pearyzaa Download
เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี เวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!Create your own flipbook
ทศชาติชาดก เร่ืองราวของพระชาติ 10 ชาตสิ ดุ ทา้ ย กอ่ นที่จะมาประสตู เิ ป็นเจา้ ชายสทิ ธตั ถะ เตมยี ชาดก – เนกขมั มบารมี ี (ออกบวช) ชนกชาดก - วิรยิ ะบารมี สวุ รรณสามชาดก - เมตตาบารมี เนมริ าชชาดก - อธิษฐานบารมี มโหสถชาดก - ปญั ญาบารมี ภรู ิทตั ชาดก - ศีลบารมี จนั ทชาดก - ขันตบิ ารมี นารทชาดก - อุเบกขาบารมี วิทูรชาดก - สัจจะบารมี เวสสันดรชาดก - ทานบารมี มหาเวสสนั ดรชาดก มที ง้ั หมด ทั้ง 13 กัณฑ์ ไดแ้ ก่ 1. กณั ฑ์ทศพร 2. กณั ฑห์ ิมพานต์ 3. ทานกัณฑ์ 4. กณั ฑ์วนปเวศน์ 5. กัณฑ์ชูชก 6. กัณฑ์จลุ พน 7. กัณฑ์มหาพน 8. กณั ฑ์กุมาร 9. กัณฑ์มทั รี 10. กณั ฑส์ ักบรรพ 11. กณั ฑ์มหาราช 12. กณั ฑฉ์ กษัตรยิ ์ 13. นครกณั ฑ์ *ถา้ สนใจศึกษาเรอื่ งทศชาตแิ ละกณั ฑท์ งั้ 13 เพม่ิ เตมิ อา่ นไดจ้ าก E-book เรอ่ื ง ทศชาตชิ าดก ลักษณะคาประพันธ์ เป็นรา่ ยท่ีไมก่ าหนดจานวนคาในวรรคหน่งึ ๆ (แตไ่ ม่นอ้ ยกว่า 5 คา) ในเรอื่ งการสมั ผัส คาสดุ ท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคาหนึ่งคาใด ในวรรคถดั ไป แต่ไมค่ วรอยใู่ กลค้ าสดุ ทา้ ยของวรรค เมื่อจบนิยมลงท้ายด้วยคาสร้อยว่าวา่ แล้วแล นนั้ แล นเี้ ถิด โนน้ เถิด ฉะนี้ ฉะนน้ั ฯลฯ เป็นตน้ นยิ มแตง่ เป็นรอ้ ยกรองเพื่อใช้สาหรบั สวด อา่ นและจารึก เช่น คาบวงสรวงสดุดี คาประกาศ เปน็ ตน้ ผู้แตง่ ในร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดกประกอบดว้ ย หลายสานวน ซึ่งไดร้ บั คดั เลอื กวา่ มสี านวนดีทีส่ ดุ ในแตล่ ะกณั ฑ์ จนครบทง้ั 13 กณั ฑ์ เจา้ พระยาพระคลัง (หน) แต่งกัณฑ์กมุ ารและกณั ฑ์มัทรี กวเี อกสมัยต้นรตั นโกสนิ ทร์ มผี ลงานการประพันธ์ เช่น อเิ หนาคาฉันท์ สามกก๊ ราชาธิราช เร่ืองยอ่ 1 พระเวสสนั ดร ยกกัณหาและชาลี แกช่ ชู ก 2 เทวบุตรนมิ ติ กายมาเปน็ พญาพาฬมฤคราช เพือ่ ขดั ขวางไม่ให้พระนางมัทรีกลับถึงอาศรม 3 พระนางมัทรเี ขา้ ปา่ ไปหาอาหารตามปกติ แต่พบลางรา้ ยและเจอสตั ว์รา้ ยทง้ั 3 ขวางทาง ทาใหก้ ลบั อาศรมชา้ กวา่ ปกติ 4 เมอ่ื เสดจ็ กลับถงึ อาศรมไดท้ ลู ถามพระเวสสันดร ถึงพระกมุ ารท้ังสอง พระเวสสันดรแสรง้ บรภิ าษต่อวา่ ทาใหพ้ ระนางมัทรีเสยี พระทัยและเทย่ี วตามหาสองกมุ าร 5 พระนางมัทรเี ที่ยวเสด็จตามหากุมารท้งั สอง “ทวั่ ประเทศทกุ ราวปา่ ” ต้งั แตย่ ามเย็นจนรงุ่ เชา้ จนส้ินไรเ้ ร่ียวแรง เมื่อเสด็จกลับมาถึงทอี่ าศรม กส็ ลบไป 6 คร้นั พระนางมัทรฟี ้ืนคืนสติ พระเวสสันดรจงึ ยอม บอกความจรงิ วา่ ได้มอบสองกุมาร ใหแ้ ก่ชูชกแลว้ พระนางมัทรีจงึ อนโุ มทนาบตุ รทานบารมี ทาให้เทวดานางฟ้าทัง้ หลาย ตา่ งรอ้ งสาธุการสรรเสริญ และโปรยดอกไมท้ ิพย์ ท่ีพระนางมัทรีทรงกระทาอนโุ มทนาทาน - จบกณั ฑม์ ทั รี - วเิ คราะห์คุณคา่ คณุ คา่ ด้านเน้ือหา
วิเคราะห์คุณคา่ คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
ความรูส้ ึกของตวั ละครอย่างไร?
เกดิ จินตภาพ
ในเนอ้ื เร่อื งได้อยา่ งโดดเดน่
วิเคราะหค์ ณุ คา่ คุณค่าด้านสงั คม
สะทอ้ นคดิ “พนิ จิ ภูมิปญั ญาทางภาษา” เร่อื งมหาเวสสนั ดรชาดกเกย่ี วข้องกับ ขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยในเรอ่ื งใด มสี ง่ิ ใดทส่ี ะทอ้ นถึงภูมปิ ัญญาทางภาษา ซึ่งเป็นมรดกสืบทอดมาจนถงึ ปัจจบุ นั ? สะทอ้ นคดิ “พนิ จิ วรรณคดี” นกั เรยี นไดร้ บั ขอ้ คดิ คติสอนใจ หรอื ประโยชนจ์ ากการศึกษาเรอื่ ง มหาเวสสนั ดรชาดกอยา่ งไรบ้าง ท่สี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ได้ รา ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม ทั รี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี ๕ โดย คณุ ครจู ฬุ าลกั ษณ บญุ ไชย ครชู ํานาญการพเิ ศษ กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย โรงเรยี นสตรรี าชนิ ทู ศิ อาํ เภอเมอื งอดุ รธานี จงั หวดั อดุ รธานี สาํ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาอดุ รธานี รายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑม ทั รี ภาพ https://blog.startdee.com/ ผแู ตง เจาพระยาพระคลัง (หน) ประวัตผิ ูแ ตง เจาพระยาพระคลงั (หน) เกดิ ในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาตอนปลาย แผน ดินสมเด็จพระเจา อยหู วั บรมโกศ ในสมยั สมเด็จพระเจาตากสนิ มหาราช รบั ราชการเปน หลวงสรวชิ ติ แลวไปเปนนายดานเมืองอุทยั ธานใี น สมัยรัชกาลท่ี ๑ แหงกรงุ รตั นโกสินทร ไดเลื่อนเปนพระยาพพิ ฒั นโ กษาและเจา พระยา พระคลงั เสนาบดี จตสุ ดมภกรมทา ถึงแกอ สัญกรรมเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๔๘ สมัยรชั กาลท่ี ๑ งานประพันธ อเิ หนาคาํ ฉันท ลิลิตเพชรมงกุฎ บทมโหรเี รอ่ื งกากี สามกก ราชาธิราช ลลิ ติ พยหุ ยาตราเพชรพวง ลิลิตศรวี ชิ ยั ชาดก รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑก มุ ารและ กัณฑมทั รี ลักษณะคําประพันธ เปน รา ยยาว วธิ กี ารแตงยกคาถาบาลีขึ้นเปน หลัก แลว แปลแตง เปนภาษาไทยดว ยรายยาว ภาพ https://blog.startdee.com/ หนา ๒ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย ท่ีมาของเรื่อง มาจาก รายยาวมหาเวสสันดรชาดก ซง่ึ เปน เร่อื งหนง่ึ ในทศชาตชิ าดก หรือ “ทศชาตชิ าดก” จุดประสงคใ นการแตง เพ่อื นําหลักธรรมมาสั่งสอนประชาชน โดยเฉพาะ สตรี ประกอบดวยพระคาถา ๙๐ พระคาถา เพลงพณิ พาทยป ระจํากณั ฑ ทยอยโอด ความเปน มาของมหาเวสสันดรชาดก ความหมายของคําวา ‘ชาดก’ ชาดกเกดิ จากการสรา งคําแบบบาลสี ันสกฤต โดยคาํ วา ชาดก มาจาก ชาตะ แปลวา เกิด และ ก (อา นวา กะ) แปลวา ผ,ู หมวด ดังนน้ั ชาดก จงึ หมายถึง ผทู ่เี กิด มาแลว อยา งคําวา ทศชาติชาดก ทีแ่ ปลวา ผทู ่เี กดิ มาแลว สบิ ชาติ หรอื พระพทุ ธเจา นั่นเอง ที่มาของ ‘มหาเวสสนั ดรชาดก’ มีความเชอ่ื วา พระพทุ ธเจา เสวยพระชาติมาหลายชาติ ท้งั คนท้งั สตั วเดรัจฉาน โดยแตล ะชาติ พระองคไดบ าํ เพญ็ บารมีแตกตา งกันออกไป ซึ่งมหาเวสสนั ดรชาดกเปน ชาติสดุ ทายกอ นจะประสูติมาเปน พระพทุ ธเจา ในชมพทู วปี (ชาติสดุ ทา ยกอ นพระองคจ ะเสดจ็ ดับขันธป รินิพพาน) และมกี ารบาํ เพญ็ บารมี ดวยการใหทาน โดยบรจิ าคลกู และบริจาคเมียเปน ทาน (บุตรทารทาน) สาํ หรบั ทมี่ าท่ไี ปของมหาเวสสนั ดร ชาดก เรมิ่ ตน ขน้ึ เมื่อพระพทุ ธเจาเสด็จไปท่ีเมอื งกบลิ พสั ดุ พรอมกับพระอรหันตส องรูป เพือ่ จะไปเทศนา โปรดพระบิดาและพระญาติ แตพ ระญาตเิ กดิ อตั ตา ไมย อมไหวพระพุทธเจา พระพุทธเจา จงึ แสดง ปาฏหิ าริย โดยการเหาะเหนิ เดินอากาศ ทาํ ใหฝนุ ใตพระบาทาปลวิ มาตดิ หวั พระญาติ และมีฝนโบกขร พรรษตกลงมาสูเบือ้ งลา ง ฝนโบกขรพรรษเปนฝนท่ีมสี ีแดงใสบริสทุ ธ์ิราวกกับทบั ทมิ ถาตองการเปย กฝน นนั้ ฝนก็จะเปย กเน้อื ตวั ตามปกติ แตถ า ไมตอ งการเปยกฝน เมด็ ฝนน้ันกจ็ ะระเหยหายไปทนั ที เมื่อเกิดฝนโบกขรพรรษขน้ึ พระอรหนั ตท ่ตี ามพระพทุ ธเจา ไปจงึ ถามวาฝนนเี้ กิดขึ้นไดอ ยา งไร พระองคจงึ บอกวา ฝนน้เี คยเกดิ มาแลว ในครง้ั ท่ีพระพุทธเจา เสวยพระชาตเิ ปนพระเวสสนั ดร พระพทุ ธเจา เลยถอื โอกาสน้เี ลาวา พระองคสามารถระลึกชาตไิ ด โดย ๑๐ ชาติสุดทา ยหรือทศชาติ ไดแก เตมียช าดก มหาชนกชาดก สวุ รรณสามชาดก เนมริ าชชาดก มโหสถชาดก ภูรทิ ตั ชาดก จันทชาดก นารทชาดก วทิ ูรชาดก และเวสสันดรชาดก ซ่ึงแตล ะชาตพิ ระองคไ ดบาํ เพ็ญบารมีในรปู แบบทีแ่ ตกตา งกันออกไป เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๓ ตัวละครในมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม ัทรี พระเวสสันดร พระเวสสันดรเปนตวั ละครหลกั ของรา ยยาวมหาเวสสันดรชาดก เปน พระโอรสของ พระเจา กรงุ สญั ชยั และพระนางผุสดีแหงเมอื งสีพี พระเวสสันดรมกั จะบรจิ าคทานดว ยวธิ ตี า ง ๆ มาตงั้ แต เด็ก เชน ยกเคร่อื งประดับเงินทองแกวเพชรของตนใหผอู ื่น ตอมาเมื่ออภเิ ษกกบั พระนางมทั รี และมีลกู ชื่อพระกัณหา และพระชาลี พระองคไดต ้ังโรงทานจํานวนมาก และบรจิ าคชางปจ จัยนาเคนทรซ่งึ เปน ชางเผือกคูบา นคเู มอื งใหกบั ทตู ของเมอื งอนื่ ที่มาขอชา งเชอื กนี้ ทาํ ใหช าวเมอื งไมพ อใจจึงเรียกรอ งให พระเจากรงุ สญั ชัยเนรเทศพระเวสสันดรออกจากเมอื ง พระเวสสันดร พระนางมทั รแี ละลกู ๆ จึงตอ งออก จากเมอื งไปอยใู นปา ซึ่งพระเวสสันดรไดบ าํ เพ็ญเพยี รภาวนาประพฤติพรหมจรรยอยใู นอาศรม สวนพระนางมทั รไี ดด แู ลปรนนบิ ัติลกู และสามที ่อี าศยั อยูใ นอาศรมแหง นี้ พระนางมัทรี พระนางมทั รีเปนพระราชธิดาของกษตั ริยมทั ราช อภิเษกสมรสกบั พระเวสสันดร มพี ระโอรสชือ่ พระชาลี และมพี ระธดิ าชอ่ื พระกัณฑห า ดว ยความภักดีตอ พระสวามนี างจงึ พาลกู ๆ ตามเสด็จพระเวสสันดรออกมาอยูในปา ดวย ทั้งยงั ทาํ หนาทีด่ ูและปรนนิบตั ริ ับใชสามแี ละดูแลลกู ทง้ั สอง ตามหนา ท่ีของตน พระชาลี พระชาลเี ปน พระราชโอรสของพระเวสสนั ดรกับพระนางมทั รี ซง่ึ คาํ วา ชาลี หมายถงึ ตาขาย มาจากตอนทีพ่ ระชาลีประสตู ิ เหลา พระประยรู ญาติไดน าํ ตาขา ยทองมารองรบั พระชาลี พระกณั หา พระกณั หาเปนพระราชธดิ าของพระเวสสนั ดรกบั พระนางมัทรี และเปนพระกนษิ ฐา (นอ งสาว) ของพระชาลี ชูชก ชชู กเกดิ ในตระกูลพราหมณแตกลบั เท่ยี วขอทานผูอืน่ เพอื่ เลีย้ งชีพ และมีนสิ ัยทีเ่ รยี กวา บุรษุ โทษ ๑๘ ประการ เชน ความตระหนี่ ความโลภ ความฉลาดในกลอบุ ายและเลห เหลยี่ มตาง ๆ เปนตน http://mobile.psm.myreadyweb.com/article/topic-41999.html https://6232arunthipp.wordpress.com/ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๔ ถอดคาํ ประพนั ธ รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑมัทรี ในคนื กอ นรงุ เชา ที่พระนางมัทรจี ะเสดจ็ ออกจากอาศรมเขา ปาไปเกบ็ ผลไมเ ปนอาหาร ของพระเวสสนั ดร และพระกมุ ารท้ังสอง พระนางทรงฝน รา ย และทลู ขอใหพ ระเวสสนั ดรทาํ นายฝน ใหแ ม พระเวสสันดรจะทรงเสกลบเกล่ือน และไมท าํ นายฝน แตพระนางกย็ ังไมสบายพระทัย กอ นเขา ปา พระนางทรงฝากพระโอรส และพระธิดาแกพระเวสสนั ดรใหชวยดแู ลใหด ี ขณะเขา ปาพระนางหว่ันวติ ก นึกถงึ ลกู ตลอดเวลารอ งไหจนนาํ้ ตาอาบแกม ทั้งสองขาง พลางสังเกตเหน็ วาตนทม่ี ีผลไมก ลบั กลายเปน ดอกไม สวนตน ท่มี ดี อกไมกลับกลายเปน ผลไมขน้ึ แทน ดอกไมทเี่ คยเก็บไปรอ ยใหล กู ก็ถูกลมพัดปลวิ รว ง ลงมา เมอ่ื มองไปรอบทศิ ก็มดื มัวทกุ หนแหง ทอ งฟากลบั กลายเปนสแี ดงคลา ยกบั ลางบอกเหตุราย สายตาของพระนางก็เริม่ พรา มวั ตวั ส่ันใจสั่น ขอนอ ยท่ีถือกห็ ลดุ จากมอื คานท่ีหาบไวกร็ วงลงจากบา ซ่ึงเหตกุ ารณน ้ีไมเคยเกิดขึ้นมากอ น ยิง่ พระนางคดิ เทาไร ก็ยิง่ ทุกขใ จมากข้ึนเทา นัน้ ดว ยความหวนั่ ใจเรือ่ งลูก พระนางจงึ รบี เก็บผลไมเพื่อจะไดร