การประยุกต์ใช้ โลจิสติกส์ ในชีวิตประจําวัน

การประยุกต์ใช้ โลจิสติกส์ ในชีวิตประจําวัน

โดย นายบางมด


“โลจิกสติกส์” เป็นคำที่หลายๆ คนยังสงสัยอยู่ว่าคำนี้มีความหมายคืออะไร บางคนยังเข้าใจว่าโลจิสติกส์คือการขนส่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น ได้มีผู้ให้คำนิยามของคำว่าโลจิสติกส์ไว้มายมาย บ้างก็ว่าโลจิสติกส์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการโซ่อุปทาน เพื่อช่วยในการวางแผนการสนับสนุนการควบคุมการไหลของวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล รวมถึงเป็นเก็บรักษาสินค้าสำเร็จรูป หรือการบริการ และสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลตุ้งแต่จุดเริ่มต้นหรือซัพพลายเออร์ไปสู่จุดสุดท้ายหรือลู้ค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า บ้างก็ว่าโลจิสติกส์เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในการวางแผนและจัดการ การเคลื่อนย้าย และบำรุงรักษากองกำลัง ซึ่งการดำเนินงานประกอบด้วย การออกแบบ การพัฒนา การเก็บรักษา การเคลื่อนย้าย การกระจาย การบำรุงรักษา การขนถ่าย และ การควบคุมทางวัตถุ และการให้สวัสดิการด้านสุขภาพแก่บุคลากรการก่อสร้าง การบำรุงรักษาการดำเนินงานและการควบคุมสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ บ้างก็ว่าโลจิสติกส์คือการวางแผน การจัดซื้อจัดหา การขนส่ง การสนับสนุน การบำรุงรักษา บ้างก็ว่าเป็นกิจกรรมดำเนินการที่สนับสนุนการผลิตเช่น การจัดซื้อ การขนส่ง การจัดเก็บสินค้า การควบคุมสินค้าคงคลัง การวางแผนกระจายสินค้าไปสู่ลูกค้า เป็นต้น ซึ่งจากความหมายอันหลากหลายนั้น เราสามารถสรุปใจความของโลจิสติกส์ให้เข้าใจได้โดยง่ายว่าเป็นกิจกรรมที่ครอบคลุมกิจกรรม “การเคลื่อนย้าย” “การจัดเก็บ” “การรวบรวม” และ “การกระจาย” นั่นเอง

จากความหมายของโลจิสติกส์ที่ค่อนข้างเข้าใจยาก และอธิบายในเชิงการดำเนินงานในธุรกิจอุตสาหกรรม ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น หลายท่านคงคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือโลจิสติกส์ เพราะเราแทบจะไม่ได้สัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ในชีวิตประจำวันแต่อย่างใด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ท่านต่างก็สัมผัสกับโลจิสติกส์ในชีวิตประจำวันด้วยกันทุกคน ลองนึกดูว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงมืดค่ำท่านต้องทำกิจกรรม เช่น การเดินทางไปที่ต่างๆ อาทิ ไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปส่งภรรยาที่ทำงาน ไปพบลูกค้า หรือการซื้อสิ่งของเครื่องใช้ หรืออาหารสดเช่น ผัก หมู ไข่ เพื่อเก็บใช้ประจำเดือน หรือไว้ทำอาหารให้ครอบคลุมทั้งสัปดาห์ เนื่องจากไม่สามารถไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้เหล่านั้นได้บ่อยๆ หากท่านได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ นั่นก็หมายถึงว่าท่านได้สัมผัสกับโลจิสติกส์แล้ว

เมื่อได้ทราบแล้วว่าท่านได้สัมผัสกับโลจิสติกส์อยู่ทุกวัน ก็เชื่อได้ว่าทุกท่านคงต้องเคยคิดวางแผนในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น เช่น วางแผนเส้นทางเดินทางว่าจะเดินทางอย่างไรจึงจะทำให้ไปถึงจุดหมายปลายทางตรงเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด หรือวางแผนซื้อข้าวของเครื่องใช้เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำปลา น้ำตาล ข้าวสาร รวมถึงอาหารสดอย่างไรจึงจะเป็นการประหยัด ไม่สิ้นเปลืองเงินจากการที่ต้องเก็บตุนสิ่งของเหล่านั้น ยิ่งถ้าหากเป็นการซื้ออาหารสด จะซื้ออย่างไรให้เพียงพอต่อการนำไปใช้ทำอาหารโดยที่เหลือเป็นของเน่าเสียน้อยที่สุดด้วย ซึ่งเมื่อทุกท่านวางแผนดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็หมายถึงว่าท่านได้บริหารจัดการโลจิสติกส์ในชีวิตประจำวันของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์จากการที่ประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น หากท่านนำไปลงทุนหรือฝากไว้กับธนาคารเพื่อผลตอบแทนดอกเบี้ย ท่านก็จะยิ่งได้ประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย

มาถึงตอนนี้ ท่านลองนึกดูว่า หากทุกคนทุกบริษัทและทุกองค์กรค์ ต่างมีการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดจากกิจกรรมโลจิสติกส์ หรือที่เรียกว่า ”ต้นทุนโลจิสติกส์” ในภาพรวมระดับประเทศก็จะมีมูลค่าลดลง เงินส่วนที่ประหยัดได้นั่นสามารถนำไปใช้พัฒนาประเทศด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคนได้ด้วย

คนทำธุรกิจต้องรู้ 5 ประโยชน์ของระบบโลจิสติกส์ สำหรับการทำธุรกิจ

โลจิสติกส์ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งในยุคปัจจุบันที่ทำให้ธุรกิจเติบโตและสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่งได้อย่างมหาศาล ถ้าบริษัทหรือแบรนด์ธุรกิจไหนมีการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ดี ก็จะสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ได้อีกด้วย และนี่คือ 5 ประโยชน์ของโลจิสติกส์ ที่บริษัทและคนทำธุรกิจจะได้รับ

การประยุกต์ใช้ โลจิสติกส์ ในชีวิตประจําวัน

1 เป็นพื้นฐานให้ธุรกิจเติบโต
ธุรกิจไหนที่มีระบบขนส่งหรือโลจิสติกส์ที่ดีจะได้เปรียบคู่แข่งอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันนี้แนวโน้มการสั่งสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนถ้าบริษัทต้องการขายสินค้าในโลกออนไลน์แล้ว ระบบโลจิสติกส์ที่ดีคือพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้

2 ลดต้นทุน ทำกำไรเพิ่ม
การจัดการโลจิสติกส์แบบเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ในระยะยาว และประโยชน์จากความคุ้มค่าในการขนส่งแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น การขนส่งครั้งหนึ่งมีต้นทุน 100 บาทไม่ว่าจะส่งสินค้ากี่ชิ้นก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าเราจะให้การขนส่งครั้งนี้คุ้มที่สุดต้องมีสินค้าที่จะขนส่งหลายชิ้น

3 เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ
การขนส่งหรือโลจิสติกส์ สามารถอำนวยความสะดวกและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ เพราะโดยปกติเมื่อลูกค้าจะซื้อสินค้าชิ้นหนึ่ง อาจต้องเสียเวลาออกไปเลือกหาสินค้าข้างนอกและรับสินค้านั้นกลับด้วยตัวเอง แต่การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าได้ผ่านหน้าร้านออนไลน์ หลังจากนั้นก็แค่รอให้สินค้ามาส่งถึงหน้าบ้าน

4 สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า
อย่างที่รู้กันว่าโลจิสติกส์สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการได้ ซึ่งเมื่อประสิทธิเพิ่มการบริการเพิ่มขึ้น มูลค่าของสินค้าก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วย และแน่นอนลูกค้าบางคนก็ยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับการบริการ ตัวอย่าง เช่น ลูกค้าที่สั่งให้พ่อค้าแม่ขายต่างๆ ส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ด่วนพิเศษเพื่อให้ได้รับสินค้าเร็วกว่าปกติ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น เป็นต้น

5 ความรวดเร็วในการสื่อสาร
เนื่องจากระบบโลจิสติกส์มีการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่หลากหลาย ทำให้ตอบสนองการขายได้อย่างรวดเร็ว และสามารถรักษาสินค้าคงคลังไว้ได้ดี

การประยุกต์ใช้ โลจิสติกส์ ในชีวิตประจําวัน

ที่มา :
www.bangkokbanksme.com 
สาขาการจัดการโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
www.logistics2day.com
www.scribd.com