Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

สนามบินชางฮีสิงคโปร์(Singapore Changi Airport)เป็นสนามบินสำหรับประชาชนทั่วไปเพียงแห่งเดียวของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็น Hub ของระบบขนส่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Southeast Asia)และมีจำนวนผู้โดยสารและสินค้ามากที่สุดในโลกด้วย ในปี 2012 มีผู้โดยสารเดินทางมาที่สนามบินนี้ทะลุ 50 ล้านคนแล้ว ยังไม่หมดสนามบินชางฮียังได้รับรางวัล สนามบินที่ดีที่สุดในโลก(World Best Airport) จาก Skytrax ติดกันมา 4 ปีซ้อนแล้ว(2012-2016) ตั้งอยู่พื้นที่ขนาด 8,100 ไร่ของย่านชางฮี(Changi)ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของเกาะสิงคโปร์ อยู่ห่างจากใจกลางเมืองสิงคโปร์ประมาณ 20 กิโลเมตร

เกริ่นนำถึงความยิ่งใหญ่และทันสมัยของสนามบินกันไปพอสมควรแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ปัจจุบันสนามบินชางฮี(Changi Airport)มีอาคารผู้โดยสารทั้งหมด 3 Terminal การเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสาร(Transfer Terminal)ของสนามบินจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ ใช้บริการรถไฟ(Skytrain)ที่วิ่งระหว่าง Terminal 2 และ Terminal 3 ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ให้บริการตลอดเวลาตั้งแต่ ตี 5 จนถึง ตี 2 ครึ่ง ใช้บริการได้ ฟรี ส่วนในช่วงเวลาที่รถไฟไม่ได้ให้บริการ การเดินระหว่าง Terminal 2(E Gates) และ Terminal 3(B Gates) จะมี Shuttle Bus ให้บริการแทน ใช้เวลาประมาณ 6-8 นาที มีรถออกทุกๆ 5 นาที อยู่ที่ลานจอดรถบัส North Bus Station ชั้น 1(Level 1) เหมือนกันทั้ง 2 Terminal เลย

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

ทางเดินไปที่ Skytrain เพื่อเปลี่ยนไป Terminal 3

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

ภายในตู้รถไฟ Skytrain สำหรับเปลี่ยน Terminal

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

คลิก เพื่อดูรูปขนาดใหญ่ของแผนที่การวิ่งของรถไฟที่วิ่งระหว่าง Terminal 1 2 3

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

โซนช้อปปิ้งภายใน Terminal 3 ของสนามบินชางฮี

การเดินทางจากสนามบินชางฮีเข้าตัวเมืองสิงคโปร์จะมีวิธีการเดินทางหลักๆที่คนนิยมกันประมาณ 5 วิธีด้วยกัน จะขอไล่จากราคาถูกสุดไปแพงสุดก็แล้วกัน

1. ใช้บริการรถไฟ MRT เข้าเมืองสิงคโปร์

เป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ มีระยะการเดินทางเข้าตัวเมืองประมาณ 30 นาที ราคาประมาณ 1.9 เหรียญสิงคโปร์ SGD ให้บริการตั้งแต่ ตี 5 ครึ่งจนถึง 23:18 โดยรอบแรกที่ไปถึงสนามบินคือตี 5:26 วันจันทร์-เสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ รอบแรกจะไปถึงเวลาตี 5:54 และรอบสุดท้ายที่ไปถึง airport คือ 23:18 สามารถขึ้นได้ทั้ง Terminal 2 และ Terminal 3 สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อตั๋วครั้งเดียว หรือแบบบัตรเติมเงินที่เรียกว่า EZ-Link Card ซึ่งสามารถใช้ได้ต่อ แนะนำให้ซื้อแบบนี้ โดยจะเสียเงินค่ามัดจำบัตรเพิ่มอีก 1 เหรียญ โดยรถไฟจะวิ่งไปสิ้นสุดที่สถานี Tanah Merah station ซึ่งจะเป็นตู้รถไฟโล่งๆทำให้สามารถวางกระเป๋าใบใหญ่ๆได้สบาย จากนั้นจะต้องต่อรถไฟสาย East West Line สีเขียว เข้าเมืองต่อ ซึ่งจะเป็นรถไฟแบบทั่วๆไป และคนค่อนข้างเยอะ

* โดยปกติสถานีรถไฟจะสามารถขึ้นได้ทั้ง Terminal 2 และ Ternminal 3 แต่บางครั้งจะมีการก่อสร้างหรือซ่อมแซม จึงอาจจะเปิดให้บริการแค่ Terminal เดียว เราก็แค่นั่งรถไฟเปลี่ยน terminal เท่านั้น

ข้อดีคือ สะดวก ไม่ต้องเสียเวลารถติดในช่วง rush hour ใช้เวลาค่อนข้างแน่นอน และประหยัดที่สุด

ข้อเสียคือ มีเวลาวิ่งแค่รอบ ตี 5 ครึ่งจนถึง 23:18 เท่านั้น และไม่มีที่สำหรับวางกระเป๋า

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

เค้าเตอร์ขายตั๋วสำหรับขึ้นรถไฟเข้าเมือง สามารถซื้อบัตร EZ-Link Card ได้ที่นี่ด้วย

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

บรรยากาศที่ชานชาลาสถานีรถไฟเข้าเมืองไปที่สถานี Tanah Merah station

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

ภายในตู้รถไฟจากสนามบินเข้าเมืองไปที่สถานี Tanah Merah station

2.

บริการรถรับส่งสนามบิน

รถรับส่งสนามบินเป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาที่ไม่แพงเมื่อเดินทางหลายคน ความสะดวกสบาย และที่สำคัญความปลอดภัย ไม่เสี่ยงที่จะโดนมิจฉาชีพฉวยโอกาสโก่งราคา การเลือกจองรถรับส่งสนามบินนั้น สามารถจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่ประเทศไทยเลยที่เดียว โดยการเลือกรถรับส่งสนามบินนั้นควรเลือกจากผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน เช่น บริการรถรับส่งสนามบินของ Traveloka ที่ได้รวบรวมและคัดผู้ให้บริการรถรับส่งสนามบินเฉพาะบริษัทที่เชื่อถือได้ ราคาสมเหตุสมผล และมีรถให้เลือกหลายขนาดเหมาะกับทุกการเดินทาง ถ้าใครสนใจลองเข้าไปเช็คราคา หรือจองรถรับส่งสนามบินได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer

3. รถบัสทั่วไปเข้าเมืองสิงคโปร์

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วแต่การจราจรด้วย ราคาจะแล้วแต่ระยะทางประมาณ 2.5 เหรียญสิงคโปร์ SGD ในการเข้าเมือง เป็นรถบัสเบอร์ 36 ให้บริการตั้งแต่เวลา 06:00 ถึง 22:50 สามารถขึ้นได้ที่ชั้นใต้ดินของ Terminal 1,2,3 โดยจะเริ่มวิ่งออกจากสนามบินเป็นที่แรก ทำให้มีโอกาสได้นั่งสูง แต่จะไม่มีที่วางกระเป๋าให้ เส้นทางการวิ่งคร่าวๆคือ East Coast, Esplanade, Orchard Road, และโรงแรม Raffles ดูเส้นทางการวิ่งของรถบัสทั้งหมด คลิก

ข้อดีคือ ราคาถูก มีที่นั่งค่อนข้างแน่นอน

ข้อเสียคือ ใช้เวลานาน และมีเวลาวิ่งไม่มาก

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

รถบัสสาย 36 ที่จะขับออกจากสนามบินสิงคโปร์เข้าตัวเมือง

4. ใช้บริการรถบัสสนามบิน Airport Shuttle Bus

จะมีรถวิ่งทุกๆ 30 นาทีหรือเมื่อเต็ม โดยจะวิ่งผ่านเฉพาะโรงแรมใหญ่และโรงแรมดังเท่านั้น มีที่วางกระเป๋า มีที่นั่ง ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ราคาแพงขึ้นมาหน่อยคือ ผู้ใหญ่ 9 เหรียญ SGD / เด็ก 6 เหรียญ SGD สามารถขึ้นได้ทุก Terminal สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ counter ของแต่ละ terminal ได้เลย