ีบกลบั ไปหาลกู ทอี่ าศรม แตร ะหวางทาง กลับเจอ สงิ โต เสอื เหลือง และเสอื โครง ขวางทางไว นางกลวั จนใจสน่ั รา่ํ ไห คิดไปวาเปนกรรมของตนเอง นางจะหนีไปทางไหนกไ็ มไดเพราะถูกสตั วท้ังสามกัน้ ไวทุกทิศทางจนฟามดื พระนางมัทรไี มรจู ะทาํ อยา งไร จึงยกมือไหวออ นวอนขอใหส ัตวหิมพานตท ้ังสามเปด ทางใหต น โดยกลาววา พระนางคอื พระนางมทั รีเปน ภรรยาของพระเวสสันดร ตามมาอยทู อ่ี าศรมในปา ดว ยความบรสิ ทุ ธิใ์ จและกตญั ตู อ สามี นกี่ ็เวลายา่ํ คาํ่ แลวลกู คงหิวนม โปรดเปด ทางใหพ ระนางกลับไปทีอ่ าศรมแลว ตนจะแบง ผลไมใ ห จวบจนพระอาทติ ยลบั ขอบฟา สตั วห ิมพานตท้ังสามจึงยอมเปด ทางให พระนางมทั รจี งึ รีบวิง่ กลับไปทอี่ าศรมดว ยแกมท่ีอาบ นาํ้ ตา เม่อื ถงึ ทพ่ี กั พระนางมทั รกี ็ตกใจไมเห็นลกู อยใู นอาศรม รองเรียกหาเทา ไรกไ็ มม ีใครตอบ ทงั้ ทก่ี อ น หนา น้จี ะออกมาหาแมกนั พรอ มหนา ทงั้ กณั หาขอกนิ นม สว นชาลีจะขอกนิ ผลไม พระนางมทั รเี สยี ใจมาก พรํา่ บอกวาท่ผี า นมากด็ แู ลลกู อยา งดยี งุ ไมใ หไตไ รไมใหต อม หวงั จะกลับมาพบลกู ใหช นื่ ใจ กอ นหนานยี้ ังได ยนิ เสียงลกู เลน กนั อยแู ถวนี้ น่นั ก็รอยเทาชาลี นก่ี ็ของเลน กัณหา แตเมอื่ ลูกหายไปอาศรมกลับดูเงียบเหงา เศราหมน นางจงึ ไปถามพระเวสสนั ดรวา ลูกหายไปไหน เหตุใดจงึ ปลอ ยใหค ลาดสายตา หากมสี ัตวปา จบั ไปจะทําอยา งไร แตพระเวสสันดรกลบั ไมตอบอะไร ทําใหน างกลมุ ใจยิง่ ไปกวา เกา ดว ยความกลุม ใจ ตวั กร็ อ น นาํ้ ตาก็ไหล กระวนกระวายพลางบอกวา ไมเ คยมคี รัง้ ใดทีน่ างรสู ึก แคน เคอื งใจขนาดนี้ เพราะนางออกจากเมืองมาก็หวงั วา อยา งนอยจะไดสขุ ใจเพราะอยพู รอ มหนากับลูก และสามี แตเ มอ่ื ลูกหายตวั ไป ความหวังน้ันก็คลา ยจะดับสนิ้ พระนางมัทรอี อนวอนขอใหพ ระเวสสันดรตรสั กบั นางบา ง เพราะการนัง่ นิ่งเหมอื นโกรธเคอื ง พระนางมัทรนี ้นั ยงิ่ ทําใหป วดใจราวกบั มคี นเอาเหล็กรนไฟมาแทงทห่ี ัวใจ หรอื เปนคนไขท่หี มอนาํ ยาพิษ มาใหด มื่ อกี ไมกวี่ นั คงสิน้ ชวี ติ อยา งแนน อน เม่อื พระเวสสันดรไดยินพระนางมทั รีพดู ดังนน้ั ก็คิดวา หากใช เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๕ ความหงึ หวงคงเปน วธิ ีคลายความโศกใหพ ระนางได จึงตรัสวา ในปา หมิ พานตแหง นม้ี ีทงั้ พระดาบสและ นายพรานจาํ นวนมาก เจาออกไปเกบ็ ผลไมต งั้ แตเชาจนยา่ํ ค่ํา หากไปทาํ อะไรในปาแหงนีก้ ็คงจะไมม ีใคร รูเห็น เหตุใดจงึ ทิง้ ลูกหนเี ขา ไปในปา นานถึงเพยี งน้ี พอกลบั มายงั หว งแตล กู ไมห ว งสามแี ตอ ยางใด หรอื หากไมน ึกถงึ สามกี ็ไมควรหายเขา ไปในปา นานถงึ เพียงนี้ จะใหเ ราเขาใจไดอ ยา งไร เม่ือพระนางมัทรีไดยินดงั น้ัน จงึ กราบทลู วา เหตุใดพระองคจ งึ ไมไ ดยนิ เสียงของราชสหี เสอื โครง และเสือเหลอื ง เพราะสตั วท ้งั สามน้ที าํ ใหท ําใหพระนางไมส ามารถกลับอาศรมได ทง้ั ยังเกดิ เหตุรายหลาย ประการขณะท่ีนางเขาไปในปา ทั้งของทถ่ี ือกห็ ลุดจากมือ คานทหี่ าบไวก็รว งลงจากบา ตน ไมท เ่ี คยผลดิ อก ก็ออกผล ตน ไมท ีเ่ คยออกผลกผ็ ลิดอกออกมา ชวนใหห วาดกลัวจนตวั ส่ัน อธิษฐานภาวนาใหล กู และสามี ปลอดภยั แลว รบี กลับมายังอาศรมแตถ กู สตั วร ายทั้งสามตวั นอนขวางทางเอาไว จงึ ตอ งกราบออ นวอน สัตวท ั้งสามใหเปดทางให จนพระอาทติ ยต กดนิ สตั วท ้ังสามจงึ หลกี ทาง แลว พระนางมัทรกี ร็ บี วงิ่ กลบั มายงั อาศรมน้ี มิไดไปทาํ สิ่งใดทีไ่ มเหมาะไมค วรแตอยา งใด ฝา ยพระเวสสนั ดรเม่อื ฟงคาํ ตอบ ของพระนางมัทรี กเ็ อาแตนง่ิ เงยี บทั้งคนื จนกระทัง่ รงุ เชา ระหวางนน้ั พระนางมทั รีโศกเศรารํ่าไห คร่าํ ครวญวา ตนปฏิบตั ิตอ สามดี ่งั ศิษยป ฏิบตั ิตอครู ดูแลลูก ทง้ั สองแบบยุงไมใหไตไรไมใหต อม ทง้ั บดขมนิ้ ไวใหอ าบนา้ํ จดั หาอาหารมาใหม ไิ ดข าด แลว ออ นวอนให สามเี รียกลกู มากนิ อาหารท่ีตนหามา ถามวา ลูกอยแู