การทำธุรกิจในปัจจุบันนี้ ไม่สามารถพึ่งพาเพียงประสบการณ์ที่มีอย่างเดียวได้อีกต่อไป จำเป็นต้องใช้หลักฐาน หรือข้อมูลทางสถิติมาใช้ในการประเมินแนวโน้ม ทางเลือกที่เป็นไปได้ และทิศทางของธุรกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด Show ยิ่งในยุคดิจิตอลนี้ ช่วยให้การเข้าถึงและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ง่ายมากขึ้น มีเครื่องมือซอฟต์แวร์ช่วยเหลือในการจัดการกับข้อมูล ซึ่งถูกพัฒนาให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าสมัยก่อน
ส่งผลให้หลายธุรกิจปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับการใช้ข้อมูลมากขึ้น จากการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้หลายธุรกิจนำ Data Driven เข้ามาขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยข้อมูลเป็นหลัก ช่วยทำให้สามารถตัดสินใจพร้อมตอบสนองรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การโต้ตอบของคู่แข่ง ซึ่งหากใช้ประสบการณ์เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที หรือในอีกแง่หนึ่ง แม้ธุรกิจนำเทคโนโลยีมาใช้งานเพื่อรองรับฐานข้อมูลของตัวเอง
แต่หากปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้นำข้อมูลไปใช้งานหรือต่อยอดอะไรใหม่ ๆ ทำให้เสียทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า ดังนั้นธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการเลือกดึงข้อมูลที่เราครอบครองมาใช้ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์หรือเป้าหมายที่ได้วางแผนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อธุรกิจได้ดึงข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาใช้งาน อีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญนอกจากวิเคราะห์ข้อมูลแล้วคือการนำข้อมูลมาแสดงผลลัพธ์ต่าง ๆ ให้ข้อมูลของเราเป็นรูปร่างขึ้นมา เราอาจจะคุ้นเคยในรูปของตารางที่มีผลสรุปตัวเลขหยิบย่อยเยอะแยะจนลายตาไปหมด
ซึ่งหากทีมเราไม่มีคนที่มีความชำนาญด้านข้อมูล การแปลงข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นภาพด้วย Data Visualization ที่ช่วยให้เราสามารถรวบรวมผลการวิเคราะห์มาเสนอบน Dashboard ของเราได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น แล้วจะมีอะไรเครื่องมืออะไรกันบ้าง ไปติดตามต่อกันได้เลย Data Visualization คืออะไร ? รู้จักวิธีเปลี่ยนข้อมูลตัวเลขมากมายให้เป็นภาพที่ง่ายต่อความเข้าใจData Visualization คือ การสรุปข้อมูลและแสดงออกมาเป็นภาพ มาจากการทำ Information Visualization และ Visual Analytics
โดยแสดงผลลัพธ์ถูกจัดทำออกมาในรูปของแผนภูมิบ้าง กราฟรูปแบบต่าง ๆ บ้าง แม้กระทั่งแผนที่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถเข้าใจง่าย อธิบายได้ชัดเจน และเห็นภาพรวมของผลลัพธ์ที่ได้ “Learn data, and you can tell stories that more people don’t even know about yet but are eager to hear.” - Nathan Yau (statistician and data visualization expert) แม้การทำ Data Visualization จะมีการจัดทำมานานแล้วมักจะพบในรายงานการวิจัยต่าง
ๆ แต่ยังไม่ค่อยได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อนำเสนอในด้านของธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนใหญ่ได้ปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation มากขึ้น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ครอบครองข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ด้วยการเล่าข้อมูลออกมาเป็นรูปภาพนั้น จะช่วยให้การสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อมูลที่วิเคราะห์มาได้นั้น ให้ผู้อื่นเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้ชัดเจน และทำให้การจดจำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถนำไปต่อยอดในการทำ Data Storytelling ได้อีกด้วย เมื่อเริ่มสร้าง Data
