ผมไม่ได้จบปริญญาระดับใดๆ ในด้านการศึกษา แต่ชีวิตก็ต้องมาทำงานด้านการศึกษา......และแม้ว่าการศึกษาที่ผมเกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย แต่ส่วนหนึ่งของงานที่ทำก็ต้องไปเชื่อมโยงสัมพันธ์กับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการอาชีวศึกษา........ จึงกล่าวได้ว่าพอจะมีความรู้และความเข้าใจในปัญหาและความเป็นไปเรื่องการศึกษาไทยอยู่ในระดับหนึ่ง....และจึงถูกแต่งตั้งมอบหมายจากหลายระดับ ทั้งระดับชาติ สถานศึกษา และท้องถิ่นท้องที่ ให้รับหน้าที่ทำนั่นทำนี้ด้านการศึกษา ทั้งจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน จนทำแทบไม่ทันก็ว่าได้.....เข้าข่ายพอจะเรียกตัวเองได้ว่า.....เป็นนักการศึกษาเทียม....... ทำงานไปทำงานมาก็รู้ว่าไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหาและพัฒนาการศึกษาไทย เพราะมีกับดักและอุปสรรคมากมายคอยเป็นตัวขวางกั้น...... เราชื่นชมกันว่าการศึกษาของประเทศฟินแลนด์อยู่ในขั้นชั้นแนวหน้า เป็นอันดับหนึ่งในด้านการศึกษาของโลก....จากประสบการณ์การทำงานในด้านการศึกษาของไทย และได้ติดตามความเป็นไปพร้อมทั้งเคยไปศึกษาดูงานด้านการศึกษาของฟินแลนด์มา เคยสรุปไว้ในใจที่วันนี้ขอเปิดเผยว่าเราน่าจะทำได้สัก 20% หรืออย่างมากไม่เกิน 30% ของการศึกษาในฟินแลนด์ ที่เหลือส่วนใหญ่ 70-80% การศึกษาไทยจะเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม...... การศึกษาในฟินแลนด์เขาเป็นอย่างไรโปรดดูในภาพข้างล่าง และลองหลับตานึกดูว่าการศึกษาไทยเป็นไปในทางตรงกันข้ามตามที่ผมว่าหรือไม่....... ท่านที่จบปริญญาด้านการศึกษามาตรงๆ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นนักการศึกษาแท้ อาจเห็นแย้งเห็นต่าง และอาจเอนเอียงเข้าข้างระบบการศึกษาไทยว่าเดินหน้าไปไกลมากแล้ว ก็เป็นสิทธิ์ที่จะคิดเห็นได้ แต่ในสายตานักการศึกษาเทียมอย่างผมและผู้คนที่สนใจทางด้านการศึกษาอีกมากมาย เท่าที่ได้ถกแถลงและวิเคราะห๋กันมาคงให้น้ำหนักความเหมือนและความต่างได้....ไม่ไกลจากที่ผมว่าไว้นี้แหละครับ...... เพราะสิ่งที่ระบบการศึกษาของฟินแลนด์เชื่อ ก็คือ เราไม่สามารถใช้ข้อสอบเดียวในการวัดผลคุณภาพของเด็กได้ทุกคน ดังนั้น การจัด Ranking ของโรงเรียนจึงไม่มีในฟินแลนด์ อย่างไรก็ตาม การประเมินยังคงมีอยู่ ซึ่งจะให้ครูที่โรงเรียนมีหน้าที่ในการประเมินเด็กแต่ละคน Cr. thisisFINLANDสิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ถ้าเราคิดว่าครูจะมีหลักเกณฑ์จากกระทรวงศึกษา เพราะครูในฟินแลนด์ จะมีอิสระอย่างมากในการออกแบบหลักสูตร วิธีการประเมิน และรูปแบบการสอน ดังนั้น การศึกษาของฟินแลนด์จะเป็นรูปแบบ นักเรียน > ครู > กระทรวง นอกจากนี้ สิ่งที่ระบบการศึกษาของฟินแลนด์เชื่อ คือ เด็กทุกคนต้องมีความเท่าเทียมกันในด้านการศึกษา ไม่ว่าฐานะทางบ้านจะแตกต่างกันเท่าไหร่ก็ตาม ดังนั้น เด็กกว่า 97% ในประเทศฟินแลนด์จะถูกดูแลอยู่ภายใต้โรงเรียนที่บริหารงานโดยรัฐบาล ไม่ใช่กลุ่มของนักการเมือง หรือกลุ่มทุนกลุ่มใดเป็นพิเศษ เด็กนักเรียนที่มีฐานะต่างกันจะได้เรียนหนังสือด้วยกัน และพวกเขาจะโตขึ้นมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ดังนั้นพวกเขาจะเข้าใจความหลากหลาย และเรื่องนี้สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ แล้วระบบการศึกษาของฟินแลนด์แบ่งเป็นอย่างไรบ้าง? 1. Early childhood ช่วงก่อนเข้าเรียน 2. Basic education ซึ่งเป็นภาคบังคับ สำหรับเด็กอายุ 7-16 ปี Cr. Morocco World News3. Upper education เด็กสามารถเลือกได้ว่าอยากเรียนภาคทั่วไป หรือ อาชีวศึกษา 4. Higher education ถ้าเทียบกับบ้านเราคือระดับมหาวิทยาลัย Cr. Education Technologyอ่านมาถึงตรงนี้ ที่มี ชั้นอนุบาล, ประถม, มัธยม และมหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่ต่างอย่างเห็นได้ชัด คือ วิธีการในการสอนนักเรียน ถ้าให้เปรียบ ระบบการศึกษาของเราเป็นเหมือน “ตะแกรง” เรากำลังเอาตะแกรงไซซ์ที่รัฐบาลกำหนด มาร่อนเด็กออกไป โดยมองว่าเด็กเหล่านั้นไม่ใช่ก้อนหินที่รัฐบาลต้องการ ฟินแลนด์ถูกยกย่องว่ามีการศึกษาที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาโดยตลอด ซึ่งระบบการศึกษาฟินแลนด์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนมากที่สุด ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศได้ระบุว่า ฟินแลนด์ยังเตรียมที่จะปรับการเรียนการสอนจากเรียนเป็นวิชา ไปเป็นเรียนตามหัวข้อด้วย โดยนักเรียนที่นั่นจะไม่ต้องเรียน สังคม คณิตศาสตร์อย่างละชั่วโมง แต่จะเป็นการเรียนรู้เช่น ชั่วโมงนี้เรียนด้านการบริการในร้านอาหาร เด็ก ๆ ก็จะได้ใช้ความสามารถแบบผสมผสาน ทั้งใช้การคิดเงิน การสื่อสารกับลูกค้า และการจัดการอารมณ์ด้วย Sophia Faridi นักการศึกษาจากสหรัฐฯ ได้เข้าไปดูระบบการศึกษาของฟินแลนด์ และพบว่า 13 ข้อที่ทำให้การศึกษาฟินแลนด์ประสบความสำเร็จก็คือ
1. การเรียนที่ฟินแลนด์เน้นไปที่การเล่น เพราะคิดว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีผ่านการเล่นและการค้นพบด้วยตนเอง ครูจึงไม่เพียงแต่อนุญาตให้เล่นได้แต่ยัง สนับสนุนให้เด็กๆ เล่นด้วย จึงไม่แปลกที่แม้จะอยู่ระดับมัธยมศึกษาแล้ว ยังจะเห็นเด็กโตนั่งเล่นวิดีโอเกมส์ที่ student center
2. การสอบไม่ได้เป็นไปแบบเอาเป็นเอาตาย โรงเรียนที่นั่นเชื่อว่า หากต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือจนไม่มีเวลา จะทำให้ไม่เวลาคิดอย่างอิสระ แต่จะมีการประเมินความรับผิดชอบของเด็กตลอดการเรียนการสอนแทน
3. ความเชื่อใจ เป็นสิ่งที่ Faridi เห็นว่าแตกต่างที่สุดจากประเทศอื่น ๆ เพราะรัฐบาลของฟินแลนด์เชื่อมั่นในเขตการปกครองย่อย ๆ ของตนเอง และหน่วยปกครองย่อยก็เชื่อมันในโรงเรียน ลงไปถึงครู ครูก็ไว้ใจนักเรียนตัวเอง ในทางกลับกัน ผู้ปกครองจะก็เชื่อมั่นในครูมาก เทียบเท่ากับอาชีพแพทย์เลย
4.แต่ละโรงเรียนไม่แข่งกันเอง ไม่มีการจัดลำดับโรงเรียน เพราะเชื่อว่าทุกโรงเรียนนั้นดีเท่ากัน
5. การคัดเลือกก่อนที่จะเป็นครูนั้นเข้มงวด เหตุผลหนึ่งที่ครูได้รับความไว้วางใจมากเพราะการคัดเลือกนั้นเข้มงวดมาก ต้องเป็นระดับหัวกะทิเท่านั้นถึงจะได้เป็นครู และไม่ใช่ว่าแค่ได้คะแนนทดสอบสูงเท่านั้น ต้องผ่านการสัมภาษณ์ด้านศีลธรรมรวมถึงถามถึงแรงบัลดาลใจในการเป็นครูด้วยและจะต้องจบปริญญาโทเท่านั้น
6.เวลาส่วนตัวของเด็กนั้นสำคัญ เพราะทุก ๆ 45 นาที เด็กจะมีสิทธิ์พักส่วนตัว 15 นาทีตามกฎหมาย เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้นั้น จะสำเร็จได้หากผู้เรียนได้รับการผ่อนคลายเป็นช่วงเวลา
7.น้อยแต่ดี เด็กจะไม่ต้องเข้าโรงเรียนจนถึงอายุ 7 ขวบ และระยะเวลาเรียนระหว่างวันยังสั้นอีกด้วย เช่นเรียนประมาณ 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ในระดับประถมศึกษา
9.เรียนสายไหนก็ได้รับการยอมรับ เมื่อหลังจากอายุ 16 ปีเด็กสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนสายสามัญหรืออาชีพ แต่ทั้งสองสายได้รับการยอมรับสูงในสังคมฟินแลนด์ และสามารถต่อมหาวิทยาลัยได้
10.ระบบการศึกษามีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งครูจะเป็นผู้สอนตามหลักสูตร โดยแล้วแต่ครูจะสร้างสรรค์ค์ แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
11.จะไม่มีการตัดสินเกรดจนถึง ป.4 เพราะเน้นการเรียนรู้มากกว่า
12.จริยธรรมจะถูกสอนตั้งแต่ยังเล็ก แม้เด็กเล็กจะเรียนจริยธรรมจากห้องเรียนสอนศาสนาอยู่แล้ว แต่ก็จะมีนักเรียนบางส่วนที่ไม่ได้นับถือศาสนา ก็จะต้องเข้าเรียนวิชาจริยธรรม
13. มีสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนความร่วมมือกัน โดยแต่ละห้องเรียนนั้นอาจมารวมกันในพื้นที่หนึ่งๆ เพื่อที่จะให้เด็กต่างระดับชั้นได้เรียนร่วมและแลกเปลี่ยนกันโดยไม่แบ่งแยก รวมถึงครูยังได้ร่วมกันช่วยเป็นที่ปรึกษาให้เด็กเหล่านี้ด้วย |