หงหนใดเหตใุ ดจึงยงั ไมย อมออกมา แตไมว า จะรองขอ ออนวอนอยา งไรสามีก็นง่ิ เฉยไมเ อย สิง่ ใดออกมา พระนางจึงถวายบังคมลาออกไปตามหาลูกท้งั สองในปา หิมพานต เมื่อออกตามหาจนทั่วแลว ไมพบจงึ กลับมาทอี่ าศรมพบวา พระเวสสนั ดรยังคงนง่ั น่ิงอยเู หมอื น กอนหนานไ้ี มมีผิด พระนางจึงตัดพอวา เหตใุ ดพระเวสสันดรจงึ ยงั นงั่ นิง่ อยไู มลกุ มาผาฝน ตักนา้ํ ใสบอ หรอื กอ ไฟไวอยางท่ีเคยทําเปนประจาํ ทกุ วนั พรอ มกบั บอกวา พระเวสสันดรน้ันเปนทรี่ กั ของพระนางมัทรี อยา งยง่ิ เมอื่ กลับมาจากปา เห็นพระพักตรข องพระองคและไดเห็นลกู ท้ังสองว่ิงเลน กค็ ลายความเหนอ่ื ย ลา เปนปลิดทง้ิ แตว ันนีก้ ลบั กลายเปนความทกุ ขรอน เศรา โศก เพราะพระองคไ มยอมตรสั สิ่งใด กับพระนาง แมพ ระนางมัทรจี ะไดออกตามหาพระกัณหาและพระชาลไี ปท่วั ปา ทั้งราตรี แลวกลบั มาหา พระเวสสนั ดรอยางไรพระองคก ็ไมย อมตรสั สิ่งใดอยูเชนเดิม นางมัทรสี ะอื้นไหจ นหมดสติลม ลงกบั พน้ื พระเวสสนั ดรบรรพชาเปนดาบสมากวา ๗ เดือน ไมเ คยไดแ ตะตอ งตวั พระนางมัทรี แตว นั นี้ดว ย ความเศราโศกและตระหนกตกใจเกรงวา พระนางจะเปน อะไรไป พระเวสสันดรจึงเขาไปตรวจชีพจรดแู ล นางจนไดสติตืน่ ฟนขึ้นมา ฝายพระนางมทั รเี ม่ือฟนขนึ้ มากท็ ูลถามอีกคร้งั วา ลกู ทัง้ สองอยแู หง หนใด กลับมาแลว หรือไม พระเวสสันดรจงึ ตอบวาตนไดยกพระกณั หากบั พระชาลใี หก บั ชชู กไปแลว แตพ ระองค มิไดบอกกับพระนางมทั รตี ้งั แตต น เกรงวา พระนางจะเศรา โศกเสยี ใจ เมือ่ ไดรคู วามจริงแลว พระนางมัทรี จงึ คลายความทุกขเ ศราลงแลว อนโุ มทนาบญุ กบั บตุ รทานท่พี ระเวสสนั ดรไดปฏบิ ัตใิ นครัง้ น้ี เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๖ บทวิเคราะหคณุ คาดา นเนือ้ หา ๑. รปู แบบ มหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑมทั รี แตง ดวยคาํ ประพันธป ระเภทรายยาว นาํ ดว ยคาํ ภาษาบาลี ทอ นหนึง่ แลว แตงดวยรา ยยาวมคี าํ บาลแี ทรก เปน การใชร ปู แบบคาํ ประพนั ธไ ดเ หมาะสมกบั สาระสําคัญ ซ่งึ จะทําใหผูอานมีความซาบซึ้งในความรักของผเู ปน แมไ ดอ ยางดยี ิง่ ๒. องคประกอบของเรอื่ ง ๒.๑ สาระสาํ คญั เปน การแสดงความรกั ของแมทีม่ ีตอลกู วา เปน ความรกั ทย่ี ่งิ ใหญการพลดั พราก จากลกู ยอ มนาํ ความทกุ ขโ ศกมาสูแ มอยา งยากทจ่ี ะหาสิง่ ใดเปรยี บได ๒.๒ โครงเรอื่ ง มกี ารวางโครงเร่อื งไดด ีโดยผูกเรอ่ื งใหเทพบุตร ๓ องคน ิรมติ กายเปนสัตวรา ย มาขวางนางมัทรไี ว จนกลับอาศรมไดท ันเวลาทพ่ี ระเวสสนั ดรจะใหทานสองกมุ ารใหกบั พราหมณชูชก เม่ือนางกลบั มาแลว ไมพ บสองกุมารกโ็ ศกเศรา เสียพระทยั จนสลบไป ตอมาภายหลังไดทรงทราบวา พระเวสสนั ดรทรงใหท านสองกุมารใหแกพราหมณชชู ก นางมทั รกี ค็ ลายความเศรา โศกพระทัย และ เต็มพระทัยอนโุ มทนาในบุตรทานของพระเวสสนั ดร ๒.๓ ตัวละคร พระเวสสันดร มีลักษณะสาํ คัญดงั นี้ ๑) มีคณุ ธรรมสูงเหนือมนุษย ยากทีม่ นษุ ยทวั่ ไปจะทาํ ได ไดแกก ารบรจิ าคบตุ รทาน คือ พระชาลีและพระกณั หา ซ่ึงเปรียบเสมือนแกว ตาดวงใจของพอ แมใหเ ปน ทานแกช ชู ก นบั เปนการ บําเพ็ญทานอนั ย่งิ ใหญประการหนงึ่ ๒) มคี วามเขาใจในธรรมชาตขิ องมนษุ ย เชน ทาํ การใหนางมัทรตี อ งเจ็บพระทยั เพ่ือ จะไดคลายความเศราโศกทพ่ี ระกุมารทงั้ สองหายไป เปนการใชจติ วทิ ยาเพื่อใหน างมทั รีคลายความเศรา โศก มิเชน นน้ั นางอาจจะเศราโศกจนเกดิ อนั ตรายได นางมทั รี มลี กั ษณะสําคัญดังน้ี ๑) มีความจงรักภกั ดีตอ พระสวามี ๒) เปน ยอดกลุ สตรี ปฏิบตั หิ นาทภี่ รรยาและมารดาไดอยางสมบูรณครบถว น ๓) มคี วามอดทน ไมย อ ทอตอ ความยากลําบาก ๔) มจี ิตอันเปน กศุ ล จึงอนุโมบุตรทานของพระเวสสนั ดร เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๗ ๒.๔ ฉากและบรรยากาศ ฉากเปน ปา บริเวณอาศรมของพระเวสสนั ดร ผูแตง บรรยายบรรยากาศไดสมจริง และเหมาะสม สอดคลอ งกับเนื้อเรื่อง ดงั ปรากฏบทอาขยานท่ีนกั เรียนทองจาํ ๒.