เฉลย แบบฝึกหัด ประวัติศาสตร์ ม.1 บทที่ 1

เฉลย แบบฝึกหัด ประวัติศาสตร์ ม.1 บทที่ 1

แบบทดสอบครั้งที่ 1เรื่อง เวลาและวิธีการทางประวัติศาสตร์

แบบทดสอบการเรียนรู้ครั้งที่ 2ชุดที่ 1 เวลา ศักราช และวิธีการทางประวัติศาสตร์ชุดที่ 2 ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนไทยชุดที่ 3 รัฐโบราณในดินแดนไทย

ใบงานที่ 1 เรื่อง แผนผังการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์

ใบงานที่ 2 เรื่องการเทียบศักราช

ใบงานที่ 3 พัฒนาการของชนชาติไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

แบบทดสอบ ครั้งที่ 3เรื่อง พัฒนาการของชาติไทย

แบบทดสอบการเรียนรู้ครั้งที่ 4เรื่อง พัฒนาการของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ใบงานหลังสอบกลางภาค

ใบงงานเความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์

Advertisement

Posted by saipinn นิ้ว Uncategorized

ตอบกลับ

รวมใบงานแบบฝึกหัดประวัติศาสตร์ ม.1 โดยในแบบฝึกหัดนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยและเพื่อนบ้าน ต่อยอดจากเรื่องที่เรียนมาในหลักสูตร ให้เด็กได้ทบทวนจากแบบฝึกหัดหลักไปในตัว เช่น เวลาและช่วงเวลาต่างๆ อาณาจักรสุโขทัย ความสัมพันธ์ของอาณาจักร ฯลฯ และเรียนรู้ใบงานแบบฝึกหัดตามหัวข้อต่างๆ ตามการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในแบบฝึกหัดมีภาพประกอบและเฉลยสำหรับครูผู้สอน ให้นักเรียน สื่อสารออกมาได้ง่ายขึ้น

