พระเวสส นดรชาดก ก ณฑ ม ทร ว เคราะห

พระเวสส นดรชาดก ก ณฑ ม ทร ว เคราะห

pearyzaa Download

  • Publications :0
  • Followers :0

เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

ทศชาติชาดก

เร่ืองราวของพระชาติ 10 ชาตสิ ดุ ทา้ ย

กอ่ นที่จะมาประสตู เิ ป็นเจา้ ชายสทิ ธตั ถะ

เตมยี ชาดก – เนกขมั มบารมี ี (ออกบวช)

ชนกชาดก - วิรยิ ะบารมี สวุ รรณสามชาดก - เมตตาบารมี เนมริ าชชาดก - อธิษฐานบารมี มโหสถชาดก - ปญั ญาบารมี ภรู ิทตั ชาดก - ศีลบารมี

จนั ทชาดก - ขันตบิ ารมี

นารทชาดก - อุเบกขาบารมี วิทูรชาดก - สัจจะบารมี

เวสสันดรชาดก - ทานบารมี

มหาเวสสนั ดรชาดก มที ง้ั หมด ทั้ง 13 กัณฑ์ ไดแ้ ก่

1. กณั ฑ์ทศพร 2. กณั ฑห์ ิมพานต์ 3. ทานกัณฑ์ 4. กณั ฑ์วนปเวศน์ 5. กัณฑ์ชูชก 6. กัณฑ์จลุ พน 7. กัณฑ์มหาพน 8. กณั ฑ์กุมาร 9. กัณฑ์มทั รี 10. กณั ฑส์ ักบรรพ 11. กณั ฑ์มหาราช 12. กณั ฑฉ์ กษัตรยิ ์ 13. นครกณั ฑ์

*ถา้ สนใจศึกษาเรอื่ งทศชาตแิ ละกณั ฑท์ งั้ 13 เพม่ิ เตมิ อา่ นไดจ้ าก E-book เรอ่ื ง ทศชาตชิ าดก

ลักษณะคาประพันธ์

เป็นรา่ ยท่ีไมก่ าหนดจานวนคาในวรรคหน่งึ ๆ

(แตไ่ ม่นอ้ ยกว่า 5 คา) ในเรอื่ งการสมั ผัส คาสดุ ท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคาหนึ่งคาใด ในวรรคถดั ไป แต่ไมค่ วรอยใู่ กลค้ าสดุ ทา้ ยของวรรค

เมื่อจบนิยมลงท้ายด้วยคาสร้อยว่าวา่ แล้วแล นนั้ แล นเี้ ถิด โนน้ เถิด ฉะนี้ ฉะนน้ั ฯลฯ เป็นตน้

นยิ มแตง่ เป็นรอ้ ยกรองเพื่อใช้สาหรบั สวด อา่ นและจารึก เช่น คาบวงสรวงสดุดี คาประกาศ เปน็ ตน้

ผู้แตง่

ในร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดกประกอบดว้ ย หลายสานวน ซึ่งไดร้ บั คดั เลอื กวา่ มสี านวนดีทีส่ ดุ ในแตล่ ะกณั ฑ์ จนครบทง้ั 13 กณั ฑ์

เจา้ พระยาพระคลัง (หน)

แต่งกัณฑ์กมุ ารและกณั ฑ์มัทรี

กวเี อกสมัยต้นรตั นโกสนิ ทร์ มผี ลงานการประพันธ์

เช่น อเิ หนาคาฉันท์ สามกก๊ ราชาธิราช

เร่ืองยอ่

1 พระเวสสนั ดร

ยกกัณหาและชาลี แกช่ ชู ก

2 เทวบุตรนมิ ติ กายมาเปน็ พญาพาฬมฤคราช เพือ่ ขดั ขวางไม่ให้พระนางมัทรีกลับถึงอาศรม

3 พระนางมัทรเี ขา้ ปา่ ไปหาอาหารตามปกติ แต่พบลางรา้ ยและเจอสตั ว์รา้ ยทง้ั 3 ขวางทาง ทาใหก้ ลบั อาศรมชา้ กวา่ ปกติ

4 เมอ่ื เสดจ็ กลับถงึ อาศรมไดท้ ลู ถามพระเวสสันดร

ถึงพระกมุ ารท้ังสอง พระเวสสันดรแสรง้ บรภิ าษต่อวา่

ทาใหพ้ ระนางมัทรีเสยี พระทัยและเทย่ี วตามหาสองกมุ าร

5 พระนางมัทรเี ที่ยวเสด็จตามหากุมารท้งั สอง “ทวั่ ประเทศทกุ ราวปา่ ” ต้งั แตย่ ามเย็นจนรงุ่ เชา้ จนส้ินไรเ้ ร่ียวแรง เมื่อเสด็จกลับมาถึงทอี่ าศรม กส็ ลบไป

6 คร้นั พระนางมัทรฟี ้ืนคืนสติ พระเวสสันดรจงึ ยอม บอกความจรงิ วา่ ได้มอบสองกุมาร ใหแ้ ก่ชูชกแลว้ พระนางมัทรีจงึ อนโุ มทนาบตุ รทานบารมี ทาให้เทวดานางฟ้าทัง้ หลาย ตา่ งรอ้ งสาธุการสรรเสริญ และโปรยดอกไมท้ ิพย์ ท่ีพระนางมัทรีทรงกระทาอนโุ มทนาทาน

- จบกณั ฑม์ ทั รี -

วเิ คราะห์คุณคา่

คณุ คา่ ด้านเน้ือหา

  1. รปู แบบ ใช้คาประพนั ธป์ ระเภทใด?
  2. แกน่ เรอ่ื งมเี น้อื หาสาระเกย่ี วกับส่ิงใด?
  3. โครงเร่อื งดาเนินเรอื่ งอยา่ งไร?
  4. ตัวละครในเร่อื งมีลกั ษณะนสิ ัยอย่างไร?
  5. ฉากและบรรยากาศในเรื่องเป็นอยา่ งไร?
  6. ผแู้ ต่งใชก้ ลวิธใี นการแต่งอย่างไรบ้าง?

วิเคราะห์คุณคา่

คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์

  1. พบลักษณะการสรรคามาใชใ้ นเรอื่ งอยา่ งไร?
  2. ถอ้ ยคาสานวนทก่ี วีเลอื กมาใช้แสดงอารมณ์

ความรูส้ ึกของตวั ละครอย่างไร?

  1. กวใี ช้โวหารใดบ้างในเน้อื เร่ืองเพอ่ื ให้ผู้อา่ น

เกดิ จินตภาพ

  1. กวไี ดใ้ ชภ้ าพพจน์ใดบ้าง เพอื่ พรรณนา

ในเนอ้ื เร่อื งได้อยา่ งโดดเดน่

  1. นกั เรยี นพบสานวนสภุ าษิตใดจากเนอื้ เร่อื ง?