๕ กลวธิ ีในการแตง แตง ดวยคาํ ประพนั ธประเภทรา ยยาวทมี่ คี าถาบาลนี าํ เปนตอนทีว่ าดว ยนางมัทรเี ขา ปา ไปหา ผลไม กลับมาไมพบพระกุมารผเู ปน ลูก จงึ ออกตามหา ผแู ตง เนน ใหผ อู า นเกดิ ความซาบซงึ้ ในการพรรณนาความรกั ของแมท ีม่ ตี อ ลกู รสวรรณคดี ทีเ่ ดนชัดที่สดุ คือ สลั ลาปงคพสิ ยั รองลงมาคือ พโิ รธวาทงั ซงึ่ ปรากฏในตอนท่ีพระเวสสนั ดรทรงเหน็ นางมทั รเี ศรา โศก จึงคดิ หาวธิ ตี ัดความเศรา โศกน้นั ดว ยการกลา วบรภิ าษนางมทั รวี า คิดนอกใจไปคบ กับชายอน่ื นางมทั รที รงเจบ็ พระทัยเลยตดั พอ พระเวสสนั ดรกอนจะออกตามหาพระโอรสพระธิดา ดว ยพระวรกายทอ่ี ดิ โรยจนสลบไป ตอนนี้เปน ชว งที่สะเทอื นอารมณและบีบคน้ั หัวใจมาก สง ผลใหผ ูอา น เกิดความรสู กึ สงสารและเห็นใจนางมทั รที ี่ตอ งสูญเสีย แตเ ม่ือทราบความจริงนางก็เขาใจคลายความเศรา โศกและอนโุ มทนาทานบารมกี บั พระเวสสนั ดร ผอู านกเ็ กิดความปติใจ นับวา ผแู ตงไดใ ชกลวิธีในการ นาํ เสนอไดอยา งสะเทอื นอารมณ และนา สนใจ คณุ คา ดานวรรณศลิ ป ๑. การสรรคาํ กวไี ดเ ลือกสรรคําทส่ี ือ่ ความคิดไดด ดี งั น้ี ๑.๑ การใชถ อ ยคาํ ใหเ กดิ อารมณสะเทอื นใจ กวีเลอื กใชคาํ ไดเหมาะสมกับอารมณทต่ี องการ จะถายทอด ดงั ตัวอยา งตอ ไปน้ี ๑) การใชถอยคาํ รําพงึ รําพนั เปน การราํ พงึ ราํ พันบรรยากาศผา นตวั ละครที่ไดอารมณค วาม สะเทือนใจ และตรงใจผเู ปนแมใ นชวี ิตจรงิ ในทุกยุคทกุ สมัย เปน การเพ่มิ ความรกั ความผูพันใหผ อู า นและ ผูฟงที่เปนแมแ ละลกู ไดเ ปน อยา งดยี ิง่ ดงั นี้ “...เมื่อเชา แมจะเขา สปู า พอ ชาลีแมก ณั หายังทูลสง่ั แมย งั กลบั หลังมาโลมลบู จูบ กระหมอ มจองเกลา ทง้ั สองรา กลิน่ ยงั จบั นาสาอยูรวยรน่ื ....ใครจะดอกพระศอเสวยนมผทมดวยแมเ ลา ยามเม่อื แมจ ะเขา ที่บรรจถรณ เจาเคยเรยี งหมอนนอนแนบขางทุกราตรี แตนแ้ี มจ ะกลอมใครให นทิ รา...” เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๘ ๒) การใชถอยคาํ สาํ นวนเชงิ ตดั พอ ใหใ หเ กิดอารมณส งสารเวทยาและบีบค้นั จติ ใจผูอานผูฟง เปน อยางย่ิง ดังน้ี “....อกของใครจะอาภัพยับพกิ ลเหมือนอกของมัทรีไมม เี นตร นาทจ่ี ะสงสารสังเวชโปรด ปราณีวา มัทรีนีเ้ ปนเพ่ือนยากอยูจ ริงๆ ชา งคอนตงิ ปริภาษณาไดล งคอไมค ิดเลย พระคุณเอยถึงพระองค จะสงสัยกน็ า้ํ ใจของมทั รีนกี้ ตเวที เปน ไมเ ทา กา วเขา สูท ท่ี างทดแทน......อปุ มาเหมอื นสีดาอนั ภักดตี อสามี รามบณั ฑติ ปานประหน่งึ วาศิษยก บั อาจารย พระคุณเอย เกลา กระหมอ มฉานทาํ ผิดแตเ พียงนเ้ี พราะวา ลว งราตรจี ่งึ มีโทษ ขอพระองคทรงพระกรณุ าโปรด ซงึ่ โทษโทษานโุ ทษกระหมอ มฉนั มัทรีแตค ร้ังเดยี ว น้เี ถิด” ๓) การใชแ สดงอารมณห ึงหวงใหเ จ็บแคนเพ่ือดบั ความโศกเศรา ใหเ กิดอารมณส งสารเวทยา และบีบค้ันจติ ใจผูอา นผูฟ ง เปนอยางยิ่ง ดังน้ี “....จาํ จะเอาโวหารการหงึ เขามาหักโศกใหเ สอื่ มลง จึ่งเออื้ นโองการตรัสประภาษวา (ดูกร นางนาฏ พระนอ งรกั เจา ผมู พี กั ตรอันผดุ ผองเสมอื นหนง่ึ เอานาํ้ ทองมาทาบทบั ประเทอื งผวิ ราวกะวา จะลอยลว่ิ เลื่อนลงจากฟา ใครไดเห็นเปน ขวัญตาเต็มจะหลงละลายทกุ ขปลกุ เปลอ้ื งอารมณช ายใหเชยช่ืน จะนั่งนอนเดินยนื ก็ตองอยาง) พรอมดว ยเบญจางคจริตรปู จาํ เริญ โฉมประโลมโลกลอ แหลมวไิ ลลกั ษณ ประกอบดว ยเช้ือศกั ด์สิ มมุตวิ งศพ งศกษตั รา เออกเ็ มือ่ เชาเจา จะเขา ปานา สงสารปานประหน่ึงวา จะไปมิได ทาํ รอ งไหฝากลูกมิรแู ลว ครั้นคลาดแคลวเคลื่อนคลอ ยเขา สดู ง ปานประหน่ึงวา จะหลงลมื ลูกสละผัวตอ มดื มัวจ่ึงกลบั มา ทําเปนบีบนา้ํ ตาตอี กวา ลกู หาย ใครจะไมรูแยบคายความคิดหญงิ ถา แมน เจาอาลัยอยดู ว ย ลกู จริง ๆ เหมือนวาจา กจ็ ะรบี กลับเขา มาแตว วี่ ันไมทันรอน เออนเ่ี จา เทยี่ วพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนก ชมไมในไพรวันสารพนั ท่จี ะมี ทง้ั ฤๅษสี ิทธว ทิ ยาธรคนธรรพ เทพารักษผูมีพกั ตรอ นั เจริญ เหน็ แลว กน็ า เพลิดเพลนิ ไมเมนิ ได” ๔) การใชค าํ ซ้ําและกลุมคาํ ทม่ี ีพืน้ เสียงเดยี วกนั ดงั น้ี “....