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู (๔) ชุมชนยุคสําริด พบรองรอยชุมชนกสิกรรมท่ีมีพัฒนาการตอเนื่องมาต้ังแต 1. ครซู ักถามนกั เรียนวา เพราะเหตุใดพฒั นาการ ยคุ หนิ ใหมมาถึงยคุ สํารดิ ในเขตจังหวดั แมฮอ งสอน เชียงใหม เชยี งราย นา น อุตรดติ ถ ตาก ลําพูน ของชุมชนโบราณในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื โดยพบวามีการใชทั้งเคร่ืองมือสําริดและหินขัด เครื่องมือเครื่องใชหลายชนิดของชุมชนในภาคน้ี จงึ นา จะมีความเกา แกกวาชุมชนโบราณใน แสดงใหเหน็ วามีการผสมผสานแลกเปล่ียนทางวฒั นธรรมระหวา งชมุ ชนตางๆ ดวย ภาคอนื่ ๆ ของประเทศไทย (แนวตอบ เพราะบริเวณนม้ี สี ภาพภมู ิศาสตรท่ี กาํ ไลสาํ รดิ ขดุ พบทแ่ี หลง โบราณคดบี า นยางทองใต 1 เหมาะแกการต้ังถน่ิ ฐานของมนษุ ยม ากกวา อาํ เภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม แหลง อ่นื กลาวคือ มสี ภาพภูมศิ าสตรเปน กลองมโหระทึกสําริด พบท่ีอําเภอเมือง จังหวัด ทุง หญา ปา โปรง มีแมน ํ้าลาํ คลอง ทําใหม นุษย อุตรดติ ถ สามารถตง้ั หลักแหลงและดํารงชพี อยูไ ด จงึ มี การพฒั นาจากชุมชน หมบู าน ไปสูเมืองซึง่ อยู (๕) ชมุ ชนยคุ เหลก็ ไดพ บแหลง ชมุ ชนโบราณที่ใชเ ครอื่ งมอื ทาํ จากเหลก็ กระจาย ตดิ ท่ี ไมไ ดเ รร อน ดังพบรอ งรอยการอยูอาศยั อยูตามลุม แมน ํ้าสายตา งๆ ในเขตจงั หวดั แมฮ องสอน เชียงใหม เชียงราย นา น อุตรดติ ถ ลําพูน ของมนุษยม าอยา งตอ เนอ่ื ง) หลักฐานทางโบราณคดีตางๆ แสดงใหเห็นวาชุมชนในบริเวณภาคเหนือมี 2. จากนน้ั ครูใหน กั เรยี นชวยกันยกตัวอยาง พัฒนาการชากวาภูมิภาคอื่น แตถึงกระน้ันในภาคเหนือก็มีการตั้งหลักแหลงอยูอาศัยกันอยาง ชุมชนโบราณสมยั กอ นประวตั ิศาสตรใ นภาค ตอ เนือ่ ง และสามารถพัฒนาจากชุมชนเปนบานเมือง เปน แควน และเปน อาณาจักรเชน เดยี วกัน ตะวนั ออกเฉียงเหนือมาพอสังเขป (แนวตอบ เชน ชุมชนโบราณที่บานเชียง จังหวัด ๓) พัฒนาการของชุมชนโบราณบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นท่ี อุดรธานี ชุมชนทีบ่ านนาดี บานโนนนกทา จังหวัดขอนแกน เนนิ อุโลก จงั หวดั นครราชสีมา สวนใหญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปนท่ีราบสูงท่ียกตัวสูงทางตะวันตกและลาดเอียงไปทาง เปนตน) ตะวันออกลงสูแมน้ําโขง ตอนกลางของภาคมีลักษณะเปนแองคลายกนกระทะ มีแมนํ้าชีและ แมน ํ้ามูลไหลผา น มแี นวทวิ เขากนั้ เปนขอบของภาคทางดา นตะวันตกและดา นใต บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของไทยเปน แหลง ทม่ี มี นษุ ยอ าศยั อยตู ง้ั แตส มยั กอ นประวัตศิ าสตร โดยพบหลักฐานหลายแหง เชน (๑) ชมุ ชนยคุ หนิ เกา ทอ่ี าํ เภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และอาํ เภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร พบเครื่องมอื หนิ กะเทาะท่เี ปนเครอื่ งมอื ขุด สบั และตดั (๒) ชุมชนยคุ หนิ กลาง ทอ่ี าํ เภอเชียงคาน จงั หวัดเลย อําเภอดอนตาล จงั หวัด มกุ ดาหาร พบหลักฐานเครอื่ งมอื ขุดและเคร่ืองมอื สบั ตัด ซ่งึ ตอเน่ืองมาจากยุคหินเกา (๓) ชมุ ชนยคุ หนิ ใหม ทบี่ า นโนนนกทา อาํ เภอภเู วยี ง จงั หวดั ขอนแกน พบภาชนะ ดินเผา ลูกปด ทาํ จากเปลอื กหอย ขวานหินขดั หนิ สบั ๕๓ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู การหลอโลหะมีความสาํ คัญตอ ชมุ ชนโบราณสมัยกอนประวตั ิศาสตร 1 กลองมโหระทึกสาํ รดิ กลองมโหระทึกน้นั จะมลี วดลายท่คี อนขา งหลากหลาย อยา งไร ซึ่งลวดลายแตละลายจะมีความหมายทสี่ าํ คัญตอวถิ ชี ีวิตของมนษุ ยใ นสมัยกอน แนวตอบ การหลอโลหะแสดงใหเห็นถึงการพัฒนาทางดานเทคโนโลยี ประวตั ศิ าสตร เชน กบ ปลา เปนสัญลักษณท ่ีเกยี่ วขอ งกับนา้ํ ความอดุ มสมบรู ณ การผลิตเคร่อื งมือเครื่องใชที่มปี ระสิทธิภาพดีกวาเครื่องมือหนิ นอกจากชว ย หรอื พิธกี รรมขอฝน สว นนกยงู อาจเกี่ยวกับความรงุ เรอื งและการคมุ ครอง เปน ตน เพ่ิมผลผลิตแลว ยังทาํ เปนอาวธุ ทีแ่ ขง็ แกรง ซงึ่ มีสวนในการพฒั นาทางสังคม จากชมุ ชนไปสูบ า นเมืองและแควน ในเวลาตอมา มุม IT ศึกษาคนควา ขอมลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกับแหลง โบราณคดบี า นโนนนกทา ไดที่ http:// cd.mculture.go.th/vdn/index.php?c=showitem&item=97 เวบ็ ไซตศนู ยขอ มลู กลางทางวฒั นธรรมจงั หวัดขอนแกน คมู อื ครู 53