Visualization ในการหยิบจับข้อมูลไปประมวลผลนั้นมีหลากหลายวิธีการ ดังนั้นเราควรมีความเข้าใจตัวชี้วัดและลักษณะของข้อมูลที่เรารวบรวมมา ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลเชิงตัวเลข (Numeric) ข้อมูลหมวดหมู่ (Categorical) และข้อมูลที่จัดเรียงลำดับเวลา (Time Series) เพื่อป้องกันไม่ให้การวิเคราะห์เกิดข้อผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนจากชุดข้อมูลที่เราเลือกมาใช้งาน และสามารถนำเสนอได้อย่างแม่นยำ ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Data Visualization นั้น ไม่ได้มีเพียงการอธิบายข้อมูลให้ง่ายขึ้นเพียงอย่างเดียว
แต่ยังช่วยให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้ม เปรียบเทียบความแตกต่าง และหาความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันของชุดข้อมูล แม้กระทั่งการคาดเดาพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า คู่แข่งของธุรกิจเรา หรือแม้แต่สภาวะตลาดในอนาคต ทำให้ที่ข้อมูลเชิงที่เราเก็บรวบรวมมานั้นมีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่เพียงชุดตัวเลข ซึ่งเครื่องมือที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอาจจะเป็นการคำนวณข้อมูลในโปรแกรมสุดคลาสสิกอย่าง Excel ออกมาในรูปของแผนภูมิ หรือกราฟต่าง ๆ ทีละชุดข้อมูล แต่แท้จริงแล้วเรามีวิธีการที่ง่ายกว่านั้นในการประมวลผล
ต้องขอขอบคุณผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหลายที่สร้างเครื่องมือในการสร้าง Data Visualization ให้สามารถดึงข้อมูลที่ต้องการ ตั้งค่าให้คำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมเครื่องมือเหล่านั้นมาให้แล้วในบทความนี้ เครื่องมือเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้าง ไปติดตามต่อกันเลย แนะนำ 7 เครื่องมือในการทำ Data Visualization ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของคุณ1. Google Data Studioภาพจาก : wissi.frเริ่มเครื่องมือแรกกันด้วย Google Data Studio
นับว่าเป็นเครื่องมือเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการทำ Data Visualization เลยก็ว่าได้ เนื่องจากสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่มีบัญชีอีเมลของ Gmail ก็สามารถเปิดใช้งานได้เลย สามารถดึงข้อมูลโดยตรงได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นของ Google ได้อย่างรวดเร็ว เช่น Google Analytics, Google Ads, Google Search Console และ YouTube และที่น่าเสียดายเครื่องมือนี้ยังไม่มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เรามีให้ออกมาเป็นกราฟ
หรือแผนภูมิที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น หากใครที่พึ่งเริ่มต้นทำยังงงกับเครื่องมือการใช้งานต่าง ๆ ทาง Google เขาได้จัดทำคลิปวิดีโอสอนการใช้งานตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงดึงข้อมูลมาสร้าง Dashboard เฉพาะด้านประเภทต่าง ๆ หรือเข้าไปชมการใช้งานเบื้องต้น และฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่มีได้ที่ We need tool talk Highlight:
ราคา : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://datastudio.google.com 2. Endlessloopเครื่องมือในการวางโครงสร้างแคมเปญและติดตามผลลัพธ์ทางการตลาดอย่าง
‘Endlessloop’ ซึ่งเครื่องมือนี้ถูกพัฒนามาจากแนวความคิดแบบ Growth ที่เป็นเบื้องหลังของการเติบโต 10 เท่า จากบริษัทดัง ๆ อย่าง Facebook, Airbnb, Spotify, Tinder และอีกมากมาย ที่ทำให้ลูกค้าติดหนึบไม่ไปไหน โดยเครื่องมือนี้ถูกประยุกต์มาจาก Marketing funnels และศาสตร์ Growth marketing เข้าด้วยกัน ซึ่งเดิมทีในการวาง Sale Funnel นั้น เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้ถูกกรองออกจากแต่ละขั้นของการตัดสินใจซื้อแล้ว เราไม่ได้วางเส้นทางอื่นที่จะดึงคนเหล่านั้นกลับมา