วิเคราะหค์ ณุ คา่

คุณค่าด้านสงั คม

  1. ในเนือ้ เรือ่ งสะท้อนค่านยิ มของสังคมไทย สมัยโบราณอยา่ งไรบา้ ง?
  1. ตวั ละครในเน้ือเร่อื งสะท้อนธรรมชาติ ของมนษุ ย์อย่างไร?
  1. เหตกุ ารณ์ในเนือ้ เรอื่ งชว่ งใดที่สะทอ้ น ความเชอื่ ของสงั คมไทย สะท้อนความเช่อื ดา้ นใด?

สะทอ้ นคดิ

“พนิ จิ ภูมิปญั ญาทางภาษา”

เร่อื งมหาเวสสนั ดรชาดกเกย่ี วข้องกับ ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยในเรอ่ื งใด มสี ง่ิ ใดทส่ี ะทอ้ นถึงภูมปิ ัญญาทางภาษา ซึ่งเป็นมรดกสืบทอดมาจนถงึ ปัจจบุ นั ?

สะทอ้ นคดิ

“พนิ จิ วรรณคดี”

นกั เรยี นไดร้ บั ขอ้ คดิ คติสอนใจ หรอื ประโยชนจ์ ากการศึกษาเรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดกอยา่ งไรบ้าง ท่สี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ได้

รา ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม ทั รี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี ๕ โดย คณุ ครจู ฬุ าลกั ษณ บญุ ไชย ครชู ํานาญการพเิ ศษ กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย โรงเรยี นสตรรี าชนิ ทู ศิ อาํ เภอเมอื งอดุ รธานี จงั หวดั อดุ รธานี สาํ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาอดุ รธานี

รายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม ทั รี ภาพ https://blog.startdee.com/ ผแู ตง เจาพระยาพระคลัง (หน) ประวัตผิ ูแ ตง เจาพระยาพระคลงั (หน) เกดิ ในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาตอนปลาย แผน ดินสมเด็จพระเจา อยหู วั บรมโกศ ในสมยั สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช รบั ราชการเปน หลวงสรวชิ ติ แลวไปเปนนายดานเมืองอุทยั ธานใี น สมัยรัชกาลท่ี ๑ แหงกรงุ รตั นโกสินทร ไดเลื่อนเปนพระยาพพิ ฒั นโ กษาและเจา พระยา พระคลงั เสนาบดี จตสุ ดมภกรมทา ถึงแกอ สัญกรรมเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๔๘ สมัยรชั กาลท่ี ๑ งานประพันธ อเิ หนาคาํ ฉันท ลิลิตเพชรมงกุฎ บทมโหรเี รอ่ื งกากี สามกก ราชาธิราช ลลิ ติ พยหุ ยาตราเพชรพวง ลิลิตศรวี ชิ ยั ชาดก รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑก มุ ารและ กัณฑมทั รี ลักษณะคําประพันธ เปน รา ยยาว วธิ กี ารแตงยกคาถาบาลีขึ้นเปน หลัก แลว แปลแตง เปนภาษาไทยดว ยรายยาว ภาพ https://blog.startdee.com/ หนา ๒ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย

ท่ีมาของเรื่อง มาจาก รายยาวมหาเวสสันดรชาดก ซง่ึ เปน เร่อื งหนง่ึ ในทศชาตชิ าดก หรือ “ทศชาตชิ าดก” จุดประสงคใ นการแตง เพ่อื นําหลักธรรมมาสั่งสอนประชาชน โดยเฉพาะ สตรี ประกอบดวยพระคาถา ๙๐ พระคาถา เพลงพณิ พาทยป ระจํากณั ฑ ทยอยโอด ความเปน มาของมหาเวสสันดรชาดก ความหมายของคําวา ‘ชาดก’ ชาดกเกดิ จากการสรา งคําแบบบาลสี ันสกฤต โดยคาํ วา ชาดก มาจาก ชาตะ แปลวา เกิด และ ก (อา นวา กะ) แปลวา ผ,ู หมวด ดังนน้ั ชาดก จงึ หมายถึง ผทู ่เี กิด มาแลว อยา งคําวา ทศชาติชาดก ทีแ่ ปลวา ผทู ่เี กดิ มาแลว สบิ ชาติ หรอื พระพทุ ธเจา นั่นเอง ที่มาของ ‘มหาเวสสนั ดรชาดก’ มีความเชอ่ื วา พระพทุ ธเจา เสวยพระชาติมาหลายชาติ ท้งั คนท้งั สตั วเดรัจฉาน โดยแตล ะชาติ พระองคไดบ าํ เพญ็ บารมีแตกตา งกันออกไป ซึ่งมหาเวสสนั ดรชาดกเปน ชาติสดุ ทายกอ นจะประสูติมาเปน พระพทุ ธเจา ในชมพทู วปี (ชาติสดุ ทา ยกอ นพระองคจ ะเสดจ็ ดับขันธป รินิพพาน) และมกี ารบาํ เพญ็ บารมี ดวยการใหทาน โดยบรจิ าคลกู และบริจาคเมียเปน ทาน (บุตรทารทาน) สาํ หรบั ทมี่ าท่ไี ปของมหาเวสสนั ดร ชาดก เรมิ่ ตน ขน้ึ เมื่อพระพทุ ธเจาเสด็จไปท่ีเมอื งกบลิ พสั ดุ พรอมกับพระอรหันตส องรูป เพือ่ จะไปเทศนา โปรดพระบิดาและพระญาติ แตพ ระญาตเิ กดิ อตั ตา ไมย อมไหวพระพุทธเจา พระพุทธเจา จงึ แสดง ปาฏหิ าริย โดยการเหาะเหนิ เดินอากาศ ทาํ ใหฝนุ ใตพระบาทาปลวิ มาตดิ หวั พระญาติ และมีฝนโบกขร พรรษตกลงมาสูเบือ้ งลา ง ฝนโบกขรพรรษเปนฝนท่ีมสี ีแดงใสบริสทุ ธ์ิราวกกับทบั ทมิ ถาตองการเปย กฝน นนั้ ฝนก็จะเปย กเน้อื ตวั ตามปกติ แตถ า ไมตอ งการเปยกฝน เมด็ ฝนน้ันกจ็ ะระเหยหายไปทนั ที เมื่อเกิดฝนโบกขรพรรษขน้ึ พระอรหนั ตท ่ตี ามพระพทุ ธเจา ไปจงึ ถามวาฝนนเี้ กิดขึ้นไดอ ยา งไร พระองคจงึ บอกวา ฝนน้เี คยเกดิ มาแลว ในครง้ั ท่ีพระพุทธเจา เสวยพระชาตเิ ปนพระเวสสนั ดร พระพทุ ธเจา เลยถอื โอกาสน้เี ลาวา พระองคสามารถระลึกชาตไิ ด โดย ๑๐ ชาติสุดทา ยหรือทศชาติ ไดแก เตมียช าดก มหาชนกชาดก สวุ รรณสามชาดก เนมริ าชชาดก มโหสถชาดก ภูรทิ ตั ชาดก จันทชาดก นารทชาดก วทิ ูรชาดก และเวสสันดรชาดก ซ่ึงแตล ะชาตพิ ระองคไ ดบาํ เพ็ญบารมีในรปู แบบทีแ่ ตกตา งกันออกไป เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๓

ตัวละครในมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม ัทรี พระเวสสันดร พระเวสสันดรเปนตวั ละครหลกั ของรา ยยาวมหาเวสสันดรชาดก เปน พระโอรสของ พระเจา กรงุ สญั ชยั และพระนางผุสดีแหงเมอื งสีพี พระเวสสันดรมกั จะบรจิ าคทานดว ยวธิ ตี า ง ๆ มาตงั้ แต เด็ก เชน ยกเคร่อื งประดับเงินทองแกวเพชรของตนใหผอู ื่น ตอมาเมื่ออภเิ ษกกบั พระนางมทั รี และมีลกู ชื่อพระกัณหา และพระชาลี พระองคไดต ้ังโรงทานจํานวนมาก และบรจิ าคชางปจ จัยนาเคนทรซ่งึ เปน ชางเผือกคูบา นคเู มอื งใหกบั ทตู ของเมอื งอนื่ ที่มาขอชา งเชอื กนี้ ทาํ ใหช าวเมอื งไมพ อใจจึงเรียกรอ งให พระเจากรงุ สญั ชัยเนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมอื ง พระเวสสันดร พระนางมทั รแี ละลกู ๆ จึงตอ งออก จากเมอื งไปอยใู นปา ซึ่งพระเวสสันดรไดบ าํ เพ็ญเพยี รภาวนาประพฤติพรหมจรรยอยใู นอาศรม สวนพระนางมทั รไี ดด แู ลปรนนบิ ัติลกู และสามที ่อี าศยั อยูใ นอาศรมแหง นี้ พระนางมัทรี พระนางมทั รีเปนพระราชธิดาของกษตั ริยมทั ราช อภิเษกสมรสกบั พระเวสสันดร มพี ระโอรสชือ่ พระชาลี และมพี ระธดิ าชอ่ื พระกัณฑห า ดว ยความภักดีตอ พระสวามนี างจงึ พาลกู ๆ ตามเสด็จพระเวสสันดรออกมาอยูในปา ดวย ทั้งยงั ทาํ หนาทีด่ ูและปรนนิบตั ริ ับใชสามแี ละดูแลลกู ทง้ั สอง ตามหนา ท่ีของตน พระชาลี พระชาลเี ปน พระราชโอรสของพระเวสสนั ดรกับพระนางมทั รี ซง่ึ คาํ วา ชาลี หมายถงึ ตาขาย มาจากตอนทีพ่ ระชาลีประสตู ิ เหลา พระประยรู ญาติไดน าํ ตาขา ยทองมารองรบั พระชาลี พระกณั หา พระกณั หาเปนพระราชธดิ าของพระเวสสนั ดรกบั พระนางมัทรี และเปนพระกนษิ ฐา (นอ งสาว) ของพระชาลี ชูชก ชชู กเกดิ ในตระกูลพราหมณแตกลบั เท่ยี วขอทานผูอืน่ เพอื่ เลีย้ งชีพ และมีนสิ ัยทีเ่ รยี กวา บุรษุ โทษ ๑๘ ประการ เชน ความตระหนี่ ความโลภ ความฉลาดในกลอบุ ายและเลห เหลยี่ มตาง ๆ เปนตน http://mobile.psm.myreadyweb.com/article/topic-41999.html https://6232arunthipp.wordpress.com/ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๔