อกแมน้ีใหอ อนหวิ สุดละหอย ท้ังดาวเดือนกเ็ คลอื่ นคลอยลงลับไม สุดทแ่ี มจ ะตดิ ตามเจา ไปในยามนี้ ฝูงลงิ คางบางชะนีทนี่ อนหลบั กก็ ลง้ิ กลับเกลอื กตวั อยยู ้ัวเยย้ี ทงั้ นกหกกง็ ัวเงียเหงาเงียบทุก รวงรงั แตแมเทยี่ วเซซงั เสาะแสวงทุกแหง หอ งหิมเวศ ทวั่ ประเทศทุกราวปา สดุ สายนยั นาท่ีแมจะตาม ไปเลง็ แล สุดโสตแลว ทีแ่ มจะซับทราบฟงสําเนยี ง สุดสรุ เสยี งท่ีแมจะร่าํ เรียกพไิ รรอง สุดฝเทา ทแี่ มจะ เย่อื งยอ งยกยางลงเหยียบดิน ก็สดุ ส้ินสุดปญญาสดุ หาสุดคน เหน็ สดุ คิด จะไดพานพบประสบรอย พระลูกนอ ยแตสกั นิดไมม เี ลย” เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๙ ๒. การใชโ วหาร กวไี ดเลอื กใชสํานวนภาษากอ ใหเ กิดจนิ ตภาพ ดังน้ี ๒.๑ การใชอ ุปมาโวหารท่ีแสดงความเศราโศกของนางมทั รจี นสลบไปเปน จุดเดน ของกัณฑม ทั รี ที่ทาํ ใหผอู า นเกิดอารมณสะเทือนใจดวยความสงสาร การใชถอ ยคาํ แสดงความสามารถของกวใี นการ ประพนั ธไ ดอยา งชดั เจน ดงั ตวั อยา ง “...ควรจะสงสารเอย ดว ยนางแกวกัลยาณี นอ มพระเกศลี งทลู ถามหวงั จะตดิ ตามพระลกู รกั ท้งั สอง รา กราบถวายบงั คมลาลุกเลอ่ื นเขยอื้ นยกพระบาทเยอื้ งยา ง พระกายนางใหเ สียวสนั่ หวนั่ ไหวไป ท้ังองค ดจุ ชายธงอนั ตองกําลังลมอยลู วิ่ ๆ ส้นิ พระแรงโรยเธอโหยหวิ ระหวยทรวง พระศอเธอหงุบงวง ดวงพระพักตรเ ธอผดิ เผอื ดใหแปรผัน จะทูลสง่ั ก็ยังมทิ นั ทวี่ า จะทูลเลยแตพอตรสั วาพระคณุ เจาเอย คําเดยี ว เทา น้นั ก็หายเสียงเอียงพระกายบา ยศโิ รเพฐน พระเนตรหลบั หบั พระโอษฐล งทนั ที (วสิ ญฺ ี หุตวฺ า) นางกถ็ งึ วสิ ัญญสี ลบลงตรงหนา ฉาน ปานประหนงึ่ วา พุม ฉตั รทองอันตองสายอสั นฟี าดขาดระเนนเอนแลว ก็ ลมลงตรงหนาพระที่นงั่ เจา นัน้ แล ๒.๒ การใชคําอา งองิ สาํ นวนสภุ าษิต เปน การใชถอ ยคําใหเ กิดแงคดิ กบั ผูอ า นและผูฟ ง ไดเปน อยางดี ดงั น้ี “...โอพ ระจอมขวัญของแมเอย เจามิเคยไดค วามยากยา งเทาลงเหยียบดนิ รน้ิ กม็ ไิ ดไ ต ไรมิได ตอม... ....อกเอย จะอยูไปไยใหท นเวทนา อปุ มาเสมือนหนึง่ พฤกษาลดาวัลยยอมจะอาสัญลงเพราะลกู เปนแทเ ทยี่ ง .... .... อปุ มาเสมือนหน่ึงภมุ รนิ บนิ วะวอ น เทีย่ วซบั ซาบเอาเกสรสคุ นธมาเลศ พบดอกไมอนั วเิ ศษ ตอ งประสงค หลงเคลาคลงึ รสจนลมื รัง เขาเถอ่ื นเจา ลมื พรา ไดหนาเจา ลืมหลัง..” คุณคา ดา นสังคม ๑. สะทอ นคา นยิ มเก่ยี วกบั สังคมไทย ในสมยั โบราณถือวา ภรรยาเปนทรพั ยสมบตั ขิ องสามี สามีมี สิทธเิ์ หนือภรรยาทุกประการ ถา สามีเปน กษัตรยิ อาํ นาจน้ันกม็ ากขึ้น ดังคาํ ท่ีพระเวสสันดรตรสั แกน าง มทั รีวา “...เจาเปน แตเพยี งเมยี ควรหรอื มาหม่นิ ได ถา แมน พ่ีอยใู นกรงุ ไกรเหมือนแตก อ นเกา หากวา เจา ทาํ เชนนี้ กายของมัทรกี จ็ ะขาดสะบน้ั ลงทันตาดวยพระกรเบือ้ งขวาของอาตมานแ้ี ลวแล…” นอกจากนผี้ ูหญิงจะตอ งปรนนบิ ตั สิ ามี ซ่อื สัตยตอ สามี สว นลูกน้ันถอื เปน สมบัตขิ องพอแม ตอ งเครารพ เชื่อฟง และพอ แมสามารถยกลกู ใหผ อู น่ื ได เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๐ ๒. สะทอนใหเห็นธรรมชาตขิ องมนษุ ย ความรกั นาํ มาซึง่ ความทกุ ข ความโศกเศราเสยี ใจเชน เม่อื ลกู พลัดพรากจากไปพอ แมย อมมคี วามทกุ ขเ พราความรัก ความเปน หว ง กงั วล โศกเศรา เม่อื คดิ วา ลูกของตนลม หายตายจากไป แตความโศกเศรา เสยี ใจจะบรรเทาลงไดเ ม่อื มคี วามโกรธ เจ็บใจ หรอื เม่ือ เกดิ ความเขาใจในส่งิ ท่ีผูอน่ื ทํา ตวั อยางเชน ตอนทพ่ี ระเวสสนั ดรกลา วบรภิ าษนางมัทรี เพอ่ื ใหน างมทั รีจึงโกรธจนลมื ความ โศกเศรา “...