รวมถึงเมื่อถึงจุดซื้อสินค้าแล้วก็สิ้นสุดกระบวนการ ไม่ได้วางแผนต่อให้คนเหล่านั้นกลับมาซื้อซ้ำ หรือบอกต่อถึงคุณค่าสินค้าหรือบริการของเรา ด้วย Endlessloop ซึ่งเป็น Funnel ที่ช่วยให้เราออกแบบทุกขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค รวมถึงดึงให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและกลายเป็นกระบอกเสียงบอกต่อสิ่งดี ๆ ของเรา โดยหน้า Dashboard ของเครื่องมือนี้จะเป็นลักษณะของ Loop ซึ่งเราสามารถตั้ง Loop เฉพาะให้ตรงกับ Persona ของแต่ละกลุ่มเป้าหมายนั้นได้ โดยเมื่อเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูล
ระบบจะทำการดึงข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ ให้อัตโนมัติ และนำผลลัพธ์มาแสดงในแต่ละขั้นของ Loop ในรูปของ Metrics ที่เราได้ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถประเมินสถานการณ์แต่ละขั้นได้เฉียบคมมากขึ้น รวมถึงสามารถเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนแต่ละแคมเปญที่เราออกแบบมา เพื่อดึงดูดการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขึ้นอีกด้วย Highlight:
ราคา : เริ่มทดลองใช้งานได้ฟรี 60 วัน ราคาเริ่มต้นการใช้งานสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://endlessloop.app/#pricing เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://endlessloop.app อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:
3. Power BIภาพจาก : its.weill.cornell.eduหากมองหาเครื่องมือประมวลผลเชิงลึกสำหรับองค์กรที่ ‘Power BI’ ยิ่งเป็นผู้ออกแบบจัดทำรายงานแล้ว ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะสามารถเชื่อมต่อ ดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล และแปลงไฟล์จากที่ต่าง ๆ ได้ ทำให้สามารถจัดทำข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำมาสร้าง Dashboard ได้สะดวก พร้อมวิเคราะห์และอัปเดตผลลัพธ์ได้ทันที ทำให้เราสามารถจัดทำรายงานหรือตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูมุมมองที่ต้องการได้ และยังสามารถใช้งานได้บนหลายอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต
และสมาร์ทโฟน ยกเว้นการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ระบบ MacOS เนื่องจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์นี้คือ Microsoft Highlight:
ราคา : ใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ฟรี ราคาปลดล็อคฟีเจอร์อื่นเริ่มต้นที่ $9.99 ต่อเดือน ดูรายละเอียดแต่ละแพ็คเกจราคาเพิ่มเติมได้ที่ https://powerbi.microsoft.com/en-us/pricing/ เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ :
https://powerbi.microsoft.com/en-us/ 4. Tableau'Tableau’ เป็นเครื่องมือด้าน Business Intelligence Tool อีกตัวหนึ่งที่ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานทั้ง Windows และ MacOS สามารถสร้างสรรค์การวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็น Visualization ได้เพียงไม่กี่คลิก ก็ออกมาเป็น Dashboard สวย ๆ สามารถแชร์หน้า Dashboard และ Interactive ได้ง่าย พร้อมเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ประเภทต่าง ๆ Relational Data Sources หรือแม้กระทั่ง Big Data Sources และที่สำคัญเขายังมีการปรับปรุงพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงแต่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ Highlight:
ราคา : ทดลองการใช้งานได้ฟรี 14 วัน ราคาเริ่มต้นที่ $70 ต่อเดือน สามารถเพิ่มฟีเจอร์โดยเลือก add-on ในแพ็คเกจเพิ่มได้ สามารถดูรายละเอียดแต่ละแพ็คเกจราคาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tableau.com/pricing เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://www.tableau.com/ 5. FineReportภาพจาก : finereportเครื่องมือในการสร้างหน้ารายงานแบบ Data Visualization ระดับสูงสำหรับการใช้งานบนองค์กรต้อง ‘FineReport’ เลย ซึ่งเป็น Web Reporting Tool โดยออกแบบตามแนวคิดอย่าง No-Code Development จึงทำให้เราสามารถสร้างหน้ารายงานที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น สามารถเริ่มต้นการใช้งานแบบ Personal Version ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย การเริ่มต้นใช้งานก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่
