“เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนถ่ายทอดแง่คิด ประสบการณ์ในช่วงวัยรุ่นและชีวิตของผู้เขียนให้กับผู้อ่าน หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิดอะไรหลายอย่าง มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลังจากอ่านจบแล้วเลยอยากสรุปข้อคิดหลายๆอย่างจากหนังสือเล่มนี้แบ่งปันให้ คนอื่นบ้าง เผื่อได้ข้อคิดอะไรและไปปรับใช้กับชีวิตตัวเองดูบ้างครับ โดยในเริ่มเเรกหนังงสือใช้การเปรียบเทียบชั่วโมงในนาฬิกากับอายุจริงที่อายุขัย 80 ปี ซึ่งในคำนำสำนักพิมพ์ได้เปรียบเทียบไว้ประมาณนี้ครับ ถ้าตอนนี้คุณอายุ 20 ปี นาฬิกาชีวิตคุณอยู่ที่ 6 โมงเช้า พระอาทิตย์ขึ้นพอดี ซึ่งเอาจริงๆตรงนี้ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรครับ แต่ก็อันนี้เเล้วเเต่ตัวบุคคลเนอะ แต่ point ที่อาจารย์คิมต้องการจะสื่อหลักๆเลยคือ สำหรับหนุ่มสาวที่กำลังจะเรียนจบ หรือ เพิ่งเรียนจบออกมาได้ไม่นานคุณไม่จำเป็นต้องรีบที่จะประสบความสำเร็จขนาดนั้นก็ได้ เพราะอย่างที่รู้กันในปัจจุบันโลกของเรานั้นถูกตรึงไว้กับ social media อย่างมาก เราเห็นคนอายุน้อยหลายคนประสบความสำเร็จตั้งเเต่ช่วง 20 ต้นๆ ซึ่งมันเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้คนหนุ่มสาวสมัยนี้มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ (ประสบความสำเร็จ ณ ที่นี้คือรวยยยยยย ) แต่คำถามที่อาจารย์คิมอยากจะสื่อออกมานั้นก็คือ การประสบความสำเร็จของเเต่ละบุคคลมันไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือคุณต้องรู้ตัวว่าประสบความสำเร็จของคุณคือแบบไหน อาจารย์คิมได้ทิ้งคำถามว่าผู้อ่านคิดว่าดอกไม้ชนิดไหนเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่ดอกไม้ที่คุณชอบ แต่หมายถึงดอกไม้ที่เยี่ยมที่สุดในความคิดคุณ? ถ้าคุณคิดดู อาจจะมีคำตอบได้ต่างๆนานา เเละหลายคนก็คงตอบว่าไม่มีดอกไม้ที่เยี่ยมที่สุด เนื่องจากดอกไม้แต่ละชนิดมีเวลาในการผลิบานและอยู่ในช่วงที่สวยที่สุดในต่างฤดูกาลและต่างช่วงเวลากัน ปัญหาก็คือ เราเข้าใจเรื่องของดอกไม้นี้ได้อย่างง่ายดาย แต่พอเป็นชีวิตจริงเราทุกคนกลับมองว่าดอกไม้ที่ผลิบานก่อนคือดอกไม้ที่งดงามที่สุด “เราต้องการอะไร ?” “ ทำอะไรแล้วมีความสุข ? ” “อะไรที่เราถนัดบ้าง ? ” “ เราเป็นใคร ? ” จงทบทวนตัวเองอยู่เสมอ เพราะคำตอบนั้นไม่อาจหาได้จากไหนนอกจากตัวคุณเอง ชีวิตเราเหมือนจิ๊กซอร์ขนาดใหญ่ที่จะต้องต่อทีละชิ้นๆให้ประสานกันเป็นอย่างดี
ดังนั้นจงร่างภาพจิ๊กซอร์ของชีวิตคุณตั้งแต่ตอนนี้ จินตนาการถึงภาพขนาดใหญ่ของชีวิตที่อยากเห็นในวันสุดท้าย เมื่อต้องลาจากโลกใบนี้ไป ถ้าคิดว่าวันนี้เป็นจิ๊กซอร์ชิ้นหนึ่งของชีวิต หากจิ๊กซอร์ชิ้นนี้ขาดหายไป คุณจะรู้สึกเสียดายมากแค่ไหน ทุกคนมีโจรขโมยเวลาอยู่ในตัวเอง ถ้าไม่จับโจรขโมยเวลาให้ได้ก่อน ก็เป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เคล็ดลับการจัดการเวลา หลักการหนึ่งต่อหนึ่ง กล่าวคือ ถ้าลงทุนเรื่องใดก็ตามวันละ 1 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 1 ปี จะต้องเกิดอะไรดีๆขึ้นกับชีวิต *ประเด็นเรื่องอื่นๆที่ชอบจากหนังสือเล่มนี้
สุดท้ายนี้ หนังสือเล่มนี้ก็คงเป็นหนึ่งใน tools ต่างๆที่ช่วยให้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายได้ใช้มันเพื่อหาคำตอบของชีวิตตัวเองได้มากขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย |