บริษัท เบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัดหากคุณมีคำถาม หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบริษัท เบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ กรุณาฝากข้อความของคุณถึงพนักงานของเรา หรือหากคุณสนใจใช้บริการด้านโลจิสติกส์ โปรดใช้ฟอร์มด้านล่างในการติดต่อกับเรา Show
อีสเทิร์นซีบอร์ด / แหลมฉบังบริษัท เบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (อีสเทิร์นซีบอร์ด / แหลมฉบัง)
สำนักงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิบริษัท เบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (สำนักงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
คลังสินค้าในเขตปลอดอากรบริษัท เบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (คลังสินค้าในเขตปลอดอากร)
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (IATA: BKK, ICAO: VTBS) เป็นสนามบินที่ตั้งอยู่ที่ถนนเทพรัตนและทางพิเศษบูรพาวิถี ในเขตตำบลหนองปรือและตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางกรุงเทพมหานครประมาณ 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549[3] ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ เป็นท่าอากาศยานที่มีสายการบินจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย รัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางการบินในทวีปเอเชีย อีกทั้งการเน้นพัฒนาคุณภาพการให้บริการของท่าอากาศยานให้ได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553[4]ปัจจุบัน นาย กิตติพงศ์ กิตติขจร เป็นผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีหอควบคุมที่สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก (132.2 เมตร) และอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก (563,000 ตารางเมตร) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยในปี พ.ศ. 2562 มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก 65,421,844 ราย ในปีเดียวกันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนสินค้าทางอากาศยานมากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก จากการจัด อันดับท่าอากาศยานที่มีความหนาแน่นสูงสุดในกรณีจำนวนขนส่งสินค้า โดยปริมาณขนส่งอยู่ที่ 1,326,914 ตัน[5][6]ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2564 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีพื้นที่เชิงตารางกิโลเมตรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 10 ของท่าอากาศยานทั่วโลกโดยพื้นที่รวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคือ 32.4 ตารางกิโลเมตร (32.4 km2) อย่างไรก็ตามจำนวนเที่ยวบินช่วงที่การควบคุมจราจรทางอากาศหนาแน่นมากที่สุดตามรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้แก่ เดือนมกราคม พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมากถึง 25,881 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 8,106 รวม 33,987 เที่ยวบิน[7]ซึ่งเป็นสถิติเที่ยวบินระหว่างประเทศมากที่สุดตั้งแต่ดำเนินกิจการ รองลงมาคือ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมากถึง 825,400 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 285,660 รวม 33,289 เที่ยวบิน ตลอดปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 980,967 เที่ยวบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้บริการสายการบินที่ทำการบินแบบประจำในช่วง 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 สูงสุด 104 สายการบิน ขนส่งอากาศยาน 11 สายการบิน และสายการบินเช่าเหมาลำ 1 สายการบิน สายการบินเช่าเหมาลำภายในประเทศทำการบินไปสนามบินเกาะไม้ซี้ 1 สายการบิน รวม 117 สายการบิน ซึ่งถือว่าบริการตามจำนวนสายการบินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (สามารถรองรับเที่ยวบิน 76 เที่ยวต่อชั่วโมงและผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี) [8]และศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ (สามารถรองรับสินค้าได้ 3 ล้านตันต่อปี) [8] นอกจากนี้ยังมีทางหลวงพิเศษที่ทันสมัยซึ่งเชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยาน กรุงเทพมหานคร และนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด สายการบินหลายแห่ง ได้แก่ การบินไทย การบินไทยสมายล์ บางกอกแอร์เวย์ และไทยเวียดเจ็ทแอร์ ได้เลือกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบิน ชื่อสนามบิน[แก้]ชื่อสุวรรณภูมิ มีความหมายว่า "แผ่นดินทอง" เป็นชื่อที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 โดยใช้แทนชื่อเดิมคือ "หนองงูเห่า" พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545[9] ตัวสะกดชื่อของสนามบินใน อักษรโรมัน คือ "Suvarnabhumi" ซึ่งเป็นการสะกดตามหลักการเทียบ อักษรไทย เป็นอักษรโรมันแบบภาษาบาลีและสันสกฤต มิได้ใช้ระบบ การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงของราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งจะสะกดได้ว่า "Suwannaphum" ประวัติ[แก้]การซื้อที่ดินและการก่อสร้างในช่วงแรก[แก้]แนวคิดในการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 ในกรุงเทพมหานครเริ่มมีขึ้นในปี พ.ศ. 2503 ในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการจัดตั้ง "สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ" ในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม เช่นเดียวกับการศึกษาของบริษัทลิตช์ฟีลด์และ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกาซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการสร้างท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 2 ในกรุงเทพมหานคร รัฐบาลจึงเริ่มเวนคืนและจัดซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานกว่า 14 ปี ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ ตำบลบางโฉลง และตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ[10] พื้นที่ที่เวนคืนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ ทำให้หมู่บ้านหายไปกว่า 7 หมู่ครึ่ง โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินให้ครอบครัวละ 800,000 บาท[11] นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนย้ายศาสนสถาน 1 แห่ง และโรงเรียนอีก 3 แห่งไปสร้างบริเวณใหม่[12] รัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร ให้สัมปทานแก่บริษัทนอร์ททรอปแห่งสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ทันก่อสร้างก็เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา จนสัมปทานถูกยกเลิก[13] ต่อมารัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาแทมส์เพื่อศึกษาพื้นที่ในการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ จนเมื่อ พ.ศ. 2521 ก็ได้ข้อสรุปตามเดิมว่า หนองงูเห่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด[13] เมื่อถึง พ.ศ. 2534 รัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) โดยมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งที่ 2 ณ บริเวณหนองงูเห่า โดยมอบหมายให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน) เป็นผู้ดำเนินการ และต่อมาในรัฐบาล ชวน หลีกภัย ได้อนุมัติงบประมาณ 120,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการ และให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ไม่ต้องนำเงินกำไร 50% ส่งเข้าคลังเป็นเวลา 2 ปี เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอที่จะอพยพโยกย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เวนคืน[14] หลังจากความไม่แน่นอนมานานหลายทศวรรษ ในปี พ.ศ. 2539 จึงมีการจัดตั้ง "บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด" แต่การก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่งจะสามารถเริ่มขึ้นได้ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร สืบเนื่องมาจากการขาดเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่สำคัญได้แก่ วิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 โดยก่อนหน้านั้นมีการปรับปรุงพื้นที่เป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2540–พ.ศ. 2544) ต่อมาในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 มีการโอนหน้าที่อำนวยการก่อสร้างและการจัดการให้แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งปิดกิจการบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปีเดียวกัน[15] การก่อสร้าง[แก้]สถาปนิกผู้ออกแบบอาคาร คือ เฮลมุต ยาห์น ชาวอเมริกัน-เยอรมัน และบริษัทเมอร์ฟี/ยาห์น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่แบบอาคารในท่าอากาศยานเป็นจำนวนมากได้ถูกปรับเปลี่ยนขนาด และวัสดุก่อสร้างจากแบบเดิมไปในหลายส่วน เช่น เพิ่มการประดับยักษ์ และสถาปัตยกรรมไทยเพิ่มเข้าไปโดยสถาปนิกชาวไทย เป็นต้น รายชื่อบริษัทที่ร่วมก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ:[16]
งบประมาณการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร้อยละ 50 เป็นงบประมาณของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะที่อีกร้อยละ 50 มาจากข้อตกลงระหว่างท่าอากาศยานไทยกับ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น [17] ฝ่ายจัดหาที่เกี่ยวข้องกับสนามบินปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัดในด้านความโปร่งใสและการเปิดเผย ถึงแม้ว่าท่าอากาศยานดังกล่าวก่อสร้างขึ้นตามนโยบายประชานิยม ดังที่เคยประกาศไว้ว่าท่าอากาศยานดังกล่าวสำหรับผู้โดยสาร แต่บริษัทส่งออกทั้งไทยและต่างประเทศก็ต้องการให้มีการก่อสร้างท่าอากาศยานตามทางหลวงพิเศษระหว่างโรงงานอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร และแหลมฉบัง ด้วยเช่นกัน การออกแบบ[18][แก้]สถาปัตยกรรมได้ถูกออกแบบขึ้น โดย Helmut Jahn สถาปนิกชาวเยอรมัน เจ้าของบริษัท Murphy/Jahn ผู้ซึ่งออกแบบสนามบินชิคาโก และตึกโซนี่เซ็นเตอร์ ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งถือเป็นวิศวกรรมโดยเน้นแก่นแท้เพื่อประสิทธิแห่งการใช้สอยเป็นสำคัญ และเพื่อสัญลักษณ์การเป็นสนามบินที่ยิ่งใหญ่ของไทย เทคโนโลยีของการก่อสร้างถูกนำมารวบรวมไว้ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของอาคารแห่งอนาคต วัสดุหลักคือกระจกก็เลือก มาใช้ผสมผสาน คุณสมบัติให้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ทั้งภายนอกและระบบนิเวศน์ภายในอาคารเอง ทั้งกระจกและแสงได้ถูกออกแบบให้เกิดมิติ และประสบการณ์ใหม่ อันหลากหลายแก่ผู้ใช้อาคาร ระบบนิเวศน์ภายในอาคารก็ได้ถูกออกแบบไว้เพื่อประสิทธิภาพ ซึ่งหมายถึงประหยัดพลังงานเป็นสำคัญ มีการนำระบบพื้น หล่อเย็นมาใช้ซึ่งทำให้ประหยัดพลังงาน ในระบบปรับอากาศอย่างยิ่งยวดเป็นต้น สะท้อนความเป็นไทยผ่านงานศิลปกรรมของศิลปินไทย ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมไทย ทั้งร่วมสมัย และแบบดั่งเดิม อันประกอบด้วยบุษบก 2 หลัง ศาลาไทย 2 หลัง ยักษ์ 12 ตน ภาพเขียนของ จิตรกรอาวุโสนับร้อยกว่าชิ้น เป็นต้น รูปแบบอาคารได้ถูกสะท้อนผ่านกระบวนการออกแบบโดยผสมผสาน วิศวกรรมสาขาต่างๆ ออกมาอย่างง่ายๆ ตรงไปตรงมา จึงมีความโดดเด่น และประกาศความเป็นหนึ่งเดียวของสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ ตัวอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน คือ ระยะห่างระหว่างเสาแต่ละต้นของตัวอาคารผู้โดยสาร คือ 9 เมตร โดยเสาหลักหรือเสาไพลอนที่ค้ำซูเปอร์ทรัส หรือคานหลักรั้น มี 2 ตัวต่อ 1 คาน รวมกันเป็น 1 ชุด (เสา 2 ตัวที่ค้ำคานนี้จะห่างกัน 81 เมตร เลข 8 และ 1 บวกกันได้เลข 9) ชุดเสาที่อยู่ทางทิศตะวันออกจะห่างจากชุดเสาทางด้านทิศตะวันตก 126 เมตร (เลข 3 ตัว บวกกันได้ 9) และหลังคาผ้าใยสังเคราะห์ที่ติดตั้งกับอาคารเทียบเครื่องบินมี ทั้งหมด 108 bays ซึ่งสามารถหารด้วยเลข 9 ลงตัว สำหรับทางเลื่อนระนาบผิวเฉพาะในอาคารเทียบเครื่องบินมีทั้งหมด 95 ชุด โดยมีความยาวตั้งแต่ 27 เมตร และ 108 เมตร (2+7 เท่ากับ 9 หรือ 1+0+8 ก็เท่ากับ 9) ความเร็วของทางเลื่อนในอาคารรวมทั้งทางเลื่อนลาดเอียง มีความเร็ว 45 เมตรต่อนาที เอาเลข 4 บวก 5 เท่ากับ 9 ปัญหาในการวางแผนก่อสร้าง[แก้]ระหว่างการวางแผนและก่อสร้างสนามบินนั้น โครงการได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น และที่เกรงว่าอาจจะเกิดในอนาคต ปัญหาเหล่านี้ถูกยกเป็นประเด็นในแวดวงวิชาการ วิชาชีพ และในสื่อ ปัญหาในการวางแผนก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถประมวลได้ดังนี้: ปัญหาทางเทคนิควิศวกรรม สถาปัตยกรรม[แก้]
ปัญหาการพัฒนาพื้นที่[แก้]จากการสัมมนาทางวิชาการหลายเวที โดยเฉพาะทางด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรม ผังเมือง และวิศวกรรม ได้แก่ การสัมมนาทางวิชาการในงานสถาปนิก 49, การสัมมนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมสถาปนิกสยาม สมาคมนักผังเมืองไทย การสัมมนาทางวิชาการที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าที่ตั้งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีปัญหาด้านการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ อาจสรุปเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
ปัญหาอื่น[แก้]
อุบัติเหตุ[แก้]
การทดสอบสนามบิน และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ[แก้]เดิมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีกำหนดการเปิดในตอนปลายปี พ.ศ. 2548 แต่ก็ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากข้อบกพร่องในการก่อสร้าง และข้อกล่าวหาในการฉ้อราษฎร์บังหลวง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในทางความเชื่ออีกว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ ซึ่งคนงานก่อสร้างที่เห็นวิญญาณเหล่านั้นเกิดความกลัว ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2548 ท่าอากาศยานไทยจึงได้จัดพิธีสวดมนต์ของพระสงฆ์ 99 รูปเพื่อสะกดดวงวิญญาณ[29] สนามบินได้เปิดทดลองเต็มรูปแบบ และมีการขายตั๋วที่นั่งให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 โดยมีสายการบินภายในประเทศ 6 สายการบินร่วมทดลอง ได้แก่ การบินไทย นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ พีบีแอร์ และโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จาก 20 เที่ยวบินภายในประเทศโดยเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ภายในประเทศเที่ยวแรกคือ TG1881 ออกจาก ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 7.45 น.มาถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 8.09 น.และทำการบินต่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตถึงเวลา 9.19 น. ทำการบินโดยสารการบินไทยเครื่องบินแบบโบอิง 747-400 โดยลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 8.09 น. พร้อมนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและผู้โดยสาร 375 คน ก่อนที่จะทำการบินต่อไปท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต[30][31] ส่วนเที่ยวบินทดสอบระหว่างประเทศเที่ยวบินแรกเกิดขึ้นในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยมีการส่งเครื่องบินไทย 2 ลำไปยังสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งเป็นการทดสอบทั้งความสามารถของท่าอากาศยานในการรองรับการจราจรทางอากาศที่แออัด และในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ทำการบินนำผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานอินชอนประเทศเกาหลีใต้ TG6561 นับเป็นเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศเที่ยวบินแรกของสุวรรณภูมิ ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินรายวันอย่างจำกัด โดยเจ็ตสตาร์ เอเชีย แอร์เวย์ มีเที่ยวบิน 3 เที่ยวต่อวันไปยังสิงคโปร์ ส่วนการบินไทยมีเที่ยวบินภายในประเทศไปยังจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุบลราชธานี ตามด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ แอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชีย และนกแอร์ ซึ่งระหว่างช่วงเริ่มต้นใช้งานนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ใช้รหัสสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศชั่วคราว คือ NBK ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549[32] ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับเที่ยวบินจากเอเธนส์ เป็นเที่ยวบินสุดท้าย[33] ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ เมือง โจฮันเนสเบิร์ก เป็นเที่ยวบินสุดท้าย[34]วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ เมือง โจฮันเนสเบิร์กอีกครั้งในเที่ยวบิน SA2284 ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติมาดริดบาราคัส เมือง มาดริด เป็นเที่ยวบินสุดท้าย[35] วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินตรงจากสหรัฐครบรอบ 15 ปี[36]โดยตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ดำเนินกิจการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เคยขาดเครื่องบินจากสหรัฐแม้แต่ปีเดียว การขยายโครงการก่อสร้าง[แก้]เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา อีพีเอ็ม คอนซอร์เตี้ยม เป็นผู้บริหารจัดการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) ทั้งนี้ การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 62,500 ล้านบาท พร้อมกับจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ ซึ่งได้อีพีเอ็ม คอนซอร์เตี้ยม มาเป็นผู้ดำเนินงาน แผนการระยะยาว เราจะพัฒนารันเวย์ให้มีขนาด 4 รันเวย์ ให้ขนานกับตัวอาคารผู้โดยสาร และสร้างอาคารผู้โดยสารย่อยรอบๆ อาคารผู้โดยสารหลัก จะสร้างหลังจากสร้างอาคารผู้โดยสารหลักเสร็จภายใน 3-5 ปี เพื่อเพิ่มพื้นที่การรองรับผู้โดยสารจำนวน 120 ล้านคน หลุมจอดเครื่องบิน 224 หลุมจอด และ 6.4 ล้านตันสำหรับการขนส่งสินค้าต่อปี [37] ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564 โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 และ การดำเนินงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ได้เสร็จสิ้นลง โดยเหลือการตกแต่งสถาปัตยกรรมภายใน และทำการทดสอบระบบการปฏิบัติงานต่างๆ ร่วมกัน ท่าอากาศยานไทย จะเปิดให้บริการ ใน เดือนเมษายน พ.ศ. 2565 การปรับปรุงพัฒนาบริการ[แก้]วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดบริการอย่างเป็นทางการวัตถุประสงค์เพื่อดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยของคนไทยและชาวต่างชาติ[38] วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้กำหนดเริ่มปรับปรุงทางวิ่งอากาศยานฝั่งตะวันออกกำหนดแล้วเสร็จภายใน วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 และวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจค้นโดยให้บริการตรวจค้นรูปแบบใหม่ซึ่งสามารถตรวจค้นเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า หรือ 3,600 คนต่อชั่วโมงโดยใช้งบลงทุน 155 ล้านบาท วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้บริการเปิดช่องทางพิเศษผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางประเทศจีน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 และ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ แอร์ไชน่า ทำการบินรับส่งผู้โดยสารพิเศษที่เข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน ด้วยเครื่องบินชนิดโบอิง 747-8I นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบิน โบอิง 747-8I ซึ่งเป็นเครื่องขนส่งผู้โดยสารขนาดใหญ่รองจาก แอร์บัส เอ380 ทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับเตอร์กิชแอร์ไลน์เที่ยวบิน TK65 และ TK69 ทำการบินขนส่งผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานอิสตันบูล เป็นครั้งแรก วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562[39] ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับแอร์ไชนา เที่ยวบิน CA757[40] ทำการบินขนส่งผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเป่ย์จิงต้าซิง เป็นปีแรก เที่ยวบินพิเศษระยะไกล[แก้]ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 การบินไทย เที่ยวบินที่ 8886[41]ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติแดเนียล เค. อิโนเอมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 10,975 กิโลเมตร เนื่องจากวิกฤตภาวะเศรษฐกิจถดถอยโควิด-19 ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563 และวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำรับผู้โดยสารจากท่าอากาศยานมาดริด-บาราฆัสเมือง มาดริดประเทศสเปนอีกครั้งหนึ่งในเที่ยวบิน IB 2833 ไอบีเรียแอร์ไลน์[42]ต่อมาไอบีเรียแอร์ไลน์ทำการบินต่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธในเที่ยวบิน IB2835 ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2563 ไอบีเรียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน IB2836 ทะเบียน EC-NBE ทำการบินขนส่งผู้โดยสารจากท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธ[43][44]มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานมาดริด-บาราฆัสเมืองมาดริดประเทศสเปน[45]เที่ยวบินดังกล่าวนับเป็นเที่ยวบินไปมาดริดในรอบ 4 ปี และเป็นเที่ยวบินแวะพักที่ไม่เปลี่ยนเครื่องบินระยะทางไกลที่สุดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำการบินตามระยะทางที่บินจริง 18,291 กิโลเมตร ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2563 การบินไทยเที่ยวบินที่ 8096 ทำการบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังฮาวายปลายทางเมืองอเล็กซานเดรียรัฐเวอร์จิเนีย[46]ระยะทาง 17,554 กิโลเมตร[47]เป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำทางทหาร ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 การบินไทยเที่ยวบินที่ 8927 การบินไทยเที่ยวบินที่ 8928 ทำการบินจากสหรัฐรัฐวอชิงตันมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ[48]และในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565 การบินไทยเที่ยวบินที่ 8929 ทำการบินจากสหรัฐรัฐวอชิงตันมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 12,578 กิโลเมตร เป็นเที่ยวบินรับเครื่องบินลำใหม่ วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ต้อนรับผู้โดยสารจากท่าอากาศยานนานาชาตินูอาร์ก ลิเบอร์ตีในเที่ยวบิน SQ9023[49]ทำการบินโดยสิงคโปร์แอร์ไลน์ ทะเบียน 9V-SGD นับเป็นเที่ยวบินจากสหรัฐในรอบ 6 ปีและทำการบินจากสหรัฐมาประเทศไทยระยะทางบินไกลที่สุดนับตั้งแต่เปิดสนามบิน ระยะทางบินจริง 15,879 กิโลเมตรทำลายสถิติเที่ยวบิน TG791 โดยเที่ยวบินนี้ทำการบินต่อไปยังท่าอากาศยานชางงีสิงคโปร์ ทำการบินตามระยะทางที่บินจริงรวม 17,335 กิโลเมตร รายละเอียดท่าอากาศยาน[แก้]ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนเทพรัตน ประมาณกิโลเมตรที่ 15 อยู่ในเขตตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเทพมหานครไปประมาณ 25 กิโลเมตร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 1 ใช้งบประมาณก่อสร้างในกรอบวงเงิน 123,942.25 ล้านบาท[50] ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีรันเวย์ขนาน 2 เส้น กว้างเส้นละ 60 เมตร ยาว 3,700 เมตร และ 4,000 เมตร ห่างกัน 2,200 เมตร และมีทางขับขนานกับทางวิ่งทั้ง 2 เส้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่อากาศยานขาออกและขาเข้าได้พร้อมกัน[51] และมีหลุมจอดอากาศยาน มีจำนวน 120 หลุมจอด (จอดประชิดอาคาร 51 หลุมจอด และจอดระยะไกลอีก 69 หลุมจอด) รวมถึงหลุมจอดอากาศยานที่สามารถรองรับอากาศยานแอร์บัส เอ 380 ได้ถึง 5 หลุมจอดและระยะไกลอีก3หลุมจอดทำให้สามารถรับได้สูงสุด 8 ลำ รวม 8 หลุมจอด มีท่าเทียบรวม 51 จุด ในช่วงแรกของการก่อสร้าง ท่าอากาศยานมีศักยภาพรองรับปฏิบัติการเที่ยวบินได้76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง, ผู้โดยสารได้กว่า 45 ล้านคนต่อปี และสินค้า 3 ล้านตันต่อปี[52] และหน้าอาคารผู้โดยสารหลักเป็นโรงแรมภายใต้เครื่องหมายการค้าโนโวเตล ซึ่งมีจำนวน 600 ห้อง อีกทั้งระหว่างอาคารผู้โดยสารและโรงแรมก็มีอาคารจอดรถ 5 ชั้น จำนวน 2 หลัง ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ได้ถึง 5,000 คัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จอดรถเหนือพื้นดินที่สามารถรองรับรถยนต์ได้อีก 1,000 คัน และพื้นที่จอดรถในระยะยาวที่สามารถรองรับรถยนต์ได้ 4,000 คัน และรถโดยสารอีก 78 คัน นอกจากนี้ ท่าอากาศยานไทยยังมีแผนการที่จะขยายและปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป้าผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 80 ล้านคนต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2559 และยังเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารภายในประเทศโดยการลงทุนสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และทางวิ่งที่สามเพิ่มขึ้นอีก[53] รายละเอียดส่วนหลักสนามบินสุวรรณภูมิสามารถประมวลได้ ดังนี้: อาคารผู้โดยสาร[แก้]อาคารผู้โดยสารเป็นอาคารเดี่ยว ช่วงกว้าง ไม่มีเสากลางอาคาร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 563,000 ม.² มี 9 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้:[54]
พื้นที่ตรวจบัตรโดยสารภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การจัดแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมไทย[แก้]รูปปั้นตำนานกวนเกษียรสมุทร ที่ชั้นขาออก สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการติดตั้งผลงานศิลปะไทย ทั้งภายในและภายนอกอาคารของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่ารวมกันทั้งสิ้นกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจในบรรยากาศประเทศไทย ด้วยการสะท้อนความงามของศิลปะและวัฒนธรรมไทย เช่น ประติกรรมจำลองยักษ์จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จำนวน 12 คน ซึ่งเป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ มูลค่า 48 ล้านบาท ภาพจิตรกรรมฝาผนังจำลองของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย เป็นต้น[55] งานภูมิทัศน์[แก้]สวน "ชนบท" ด้านนอกอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ งานออกแบบภูมิทัศน์โดยรอบสนามบินและภายในส่วนเปิดโล่งของอาคารผู้โดยสารมีลักษณะของความเป็นไทย เดิมออกแบบโดย ปีเตอร์ วอล์กเกอร์ ภูมิสถาปนิกชาวอเมริกัน วอล์กเกอร์ระบุว่า ภูมิทัศน์ถนนภายในสนามบินสุวรรณภูมินั้น ประกอบด้วยงานภูมิทัศน์ขนาดใหญ่ที่สามารถสัมผัสได้แม้จากในรถที่กำลังแล่น ส่วนภูมิทัศน์ภายในท่าอากาศยาน ได้ออกแบบให้เป็นงานภูมิทัศน์ภายในสนามบินขนาดใหญ่แบบ Monumental garden 2 สวน ขนาดพื้นที่ถึงแปลงละ 135×108 ม.[56] ตามแบบเดิมนั้นมีแนวความคิดหลักสองแนวคิด คือ สวน "เมือง" และ สวน "ชนบท" โดยการออกแบบได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดภูมิจักรวาลและอารยธรรมชาวน้ำ ในเวลาต่อมา เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณและสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคต ใน พ.ศ. 2545 ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ โดยกลุ่มภูมิสถาปนิกและทีมที่ปรึกษาชาวไทย คือ RPU Design Group ภายใต้การนำของสำนักงานออกแบบระฟ้า ภูมิสถาปนิกที่ร่วมกำหนดแนวทางการออกแบบภูมิทัศน์ เมื่อ พ.ศ. 2537 ทั้งนี้ยังคงแนวคิดหลักของสวนเมืองและชนบทอยู่ แต่ได้ปรับแนวความคิดในขั้นรายละเอียดและเนื้อหาใหม่ "สวนเมือง" มีลักษณะเป็นสวนน้ำพุ ประดับด้วยกระเบื้อง ประติมากรรมรูปทรงเจดีย์และน้ำพุ ได้อาศัยคติความเชื่อของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ความเชื่อเรื่องระบบภูมิจักรวาล อันมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง เรื่องการเลือกทำเลในการตั้งเมืองใกล้น้ำ (อารยชนชาวน้ำ) การใช้เส้นสายที่ปรากฏในจิตรกรรมไทย นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง ส่วน "สวนชนบท" มีการประดับโดยใช้หญ้าท้องถิ่นและต้นไม้ตัดแต่งรูปฝูงช้าง ได้ใช้ลักษณะภูมิประเทศของไทย ซึ่งประกอบด้วยภูเขา แม่น้ำลำคลองและทุ่งราบ มีภูเขาทองเป็นประธาน ในส่วนประติมากรรมได้ใช้ฝูงนกเป็นกลุ่มๆ ที่สามารถไหวได้ตามแรงลม โดยทั้งสองสวนจะสื่อถึงความเป็นไทย และมีรูปแบบทันสมัยเพื่อให้กลมกลืนกับรูปแบบอาคารสนามบินได้โดยไม่ดูล้าสมัย มีความยืดหยุ่นรองรับการขยายตัวของอาคารผู้โดยสารได้ และการออกแบบองค์ประกอบและพืชพันธุ์ต่าง ๆ ได้คำนึงถึงเรื่องการควบคุมจำนวนนกภายในสนามบินด้วย สถิติโลก[แก้]
หอบังคับการบินสนามบินสุวรรณภูมิ เคยเป็นหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลก[57] ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "ความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ" และยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำลายสถิติโลกในหลายประการ[58] ได้แก่
สายการบิน[แก้]
จุดหมายปลายทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการเปลี่ยนแปลงตารางบินในฤดูการเปลี่ยนแปลงตารางบินทุก 6 เดือน ช่วงปลายเดือนตุลาคม และปลายเดือนมีนาคมซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเวลาขึ้นลงของแต่ละสายการบินทั้งนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ IATA อย่างไรก็ตามท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นจุดหมายของสายการบินต่าง ๆ โดยในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560 การบินไทยสมายล์ ได้ย้ายฐานการบินมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด และในปี พ.ศ. 2562 ตลอดทั้งปี มีสายการบินทำการบินทั้งหมด 121 สายการบิน แบ่งเป็นขนส่งผู้โดยสาร 105 สายการบิน ขนส่งอากาศยาน 13 สายการบิน รวมเป็นสายการบินประจำ 118 สายการบินเช่าเหมาลำ ระหว่างประเทศ 2 สายการบิน สายการบินเช่าเหมาลำ ภายในประเทศ 1 สายการบิน นับว่าในแง่ของสายการบินมีจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เปิดกิจการ เที่ยวบินล่าสุดคือ QW6111 ทำการบินใน วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 [64]จากเจิ้งโจว และเที่ยวบิน SC2283 ทำการบินจากยานไถ มณฑลชานตง แวะที่เมืองหลินอี้ มณฑลชานตง มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562[65] ในอดีตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยมีเที่ยวบินไปกลับระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับ เอเธนส์ มาดริด โจฮันเนสเบิร์ก เคเมโรโว วอร์ซอ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยรับผู้โดยสารเที่ยวบินจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 5 เมือง เที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ ชิคาโก แวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการบินโดยยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ในเที่ยวบินที่ UA881 ซึ่งเป็นเที่ยวบินผู้โดยสารที่ทำการบินตามตารางบินระยะไกลที่สุดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยไม่เปลี่ยนเครื่องบินตราบจนปัจจุบันระยะทางรวม 15,103 กิโลเมตร เที่ยวบินจาก ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิสแวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการบินโดยยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ในเที่ยวบินที่ UA891 และการบินไทย TG744 ระยะทาง 13,745 กิโลเมตร เที่ยวบินจากซานฟรานซิสโก แวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำการบินโดยในยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UA837 และ นอร์ทเวสต์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน NW27 ระยะทาง 13,500 กิโลเมตร นอร์ทเวสต์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน NW21 ทำการบินท่าอากาศยานนานาชาติแดเนียล เค. อิโนเอฮาวายแวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบินของการบินไทย TG691/TG692 แวะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน ก่อนไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ระยะทางรวม 14,653 กิโลเมตร เที่ยวบินของการบินไทยไปกลับระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิวยอร์ก TG790/TG791 ระยะทางรวม 14,050 กิโลเมตร เที่ยวบินบินตรงของการบินไทย TG794/TG795 ระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ระยะทาง 13,325 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2561 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานที่รับผู้โดยสาร นักบิน และ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จาก 55 ประเทศทั่วโลก หากนับรวมประเทศไทยด้วย ท่าอากาศยานแห่งนี้รับผู้โดยสาร จาก 56 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมากถึงร้อยละ 29 ของจำนวนประเทศทั่วโลก โดยประเทศซาอุดีอาระเบีย ทำการบินเฉพาะช่วงพิธีฮัจญ์ ไม่นับรวมแซ็ง-เดอนี ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษ มีจำนวนสายการบินที่ทำการบินทั้งเครื่องขนส่งสินค้าอย่างเดียวและเครื่องขนส่งผู้โดยสารและสินค้าซ้ำกัน 4 สายการบินได้แก่ ไชนาแอร์ไลน์ ออล นิปปอน แอร์เวย์ อีวีเอแอร์ ฮ่องกงแอร์ไลน์ จำนวนประเทศที่บินมากกว่า 3 เมืองขึ้นไป ได้แก่ ประเทศไต้หวัน ประเทศเวียดนาม ประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเยอรมนี ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินเดีย ประเทศรัสเซีย และประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2562 มีเครื่องขนส่งสินค้าเพียงอย่างเดียวหรือขนส่งอากาศยาน 13 สายการบิน โดยเที่ยวบินขนส่งสินค้าในไชน่าแอร์ไลน์ อีวีเอแอร์ ออล นิปปอน แอร์เวย์ ฮ่องกงแอร์ไลน์ ไม่ได้นับรวมในสายการบินขนส่งสินค้าเนื่องจากเป็นบริษัทเดียวกันกับที่ทำการบินในเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร ยกเว้นสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์กับสิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก แม้ใช้รหัส IATA เดียวกัน แต่ถือเป็นคนละสายการบิน ในปีพ.ศ. 2562 ขนส่งอากาศยาน มีสายการบินใหม่ที่ทำการบินมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 สายการบินได้แก่ สายการบิน มาย เจ็ทเอกซ์เพรส แอร์ไลน์ (MY Jet Xpress Airlines) และสายการบิน หยวนทง คาร์โกแอร์ไลน์ (YTO Cargo Airline) ในปีเดียวกัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ380 มากถึง 6 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย เอเชียน่าแอร์ไลน์ [66]ลุฟท์ฮันซ่า เอมิเรตส์แอร์ไลน์ โคเรียนแอร์ และกาตาร์แอร์เวย์ ในปี พ.ศ. 2563 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินภายในประเทศที่ทำการบินแบบประจำมากถึง 18 ท่าอากาศยาน จำนวนทั้งสิ้น 17 จังหวัด ภายในประเทศไทย เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่มีผู้โดยสารและสินค้าที่บินสั้นที่สุด (แบบเที่ยวบินประจำ) ในปัจจุบันได้แก่เที่ยวบินไปกลับ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปท่าอากาศยานตราด ระยะทาง 231 กิโลเมตร ทำการบินโดยบางกอกแอร์เวย์ส ในส่วนเที่ยวบินในเชิงพาณิชย์ที่บินไกลที่สุดในปัจจุบัน (แบบเที่ยวบินประจำ) ได้แก่ เที่ยวบินไปกลับระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ของการบินไทย อีวีเอแอร์ และบริติชแอร์เวย์ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สายการบินสกู๊ตเที่ยวบินที่ 750 ทำการบิน จากท่าอากาศยานชางงีสิงคโปร์มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและบินต่อปลายทางที่ท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิก[67] นับเป็นเที่ยวบินใหม่ที่มีระยะทางทำการบินไกลที่สุดในปีดังกล่าว[68]หากไม่นับขนส่งอากาศยาน ในปี พ.ศ. 2565 เที่ยวบินที่ทำการบินใกล้ที่สุดได้แก่ เที่ยวบินของการบินไทยสมายล์ในวันที่ 20 กรกฎาคม บินจากท่าอากาศยานดอนเมืองมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะทางทำการบิน 60 กิโลเมตร ในเที่ยวบิน WE557[69]WE258[70]ไม่มีการขายตั๋วโดยสารในเส้นทางดังกล่าว แต่ในปีดังกล่าวมีผู้โดยสารเดินทางมาด้วยเนื่องจากเป็นเที่ยวบิน Diverted คือไม่สามารถลงที่ปลายทางได้เนื่องจากฝนตกหนัก ในส่วนของสายการบินที่ทำการบิน (แบบประจำ) เครื่องบินขนาดเล็กที่สุดที่บินที่นี่ ได้แก่ เอทีอาร์ 42 และขนาดใหญ่ที่สุดได้แก่ แอร์บัส เอ380 ในปี พ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินที่บินตรงแบบประจำที่ระยะทางไกลที่สุดอันดับแรกได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์แวนคูเวอร์ทำการบินโดยแอร์แคนาดาเที่ยวบินที่ 65 ระยะทางบินตามตาราง 11,800 กิโลเมตร เที่ยวบินแวะพักที่ทำการบินไกลที่สุดของสนามบินอันดับแรกได้แก่อีวีเอแอร์เที่ยวบินที่ 67 และอีวีเอแอร์เที่ยวบินที่ 68 ทำการบินไทเป–เถา-ยฺเหวียนแวะพักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ทั้งขาไปและขากลับ ระยะทางรวม 13,009 กิโลเมตร [71][72] ขนส่งอากาศยานเที่ยวบินแวะพักที่ทำการบินไกลที่สุดได้แก่ เที่ยวบินขนส่งสินค้าสายการบินควอนตัสเที่ยวบินที่ QF7581 เครื่องบินแบบ Boeing 747-47UF(SCD) ทะเบียน N409MC ทำการบินท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธ[73]มาแวะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแวะท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง [74]แวะแองเคอเรจรัฐอะแลสกา[75] ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี[76]นิวยอร์ก ระยะทางรวม 24,082 กิโลเมตร เที่ยวบินดังกล่าวเป็นเที่ยวบินประจำที่ทำการบินระยะไกลที่สุดของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบินใหม่[แก้]ในปี พ.ศ. 2562 มีสายการบินใหม่ 6 สายการบินที่ทำการบินมาที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แก่ ซานตงแอร์ไลน์[77] ชิงเต่าแอร์ไลน์วิสตาราแอร์ไลน์[78]รายาแอร์ไลน์[79] หยวนตงแอร์คาร์โก้[80] และโกแอร์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากวิกฤต การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย สายการบินต่าง ๆ จึงยกเลิกเที่ยวบินโดยในปี พ.ศ. 2565 เหลือเพียง 2 สายการบินได้แก่ สายการบินโกแอร์ ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธีมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน G8037 และทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช มาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน G8025 และสายการบินวิสตาราแอร์ไลน์ ทำการบินจาก ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี มาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน UK121 ในปี พ.ศ. 2563 มีสายการบินใหม่ได้แก่ สตาร์ลักซ์แอร์ไลน์ทำการบินไปกลับระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียนกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเที่ยวบิน JX741 JX742 และ ซิปแอร์ไลน์ทำการบินไปกลับระหว่างท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเที่ยวบิน ZG052 ส่วนเครื่องบินขนส่งสินค้า อียิปต์แอร์ได้ทำการบินเส้นทางประจำ เครื่องขนส่งสินค้าจากท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงแวะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนทำการบินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติไคโรในเที่ยวบิน MS510 และ MS511 และทำการบินอยู่ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ในปี พ.ศ. 2565 มีสายการบินใหม่ได้แก่ ในวันที่ 2 มกราคม[81] สายการบินสกู๊ต ทำการบิน จากท่าอากาศยานลอนดอนแกตวิก[82] แวะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานชางงีสิงคโปร์ ทำการบินทั้งขาไปและขากลับ ในเที่ยวบิน TR752 และ TR753 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ แอร์เบลเยียมทำการบินขาเข้าจากลีแยฌมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเที่ยวบิน KF661 และทำการบินขาออกแวะดูไบก่อนไปที่ลีแยฌในเที่ยวบิน KF662 ในวันที่ 28 เมษายน แบมบูแอร์เวส์ ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต เที่ยวบินแรกในเที่ยวบิน QH325 ในวันที่ 13 พฤษภาคม เทียนจินแอร์ไลน์[83]ทำการบินในเส้นทางหนานจิง ในเที่ยวบิน HT3828[84]ก่อนหน้านี้เทียนจินแอร์ไลน์ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเจิ้งโจวซินเจิ้งเริ่มวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2563 และยกเลิกไปในที่สุด[85] ตลอดเดือนกรกฎาคมมีเที่ยวบินใหม่บินปฐมฤกษ์ 4 เที่ยวบิน ได้แก่วันที่ 1 กรกฎาคม สายการบินสกายล์อังกอล์แอร์ไลน์ทำการบินเที่ยวบิน ZA1678 จากท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ วันที่ 20 กรกฎาคม แอร์ปูซาน ทำการบินจาก ปูซาน เที่ยวบิน BX725 และ แอร์ปูซาน ทำการบิน โซล–อินช็อน เที่ยวบิน BX747 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม เกรทเตอร์ เบย์ แอร์ไลน์ส ทำการบินจาก ฮ่องกง เที่ยวบิน HB660 ในวันที่ 1 ธันวาคม แอร์แคนาดา ได้ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์แวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา ไปกลับในเที่ยวบิน AC65 และ AC66 นับเป็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินตรงจากประเทศแคนาดาโดยเที่ยวบินดังกล่าวมาถึงในวันที่ 3 ธันวาคม ตามเวลาในประเทศไทย[86] เส้นทางการบินที่ให้บริการในปัจจุบัน[แก้]