ถอดคาํ ประพนั ธ รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑมัทรี ในคนื กอ นรงุ เชา ที่พระนางมัทรจี ะเสดจ็ ออกจากอาศรมเขา ปาไปเกบ็ ผลไมเ ปนอาหาร ของพระเวสสนั ดร และพระกมุ ารท้ังสอง พระนางทรงฝน รา ย และทลู ขอใหพ ระเวสสนั ดรทาํ นายฝน ใหแ ม พระเวสสันดรจะทรงเสกลบเกล่ือน และไมท าํ นายฝน แตพระนางกย็ ังไมสบายพระทัย กอ นเขา ปา พระนางทรงฝากพระโอรส และพระธิดาแกพระเวสสนั ดรใหชวยดแู ลใหด ี ขณะเขา ปาพระนางหว่ันวติ ก นึกถงึ ลกู ตลอดเวลารอ งไหจนนาํ้ ตาอาบแกม ทั้งสองขาง พลางสังเกตเหน็ วาตนทม่ี ีผลไมก ลบั กลายเปน ดอกไม สวนตน ท่มี ดี อกไมกลับกลายเปน ผลไมขน้ึ แทน ดอกไมทเี่ คยเก็บไปรอ ยใหล กู ก็ถูกลมพัดปลวิ รว ง ลงมา เมอ่ื มองไปรอบทศิ ก็มดื มัวทกุ หนแหง ทอ งฟากลบั กลายเปนสแี ดงคลา ยกบั ลางบอกเหตุราย สายตาของพระนางก็เริม่ พรา มวั ตวั ส่ันใจสั่น ขอนอ ยท่ีถือกห็ ลดุ จากมอื คานท่ีหาบไวกร็ วงลงจากบา ซ่ึงเหตกุ ารณน ้ีไมเคยเกิดขึ้นมากอ น ยิง่ พระนางคดิ เทาไร ก็ยิง่ ทุกขใ จมากข้ึนเทา นัน้ ดว ยความหวนั่ ใจเรือ่ งลูก พระนางจงึ รบี เก็บผลไมเพื่อจะไดร ีบกลบั ไปหาลกู ทอี่ าศรม แตร ะหวางทาง กลับเจอ สงิ โต เสอื เหลือง และเสอื โครง ขวางทางไว นางกลวั จนใจสน่ั รา่ํ ไห คิดไปวาเปนกรรมของตนเอง นางจะหนีไปทางไหนกไ็ มไดเพราะถูกสตั วท้ังสามกัน้ ไวทุกทิศทางจนฟามดื พระนางมัทรไี มรจู ะทาํ อยา งไร จึงยกมือไหวออ นวอนขอใหส ัตวหิมพานตท ้ังสามเปด ทางใหต น โดยกลาววา พระนางคอื พระนางมทั รีเปน ภรรยาของพระเวสสันดร ตามมาอยทู อ่ี าศรมในปา ดว ยความบรสิ ทุ ธิใ์ จและกตญั ตู อ สามี นกี่ ็เวลายา่ํ คาํ่ แลวลกู คงหิวนม โปรดเปด ทางใหพ ระนางกลับไปทีอ่ าศรมแลว ตนจะแบง ผลไมใ ห จวบจนพระอาทติ ยลบั ขอบฟา สตั วห ิมพานตท้ังสามจึงยอมเปด ทางให พระนางมทั รจี งึ รีบวิง่ กลับไปทอี่ าศรมดว ยแกมท่ีอาบ นาํ้ ตา เม่อื ถงึ ทพ่ี กั พระนางมทั รกี ็ตกใจไมเห็นลกู อยใู นอาศรม รองเรียกหาเทา ไรกไ็ มม ีใครตอบ ทงั้ ทก่ี อ น หนา น้จี ะออกมาหาแมกนั พรอ มหนา ทงั้ กณั หาขอกนิ นม สว นชาลีจะขอกนิ ผลไม พระนางมทั รเี สยี ใจมาก พรํา่ บอกวาท่ผี า นมากด็ แู ลลกู อยา งดยี งุ ไมใ หไตไ รไมใหต อม หวงั จะกลับมาพบลกู ใหช นื่ ใจ กอ นหนานยี้ ังได ยนิ เสียงลกู เลน กนั อยแู ถวนี้ น่นั ก็รอยเทาชาลี นก่ี ็ของเลน กัณหา แตเมอื่ ลูกหายไปอาศรมกลับดูเงียบเหงา เศราหมน นางจงึ ไปถามพระเวสสนั ดรวา ลูกหายไปไหน เหตุใดจงึ ปลอ ยใหค ลาดสายตา หากมสี ัตวปา จบั ไปจะทําอยา งไร แตพระเวสสันดรกลบั ไมตอบอะไร ทําใหน างกลมุ ใจยิง่ ไปกวา เกา ดว ยความกลุม ใจ ตวั กร็ อ น นาํ้ ตาก็ไหล กระวนกระวายพลางบอกวา ไมเ คยมคี รัง้ ใดทีน่ างรสู ึก แคน เคอื งใจขนาดนี้ เพราะนางออกจากเมืองมาก็หวงั วา อยา งนอยจะไดสขุ ใจเพราะอยพู รอ มหนากับลูก และสามี แตเ มอ่ื ลูกหายตวั ไป ความหวังน้ันก็คลา ยจะดับสนิ้ พระนางมัทรอี อนวอนขอใหพ ระเวสสันดรตรสั กบั นางบา ง เพราะการนัง่ นิ่งเหมอื นโกรธเคอื ง พระนางมัทรนี ้นั ยงิ่ ทําใหป วดใจราวกบั มคี นเอาเหล็กรนไฟมาแทงทห่ี ัวใจ หรอื เปนคนไขท่หี มอนาํ ยาพิษ มาใหด มื่ อกี ไมกวี่ นั คงสิน้ ชวี ติ อยา งแนน อน เม่อื พระเวสสันดรไดยินพระนางมทั รีพดู ดังนน้ั ก็คิดวา หากใช เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๕

ความหงึ หวงคงเปน วธิ ีคลายความโศกใหพ ระนางได จึงตรัสวา ในปา หมิ พานตแหง นม้ี ีทงั้ พระดาบสและ นายพรานจาํ นวนมาก เจาออกไปเกบ็ ผลไมต งั้ แตเชาจนยา่ํ ค่ํา หากไปทาํ อะไรในปาแหงนีก้ ็คงจะไมม ีใคร รูเห็น เหตุใดจงึ ทิง้ ลูกหนเี ขา ไปในปา นานถึงเพยี งน้ี พอกลบั มายงั หว งแตล กู ไมห ว งสามแี ตอ ยางใด หรอื หากไมน ึกถงึ สามกี ็ไมควรหายเขา ไปในปา นานถงึ เพียงนี้ จะใหเ ราเขาใจไดอ ยา งไร เม่ือพระนางมัทรีไดยินดงั น้ัน จงึ กราบทลู วา เหตุใดพระองคจ งึ ไมไ ดยนิ เสียงของราชสหี  เสอื โครง และเสือเหลอื ง เพราะสตั วท ้งั สามน้ที าํ ใหท ําใหพระนางไมส ามารถกลับอาศรมได ทง้ั ยังเกดิ เหตุรายหลาย ประการขณะท่ีนางเขาไปในปา ทั้งของทถ่ี ือกห็ ลุดจากมือ คานทหี่ าบไวก็รว งลงจากบา ตน ไมท เ่ี คยผลดิ อก ก็ออกผล ตน ไมท ีเ่ คยออกผลกผ็ ลิดอกออกมา ชวนใหห วาดกลัวจนตวั ส่ัน อธิษฐานภาวนาใหล กู และสามี ปลอดภยั แลว รบี กลับมายังอาศรมแตถ กู สตั วร ายทั้งสามตวั นอนขวางทางเอาไว จงึ ตอ งกราบออ นวอน สัตวท ั้งสามใหเปดทางให จนพระอาทติ ยต กดนิ สตั วท ้ังสามจงึ หลกี ทาง แลว พระนางมัทรกี ร็ บี วงิ่ กลบั มายงั อาศรมน้ี มิไดไปทาํ สิ่งใดทีไ่ มเหมาะไมค วรแตอยา งใด ฝา ยพระเวสสนั ดรเม่อื ฟงคาํ ตอบ ของพระนางมัทรี กเ็ อาแตนง่ิ เงยี บทั้งคนื จนกระทัง่ รงุ เชา ระหวางนน้ั พระนางมทั รีโศกเศรารํ่าไห คร่าํ ครวญวา ตนปฏิบตั ิตอ สามดี ่งั ศิษยป ฏิบตั ิตอครู ดูแลลูก ทง้ั สองแบบยุงไมใหไตไรไมใหต อม ทง้ั บดขมนิ้ ไวใหอ าบนา้ํ จดั หาอาหารมาใหม ไิ ดข าด แลว ออ นวอนให สามเี รียกลกู มากนิ อาหารท่ีตนหามา ถามวา ลูกอยแู หงหนใดเหตใุ ดจึงยงั ไมย อมออกมา แตไมว า จะรองขอ ออนวอนอยา งไรสามีก็นง่ิ เฉยไมเ อย สิง่ ใดออกมา พระนางจึงถวายบังคมลาออกไปตามหาลูกท้งั สองในปา หิมพานต เมื่อออกตามหาจนทั่วแลว ไมพบจงึ กลับมาทอี่ าศรมพบวา พระเวสสนั ดรยังคงนง่ั น่ิงอยเู หมอื น กอนหนานไ้ี มมีผิด พระนางจึงตัดพอวา เหตใุ ดพระเวสสันดรจงึ ยงั นงั่ นิง่ อยไู มลกุ มาผาฝน ตักนา้ํ ใสบอ หรอื กอ ไฟไวอยางท่ีเคยทําเปนประจาํ ทกุ วนั พรอ มกบั บอกวา พระเวสสันดรน้ันเปนทรี่ กั ของพระนางมัทรี อยา งยง่ิ เมอื่ กลับมาจากปา เห็นพระพักตรข องพระองคและไดเห็นลกู ท้ังสองว่ิงเลน กค็ ลายความเหนอ่ื ย ลา เปนปลิดทง้ิ แตว ันนีก้ ลบั กลายเปนความทกุ ขรอน เศรา โศก เพราะพระองคไ มยอมตรสั สิ่งใด กับพระนาง แมพ ระนางมัทรจี ะไดออกตามหาพระกัณหาและพระชาลไี ปท่วั ปา ทั้งราตรี แลวกลบั มาหา พระเวสสนั ดรอยางไรพระองคก ็ไมย อมตรสั สิ่งใดอยูเชนเดิม นางมัทรสี ะอื้นไหจ นหมดสติลม ลงกบั พน้ื พระเวสสนั ดรบรรพชาเปนดาบสมากวา ๗ เดือน ไมเ คยไดแ ตะตอ งตวั พระนางมัทรี แตว นั นี้ดว ย ความเศราโศกและตระหนกตกใจเกรงวา พระนางจะเปน อะไรไป พระเวสสันดรจึงเขาไปตรวจชีพจรดแู ล นางจนไดสติตืน่ ฟนขึ้นมา ฝายพระนางมทั รเี ม่ือฟนขนึ้ มากท็ ูลถามอีกคร้งั วา ลกู ทัง้ สองอยแู หง หนใด กลับมาแลว หรือไม พระเวสสันดรจงึ ตอบวาตนไดยกพระกณั หากบั พระชาลใี หก บั ชชู กไปแลว แตพ ระองค มิไดบอกกับพระนางมทั รตี ้งั แตต น เกรงวา พระนางจะเศรา โศกเสยี ใจ เมือ่ ไดรคู วามจริงแลว พระนางมัทรี จงึ คลายความทุกขเ ศราลงแลว อนโุ มทนาบญุ กบั บตุ รทานท่พี ระเวสสนั ดรไดปฏบิ ัตใิ นครัง้ น้ี เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๖

