลมก็มิสู้พคนก มีท้บง คย่บวิง มีส้ลำบากควยรอนน”ทแลเย็นนกนน ฯ ๓ ไค้จีวรบิณฑบาตรเสนาสนะ และยาอ'นจะระงบซ์งความไข้ควยง่าย มิสู้ลำบากนก นน ฯ ๔ ภิกษุผู้เบนมหาเถระ เบ่นพหุสูกร ทรงไว้ซึ่งวิน'ยแลมากกา สมกวรที่จะไปแสกง การวะธรรา.]โกยสกกจจะเการพ แลไก่ถามอรรถธรรมนน ก็มีอยู่ในวิหารน , น์ ๆ ๕ กรนมีสงสยเขำไปไก่ถาม ท่านก็บนเทาความสงสยให้ปราศจากสนคาน ธรรมที่ ลึกซึ่งสุขุมอัมภีรภาพ ท่านก็สามารถแสกงให้แจ่มแจงไค้ ฯ ส่วนขอท่เขวิใจอยู่แลว ก็แสดงให้ เขาใจจนสนสงส*ย ฯ ท่านอนุเกราะห์ไค้ฉะน ศิริเบนองค์ ๕ ประการฉะนแล ๆ] กถาว่าควยจริฅ ๖ ประการ คอ รากจริกประการ ๑ โทสรริกประการ ๏ โมหจริกประการ ๑ ส'ทธาจริกประการ © พทธจริกประการ ชิ วิกกกจริตประการ ชิ เบน ๖ ประการควยกน ฯ อธิบายว่า ราคจริต ควร เจริญ อศุภ ต๐ กายคฅาสติ ด ผู้มี โทสจริต กวร เจริญ พรใ!มวิหาร ๔ วรรณกสิณ ผ้มี โมใ!จริต แล วิตกกจริต กวร เจริญ อานาปานสสสิกม ม 0 ฏฐาน แล กน อักหลงลึม วิตกวิจาร ควร เจริญ อานาปาน 0 สิสติ แล อนุสสติ ๖ ประการ คือ พุทธานุสสติ ธรรม'านุสสติ ส่งฆานุสสติ สิลานุสสสิ จาคานุสสสิ เทวาตานุสติ ผู้มี สทธาจริต ควรเจริญ ใ]รณาใเสสติ อุปสมานุสสติ อาหารปฏิกูลส 0 ญญา จตุธาตุ
  • ๔๐๗ วต ถาน ๔ ประการ ผู้มีบญญามาก ควรเจริญ อรูป ๔ ภูต กสิณ ๔ อโลกกสิณ ๑ อากาสกสิณ ๑ กไเม่ฎฐา ใ เทา 0 ประการน็ เบนที่สบายแห่งจริฅที่งปวง ฯ กถาว่าควยกามาหนาIโทษ ๑๓ อยาง กก อปปสลา ทา กามา กามคุณนึ่มีแค่จะกระทำให้เคราหมอง จะกระทำให้ผ่อง[ส มาฅรว่าหน่อยหนึ่งหาบม้ไค้ ๑ อฎฺ? กง ขลูแมา กาง]คุณนึ่เปรียบเหม่อนร่างอัฏฐ ควยอรรถว่า มก'วามยินดีอา.เ ปรารกจากไปในขณะ ไม่มน ไง]คง ไม่อังยืน ๑ ฯ ติณุกลูปมา กๆ}เคุณนึ่ฟรียบเหมีอนกมแฝกค}]คา ควยอรรดว่า เผาลนจ็คค์สนคาแ สฅว่อังปวงให้เคือครอนหม่นไหม้อยู่เน่อง ๆ บม้ไค้ร้แดว & ฯ องคารกาสูปมา กามคุณนึ่ฟรียบเหมือนหลุมถ่านเพลํงอันใหญ่ ควยอรรถว่า ให้ โทษอนหยาบชจิให้ไค้เสวยทุกข์เคือครอนยืงอัก คูนึ่น่าสอังน่ากอัวนึ่สุคกำอัง © ฯ สุ!! นกปมา กามคุณนึ่เปริยมเหม่อนกวามผ่น ควยอรรถว่าแปรปรวนไปเบนอแ ไม่อังไม่ยืน ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่สจจ็ไม่'!