เที่ยวบินขนส่งสินค้า (คาร์โก)[แก้]ในปี พ.ศ. 2562 ถึง ปัจจุบัน ขนส่งอากาศยานที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับความไว้วางใจทำการบินด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ขนาดใหญ่ อาทิ โบอิง747-8F 6 สายการบิน ได้แก่ สายการบินโคเรียนแอร์คาร์โก ยูพีเอส คาร์โกลักซ์ เอเอ็นเอคาร์โก แอร์บริจคาร์โก ควอนตัส และ ทำการบินด้วย โบอิง747-4F 5 สายการบิน อีวีเอแอร์คาร์โก ไชนาแอร์ไลน์คาร์โก สิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก เนชั่นแนล แอร์ไลน์ เอเชียนาคาร์โก เที่ยวบินขนส่งท่าอากาศยานเป็นเที่ยวบินที่ทำการบินรัฐอะแลสกา สหรัฐ ไปกลับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารไปกลับ สหรัฐ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2560 ในปี พ.ศ. 2564 เที่ยวบินตรงที่ทำการบินระยะไกลที่สุดเป็นเที่ยวบินขนส่งอากาศยานจากลอสแอนเจลิสบินตรงมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์คาร์โกเที่ยวบินที่ ET3639 ระยะทางรวม 13,315 กิโลเมตร ส่วนบินเที่ยวบินแบบแวะพักเป็นของแอร์แคนาดาเที่ยวบิน AC7266 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแวะโซล–อินช็อน[123] ปลายทางแฮลิแฟกซ์ (รัฐโนวาสโกเชีย)[124]ระยะทางรวม 16,246 กิโลเมตร
เที่ยวบินเชิงเทคนิค[แก้]เที่ยวบินเชิงเทคนิคหมายถึงเที่ยวบินที่ใช้ย้ายฐานการบินทำการบินไปเพื่อซ่อมบำรุงเช็คสมรรถภาพของเครื่องบินใน ปี พ.ศ. 2562 มีรายงานผู้โดยสารจากท่าอากาศยานดอนเมืองเพียง 2 ราย
เที่ยวบินเช่าเหมาลำ[แก้]ในปี พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำทั้งหมด 3 สายการบิน ได้แก่ สายการบิน เพกัส ฟลาย สายการบินเช่าเหมาลำได้ทำการบินจากครัสโนยาสค์ ในเที่ยวบิน EO2411[148]ตลอดทั้งปีจำนวน 8 เที่ยวบิน ทำเที่ยวบินจากเปียร์ม ในเที่ยวบิน EO 2447[149]8 เที่ยวบิน ทำเที่ยวบินจากเคเมโรโว ในเที่ยวบิน EO2617[150]12 เที่ยวบิน ทำการบินเที่ยวบินจากบลาโกเวชเชนสค์ ในเที่ยวบิน EO2703[151] 2 เที่ยวบิน ทำการบินจากอีร์คุตสค์ 4 เที่ยวบิน ในเที่ยวบิน EO2401[152] ทำการบินจากวลาดีวอสตอค 1 เที่ยวบินในเที่ยวบิน EO2419[153]ในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562 สายการบินเพกัส ฟลาย ได้ยกเลิกทุกเที่ยวบิน สายการบินล็อตโปแลนด์ LOT Polish Airlines ได้ทำการบินแบบเช่าเหมาลำเที่ยวบินที่ LO6519 [154]จากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 20 เที่ยวบินโดยทำการบิน ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม และระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม[155] ต่อมาได้มีประกาศจาก สายการบินว่าทางสายการบินล็อตโปแลนด์จะทำการบินอาทิตย์ละ 1 วัน ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ถึง 21 มีนาคม พ.ศ. 2563[156]
เที่ยวบินเช่าเหมาลำภายในประเทศ[แก้]ปัจจุบันมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำภายในประเทศไปกลับเพียงสายการบินเดียวทำการบินด้วยเครื่องบินเล็กนั่งได้ 8 คน บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวของ บริษัท โซเนวา คีรี จำกัด
สถิติ[แก้]สถิติผู้ใช้บริการ[แก้]ข้อมูลการจราจรในแต่ละปีปฏิทิน
ทั้งนี้จากสถิติดังกล่าวในปี พ.ศ. 2554 เป็นปีแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเกิน 45 ล้านคน ซึ่งถือว่าเลยขีดจำกัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปัญหานี้ส่งผลให้เกิดปัญหาการรอคอยของผู้โดยสารในการตรวจคนเข้าเมืองนานมาก กองตรวจคนเข้าเมืองต้องทำงานหนักเกินไปและมีปัญหาสุขภาพเช่น กระเพาะปัสสาวะ อักเสบ ในปี พ.ศ. 2555 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้อันดับที่ 14 ประเภทจำนวนผู้โดยสารสูงสุดของโลก [161] นับเป็นปีแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนผู้โดยสารภายใน 15 อันดับท่าอากาศยานหนาแน่นที่สุดของโลกใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการลดลงเป็นปีแรกในรอบ 4 ปี ลดลง 12.07% เมื่อเทียบกับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555[162] และจากปัญหานี้เอง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จึงได้ยื่นแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ขึ้น โดยจะก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 2 และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทางทิศใต้ขึ้น โดยใช้สถาปัตยกรรมภายนอกแบบเดียวกันกับอาคารหลังที่ 1 แต่ตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด แต่เนื่องจากการก่อสร้างท่าอากาศยานต้องใช้เวลาอย่างต่ำถึง 5 ปี จึงทำให้แผนการรื้อฟื้นท่าอากาศยานดอนเมืองจึงถูกนำมาใช้ชั่วคราว จนกว่าการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแบบเต็มเฟสจะเสร็จสิ้นโดย เฟส 2 จะเปิดให้บริการในเดือน มกราคม พ.ศ. 2563[163] สถิติการให้บริการ[แก้]ในส่วนของเครื่องบินที่ท่าอากาศยานให้บริการขนาดเล็กที่สุดได้แก่ เครื่อง เซสน่า 208 คาราวาน ขนาดใหญ่ที่สุดได้แก่ แอร์บัส เอ380 โบอิง 747-8I โบอิง 747-8F ในปี พ.ศ. 2561 เที่ยวบินภายในประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการน้อยที่สุดได้แก่ เที่ยวบินไปกลับ ระหว่าง สนามบินเกาะไม้ซี้ ไปกลับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากบริการให้กับนักท่องเที่ยวของบริษัท โซเนวา คีรี จำกัด เท่านั้น ด้วยเครืองบิน ทะเบียน HS-SPL และ HS-SKR[164]ซึ่งเป็นเครื่อง Cessna 208B Grand-Caravan ในปีพ.ศ. 2555 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำการบินไปยังท่าอากาศยานหัวหินในเที่ยวบิน TRB171 ระยะทางเพียง 146 กิโลเมตรนับเป็นเส้นทางบินที่สั้นที่สุดที่ทำการขายตั๋วโดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจนถึงปัจจุบัน วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เอมิเรตส์ (สายการบิน)เที่ยวบิน EK418/EK419 ได้ทำการบินขนส่งผู้โดยสาร เส้นทางท่าอากาศยานนานาชาติโอกแลนด์แวะท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ[165]ก่อนหน้านี้เอมิเรตส์ (สายการบิน) เที่ยวบิน EK418/EK419 ทำการบินไครสต์เชิร์ชแวะท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ทั้งสองเส้นทางระยะทางบินรวม ประมาณ 14,900 กิโลเมตร ถึง 14,980 กิโลเมตร นับว่าสายการบินเอมิเรตส์ทำการบินแวะพัก 2 ประเทศ 2 เส้นทางบิน เพียงสายการบินเดียว แม้ไม่เปลี่ยนเลขเที่ยวบิน ในปี พ.ศ. 2561 จำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 998 เที่ยวบินต่อวัน[166] ในอดีตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเป็นหนึ่ง ในท่าอากาศยานที่รับผู้โดยสารจากเที่ยวบิน TG790 และ TG791 ไปกลับจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปกลับ ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี และ เที่ยวบิน TG794 และ TG795 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปกลับ ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นเที่ยวบินแบบบินตรงที่เดินทางเป็นระยะไกลมากที่สุดติดสิบอันดับแรก ของการทำการบินเชิงพาณิชย์ทั่วโลก หากนับเที่ยวบินที่ทำการบินแบบแวะพักสถิตินี้จะเป็นของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ในเที่ยวบินที่ UA881 ทำการบินท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ ชิคาโก แวะพักที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสถิติทำการบินนี้ไม่รวมเที่ยวบินพิเศษ IB2836 และ SQ9023 ในตลอดเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมากถึง 25,881 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 8,106 รวม 33,987 เที่ยวบิน[167]ซึ่งเป็นสถิติเที่ยวบินระหว่างประเทศมากที่สุดตั้งแต่ดำเนินกิจการ เส้นทางการบินที่มีผู้ใช้บริการรวมเกินเก้าแสนราย[แก้]ตลอดปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งหมด 380,067 เที่ยวบิน มีจำนวนท่าอากาศยานที่ให้บริการระหว่างประเทศไปกลับโดยมีผู้โดยสารรวมมากกว่า 1000000 รายในแต่ละเมืองมากถึง 14 ท่าอากาศยาน ซึ่งหากรวมท่าอากาศยานภายในประเทศแล้ว ท่าอากาศยานที่ให้บริการผู้โดยสารไปกลับรวมมากกว่า 1000000 ราย มีทั้งหมด 17 ท่าอากาศยาน อย่างไรก็ตามตลอดปี พ.