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ครูใหนกั เรยี นดภู าพเคร่อื งปน ดินเผาเขียนสีแดง (๔) ชุมชนยคุ สาํ รดิ ที่บ้านเชียง อา� เภอหนองหาน ซงึ่ พบที่บา นเชียง จากหนงั สือเรยี น หนา 54 จงั หวดั อดุ รธาน ี ซง่ึ ไดร้ บั การประกาศใหเ้ ปน็ มรดกโลก เปน็ แหลง่ แลวใหแสดงความคิดเหน็ วา เคร่ืองปน ดนิ เผา ชมุ ชนสา� รดิ ทเ่ี กา่ แกแ่ ละสา� คญั ทสี่ ดุ ในประเทศไทย สง่ิ ของทพี่ บ มีความสําคัญตอ พฒั นาการของชมุ ชนสมยั กอน คอื ภาชนะดนิ เผาลายเขยี นสแี ดงบนพน้ื สนี วล มที ง้ั ลายเชอื กทาบ ประวตั ิศาสตรใ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื อยางไร ลายขดู ขดี บนผวิ ขดั มนั โครงกระดกู มนษุ ย ์ โครงกระดกู สตั ว ์ เครอ่ื ง (แนวตอบ มคี วามสําคญั ในฐานะที่เปนหลกั ฐาน ประดบั ทา� จากลกู ปดั สง่ิ ของเครอื่ งใชท้ า� จากหนิ และโลหะ ทางประวตั ศิ าสตรป ระเภทหนึ่ง ท่แี สดงใหเห็นถึง เครอื่ งปนั ดนิ เผาเขยี นสแี ดง พบทบ่ี า้ นเชยี ง จงั หวดั ภาชนะและเคร่ืองมือเครื่องใช้ที่ท�าจากส�าริด แม่พิมพ์ การตง้ั ถิน่ ฐานของชมุ ชนโบราณในสมัยกอน อุดรธานี แสดงพัฒนาการของชุมชนในสมัยก่อน หินทรายท่ีใช้หล่อส�ารดิ ประวตั ศิ าสตร ซึ่งมพี ฒั นาการในดานเทคโนโลยี ประวตั ศิ าสตร์ ในการประดิษฐ์เครือ่ งมอื เคร่ืองใช้ การผลติ เครอ่ื งมือเครือ่ งใช อีกทงั้ เปนภาชนะท่ี เเพชื่อ่นก ารภดาา� รพงชเขีวิตียนสีที่ผาแต้ม 1ผาหมอนน้อย นอกจากน้ียังพบภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ผลติ ขน้ึ เพ่ือประโยชนใชสอยในชวี ติ ประจําวนั อ�าเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ภาพเขียนสีท่ี และมีการตกแตง ลวดลายใหมคี วามสวยงาม) เขาจนั ทนง์ าม อา� เภอสีควิ้ จงั หวดั นครราชสีมา เปน็ ต้น (๕) ชมุ ชนยคุ เหลก็ ชุมชนโบราณที่บ้านเชียง จงั หวดั อุดรธานี นา่ จะเป็นผนู้ �าใน 2. ครูใหนักเรียนคน ควา การทําเครอื่ งปน ดินเผา การใชเ้ หลก็ ก่อนทีอ่ นื่ ซงึ่ จากหลักฐานทางดา้ นโบราณคดีแสดงใหเ้ หน็ วา่ ชมุ ชนท่บี ้านเชียงมีความ ลายเขียนสบี านเชยี งเพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรียนรู ก้าวหนา้ ดา้ นโลหกรรมมาก นอกจากทบ่ี า้ นเชยี งแลว้ ยงั คน้ พบเครอื่ งมอื ยุคเหลก็ ในทีอ่ ื่นๆ อีก เช่น ตา งๆ จากนนั้ นําขอ มูลมาอภปิ รายรวมกันใน ทบ่ี า้ นนาด ี บ้านโนนนกทา จงั หวดั ขอนแกน่ เนนิ อโุ ลก จงั หวดั นครราชสมี า เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ชั้นเรียน ยงั พบแหลง่ แรเ่ หลก็ ในเขตจงั หวดั เลยทมี่ อี ายุประมาณ ๒,๘๐๐ ปีล่วงมาแล้ว พัฒนาการของชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเก่าแก่กว่าภาคอ่ืนๆ เพราะใน สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรบ์ รเิ วณนม้ี สี ภาพภมู ศิ าสตรเ์ หมาะสมกวา่ แหลง่ อนื่ คอื มที งั้ ปา่ โปรง่ ทงุ่ หญา้ แมน่ า�้ ลา� คลอง ทร่ี าบสงู เปน็ แหลง่ เกลอื สนิ เธาว ์ ซง่ึ มนษุ ยส์ ามารถตง้ั หลกั แหลง่ และดา� รงชพี อยไู่ ด้ และมีการพัฒนาเข้าสูก่ ารเป็นชมุ ชน หมบู่ า้ น ชุมชนเมอื ง ทอ่ี ยู่ติดท ่ี เพราะจากการสา� รวจช้ันดนิ พบร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับภาคกลางแล้ว ชุมชนใน ภาคกลางมคี วามตอ่ เนื่องในการพัฒนาเป็นชุมชนเปน็ เมอื ง เป็นแคว้น และเป็นอาณาจกั รเรว็ กวา่ เนื่องจากดินแดนบริเวณภาคกลางมีความ อุดมสมบูรณ์กว่า และสะดวกในการ ตดิ ต่อกับชมุ ชนต่างแดนมากกวา่ แต่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มี พัฒนาการของชุมชนจนเข้าสู่ยุค ขวานส�ารดิ พบท่บี ้านเชยี ง อา� เภอหนองหาน จังหวดั อุดรธานี อาณาจกั รเช่นกัน ๕๔ นักเรียนควรรู กจิ กรรมทาทาย 1 ภาพเขยี นสีทผี่ าแตม ภาพเขยี นสกี ลุมผาแตมน้แี บงไดเ ปน 4 กลุม ตามช่อื ครใู หนกั เรียนสบื คนขอมลู เพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั พฒั นาการของชุมชนโบราณ หนา ผาเรียงตอ กันไป ดงั น้ี สมัยกอนประวัตศิ าสตรใ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคใต โดยนาํ ขอ มูล มาจัดทาํ เปน เสน เวลา (Timeline) 1. ผาขาม มภี าพเขียนดวยสีแดงเปนภาพปลาและภาพชา ง 2. ผาหมอนนอย มภี าพนาขาว ภาพคนกําลังไลส ตั วท่มี ีเขาเปน กง่ิ คลา ยกวาง ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ถานักเรยี นไปพบหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรทยี่ งั ไมเ คยมีใครสาํ รวจพบ ภาพคนยนื เหนี่ยวคนั ธนหู รือหนา ไมเลง็ ไปที่สตั วส่ีเทา มากอ น ควรดาํ เนินการอยา งไร 3. ผาแตม มีช่ือเสียงโดง ดงั ทีส่ ดุ โดยเขียนบนผนงั เพงิ ยาวประมาณ 180 เมตร แนวตอบ แจง ใหหนวยงานท่ีเกยี่ วขอ งโดยตรง เชน สํานกั งานศิลปากร กาํ นัน ผูใหญบ านในทองถนิ่ ใหรับทราบโดยเร็ว เพื่อจะไดดาํ เนนิ การสาํ รวจ มีภาพเขยี นประมาณ 300 รูป ประกอบดวย ภาพสตั วตางๆ คน วัตถุ ฝา มอื และเกบ็ รักษา และรูปสัญลักษณ สาํ หรับรปู ฝา มอื เขยี นดว ยสีแดง มีสดี าํ บางเลก็ นอ ย ปรากฏประมาณ 200 ภาพ 4. ผาหมอน มีภาพเขยี นดว ยสีแดงเหมือนกับโครงบา น ภาพคนยนื เทา สะเอว นุงผายาวแบบกระโปรงครงึ่ นอง 54 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage กระตนุ ความสนใจ ò. ป˜¨¨ัยทมèÕ ÕÍิทธพิ ลµÍ‹ พัฒนาการãนสมยั สโุ ขทยั 1. ครูกระตุนความสนใจดวยการใหน กั เรยี น เลน เกมตอบคําถามความรูท ว่ั ไปเกยี่ วกบั ภำยหลังจำกท่ีไดม้ ีกำรสถำปนำสุโขทัยเปน็ รำชธำนีใน พ.ศ. ๑๗๙๒ เปน็ ต้นมำ อำณำจักร อาณาจกั รสุโขทยั โดยแบงนักเรียนในหอง สุโขทยั ไดม้ พี ฒั นำกำรอยำ่ งตอ่ เนอ่ื งในทุกๆ ด้ำน ไดแ้ ก่ กำรเมือง กำรปกครอง เศรษฐกจิ สังคม ออกเปน 2 ทมี ศิลปวัฒนธรรม และควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ ปัจจยั ทม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ พฒั นำกำรในสมัยสโุ ขทัย ประกอบด้วย 2. นักเรียนท้งั 2 ทีมสงตัวแทนออกมาหนา ช้นั เรยี น เพอื่ จบั ฉลากเลือกชุดคําถามจาก ๒.๑ ปัจจัยด้ำนภมู ิศำสตร์และสง่ิ แวดลอ้ ม ชดุ คาํ ถาม 2 ชุด คอื ชดุ คําถาม A และ ชดุ คําถาม B เมื่อจับฉลากไดแลว ใหไ ปรับ ปจั จัยดำ้ นภมู ศิ ำสตร์และสิง่ แวดล้อมของอำณำจกั รสุโขทัย มลี กั ษณะทัว่ ไปดังนี ้ ชดุ คําถามจากครผู ูสอน ยม๑ ) แสลภะนาำ่ พนภ 1ไูมหิปลรผะำ่ เนทจศำก เสหุโนขอื ทลัยงตใตั้งส้อลู่ยมุู่่ในแมอำน่ ณำ�้ เำจบำ้ พริเรวะณยำท ่ีปแรละะกไหอลบสดทู่ ้วะยเทล ี่รำเหบมลำุ่มะทก่ีมบั ี 3. นกั เรียนในแตล ะทีมชว ยกนั ตอบคําถาม แลว สง ตวั แทนออกมาเขยี นคาํ ตอบท่ีหนา กระดาน แมน่ ำ�้ ปงิ ครูเฉลยคําตอบ แลวกลา วชมเชยทีมท่ีชนะ กำรด�ำรงชีพด้ำนเกษตรกรรมและกำรค้ำขำยทั้งกับภำยในและภำยนอก ส่วนทำงด้ำนตะวันตก มีทิวเขำถนนธงชัยและตะนำวศร ี และทำงด้ำนตะวันออกมที ิวเขำเพชรบรู ณ์ สาํ รวจคน หา Explore ๒) สภาพภมู อิ ากาศ สโุ ขทยั ตงั้ อยทู่ ำ่ มกลำงทวิ เขำขนำนทงั้ ทวิ เขำถนนธงชยั ทวิ เขำ ตะนำวศร ี และทวิ เขำเพชรบรู ณ ์ ทำ� ใหอ้ ำกำศไมร่ อ้ นเกนิ ไป ประกอบกบั มลี มมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และลมมรสุมตะวันออกเฉยี งใต้พัดผำ่ น จึงมีฝนตกชกุ ในฤดูมรสุม ครใู หน กั เรียนศกึ ษาเกีย่ วกับปจ จัยท่ีมอี ทิ ธิพล ตอ พฒั นาการในสมยั สุโขทยั จากหนงั สือเรยี น แม่น�้ายมเปรียบเสมือนเส้นโลหิตหลักของสุโขทัย เพราะเป็นแหล่งน้�า หนา 91-92 หรอื จากแหลงการเรียนรอู นื่ ๆ เชน เพื่อการอปุ โภคบริโภค เพาะปลูก และเป็นเส้นทางสญั จรตดิ ตอ่ ค้าขาย หอ งสมุดกลุม สาระ หอ งสมุดโรงเรียน ขอ มลู ทาง อินเทอรเ น็ต เปนตน เพื่อนํามาอภิปรายรวมกันใน ช้ันเรียน 9๑ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู แมว า อาณาจักรสโุ ขทยั จะมีสภาพพน้ื ท่คี อนขางแหงแลงเพราะขาดแคลนนาํ้ 1 แมน ํ้าปง วงั ยม และนาน แมน า้ํ แตล ะสายเหลานีล้ วนมคี วามสาํ คญั ตอ แตสโุ ขทยั กส็ ามารถพฒั นาอาณาจักรใหร งุ เรืองได ทง้ั นเี้ ปน เพราะปจจัยใด กรุงสุโขทัยในดานการคมนาคมขนสง และทร่ี าบลุมแมน ้าํ ยงั เปน ทต่ี ง้ั หวั เมืองสาํ คัญ ดงั นี้ 1. เมอื งรายรอบเปนเครอื ญาติกนั 2. มแี หลง แรธ าตุสะสมอยใู ตดิน • ปง อยูท างทิศตะวนั ตกของสุโขทยั เปนที่ต้งั เมอื งสาํ คัญ เชน ชากงั ราว 3. มที ําเลทตี่ ้ังเอื้อตอ การตดิ ตอคาขายทีส่ ะดวก นครชมุ ไตรตรึงษ คณฑี เปน ตน 4. พระมหากษัตรยิ ใ หการอปุ ถมั ภดานการคาขาย • วงั ไหลมารวมกับแมน้าํ ปง ทต่ี าก วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. สโุ ขทยั มที าํ เลทตี่ ง้ั ครอบคลุมบรเิ วณลุมแมนํา้ • ยม เปน ทีต่ ง้ั ของกรงุ สโุ ขทยั ซึง่ มเี มอื งสาํ คัญถดั ขึ้นไปทางเหนอื คอื ปง วัง ยม และนาน ซง่ึ เปนแมนา้ํ ที่ไหลมาบรรจบกันเปนแมนาํ้ เจาพระยา ศรีสัชนาลัย ไปลงอา วไทย ทําใหส ะดวกในการตดิ ตอคาขายระหวา งเมืองภายในและ • นาน อยทู างทิศตะวนั ออกของสโุ ขทัย มีเมืองท่สี ําคญั เชน สระหลวง ภายนอก สองแคว เปน ตน คูม ือครู 91