บทวิเคราะหคณุ คาดา นเนือ้ หา ๑. รปู แบบ มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑมทั รี แตง ดวยคาํ ประพันธป ระเภทรายยาว นาํ ดว ยคาํ ภาษาบาลี ทอ นหนึง่ แลว แตงดวยรา ยยาวมคี าํ บาลแี ทรก เปน การใชร ปู แบบคาํ ประพนั ธไ ดเ หมาะสมกบั สาระสําคัญ ซ่งึ จะทําใหผูอานมีความซาบซึ้งในความรักของผเู ปน แมไ ดอ ยางดยี ิง่ ๒. องคประกอบของเรอื่ ง ๒.๑ สาระสาํ คญั เปน การแสดงความรกั ของแมทีม่ ีตอลกู วา เปน ความรกั ทย่ี ่งิ ใหญการพลดั พราก จากลกู ยอ มนาํ ความทกุ ขโ ศกมาสูแ มอยา งยากทจ่ี ะหาสิง่ ใดเปรยี บได ๒.๒ โครงเรอื่ ง มกี ารวางโครงเร่อื งไดด ีโดยผูกเรอ่ื งใหเทพบุตร ๓ องคน ิรมติ กายเปนสัตวรา ย มาขวางนางมัทรไี ว จนกลับอาศรมไดท ันเวลาทพ่ี ระเวสสนั ดรจะใหทานสองกมุ ารใหกบั พราหมณชูชก เม่ือนางกลบั มาแลว ไมพ บสองกุมารกโ็ ศกเศรา เสียพระทยั จนสลบไป ตอมาภายหลังไดทรงทราบวา พระเวสสนั ดรทรงใหท านสองกุมารใหแกพราหมณชชู ก นางมทั รกี ค็ ลายความเศรา โศกพระทัย และ เต็มพระทัยอนโุ มทนาในบุตรทานของพระเวสสนั ดร ๒.๓ ตัวละคร พระเวสสันดร มีลักษณะสาํ คัญดงั นี้ ๑) มีคณุ ธรรมสูงเหนือมนุษย ยากทีม่ นษุ ยทวั่ ไปจะทาํ ได ไดแกก ารบรจิ าคบตุ รทาน คือ พระชาลีและพระกณั หา ซ่ึงเปรียบเสมือนแกว ตาดวงใจของพอ แมใหเ ปน ทานแกช ชู ก นบั เปนการ บําเพ็ญทานอนั ย่งิ ใหญประการหนงึ่ ๒) มคี วามเขาใจในธรรมชาตขิ องมนษุ ย เชน ทาํ การใหนางมัทรตี อ งเจ็บพระทยั เพ่ือ จะไดคลายความเศราโศกทพ่ี ระกุมารทงั้ สองหายไป เปนการใชจติ วทิ ยาเพื่อใหน างมทั รีคลายความเศรา โศก มิเชน นน้ั นางอาจจะเศราโศกจนเกดิ อนั ตรายได นางมทั รี มลี กั ษณะสําคัญดังน้ี ๑) มีความจงรักภกั ดีตอ พระสวามี ๒) เปน ยอดกลุ สตรี ปฏิบตั หิ นาทภี่ รรยาและมารดาไดอยางสมบูรณครบถว น ๓) มคี วามอดทน ไมย อ ทอตอ ความยากลําบาก ๔) มจี ิตอันเปน กศุ ล จึงอนุโมบุตรทานของพระเวสสนั ดร เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๗