Drag-and-Drop ข้อมูล ก็ทำให้เราได้ Dashboard หน้าตาสวย ๆ ที่เหมาะกับแต่ละประเภทการใช้งานอีกด้วย Highlight:
ราคา : ทดลองการใช้งานได้ฟรี ราคาเริ่มต้นการใช้งานต่อครั้งที่ $1 สามารถติดต่อสอบถามราคาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finereport.com/en/contact-us เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ :
https://www.finereport.com/en/ 6. Databoxภาพจาก : capterra
เครื่องมือด้าน Business Analytics ชิ้นสำคัญสำหรับระดับผู้บริหารที่ต้องการเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจอย่างครบถ้วน ภายในหน้า Dashboard เดียว ซึ่ง ‘Databox’ จะช่วยดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลได้มากกว่า 70 แหล่ง มาวิเคราะห์ พร้อมแสดง Performance ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขายสินค้า จำนวนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อสร้าง KPIs วัดผลตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ทำให้คุณสามารถเข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจที่คุณกำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจทางเลือกต่าง ๆ
ได้อย่างชัดเจนแม่นยำมากขึ้น Highlight:
ราคา : เริ่มต้นใช้งานแบบ Free plan ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการปลอดล็อกฟีเจอร์อื่น ๆ เริ่มต้น $49 ต่อเดือน สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 14 วัน ดูรายละเอียดแพคเกจเพิ่มเติมได้ที่ https://databox.com/pricing เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://databox.com 7. Zoho Analyticภาพจาก : softwaresuggestมาถึงเครื่องมือชิ้นสุดท้ายอย่าง Zoho Report หรือชื่อในปัจจุบันคือ ‘Zoho Analytic’ หลายคนอาจจะพอรู้จัก Zoho
จากระบบจัดการ CRM ตัวเครื่องมือนี้เป็นซอฟต์แวร์ด้าน Business Intelligence ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกออกมาเป็นรูปภาพได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที และยังสามารถตั้งให้ Auto Generate หน้ารายงานนั้นออกมาได้ แม้ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงทุกฟังก์ชันการใช้งานจะค่อนข้างสูงตกปีละ 8,000 กว่าบาทเลยก็ตาม แต่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นในการทำ CRM เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจของเราได้อีกด้วย Highlight:
เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://www.zoho.com/th/analytics/ สรุปทั้งหมดในปัจจุบันที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปต่อยอดการวางแผนกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ ดังนั้นด้วย 7 เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณอธิบายข้อมูลยาก ๆ ให้ออกมาเป็นภาพด้วย Data Visualization Tools ที่เราได้รวบรวมมาฝาก ที่มีเครื่องมือตั้งแต่ระดับมือใหม่วิธีการใช้งานง่าย จนถึงระดับสูงที่ต้องอาศัยเทคนิคด้านการวิเคราะห์และ Coding ทำให้ธุรกิจของคุณสร้างสรรค์การวิเคราะห์ข้อมูลได้มากกว่าตารางในหน้า Excel ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็น Data Analyst ก็ตาม
แต่เราก็สามารถจัดระบบข้อมูลขององค์กรที่มีมากมายมหาศาลถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย และประหยัดเวลาในการยกข้อมูลไปนั่งจัดทำทีละรอบเวลานำไปรายงานหรือลงสไลด์แต่ละครั้งให้มีประสิทธิภาพ ดีไซน์สวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมให้สามารถหยิบจับแต่ละค่ามาใช้เปรียบเทียบกันได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจของเราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ Source
: Adges.net, Blog.ourgreenfish, techstarthailand,
autosoft,
1moby, skooldio,
d4biz, coraline, 9experttraining |