เริง ฯ ยา จิตภู ปมา กามคุณนึ่เปริยบเทมือนฃ ย้งยืงา อั]ยอรรถว่า ประกอบไง]ในกาลอนมี กำหนคเท่าน่ใแท่านึ่ไม่มนไมคง ๑ ๆ รกขผลูปมา กางากณนึ่มีแค่จะกระทำ , ให้!,กคพิปกค่าง ๆ เบนฅนว่าอักแลทำลายแห่ง อวะยวะใหญ่นอยอังปวง เปรียบเหม่อนผลแห่งพฤกษาชาคือัแอังเกิคแลว แลเบนเหคุท้จะให้ บุคคลอังปวงอั]กีง?ท้นรานใบแห่งพฤกษาชาคืนน © ฯ อสิ สูลูปมา กามคณนึ่เปรยบเหม่อนอัว่ยกมดาง] ควยอรรถ'ว่า สบแลแล่เถือขนธ- สนคานให้เจ็บปวคยวคยืงเหลือลนอันประมาณ ๑ ๆ สตติสู ลูปมา กาง]คุณนึ่เปรียบเหมือนหอกใหญ่และหลาวใหญ่ควยอรรถว่า รอยสกว อังปวงไว้ให้คน อยู่ ในกองทกข์ แสนยาก แสนลำ!)ากเวทนา © ๆ ๔๐๘ สปุ ปสิรูปมา กามคุณทีงหลายนึ่เปรียบเหมือนทีรษะแห่งอสรพิบ ควยอรรถว่า น่า กรนน่ากรำมน่า ส คุ้งน่ากล , ว่น่าคระหนกคก พใ!ปายาสา กามคุณ น มากไปควยสะอนอาไลยมากไปนัๅย ทุกข์แล นัย ๑ ๆ พหุ ปร่สฺ ส ยา มือนครายอนเบยคเบียพ ก® ๆ คม 1 มา กามคุณนเบนของแห่งชาวบาน ญนของแห่งปุถุชนบมิ'ไค้ประเสริฐ บมืไอ้ เบนทีเทิคแห่งประโยชน์คนและประโยชน์ท่าน 8 ๆ ผเจรญนัมมฎฐาน กวรพิจารณาคู กามาทีนพโทษ ® ๓ ประการน็ไห้แจ่มแจ้ง คํว่ย นาใจชองคน, จนเห็นกวามยุคกิ!)■รรมทางจิคอ้ ๆ วิรท้าจิตต็๋ใหสงบแลแก้อุคคใเ{เมตต์ ปฏิภาคน้มิ ตตี่ คอ ะ- ในกาลเมื่อจิฅอ้หกหุ่นนอย่าพิงเจริญ บสสทธิสมโพชล!งค์ แล สมาธิสมโพชล!งก็่ แด อุเบกขาสมโพชล!งค จิฅอ้จะหคหุ่ หนักไป เปรียบคงบุรุษย์นก'อเพลิงอนนั5ยจะกบอยู่แนัว ถาเอาหญาสค มลโกสค Vเนสคมาใส่เขากวากเอาผุ่ 1 นมามลเข่าเห'!ลิงนนทีจุะคบไป กำเห็นเพลิง นนนอยอยูแลวแลเอามูลโกแหง ทุ มาคคเขาหญาแหงมาวางลง เอาพนแหงมาเกรยกออกใส่เข่าไว้ อสาเบาไปควยลมปากเพลงนนกจะคครุงเรองเบนแาๅ 0ใเนแลมฉนใค 0ปมยคงพระโยกาพจร ผเจรญกมมฏิฐานภาวนา ๆ นน เมือเห็นจิ?ๅอ้ทคหุ่อยู่แลว แลเจริญ บสสทธิสมโพชล!งก็๋ สมาธิสมโพชล!