๒.๔ ฉากและบรรยากาศ ฉากเปน ปา บริเวณอาศรมของพระเวสสนั ดร ผูแตง บรรยายบรรยากาศไดสมจริง และเหมาะสม สอดคลอ งกับเนื้อเรื่อง ดงั ปรากฏบทอาขยานท่ีนกั เรียนทองจาํ ๒.๕ กลวธิ ีในการแตง แตง ดวยคาํ ประพนั ธประเภทรา ยยาวทมี่ คี าถาบาลนี าํ เปนตอนทีว่ าดว ยนางมัทรเี ขา ปา ไปหา ผลไม กลับมาไมพบพระกุมารผเู ปน ลูก จงึ ออกตามหา ผแู ตง เนน ใหผ อู า นเกดิ ความซาบซงึ้ ในการพรรณนาความรกั ของแมท ีม่ ตี อ ลกู รสวรรณคดี ทีเ่ ดนชัดที่สดุ คือ สลั ลาปงคพสิ ยั รองลงมาคือ พโิ รธวาทงั ซงึ่ ปรากฏในตอนท่ีพระเวสสนั ดรทรงเหน็ นางมทั รเี ศรา โศก จึงคดิ หาวธิ ตี ัดความเศรา โศกน้นั ดว ยการกลา วบรภิ าษนางมทั รวี า คิดนอกใจไปคบ กับชายอน่ื นางมทั รที รงเจบ็ พระทัยเลยตดั พอ พระเวสสนั ดรกอนจะออกตามหาพระโอรสพระธิดา ดว ยพระวรกายทอ่ี ดิ โรยจนสลบไป ตอนนี้เปน ชว งที่สะเทอื นอารมณและบีบคน้ั หัวใจมาก สง ผลใหผ ูอา น เกิดความรสู กึ สงสารและเห็นใจนางมทั รที ี่ตอ งสูญเสีย แตเ ม่ือทราบความจริงนางก็เขาใจคลายความเศรา โศกและอนโุ มทนาทานบารมกี บั พระเวสสนั ดร ผอู านกเ็ กิดความปติใจ นับวา ผแู ตงไดใ ชกลวิธีในการ นาํ เสนอไดอยา งสะเทอื นอารมณ และนา สนใจ คณุ คา ดานวรรณศลิ ป ๑. การสรรคาํ กวไี ดเ ลือกสรรคําทส่ี ือ่ ความคิดไดด ดี งั น้ี ๑.๑ การใชถ อ ยคาํ ใหเ กดิ อารมณสะเทอื นใจ กวีเลอื กใชคาํ ไดเหมาะสมกับอารมณทต่ี องการ จะถายทอด ดงั ตัวอยา งตอ ไปน้ี ๑) การใชถอยคาํ รําพงึ รําพนั เปน การราํ พงึ ราํ พันบรรยากาศผา นตวั ละครที่ไดอารมณค วาม สะเทือนใจ และตรงใจผเู ปนแมใ นชวี ิตจรงิ ในทุกยุคทกุ สมัย เปน การเพ่มิ ความรกั ความผูพันใหผ อู า นและ ผูฟงที่เปนแมแ ละลกู ไดเ ปน อยา งดยี ิง่ ดงั นี้ “...เมื่อเชา แมจะเขา สปู า พอ ชาลีแมก ณั หายังทูลสง่ั แมย งั กลบั หลังมาโลมลบู จูบ กระหมอ มจองเกลา ทง้ั สองรา กลิน่ ยงั จบั นาสาอยูรวยรน่ื ....ใครจะดอกพระศอเสวยนมผทมดวยแมเ ลา ยามเม่อื แมจ ะเขา ที่บรรจถรณ เจาเคยเรยี งหมอนนอนแนบขางทุกราตรี แตนแ้ี มจ ะกลอมใครให นทิ รา...” เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๘

๒) การใชถอยคาํ สาํ นวนเชงิ ตดั พอ ใหใ หเ กิดอารมณส งสารเวทยาและบีบค้นั จติ ใจผูอานผูฟง เปน อยางย่ิง ดังน้ี “....อกของใครจะอาภัพยับพกิ ลเหมือนอกของมัทรีไมม เี นตร นาทจ่ี ะสงสารสังเวชโปรด ปราณีวา มัทรีนีเ้ ปนเพ่ือนยากอยูจ ริงๆ ชา งคอนตงิ ปริภาษณาไดล งคอไมค ิดเลย พระคุณเอยถึงพระองค จะสงสัยกน็ า้ํ ใจของมทั รีนกี้ ตเวที เปน ไมเ ทา กา วเขา สูท ท่ี างทดแทน......อปุ มาเหมอื นสีดาอนั ภักดตี อสามี รามบณั ฑติ ปานประหน่งึ วาศิษยก บั อาจารย พระคุณเอย เกลา กระหมอ มฉานทาํ ผิดแตเ พียงนเ้ี พราะวา ลว งราตรจี ่งึ มีโทษ ขอพระองคทรงพระกรณุ าโปรด ซงึ่ โทษโทษานโุ ทษกระหมอ มฉนั มัทรีแตค ร้ังเดยี ว น้เี ถิด” ๓) การใชแ สดงอารมณห ึงหวงใหเ จ็บแคนเพ่ือดบั ความโศกเศรา ใหเ กิดอารมณส งสารเวทยา และบีบค้ันจติ ใจผูอา นผูฟ ง เปนอยางยิ่ง ดังน้ี “....จาํ จะเอาโวหารการหงึ เขามาหักโศกใหเ สอื่ มลง จึ่งเออื้ นโองการตรัสประภาษวา (ดูกร นางนาฏ พระนอ งรกั เจา ผมู พี กั ตรอันผดุ ผองเสมอื นหนง่ึ เอานาํ้ ทองมาทาบทบั ประเทอื งผวิ ราวกะวา จะลอยลว่ิ เลื่อนลงจากฟา ใครไดเห็นเปน ขวัญตาเต็มจะหลงละลายทกุ ขปลกุ เปลอ้ื งอารมณช ายใหเชยช่ืน จะนั่งนอนเดินยนื ก็ตองอยาง) พรอมดว ยเบญจางคจริตรปู จาํ เริญ โฉมประโลมโลกลอ แหลมวไิ ลลกั ษณ ประกอบดว ยเช้ือศกั ด์สิ มมุตวิ งศพ งศกษตั รา เออกเ็ มือ่ เชาเจา จะเขา ปานา สงสารปานประหน่ึงวา จะไปมิได ทาํ รอ งไหฝากลูกมิรแู ลว ครั้นคลาดแคลวเคลื่อนคลอ ยเขา สดู ง ปานประหน่ึงวา จะหลงลมื ลูกสละผัวตอ มดื มัวจ่ึงกลบั มา ทําเปนบีบนา้ํ ตาตอี กวา ลกู หาย ใครจะไมรูแยบคายความคิดหญงิ ถา แมน เจาอาลัยอยดู ว ย ลกู จริง ๆ เหมือนวาจา กจ็ ะรบี กลับเขา มาแตว วี่ ันไมทันรอน เออนเ่ี จา เทยี่ วพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนก ชมไมในไพรวันสารพนั ท่จี ะมี ทง้ั ฤๅษสี ิทธว ทิ ยาธรคนธรรพ เทพารักษผูมีพกั ตรอ นั เจริญ เหน็ แลว กน็ า เพลิดเพลนิ ไมเมนิ ได” ๔) การใชค าํ ซ้ําและกลุมคาํ ทม่ี ีพืน้ เสียงเดยี วกนั ดงั น้ี “....อกแมน้ีใหอ อนหวิ สุดละหอย ท้ังดาวเดือนกเ็ คลอื่ นคลอยลงลับไม สุดทแ่ี มจ ะตดิ ตามเจา ไปในยามนี้ ฝูงลงิ คางบางชะนีทนี่ อนหลบั กก็ ลง้ิ กลับเกลอื กตวั อยยู ้ัวเยย้ี ทงั้ นกหกกง็ ัวเงียเหงาเงียบทุก รวงรงั แตแมเทยี่ วเซซงั เสาะแสวงทุกแหง หอ งหิมเวศ ทวั่ ประเทศทุกราวปา สดุ สายนยั นาท่ีแมจะตาม ไปเลง็ แล สุดโสตแลว ทีแ่ มจะซับทราบฟงสําเนยี ง สุดสรุ เสยี งท่ีแมจะร่าํ เรียกพไิ รรอง สุดฝเทา ทแี่ มจะ เย่อื งยอ งยกยางลงเหยียบดิน ก็สดุ ส้ินสุดปญญาสดุ หาสุดคน เหน็ สดุ คิด จะไดพานพบประสบรอย พระลูกนอ ยแตสกั นิดไมม เี ลย” เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๙

