ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

ก่อนที่จะไปดูตัวอย่างสัญญาซื้อขาย และสัญญาจะซื้อจะขาย ทุกคนรู้ไหมว่ามันแตกต่างกันอย่างไร?? และสัญญาทั้ง 2 อย่างนี่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?? วันนี้ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จะมาอธิบายบอกต่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจ เพราะการทำสัญญาซื้อขาย และสัญญาจะซื้อจะขายนั้น มีชื่อและหลายๆอย่างที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นหากผู้ซื้อหรือผู้ขายไม่เข้าใจเจตนาของสัญญาซื้อขาย สัญญาจะซื้อจะขายที่แท้จริงหรือลงชื่อผิดสัญญา ก็อาจเป็นปัญหาได้ในภายหลังได้

สัญญาจะซื้อจะขาย คือ หนังสือสัญญาที่เกิดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการจับจองและวางเงินมัดจำก่อนที่จะซื้อขายจริง เนื่องจากก่อนจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็น บ้านหรือคอนโด จะต้องรอเวลาไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการก่อสร้างกว่าจะแล้วเสร็จ การขอสินเชื่อ ดังนั้นจึงเกิดเป็นสัญญาจะซื้อจะขายขึ้นมาเพื่อให้สัญญาว่าจะมีการซื้อขายกันอย่างแน่นอนนั่นเอง

หมายเหตุ: สัญญาจะซื้อจะขายจะเกิดตอนเริ่มต้นจะซื้อ

สัญญาซื้อขาย คือ หนังสือสัญญาซื้อขายที่ใช้กับอสังหาริมทรัพย์นั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หนังสือสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด ซึ่งเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นแล้วมีการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อแล้ว ณ วันที่ทำสัญญากัน โดยสัญญาประเภทนี้จะต้องมีการจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของสำนำงานกรมที่ดินเท่านั้น จึงจะถือว่าสัญญาซื้อขายนั้นสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมาย

หมายเหตุ: สัญญาซื้อขายจะเกิดตอนจบ หรือตกลงซื้อโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว

ความแตกต่างของสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขาย มีดังต่อไปนี้

ความแตกต่าง

สัญญาจะซื้อจะขาย

สัญญาซื้อขาย

ผลทางกฎหมาย

มีผลทางกฎหมายแม้ตกลงด้วยปากเปล่า

มีผลทางกฎหมาย ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่

เจตนาของสัญญา

เตรียมซื้อขายและรอโอนกรรมสิทธิ์ในภายภาคหน้า

มีเจตนาในการซื้อขายแล้วโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของกันเลย

การคืนเงินและฟ้องร้อง

ผู้ซื้อต้องได้รับเงินมัดจำคืนทั้งหมดหากผู้ขายเป็นฝ่ายผิด ส่วนผู้ขายก็สามารถริบเงินมัดจำได้หากผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิด หรือจะฟ้องร้องเพื่อบังคับซื้อขายก็ได้

ผู้ขายต้องคืนเงินให้ผู้ซื้อ หากไม่คืนก็ต้องฟ้องร้องในฐานฉ้อโกง แต่จะฟ้องร้องเพื่อบังคับให้ซื้อขายไม่ได้

เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าสัญญาทั้ง 2 ตัวนี้แตกต่างกันอย่างไร งั้นก็ไปโหลดไฟล์เพื่อดูตัวอย่างกันได้เลย

ตัวอย่างสัญญาจะซื้อจะขาย >>> คลิก <<<

ตัวอย่างสัญญาซื้อขาย >>> คลิก <<<

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบทความนี้ที่ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย (TREBS) ได้นำมาฝากกัน พร้อมตัวอย่างสัญญาให้ดาวน์โหลดเพื่อนำไปศึกษาและทำความเข้าใจของทั้ง 2 สัญญานี้ ทางเราหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย เป็นสถาบันระดับนานาชาติที่เป็นสอนหลักสูตรด้านอสังหาฯ ที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย มีหลักสูตรมากกว่า 20 หลักสูตร สอนมาอย่างยาวนาน ได้เปิดหลักสูตรด้านอสังหาฯมากมาย หากผู้ที่สนใจอยากจะมาอบรมกับทางโรงเรียนฯก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เลย หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์

ขายของยังไงให้รวย นี่เป็นคำถามที่นักธุรกิจ แม่ค้า หรือการซลล์ สงสัยมากที่สุด ถ้าอยากขายของให้รวย สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเทคนิคการขาย การนำเสนอ และการพูด โดยหนังสือที่จะมาแนะนำนี้เป็นหนังสือที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญทางการขาย หรือเป็นยอดนักขายเลยก็ว่าได้

มาดูกันว่ามีหนังสืออะไรที่ควรสอยมาอัพสกิลการขายกันบ้าง

ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

ศาสตร์แห่งการขายที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

เล่มนี้เขียนโดย มัตสึโมโตะ โนบุฮิซะ ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักขายอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ผู้พลิกฟื้นบริษัทที่เกือบล้มลายได้ภายในเวลาเพียง 9 เดือน จนปัจจุบันมีรายได้มากถึง 300 ล้านเยน

เทคนิคที่เขาเล่าในหนังสือคือเทคนิคการ “ปิดช่องว่างให้ปฏิเสธ” เพราะสาเหตุหลักๆ ของการโดนลูกค้าปฏิเสธจนไม่ได้ยอดกลับมาก็เพราะว่าเหล่าพนักงานขายเผลอเปิดช่องว่างให้ลูกค้านั่นเอง หรือแม้กระทั่งตอนที่โดนปฏิเสธมาแล้ว เขาก็มีวิธีพูดที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจซื้อของจนทำยอดขายได้อย่างทะลุเป้า

