แม้การใช้บัตรผ่อนสินค้าแบบ 0% มีข้อดีตรงที่คุณไม่ต้องดึงเงินสดก้อนใหญ่มาใช้ แถมไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่หากเผลอรูดบัตรเครดิตผ่อนของจนเพลินก็มีโอกาสก่อหนี้ก้อนใหญ่ได้เช่นกัน ดังนั้นควรจำกัดวงเงินที่จะใช้แต่ละเดือนให้ชัดเจน ทั้งในส่วนที่ใช่และไม่ใช่โปรโมชั่นผ่อน 0% เพื่อให้ช่วงสิ้นเดือนบิลบัตรเครดิตในมือจะได้ไม่กลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง (3) ชำระเงินตามงวดให้ครบจำนวน ถึงการใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้าแบบ 0% ทำให้คุณไม่ต้องรับภาระหนักในแต่ละเดือนจนเกินไป แต่รู้ไหมว่า หากไม่ชำระเงินให้ครบจำนวนตามที่ระบุไว้ในบิลหรือชำระเงินล่าช้า สิ่งเหล่านี้นอกจากทำให้ผู้ถือบัตรเสียเครดิตทางการเงิน ยังอาจถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระหนี้อีกด้วย ช้อปออนไลน์แล้วจ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC รับความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ (4) หมั่นเช็คโปรโมชั่นบัตรเครดิต มีหลายครั้งที่ผู้ถือบัตรเข้าไปตรวจสอบโปรโมชั่นบัตรเครดิตบนเว็บไซต์ของสถาบันการเงินเจ้าของบัตรหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อเช็คดูว่าสินค้าหรือบริการที่ให้ความสนใจมีโปรโมชั่นผ่อน 0% กับบัตรเครดิตที่ใช้งานอยู่หรือไม่ แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายคนเลือกไปสอบถามโปรโมชั่นกับผู้ขายที่หน้าร้านโดยตรงเช่นกัน (5) มองหาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม อย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่า บัตรเครดิตมีสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจถึง 3 อย่าง ได้แก่ สะสมคะแนน รับเครดิตเงินคืน และผ่อน 0% รู้ไหมว่านอกเหนือจากการใช้โปรโมชั่นผ่อน 0% แล้ว คุณสามารถนำคะแนนสะสมในบัตรเครดิตมาใช้เป็นส่วนลดเพิ่มเวลารูดบัตรเครดิตซื้อสินค้าหรือบริการได้ เรียกว่าถ้าโชคดีคุณอาจได้ทั้งผ่อนชำระเป็นรายเดือน แถมได้ส่วนลดเพิ่มในการซื้อสินค้าชิ้นดังกล่าวด้วย ฉะนั้นก่อนรูดบัตรเครดิตลองพนักงานที่หน้าร้านถึงสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกครั้ง (6) ไม่ควรผ่อนสินค้าซ้อนกัน แม้บัตรเครดิตมีสิทธิประโยชน์ด้านการผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 10 เดือน ที่ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของผู้ถือบัตร แต่ไม่แนะนำให้ผ่อนสินค้าซ้อนกัน เพราะอาจทำให้คุณจัดการเรื่องรายจ่ายที่เกิดขึ้นได้ลำบาก เนื่องจากมียอดเรียกเก็บสูงเกินกำลังของผู้ถือบัตร ผ่อนชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านบัตรเครดิต คุ้มค่ามากกว่าที่คิด...กรอกข้อมูลที่นี่ แนะนำบัตรเครดิตผ่อนสินค้า ที่น่าสมัครติดกระเป๋าไว้บัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD มั่นใจทุกครั้งที่ช้อปออนไลน์ กับประกันการซื้อสินค้าออนไลน์ นี่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้คุณอุ่นใจทุกครั้งเมื่อมีการใช้จ่าย นอกจากมีสิทธิประโยชน์เรื่องอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน เมื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านบัตรเครดิต KTC แล้ว บัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD ยังมอบประกันการซื้อสินค้าทุกครั้งที่ช้อปออนไลน์ โดยให้วงเงินประกันสูงสุด 200 ดอลลาร์สหรัฐ บัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM มีสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยที่น่าสนใจ อย่างประกันอุบัติเหตุและประกันการเดินทาง สำหรับบัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟรีค่าธรรมเนียมรายปีทั้งแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ ชำระสินค้าและบริการโดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทาง รวมถึงทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรรับ 1 คะแนน KTC FOREVER อีกด้วย บัตรเครดิต KTC CASH BACK PLATINUM MASTERCARD รับ Cash Back คืนเข้าบัญชีสูงสุด 0.8% ทุกครั้งที่ใช้จ่าย แถมมีประกันภัยซื้อสินค้าออนไลน์ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง บัตรเครดิต KTC CASH BACK PLATINUM MASTERCARD ถือเป็นมิตรแท้ที่ควรมีติดกระเป๋าไว้ นอกจากมีสิทธิพิเศษด้านการผ่อนชำระ 0% นานถึง 10 เดือน ยังมอบ Cash Back คืนเข้าบัญชีสูงสุด 0.8% ทุกครั้งที่ใช้จ่าย รวมถึงมีประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ กรณีไม่ได้รับสินค้าหรือการจัดส่งสินค้าไม่ถูกต้อง บัตรเครดิต KTC – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD บัตรเครดิตสำหรับสายเที่ยว ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% บัตรเครดิตใบใหม่จาก KTC