๒. การใชโ วหาร กวไี ดเลอื กใชสํานวนภาษากอ ใหเ กิดจนิ ตภาพ ดังน้ี ๒.๑ การใชอ ุปมาโวหารท่ีแสดงความเศราโศกของนางมทั รจี นสลบไปเปน จุดเดน ของกัณฑม ทั รี ที่ทาํ ใหผอู า นเกิดอารมณสะเทือนใจดวยความสงสาร การใชถอ ยคาํ แสดงความสามารถของกวใี นการ ประพนั ธไ ดอยา งชดั เจน ดงั ตวั อยา ง “...ควรจะสงสารเอย ดว ยนางแกวกัลยาณี นอ มพระเกศลี งทลู ถามหวงั จะตดิ ตามพระลกู รกั ท้งั สอง รา กราบถวายบงั คมลาลุกเลอ่ื นเขยอื้ นยกพระบาทเยอื้ งยา ง พระกายนางใหเ สียวสนั่ หวนั่ ไหวไป ท้ังองค ดจุ ชายธงอนั ตองกําลังลมอยลู วิ่ ๆ ส้นิ พระแรงโรยเธอโหยหวิ ระหวยทรวง พระศอเธอหงุบงวง ดวงพระพักตรเ ธอผดิ เผอื ดใหแปรผัน จะทูลสง่ั ก็ยังมทิ นั ทวี่ า จะทูลเลยแตพอตรสั วาพระคณุ เจาเอย คําเดยี ว เทา น้นั ก็หายเสียงเอียงพระกายบา ยศโิ รเพฐน พระเนตรหลบั หบั พระโอษฐล งทนั ที (วสิ ญฺ ี หุตวฺ า) นางกถ็ งึ วสิ ัญญสี ลบลงตรงหนา ฉาน ปานประหนงึ่ วา พุม ฉตั รทองอันตองสายอสั นฟี าดขาดระเนนเอนแลว ก็ ลมลงตรงหนาพระที่นงั่ เจา นัน้ แล ๒.๒ การใชคําอา งองิ สาํ นวนสภุ าษิต เปน การใชถอ ยคําใหเ กิดแงคดิ กบั ผูอ า นและผูฟ ง ไดเปน อยางดี ดงั น้ี “...โอพ ระจอมขวัญของแมเอย เจามิเคยไดค วามยากยา งเทาลงเหยียบดนิ รน้ิ กม็ ไิ ดไ ต ไรมิได ตอม... ....อกเอย จะอยูไปไยใหท นเวทนา อปุ มาเสมือนหนึง่ พฤกษาลดาวัลยยอมจะอาสัญลงเพราะลกู เปนแทเ ทยี่ ง .... .... อปุ มาเสมือนหน่ึงภมุ รนิ บนิ วะวอ น เทีย่ วซบั ซาบเอาเกสรสคุ นธมาเลศ พบดอกไมอนั วเิ ศษ ตอ งประสงค หลงเคลาคลงึ รสจนลมื รัง เขาเถอ่ื นเจา ลมื พรา ไดหนาเจา ลืมหลัง..” คุณคา ดา นสังคม ๑. สะทอ นคา นยิ มเก่ยี วกบั สังคมไทย ในสมยั โบราณถือวา ภรรยาเปนทรพั ยสมบตั ขิ องสามี สามีมี สิทธเิ์ หนือภรรยาทุกประการ ถา สามีเปน กษัตรยิ  อาํ นาจน้ันกม็ ากขึ้น ดังคาํ ท่ีพระเวสสันดรตรสั แกน าง มทั รีวา “...เจาเปน แตเพยี งเมยี ควรหรอื มาหม่นิ ได ถา แมน พ่ีอยใู นกรงุ ไกรเหมือนแตก อ นเกา หากวา เจา ทาํ เชนนี้ กายของมัทรกี จ็ ะขาดสะบน้ั ลงทันตาดวยพระกรเบือ้ งขวาของอาตมานแ้ี ลวแล…” นอกจากนผี้ ูหญิงจะตอ งปรนนบิ ตั สิ ามี ซ่อื สัตยตอ สามี สว นลูกน้ันถอื เปน สมบัตขิ องพอแม ตอ งเครารพ เชื่อฟง และพอ แมสามารถยกลกู ใหผ อู น่ื ได เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๐