งค์ อุเบกขาสม'โพชฌงค์ จิกอ้นนทีจะหกหุ่หนักไป อุปมยนังเพลิงอนนั 0 ย จะคมอยู่นนแลบุรุษเอามูลโกสคหญํโสกพินสคมาใส่ลงนับไป น น นัาเห็นว่าจิคอ้หกหุ่อยู่ แ นั ว แล. เจรญแ มมวขิยสมโพ ชล! งค วรยสมโพ ชล! งค บตสมโพ ชล! งภ่ จคค ทีหคหนนทีจะเพิฏง'ป ขน อุปนัยคงชายเห็นเพลิงนอ ย แล่ว่แลเอามลโกแห่ง หญ้าแนัง พินแ นังมาใส่ลงเบาไป ทุ แลไอ้ กองเพลงอนใหญรุงเรองนน ทวาจฅคจะขมกพงข่มนน่ อธบายว่า กำจิคอ้พิงสร่านนั)นสๅมารก สทธากลา วรยกลา บ ญญากลา เห นว่าจิคอ้ พิงสร , านที ให้ โทษรอน ที พิงเจริญ บสสทธิสม- โพ ชล! งค สมา ธ สมโพ ชล เงก อุเบกขา สมโพ ชล!งก พระ โพชถ! งก ทง ๓ ประการน คาม แค่จะเจริญโพชฌงอ้อน ใ คอนหนึ่ง อย่าพิงเจริญ ธมมวิจยสมโพชล!งก์ วิริยสมโพชล!งค็๋ ๔๐ธี บิตสมโพชฌงค์ จิฅก่จะพึงสรานไปมาก กระทำอาการให้เหมือนชายอนจะคบกองเพลิงอน ใหญ่ ๆ นน ก็'ขนเอาหญ่าสก ๆ มลโคสอ ๆ พีโเสค ๆ มาทุ่มเทลง ๆ .เพลิงนั้นก็จะคบไปโคย อนควรแก่อชฌะคย ถำแลปรารถนาจะคบกองเพลิงอนใหญ่ แลขนเอาหญ่าแหง มูลโคแหง พีน แห้งมาทุ่มเทลง ๆ แห้วนนก็จะหนกขนไป ฉนใกก็คี พระโยคาวจฺรผู้เจริญพระ๓]ม'ฎฐานภาวนาน กำเห็นจิกก่พึงสรำนอยู่แห้วิ แลเจริญธมมวิจยสมโพชฌงอ็่ วิริยสมโพชณงค มติสมโพช- ฌงค จิกก่นนก็จะกำเริบหนกไป ถาแม้วำจิคก่พึงสรำนอยู่แลว แลเจริญ มสสทธิสมโพชฌงค่ สมาธิสมโพชฌงค็๋ อุเบกขาสมโพชฌงฅ็่ จิฅก่ก็จะสงบสง'คระงบลงเปรียบประอุจชายอนจะ กบกองเพลิงอ'นใหญ่ ขนเอา'โคม'ยแลหญ่าแล'ไม้ที่สค ๆ มาทุ่มลง ๆ แลเปลวเพลิงดบไปนน แล กำที่ว่าจิฅก่ควรจะให้ชื่น ก็ควรกระ ทำให้ชื่นนั้น ขณะเมื่อจิฅก่สำเวชสลคอยู่เบนเหอุควยพิจารณา สำเวควกสุ ๘ ประกฺาร คือ วิเ^ติ , ทุกข์ ชรา ทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ อดตวฏฏ ทุกข์ อนาคตวฎฎทุกข์ มจจมนนทุกข์ อาหารปริ เย ฏฺ?คมลทุกข์น น พระโยก'เพจรเจำเห็นว่า จิฅก่นั้นสลคไป ก็พึงระลกถีง พุทธคุณ ธรรมคุณ สงฆ คุณ พึงกระทำจิ?