ศ. 2562 เมื่อเรียงลำดับจำนวนท่าอากาศยาน 20 ลำดับแรกที่มีผู้โดยสารไปกลับจำนวนมากที่สุด พบว่า 20 ท่าอากาศยาน มีผู้โดยสารไปกลับจำนวนเกิน 9 แสนรายขึ้นไป มีจำนวน 34 ท่าอากาศยานให้บริการผู้โดยสารไปกลับเกิน 500000 รายขึ้นไป ซึ่งเท่ากับว่าจำนวนท่าอากาศยานที่ให้บริการผู้โดยสารเกิน 500000 รายขึ้นไป เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 100 ( 100 %) เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน ท่าอากาศยานที่ให้บริการผู้โดยสารไปกลับ เกิน 1000000 ราย Busiest international routes (2019)
เที่ยวบินที่ทำการบินผู้โดยสารน้อยที่สุดระหว่างประเทศ[แก้]ในปี พ.ศ. 2562 เที่ยวบินที่ทำการบินเที่ยวบินระหว่างประเทศน้อยที่สุดในแง่การขนส่งผู้โดยสารได้แก่เที่ยวบินไปกลับ ท่าอากาศยานนานาชาติคลาร์ก จังหวัดปัมปังกา ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้โดยสารเดินทางมาเพียงรายเดียว หากดูรายประเทศ ประเทศที่มีการขนส่งผู้โดยสารน้อยที่สุดใน ปี พ.ศ. 2562 ได้แก่ประเทศสเปน เมืองซาราโกซา มีผู้โดยสารรวม 8 ราย[168]ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ผู้โดยสารที่จะไปทวีปอเมริกาเหนือจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องบิน เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีบริการเที่ยวบินผู้โดยสารระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับทวีปอเมริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแบบบินตรงหรือแวะท่าอากาศยานประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ต้อนรับผู้โดยสารจากท่าอากาศยานนานาชาตินูอาร์ก ลิเบอร์ตีในเที่ยวบิน SQ9023[169]ทำการบินโดยสายการบินสิงคโปร์นับเป็นเที่ยวบินจากสหรัฐในรอบ 6 ปี และเป็นเที่ยวบินตรงที่ไกลที่สุดของสุวรรณภูมินับตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการ นับตั้งแต่เปิดบริการ ในปี พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารไปทวีปอเมริกาใต้ ไม่ว่าจะเป็นแบบบินตรงหรือแวะท่าอากาศยานอื่น ยกเว้นเที่ยวบินพิเศษของการบินไทย เที่ยวบินที่ TG8848 ทะเบียน HS-TLD นำอดีตนายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์[170]และคณะเดินทางไปกรุงลิมา ใน วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551[171] ซึ่งบินแวะท่าอากาศยานซือริช เดินทางถึงกรุงลิมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน[172]อย่างไรก็ตามท่าอากาศยานในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่มีเที่ยวบิน "บินตรง" ไปกลับ ทวีปอเมริกาใต้ เส้นทางการบินระหว่างประเทศที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด[แก้]เส้นทางการบินระหว่างประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2556)[173]
เส้นทางการบินภายในประเทศที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด[แก้]เส้นทางการบินภายในประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2563)[174][175]
ในปี พ.ศ. 2559 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยให้บริการขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศสูงสุด 23 จังหวัด 25 ท่าอากาศยานภายในประเทศโดยให้บริการ ท่าอากาศยานชุมพร และ ท่าอากาศยานนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2563 การขนส่งนักบินและเจ้าหน้าที่มีนักบินทำการบินขนย้ายเครื่องบินจากท่าอากาศดอนเมืองมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและนำเครื่องบินจาก ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง–พัทยา)มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช่น TG8406 ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ส่วนสนามบินเกาะไม้ซี้ อำเภอเกาะกูด นั้นมีเที่ยวบินไปกลับระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิบินด้วยเครื่องบิน 8 ที่นั่ง แต่ไม่มีรายงานจำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2563 ในปี พ.ศ. 2564 การบินไทยทำการบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ ทั้งขาไปและขากลับในเที่ยวบิน TG918/TG919 ขนส่งผู้โดยสารจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแวะส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานภูเก็ตปลายทางท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์นับเป็นเที่ยวบินภายในประเทศรวมกับระหว่างประเทศที่ระยะทางไกลที่สุด ทำการบินระยะทางรวม 11,175 กิโลเมตร ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้บริการเที่ยวบินไปกลับท่าอากาศยานร้อยเอ็ดทำการบินโดยการบินไทยสมายล์และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 การบินไทยสมายล์ทำการบินไปกลับท่าอากาศยานตรัง โดยทำการบินแบบเที่ยวบินตามตารางบินทั้งสองเส้นทาง ในวันที่ 2 พฤษภาคม ไทยแอร์เอเซียทำการบินไปกลับระหว่าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ในเที่ยวบินที่ FD7528[176] ปลายทางท่าอากาศยานบุรีรัมย์และเที่ยวบิน FD7529 บินกลับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผลการดำเนินงาน[แก้]รางวัลและการจัดอันดับ[แก้]ผลการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับรางวัลและการจัดอันดับดังต่อไปนี้[177]: รางวัลบริการดีเด่น[แก้]
รางวัลท่าอากาศยานดีเด่น จากสกายแทร็กซ์[แก้]
รางวัลท่าอากาศยานดีเด่นจากผลลงคะแนนทั่วไป[แก้]
ปัญหาหลังจากเปิดให้บริการ[แก้]ปัญหาจากการบริการ[แก้]
ปัญหาด้านสิ่งปลูกสร้าง[แก้]
ปัญหาด้านกฎหมาย[แก้]
การคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยาน[แก้]เส้นทางเข้า-ออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 6 เส้นทาง: รถยนต์[แก้]ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเส้นทางเข้าออกสำหรับรถยนต์อยู่ 5 เส้นทาง ซึ่งรถแท็กซี่ รถโดยสารขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรถโดยสารแอร์พอร์ตเอกซ์เพรส ใช้เพื่อการคมนาคมด้วย โดยทางเข้าหลักคือ เส้นทางจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ถนนกรุงเทพมหานคร-ชลบุรี) อีกเส้นทางหนึ่งสามารถเข้าได้จากทางพิเศษบูรพาวิถีหรือถนนเทพรัตน รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ[แก้]เส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 28.6 กิโลเมตร ใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงแบบทางคู่ ยกระดับขนานไปตามแนวเส้นทางรถไฟทางไกลสายตะวันออก มีสถานีรายทางจำนวน 8 สถานี ได้แก่ สถานีพญาไท, สถานีราชปรารภ, สถานีมักกะสัน (สถานีขนส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานในเมือง), สถานีรามคำแหง, สถานีหัวหมาก, สถานีบ้านทับช้าง, สถานีลาดกระบัง และจะตีโค้งแล้วลดระดับลงไปยังอุโมงค์ใต้ดิน เพื่อเข้าสู่สถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของอาคารผู้โดยสาร โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเดินรถในสองรูปแบบ คือรถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายซิตี) ตัวรถคาดสีน้ำเงิน คิดค่าโดยสายเริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 45 บาท ตามระยะทาง โดยจะรับ-ส่งผู้โดยสารในทุก ๆ สถานีตลอดรายทาง และในรูปแบบรถไฟฟ้าด่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายเอ็กซ์เพรส) ตัวรถคาดสีแดง คิดค่าโดยสารเที่ยวละ 150 บาทต่อคน วิ่งตรงจากสถานีขนส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานในเมือง (City Air Terminal) หรือสถานีมักกะสัน ถึงสถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่จอดที่สถานีใด ๆ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีต่อเที่ยว รถไฟฟ้าทั้งสองสาย วิ่งอยู่บนทางยกระดับคู่เส้นเดียวกัน โดยมีการสับหลีกและควบคุมการเดินรถด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบรถด่วนสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงตรงสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ได้เริ่มทดสอบการให้บริการ และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553 รถโดยสารประจำทาง[แก้]รถโดยสารประจำทางที่เดินรถเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งหมด 3 เส้นทาง โดยอัตราค่าโดยสารเข้าท่าอากาศยาน จะเก็บเพิ่มจากราคาตามระยะทางปกติอีก 10 บาท และรถโดยสารประจำทางที่เดินรถเข้าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งหมด 1 เส้นทาง โดยอัตราค่าโดยสารเข้าท่าอากาศยานจะเก็บราคา 60 บาท (ตลอดสาย) รวมทั้งหมด 4 เส้นทาง โดยมีเส้นทางดังนี้