จุดเด่นอีกด้านของหนังสือเล่มนี้คือ ไม่ได้บอกแค่เทคนิคการพูดเพียงอย่างเดียว การฟังก็ช่วยให้ปิดยอดขายได้เช่นกัน ส่วนจะฟังด้วยวิธีไหนต้องไปติดตามในเล่ม

สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

พรีเซ้นต์ให้ได้ใจ ขายอะไรก็มีคนซื้อ

สอนเทคนิคพรีเซ้นต์งาน สินค้า หรือขึ้นพูดในวาระต่างๆ ให้จับใจคนฟัง โดยคุณดลชัย บุณยะรัตเวช นักสร้างแบรนด์และประธานบริษัทเดนท์สุ วัน บางกอก ที่จะมานำเสนอศาสตร์การพูดให้กระชับ ทรงพลัง และสะกดใจ ช่วยทั้งเรื่องปิดยอดขายและผูกมิตรกับคนรอบข้าง

เริ่มตั้งแต่การวางโครงร่างตั้งแต่ก่อนพรีเซ้นต์ วิธีเริ่มต้นการพูดที่น่าสนใจ จนผู้ฟังสนใจและอยากติดตาม การเล่าเรื่องราวให้น่าหลงใหล โน้มน้าวคนอย่างมีเทคนิค สร้างเสน่ห์มัดใจคนให้ติดตาม เขาคิดเสมอว่าคำพูดคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด สามารถเปลี่ยนสิ่งร้ายๆ ให้กลายเป็นดี และเปลี่ยนสิ่งที่ดีให้กลายเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน

เขียนโดย อะกิระ คะกะตะ สุดยอดนักขายที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “พระเจ้าแห่งการขาย” จากญี่ปุ่น ที่สามารถปิดการขายได้ตั้งแต่ครั้งแรกถึง 99 เปอร์เซ็นต์

เขาไม่ได้ถ่ายทอดวิธีขายแบบคนทั่วไป แต่ลงลึกถึงขั้นตอนที่คนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง เช่นการปรับทัศนคติที่มีต่อการขาย การขายไม่ใช่แค่การตามตื๊อลูกค้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการนำเสนอสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่อีกฝ่าย โดยยึดหลัก “อย่าขายสินค้า แต่จงหาว่าสินค้าสร้างความสุขให้ลูกค้าได้อย่างไรเมื่อหาเจอ ให้ขายสิ่งนั้น”

นับว่าเป็นนักขายที่มีอุดมการณ์อีกคนหนึ่งเลยทีเดียว อย่าคิดว่าตัวเองเป็นนักขาย แต่ให้คิดว่าตัวเองเป็นผู้นำความสุขไปมอบให้กับคนอื่นนั่นเอง

สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

ขายเนื้อให้เหมือนหลุยส์ วิตตอง

หากใครอยากรู้เรื่องราว ต้นกำเนิดของแบรนด์ไฮเอนด์ อาทิ Chanel, Jacob, Tiffany & Co. , Lamborghini และอีกมากมายหลายแบรนด์ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้

อีดงช็อล ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลการขายสินค้าแบบล้ำๆ ของเหล่า CEO ระดับโลกมาเล่าด้วยภาษาที่สนุก อ่านง่าย เช่น การไม่ยอมลดราคาไม่ว่าลูกค้าจะเป็นถึงประธานาธิบดีของ Tiffany & Co. การสร้างจุดขายด้วยวัตถุดิบชั้นดีและสตอรี่ที่คนฟังได้แต่อ้าปากค้างแล้วควักเงินให้แบบไม่คิด

อาจจะไม่ได้สอนเทคนิคการขายอะไรมากนัก แต่ได้เกร็ดความรู้แบบแปลกๆ ล้ำๆ จากเล่มนี้อย่างแน่นอน

สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

ตัวอย่าง หนังสือ จะ ซื้อ จะ ขาย

ถ้าอยากขายซุปต้องขายขนมปังด้วย

แนะนำการตลาดแบบใหม่ที่ไม่บังคับลูกค้าให้ซื้อของ แต่ทำให้ลูกค้าขาดเราไม่ได้ ด้วยการออกจากกรอบความคิดแบบเดิมๆ ด้วยการขยายกลุ่มลูกค้าและสร้างแฟนคลับ ขาประจำให้กลับมาซื้อสินค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ยกตัวอย่างเคสที่มองเห็นได้ชัด เช่น ถ้าอยากให้ซุปขายดี ต้องขายให้กับคนที่ชอบกินขนมปัง ซุป+ขนมปัง กินด้วยกันแล้วความอร่อยจะเพิ่มขึ้น

ถ้าอยากขายแว่นได้เยอะๆ ต้องผลิตแว่นเพื่อขายให้กับคนสายตาปกติ เช่น แว่นกันแดด แว่นกรองแสงจากคอมพิวเตอร์ และเคสที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ เปลี่ยนไอเดียสมุดระบายสีของเด็ก ให้กลายเป็นสินค้ายอดฮิตของผู้ใหญ่ด้วยการเพิ่มดีเทลภาพให้เยอะขึ้น

ถ้าอยากขยายฐานลูกค้าแบบคาดไม่ถึงคุณก็ควรหยิบเล่มนี้กลับบ้านซะ

สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

ที่แนะนำทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์การขายและการสร้างแบรนด์อีกมาก สนใจดูหนังสือเพิ่มเติม คลิกที่นี่