ข้อดีคือ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง, ส่งถึงหน้าโรงแรมเลย และมีที่นั่งรวมทั้งที่เก็บกระเป๋าได้สบาย

ข้อเสียคือ ผ่านเฉพาะบางโรงแรม, ราคาสูงขึ้นมาหน่อย และอาจจะเจอรถติดได้

5. ใช้บริการรถแท๊กซี่(Taxi)เข้าเมืองสิงคโปร์

ก็จะเหมือนกับที่อื่นๆ ต้องต่อคิวรอขึ้น แต่ก็สะดวกที่สุดแต่ราคาก็จะแพงที่สุด ประมาณ 20-35 เหรียญสิงคโปร์ SGD ใช้เวลาประมาณ 30 นาที วิธีการคิดค่าโดยสารแท๊กซี่ของประเทศสิงคโปร์ค่อนข้างจะซับซ้อน กว่าที่อื่นๆ โดยจะเป็นแบบมิเตอร์เหมือนที่อื่นๆ แต่จะมีเพิ่มเงื่อนไขอะไรอีกหลายอย่างเช่น ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 35% ในช่วง Rush Hour (7:00-9:00 และ 17:00-20:00), เพิ่ม 50% ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า, บวกอีก 3 เหรียญ SGD สำหรับการเรียกจากที่สนามบิน และเพิ่มอีก 5 เหรียญสำหรับช่วงเย็นถึงค่ำของวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์(เวลา 17:00-24:00)

Changi airport ม ท อาบน ำฟร ม ย

เค้าเตอร์ขายซิมการ์ด และจุดสำหรับขึ้นแท๊กซี่ Taxi

6. แท๊กซี่ขนาดใหญ่ หรือ Maxi-Cabs

จะเป็นเหมือนรถตู้เล็กที่นั่งได้ 7 คน จึงเหมาะกับการเดินทางมาเป็นกลุ่มใหญ่ คิดราคาเป็นแบบคงที่คือ 50 เหรียญ SGD และเพิ่มอีก 12 เหรียญ สำหรับหลังเที่ยงคืน มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง

แถมท้าย ขั้นตอนและกระบวนการต่างๆเมื่อไปถึงสนามประเทศบินสิงคโปร์แล้ว

เมื่อคุณไปถึงสนามบินสิงคโปร์แล้ว กระบวนการอื่นๆจะเหมือนกับการไปประเทศต่างๆ ก็คือหยิบสัมภาระเดินออกจากเครื่องบิน ตามๆกันไป ตามป้าย Arrival อาจจะต้องนั่งรถรางของสนามบินถ้าอยู่คนละ Terminal เมื่อไปถึงด่านตม. (อย่าลืมกรอกแบบฟอร์มคนเข้าเมืองให้เรียบร้อยก่อน ไปต่อคิว) ก็มักจะไม่มีอะไร ตม. สิงคโปร์ค่อนข้างเร็ว แป้บเดียวก็ผ่านมาด้านนอกแล้ว แต่เค้าอาจจะสุ่มสอบถามคุณบางอย่าง เช่น มากี่วัน มาทำอะไร เที่ยวไหนบ้าง พักที่ไหน คำถามง่ายๆ ก็ตอบๆไป ส่วนใหญ่จะไม่เรียกเอกสารตรวจ แต่เตรียมไว้ด้วยก็ดี หลักๆจะเป็นใบยืนยันการจองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินขากลับ พอผ่านตม.มาได้แล้ว เราก็เดินตามป้าย Baggage ไปเอากระเป๋า เมื่อได้กระเป๋าแล้วก็เลือกเลยว่าจะเดินทางเข้าตัวเมืองสิงคโปร์กันอย่างไร ตามข้อมูลด้านบน เราก็เดินตามป้ายไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ, รถบัส หรือ แท๊กซี่ ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย เตรียมตัวเที่ยวสิงคโปร์ให้เต็มที่กันได้เลย