๒. สะทอนใหเห็นธรรมชาตขิ องมนษุ ย ความรกั นาํ มาซึง่ ความทกุ ข ความโศกเศราเสยี ใจเชน เม่อื ลกู พลัดพรากจากไปพอ แมย อมมคี วามทกุ ขเ พราความรัก ความเปน หว ง กงั วล โศกเศรา เม่อื คดิ วา ลูกของตนลม หายตายจากไป แตความโศกเศรา เสยี ใจจะบรรเทาลงไดเ ม่อื มคี วามโกรธ เจ็บใจ หรอื เม่ือ เกดิ ความเขาใจในส่งิ ท่ีผูอน่ื ทํา ตวั อยางเชน ตอนทพ่ี ระเวสสนั ดรกลา วบรภิ าษนางมัทรี เพอ่ื ใหน างมทั รีจึงโกรธจนลมื ความ โศกเศรา “...สมเดจ็ พระราชสมภาร เม่อื ไดสดับสารพระมทั รเี ธอแสนวโิ ยคโศกศลั ยสดุ กาํ ลงั ถงึ แมน จะ มิตรสั แกนางม่ังจะมเิ ปน การ จําจะเอาโวหารการหึงเขามาหกั โศกใหเสอื่ มลงจึง่ เออื้ นโองการตรัสประภาษ วา ....” ๓. สะทอ นความเชือ่ ของสงั คมไทย จากขอความตอนที่พระนางมทั รอี อกสูป าเพอื่ หาเกบ็ ผลไม ผลไมก็เพีย้ นผิดปกติ ซงึ่ ถอื วา เปน ลางรา ย จากความในบทประพันธวา “...เหตุไฉนไมท ีม่ ีผลเปนพมุ พวง ก็กลายกลบั เปนดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโนน น่ันแกว เกดพิกลุ แกมกบั กาหลง ถัดไปก็สายหยดุ ประยงคแลยมโดย ยามพระพายพัดเคยรวงโรยรายดอกลงมนู มอง แมย งั ไดเก็บมารอ ยกรองไปฝากลูกเมื่อวันวาน กเ็ พยี้ นผิดพิสดารเปน พวงผล สพฺพา มยุ ฺหนตฺ ิ เมทิสา ทง้ั แปดทศิ ก็มดื มัวทวั่ ทกุ แหง ท้ังขอบฟา ก็ดาดแดงเปน สายเลือด ไมเ วน วายหายเหือดเปน ลางราย ไปรอบขา ง ทกฺขิณกฺขิ นยั นต าขวาก็พรางๆอยพู รายพรอ ย ดจู ิตใจของแมน ยี้ งั นอ ยอยนู ิดเดยี ว ทง้ั อนิ ทรยี  กเ็ สยี ว ๆ ส่นั ระรวั ริก สาแหรกคานบันดาลพลกิ พลัดลงจากบา ทงั้ ขอนอยในหตั ถาทเ่ี คยถอื ก็หลดุ หลน ลง จากมอื ไมเคยเปนเห็นอนาถ....” ลางราย ๙ ประการ ไดแก ๑. ไมผ ลกลบั กลายเปน ไมด อก ๒. ไมด อกกลับกลายเปน ไมผ ล ๓. มืดมัวไปท่ัวทัง้ ๘ ทิศ คือ อุดร อสี าน บรู พา อาคเนย ทกั ษิณ หรดี ปจ จมิ พายพั ๔. เขมนตาขวา ๕. ใจเหมือนจะขาด ๖. ขอบฟา กลายเปนสีแดงสายเลอื ด ๗. กายรูสกึ เสียว ๆ สน่ั ๆ ๘. ขอท่ีใชส อยผลไมหลุดลงจากมอื ๙. ไมค านพลกิ ลงจากบา เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๑

๔. สะทอนเกย่ี วกับขนบธรรมเนยี มประเพณี อันเปน ประเพณที ่เี กยี่ วเน่อื งกับพระพทุ ธศาสนา โดย เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก เปนชาดกทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนนยิ มนาํ มาเลาขานจัดเปนงานเทศนม หาชาตกิ ันทกุ ป มาตง้ั แตครั้งอดตี โดยจัดสถานท่ีใหสอดคลอ งกบั เรื่องราวใหเ ปนปา ทีอ่ ดุ มไปดว ยไมผ ล บางแหงกจ็ ัด ตกแตงภาชนะใสเ ครอ่ื งกัณฑเ ทศนเปน รูปตา ง ๆ ที่สอดคลอ งกบั เน้อื เรอื่ งกัณฑ นัน้ ๆ เชน ทาํ รูปเรอื สําเภาบชู ากณั ฑกุมาร จัดเปน รูปกระจาดใหญใ สเสบยี งอาหารและผลไมต าง ๆ บชู ากัณฑม หาราช บางแหง ก็จดั กณั ฑเ ทศนก นั อยางใหญโ ตในเชงิ ประกวดประชันกนั มกี ารบรรเลงดนตรไี ทยประกอบเพื่อ ชวยสรางอารมณร ว มใหก บั ผูฟงเทศน ทั้งนพี้ ระสงฆท่มี าเปนผเู ทศนจะเปน พระสงฆท เี่ ทศไดอ ยางไพเราะ ใชภาษางาย ๆ เพ่อื ใหเขาถึงผูฟง ทุกเพศทุกวยั บางครั้งก็มีการเทศนแ หลด ว ย ปจ จบุ นั เทศนมหาชาติ จัดเปนงานประจาํ ปข องทุกทองถิ่นท่ัวทกุ ภาในประเทศไทย คานยิ มในเร่อื ง คานยิ มท่ีปรากฏในเรือ่ งมหาเวสสนั ดรชาดก เปนคา นยิ มเชิง โลกตุ ระ คอื คานิยมทางโลกหรือ คา นิยมเหนอื โลก เหนือสามัญชน เปนคา นยิ มของอรยิ บุคคลทปี่ รารถนาในพทุ ธภิ ูมิ คอื พระเวสสันดรซึ่ง ทรงเหน็ วา การบาํ เพ็ญทานบารมีหรอื การบาํ เพญ็ คณุ ความดเี ปนส่ิงสําคัญ เปนสิ่งท่มี คี าสําหรับพระองค เพราะจะนาํ พระองคไปสงู ความรูทเี่ ปน สงิ่ รูแจง เห็นจริง (พระโพธิญาณ) อันจะทําใหพระองคช ที้ าง นพิ พานชว ยสรรพสตั วท ั้งหลายใหพ นทกุ ขไ ด แนวคดิ สาํ คญั ของเร่ือง ๑. ความรกั ของแมทีม่ ีตอ ลกู นนั้ ยิ่งใหญนกั ๒. ผูท จ่ี ะปรารถนาสิง่ ตางๆ อนั ย่ิงใหญจ ะตอ งทาํ ดว ยความอดทนและเสียสละอนั ยิ่งใหญ ๓. ความซอื่ สัตยร ะหวา งสามภี รรยาทาํ ใหชวี ติ ครอบครวั มคี วามสขุ ๔. ผูม ปี ญญายอ มแกไขเหตุการณเฉพาะหนาไดด ี ๕. การบรจิ าคบตุ รทารทานหรือทานบุตรบารมเี ปน ส่ิงท่ีกระทําไดยากยิง่ ไมม ีใครจะทําไดงา ย ๆ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๒