ที่ไม่ได้มีสิทธิพิเศษแค่อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์เท่านั้น บัตร KTC – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD ยังอัดแน่นไปด้วยสิทธิประโยชน์ด้านการเดินทางแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดที่พัก ส่วนลดบนแพลตฟอร์มอโกด้า มื้ออาหารฟรี ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ รวมไปถึงห้องรับรองก่อนขึ้นเครื่อง แม้การผ่อนสินค้าเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่มือใหม่หัดใช้บัตรเครดิตก็สามารถทำได้ แต่การใช้จ่ายด้วยความระมัดระวัง วางแผนการเงินก่อนผ่อนของทุกครั้ง โดยไม่ควรมีค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตเกินกว่า 40% ของรายได้แต่ละเดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของแต่ละคน ที่สำคัญห้ามชำระบัตรเครดิตล่าช้าหรือขาดการจ่ายตามรอบบิล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดดอกเบี้ยแบบไม่รู้ตัว แน่นอนว่า ผ่อน 0% เป็นจุดเด่นของการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า เพราะคุณสามารถผ่อนชำระแบบไม่มีดอกเบี้ยได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เพียงแต่โปรโมชั่นผ่อน 0% ของบัตรเครดิตแต่ละใบ หรือร้านค้าที่ร่วมรายการไม่เหมือนกัน ฉะนั้นหากไม่มั่นใจควรถามพนักงานว่า มีบัตรใบไหนมีผ่อน 0% บ้าง หรือเช็คในแอปพลิเคชันของบัตรที่ถืออยู่ว่า มีดีลร้านใดน่าสนใจบ้าง และให้ระยะผ่อนนานกี่เดือน เพื่อวางแผนในการชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง 2. กำหนดวงเงินต่อรอบบิล ตามปกติวงเงินในบัตรเครดิตจะอนุมัติประมาณ 1.5 ของเงินเดือนขึ้นไป นั่นเท่ากับว่า คุณมีเงินสำรองก้อนหนึ่งอยู่ในมือแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรรูดบัตรจนเต็มวงเงินตั้งแต่รอบแรกโดยไม่มีเงินสำรองจ่าย เพราะอาจกลายเป็นการสร้างหนี้ระยะยาว ดังนั้น การกำหนดวงเงินที่ใช้แต่ละเดือนโดยการประเมินตามกำลังการจ่ายของตัวเอง อาทิ มีวงเงินทั้งหมด 40,000 บาท จำกัดวงเงินอยู่ที่เดือนละ 15,000 บาท เป็นวิธีช่วยป้องกันการรูดบัตรเพลินจนได้รับภาระหนักอึ้งมาเป็นของแถมที่ดีที่สุด 3. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรเครดิตให้เป็นประโยชน์ บัตรเครดิตไม่ได้มีสิทธิพิเศษแค่การผ่อน 0% เท่านั้น ยังมีสิทธิประโยชน์อย่างแต้มบัตรเครดิต รับส่วนลดพิเศษ และการรับเครดิตเงินคืนให้เลือกรับความคุ้มค่าเช่นกัน ซึ่งสิทธิพิเศษเหล่านี้ล้วนมาจากการรูดจ่ายผ่านบัตร อาทิ ใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินที่ร้าน H&M รับคะแนนสะสม x3 เมื่อมียอดใช้จ่ายครบทุก 2,000 บาทต่อเซลส์สลิป พร้อมรับเครดิตเงินคืนเมื่อใช้แต้มบัตรเครดิตเท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ต่อเซลส์สลิป เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถนำแต้มบัตรเครดิตไปแลกรับของกำนัลรูปแบบต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชานมไข่มุก กระเป๋าเดินทาง เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือส่วนลดค่าอาหาร เรียกว่า ทุกการใช้จ่ายของคุณคืนกลับมาเป็นส่วนลดในครั้งต่อไปนั่นเอง ซื้อของออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ได้ของ ได้ส่วนลด ได้พอยท์เพียบ...กรอกข้อมูลที่นี่ 4. รูดบัตรเครดิตให้ถูกใบ ปัจจุบันสถานบันการเงินจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการ อย่างห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ค่ายรถยนต์ หรือสายการบิน ออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่ให้สิทธิพิเศษเฉพาะ เพื่อมาใช้จ่ายกับพาร์ทเนอร์ของบัตรใบนั้น ๆ อาทิ
เรียกว่า ปัจจุบันมีบัตรเครดิตที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ให้เลือกใช้มากมาย ฉะนั้นถ้าเลือกใช้งานบัตรถูกใบ ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของคุณได้เพิ่มขึ้น แนะ 3 ทริคผ่อนจ่ายบัตรเครดิต ยังไงให้หมดเร็ว1. จ่ายบิลเต็มจำนวน แม้ว่ารอบบิลบัตรเครดิตจะอนุโลมให้ทยอยจ่ายขั้นต่ำของยอดที่เรียกเก็บ แต่ทางที่ดีควรจ่ายเต็มตามยอดใช้จ่ายจริง เพราะการแบ่งจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ เดือนดอกเบี้ยจะพอกพูนเป็นเงินต้น เมื่อถูกนำมาคิดรวมกับดอกเบี้ยที่เพิ่มพูนอาจกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้ แต่ถ้าจ่ายเต็มจำนวนไม่ไหวจริง ๆ ขอให้ชำระบิลเยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ 2. จ่ายบิลให้ตรงเวลาทุกครั้ง การจ่ายเงินคืนบัตรเครดิตตามที่กำหนดในสรุปยอดบิล หรือจ่ายก่อนวันครบกำหนดชำระ ซึ่งการจ่ายบิลตรงเวลาทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ยังเป็นการเพิ่มเครดิตให้ตัวเองในการยื่นขอสินเชื่อในอนาคตอีกด้วย |