าฅนั้นให้ผ่องใส บริสุทธ'ให้ชื่นอยู่ ควยภาภถึงพระรทนกยาธิคุณอย่างน แลไค้ชื่อว่ากระทำนาจิฅก่ทสมควร ให้ ชื่นนั้นให้ชื่นชมโลมน'ส ที่ว่าจิกก่ควรจะเพ่งคก็พึงเพ่งคนน คือ ขณะเมื่อจิฅก่ประพฤติเบนอํนคี กามกไ]มฎฐานวิถีอยู่แลว ๆ พระโยกาพจร พึง ประพฤติม' ธ?] กเพ่งคร์งจิกก่ อนประพฤติเสมอแลไก่ถามกามวิถีนน กระทำอาการให้เหมือนนายสารถีก่นขบรถ เห็นพาชีเกินเสมออยู่แห้วแลไม่ดีไม่กํองคอยแก่คู ๆ ที่ว่าให้เวนเสียซึ่งบทคลก่นมืจิกก่มิไค้ฅงมํน ก่อให้ละเสียซึ่งบุทกลอนมิไค้ปฎิบฅในฌาณมจิกค ก่นืพึงสรานกำเริบอย่ควยอารมณ์ค่าง ๆ ขวนชวา ยที่ จะกระทำอาการค่าง ๆ นน พึงมละ เสียให้ ไกลอย่าไค้กบหาสมาคม พึงสมาคมค , วิยบุทคลอนมืจิฅก่อนกงมน ๆ นน ไค้แก่บุทคลผู้ปฏบกใน ฌาณ มกเขำไปสู่หาสมาคมควยท่านที่ไค้สมาธิจิกก่ คนจำพวกนแล ไค้’ชีอว่'าคุทคลมี'จิกก่อนกง มน ๆ น สมควรที่พระโยคาพจรจะพึงคนหาสมาคม (ตทธิมุตฺตตา) ประการหนงให้มใจเคารพ ในอ , !]ป นาสมาธิ ติริเ บีนก่ปปนา ®0 ประการควยก่น แลพระโยคาพจรผู้จะกระทำความเพียร ! ๔๑๐ ในกไเมฎฐานภาวนานั้น . ให้กระทำกวามเพียรแค่'เยย่างกล' 1 '35!ย่าให้ , กลานักอ 1 ย่'าไห้อ่กนนก กรน กระทำเพียรกลานก’จิ?1?ากจะฟงสรานกำ!.วบ■ระส'เร2สา"' กรนกระทาเพยรออนนกกวามเกกวกราน ก็จะกรอบงำย่ายีจํฅค่สํนึคานไค้ กระทำแค่อย่างกลา'!าเ 1 •เแลคมคุปมาคุวแมลา^า ๓ จวพวก แมลง ผืง จำพวก หนึ่งนั้นมใค้ฉลาดรู้ว่าคอกไม้ในประเทกโนน บานอยู่แลว บนให้เร็วนกก็เกินไป กรน ร้ฅวว่าเกินแลวแลกลบละอองเกษร ก็สีนเสียควยแมลาผาจำพวกอื่น คนก็ชวคไค้ละออาเกษร ยงแมลงผงจำพวกหนึ่งนั้นเล่าก็ไม่ฉลาด เมึ่อจะไปเอาชากิเกษรนั้นบินช้าน ละอองเกษรก็สน เสียควยแมลงผงจำพวกอน คนก , ชวค1คละอองเกษร แมลงผงจาพวกหนงนนนลาคเมอจะเอ ไชาฅ นวลละอองเกษรนั้น บินไปไม่ช้านกไม่เร็วนก ก็คลาเกลาเอาละออาเกษรเรลแนวสไค้ คากวาม ปราถนาอนนึ่แลม่ฉ*นใกพระโยคาพจรทจะกระทำเพ ย รกลานกนน ก็มิไค้สำเร็จฌา ณ สมาษกก' ง ความปราถนา ม่อปมาเหม่อนแมลงผาสอ3จำพวกทมไค้ฉลากบนเรวนกแสานกแสช้ส"ส®' 3 เกษรน่น พระโยคาพจรทกระทำ'.บินปานกลาาแลไค้สำ''รวกว อบ่บินาฌาณนน มอปมยเหมอน แมลงผงทฉลาดบินไม่เร็วนึกไม่ช้านึก แลไค้ละอองเกษรสำเรจคากวา3เปรากนานน ก จบบริบุรณ็๋