- สาย 555 รังสิต - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินรถโดยเขตการเดินรถที่ 1 เส้นทาง : รังสิต - ท่าอากาศยานดอนเมือง - แยกหลักสี่ - แยกลาดพร้าว - แยกสุทธิสาร - ทางด่วนดินแดง - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - สาย S1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - สนามหลวง เดินรถโดยเขตการเดินรถที่ 3 เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ทางด่วนยมราช - ถนนหลานหลวง - สนามหลวง
- สาย 554 รังสิต - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เส้นทาง : รังสิต - ท่าอากาศยานดอนเมือง - ม.ราชภัฏพระนคร - ถนนรามอินทรา - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - สาย 558 เคหะธนบุรี - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เส้นทาง : เคหะธนบุรี - เซ็นทรัลพระราม 2 - แยกพระราม 2 - บางปะกอก - วัดสน กม.9 - ทางด่วนสุขสวัสดิ์ - ไบเทคบางนา - เซ็นทรัลบางนา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยรถทั้ง 3 เส้นทางจะจอดที่ Bus Terminal ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสามารถโดยสารรถ Shuttle Bus ไปยังอาคารผู้โดยสารได้ รถตู้โดยสารประจำทาง[แก้]
รถตู้โดยสารประจำทางที่เดินรถเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งหมด 8 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - สน.ลาดกระบัง - ถนนร่มเกล้า - ม.เกษมบัณฑิต - มีนบุรี
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ถนนบางนา - รพ.จุฬารัตน์ 1 - รามคำแหง 2 - เซ็นทรัลบางนา - อุดมสุข - สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อ่อนนุช
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ถนนบางนา - รพ.จุฬารัตน์ 1 - รามคำแหง 2 - เซ็นทรัลบางนา - สำโรง - สมุทรปราการ
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 - ถนนรามอินทรา - วงเวียนหลักสี่ - สะพานใหม่ - ตลาดประตูกรุงเทพ - ปากทางลำลูกกา
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ทางด่วนพระราม 9 - ดินแดง - สุทธิสาร - ม.เกษตรศาสตร์ - แยกหลักสี่ - ท่าอากาศยานดอนเมือง
เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 - ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 - ดรีมเวิลด์ - ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง 4-3-2-1) - ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต รถ Shuttle Bus ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง[แก้]รถ Shuttle Bus ให้บริการฟรีสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาที่ให้บริการตั้งแต่ 05.00-24.00 น. ซึ่งสงวนสิทธิ์เฉพาะผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องบินเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องมีตั๋วโดยสารของสายการบินที่จะต้องเชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานเท่านั้น จึงจะสามารถใช้บริการได้ เส้นทาง : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ถนนสุวรรณภูมิ 1 - ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 - ทางพิเศษศรีรัช - ทางพิเศษเฉลิมมหานคร - ทางยกระดับอุตราภิมุข - ท่าอากาศยานดอนเมือง รถ Shuttle Bus ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ[แก้]รถ Shuttle Bus ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รถ Shuttle Bus ให้บริการฟรีสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าท่าอากาศยานโดยรถโดยสารประจำทางและรถตู้โดยสารประจำทาง โดยเชื่อมต่อระหว่าง Bus Terminal กับส่วนต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน มี 5 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทาง : Bus Terminal - ลานจอดระยะยาว B,E - ลานจอดระยะยาว A,C - บริษัท BAFS - ตรงข้ามสถานีดับเพลิง - ตึกปฏิบัติการภาคพื้นดิน การบินไทย - ตึกการบินไทย - ตึกฝ่ายช่าง - ช่องทาง 3 - ช่องทาง 2 - อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 1 - อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 10 - อาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 5 - ครัวการบิน บมจ.การบินไทย - สถานีดับเพลิง - Bus Terminal
เส้นทาง : Bus Terminal - บริษัท LSG Sky Chefs - ตรงข้ามสถานีดับเพลิง - ตึกปฏิบัติการภาคพื้นดิน การบินไทย - อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 1 - อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 10 - VIP Room - จุดจอดเพิ่ม 1 ( Free Zone ) - จุดจอดเพิ่ม 2 ( Free Zone ) - จุดจอดเพิ่ม 3 ( Free Zone ) - ประตูทางออกหน้า ( Free Zone ) - แยกไฟแดง Free Zone - ครัวการบิน บมจ.การบินไทย - สถานีดับเพลิง - Bus Terminal
เส้นทาง : Bus Terminal - สถานีตำรวจราชาเทวะ - ตรงข้ามสถานีตำรวจราชาเทวะ - แยกสุขสมาน - Sky Lane - ตรงข้าม ตึก ( AMF ) - กรมอุตุ ฯ - อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 3 และ 8 - ทางออกเขตปลอดอากรประตู 2 - Bus Terminal
เส้นทาง : Bus Terminal - ตรงข้ามสถานีดับเพลิง - ตึกปฏิบัติการภาคพื้นดิน การบินไทย - สำนักงานท่าอากาศยาน ( AOB ) - โรงแรมโนโวเทล - บริษัท วิทยุการบิน - ครัวการบินไทย - สถานีดับเพลิง - LSG Sky Chefs - Bus Terminal
เส้นทาง : Bus Terminal - อาคารผู้โดยสารชั้น 4 ประตู 5 - อาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 5 - Bus Terminal รถไฟฟ้าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ[แก้]รถไฟฟ้าสำหรับใช้ขนส่งผู้โดยสารใต้ทางวิ่งเชื่อมอาคารผู้โดยสารปัจจุบันกับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ โดยมีทั้งหมด 2 สถานี ระยะทางรวม 1 กิโลเมตร โดยใช้รถไฟฟ้าล้อยางแบบไร้คนขับ (Automated People Mover หรือ APM) ซึ่งตัวรถไฟฟ้าเลือกใช้รถไฟฟ้าจากบริษัท ซีเมนส์ รุ่น Airval รวมทั้งหมด 6 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ มีที่นั่งตู้ละ 25 ที่นั่ง รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 210 คนต่อขบวน วิ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากถึง 3,590 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง[199] คาดหมายว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566[200] สนามบินพี่น้อง[แก้]บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกสัญญาการทำงานร่วมกันในการลงนามสนามบินพี่น้องกับท่าอากาศยานทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานมิวนิก ประเทศเยอรมนี, ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน ประเทศเกาหลีใต้, ท่าอากาศยานนานาชาตินะริตะ ประเทศญี่ปุ่น, ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ประเทศจีน, ท่าอากาศยานออสติน สหรัฐอเมริกา, ท่าอากาศยานนานาชาติหลวงพระบาง ประเทศลาว[201] อ้างอิง[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°41′13″N 100°45′05″E / 13.68702°N 100.751495°E
|