สมเดจ็ พระราชสมภาร เม่อื ไดสดับสารพระมทั รเี ธอแสนวโิ ยคโศกศลั ยสดุ กาํ ลงั ถงึ แมน จะ มิตรสั แกนางม่ังจะมเิ ปน การ จําจะเอาโวหารการหึงเขามาหกั โศกใหเสอื่ มลงจึง่ เออื้ นโองการตรัสประภาษ วา ....” ๓. สะทอ นความเชือ่ ของสงั คมไทย จากขอความตอนที่พระนางมทั รอี อกสูป าเพอื่ หาเกบ็ ผลไม ผลไมก็เพีย้ นผิดปกติ ซงึ่ ถอื วา เปน ลางรา ย จากความในบทประพันธวา “...เหตุไฉนไมท ีม่ ีผลเปนพมุ พวง ก็กลายกลบั เปนดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโนน น่ันแกว เกดพิกลุ แกมกบั กาหลง ถัดไปก็สายหยดุ ประยงคแลยมโดย ยามพระพายพัดเคยรวงโรยรายดอกลงมนู มอง แมย งั ไดเก็บมารอ ยกรองไปฝากลูกเมื่อวันวาน กเ็ พยี้ นผิดพิสดารเปน พวงผล สพฺพา มยุ ฺหนตฺ ิ เมทิสา ทง้ั แปดทศิ ก็มดื มัวทวั่ ทกุ แหง ท้ังขอบฟา ก็ดาดแดงเปน สายเลือด ไมเ วน วายหายเหือดเปน ลางราย ไปรอบขา ง ทกฺขิณกฺขิ นยั นต าขวาก็พรางๆอยพู รายพรอ ย ดจู ิตใจของแมน ยี้ งั นอ ยอยนู ิดเดยี ว ทง้ั อนิ ทรยี กเ็ สยี ว ๆ ส่นั ระรวั ริก สาแหรกคานบันดาลพลกิ พลัดลงจากบา ทงั้ ขอนอยในหตั ถาทเ่ี คยถอื ก็หลดุ หลน ลง จากมอื ไมเคยเปนเห็นอนาถ....” ลางราย ๙ ประการ ไดแก ๑. ไมผ ลกลบั กลายเปน ไมด อก ๒. ไมด อกกลับกลายเปน ไมผ ล ๓. มืดมัวไปท่ัวทัง้ ๘ ทิศ คือ อุดร อสี าน บรู พา อาคเนย ทกั ษิณ หรดี ปจ จมิ พายพั ๔. เขมนตาขวา ๕. ใจเหมือนจะขาด ๖. ขอบฟา กลายเปนสีแดงสายเลอื ด ๗. กายรูสกึ เสียว ๆ สน่ั ๆ ๘. ขอท่ีใชส อยผลไมหลุดลงจากมอื ๙. ไมค านพลกิ ลงจากบา เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๑ ๔. สะทอนเกย่ี วกับขนบธรรมเนยี มประเพณี อันเปน ประเพณที ่เี กยี่ วเน่อื งกับพระพทุ ธศาสนา โดย เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก เปนชาดกทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนนยิ มนาํ มาเลาขานจัดเปนงานเทศนม หาชาตกิ ันทกุ ป มาตง้ั แตครั้งอดตี โดยจัดสถานท่ีใหสอดคลอ งกบั เรื่องราวใหเ ปนปา ทีอ่ ดุ มไปดว ยไมผ ล บางแหงกจ็ ัด ตกแตงภาชนะใสเ ครอ่ื งกัณฑเ ทศนเปน รูปตา ง ๆ ที่สอดคลอ งกบั เน้อื เรอื่ งกัณฑ นัน้ ๆ เชน ทาํ รูปเรอื สําเภาบชู ากณั ฑกุมาร จัดเปน รูปกระจาดใหญใ สเสบยี งอาหารและผลไมต าง ๆ บชู ากัณฑม หาราช บางแหง ก็จดั กณั ฑเ ทศนก นั อยางใหญโ ตในเชงิ ประกวดประชันกนั มกี ารบรรเลงดนตรไี ทยประกอบเพื่อ ชวยสรางอารมณร ว มใหก บั ผูฟงเทศน ทั้งนพี้ ระสงฆท่มี าเปนผเู ทศนจะเปน พระสงฆท เี่ ทศไดอ ยางไพเราะ ใชภาษางาย ๆ เพ่อื ใหเขาถึงผูฟง ทุกเพศทุกวยั บางครั้งก็มีการเทศนแ หลด ว ย ปจ จบุ นั เทศนมหาชาติ จัดเปนงานประจาํ ปข องทุกทองถิ่นท่ัวทกุ ภาในประเทศไทย คานยิ มในเร่อื ง คานยิ มท่ีปรากฏในเรือ่ งมหาเวสสนั ดรชาดก เปนคา นยิ มเชิง โลกตุ ระ คอื คานิยมทางโลกหรือ คา นิยมเหนอื โลก เหนือสามัญชน เปนคา นยิ มของอรยิ บุคคลทปี่ รารถนาในพทุ ธภิ ูมิ คอื พระเวสสันดรซึ่ง ทรงเหน็ วา การบาํ เพ็ญทานบารมีหรอื การบาํ เพญ็ คณุ ความดเี ปนส่ิงสําคัญ เปนสิ่งท่มี คี าสําหรับพระองค เพราะจะนาํ พระองคไปสงู ความรูทเี่ ปน สงิ่ รูแจง เห็นจริง (พระโพธิญาณ) อันจะทําใหพระองคช ที้ าง นพิ พานชว ยสรรพสตั วท ั้งหลายใหพ นทกุ ขไ ด แนวคดิ สาํ คญั ของเร่ือง ๑. ความรกั ของแมทีม่ ีตอ ลกู นนั้ ยิ่งใหญนกั ๒. ผูท จ่ี ะปรารถนาสิง่ ตางๆ อนั ย่ิงใหญจ ะตอ งทาํ ดว ยความอดทนและเสียสละอนั ยิ่งใหญ ๓. ความซอื่ สัตยร ะหวา งสามภี รรยาทาํ ใหชวี ติ ครอบครวั มคี วามสขุ ๔. ผูม ปี ญญายอ มแกไขเหตุการณเฉพาะหนาไดด ี ๕. การบรจิ าคบตุ รทารทานหรือทานบุตรบารมเี ปน ส่ิงท่ีกระทําไดยากยิง่ ไมม ีใครจะทําไดงา ย ๆ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ส อ น ร่ า ย ย า ว ม ห า เ ว ส สั น ด ร ช า ด ก กั ณ ฑ์ มั ท รี ข อ ง คุ ณ ค รู จุ ฬ า ลั ก ษ ณ์ บุ ญ ไ ช ย หนา ๑๒ |